Jump to content


Pasitnat

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2557 11:38
-----

#327567 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย amplepoor on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:46

หากศาลจะตัดสินแล้วมีผลให้ยุบพรรค ก็จะถือว่าเป็นการตัดสินที่รวดเร็วมาก และสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเงื่อนไขในการลุกฮือของมวลชนเสื้อแดงที่เตรียมกำลังพร้อมอยู่แล้ว หากเป็นกรณีเช่นนี้ ศาลต้องมั่นใจแล้วว่า พร้อมรับมือกับเหตุการณ์รุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น


ถ้าเสื้อแดงลุกฮือ

คนปราบคือยิ่งลักษณ์........... ครั้งนี้ศาลโหดนะครับ


#327566 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย amplepoor on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:44

ผมไล่ไปทีละเปลาะนะครับ

1
คดีนี้ ศาลรู้จุดจบตั้งแต่รับฟ้องแล้วครับ
ถ้าศาลอยากให้เรื่องราบคาบ ก็เพียงแต่ไม่รับฟ้องเท่านั้น
ผู้ร้องยอมรับคำตัดสินอยู่แล้ว

2
ทันทีที่รับฟ้อง เพื่อไทยและนปช. เดือดแทบระเบิด
เพราะทราบดีว่า ผลออกมา 50/50 แต่ถ้าแพ้ ถึงยุบพรรค
เรื่องยุบพรรคนี่ พูดกันโดยเปิดเผยจากทุกฝ่าย

3
ศาลตั้งธงในการพิจารณาไว้ 4 ข้อ
ข้อสำคัญคือ ต้องพิจารณาว่า การดำเนินการของรัฐบาล ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่

4
การไต่สวน ตุลาการเองตะล่อมคำให้การไปสู่จุดที่จะตัดสินได้ชัดๆ
ตรงที่สมศักดิ์จนมุมนั่นแหละครับ

5
ตามแนวทางนี้ เพื่อไทยไม่มีใครยืนยันได้ว่า รัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นอย่างไร
อันนี้ผิดจาก 291 ของรัฐธรรมนูญ ที่ให้เอามาตราที่ต้องการแก้มาอภิปราย
เพื่อไทยไม่ได้ทำตามนี้นะครับ เขาเอาญัตติว่าจะแก้ 291 มาผ่านมติเท่านั้นเอง

แต่รัฐธรรมนูญกำหนดกระบวนการต่อเนื่องว่า เมื่อลงมติแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อไป
ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ทำเลย

เว้นแต่ผมตีความผิด แต่ถ้าเป็นไปตามลำดับความของผม
ศาลรัฐธรรมนูญ ต้องตัดสินว่า ให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ 291 ต่อไป
หรือหยุด

ถ้าหยุด อันนี้สถานีสุดท้ายคือยุบพรรคตาม ม.68 ครับ


#327555 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย amplepoor on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:25

มาตรา 291 กำหนดให้แก้รายมาตรา

แต่เพื่อไทย ขอแก้ 291 ให้มีการตั้งสสร. เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ)บับใหม่
แค่นี้ก็ผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แล้ว

ตามรัฐธรรมนูญ จะต้องยื่นญัตติขอแก้ไข แล้วนำเข้าพิจารณารายมาตรา
เช่นจะแก้ 291 เป็นอย่างไร...เป็นต้น

แถมงานนี้มีประชาชนยื่นขอแก้ด้วย ก็ต้องทำประชามติกับพวกที่ยื่นด้วย


#327554 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย Solidus on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:25


คิดว่า ไม่ยุบครับ แต่น่าจะให้กรอบการแก้ รธน ที่เข้มงวด จนแก้ไม่ได้ หรือทำให้ไม่ได้แก้


ศาลตั้งธงไว้แล้วครับ 4 ประเด็น
คำตัดสินจะออกมาเพียง ชอบหรือไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ

ไม่มีช่องให้วางกรอบอะไรทั้งนั้น
เพราะศาลไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

อนึ่ง กรอบนั้น ในรัฐธรรมนูญก็มีกำหนดในมาตรา 291 ชัดเจนอยู่แล้ว

คาดว่าทางพรรคเพื่อไทยอาจได้ยืดเวลาหน่อยครับ เพราะผู้ร้องต้องนำคำวินิจฉัยไปยื่นยุบพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองอีกที :lol: :lol: :lol:


#327550 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย amplepoor on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:20

คิดว่า ไม่ยุบครับ แต่น่าจะให้กรอบการแก้ รธน ที่เข้มงวด จนแก้ไม่ได้ หรือทำให้ไม่ได้แก้


ศาลตั้งธงไว้แล้วครับ 4 ประเด็น
คำตัดสินจะออกมาเพียง ชอบหรือไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ

ไม่มีช่องให้วางกรอบอะไรทั้งนั้น
เพราะศาลไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

อนึ่ง กรอบนั้น ในรัฐธรรมนูญก็มีกำหนดในมาตรา 291 ชัดเจนอยู่แล้ว


#327547 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย Solidus on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:16

ฮาพวกหางแดงจริง ๆ ศาลใช้ระบบไต่สวนดันจะห้ามไม่ให้ศาลตั้งคำถามอีก สงสัยจะเคยชินกับระบบกล่าวหามากไป

คิดว่าไม่ยุบครับ แต่อาจเปิดช่องให้นำคำวินิจฉัยไปร้องขอให้ยุบได้อีกที :lol: :lol: :lol:


#327543 ศุกร์ 13 ยุบไม่ยุบ

โดย Bourne on 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:13

คิดว่า ไม่ยุบครับ แต่น่าจะให้กรอบการแก้ รธน ที่เข้มงวด จนแก้ไม่ได้ หรือทำให้ไม่ได้แก้


#326111 ลิโป้ สุมาอี้ ปลายอ้อ กับคำสารภาพของซุปตาร์แดง

โดย ศรอรชุน on 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 13:41

ในศึกที่โจโฉจะเข้ายึดเมืองกุนจิ๋วคืนจากลิโป้

เมื่อทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน โจโฉเอาแส้ม้าชี้หน้าลิโป้ แล้วว่า...


"ตัวกับเรา จะได้มีความผิดกันสิ่งใดหามิได้ เป็นไฉนตัวจึงยกทหารมาตีเอาเมืองเรา"

ลิโป้จึงตอบโจโฉเป็นสุนทรพจน์อันบันลือลั่นสนั่นโลก

เป็นแบบอย่างของการแสดงเหตุผลแบบนักเลงโตที่น่าขันว่า …


"เมืองเหล่านี้เป็นของพระเจ้าเหียนเต้

ก็เหมือนหนึ่งของคนทั้งปวงซึ่งอยู่ในแผ่นดิน

ถ้าผู้ใดมีบุญแลเข้มแข็ง ก็จะครอบครองเมืองได้เหมือนกัน

เหตุใดท่านจึงว่าบ้านเมืองนี้เป็นของท่าน หามีความละอายไม่"

โจโฉแม้ว่าจะเป็นคนเจ้ากลอุบายและเฉลียวฉลาด

แต่ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเหตุผลเช่นนี้อยู่ในโลก

และไม่คาดคิดว่าลิโป้จะยกเหตุผลอันพิสดารมาแก้ตัว และด่าว่าตัวเองกลับมาเช่นนี้

จึงจำนนต่อถ้อยคำ คิดไม่ออกว่าจะหาเหตุผลที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่านี้ไปตอบโต้ได้อย่างไร...


ส่วนลิโป้ก็กระหยิ่มยิ้มย่อง ที่เห็นโจโฉนิ่งอย่างนั้น

และภูมิใจในความฉลาดของตนเองเป็นอย่างยิ่งโดยหารู้ไม่ว่า

สิ่งที่พูดไปนั้น คนส่วนใหญ่กลับคิดว่าเป็นสิ่งโง่งม...



ลิโป้ เป็นผู้มี "ฝีมือกล้าแข็ง" แต่ "อับจนสติปัญญา"


ปลายอ้อ เลือกเอา ส่วนใดของลิโป้ หนอ...???

...........................................................


ในการรบครั้งสุดท้าย ระหว่างขงเบ้งกับสุมาอี้ (จ๊กก๊ก ยกทัพ บุกวุยก๊ก ครั้งที่ 6)

ขงเบ้งต้องการเผด็จศึกโดยเร็วเพราะมีแม่ทัพเก่ง ๆ เยอะ แต่มีเสบียงน้อย

ในขณะที่สุมาอี้นั้นมีเสบียงมากมาย ประกอบกับสุมาอี้เกือบตายในกองเพลิง

ตอนโดนอุบายของขงเบ้ง แต่รอดชีวิตมาได้เพราะฝนตกลงมาช่วยชีวิต

จึ่งครั่นคร้าม และไม่ยอมออกมารบ...

ขงเบ้งได้ส่งคนท้าทายสุมาอี้หลายต่อหลายครั้ง

จนขนาดส่งซับในสตรีเยาะเย้ยให้

สุมาอี้ก็ไม่ว่ากระไร กลับนำซับในสตรีนั้นมาสวมต่อหน้าที่ประชุมแม่ทัพนายกอง

เพื่อไม่ยอมออกรบ...

นี่จึงเป็นที่มาฉายา “ดำด้าน” คือ ใจดำ หน้าด้าน ของสุมาอี้

สามก๊ก โดยเรือง วิทยาคม ถึงกับรำพันว่า


“คนดีก็ไม่น่ากลัว คนชั่วก็ไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวมากที่สุดก็คือคนหน้าด้าน”


สุมาอี้ มี "ความฉลาดหลักแหลม" แต่คุณสมบัติสำคัญอีกประการคือ “หน้าด้าน”

ปลายอ้อ เลือกเอาส่วนใดของสุมาอี้ หนอ...???



Posted Image


คนผู้หนึ่งไม่อาจหนีตัวเองได้
ความผิดพลาดของตัวเอง
ความเสียใจของตัวเอง
ความรับผิดชอบของตัวเอง
ล้วนแต่หนีไม่ได้
เนื่องเพราะนั่นคล้ายเป็นเงาของตัวเอง
ซึ่งติดตามตนไปทุกแห่งหน ไม่อาจหนีรอดได้เด็ดขาด...
......................................................... - โกวเล้ง -

ต่อไปนี้ทุกครั้งที่คุณปลายอ้อแต่งนิยาย ให้ร้ายผู้อื่น
ใช้ความเห็นส่วนตัว ตัดสินเรื่องใดก็ตาม โดยไม่มีข้อเท็จจริง
นามบัตรใบนี้ จะตามไปเตือนสติคุณทุกที่ บ้านราษฎร์.. ราชดำเนิน.. หรือที่อื่นๆ..
.............................................................สมาชิกเสรีไทยและ ศรอรชุน ...




#326444 นำเรียนเพื่อนสมาชิกแดง ผมอยากทราบคุณงามความดีของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ทีครับ

โดย emujack on 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:29

0. สิ่งที่สมัยรัฐบาลทักษิณเตรียมการฮุบให้ตัวเองและพวกพ้อง
- เอา กฟผ เข้าตลาดหลักทรัพย์ (แต่ทำไม่สำเร็จ ถูก คุณรสนาฟ้องศาลปกครองระงับไว้ได้)
- กระทรวง ICT โดยสรอรรถ กลิ่นประทุม แก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นบริษัทโทรคมนาคมได้เป็น 49% จาก 25% อ้างต้องการเทคโนโลยีต่างชาติ (พรฎ.ออกวัน เสาร์ พอวันจันทร์เทมาเส็กประกาศถือหุ้นชิน 49%)
- แยกการบินไทย เป็น 5 บริษัท เพื่อให้พรรคพวกเข้ามาถือหุ้น

1. นโยบาย บริโภคนิยม ส่งเสริมหนี้ภาคครัวเรือน ฟุ้งเฟ้อ มอมเมาประชาชน และรัฐไม่เคยแถลงผลสำเร็จ
- กองทุนหมู่บ้าน (ชาวบ้านกู้ไปล้างหนี้นอกระบบและใช้จ่ายบริโภค ถึงเวลาคืนหามาคืนไม่ทันก็กู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยแพงมาคืน หนี้สินก็เลยพอกพูน ล้นพ้นตัว)
- ธนาคารประชาชน (ชาวบ้านกู้ไปใช้จ่ายบริโภค ซื้อโทรศัพท์มือถือ, มอเตอร์ไซค์ เอาไปลงทุน กี่ % ผลสำเร็จเป็นอย่างไร? รู้ๆกันอยู่)
- แปลงสินทรัพย์เป็นทุน (เรียกซะไพเราะ จริงๆมันก็คือ การเอาที่ไปจำนองนั่นแหละ รัฐบาลหลอกประชาชนหน้าโง่อีกแล้ว)
- หวยบนดิน (มอมเมา กระตุ้นกิเลสประชาชน ให้หลงไหลมัวเมาในอบายมุข แทนที่จะสอนให้ทำมาหากิน หลีกหนีห่างจากอบายมุข)
- ออกหวยซื้อหุ้น Liverpool (ของเล่นคนรวย ที่หลอกเอาเงินคนจนไปซื้อ)
- เปิดบ่อนเสรี (มอมเมา กระตุ้นกิเลส ประชาชน ส่งเสริมอบายมุข)
- เปิดเสรีสุรา (หนี้สิน,โรคภัย, เมาแล้วขับ, ข่มขืน, เพื่อน-พ่อแม่-พี่น้อง ฆ่ากันตายเพิ่มขึ้น คือผลที่ได้)
- เอาเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น (เกมสกัดเบียร์ช้าง/มอมเมาประชาชน เปิดทางล่อให้ประชาชนมาต่อต้านแล้วตัวเองจะได้เอา กฟผ เข้าตลาดฯอย่างสะดวก)
- กทม. เมืองแฟชั่น (ฟุ้งเฟ้อ ฟุ้มเฟือย แต่งหวิว สายเดี่ยว เกาะอก ลงเอย หนี้สิน, ข่มขืน)
- ครีมหน้าเด็ง (สอนราชการทำธุรกิจ ให้ประชาชนฟุ้งเฟ้อไร้สาระ)
- บัตรสมาชิก ไทยแลนด์อีลิทการ์ด (จะหลอกเอาเงินคนต่างชาติ แต่เขาไม่โง่)
- Complex Entertainment (อบายมุกครบวงจร)
- Mega Project (งบประมาณ 1.7 ล้าน ล้านบาท ถลุงเงินงบประมาณแผ่นดิน ผันเงินลงระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นให้คนใช้จ่าย ฟุ้งเฟ้อ)
- ส่งเสริมเงินกู้ทั้งในและนอกระบบ (Bank & Non-Bank กลบเกลื่อนเพื่อให้ออกนโยบายสนับสนุนธุรกิจตัวเอง Capital OK)
- ใช้งบประมาณแผ่นดินหาเสียง (ทัวร์นกขมิ้น หลอกหาเสียงโดยสัญญาว่าจะให้ พอเอาเข้าจริงไม่อนุมัติงบ อ้างโครงการไม่จำเป็น)
- โครงการจัดทำ Computer Notebook แจกเด็กอนุบาลและเด็กประถม

* *ความจริงสิ่งที่รัฐควรจัดให้ และชาวบ้านต้องการคือ ทักษะความรู้ ความสามารถ และโอกาสในการทำมาหากิน การอยู่อย่างพอเพียง
ช่องทางในการประกอบอาชีพ-ทำธุรกิจ ทำเงิน ได้ด้วยตนเอง ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพารัฐและคนอื่น
แต่ทักษิณต้องการสร้างกระแสความนิยมทางลัด จึงใช้วิธีสกปรกหลอกลวงชาวบ้านอย่างฉาบฉวยให้รักและศรัทธาตัวเองด้วย"อบายมุข"ที่ชาวบ้านชอบและด้วย กุศโลบายที่แยบคาย
อย่างนี้ไม่เรียกว่า"ชั่ว"แล้วจะเรียกว่าอะไร ไม่จริงใจ แต่หลอกชาวบ้านเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ให้คนมาสนับสนุนตนเองมากๆ เพื่อสร้างฐานอำนาจด้วยวิธีการ แบบ"ชั่วๆ"

2. นโยบายสร้างภาพ หาเสียง ฉาบฉวย หลอกลวง และรัฐไม่เคยแถลงผลสำเร็จ
- พักหนี้เกษตรกร (พักเพื่อให้เกษตรกรก่อหนี้เพิ่ม)
- ปฏิรูปการศึกษา (เปลี่ยนรัฐมนตรีแล้ว 7 คนก็ยังไม่สำเร็จ)
- จัดระเบียบสังคม (ฉาบฉวย สร้างภาพ โดยเฉพาะตุ้ยนุ้ยเครือญาติช่อง3 ออกไปตรวจราชการแต่ละทีหิ้วพริตตี้ตามไปครั้งละ2-3คน)
- ผู้ว่า CEO (สถานะภาพเป็น รัฐบาลหุ่น เชิดได้ คิดเองไม่เป็น รอคำสั่งโง่ๆอย่างเดียว)
- ปราบปรามผู้มีอิทธิพล (เพื่อให้ตัวเองและเครือญาติ พวกพ้อง มีอิทธิพลเพียงกลุ่มเดียว)
- ลงทะเบียนคนจน (รอไปเรื่อยๆก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังจนอยู่ ทักษิณเคยตอบคำถามเสนาะ เทียนทอง ว่า ยังไม่รู้เลยพี่ว่าลงทะเบียนแล้วจะทำอย่างไรต่อ โถ่พี่ แค่พูด ออกไปแค่นี้ก็แย่งคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นกองแล้ว)
- ส่ง 23 รมต. แก้ปัญหาภาคใต้ (แต่ไม่มีใครไป)
- ไปนอนวัดที่ จ.ปัตตานี (พร้อมทหารคุ้มกัน 1 กองพัน)
- ไปนอนที่สนามบินสุวรรณภูมิ (นโยบายสร้างภาพ อาบน้ำนุ่งผ้าขาวม้าให้ถ่ายรูป)
- จะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 5 % ภายในตุลาคม 2548 (ภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุริยะฯ)
- ทำกับข้าวโชว์, กินไก่โชว์ (นโยบายสร้างภาพ เอาใจซีพีนายทุนใหญ่)
- ปล่อยข่าวตั้งจังหวัดสุวรรณภูมิเป็นจังหวัดที่ 77 (เพื่อให้ที่ดินราคาขึ้นพรรคพวกจะได้ขายมีราคา)
- ออกนโยบายชักดาบ (ทำแฮร์คัทให้รากหญ้าที่มีหนี้ไม่เกิน 2 แสนบาท-สงเสริมคนด้วยวิธีผิดๆ)

3. นโยบายเพ้อฝัน และการกระทำสิ้นคิดของ นายก และคนในสมัยรัฐบาลทักษิณ
- เปิดบ่อนเสรี
- ซื้อหุ้น Liverpool
- เปลี่ยนนาข้าวเป็นนากุ้ง (ทำให้น้ำและดินเน่าเสีย)
- สร้างคอนโดเป็นบ้านพักคนชรา (ให้อาศัยอยู่ห้องทึบในตึกสูง)
- ตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ อ.เชียงแสน (แหล่งโบราญสถาน)
- สส.รัฐบาลเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน
- โภคินนั่งเก้าอี้ ประธานรัฐสภา ยกมือเลือกนายก (ไม่เหมาะสม ไม่เป็นกลาง)
- ทักษิณ เป็นประธานประกอบพิธีศาสนา ในพระอุโบสถวัดพระแก้ว (ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงประธานต้องเป็นกษัตริย์ เท่านั้น )
- ประชุม ครม. บนรถไฟ (ไปเที่ยว)
- ประชุม ครม. บนประสาทพนมรุ้ง และนั่งช้างสร้างบารมี (ตามคำแนะนำของหมอผีเชื้อสายเขมร ชื่อพม่า)
- ยึดและฟ้องผู้ทำสติกเกอร์ “ยิ่งรวยยิ่งโกง” (อ้างหมิ่นฯ โยนผิดให้ฝ่ายค้าน)
- กำหนดแบ่ง Zone พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เป็น 3ระดับ (3 สี แดง, เขียว, เหลือง)
- ย้าย 3 ข้าราชการที่ไม่สนองนโยบายขายลำไย ไปประจำใน 3 จังหวัดภาคใต้
- ติด UBC 3 จังหวัดภาคใต้
- เปลี่ยนเพลงชาติไทยใหม่ มีให้เลือก 6 แบบ (แต่งโดยแกรมมี่)
- พานทองแท้ลอกโพยข้อสอบที่ ม.ราม
- นโยบายให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาพักร้อนไปเที่ยวในวันทำงาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (สนับสนุนให้ข้าราชการ ทิ้งงานไปเที่ยว)
- แย่งน้ำที่ขาดแคลนจากภาคเกษตร ไปให้ภาคอุตสาหกรรมที่ จ.ระยอง
- ปิดถนนแข่งรถซิ่ง - ให้ไปซิ่งแข่งกันในสนามแข่ง (นโยบายนายวัฒนา เมืองสุข ลูกเขยซีพี)
- โครงการ อาชีวะปราบขอทาน
- นโยบายปิดปอเนาะทั่วประเทศ
- ประธาน สว. สุชนฯ จะฟ้องประชาชน ที่วิจารณ์การแต่งตั้งผู้ว่า สตง. (คนลืมตัว เหมือนวัวลืมตีน)
- เปลี่ยนสนามบินดอนเมือง เป็นสนามเทนนิส
ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 4 ลำ บินไล่นก ตอนนายกทดสอบนำครื่องลงสนามบิน สุวรรณภูมิ ในรูปแบบพิธีเปิดสนามบินที่ยิ่งใหญ่ (ขี่ช้างจับยุง)
- ต่ออายุน้องเขย "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เป็นปลัดยุติธรรมเป็นครั้งที่ 3
- นโยบายควบคุมการทำโพล ก่อนทำต้องขออนุญาต สนง สถิติ ล่วงหน้า 5 วัน
- นายกฟ้องนายสนธิเรื่องนำคำเทศนาหลวงตาบัวมาเผยแพร่ว่าตนเป็นเทวทัต แต่บอกไม่ฟ้องหลวงตาบัว เพราะนายกเมตตาพระหลวงตาบัว
- ขัดขวางไม่ให้ กทม. จัดสร้างส่วนต่อเชื่อมรถไฟฟ้าไปฝั่งธนบุรี (กลัวประชาธิปัตย์ได้หน้า)
- ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ (ให้สิงคโปร์เช่า)

4. ทุจริต หรือส่อเจตนาทุจริต
- คดีซุกหุ้น (โอนให้คนรับใช้ คนขับรถ)
- ค่าโง่ทางด่วน
- ค่าโง่ ITV
- บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน
- โครงการรับจำนำข้าว
- โครงการรับซื้อลำไย
- โครงการโคล้านตัว
- โครงการแจกต้นกล้ายาง
- เครื่องตรวจระเบิด CTX
- ที่จอดรถ สนามบินสุวรรณภูมิ
- โครงการย้ายที่ตั้งรัฐสภาไปรังสิต (บ.ไทยเมล่อน ที่ดินของปองพล อดิเรกสาร)
- จัดตั้งนครสุวรรณภูมิ (จังหวัดที่ 77) เลียนแบบ สิงค์โปร, ฮ่องกง (เพิ่มมูลค่าที่ดินให้พวกพ้องและหลอกขายให้ชาวบ้าน)
- สายรัดข้อมือ “เรารักในหลวง” ขายหมดแล้ว แต่ไม่มีเจ้าภาพ มีแต่ข่าวนายกโฆษณา ไม่มีข่าวการถวายเงิน
- ขายหุ้นไม่เสียภาษี 73000 ล้านบาท

5. เหตุการณ์ และคดีที่มีเงื่อนงำ และเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล
- ชิปปิ้งหมูถูกฆ่าตาย (ออกมาเปิดเผยการนำเข้าอุปกรณ์ดาวเทียมไทยคมอย่างผิดกฎหมายโดยการเลี่ยงภาษี)
- ธค. 45 ตำรวจทุบตีทำร้ายผู้ชุมนุมคัดค้าน โครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งกำลังละหมาด
- มิย. 44 ช่วงคดีซุกหุ้น นายกสร้างภาพ ให้เกียรติร่วมวงอาหารพื้นบ้านกับสมัชชาคนจนหน้าทำเนียบ
- มค. 46 สั่งตัดน้ำตัดไฟ ห้ามชุมนุม และรื้อหมู่บ้านแม่มูลมั่นยืนหน้าทำเนียบ สมัชชาคนจนถูกขับไล่เหมือนหมู เหมือนหมา
- ตค. 46 เจ้าหน้าที่ 2000 นายพร้อมอาวุธครบมือ สลายการชุมนุมของคนจนไร้ที่ทำกินที่ จ.กระบี่
- บิดพลิ้ว และบิดเบือน ผลการศึกษาผลกระทบกรณีเขื่อนปากมูล ของ ม.อุบลราชธานี
- อุ้มทนายสมชาย นีละไพจิต
- กรือเซะ, ตากใบ
- ฆ่าตัดตอนคดียาเสพติด 2500 กว่าศพ
- ตำรวจบุกทุบทำลายบ้านฉลอง เรี่ยวแรง (ก่อนวันสอบซ่อม สส. นนทบุรี)
- จับยาบ้าผิดตัว ตำรวจบุกยิงถล่มชาวบ้านอยุธยา (บ้าน/ตู้เย็น พรุ่นทั้งหลัง จนมีคนได้ฉายา ยุทธตู้เย็น)
- ข้อสอบ Ent. รั่ว (ก่อนอุ้งอิ๋งติดจุฬาฯ)
- คุณหญิงพจมาน ชินวัตร กว้านซื้อที่ดินหลายพันไร่ ทั้งใน กทม.(แถวศูนย์วัฒนธรรม) และต่างจังหวัด
- นายนิธินันท์ หรือ ลัทธพล ออกมาแฉทุจริตที่จอดรถ สนามบินสุวรรณภูมิ กลับไปกลับมา
- รันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิแตกร้าว
- สั่งซื้อคอมพิวเตอร์ 250,000 เครื่องแจกโรงเรียนทั่วประเทศ แฝงวาระซ่อนเร้นการเชื่อมอินเตอร์เน็ตผ่าน IP Star ของบริษัทตัวเอง

6. การระเมิดสิทธิเสรีภาพ
- รัฐบาลคุกคาม แทรกแซงการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
- ปลด 23 พนักงาน ITV (หลังจากชินคอร์ปเข้าบริหาร)
- บังคับให้ สส.กลุ่มวังน้ำเย็นถอนชื่อ การคัดค้านเสนอผู้ว่า สตง.
- งัดห้องทำงานผู้ว่า สตง. (คุณหญิงจารุวรรณฯ)
- สั่งปิดวิทยุชุมชนที่วิจารณ์รัฐบาล (อ้างคลื่นรบกวนเครื่องบิน)
- ถอดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น (นายกทุบกระจกเงาตัวเอง)
- ทักษิณฯ ฟ้อง สนธิฯ 500 ล้านบาท ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
(ไอ้โม่งที่ปิดรายการเมืองไทยฯ ตัวจริงโผล่ เป็นการยอมรับว่าตัวเองคือลูกแกะหลงทาง)
- ทักษิณฯ ฟ้อง นสพ. ผู้จัดการ 500 ล้านบาท ฐานนำคำเทศน์ของหลวงตาบัว มาลงตีพิมพ์
(ศิษย์เนรคุณ ฟ้องคำสอนพระอาจารย์ ไม่กล้าฟ้องหลวงตาบัว แต่ฟ้องหนังสือพิมพ์แทน)

7. ด้านเศรษฐกิจ / ตลาดหุ้น
- คลังฮุบหุ้น TPI (บริษัทสุดท้ายที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำกิจการปูน และโรงกลั่นน้ำมัน) เมื่อประชัยไปถามนายสุชาติ เชาว์วิศิษฎ์ เขาตอบว่า "My boss want it"
- หลอกแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ขายสมบัติชาติ แอบแบ่งหุ้นให้พรรคพวก และต่างชาติแต่รัฐยังเป็นเจ้าของและแทรกแซงได้เหมือนเดิม เช่น การบินไทย, ปตท., อสมท., กฟผ., กสท., TOT
- รัฐพยายามหาทางเอาเงินประชาชน กบข. (ราชการ) กองทุนประกันสังคม, กบช.(เอกชน) ไปใช้จ่ายในโครงการต่างๆอย่างฟุ่มเฟือย
- GMM แกรมมี่ และคนในรัฐบาลซื้อหุ้น นสพ. การเมือง 5 ฉบับ (มติชน, ข่าวสด,ประชาชาติธุรกิจ, Bangkok Post, Post Today) พร้อมกัน โดยไม่สมเหตุ สมผลและฟังไม่ขึ้น ส่อเจตนาเข้ามายึดครอง)

8. ด้านกฎหมาย / อำนาจนิยม ที่ส่อเจตนาทุจริต และสร้างฐานอำนาจ เพื่อผลประโยชน์
- แต่งตั้ง ญาติ พี่น้อง เพื่อน พรรคพวก ดำรงตำแหน่งในหน่วยราชการ การเมือง ตำรวจ ทหาร เพื่อรวบอำนาจบริหาร – ปกครอง
- แทรกแซงองค์กรอิสระ ด้วยวิธี ดูด, ดึง, ซื้อ, ส่งคนเข้าไปคุม เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลปกครอง, กลต., ปปง., ปปช., คตง., สว.(บางส่วน)
- แทรกแซงสถาบันสงฆ์ (ออก พรก.แต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราชโดยพละการ)
- สนามกอล์ฟอัลไพน์ บนที่ดินวัด และพรบ.ปฏิรูปจัดระเบียบที่ดินวัดทั่วประเทศ (คือที่มาของการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช)
- ศาลรัฐธรรมนูญ และประธาน สว. แทรกแซงและแต่งตั้งผู้ว่า สตง. คนใหม่อย่างมีเงื่อนงำ และไม่มีเหตุผลสมควร
- การสรรหา กสช. และ กทช. ไม่โปรงใส
- พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ถูกตีกลับเพราะยังมีความขัดแย้งกลั่นกลองยังไม่ดีก็ส่งเรื่องให้คณะองคมนตรีพิจารณา (พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรง ลงประปรมาภิไธย)
- พระราชกฤษฎีกา ให้เงินบำเหน็จบำนาญ สส. และ สว. (ชงเองกินเอง ทั้งๆที่ประชาชนไม่เห็นด้วย)
- ออก พระราชกำหนด สรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม เพื่อผลประโยชน์ และกีดกันคู่แข่งทางธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ (AIS)
- ออก พระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อสร้างฐานอำนาจเบ็ดเสร็จ
- โผทหารของนายก และ การลงนามแต่งตั้งช้ากว่าปกติ ถึง 22 วัน (มีปัญหาตำแหน่ง ผบ.ทอ.ที่นายกส่งชื่อนายทหารที่พัวพันกับการซ่อมเฮลิคอปเตอร์อย่างไม่โปร่ง ใส และนัดกันไปตีกอล์ฟฉลองก่อนการประกาศแต่งตั้ง)
- ต่ออายุราชการให้กับ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยนายก ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นครั้งที่ 3

9. ปัญหา บ้านเมือง
- ระเบิด และคนถูกฆ่า ใน 3 จังหวัดภาคใต้ (ที่เปลี่ยน แม่ทัพ, ผอ., ผู้กำกับ, รมต., รองนายก แล้วหลายคน แต่ยังไม่มีการเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีสักทีจึงแก้ปัญหาไม่ได้)
- ราคาน้ำมันแพงเกินเหตุ (ประชาชนจนลง แต่ ปตท. กำไรปีละเป็นแสนล้าน หากินบนคราบน้ำตาประชาชน นี่คือผลของการเข้าตลาดฯที่ต้องสร้างกำไรสูงสุดให้ผู้ ถือหุ้น โดยยอมละทิ้งประชาชน)
- เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนถูกสอนให้ กู้เงิน ใช้เงิน แต่ไม่เน้นให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ และประหยัดในแบบ เศรษฐกิจพอเพียง)
- ไม่มีระบบตรวจสอบ และ คานอำนาจรัฐบาล (ฝ่ายค้าน, องค์กรอิสระ เป็นง่อยทำอะไรไม่ได้)
- รมต. ก่อนจะรับ หรือพ้นตำแหน่ง ไม่มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินให้ประชาชนรู้เหมือนเมื่อก่อน
- ปัญหาสังคม, ครอบครัว, บัตรเครดิตเต็มเมือง, ประชาชนเป็นหนี้ท่วมตัว, ตกงาน, อาชญากรรม, จี้, ปล้น, การพนัน, โรคจิต, ทิ้งเด็ก, รถซิ่ง, นักเรียนตีกัน, ขายตัว, ส่วยตำรวจ

10. สิ่งที่ทักษิณซื้อ
- บุคคล และองค์กร เช่น ข้าราชการ, สส., สว., พรรคการเมือง, องค์กรอิสระ, นักวิชาการ, สื่อมวลชน, ประชาชน, วัง, ประเทศไทย
ธุรกิจ เช่น
- สัมปทานโทรคมนาคม โทรศัพท์เคลื่อนที่ (บ. AIS)
- ดาวเทียมไทยคม, IP Star (บ. ชินแซคฯ)
- อินเตอร์เนท (บ. CS Loxinfo)
- สายการบิน (AIR ASIA)
- สถานีโทรทัศน์ (ITV)
- มหาวิทยาลัย (ม.ชินวัตร)
- โรงพยาบาล (พญาไท)
- ธนาคาร (Non-Bank Capital OK)
- บริษัทโฆษณา
- ฯลฯ

11. คำพูด คำสัญญา ที่ไม่เป็นจริง
- ผมจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 6 เดือน
- ถ้าเป็นรัฐบาล จะแก้กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ
- ผมจะทำ GDP ให้โต 8%
- จะปราบคอรัปชั่น
- จะปกป้องโชว์ห่วยไทย (แต่กลับปล่อยให้โลตัสขยายสาขาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ปัจจุบันมี 370 สาขา-มากเป็นอันดับ2ของโลกรองจากประเทศแม่คืออังกฤษเท่านั้น)
- จะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 5 % ภายในตุลาคม 2548 (ภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุริยะฯ)
- โครงการย้ายที่ตั้งรัฐสภาไปรังสิต (บ.ไทยเมล่อน)
- โครงการย้ายส่วนราชการ ไป จ.นครนายก

12. พฤติกรรมส่อเจตนาและหมิ่นเหม่พระราชอำนาจในสมัยรัฐบาลทักษิณโดยไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
- ยื่นแต่งตั้ง ผู้ว่า ส.ต.ง. คนใหม่ โดยไม่สนใจคนเก่า (คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา) ที่ยังอยู่ในอำนาจอยู่ (แต่ในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย)
- สุชนไม่ยอมลาออก แถมดื้อดึงเป็น ปธ วุฒิสภาต่อ เมื่อยื่นเสนอแต่งตั้งผู้ว่า สตง. ครบ 90 วัน เมื่อ 10 กันยายน 2548 (และยังไม่มีพระราชโองการแต่งตั้งลงมา)
- ยื่นแต่งตั้ง ผบ.ทอ. ที่ ผู้ว่า ส.ต.ง. ชี้มูลทุจริตเรื่องซ่อมเฮลิคอปเตอร์
- ทำบุญประเทศไทยในสถานที่ของเชื้อพระวงศ์
- ฆราวาสโดยนายวิษณุเซ็นแต่งตั้งรักษการพระสังฆราชเองโดยพลการ ทั้งที่ต้องเป็นพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- บินทดสอบสนามบินสุวรรณภูมิ 29 กันยายน 48 อ้างทำ Flight Check แต่มีการแจกของชำร่วย
- ไม่ไปรับเสด็จ สมเด็จราชินี, สมเด็จพระเทพ, ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ตอนเสด็จแปรพระราชฐานไปตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ วันที่ 26 กันยายน 2548 (นายกอยู่ภาค เหนือคุยกับมาดามอู๋อี๋ ทั้งที่มีรองนายกคอยต้อนรับ)
- ไม่ไปรับเสร็จ สมเด็จพระเทพ ตอนเสร็จพระราชทานเพลิงศพ นาวิกโยธิน 2 นายที่ภาคใต้ (นายกเตรียมการบินเปิดสุวรรณภูมิ)
- ไม่ไปถวายพระพรสมเด็จพระสัฆราชเนื่องในวันประสูติ 3 ตุลาคม 2548
- ไม่ต่ออายุ ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์(ผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท) บอกว่าถ้าจะต่อต้องไปอยู่ที่อื่น แต่ทีน้องเขยตัวเองต่ออายุให้เป็นครั้งที่ 3 ตำแหน่งปลัด ยธ
- บังอาจถวายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคให้ในหลวง จนในหลวงต้องบอกว่าไม่เป็นไร ลูกสาวเราก็เป็นข้าราชการใช้สิทธิ์เบิกได้

13. วีรกรรม และคำคม
-"...ผมไม่ต้องการอะไรจากประเทศไทยอีกเเล้ว...ผมได้มามากแล้ว...ผมพอเเล้ว...ผมจะคืนให้ประเทศชาติบ้าง"
-"คนรวย ไม่โกง" "รวยแล้วไม่โกง"
- ด่านักวิชาการที่ให้คำแนะนำรัฐบาล "พวกขาประจำ"
- ด่าวิชาชีพทนาย
- ด่า UNSCR กลางที่ประชุมสหประชาชาติ (ห้ามยุ่งกับปัญหาภาคใต้ไทย)
- “UN ไม่ใช่พ่อ”
- “พวกนี้มันโจรกระจอก”
- "ผมรู้แล้วครับ" "รู้ตัวหมดแล้ว" "ตอนนี้กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด" "ผมจัดการได้" "ไม่นาน ๆ รอหน่อย" "ไม่เกิน 3 เดือน" "ตอนนี้กำลังปรับแผน" (กรณีโจรใต้วาง ระเบิดป่วน)
- “เป็นทหารปล่อยให้เขาปล้นปืนได้ ก็สมควรตายแล้ว” (กรณีปล้นปืนทหาร 4 ม.ค. 47)
- "ทุกคนทำตามหน้าที่ไปเลย ผมรับผิดชอบเอง อันนี้ไม่ต้องห่วง ผมขอรับผิดชอบเอง" นักข่าวถามต่อ รับผิดชอบอย่างไรค่ะท่าน "เออ รับผิดชอบโดยการที่ ประชาชนไม่ต้องเลือกผม ถ้าผมทำไม่ดีคราวหน้าประชาชนก็ไม่ต้องเลือกผม"
- “ไม่ต้องตกใจ มันแค่โรคอหิวาระบาด” (ปัญหาไข้หวัดนก)
- “เป็นพระอยู่ส่วนพระ ไม่สมควรพูดเรื่องการเมือง ถ้าพูดก็ไม่สมควรเรียกว่าพระ”
- “แม'ง...ไอ้พวกนักวิชาการก็เอาแต่ติ”
- “พูดเรื่องพระราชอำนาจ ระวังเหาจะกินหัว”
-“ อุ๊ย อันนี้ท่านเมตตาผมมาก่อนเยอะเลย เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเมตตาท่าน เป็นธรรมดา” (กรณีหลวงตาบัว)
-“ถ้ารู้สำนึกผิดเมื่อไหร่ให้มาบอก จะให้อภัย” (กรณีฟ้องสนธิ)
- “จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง”

(กรณีแพ้เลือกตั้งซ่อม สส. ที่ จ.พิจิตร และ จ.อุทัยธานี 30 ตค. 48) (ประเทศไทย และภาษีประชาชนเป็นของ
นายกแล้วหรือ?)
-“ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและไปร้องเรียนกับตำรวจ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ตอนนี้หากไปบอกว่าเป็นสมาชิกพรรค ทรท.ตำรวจรีบรับแจ้งความเลย”
- "พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ดาวพุธโคจรถอยหลัง"
-"เอะอะก็หาว่าผมไม่จงรักภักดี ปัดโธ่ ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี แล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี"
-นักข่าวถาม : ท่านขายหุ้นได้เงินมามาก แต่ไม่เสียภาษีเลย ทักษิณตอบ : "อิจฉา อะดิ"
-"ยกเว้นพระเจ้าอยู่หัว กระซิบข้างหูว่าทักษิณลาออกเถอะเท่านั้นจะกราบพระบาทลาออกแน่นอน"
-"ผมเป็นนายกฯ พระราชทานอยู่แล้ว ถ้าผมได้รับเลือกตั้ง พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว"
-"โผทหารที่นายกฯ เซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยน"
-"ไม่มี้ ขายเขยอะไรกัน ไปคราวนี้ไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง" (กลับจากสิงคโปร์พร้อมครอบครัวหลังปีใหม่ วันที่ 3 มราคม กรณีขายหุ้นชินให้เทมาเส็ก)
-"โถ่ ผมตัวเบ่อเร่อเท่อ ไม่ตรงไปตรงมาได้ยังไง ต้องทำตรงไปตรงมาอยู่แล้ว" (ขายหุ้นชิน)
-"ลาออกเหรอ รอชาติหน้าสายๆเถอะ"
-"ผมจะไม่ยุบสภา ถ้ายุบก็เท่ากับทรยศประชาชน" (สุดท้ายก็ต้องยุบสภา)
-"ครั้งนี้ต้องขอบคุณลูกๆ ที่เขาสงสารพ่อ กลัวพ่อจะถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน"
- "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือใคร" "...วันนี้ผมเจ็บขา..." "...เอาไว้เดี๋ยวจะร้องเพลงให้ฟัง..." "..พอแล้ว สมานฉันท์ได้แล้ว.."
-"Enough is enough"

14. พรรคพวก ลิ่วล้อ ลูกสมุน บริวาร
ญาติพี่น้อง – เพื่อนฝูง – คนใกล้ชิดครอบครัว
- พจมาน ชินวัตร, เยาวเรศ ชินวัตร, เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์, สุชน ชาลีเครือ, ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, ชิดชัย วรรณสถิตย์, คงศักดิ์ วันทนา, เนวิน ชิดชอบ, ยงยุทธ ติยไพรัช
ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์จาก บ.เครือชินคอร์ป และ บ. AIS
- สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พงษ์ศักดิ์ รัตนพงษ์ไพศาล, สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, บุญคลี ปลั่งศิริ
นักการเมืองลูกหม้อเก่าจากพรรคพลังธรรม
- สุดารัตน์ เกยุราพันธ์, สุธรรม แสงปทุม, จำลอง ศรีเมือง
นักการเมือง กลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองที่ดูดซื้อมา
- ความหวังใหม่ (ชวลิต ยงใจยุทธ), เสรีธรรม (พินิจ จารุสมบัติ), ชาติพัฒนา (สุวัจน์ ลิปตพัลลภ), เนวิน ชิดชอบ, สมชาย คุณปลื้ม, สมศักดิ์ เทพสุทิน, ผู้มีอุปการะ คุณ ผู้สนับสนุน พรรคไทยลักไทย
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, อดิศัย โพธารามิก, ประชา มาลีนนท์, วัฒนา เมืองสุข, ประยุทธ มหากิจศิริ ผู้มีพระคุณ บุญคุณอย่างสูง
- ทนง พิทยะ, ชัยวัฒน์ วิบูลสวัสดิ์ นักวิชาการ และ สส.ขายตัว (คนเก่ง ที่เงินซื้อได้ คือ คนขายอุดมการณ์ ไม่ใช่คนดีจริง)
- ดร.วิษณุ เครืองาม, โภคิน พลกุล, ดร.ธงทอง จันทรางศุ, ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, จักรภพ เพ็ญแข, ตุ่น จินตเวช

15. ทฤษฎีคานอำนาจ ที่ลิ่วล้อทักษิณใช้ (เพื่อแก้ปัญหาแต่สร้างความแตกแยกมากขึ้น)
- สร้างกลุ่มวังบัวบานของเจ๊แดงน้องสาว มาคานอำนาจกับ กลุ่มวังน้ำเย็นของเสนาะเทียนทอง
- สร้างม็อบจตุจักร มาคานอำนาจ ม็อบของสนธิ ลิ้มทองกุล
- สร้างม็อบพีทีวี มาคานอำนาจ ม็อบเอเอสทีวี
- สร้างรายการสมัคร-ดุสิต คิดตามวัน มาคานอำนาจกับรายการ เมืองไทยรายวัน ของสนธิ ลิ้มทองกุล
- สร้างเว็ป ไฮ-ทักษิณ มาคานอำนาจกับ เว็บที่ต่อต้านทักษิณ

16. คนมีอุดมการณ์ แต่ถูกกลั่นแกล้ง และอยู่ในรัฐบาลไม่ได้
- ดร.เกษม วัฒนะชัย (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับเข้าเป็นองคมนตรี)
- นายพลากร สุวรรณรัตน์ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงรับเข้าเป็นองคมนตรี)
- ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์
- นายวิโรจน์ นวลแข

17. (**ข้อนี้สำคัญเลย) สิ่งที่เผด็จการ-ทรราชทั้งหลายกลัว และรวมถึงทรราชทักษิณก็กลัวด้วยเช่นกัน
- กลัวประชาชนรู้ทันเล่ห์ตนเอง ทรราชจึงต้องป้อนขนมลูกกวาดผสมเฮโรอีน(ยาเสพติด)ให้ชาวบ้านและประชาชนกิน จะได้ติดและหลงไหลมัวเมา คือ โครงการ ประชานิยม ให้ฟรี กินฟรี พักหนี้ เล่นหวย(อบายมุข) กู้เงิน จะได้ไม่มีชาวบ้านมาสนใจหรือตามทันเล่ห์ของตนเอง
- กลัวประชาชนลุกฮือต่อต้าน ทรราชจึงต้องมอมเมาชาวบ้าน(ด้วยประชานิยม) และส่งคนไปแทรกแซง-บล็อกอำนาจสำคัญๆในประเทศไว้


อ้างอิงจาก http://atcloud.com/discussions/25221


#325017 ////////// กระทู้นี้เกี่ยวข้องกับห้องสภากาแฟแน่นอน ผมอยากทราบว่าพวกคุณในห้อง...

โดย samin on 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:55

ผมเป็นวิศวกร ควบคุมดูแล งบประมาณการก่อสร้าง ติดตามการทำงานของที่ปรึกษาและผู้รับเหมาก่อสร้างในองค์การรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งครับ
รัฐวิสาหกิจแห่งนี้อายุประมาณ 20 ปี ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกะชาวบ้านและแม่ค้าแถวบางแคและเตาปูน งานของผมบางวันก็ยุ่งจนไม่มีเวลาทำอะไรแต่บางวันก็มีเวลาว่างพอจะมานั่งสนทนากับผู้มีความรู้ความสามารถทั้งหลายในบอร์ดนี้ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าของธูรกิจอย่างคุณใจดีและเพื่อนๆทุกท่านในบอร์ดนี้นะครับ
ว่าแต่
ใจดีจะตอบผมได้ยังครับว่า
1. Gear Games คืออะไร
2. รหัสนักศึกษาของใจดีคือรหัสอะไรครับ จะได้เอาไปตรวจสอบได้ว่าจบแถวสามย่านจิงป่าว
ปล.1 ใน 2 คำถามของผม มี 1 คำถามที่ตั้งใจใช้คำผิด ถ้าใจดีรู้ช่วยแก้ให้ผมด้วยนะครับ
ปล. 2 บรรดาวิศวกรหรือผู้รู้ในบอร์ดอย่าเพิ่งรีบเฉลยนะครับ อยากเห็นความพยายามของใจดีน่ะครับ


#324937 ////////// กระทู้นี้เกี่ยวข้องกับห้องสภากาแฟแน่นอน ผมอยากทราบว่าพวกคุณในห้อง...

โดย โจโฉ นายกตลอดกาล on 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:11

ใจดีทำงานอะไรเหรอครับ จริงๆแล้ว รอคำตอบอยู่


#323679 ด่วนที่สุด มาดูสมศักดิ์แฉไอ้แม้วก่อนจะโดนบล็อค

โดย juemmy on 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:38





http://www.youtube.com/watch?v=33DnV_w852s&feature=youtu.be


#318579 สู่ห้องเรียน..ประวัติศาสตร์ชาติไทย

โดย amplepoor on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 19:03

"จิ้มก้อง" นี่คืออะไรครับ....


ท่านจะเชื่อหรือไม่ว่า แม้แต่ราชบัณฑิต ก็ยังอธิบายคำนี้ไม่ถูก

จิ้มก้อง หมายความว่า มอบบรรณาการให้เพื่อผูกไมตรี. จิ้มก้อง เป็นคำจากภาษาจีน จิ้ม แปลว่า ให้, ก้อง แปลว่า ของกำนัล.

ในการทำการค้ากับจีนในสมัยโบราณ พ่อค้ามักจะนำของกำนัลไปให้เพื่อขอความสะดวกในการทำมาค้าขาย แต่จีนมักถือว่า ผู้ที่มาจิ้มก้อง เป็นผู้ที่มาสามิภักดิ์ขอเป็นเมืองขึ้น. เมื่อมีของกำนัลมาให้ นอกจากจีนจะให้ความสะดวกในการค้าแล้ว พระเจ้ากรุงจีนยังตอบแทนด้วยของกำนัลอย่างมากมายด้วย พ่อค้าไทยจึงนิยมไปจิ้มก้อง. นี่เป็นตัวอย่างของความไม่เข้าใจภาษากัน.

ปัจจุบัน คำว่า จิ้มก้อง เป็นคำที่ใช้ในภาษาพูดเท่านั้น หมายความว่า ให้ของกำนัล เช่น เขาเอาของอะไรมาจิ้มก้องหัวหน้าหรือคะ.

ผู้เขียน ศ. ดร.กาญจนา นาคสกุล ราชบัณฑิต ประเภทวรรณศิลป์ สาขาวิชาภาษาไทย สำนักศิลปกรรม

ที่บอกว่าท่านผิด ก็ตรงที่ท่านบอกว่า"พ่อค้า" มักจะเอาของกำนัลไปให้จนจีนคิดว่าเป็นการมาสวามิภักดิ์
ข้อความตรงนี้ น่าผิดหวังมากว่าคนระดับนักปราชญ์ยังอธิบายเรื่องง่ายๆ ให้เกิดความผิดเพี้ยนได้ถึงเพียงนี้

การจิ้มก้อง ไม่เกี่ยวกับพ่อค้า และจีนก็คงไม่โง่ขนาดแค่มีพ่อค้ามาประจบก็คิดว่าประเทศนั้นมาสวามิภักดิ์
ที่จริงแล้ว การจิ้มก้องเป็นรูปแบบของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่จีนบังคับใช้กับทุกประเทศ
โดยถือว่าตนเองรับบัญชามาปกครองโลก เป็นที่พึ่งแก่ทุกชาติ ดังนั้นจึงเป็นผู้อยู่เหนือกว่า

ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาหา ก็ต้องนอบน้อม

ตอนที่คิสซิงเจอร์จะเปลี่ยนนโยบายมาคบกับจีน ที่เรียกว่าการฑูตปิงปอง
เขาไปปรึกษาศาสตราจารย์แฟรแบ้งค์ที่โคลัมเบียยู ได้รับคำแนะนำว่า
"เราต้องไปหาเขา" เพราะจีนถือว่าตนเองเป็นศูนย์กลางโลก ย่อมไม่มีวันออกจากที่ตั้ง
จะคบเขา ก็ต้องไปหาเขา

นั่นน่ะมัน 1972 ที่นิกสันไปพบเหมาเจ๋อตง
แล้วถ้าเป็น 1200 1300 หรือ 1400.....ล่ะ แบบธรรมเนียมไม่ยิ่งเคร่งครัดหรือ



(เดี๋ยวมาต่อครับ)


#318570 สู่ห้องเรียน..ประวัติศาสตร์ชาติไทย

โดย ดราม่า on 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 18:53

ขอฉีกสมศักดิ์อีกทีครับ ในบทความปริศนากรณีสวรรณคต ตอนที่1

ยิ่งกว่านั้น ผมจะอธิบายให้เห็นว่า กรณีสวรรคตสามารถอธิบายได้ โดยไม่ต้องอาศัยข้อมูลอันมหาศาลที่มีอยู่ โดยไม่จำเป็นต้องไปพะวังถึงประเด็นปลีกย่อยนับไม่ถ้วน นั่นคือ ผมจะเสนอว่า

กรณีนี้สามารถอธิบายได้โดยการคิดเชิงตรรกะ โดยอาศัยเพียงข้อมูลพื้นฐานจำนวนหนึ่ง ที่ทุกฝ่ายเห็นด้วยร่วมกันเท่านั้น

(ยกตัวอย่างเช่น ผมจะแสดงให้เห็นว่า รายละเอียดบางเรื่อง เช่นปัญหาข้อกล่าวหาที่ว่า ปืนของกลางที่พบในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่ปืนทีใช้ยิงจริง ปลอกกระสุนที่คุณชิตบอกว่าเก็บได้จากที่เกิดเหตุไม่ใช่ปลอกกระสุนสังหาร เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ ก็ไม่จำเป็นต้องนำมาประกอบการพิจารณาเลย แต่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้)




อากะธ่า คริสตี้ กับกรณีสวรรคต

ผมมักจะคิดว่า กรณีสวรรคตคล้ายกับนิยายฆาตกรรมสืบสวนของอากะธ่า คริสตี้ โดยเฉพาะชุดนักสืบแอร์กูล ปัวโรต์ และสักวัน น่าจะมีนักเขียนสักคนอาศัยกรณีสวรรคตเป็นพล็อตนิยายทำนองเดียวกันได้ ใครที่เป็นแฟนนิยายชุดนี้อย่างผม คงทราบว่า ลักษณะเด่นของนิยายชุดปัวโรต์ มี 2-3 ประการคือ การฆาตกรรมเกิดขึ้นในสถานที่จำกัด คือไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่ใครไปใครมาได้ตลอดเวลา อันที่จริง เรื่องที่ดังมากๆของชุดที่ได้รับการสร้างเป็นหนัง เช่น

Murder on the Orient Express

และ

Death on the Nile

นั้น สถานที่ฆาตกรรมอยู่ในประเภท “คนในไม่ได้ออก คนนอกไม่ได้เข้า” (รถไฟที่จอดติดหิมะอยู่กลางป่า และ เรือโดยสารที่ลอยอยู่กลางน้ำ) สิ่งที่ตามมา – และนี่เป็นลักษณะเด่นประการที่สองของนิยายชุดนี้ – คือตัวละคอนจะมีจำกัดจำนวนแน่นอน และความเป็นไปได้ว่าใครจะเป็นฆาตกร ก็จะจำกัดอยู่เพียงหนึ่งในไม่กี่คนนั้น ประการต่อมา ต่างจากนิยายฆาตกรรมสืบสวนสมัยใหม่ นิยายชุดปัวโรต์จะไม่เน้นที่แอ็คชั่น หรือการสืบสวนเชิง “นิติวิทยาศาสตร์” (มีบ้างแต่ไม่มาก) แต่เน้นที่การสอบปากคำ คือให้แต่ละคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุอันจำกัดนั้น เล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรเมื่อเกิดฆาตกรรม มีความเกี่ยวข้องกับผู้ตายอย่างไรบ้าง แล้วใช้การคิดเชิงตรรกะ มาหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เพราะในนิยายชุดปัวโรต์ บรรดาผู้อยู่ในสถานที่ฆาตกรรม จะให้การโดยไม่ตรงความจริงมากบ้างน้อยบ้างแทบทุกคน บางคนก็โกหก บางคนก็ละเว้นไม่พูดความจริงบางอย่าง ปัวโรต์จะอาศัยการวิเคราะห์ความขัดแย้งกันเองในคำให้การเหล่านั้น บวกกับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการฆาตกรรม มาระบุว่าใครเป็นฆาตกร



เรียกตัวเองว่านักประวัติศาสตร์ แต่สมศักดิ์ เจียมฯ เขียนประวัติศาสตร์จากตรรกะ(มั่วๆของมัน) กับอ้างอิงนิยายของอากะธ่า ToT
-ขอร้องไห้เป็นสายเลือดทีเหอะ มิน่าคนเขาถึงด่าการศึกษาไทย ทำไมมันตกต่ำกันจัง นี่ขนาดอาจารย์มหาลัยรัฐชื่อดังนะ
- มันพูดมาได้ยังไงว่า ไม่ต้องสนใจหลักฐานที่มีอยู่ แต่ใช้ตรรกะ หรือมันจะมองข้ามห่อข้าวบนขื่อครับ(ขื่นเพดานขนาดใหญ่ที่คนไปซ่อนตัวได้)


#316797 สู่ห้องเรียน..ประวัติศาสตร์ชาติไทย

โดย bird on 28 มิถุนายน พ.ศ. 2555 - 17:38

ด้วยความเคารพ ท่าน จขกท

สมสาก คนทรง เจ้า "ไม่ได้" เต็มใจสละอำนาจให้กับราษฏร
โดย BlueArmy, 26 มิถุนายน 2555

กระทู้แตกประเด็นครับ
โดย ตะนิ่นตาญี, 26 มิถุนายน 2555

สถานการณ์ในปัจจุบัน พฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่อ้างเสียงส่วนใหญ่ในการกระทำการใด ๆ
ผนวกกับกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่อาศัยดีกรีนำหน้า พร้อมเอกสารที่ใช้รับรองความรู้อีกไม่กี่แผ่น
เรียกตัวเองว่า " นักวิชาเกิน " เสนอบทวิเคราะห์ ด้วยจิดใจที่สับสน วิปริต ฝักใฝ่ความเชื่อ
ซ้ายสุดโต่ง อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ขาดสำนึกในบุญคุณของแผ่นดิน...

หลงลืมไปว่า...แผ่นดินพื้นนี้ ด้วยพระบารมีแห่งองค์พระมหากษัตริย์ทุก ๆ พระองค์ อีกทั้ง
บรรพบุรุษทุก ๆ ท่าน ที่ยอมหลั่งเลือด เสียสละ เพื่อปกป้องรักษาไว้ให้ชนรุ่นหลังได้มีที่ไว้
ซุกหัวนอน โดยไม่ต้องตกเป็นทาสอยู่ภายใต้อานัติของชาติใด...ท่านเหล่านั้นยอมสละสิ้น
แม้กระทั่งลมหายใจ เพียงเพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราช...

แต่..กลุ่ม่บุคคลเพียงไม่กี่คน กลับอ้างสิทธิความเท่าเทียม ความเสมอภาค ภายใต้หน้ากาก
ประชาธิปไตยอันบิดเบี้ยว กระทำการหักหาญฉุดรั้ง เพื่อหวังอำนาจและวาสนา อวดอ้าง
ความรู้ความสามารถ ว่าตัวเองนั้นหนา คือผู้ที่เหมาะสม แปรเปลี่ยนความเท็จ ว่านั้นคือ
ความถูำกต้อง อ้างนั้นอ้างนี่ ให้ดูยุ่งเหยิง แล้วสรุปว่า นั้นคือข้อเท็จจริงที่ซ่อนเร้นไว้

กล่าวคำเท็จได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ปั้นน้ำเป็นตัวอยู่เป็นนิจ เสมือนหนึ่งว่า นั้นคือเรื่องจริง
หลงไหลทรัพย์สิน ฝักใฝ่ในลัทธิ มัวเมาในอำนาจ ประกาศตัวว่า เป็นผู้รอบรู้ ที่ชาญฉลาด
แอบอ้างสรรพคุณ อวดอ้างความสามารถ...สุดท้าย...ผลประโยชน์และการหลอกลวง

ในทุกยุคทุกสมัย บรรพบุรุษของเราต้องรับศึกทั้งภายในและภายนอก ใหญ่บ้างเล็กบ้าง
แต่ไม่มีครั้งใดที่ ผุ้กระทำการจะคิดการใหญ่ได้มากเท่าที่่เรากำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
ในอดีตผู้ก่อการเป็นนักสู้ รู้แพ้ รู้ชนะ ต่อสู้กันซึ่ง ๆ หน้าด้วยความกล้าหาญ แต่ในปัจจุบัน
ผู้ก่อการกลับหลบอยู่ในเงามืด...เพราะไม่ใช่นักสู้ แต่เป็นเพียงนักฉวยโอกาส...

ประวัติศาสตร์ชาติ กำลังเลือนหาย. วาทกรรม "คิดนอกกรอบ" เมื่อแม้วครองเมือง ลดทอน
ความสำคัญของประวัติศาสตร์การต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งแผ่นดินและเอกราชของบรรพบุรุษ
ได้อย่างไม่น่าเป็นไปได้ กลับปลูกฝังประชาธิปไตยที่บิดเบี้ยว การเอาตัวรอดอย่างเห็นแก่ตัว
ขาดจิตสำนึกความเสียสละเพื่อบ้านเมือง...เมื่่อต่างแก่งแย่งเพื่อตัวเอง...

แล้วประเทศหล่ะ...จะก้าวไปได้อย่างไร....

มิใช่ผู้รอบรู้ในทุกเรื่อง มิใช่ผู้ชำนาญในทุกด้าน...แต่เป็นคนไทยที่ไม่ยอมเป็นทาสใครบางคน
ขออนุญาติเรียบเรียงประวัติศาสตร์ชาตินับจากกรุงสุโขทัย ถึง ปัจจุบัน เท่าที่ความสามารถ
จะทำได้..เรียนเชิญทุกท่านร่วมกันเผยแพร่ความรู้ได้ตามวิสัยทัศน์...