Lucas Leiva Benitez Rodger

คืนนี้หงส์แดงแข่งดึก คงไม่ได้อยู่เชียร์ครับ ขอให้ชนะเยอะๆ ซัก 0-6 นะครับ เอาให้ปราสาทเรือนแก้วแตกกระจุยนะฮะ อิอิ     

ตั้งแต่ยกเลิกระบบเอนทรานซ์แบบเก่า ไปใช้ onet anet การศึกษาไทยก็ถอยหลังลงคลองทุกวันๆๆ 

คห.ส่วนตัวยกเลิกระบบใหม่ๆที่มันไม่ค่อยได้เรื่อง กลับไปใช้เอนทรานซ์แบบเก่าดีกว่า วัดกันแบบแฟร์ๆไปเลยจบ 

ขอแสดงความยินดีกับหลุยส์ ซัวเรส และเอด็อง อาซาร์ กับรางวัล PFA 2014 ด้วยครับ พี่เหยินใส่สูทอย่างเท่เลย 

 

Liverpool FC

ขอแสดงความยินดีกับ หลุยส์ ซัวเรซ ที่คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA (สมาคมนักฟุตบอลอังกฤษ) อันทรงเกียรติได้สำเร็จ

Cr.@PFA

อ่านต่อได้ที่ http://thailand.live...yer-of-the-year ‪#‎LFCThailand‬

 

ขอแสดงความยินดีกับหลุย ซัวเรส ที่ได้รับรางวัล PFA 2014 ด้วยครับ พี่เหยินใส่สูทอย่างเท่เลย 

เห้อแพ้แทคติกมูคาบ้าน เซ็ง(เป็ด)จริงๆๆๆเลยครับ 2-0 จริงๆด้วย แต่ของเชลซีซะงั้น   

ปรีวิวพรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล v เชลซี (เตะ 20.00 น.)

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

วันอาทิตย์ที่ 27 เม.ย. 2557
สนาม: แอนฟิลด์
เวลา: 20.00 น.
ถ่ายทอดสด: CTH Stadium 2
 
             ใกล้เข้าไปทุกทีครับสำหรับโอกาสที่ "หงส์แดง" จะกลับมาเถลิงแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 24 ปี และเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรก โดยเวลานี้เราต้องการ 7 คะแนนจาก 3 นัดหลังสุด (ชนะ 2 เสมอ 1) เพื่อเป็นแชมป์โดยที่ไม่จำเป็นต้องสนใจคู่แข่งอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซี

             ด้านหนึ่งทำให้หลายคนเริ่มวางใจ สบายใจขึ้นกว่าในช่วงก่อนหน้านี้ที่เราอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเอาชนะให้ได้ทุกนัดเพื่อเป็นแชมป์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะคู่แข่งอย่างซิตี้ และเชลซี เองก็ผลัดกันพลาด

             แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เบร็นแดน ร็อดเจอร์ส และลิเวอร์พูลผ่อนคันเร่ง!

             ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือยิ่งเห็นแชมป์อยู่ตรงหน้ายิ่งต้องกดคันเร่งเพื่อไปให้ถึงฝันเร็วยิ่งขึ้น

             เพียงแต่หากคิดถึงว่าการลุ้นแชมป์ของลิเวอร์พูลเป็นการขับรถ ยิ่งขับเร็ว เราต้องยิ่งไม่ประมาทด้วยถูกมั้ยครับ?

             ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเกมที่จะพบกับเชลซีคืนนี้คือเกมที่นักเตะหงส์แดงจะลงสนามด้วย 2 อารมณ์ที่ผสมกันมั่วยิ่งกว่าหลายนัดที่ผ่านมา คือจะมีทั้งความคึกคัก ตื่นตัว แต่ในทางตรงกันข้ามก็มีความวิตก กังวลใจ รวมอยู่ด้วยในเวลาเดียวกัน

             อยู่ที่พวกเขาว่าจะหัวใจจะเทไปทางไหนมากกว่ากัน

             เชลซี เกมนี้ถึงจะประกาศว่าจะใช้ทีมสำรองเล่นเพราะห่วงเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ในวันพุธ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็เป็นทีมที่ประมาทไม่ได้ เพราะด้วยความเป็นจ้าวกลยุทธ์ของโจเซ่ มูรินโญ่ ต่อให้จัดทีมชุดไหนเล่น นักเตะจะลงสนามด้วยแผนการที่กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าเลือกจะมาเน้น "รับ" ก็ยัง "ยาก" ที่จะเสียประตูได้

             จุดที่เชลซีจะดร็อปลงไปคือเรื่องของเกมรับกับการขาดเสาหลัก 2 ต้นพร้อมกันอย่างจอห์น เทอร์รี่ และปีเตอร์ เช็ก ซึ่งมีผลมากต่อความแข็งแกร่งที่จะยันพลังเกมรุกของลิเวอร์พูลให้ได้ เพียงแต่พวกเขายังมีเนมันย่า มาติช เป็นตัว "กันชน" ที่จะประคองแนวรับแบ็กโฟร์ได้

             คีย์แมนของลิเวอร์พูล ที่จะทะลวงด่านตรงนี้เข้าไปคือราฮีม สเตอร์ลิง และคูตินโญ่ ซึ่งต้องใช้ความเร็ว และการเล่นที่คาดเดาได้ยากคอยปั่นหัวมาติช รวมถึงแลมพาร์ด ซึ่งช้ากว่าชัดเจน โดยหากทั้งสเตอร์ลิง และคูตินโญ่ เล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง ทีมจะมีโอกาสมากขึ้นด้วย

             การกลับมาของดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ยังทำให้เกมรุกอันตรายและขู่คู่แข่งได้ดีขึ้นกว่าการที่ไม่มีเขาในสนาม ไม่นับหลุยส์ ซัวเรซ ซึ่งติดลมบนเล่นตามมาตรฐานตัวเองมาตลอดทั้งฤดูกาลอยู่แล้ว

             ประเมินจากฟอร์ม และขุมกำลัง ถึงลิเวอร์พูล จะน่าห่วงเพราะไม่มีเฮนเดอร์สัน ทำให้แดนกลางขาดพลังไดนามิคไปเยอะมาก แต่จากที่เห็นในเกมกับนอริช เชื่อว่าร็อดเจอร์ส จะตีโจทย์แก้สมการเรื่องนี้แน่นอน ซึ่งเกมนี้น่าจะรัดกุมมากขึ้น

             ฟากเชลซี ต่อให้จัดชุดดีที่สุดก็ยังขาดตัวหลักไปเกือบครึ่งทีม โดยเฉพาะขาดตัวหลักๆอย่างเจที, เช็ก, อาซาร์, รามิเรส ซึ่งสำคัญทั้งนั้น ดังนั้นขุมกำลังอ่อนลงไปมาก และพวกเขาจะเน้นแพ็กเกมรับแล้วรอสวนกลับ โดยอาศัยตัวป่วนอย่างเฟร์นานโด ตอร์เรส, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ รวมถึงอังเดร ชูร์เล่

             เพียงแต่ถึงความรู้สึกฮึกเหิมของหงส์แดงมันจะดูลดลงไปเล็กน้อยเพราะเริ่ม "สบายใจ" ว่าน่าจะได้แชมป์แน่ แต่ทีมที่มีกัปตันอย่างเจอร์ราร์ดอยู่ในสนาม เรื่องของการเสียสมาธิจะไม่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆแน่นอน และวัดจากศักยภาพของทีมเวลานี้ ลิเวอร์พูล ยังดีพอที่จะเอาชนะได้ในเกมนี้แม้จะต้องเจอกับเชลซี ทีมคู่แข่งที่ "เขี้ยวลากดิน" ที่สุดก็ตาม

บทสรุปที่คาด: เหนื่อยสาหัสแต่เราจะ We Go Again 1-0 พอครับเกมนี้

เครดิต: http://www.liverpool...php?idnew=18533

คห.ส่วนตัว ผมคิดว่าหงส์ชนะ 2-0 หรือ 2-1 ครับ 

ขอไว้อาลัยให้ท่านเดวิด มอยส์อย่างสุดซึ้ง จากใจกลุ่มเพื่อนมอยส์ 

จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะ นอริช 3-2

 

ลุ้นจนเหนื่อยครับ เล่นกับทีมหนีตกชั้นนี่มันไม่ง่ายจริงๆ

 

10256959_296838247140930_7487700110410005627_n.jpg

นอริชวิ่งกันแบบลืมตาย สู้จริงๆ ผ่านไปอีกหนึ่ง เหลืออีกสามนัด บีบหัวใจสุดๆ Three to go !!!!

นอริชวางแผนมาดีมากครับ ทั้งเกมส์ซัวเรซเล่นแทบไม่ออกเลย เจ้าหนูสเตอริ่งเลยเด่นแทน น่าจะเป็น MOM ของเกมส์นะครับคิดว่า 

สุดท้ายทีมเราก็ยังแพ้ทางลูกโยนโหม่งจนได้ เกือบโดน 3-3 ไปแล้ว ดีที่มินโยเล่ต์เซฟได้

ปรีวิวพรีเมียร์ลีก : นอริช v ลิเวอร์พูล (เตะ 18.00 น.)

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 

วันอาทิตย์ที่ 20 เม.ย. 2557
สนาม: แคร์โรว โร้ด
เวลา: 18.00 น.
ถ่ายทอดสด: CTH Stadium 2
 
             We go to Norwich. Exactly the same. We go again. Come on! คือคำสั่งของพี่เจิดที่สั่งเอาไว้ในระหว่างการรวมพลังหลังเกมซึ่งเป็นภาพประวัติศาสตร์ของแอนฟิลด์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังเราชนะในเกมสำคัญอย่างมากกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้

             ความจริงแล้วลิเวอร์พูล กับนอริช นั้นเป็นเหมือนงูเหลือมเจอเชือกกล้วย หรืออาจจะเป็นอะไรที่มันยิ่งกว่านั้นสำหรับทีมหนึ่งที่มีสถานะเป็น "ผู้ล่า" กับอีกทีมที่เป็น "ผู้ถูกล่า" เพราะใน 3 นัดหลังสุดที่พบกันนับตั้งแต่เบร็นดอน ร็อดเจอร์ เข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล ไล่ถล่มนอริช ย่อยยับทุกครั้ง

             2-5, 5-0 และ 5-1 คือสกอร์ที่เกิดขึ้น โดยหลุยส์ ซัวเรซ ยิงนอริชไปแล้วถึง 11 ประตูด้วยกันนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นในแอนฟิลด์

             เรียกว่าเจอทีไรก็ลูบปากมาโดยตลอด

             แต่อยากจะบอกว่าการไปเยือนแคร์โรว โร้ด ครั้งนี้ บรรยากาศมันไม่เหมือนกับที่ผ่านมานะครับ เพราะฝ่ายเราก็สู้เพื่อแชมป์จริงๆ ในขณะที่อีกฝ่ายก็สู้เพื่อความอยู่รอดด้วย เพราะทีมคู่แข่งอื่นๆก็พยายามดิ้นรนหนีตายอย่างเต็มที่ นั่นหมายถึงมันน่าจะเป็นเกมที่ตึงเครียดมากกว่าทุกนัดที่ผ่านมา

             ตลอดมา นอริช กลัวการเล่นกับลิเวอร์พูลโดยตลอด โดยเฉพาะซัวเรซ ที่ไม่รู้จะจับอย่างไรให้อยู่หมัด บวกกับด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นบอลนุ่มนิ่มด้วยทำให้เข้าทางหงส์ตลอด แต่ครั้งนี้เพื่อความอยู่รอดจะมาเล่นแบบนุ่มนิ่มก็ไม่น่าจะรอดตัวเอา

             แต่! คำถามสำคัญของเกมนี้คือ นอริช จะหยุดลิเวอร์พูลได้จริงๆหรือ?

             ถ้าวัดจากฟอร์มการเล่นแล้วแทบเป็นไปไม่ได้ครับ พวกเขาแพ้รวดมา 3 นัดโดยที่ยิงประตูไม่ได้เลย และชนะนัดเดียวใน 5 นัดหลังสุด ในขณะที่ลิเวอร์พูล ชนะรวดมา 10 นัดแล้ว และมีสภาพจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงอย่างมาก

             การขาดจอร์แดน เฮนเดอร์สัน และดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ จะส่งผลอย่างมากต่อทีมเพราะคนแรกก็เป็นคนที่วิ่งขึ้นวิ่งลงคอยช่วยทีมตลอด และเป็นลูกมือคนสำคัญของเจอร์ราร์ดที่คอยประคองไม่ให้พี่เจิดต้องเจอสถานการณ์โดนรุมกินโต๊ะ หรือโดนกดดันจากกองกลางทีมคู่แข่งที่มีความเร็วมากกว่า ขณะที่สเตอร์ริดจ์ เป็นอาวุธหนักที่ทำให้คู่แข่งพะวง และยังมีทีเด็ดจากการทำประตูด้วยตัวเองได้ทุกสถานการณ์

             กระนั้นด้วยทรงบอลของหงส์แดงเวลานี้ ร็อดเจอร์สทำให้ทีมไม่ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่น แต่ทีมจะขึ้นอยู่กับระบบการเล่น ไม่ว่าจะเป็น 4-3-3 หรือ 4-4-2 (ไดมอนด์) ซึ่งถึงจะไม่มี "เฮนโด้" เรายังมีโจ อัลเลน และลูคัส ที่พร้อมจะลงสนามแทน และน่าจะประคองเจอร์ราร์ดได้เหมือนกัน ส่วนรายของสเตอร์ริดจ์ ถึงจะไม่มีก็ไม่เป็นไรเพราะก็มีช่วงที่ทีมขาดดาวยิงจอมเซิ้ง แต่ก็ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะซัวเรซ ก็จะได้กลับมารับบทหัวหอกตัวเป้าอีกครั้งด้วย ซึ่งในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ซัวเรซเล่นได้ดีที่สุดในฤดูกาล

             เรื่องนี้บวกกับความมุ่งมั่นที่อยากจะเป็นแชมป์ของทีม มันทำให้ก้าวผ่านเรื่องของความกังวล ความกดดันไปแล้วครับ สิ่งเหล่านี้จะไม่มีผลกับทีมในเวลานี้  อีกทั้งคู่แข่งสำคัญทั้งซิตี้ และเชลซีก็พลาดก่อนด้วยทำให้เรามีโอกาสทองที่จะทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้

             ด้วยคำสั่งของพี่เจิด นักเตะทุกคนจะรวมพลัง We Go Again เพื่อไปสู่แชมป์ให้ได้ครับ

บทสรุปที่คาด: ขมิ้นสู้ตายแต่ไม่วายโดนพี่เหยินงับขนร่วง 2-0

credit:  http://www.liverpool...php?idnew=18436

คห.ส่วนตัว คิดว่าหงส์แดงชนะ แต่ไม่น่าขาด น่าจะยิงกันเยอะ แบบ 2-3 3-4 แนวๆนั้นครับ 

ช่วงนี้กิจการงาน สภาพคล่องไม่ค่อยดี เบี้ยน้อยหอยน้อย ต้องขออภัยท่านริดกุน และเพื่อนๆสมาชิกทุกๆท่านครับ ที่ผมบริจาคได้น้อยลงครับ เห้อ   

ปล.หวังว่าทุกๆท่านที่บริจาค จะไม่โดน DSI ของทาริตสีดวงตรวจสอบนะฮะ   

 

เหลืออีกเพียง 4 นัดเท่านั้นครับ ลุ้นมากมายอย่างถึงที่สุด ยิ่งกว่า 2008-09 เสียอีก ที่หนักสุดๆน่าจะเป็นการเจอ เชลซี กับ คริสตัล พาเลซ 

 

ยังเหนื่อยอีกอย่างน้อยๆ 2 นัด ส่วนเจอ นอริช กับ นิวคาสเซิล เหนื่อยเหมือนกัน แต่คงไม่เท่าครับ สุดท้ายต้องลุ้นกันเป็นนัดต่อนัดไปครับ 

 

ปล.เซ็งอีนังเฮนโด้มาก โดนใบแดง เป็นพลทหารเฮนโด้ ทบ.1 ผลัด 1 ซะอย่างนั้น ยังดีที่มหาเทพลูคัสหายเจ็บกลับมาทันพอดี

 

liv1342014.jpg

แฮนดอร์สันเจอแบนไป3นัดเลย

นาทีนี้ ใครอย่ามาบอกว่าหวังแค่พื้นที่แชมเปี้ยนส์ลีก

ลุงเจิดกะลูกทีมและเดอะค็อบทั้งมวล

หวังไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกแล้ว

ไม่ได้ซีซั่นนี้ รอไปถึงซีซั่นหน้าคงยากขึ้นไปอีก

เชลซีกะแมนซิต้องกลับไปซื้อตัวดีๆมาเสริมทีมแบบถล่มทลายแน่ๆ

ไหนจะต้องมีโปรแกรมแชมเปี้ยนส์ลีกอีก

 

เห็นด้วยกับคุณ Juemmy อย่างยิ่งเลยครับ คิดว่าถ้ากัปตันเจอร์ราดไม่ได้ชูถ้วย EPL ปีนี้ จะหาโอกาสลุ้นแชมป์ปีต่อๆไปยากแล้วครับ 

 

เอาข่าวมาให้อ่านครับ 

'เปเยกรินี' ชี้หากแชมป์ไม่ใช่ 'ซิตี-หงส์' เป็นเรื่องเศร้า เหตุเป็น 2 ทีมที่ยิงประตูสูงสุด

 ตามที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เหลือลุ้นแชมป์กันแค่ 3 ทีมเท่านั้นคือ ลิเวอร์พูล, เชลซี และแมนฯ ซิตี ทางด้าน มานูเอล เปเยกรินี ผู้จัดการทีมแมนฯ ซิตี เปิดใจว่า หากจบ 38 นัดแล้วแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี ไม่ใช่ ซิตี หรือ ลิเวอร์พูล คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า

 

                         "ไม่ใช่เรื่องน่าพอใจนักหากแชมป์ไม่ใช่ ซิตี หรือ ลิเวอร์พูล เพราะสองทีมที่ทำประตูสูงสุดในลีกจะไม่ได้แชมป์ เนื่องจากสองทีมนี้เล่นฟุตบอลเพื่อแฟน เพื่อทุกคน โดยส่วนตัวทั้งซิตี และลิเวอร์พูล เป็นสองทีมที่เล่นฟุตบอลเร้าใจที่สุดในฤดูกาลนี้ ทั้งสองทีมควรได้รับการตอบแทนบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าไม่ให้ความสำคัญต่อเกมรับ เพราะฟุตบอลต้องมีทั้งเกมรุกเกมรับ แต่ถ้าคุณจะเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ คุณก็ต้องเล่นให้สมกับเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน"

 

                         ซึ่งลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ยิงประตูมากที่สุดในลีก และ "มิร์เรอร์" หนังสือพิมพ์ชื่อดังของอังกฤษ ได้แจ้งผลสำรวจว่า "หงส์แดง" เป็นทีมที่ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลเมืองผู้ดีว่าเล่นฟุตบอลเร้าใจที่สุดในลีกสำหรับฤดูกาลแข่งขัน 2013-2014 ส่วนซิตี แม้จะยิงประตูเป็นรอง "หงส์แดง" เพียงทีมเดียว แต่ก็เป็นทีมที่มีผลต่างประตูได้เสียดีที่สุดในลีก 

http://www.komchadlu...414/182840.html

 

คห.ส่วนตัว ผมประทับใจ เปเยกรินี่นะ มีความรู้สึกว่าเค้าจะให้เกียรติทีมลิเวอร์พูลมากกว่าเชลซี อาจเป็นเพราะไม่ชอบจ่ามูเป็นการส่วนตัวด้วย(มั้ง)

ตอนจบเกมส์ที่ เปเยกรินี่ รอจับมือกับนักเตะลิเวอร์พูลตรงทางออกสนาม รู้สึกประทับใจแกอยู่ลึกๆนะ   

เหลืออีกเพียง 4 นัดเท่านั้นครับ ลุ้นมากมายอย่างถึงที่สุด ยิ่งกว่า 2008-09 เสียอีก ที่หนักสุดๆน่าจะเป็นการเจอ เชลซี กับ คริสตัล พาเลซ 

ยังเหนื่อยอีกอย่างน้อยๆ 2 นัด ส่วนเจอ นอริช กับ นิวคาสเซิล เหนื่อยเหมือนกัน แต่คงไม่เท่าครับ สุดท้ายต้องลุ้นกันเป็นนัดต่อนัดไปครับ 

ปล.เซ็งอีนังเฮนโด้มาก โดนใบแดง เป็นพลทหารเฮนโด้ ทบ.1 ผลัด 1 ซะอย่างนั้น ยังดีที่มหาเทพลูคัสหายเจ็บกลับมาทันพอดี

โหมโรงศึกชี้ชะตาแชมป์ EPL อย่างไม่เป็นทางการ

พรีเมียร์ลีก : ลิเวอร์พูล v แมนฯ ซิตี้ (เตะ 19.37 น.)

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 
วันอาทิตย์ที่ 13 เม.ย. 2557
สนาม: แอนฟิลด์
เวลา: 19.37 น.
ถ่ายทอดสด: CTH Stadium 2

             พร้อมสำหรับเกมนัดชี้ชะตา เกมพิพากษา เกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 24 ปี และเกมที่มีความฝันของ "หงส์แดง" ทั้งโลกที่รอคอยมาแสนาน และความฝันชั่วชีวิตของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ยอดกัปตันของพวกเรากันหรือยังครับ?

             ถามคนเขียนก็ยังสองจิตสองใจ (55)

             เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเราได้มีความสุขกันมาก ถึงจะต้องลุ้นเหนื่อยในหลายนัดแต่การที่ยังอยู่ในเส้นทางของการลุ้นแชมป์ที่ใกล้เคียงความจริงมากขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้โลกสดใสขึ้นกว่าหลายปีที่ผ่านมาเยอะ

             แต่คนเราฝันได้ไม่ยาวครับ ยังไงเราต้องตื่นมาเจอกับความจริง และเกมวันนี้จะทำให้เราได้รู้ความจริงครับ

             จริงอยู่ที่โปรแกรมของลิเวอร์พูล รวมนัดกับแมนฯ ซิตี้ ด้วยยังเหลืออีกถึง 5 นัด แต่นัดนี้คือนัดที่สำคัญที่สุด อย่างน้อยก็ในเวลานี้เพราะหากทีมเก็บชัยชนะได้ ไม่เพียงแต่จะชนะ 10 นัดรวด ตัดแต้มคู่แข่ง แล้วยังเพิ่มโอกาสในการคว้าแชมป์เข้าไปอีก

             กูรูทั้งไทยและเทศประเมินกันแล้วครับว่าถ้าชนะในเกมนี้ ก็ยากจะหยุดลิเวอร์พูลจากการคว้าแชมป์ได้

             ทีนี้คำถามคือแล้วลิเวอร์พูล ดีพอจะเอาชนะแมนฯ ซิตี้ ได้หรือยัง?

             มองย้อนกลับไปตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา "หงส์แดง" แพ้มาแล้ว 5 นัดในลีก แต่ในบรรดาเกมที่พวกเราแพ้นั้นมี 2 นัดที่ต้องยอมรับว่าเราแพ้ด้วย "เชิง" ก็คือเกมกับแมนฯ ซิตี้ และเชลซี ในช่วงโปรแกรมบ๊อกซิ่งเดย์

             นอกนั้นเรากินขาดชั้นเชิงทีมอื่นหมด แม้กระทั่ง อาร์เซนอล, สเปอร์ส หรือแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เละเป็นโจ๊กมาแล้วทั้งนั้น

             ถึงจะมีการมองกันว่าเราแพ้ซิตี้ เพราะโชคร้ายกับการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม แต่โดยชั้นเชิงของนักเตะซิตี้ในวันนั้นพวกเขาดีกว่าจริง ตัวเดินเกมอย่างยาย่า ตูเร่, ดาวิด ซิลบา ยังดูเหนือกว่านักเตะลิเวอร์พูลอีกอย่างน้อยครึ่งสเต็ป

             อย่างไรก็ดีหงส์แดงวันนั้นกับวันนี้ก็แตกต่างกันมาก

             พัฒนาการของลิเวอร์พูล นั้นน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะหลังจากที่ทีมได้ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ กลับมาช่วยหลุยส์ ซัวเรซแบบเต็มๆ และเบร็นดอน ร็อดเจอร์ส ต่อจิ๊กซอว์หาสูตรการเล่นที่ลงตัวที่สุดสำหรับทุกคนในทีมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ กับระบบที่ให้สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด ถอยลงมายืนเป็นตัวทำเกมจากแนวลึก คอยเปิดบอลให้ตัวจี๊ดคนอื่นๆในทีมลุ้นประตู ประหนึ่ง "ควอเตอร์แบ็ก" เปิดบอลให้ปีกเข้าไปวางทัชดาวน์ในอเมริกันฟุตบอล

             และด้วยความลงตัวที่เกิดขึ้นในแดนกลาง ผนวกกับเกมรุกที่ฟอร์มของ SAS + S ยังสด และยังไม่มีทีมไหนที่จับทางได้อย่างจริงจัง กับแนวรับที่แข็งแกร่งลงตัวกันมากขึ้นหลังดาเนี่ยล แอกเกอร์กลับมาอีกครั้ง ทำให้ศักยภาพของลิเวอร์พูล เวลานี้น่าจะตีคู่แมนฯ ซิตี้ ขึ้นมาได้เยอะ

             ถ้าจะเป็นรองในชั้นเชิงก็ไม่มาก แต่จะชดเชยด้วยทีมสปิริต และกลยุทธ์ในการเล่นที่ยืดหยุ่นกว่า

             ซิตี้ เองก็เคยเป็นทีมที่เกมเยือนแย่มาก่อน เกมรับของพวกเขาอ่อนโดยธรรมชาติเพราะเน้นสไตล์เกมรุก และมักจะเปิดพื้นที่มากมายเสมอ เพราะมิดฟิลด์คู่กลางทั้ง ยาย่า และแฟร์นันดินโญ่ ไม่ใช่สไตล์รับแท้โดยธรรมชาติ ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสที่ลิเวอร์พูล จะเจาะเล่นงานได้ไม่ว่าจะด้วยบอลทแยงมุมของเจอร์ราร์ด หรือการจ่ายตัดแนวรับของคูตินโญ่ หรือสเตอร์ลิง ขึ้นอยู่กับว่าใครได้ลงสนาม

             มองแล้ว มีความเป็นไปได้ที่เราจะเปิดเกมบดได้อยู่ คล้ายในเกมกับอาร์เซนอล หรือสเปอร์สส ที่เกมเร็วใช้ได้ผล

             แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ซิตี้ ก็อาวุธหนักเหมือนกัน โดยเฉพาะพวกเขามีคนท็อปฟอร์มอย่าง ยาย่า, ซิลบา และเชโก้ รวมถึงจะได้อเกวโร่ กลับมาด้วย ซึ่งประเมินแล้วโอกาสจะเปิดหน้าแลกหมัดกันอย่างเมามันมีสูงมาก

             ใครหมัดหนักกว่าก็ชนะน็อคไป

             กระนั้นจุดชี้วัดอีกจุดที่สำคัญคือ สภาพร่างกายของแว็งซองต์ กอมปานีย์ เสาหลักในแนวรับของซิตี้ ที่บาดเจ็บระหว่างการซ้อมว่าจะลงสนามได้หรือไม่

             ถ้าลงไหว สภาพจะฟิตหรือไม่? จะฝืนหรือไม่? หรือถ้าลงไม่ไหวทุกอย่างจะเลวร้ายมากสำหรับแมนฯ ซิตี้ เพราะลำพังการมีมาร์ติน เดมิเชลิส อยู่ในสนามนั้น ถึงช่วงนี้จะเริ่มฟอร์มดีขึ้นแต่ความเร็วของซัวเรซ และสเตอร์ริดจ์ นั้นสูงเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้โดยง่าย

             เอาเหตุผลและความรู้สึกมาจับใส่ตราชั่งแล้ว ยังเชื่อว่าลิเวอร์พูลน่าจะล้างตาได้ในเกมนี้ เพียงแต่ห้ามประมาทแม้แต่วินาทีเดียว เพราะซิตี้ ไม่ใช่ทีมที่จำเป็นต้องครองบอลเยอะ แต่ใช้เกมที่มีประสิทธิภาพเล่นงานตูมเดียวจอดก็เป็น

             แต่ด้วยคุณค่า ความหมาย และความฝันที่เอามาเดิมพันกันแล้ว เราน่าจะได้ยิ้มกันครับ

บทสรุปที่คาด: SAS จมเรือใบช่วยพี่เจิดไปถึงฝัน 3-2

credit: http://www.liverpool...php?idnew=18346

 

ตั้งแต่บอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก บอกให้แม่ช่วยปลุก ลุกขึ้นมาดูกับพ่อ  นัด บราซิล-ฝรั่งเศส ในรอบ8ทีม

ตั้งแต่นั้นมา ก็ชอบ ฟุตบอล 

บ้านเป็นร้านค้าขาย นสพ.   อ่านสยามกีฬา สตาร์ซ็อคเกอร์ ฟุตบอลสยาม ซึบาสะ ฮามิช  ฯลฯ (เติบโตมากับสยามสปอร์ต)  เป็น แฟนคลับ ย.โย่ง

บอลนอก เครื่องจักรสีแดง จากรายการเจาะสนาม เอียน รัช ,จอห์น บาร์น 

บอลไทย ทหารอากาศ พี่ชายชอบพาไปดู ที่สนามศุภโดยมี ปิยะพงศ์ เป็นขวัญใจ

วันที่ย.โย่งเสียชีวิต เราฟังวิทยุ ดูข่าวทางช่อง7

น้ำตาไหลพรากๆ เหมือนกะญาติสนิทจากไป

ชอบ จอห์น บาร์น มากที่สุดๆๆๆๆๆ

 

ตอน ย โย่ง จากไป ผมรู้จากเพื่อนผมมาบอก ตอนแรกผมไม่เชื่อเลย จนได้มาดูข่าว ผมน้ำตาซึม เหมือนญาติ(ทางฟุตบอล)ของผมได้จากไป

รู้สึกเสียดาย ที่ผมจะไม่ได้ฟังนักพากย์กีฬาที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในประเทศอีกแล้วครับ 

เห็นด้วยครับ อ้อ ผมมีเพื่อนที่เป็นทั้งแฟนผีแดง ปืนใหญ่ เชลซี ดูบอลด้วยกันได้ไม่มีปัญหา
 
อาจเพราะอายุเริ่มมากแล้ว (ฮา) เลยไม่ทะเลาะกัน เวลาดูบอล 
 
โดยเฉพาะแฟนผี อาจแดกดันกันบ้าง แต่เวลาบอลจบ ก็ปรบมือให้กัน และแสดงความยินดีให้กัน
 
สมัยผีได้แชมป์ครั้งที่ 19 , 20 ผมยังส่งข้อความไปยินดีกับเพื่อน หลังแข่งจบ ว่าแซงหงส์ไปแล้ว
 
ตอนนี้ทีมมันตกต่ำ แต่ลิเวอร์พูลอาจคว้าแชมป์ มันบอกว่า เอาใจช่วย ขอให้ได้แชมป์ละกัน
 
ผมละสงสัย ไอ้พวกเด็กๆ รุ่นใหม่ที่เริ่มดูบอลกันไม่กี่ปี มันจะเกรียนใส่ทีมอื่นกันทำไม มันเข้าใจเรื่องการดูบอลมากขนาดไหน
 
กีฬาก็คือกีฬา เชียร์ได้แต่ไม่ใช่ทำตัวอย่างนี้ (โดยเฉพาะเว็บ สยามสปอร์ต ขอโทษที่อ้างอิง) มันด่ากันจะเป็นจะตาย เฮ้อ
 
ปล. ผมเชียร์ลิเวอร์พูลมา 20 ปีเศษ แล้ว แต่แปลกไหม สมัยเป็นดิวิชันหนึ่ง ลิเวอร์พูลเก่งมาก
 
แต่ผมไม่เชียร์ เก่งเกิน (เหมือนแมนยูสมัย 20 ปี ที่ผ่านมา)
 
พอผมเชียร์จริงๆ จังๆ กลับไม่ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกเลย 555
 
แล้วทุกท่านเชียร์บอลกันมากี่ปีแล้วครับ

ผมเชียร์หงส์ตอนปี 95-96 นัดแรกที่ผมดูหงส์แดง ชนะ วิลล่า 3-0 ฟาวเลอร์ 2 ลูก แม็คมานามาน 1 (ก่อนหน้านั้นผมชอบน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพราะเป็นทีมแรกที่ได้ดู) 

หลังจากนั้นได้ดูแมตช์สุดคลาสสิคนัดหนึ่งของ EPL ลิเวอร์พูลชนะนิวคาสเซิ่ล ของเควิน คีแกน 4-3 ทำให้ผมรักหงส์แดงมาจนถึงตอนนี้ 

(ช่วงอุลลิเยร์คุมผมไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่ครับ) ได้ดูหงส์จริงๆจังๆอีกทีตอนปีได้แชมป์ UCL ครับ