Jump to content


ปีศาจหน้าหล่อ

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 30 สิงหาคม 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2557 17:10
-----

#784167 ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

โดย ypk on 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 00:41

เหอะ เหอะ  คนประเภทนี้ ไม่มีความคิด ไม่มีอุดมการณ์อะไร ความคิดเปลี่ยนได้

ตลอดเวลา อุดมการณ์เป็นแค่คำกล่าวอ้างให้ดูดีเท่านั้น เพราะนิสัยที่แท้จริงคือ

ความละโมบ ความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้

 

คบกับใครก็ได้ถ้าได้ประโยชน์จากคน ๆ นั้น หรือกลุ่มนั้น  มีความเชื่อฝังหัวว่า ถ้าจะ

ทำธุรกิจให้กำไร ต้องมีทุน กับอำนาจ มีอย่างใดอย่างหนึ่งทำไม่ได้ มีแต่ทุนไม่มีอำนาจ

ทำไปก็เจ๊งเพราะไม่มีสมองที่จะไปคิดแข่งขันกับคนอื่น มีอำนาจอย่างเดียวก็ทำอะไร

ไม่สะดวก เพราะต้องตั้งหน้าตั้งตาโกงเงินหลวงอย่างเดียว รวยก็ช้า แถมเสี่ยงคุกอีก

 

มีทั้งเงินทั้งอำนาจ ก็ใช้อำนาจเข้าไปแทรกแซงหาประโยชน์ให้ธุรกิจของตน บางครั้งก็

ใช้อำนาจ ใช้เงินหลวงลงทุนเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจของตน ไอ้พวก โง่ ๆ ก็มองไม่ออก

คิดว่าเขาลงทุนด้วยเงินของเขา

 

ความฝันอันสูงสุดปัจจุบันคือ ใฝ่ฝันว่าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ตัวเอง หลังจาก

โกงบ้านโกงเมืองแล้วหนีคุกไป

 

เรื่องคิดถึงบ้านเป็นเรื่องอ้างให้เสื้อแดงสงสารเหมือนลครทีวี แต่ความจริงแล้วถ้านิรโทษกรรม

แล้ว ไม่กลับบ้านก็ได้ ทำมาหากินอยู่ต่างประเทศก็ได้ ไอ้ที่ต้องนิรโทษกรรม เพราะมันเหมือน

หนามยอกอก ทำอะไรไม่สะดวก จะไปติดต่อกับประเทศไหนเขาก็รังเกียจ ต้องจ้างรอบบี้ยิสต์

ให้ไปปูทางไว้ จึงจะเข้าไปติดต่อได้ มันน่าอายไรศักดิ์ศรีเพราะติดโทษแบน นี่แหละ

 

ถ้าได้นิรโทษกรรม ก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก สามารถเดินเชิดหน้าไปติดต่อประเทศต่าง ๆ เพื่อปูทาง

ให้น้องสาวไปประทับตรารับรองได้อย่างอิสระ ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างรอบบี้ยิสต์อีกต่อไป

 

ผมแดกแค่นี้ก็พอแล้วครับ ไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย เพราะผมเป้นคนไม่เรื่องมาก คิดเร็วทำเร็วครับ




#784170 ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 00:49

เป็นกระทู้ที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ

ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง

 

ขออนุญาตนำเสนอความคิดอันอ่อนด้อย  ผิดถูกเพื่อนๆช่วยวิเคราะห์ด้วยนะครับ

 

คือผมติดตาม "ความคิดแม้ว" มาพักนึงแล้วนะครับ ก็ประมาณ 1 ปี ตั้งแต่มันไปปากเสียที่ Times On Line เรื่องในหลวง จนเป็นเรื่องข้ามโลก

คือตอนนั้นเริ่มต้นย้อนดูซีรีส์ Criminal Minds ก็เลยสงสัยมาตลอดว่าไอ้แม้วป่วยด้วยอาการทางจิตครับ

คือไม่ใช่คนป่วยแบบจิตเภท(Psychotic) แต่จิตวิปริต(Psychopath) แบบต่อต้านสังคม(Sociopath) ครับ

 

วิธีแยกแยะคนป่วยจิตเภท(เรียกว่าอาการ Psychosis) คือ พวกเขาป่วยทางสมอง และไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป 

คนป่วยแบบจิตวิปริต(เรียกว่าอาการ Psychopathy) คือสมองปกติดี ไม่ได้ขาดสารเคมี หรือมีการกระทบกระเทือนทางสมองแต่อย่างใด  มีสติรู้ตัวดีทุกอย่าง

แต่ที่ทำร้ายคนอื่นทำร้ายสังคม ก็เพื่อสนองอัตตาตนเอง และขาดไร้ซึ่งอารมณ์เห็นอกเห็นใจอย่างสิ้นเชิง

 

ถ้าเราคิดจะล้มแม้ว เราคิดแบบคนปกติไม่ได้ครับ ต้องคิดแบบไซโคแพธคิด  คือไอ้พวกจิตวิปริตมันคิดของมันยังไง เราถึงจะไล่ตามมันทัน

 

ทำไมผมถึงสรุปว่าแม้วมันป่วยเป็นโรคจิตวิปริตแบบต่อต้านสังคม

ตามหลักวิชาการที่ร่ำเรียนกันทั่วโลก สัญญาณของคนจิตวิปริตมีแบบทดสอบ PCL-R ดังนี้

 

Psychopathy Check List หรือตัวย่อ PCL-R (คิดค้นครั้งแรกโดย  Robert D. Hare)

ในแบบทดสอบจะแบ่งออกเป็น Factor 1 Traits กับ Factor 2 Traits

 

F1 เป็น "ลักษณะของพวกจิตวิปริตแท้"(Classic หรือ True Psychopathy Characteristics)

บอกถึงลักษณะของอารมณ์ ความคิด mindset-กรอบความคิด และ process of thinking หรือกระบวนการคิด ของพวกจิตวิปริต

F2 เป็น "ลักษณะของพวกจิตวิปริตเทียม"(False Psychopathy Characteristics) บอกถึง "การกระทำ หรือการลงมือ" 

ส่วนนี้จะชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรม Antisocial พฤติกรรมอาชญากรรม และความก้าวร้าวในการแสดงออก

 

คนปกติมักจะได้คะแนน 3-6  

อาชญากรที่ไม่ใช่โรคจิตจะได้คะแนน 16-20

พวกอาชญากรแบบต่อต้านสังคม(ยังไม่จิตวิปริต) จะได้คะแนนระหว่าง 22-26

พวกจิตวิปริตที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมจะได้คะแนน 30-34

พวกจิตวิปริตแบบก่ออาชญากรรมจะมีคะแนน 30-40

 

คนที่ถูกจัดเข้าประเภทไซโคแพธได้ต้องได้คะแนนสูงทั้งสองแฟคเตอร์ครับ  และสูงสุดชนเพดานคือ 40

 


 THE PSYCHOPATHY CHECK LIST(Revised) or The PCL-R

 


 Factor 1

1 Glibness/superficial charm-มีเสน่ห์แบบฉาบฉวย 

 

2 Grandiose sense of self-worth-รู้สึกตัวเองยิ่งใหญ่ มีค่าสูงกว่าคนอื่นใดในโลกา

3 Need for stimulation/proneness to boredom-ชอบถูกกระตุ้นอยู่เสมอ ไม่เช่นนั้นจะเบื่อง่ายมากๆ(พวกอยู่ไม่สุข)

4 Pathological lying-โกหกเป็นสัน...ดาน

5 Cunning/manipulative-เจ้าเล่ห์เหลี่ยม ชอบบงการปั่นหัวคน

6 Lack of remorse or guilt-ไร้ซึ่งความสำนึกเสียใจหรือรู้สึกผิด

7 Shallow affect -เป็นคนอารมณ์ตื้นเขิน คือไม่รู้สึกจริงใจหรือผูกพัน กับอะไรหรือใคร คบแต่ผลประโยชน์ก็ว่าได้

8 Callous/lack of empathy-ชอบรังแกคนอื่น ขาดความเห็นอกเห็นใจ

 

 


Factor 2

9 Parasitic lifestyle-มีวิถีชีวิตแบบเกาะคนอื่น อาศัยคนอื่นตลอด

10 Poor behavioural controls-ควบคุมความประพฤติตนเองได้ต่ำ

11 Promiscuous sexual behaviour-สำส่อนทางเพศ

12 Early behaviour problems-มีปัญหาพฤติกรรมมาตั้งแต่เด็ก เช่นเจ้าอารมณ์ โมโหก็เขวี้ยงของ ทำร้ายคนอื่น เป็นต้น

13 Lack of realistic long-term goals-ขาดเป้าหมายระยะยาวที่เป็นจริง (พวกเพ้อฝันวาดวิมานในอากาศนั่นเอง)

14 Impulsivity-ทำอะไรตามอารมณ์ตัวเอง และต้องทำเดี๋ยวนี้ เวลานี้ รอไม่ได้ ไม่คิดหน้าคิดหลัง

15 Irresponsibility-มีนิสัยไม่รับผิดชอบ

16 Failure to accept responsibility for own actions-ล้มเหลวในการยอมรับผลจากการกระทำของตนเอง

17 Many short term marital relationships-แต่งงานแบบรักๆเลิกๆหลายครั้ง

18 Juvenile delinquency-ก่ออาชญากรรมตั้งแต่วัยเด็ก

19 Revocation of conditional release-ถูกปล่อยตัวจากคุกแบบมีเงื่อนไขก็ทำผิดซ้ำจนต้องถูกส่งเข้าคุกใหม่ (แปลเป็นไทยว่าไม่หลาบจำ ชอบทำผิดซ้ำซาก)

20 Criminal versatility-เก่งในอาชญากรรมหลายรูปแบบ (พูดง่ายๆคือเรื่องทำชั่วละเก่งรอบตัวเลย)

 

 

ดูสิครับทุกท่าน ว่าไอ้แม้วมันมีกี่ข้อ  ดีไม่ดีสกอร์มัน 36 เลยนะนั่น

(ต่อกันที่ "สมองส่วนหน้า" ในคห.ถัดไป)




#784156 ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

โดย naiare on 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 00:09

ที่ผมยังคิดแบบนี้ ก็มาจากประวัติของแม้วเองตั้งแต่ตอนเป็น รมต สมัยจิ๋วไปแทรกแซงเขมรโดยจ้างทหารไปล้มฮุนเซนเพื่อสัมปทานในเขมร แต่ทำไม่สำเร็จ

 

ทุบค่าเงินบาท ไม่ใช่แค่รู้ก่อน แต่มีการขนเงินไปสิงคโปร์เพือเก็งกำไรโดยตรง

 

เรื่องหุ้น ซุก โยก และแลกหุ้นกับพวกกองทุน ตปท รวมทั้งการขายหุ้นชินฯ กับเทมาเส็ค ผมเชื่อว่ายังมีผลประโยชน์ร่วมกันอยู่

 

เงินบนเกาะฟอกเงินทั้งหลาย โยกออกไปได้ไง รวมทั้งเงินที่ถูกทางการอังกฤษยึดไว้เป็นหลักแสนล้าน

 

แม้วยังหาประโยชน์โดยติดต่อกับพวกผู้นำเผด็จการทั่วโลก

 

และช่วงแม้วตั้ง ทรท ใหม่ๆ สื่อระดับโลกไม่แน่ใจว่าฉบับไหนเคยสัมภาษณ์ว่า คุณทักษิณแน่ใจแล้วหรือว่าจะทิ้งธุรกิจ แล้วหันมาเอาดีทางการเมือง

 

แต่แม้วตอบว่า  ผมคิดว่า ผมจะประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการเมืองและธุรกิจไปพร้อมๆกัน

 

ตอนเป็นนายกใหม่ๆ สื่อที่โจมตีแม้่วแบบเห็นไส้ที่สุดก็คือ ฟาร์อีสเทิร์น อิโคโนมิคของสิงคโปร์เอง (ถ้าผมจำผิด ช่วยบอกด้วย)  โจมตีไปเรื่อยจนเมื่อแม้วไปมีผลประโยชน์ร่วมกับ

ทางกองทุนสิงคโปร์แล้ว จึงหยุดโจมตี รวมทั้ง ลีกวนยูเองก็ยอมรับแม้วเป็นปีเป็นขลุ่ยกันดีมาก

 

ช่วงแม้วเป็นนายกเรืองอำนาจ แม้วดีใจออกนอกหน้าและพยายามทำตัวเป็นผู้นำเอเชีย ยอมแลกผลประโยชน์ชาติแก่ผู้นำชาติอื่นเพื่อคำสรรเสริญ เยินยอ

เหตุการณ์เผาธุรกิจไทยในเขมร  ไม่ได้รับการชดใช้เลย นอกจากเกี่ยวกับธุรกิจชิน แต่แม้วจำเป็นต้องทำฮึดฮัดในช่วงแรกอยุ่บ้างก็เพราะตัวเองเป็นนายกประเทศไทยอยู่

 

และเหตุการณ์เลวร้ายต่างๆ ฯลฯ ในประเทศไทยอย่างที่พวกเราเห็น  ถ้าเป็นคนมีชาติปรกติ ทำไม่ได้

แล้วก็๋ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะคนไทย คนชาติต่างๆที่เปลี่ยนสัณชาติก็มีให้เห็นอยู่มาก 

 แม้วเดินทางไปทั่วโลก  เห็นมามาก และเป้าหมายแค่นายกหรือผุ้นำประเทศไทย มันไม่น่าตื่นเต้นกับแม้วแล้ว

 

ส่วนเรื่องที่ว่า ขอเป็นตำนานประเทศไทย เป็นแบบป๋าอะไร ผมว่ามันเป็นเป้าหมายที่ต่ำมากๆเกินไป

และแม้วไม่คิดว่า ตัวเองจะตายง่ายๆ ก็เหมือนอภิมหาเศรษฐีโลกที่แก่งั่ก แต่ก็ไม่ยอมวางมือนั่นเอง

 

โลกทุนนิยม วัดความเป็นที่สุด แข่งขันตลอดเวลา ต้องทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ตลอดเวลา ชีวิตไม่มีสุขนักหรอก แต่มันหยุดไม่ได้สำหรับคนพวกนี้ครับ

 

แค่ฟอร์บบอกว่า เสี่ยขายไก่ รวยที่สุดในไทย แม้วก็กลัดกลุ้มแล้ว

และลองฟังคลิปก็เห็นว่า แม้วกระหายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นที่สุด กระหายมาตั้งแต่ปล่อยข่าวขายให้ฟอร์บยันม๊อบแดงแล้ว

 

คนเรา ถ้ามีความรักชาติอยู่ในใจ ก่อนจะทำไรต้องมีคิดหน้าหลัง สำนึก ระลึกบ้าง แต่ถ้าไม่มีความคิดเรื่องชาติอยู่ ทำได้ทุกอย่างไม่ถือว่าผิดในใจครับ

 

ผมขอบคุณทุกท่านที่เห็นต่างครับ




#784011 ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

โดย naiare on 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 21:50

ที่น่าประหลาดใจมากคือ พวกที่เชื่อแม้วกลับเป็นพวกที่โดนระบบทุนกระทำทั้งนั้น

 

รวมทั้งพวกซ้ายที่ถูกเอามาใช้งานทั้งๆที่อุดมคติตรงข้ามสุดขั้วกับแนวคิดแม้วเลย

 

แต่แม้วฉลาดดีดออกโยนความผิดไปให้เจ้าแทน คนไทยก็ติดหนังละครน้ำเน่าก็เลยไปกันใหญ่

 

ทั้งๆที่แนวคิดของเจ้าของเราเป็นแนวเดินสายกลางออกไปทางซ้ายด้วยซ้ำ  นักวิชาการบางคนเริ่มรู้ตัวแต่ไม่กล้าแสดงออก กลัวโดนด่าเลยยึดอัตตาแบบผิดๆไปแบบนั้น

 

ถ้ามีการปลูกฝังและอธิบายให้คนหมู่มากฟังได้ว่า อะไรมันทำร้ายคุณ ทำให้คุณจนไม่เลิก ก็จะเริ่มรู้เองว่าควรอยู่ข้างใคร โดนใครหลอกอยู่

 

ผมเห็นแต่ในหลวงฯพระองค์เดียวที่ทำเรื่องนี้  นอกนั้นไปมุมการเมืองกันหมด 




#783967 ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

โดย naiare on 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 21:27

ก่อนคิดล้มแม้ว ต้องรู้ก่อนว่าแม้วคิดยังไง ??

ผมเคยโพสต์ไปครั้งนึงแล้วว่าแม้วนั้น มันคิดก้าวข้ามเรื่องชาติไปนานแล้ว แต่คนไทยยังหลงติดกันอยู่ ถ้าสู้ด้วยวิธีปรกติไม่ชนะหรอกครับ เพราะแม้วพร้อมเผ่น เป้าหมายของแม้ว
 
ไม่ใช่ผู้นำหรือมาเปลี่ยนระบอบอะไร แต่ทั้งหมดที่ทำเพื่อจุดประสงค์เดียวคือเป็นเบอร์ 1 ของทุนนิยม (ดูกลุ่ม occupy ที่กระจายไปทั่วโลก กลุ่มเริ่มแรกออก
 
มาต้านระบบทุนนิยมโดยตรง ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ตัวบุคคลเลย) ดังนั้น ...ถ้าแม้วมีเงิน ก็มีอำนาจสามารถแทรกแซงไปได้ทุกที่ทัวโลกเพื่อเป้าหมาย
 
ก่อสงครามได้ เขียนกฎหมายได้ ตั้งผู้นำได้ เปลี่ยนระบอบก็ได้ถ้าไปขัดขวางเป้ามาย ดูพวกยิวก็ได้ แม้วคิดเป็นแบบนั้น มันจึงบอกเสมอว่า โลกล้อมประเทศ
 
แล้วการที่แม้วทำทุกอย่างเพื่อกลับบ้าน มันก็ไม่ได้คิดถึงบ้านอะไรมากมาย มันแค่มาเอาเงินคืนและผลประโยชน์รวมทั้งเครดิตไปใช้ในการลงทุนต่างๆต่อไป
 
เท่านั้น เครดิตคือสิ่งสำคัญมากสำหรับคนพวกนี้

พวกซ้ายตกขอบ พวกล้มเจ้า มองโลกเป็นยูโทเปีย มันบ้าและเพ้อฝันอย่างยิ่ง
 
( ทุกวันนี้ แม้วจึงบริหารสู่เป้าหมายโดยใช้ความแตกแยกเป็นตัวเดินงาน ซึ่งมีลูกสมุนที่โลภเป็นตัวทำงานร่วมกับพวกซ้ายโลกสวยแต่โง่อีกกลุ่ม )



#781960 อเมริกาพบสารหนูในข้าว!!!!

โดย pinkpanda on 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 11:07

อเมริกาพบปริมาณสารหนูในข้าวที่ปลูกในอเมริกาสูงมากกว่าข้าวไทย

 

Consumer%20Reports%20Arsenic%20in%20Food

 

 

ส่วนข้าวไทยก็พบสารหนูทั้งข้าว organic หรือไม่ organic

ทำไงดี? เลิกกินข้าว?

 

 

 

เลิกค่ะ เพราะตอนนี้ก็เริ่มแล้ว 

 

 

ปล.แปลให้อ่านหน่อยได้มั้ย

 

 

และสารหนูคืออะไรคะ

 

 

ทำไม? สารหนู selective ในน้ำกับพืชต่างกัน ต่างกันตรงไหน ต่างกันเพราะอะไร

 

 

ทำไม? ถึงได้กำหนด detection limit ต่างกัน

 

 

toxicity ในน้ำกับพืชทำไมถึงต่างกัน ต่างกันตรงไหน อย่างไร มี mechanism อันไหนบ่งชี้บ้าง

 

 

แล้วทำไม? สารหนูในพืชถึงไม่มีค่า Std. อยากรู้เหตุผล 

 

 

ทำไมสารหนูในพ ืชไม่กระทบต่อสุขภาพ 

 

 

ถ้ามีสารหนูในข้าว จะเชื่อได้อย่างไรว่าไม่เกิด long term effect อยากรู้อ่ะค่ะ ในฐานที่คุณบอกว่าเคยปลูกข้าว ความรู้พื้นฐานพวกนี้น่าจะตอบได้

 

 

จะรออ่านคำตอบนะ 




#781841 เรายังไว้ใจ.... "ทหารไทย" ........ได้อยู่รึป่าวครับ....

โดย นารายณ์สังหาร on 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 09:25

แล้วจะให้ทหารทำอย่างไรถึงถูกใจครับ??  ออกมารัฐประหาร  ทหารสองฝ่ายยิงกันเอง เลือดนองแผ่นดิน  ประชาชนก็ตีกันเอง เลือดนองแผ่นดินอีก???  แสดงว่าทหารเลือกข้าง?????  แล้วอีกข้างที่ไม่มีทหารหนุนหลัง (แต่มีตำรวจ) ล่ะ??

 

 

ผมเข้าใจอารมณ์พวกท่านหลายๆคนนะ  แต่บางทีคนเราเวลายืนในที่่ ที่มองเห็นภาพในวงกว้างและผลกระทบทั้งหมด มันก็ทำอะไรอย่างที่ใจอยากทำไม่ได้หรอกครับ  เพราะเทียบแล้ว ผลกระทบมัน เสียมากกว่าได้ ....

 

คุณคิดเล่นๆก็พอ ...ถ้าฟาดกัน......พ่อที่เคารพรักของพวกเราทุกคนท่านจะรู้สึกอย่างไร???? 

 

ตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป  ดูนิ่งๆไปก่อนดีกว่าครับ  เดาใจพี่ๆท่านยาก

 

 

ไอ้แม้วมันยังไม่กลับบ้านไม่ใช่เพราะไม่เท่ห์หรอกครับ  มันกลัวโดนส่อง และคนที่มันกลัวก็ไม่ใช่ตำรวจหรอก..... ไปตรองดูให้ดีว่า  ถ้าทหารเลือกข้างจริงๆ ประเทศจะเป็นอย่างไรครับ  แล้วจะรู้ว่า ทำไมแต่ละท่านต้องเล่นไปตามบทและหน้าที่ "ตามกฎหมาย" ของตัวเอง 




#781669 เรายังไว้ใจ.... "ทหารไทย" ........ได้อยู่รึป่าวครับ....

โดย ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ on 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 23:00

ผมตอบกลางๆนะครับ  แบบเอาความจริงมาพูดกันนะ

ไม่เข้าข้างใคร

 

1. ในกลุ่มคนสังคมหนึ่งย่อมมีทั้งคนดีและไม่ดีปะปนกันไป

การกล่าวว่า "ไว้ใจทหารไม่ได้" คือการเหมารวมว่าคนทั้งกลุ่มเป็นคนไม่ดีหมดทุกคน ซึ่งไม่ถูกต้อง

ทางที่ดี แยกปลาออกจากน้ำจะดีกว่าครับ  ว่ากันเป็นคนๆไป

จะด่าผบ.ทบ. ด่าผบ.สส.อะไรก็ว่ากันไป แต่อย่าพูดเหมารวมว่าทหารไว้ใจไม่ได้ทั้งหมด

 

พลเอกร่มเกล้าและทหารที่ตายคืนวันที่ 19 เมย. พวกเขาจะตายเปล่า

 

 

 

2. การไปฝากความหวังไว้กับกองทัพว่าจะจัดการปัญหาให้ประชาชนทุกอย่าง ก็ไม่ใช่ทางที่ถูกต้องเช่นกัน

แปลว่าประชาชนไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะจัดการกับรัฐบาลฉ้อฉล ถึงได้ทุ่มเทความคาดหวังทุกสิ่งอย่างไปที่กองทัพให้ทำเพื่อเรา

ทำไมเราไม่โทษตัวเองว่าประชาชนอย่างเราก็อ่อนแอ เรามันไม่เอาไหน  แต่กลับไปชี้นิ้วโทษทหาร

 

การโทษทหารมันง่ายกว่ายอมรับตรงไปตรงมาว่า ประชาชนอย่างเราต่างหากที่ล้มเหลวในระบอบการเมืองที่เรียกว่าประชาธิปไตย




#776498 ความจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่พวกล้มเจ้าชอบเอามาบิดเบืิอน

โดย wincha on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 22:51

ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินราชวงศ์จักรี" กับ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์

ก่อนอื่นเราต้องแยกระหว่างคำว่า "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" กับ "ทรัพย์สินราชวงศ์จักรี" กับ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" ให้เข้าใจเสียก่อน จึงจะได้ไม่สับสน

1.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

คือ ทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายถึงสถาบันฯ ที่ไม่ใช่ตัวบุคคลที่ดำรงพระยศเป็นพระมหากษัตริย์ เป็นทรัพย์สินที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ต้นราชวงศ์จักรี พูดง่ายๆก็คือเป็นสมบัติของชาติชนิดหนึ่ง หมายถึงเป็นสมบัติของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีมาตั้งแต่เริ่มตั้งราชวงศ์จักรีสืบทอดเรื่อยมา

ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรัพย์สินส่วนนี้จึงตกเป็นของแผ่นดิน แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติ์ราชวงศ์จักรีซึ่งเป็นเจ้าของเดิม จึงตั้งชื่อเป็นสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ขึ้น ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังอีกที

ส่วนพระมหากษัตริย์ ก็ได้รับพระเกียรติ์ให้ทรงสามารถแต่งตั้งคณะกรรมไปช่วยดูแลการทำงานได้ 4 คน โดยมีรมต.กระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นผู้บริหาร แต่ทั้งหมดนี้ต้องนำไปใช้เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเท่านั้น

สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไม่ได้นำทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ไปใช้ในเรื่องส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์เลย แต่นำไปใช้เพื่อช่วยเหลือประชาชนและสังคมทั้งหมด

แต่ถ้าสำนักงานทรัพย์สินฯ อยากจะบริจาคเงินให้มูลนิธิต่างๆ ของในหลวง ก็ย่อมทำได้ และตามกฏหมายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นทรัพย์สินของแผ่นดินจึงไม่ต้องเสียภาษี แต่ส่วนเงินปันผลที่ได้จากการถือหุ้นบริษัทต่างๆก็มีการหักภาษีณ.ที่จ่ายตามปกติ (ข้อมูลทั้งหมดจากเว็บสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และสามารถติดตามการทำงานต่างๆของสำนักงานฯได้เช่นกัน)

ส่วนรายได้ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็จะนำไปลงทุนในกิจการต่างๆเพื่อออกดอกผล แต่ทั้งหมดเมื่อได้มาก็เพื่อนำไปส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมต่อไป 

แต่จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จะถวายให้ในหลวงในแต่ละปี เพื่อไปใช้ตามพระราชอัธยาศัยบ้างตามสมควร (ก็อาจถือว่าเป็นเงินเดือนโดยตำแหน่งก็ได้ เราต้องไม่ลืมนะครับว่า เดิมทรัพย์สินตรงนี้เดิมเป็นของราชวงศ์จักรีมาก่อน พอเปลี่ยนแปลงการปกครองก็ไปขอของๆพระองค์ ให้มาเป็นสมบัติชาติ )

2.ทรัพยสินส่วนพระองค์ 

อันนี้แปลง่ายๆ ก็คือทรัพย์สินส่วนตัวของในหลวง ซึ่งต้องเสียภาษีอากรให้แก่รัฐ และมูลนิธิตางๆที่ในหลวงทรงริเริ่มตั้งก็จะนำมาจากทรัพย์สินส่วนพระองค์ก่อตั้งทั้งสิ้นครับ เช่น

มูลนิธิอานันทมหิดล จุดประสงค์เพื่อมอบทุนให้แก่นักเรียนเรียนดีไปศึกษาต่อต่างประเทศในสาขาวิชาสำคัญๆที่ขาดแคลนในประเทศ 

มูลนิธิชัยพัฒนา เป้าหมายที่สำคัญคือ เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือประชาชนให้มีความร่มเย็นเป็นสุข และอยู่ดีกินดี อันจะนำไปสู่ความมั่นคงของประเทศ คือ “ชัยชนะแห่งการพัฒนา (ดูรายละเอียดได้ที่เว็บมูลนิธิชัยพัฒนา) และยังมีอีกหลายๆมูลนิธิเช่น มูลนิธิราชประชาสมาสัย เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนและญาติ เป็นต้น

3. ทรัพย์สินของราชวงศ์จักรี

อันนี้เป็นทรัพย์สมบัติที่อยู่ภายใต้การดูแลจากรมธนารักษ์ เช่นสิ่งของมีค่าทรัพย์สมบัติส่วนพระองค์ของในหลวงรัชกาลต่างๆที่ผ่านมา เช่นเหรียญกษาปณ์ เครื่องราชอิสริยยศ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ หรือจะเป็น
สำนักพระราชวัง รัฐบาลให้งบประมาณปีละประมาณ 2,000 ล้านบาทแก่สำนักพระราชวังซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายกรัฐมนตรีโดยตรง และมีเลขาธิการพระราชวังบริหาร ส่วนหน้าที่ดูแลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งจัดการงานคลังหรืองานอื่นๆอีกมากมาย (ไปดูได้ที่เว็บสำนักพระราชวัง)

ฉะนั้นใครที่กล่าวหาว่า ในหลวงทรงได้เงินงบประมาณมาก จงรู้ไว้ด้วยว่า งบประมาณที่ได้จากรัฐบาลไม่ใช่จะใช้ส่วนพระองค์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเงินที่จะต้องถวายให้พระบรมวงศานุวงศ์ด้วย รวมทั้งเป็นงบใช้จ่ายเกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการ ค่าน้ำมัน ค่าน้ำ ค่าไฟค่าซ่อมแซมของพระราชวังที่ยังใช้งานอยู่ทั้งหมดด้วย 

ถ้าจำไม่ผิดเงินที่ถวายส่วนตัวที่รัฐถวายให้ในหลวงเป็นส่วนพระองค์จริงๆเดียวน่าจะอยู่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปีเท่านั้น ส่วนพระบรมวงศานุวงศ์แต่ละพระองค์ได้น้อยกว่านี้มาก (ข้อมูลตรงนี้เคยได้อ่านจากนิตยสารสกุลไทย) ซึ่งเงินส่วนนี้ที่ได้รับก็จะถูกแยกนำไปเข้าสู่ทรัพย์สินส่วนพระองค์อีกทีหนึ่งครับ และรายได้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายก็จัดอยู่รวมในทรัพย์สินส่วนพระองค์เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องเสียภาษีด้วย (มีนักกีฬาเหรียญโอลิมปิคหรือนักกีฬาเทนนิสชื่อดังอย่างภราดร ก็ยังเคยได้รับการงดเว้นภาษีรายได้จากเงินรางวัลครับ)

ถามว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์สามารถตรวจสอบได้มั้ย?

ตอบว่า ได้ครับ เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐประเภทหนึ่งตามที่ได้อธิบายไปแล้ว จึงสามารถตรวจสอบได้ตามกฏหมายครับ ซึ่งเรื่องนี้ในเว็บของสำนักพระราชวังก็มีบอกไว้ ดูได้จากเว็บสำนักพระราชวัง เรื่อง สิทธิของประชาชน หรือหากใครคิดว่าสงสัยเรื่องความโปร่งใสเรื่องใดที่เกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ก็ทำเรื่องร้องเรียนได้ที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ได้เลยครับ 

แต่ถ้าถามว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์มีหน้าที่ต้องเปิดเผยการใช้เงินมั้ย? 

ต้องตอบว่าไม่มีหน้าที่ แต่ถึงไม่มีหน้าที่ต้องเปิดเผย แต่ในทางปฏิบัติก็มีการเปิดเผยอยู่เพื่อทำเป็นบัญชี แต่ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศทั่วไป แต่ถ้าใครอยากรู้เรื่องไหนก็ไปขอดูได้ แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามระเบียบ อย่าลืมว่า ทรัพย์สินส่วนนี้แม้ยกให้แผ่นดินก็จริง แต่ถือว่าเดิมเป็นทรัพย์สินส่วนที่ได้มาจากราชวงศ์จักรี ไม่ได้เกิดจากการเก็บภาษีจากประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยและไม่ใช่จากงบประมาณแผ่นดินนะครับ

ถามว่า ทรัพย์สินส่วนพระองค์สามารถตรวจสอบได้มั้ย? 

ตอบว่า ไม่ได้ครับ ก็เพราะมันเป็นทรัพย์สินส่วนตัว 
ชาติ (ประกอบด้วย 3 สถาบัน) คนไทยทกคนต้องจ่ายภาษีให้สถาบันฯชาติทุกคน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม แล้วทำไม แค่เงินงบประมาณที่รัฐบาลให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์เพียงปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายทุกอย่างตามข้างต้น กลับมีคนจ้องโจมตี ก็เพราะคนที่จ้องโจมตีมันไม่ต้องการให้มีสถาบันฯอยู่แล้ว ทุกอย่างจึงล้วนผิดหมด 

เงินส่วนพระองค์จริงๆปีละประมาณแค่ 100 ล้าน ซึ่งพระองค์ก็นำไปช่วยเหลือประชาชนอีกต่อหนึ่ง กลับโดนพวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯจ้องโจมตี แต่ผู้บริหาร ปตท. มีเงินเดือนๆละ 13 ล้านบาทยังไม่รวมโบนัส กลับไม่มีใครสนใจ ทั้งๆที่ ปตท.ก็เป็นของประชาชนแท้ๆ แต่ถูกนักการเมืองนำไปแปรรูปฯ
ฉะนั้นการที่ FOBES นำเสนอว่า ในหลวงเรารวยที่สุดในโลกจึงไม่เป็นความจริง แต่ถ้านำเสนอว่า ในหลวงคือกษัตริย์ที่มีจำนวนประชาชนร่วมถวายทรัพย์แด่พระองค์ เพื่อให้พระองค์นำไปพัฒนาช่วยเหลือความเป็นอยู่ให้ประชาชนดีขึ้นมากที่สุดในโลกอย่างนี้ ถึงจะเป็นข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดครับ
พวกที่ไม่จงรักภักดียังโจมตีเรื่อง รถพระที่นั่งยี่ห้อมายบัค (may Bach) ขอตอบว่า เป็นรถที่บริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ ได้ทูลเกล้าถวายให้เนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองการครองราชครบ 60 ปีเป็นจำนวน 2 คัน ฉะนั้นใครไม่เชื่อก็ไปถามบริษัทเบนซ์ได้เลย 

สมัยรัฐบาลทักษิณก็ได้ซื้อถวายเพิ่มอีก 2 คันเพื่อใช้ทดแทนรถพระที่นั่งชุดเก่าที่ทรงใช้มากว่า 30 ปี ส่วนรถยี่ห้ออื่นไม่ว่าจะเป็นบีเอ็มหรือโตโยต้าและเบนซ์ล้วนแต่เป็นรถที่ทูลเกล้าถวายฯจากบริษัทรถเป็นส่วนใหญ่ (บริษัทเดมเลอร์มีแผนจะยุบผลิตภัณฑ์ may Bach อีกภายใน 2 ปีข้างหน้า)
(แต่พวกชั่วคิดล้มเจ้ายังจะโทษเรื่องการใช้รถราคาแพง ก็น่าจะไปโทษทักษิณมากกว่า เพราะในหลวงท่านไม่เคยรับสั่งว่าต้องซื้อให้ท่าน)
และเราต้องเข้าใจคำว่า ร.ย.ล. หรือ ราชยานหลวง เสียก่อนว่า เป็นรถสำหรับใช้ในราชการของสถาบันฯ ไม่ใช่รถส่วนพระองค์ ร.ย.ล. อาจเป็นได้ตั้งแต่รถกระบะที่ใช้งานในวังไปจนถึงรถพระที่นั่งของพระราชวงศ์ ส่วนรถมายบัคที่เป็นรถพระที่นั่งก็เปรียบ เสมือนรถประจำตำแหน่งของพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่รถส่วนพระองค์ของในหลวงนะครับ โปรดทำความเข้าใจด้วยครับ

ส่วนเรื่องพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระพี่นาง ที่โดนโจมตีจากพวกไม่จงรักภักดีฯ ข้อนี้ผมไม่อยากเถียง เพราะคนที่รักก็มองอีกมุมหนึ่ง คนที่ไม่รักไม่ภักดีย่อมต้องมองอีกมุมหนึ่ง เถียงไปก็ไร้ประโยชน์ รังแต่จะสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทไปเปล่าๆ และจะเป็นการเข้าทางพวกไม่จงรักภักดีได้ฯ เพราะพวกนี้เป็นฝ่ายอยู่ในที่มืด พวกนี้ไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว แต่เราผู้จงรักภักดีฯอาจกลายเป็นเหยื่อเอง

ผมบอกได้แค่เพียง งบประมาณที่ซื้อโน้ตบุ้คใหม่ๆเจ๋งสุดๆให้พวกบรรดาสส.และ สว.รวมถึงคณะรัฐมนตรีทั้งสภา รวมกับงบซื้อรถหรูๆประจำตำแหน่งรัฐมนตรีที่เปลี่ยนก็ออกบ่อยๆ เป็นเงินมากมายก็ยังไม่เห็นมีใครโวยกันเลย ฉะนั้นการเถียงกันเรื่องแบบนี้จึงยากที่จะจบ มันขึ้นอยู่กับมุมมองและความรู้สึกด้วย

(แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ดี ก็จะรู้ว่า ช่างฝีมือทุกแขนงอยากมีที่ที่ได้แสดงฝีมือเพื่อเป็นการฝึกฝนและเป็นการเรียนรู้เพื่อสืบสานงานศิลปะชั้นสูง ที่ยากนักจะได้มีโอกาสได้ฝึกฝนอย่างเห็นเป็นรูปธรรมและใช้งานได้จริงๆ ศิลปะจากงานสร้างพระเมรุบางอย่างกำลังจะสูญหายไป เหลือแต่ในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งนั่นหมายถึงศิลปะที่ตายแล้ว และศิลปกรรมในการสร้างพระเมรุนั้น ไม่ใช่มีเฉพาะสิ่งที่เก่าๆที่สืบทอดมาเท่านั้น แต่ได้มีการประยุกต์และคิดค้นใหม่เพิ่มเติมเข้าไปด้วยหลายอย่าง ศิลปกรรมบางอย่างไม่อาจพบเห็นได้จากงานทั่วไป จะมีให้ได้เห็นเฉพาะงานพระราชพิธีเท่านั้น "ศิลปะบางครั้งวัดกันไม่ได้ที่ราคา แต่มันอยู่ที่คุณค่ามากกว่า" หากผมอยากจะมองในแง่ร้ายก็สามารถคิดได้สามารถหาเหตุผลมาโจมตีได้เหมือนกัน แต่ผมเลือกที่จะอยู่ฝั่งเข้าใจเหตุผลในแง่มองโลกในแง่ดีมากกว่า และในฐานะคนไทยคนนึง ผมยินดีที่ถวายให้พระองค์อย่างสมพระเกียรติ)

อย่าลืมนะครับว่า ในหลวง ร.9 คือบุคคล ไม่ใช่สถาบันฯ แต่ในหลวง ร.9
คือส่วนหนึ่งของสถาบันพระมหากษัตริย์ การที่ FOBES จัดอันดับเป็นเรื่องของทรัพย์สินที่รวมส่วนของสถาบันฯ เข้าไปคิดด้วย และไม่ใช่เงินสดทั้งหมด เป็นเพียงค่าประมาณการว่าถ้ามีการขายจะมีมูลค่าประมาณนั้น แต่ในความเป็นจริง แทบไม่มีการขายทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เลยน้อยมาก เช่นที่ดินก็มีแต่ให้เช่าเป็นส่วนใหญ่ และให้เช่าในราคาถูกกว่าราคาตลาดหลายเท่ามาก

แต่ทั้งหมดที่เขียนมา พวกไม่จงรักภักดีเขาไม่เชื่อผมหรอก พวกนี้ก็ยังคิดโทษอยู่อย่างเดียวว่า คนไทยจน คนไทยไม่เจริญเท่าญี่ปุ่นเพราะสถาบันฯเป็นต้นเหตุทั้งหมด เหตุผลอื่นๆเป็นเรื่องรองๆและไม่สำคัญไปหมด 
หากผมจะถามเล่นๆว่า จะมีใครกล้าเอาหัวและตระกูล 7 ชั่วโคตรของตัวเองเป็นประกันได้บ้างว่า หากไม่มีสถาบันฯแล้ว ไทยเราจะเจริญแบบญี่ปุ่นกับสิงคโปร์ จะไม่เป็นแบบพม่าหรือฟิลิปปินส์ จะมีนักการเมืองที่โกงกินกันน้อยลงจากการจัดอันดับของต่างประเทศ และคนไทยจะรักกันไม่แตกแยกไม่ฆ่ากันเพื่อชิงอำนาจ?

ขอย้ำจุดประสงค์ของผมอีกครั้ง ผมไม่ได้ต้องการเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกไม่จงรักภักดีสถาบันฯเลยแม้แต่คนเดียว แต่ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเป็นภูมิต้านทานทางความคิดให้แก่คนที่จงรักภักดีสถาบันฯ และให้คนไทยได้รับรู้ว่า ประเทศไทยมีผู้คิดล้มล้างระบบสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่จริง 

"การจ้องด่าและจับผิดนั้นทำง่าย แต่การพยายามทำดีโดยไม่มีที่ตินั้นทำยากที่สุด แม้องค์ศาสดาของทุกๆศาสนาเองก็ยังไม่พ้นคนนินทาเลย ธรรมดาของโลกครับ"

 

ผู้เขียน https://www.facebook...attannaOriginal




#758510 เรื่องแปลกประเทศไทยในรอบ 2 ปี

โดย naiare on 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 14:36

เรื่องแปลกประเทศไทยในรอบ 2 ปี ยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน

 

1/ เป็น สส อยู่ แต่ลาออกเพื่อมาสมัคร สส (ดอนเมือง) สุดท้ายสอบตก

2/ เป็น สส (เชียงใหม่)อยู่ดีๆ ขอลาออกมาเป็นคนขับรถ

3/ เป็นรัฐบาลที่ผลงานเยอะจนไม่สามารถแถลงผลงานได้

4/ มีนายกรัฐมนตรีรู้ข่าวสารบ้านเมืองหลังนักข่าว และประชาชน

5/ ละครต่อต้านคอรัปชั่น เรทติ้งดี  ถูกถอดด้วยข้อหาทำลายความมั่นคงชาติ

6/ โฆษณาต่อต้านคอรับชั่น ห้ามออกอากาศ

7/ ไฟดับพร้อมกัน 14 จังหวัดภาคใต้

8/ ใช้เงินไปเพื่อลดราคาไข่- ไข่แพง ,ใช้เงินไปอุ้มเพื่อเพิ่มราคายาง ยางตกต่ำ

9/แก้ปัญหาชาวนา โดยไล่ชาวนาไปเป็นชาวไร่ ให้ปลูกอ้อย ปลูกมันแทน

10/ ฝ่ายค้านตรวจสอบจับทุจริตข้าวได้ กลายเป็นฝ่ายผิดทำให้ราคาจำนำเหลือ 12000

11/ ส่งออกข้าวอันดับหนึ่ง แต่ต้องซื้อข้าวเขมรกิน

12/ ชุมนุมโดยสงบ โดนไล่ทุบตี รองนายกขู่ระวังโดนระเบิด

13/ เป็นม๊อบฝ่ายรัฐบาลชุมนุมไล่ทุบใครก็ได้ ไม่ผิด

14/ นสพ ใหญ่ ยุค ปชต คนชุมนุมสามร้อยลงข่าวใหญ่ คนมาชุมนุมหลักหมื่น มองแทบไม่เห็น

15/ หน้าที่หลัก รมว กลาโหม จับผู้นำฝ่ายค้านหนีทหาร

16/ รมต กลาโหมแก้ปัญหาไฟใต้ โดยบอกสื่ออย่าเสนอข่าว

17/ ยุบ รร ขนาดเล็กหมื่นกว่าแห่ง นักเรียนหกแสนคน แล้วไปซื้อรถตู้ 12 ที่นั่งหนึ่งพันคันบอกจะเอามารับ ส่ง (1 เที่ยวได้ 12000 คน คงส่งกัน 24 ชม.)

18/ โจรกระจอก ปล้นฆ่า ขอแค่เช๊ค 5 ล้าน ส่วนพระเครื่อง ทอง สร้อยแหวน ฯ มูลค่ายี่สิบกว่าล้าน เอาไปโยนทิ้ง

19/ ตำรวจคู่คดีกับคนตาย เป็นคนสอบสวนคดีคนตาย

20/ ตำรวจเคยต้องคดีอุ้มฆ่าจับโจรอุ้มฆ่าได้เป็นคนแรก

21/ กู้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติ 2.2 ล้านล้านเพื่อมาทำรถความเร็วสูง กลัวผักเน่า

22/ ใช้เงินสามหมื่นล้านไปอุดราคาน้ำมัน น้ำมันแพงสุด แก๊สขึ้นราคาพรวดๆ

23/ประกาศกระชากค่าครองชีพ ผลปรากฎสายขาด ลูกโป่งลอย แพงทั้งแผ่นดิน

24/ ดีเอสไอ สมองกลับด้านเหมือนเพิ่งเกิดมาแค่สองขวบ

25/ โรลสรอยซ์รองนายก นำเข้าทั้งคันราคารวมแค่ 9 ล้านเสียภาษีถูกต้องทุกอย่างถูกกว่าเบนซ์และถูกกว่าประเทศผู้ผลิต

26/ รมต อยากเป็นเทพฯ ลงทุนถอดเสื้อสวมโขนเล่นละคร มีแต่คนด่า

27/ แก้ปัญหาร้านโชวห่วย โดยให้เปลี่ยนชื่อเป็นโชวสวยแทน ขายดีแน่

28/ แก้จน โดยซื้อหวยเลขทะเบียนรถนายก ถูกแปดงวดแล้ว (อำมาตย์แดงประกาศที่โบนันซ่าก่อน 1 วัน รุ่งขึ้นออกตรงๆไม่มีโต๊ด)

29/ เป็นนายกยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน แต่ไปพูดด่า ปชต บ้านตัวเองใน ตปท.

30/ คนด่าเจ้ากลายเป็นคนรักเจ้าขึ้นมาทันที ส่วนคนรักเจ้าโดนด่าว่าล้มเจ้าเพราะใส่หน้ากากขาว

31/ ยุบโรงเรียนเด็ก แล้วเปิดโรงเรียนผู้ใหญ่ นปช ไปทั่วประเทศแทน

32/ หมิ่นนายก จับได้ทันที หมิ่นเจ้า รอชาติหน้าค่อยจับ

33/ ประเทศไทย บริหารด้วยรีโมทคอนโทรลจากดูไบ ทันสมัยที่สุดในโลก

34/ กูเกิ้ล เจอคู่แข่งชื่อ กูเหลิม

35/ คนเขียนการ์ตูนโดยนายกฟ้อง ข้อหาหมิ่นในเฟซบุ๊คส่วนตัว

36/ เสาไฟฟ้าก็มีสิทธิ์สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ  เกือบชนะแน่ะ

37/ ไฟไหม้โรงสีบ่อยที่สุดในประวัติศาสตร์

38/ ระบบปฏิบัติการใหม่ ISO คิดค้นโดย รมต ICT ประเทศไทย

 

 

ฯลฯ 

 

ต่อเติมกันเอาเองละกันครับ   จะได้เป็นฉบับสมบูรณ์

 

 

 




#757119 ความเห็นส่วนตัวผมว่า จำนำดีกว่าประกัน ถ้า....

โดย 55555 on 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:44

ประเด็นคือ ราคาตลาด...

 

ผมมองจากหลักการตลาดทั่ว ๆ ไป

 

จะให้ราคาตลาดสูงขึ้น ต้องเอาข้่าวออกจากตลาดก่อน

 

ต้องไม่มีการโหมข้าวเข้าตลาด

 

การรับจำนำมันเหมือนกับการทุ่มข้าวเข้าตลาด (ก็เก็บไว้ที่ อคส. หรือ โรงสีที่เข้าร่วมนั่นแหละ)

 

การประมูลออกไปขาย หรือ ส่งออก ก็รู้ ๆกันอยู่ว่ามันมีการคอรัปชั่น (ทุกรัฐบาล)

 

ทำให้ราคาข้าวในหลายปี ไม่ค่อยได้ไปไหนเท่าไหร่

 

การประกัน มันเหมือนเป็นการกันข้าวออกจากตลาด

 

ชาวนาเลือกได้ว่าจะขายไม่ขาย เพราะมีเงินประกันรายได้ไว้สำรองไว้ใช้จ่ายอยู่แล้ว

 

เวลาชาวนาแต่ละคนเลือกจะขายหรือไม่ขาย ก็ทำไม่พร้อมกัน ตามแต่กำลังของแต่ละคน

 

ผมเสียดายมากกว่า เราต้องการเวลาอีกนิดเดียว (คาดว่าไม่เกิน 1 ปี หลังรัฐบาลมาร์ค) สต็อคก็จะลดลงไปจำถึงจุดที่มี่ไว้แค่ความจำเป็นแล้ว

 

ส่วนเรื่องไทยจะเป็นผู้กำหนดราคาข้าวเอง...ตอนนี้เลิกคิดได้แล้ว

 

ตลาดต่างประเทศ เริ่มเคยชิน และรับได้ กับข้าวเวียดนาม และ อินเดีย แล้ว




#733846 ไม่ต้องถามแล้วนะครับ ว่ากำลังรบกับใคร

โดย kaidum on 2 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 13:13

เรียน คุณ kaidum

 

 

ดิฉัน login เข้ามา  แสดงความนับถือคุณ

 

 

ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของคุณ และของดิฉัน  คุ้มครองคุณ  และพี่น้องชาว  3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

 

 

 

ขอให้คุณ ประสพความสำเร็จจงทุกประการ

 

ขอบพระคุณมากครับคุณบี

 

สามจังหวัดชายแดนใต้คือประเทศไทย ที่อยู่ใต้ร่มพระมหาบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

และใครก็ตามจะมาแบ่งแยก ไม่ได้




#734581 ปากคำ"ชัย ราชวัตร"กับ"ภารกิจสุดท้าย"

โดย wat on 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 09:03

B6F3A3A751A84E03A3BD28CDE44EEDA1.jpg

 

ใครล่ะจะคิดว่า "ชัย ราชวัตร" จะวางปากกา ปิดตำนาน "ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน" ที่อยู่คู่หน้า 5 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐมานานถึง 34 ปี

 

ที่พูดคือเรื่องจริงจากปากบรมครู"ชัย ราชวัตร" หลังเจ้าตัวยืนยันกับโพสต์ทูเดย์ว่า ในอนาคตอันใกล้นี้จะเลิกเขียนแน่เพราะอายุมาก เหนื่อยและล้าเต็มที "ผมลากสังขารมานานเต็มที และก็ 72 อายุมากแล้วด้วย การ์ตูนมันก็เหมือนตัวคนเขียนแหละ คือ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันควรจะวางมือตั้งนานแล้ว ถึงแม้ใจผมชอบการเขียนการ์ตูน แต่พอเขียนนานๆ เข้ามันกลายเป็น หน้าที่ที่ต้องทำ ชอบไม่ชอบก็ต้องทำ ไม่มีอารมณ์จะเขียนก็ต้องทำ มันบังคับไปแล้ว และมันก็ไม่สนุกเหมือนเดิมแล้ว ที่ผ่านมาโรงพิมพ์ก็ต่ออายุให้เราเรื่อยๆปกติไทยรัฐเขาเกษียณอายุ 60 ตอนนี้ต่ออายุมา 72 แล้ว ไหนยังต้องคอยหลบภัยจากเรื่องการเมืองนี่มันไม่สนุกหรอก ผมคง หาทางลงที่มันค่อยๆ ลง แต่ไม่ใช่ปุ่บปั๊บ โดดลงจากเวทีเลย" อาการเหนื่อยที่"ชัย ราชวัตร" หมายถึง คือ ทำงานช้าลงกว่าจะเขียนงานแต่ละชิ้นเสร็จ คิดนานไม่เหมือนเมื่อก่อน "ความจริง กว่าจะเป็นการ์ตูนช่องแต่ละชิ้น ใช้เวลาครึ่งค่อนวัน เพราะหนึ่ง เราต้องตามข่าวเพื่อหาประเด็นมาเขียน ต้องอ่าน หนังสือพิมพ์ อ่านคอลัมน์วิจารณ์แทบทุกฉบับ อ่านเพื่อสะสมเอาข้อมูล แล้วก็มาจดไว้ว่า สิ่งไหนเป็นประเด็นที่เราจะเอามาวิจารณ์ได้บ้าง แล้วก็คิดมุก มันไม่ใช่การเขียนภาพประกอบนะ เพราะอันนั้นมันง่าย อ่านเสร็จปั๊บ ก็เลือกเอาตอนนึงมา แล้วก็เขียนภาพไปเลย อันนี้มันต้องคิดมุก คือ การ์ตูนที่มีมุกหักมุม ในช่องสุดท้าย มันเป็นกับดักตัวเอง คือ มันคิดอะไรมันยากนะ เพราะบางทีเรามีประเด็นจะเขียน แต่เราไม่มีมุก เพราะมันไม่มีมุกตลก เสน่ห์ของการ์ตูนช่อง มันอยู่ที่มุกตลก ต้องหักมุมช่องสุดท้าย บางทีเราคิดมุกอยู่ 2-3 ชั่วโมง 

 

"ส่วนฉบับวันอาทิตย์ มันยากตรงที่ว่า มันต้องมีหัวข้อ แค่คิดหัวข้อก็ยากแล้ว แล้วก็หาเรื่องทุกเรื่องคือ 6 เรื่องกับเหตุการณ์ที่เกิดในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่ามีเรื่องไรบ้างที่จะเข้ากับหัวข้อที่เราตั้งไว้  บางทีคิดได้ 3 เรื่องที่เหลือคิดไม่ออก ตัน ก็นั่งอยู่ครึ่งวัน กว่าจะหาอะไรมายัดให้มันเต็ม 6 เรื่องได้ มันก็เหนื่อยไปอีกแบบ  ดังนั้น ใครบอกว่า เขียนง่ายๆ ผมโกรธมากเลย"

 

“มีพรรคพวกมาขอให้ช่วยเขียนการ์ตูนลงแม็กกาซีนให้ ก็บอกไม่ไหวแล้ว เขาก็บอก เฮ้ยอะไรหว่ะ  เขาคงคิดว่า หยิบขึ้นมาแล้วเขียนได้เลย เป็นงานที่ไม่ต้องใช้สมอง ความจริงเขียนการ์ตูนมันไม่ได้หนักตรงเขียนเส้น แต่มันหนักตรงที่ใช้ไอเดีย  แล้วเมื่อเขียนมาถึงจุดหนึ่งเป็นที่รู้จักแล้ว ก็มั่วไม่ได้เราก็ไม่อยากฆ่าตัวตาย คือ เขียนไปแล้วจืดชืด ไม่มีอะไร มันก็ฆ่าตัวตายเปล่า    

     

....อย่างสมัยก่อนเราเขียนการ์ตูนใหม่ๆ เราก็พยายามว่า วันนี้ เขียนได้เท่านี้ พรุ่งนี้ต้องเขียนให้ดีกว่านี้ มะรืนนี้จะต้อง เขียนให้ดีกว่าพรุ่งนี้ แต่พอถึงจุดหนึ่งแล้วมันกลายเป็นว่า วันนี้ต้องพยายามเขียนให้ได้เหมือนเมื่อวานมันกลับกัน เพราะมันถึงจุดสูงสุดของเราแล้ว เราจะเขียนให้ดีกว่านี้ ไม่ได้แล้ว” ชัย ราชวัตร บอกว่า ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา ในที่สุดมันก็ต้องปิดฉาก หยุดงานประจำ แต่อาจเป็นนานๆ อาจปล่อยของออกมาที "ถึงผมจะหยุดไปก็ไม่ได้หมายความว่า เหนื่อยอ่อนเพราะเราเบื่อการเมืองแล้วบ้านเมืองเป็นยังไงช่างมัน แต่ผมอยากให้คนอื่นได้แสดงบ้างส่วนตัวขอมาเป็นกองเชียร์อยู่ข้างๆ แล้วก็มีโอกาสตอดนิดตอดหน่อยบ้าง ก็คงมี นักเขียนการ์ตูนคนต่อไปที่จะสร้างการ์ตูนชุดใหม่ขึ้นมา"

 

7FFAE308A6C54E1C9A6049B5BF91BDCA.jpg

 

ที่มาไอ้จ่อย-ผู้ใหญ่มา

34 ปีกับการ์ตูนล้อการเมือง "ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน" ได้ทำหน้าที่สะท้อนเหตุบ้านการเมืองในแต่ละยุคสมัยเป็น อย่างดีจุดกำเนิดเริ่มที่หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ แต่ไม่กี่ปี จากนั้นก็ย้ายวิกมาอยู่ไทยรัฐกระทั่งปัจจุบัน ส่วนที่มาของ ตัวละคร "ผู้ใหญ่มา" กับ "ไอ้จ่อย" สนทนากันเรื่องปัญหาบ้านเมือง "ชัย ราชวัตร" เล่าเบื้องหลังว่าได้ไอเดียมาจาก ช่วงที่อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เขียนเรื่องสั้นวิจารณ์ระบอบเผด็จการทหารโดยใช้สัญลักษณ์จดหมายจาก นายเข้ม เย็นยิ่ง ถึง นายทำนุ เกียรติก้อง นายเข้ม คือ ตัวอาจารย์ป๋วย ซึ่งเป็นชื่อจัดตั้งตอนเป็นเสรีไทยต้านญี่ปุ่น ทำหน้าที่เป็นชาวบ้านวิจารณ์การปกครองของหัวหน้าหมู่บ้านชื่อทำนุ เกียรติก้อง แปลมาจาก ถนอม กิตติขจร นั่นเอง "ผมได้ไอเดียจากตรงนั้น เพราะรัฐบาล พล.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งมาจากการปฏิวัติ แม้จะให้เสรีภาพกับประชาชน แต่การจะเขียนอะไรก็ได้ไม่เต็มที่ ผมเลยสมมติประเทศขึ้นมาเป็นหมู่บ้าน ใช้ชื่อว่าทุ่งหมาเมิน แล้วก็สมมติตัวผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งก็คือนายกฯ ที่เป็นผู้ปกครอง หมู่บ้าน และก็มีไอ้จ่อยเป็นลูกบ้าน คอยทักท้วงกับผู้ใหญ่มาซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน วันแรกก็คิดแค่ตัวละครสองตัว ถกเถียงปัญหาบ้านเมือง แล้วก็มีตัวอื่นๆตามมาทีหลัง แล้วแต่เหตุการณ์แต่ละเรื่อง"

"ชัย ราชวัตร" ชื่อจริงสมชัย กตัญญุตานันท์ เป็นชาว จ.อุบลราชธานี เดิมทำงานธนาคาร ก่อนลาออกมาเข้า สู่วงการหนังสือพิมพ์เมื่อปี2515 ขณะที่บ้านเมืองอยู่ภายใต้ เผด็จการทหาร เริ่มเขียนการ์ตูนที่แรกให้หนังสือพิมพ์มหาราษฎร์ จากนั้นไม่นานเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 ประชาธิปไตยเบ่งบาน มีหนังสือพิมพ์ออกมาหลายฉบับ มหาราษฎร์ปิดตัวเองลง "ชัย ราชวัตร" ย้ายไปอยู่หนังสือ พิมพ์เดลินิวส์ โดยวาดภาพประกอบ "งิ้วการเมือง" กระทั่ง เกิด 6 ตุลา 2519 เขาไม่ต่างจากนักหนังสือพิมพ์รายอื่นที่ต้องหลบลี้หนีภัยอำนาจมืด เพราะ "รัฐบาลหอย" ไล่จับกุม ปิดหนังสือพิมพ์ที่วิจารณ์รัฐบาล

 

หลบภัยไปสหรัฐยุคเผด็จการ

"ยุคปฏิวัติมีการจับกุมนักศึกษากับกลุ่มปัญญาชน นักหนังสือพิมพ์ สมัคร สุนทรเวช เป็น รมว.มหาดไทย สมัครก็เรียก บก.เข้าไป แล้วก็สั่งห้ามฉบับนั้น คนนั้นคนนี้ เขียน แต่ละฉบับก็จะมีลิสต์ถูกห้ามเขียน ผมเองก็ถูกห้ามด้วย มันก็ต้องหนี ถ้าไม่หนีก็ไม่รู้จะโดนตั้งข้อหาอะไร เพราะตอนนั้นพอจับกุมแล้วก็ขึ้นศาลทหารไม่ใช่ศาลปกติ ซึ่งศาลทหารก็ขังลืมไปเลย ไม่มีใครฟ้องร้อง"

 

"ชัย ราชวัตร" ตัดสินใจหนีไปอยู่สหรัฐ ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการล้างถ้วยชามในบาร์ ผับ แต่ก็ไม่ทิ้งเลือดผู้รักความเป็นธรรม เพราะยังเข้าร่วมงานกับชมรมชาวไทยเพื่อประชาธิปไตยรณรงค์ต่อสู้ช่วยเหลือนักศึกษาที่ถูกจับตอน 6 ตุลา 2519 พร้อมกับทำหนังสือพิมพ์ไทย ชื่อสันติภาพ ซึ่งเป็นแนวต่อต้านรัฐบาล อยู่อเมริกาได้ 2 ปี พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ปฏิวัติ รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร เริ่มคืนเสรีภาพให้ประชาชน หนังสือพิมพ์สามารถวิจารณ์รัฐบาลได้ จึงวางแผนกลับเมืองไทย "ผมอยากกลับเมืองไทย เพราะการไปอยู่เมืองนอก มันก็เหมือนเป็นพลเรือนชั้นสอง พอดีทางเดลินิวส์ตอนนั้นมี เปลว สีเงิน เป็นหัวหน้ากอง บก. เขาโทรทางไกลไป หาผมว่า จะกลับเมืองไทยไหม ถ้ากลับก็มาเลย เพราะบ้านเมืองเริ่มมีเสรีภาพในการเขียนแล้ว จึงตอบตกลงทันที พออยู่เดลินิวส์ได้ 2-3 เดือน ก็มีปัญหาขัดแย้งกับนายทุนหนังสือเกี่ยวกับการบริหาร เมื่อเปลว สีเงิน ลาออก ผมก็ เลยลาออกตาม แต่โชคดีที่ไทยรัฐชวนไปเขียนการ์ตูนผู้ใหญ่มาต่อในปี 2522"

 

ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายยุค "ชัย ราชวัตร" ยอมรับว่าถูกคุกคามเป็นธรรมดา แต่ไม่ถึงกับสาหัส หรือ ถูกฟ้องร้อง ส่วนใหญ่จะเป็นจดหมายเตือนหรือขู่จะฟ้อง เพราะแต่ก่อนไม่มีเฟซบุ๊กเหมือนปัจจุบัน มีครั้งหนึ่งมี นายทหารออกมาขู่ว่า ทหารจะเอกเซอร์ไซส์ ความหมายคือ จะปฏิวัติอีก และโจมตีสื่อว่าขัดขวางไม่ให้ทหารมา บริหารประเทศทั้งที่ทหารเรียนจบ จปร.มา เขาเขียนการ์ตูน แซวว่า จปร. ย่อมาจากเจ๋งเป้งทุกเรื่องเท่านั้นแหละ เลขานุการกองทัพบกทำจดหมายมาว่า จะฟ้องร้องข้อหาหมิ่นสถาบัน เพราะ จปร.เป็นพระปรมาภิไธย เอามา ล้อเลียนไม่ได้ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบ

 

3C5BD5EC0B954B658C4409C13ADF0BB7.jpg

 

ยุคไหนเขียนยาก-ง่าย

อย่างไรก็ตาม "ผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน" เคยขาดหายไปจากไทยรัฐช่วงหนึ่ง คือ พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ถึงขั้นที่เจ้าตัวคิดจะหยุดเขียนไปตลอดชีวิต "ช่วงนั้นทหารปฏิวัติ ก็หยุดเขียน เพราะไม่รู้ทิศทางลมเป็นอย่างไร ตอนนั้นนึกว่าจะหยุดเลย ไม่นึกว่าจะเอากลับมาแล้ว ชิ้นสุดท้ายที่เขียนก็เขียนในลักษณะว่า ตอนนี้ เกิดมีโรคห่าลงมาหมู่บ้าน เสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาที่เคย มีอยู่ก็เงียบหายไป หมู่บ้านทุ่งหมาเมินกลายเป็นทุ่งร้าง ผมก็ทิ้งปริศนาไว้อย่างนั้น แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มสงบไม่มีการจับกุม พอเปิดหนังสือพิมพ์ผมก็เริ่มกลับมาเขียนใหม่ เพราะคนอ่านที่เป็นแฟนเรียกร้องอยากอ่านผู้ใหญ่มาต่อ ก็กลับมาเขียนผู้ใหญ่มาอีกครั้ง เรียกได้ว่าขาดช่วงไปแค่สัปดาห์เดียว" ช่วงไหนเครียดสุด? เขาตอบว่า มักอยู่ในช่วงปฏิวัติ เพราะปฏิวัติแต่ละครั้งเราไม่รู้ว่ารุนแรงแค่ไหน หลายครั้งเขาก็ไล่จับกุม ปิดหนังสือพิมพ์บ้าง พอปฏิวัติทีเราก็ต้องคอยสังเกตทิศทางลม และต้องเบรกตัวเองพักหนึ่งเพื่อดูว่าเขาเล่นงานแค่ไหนถ้าเขาปล่อย เราก็เริ่มเขียนเหมือนเดิม แล้วช่วงไหนเขียนการ์ตูนสบายที่สุด? "มันมีอยู่สองช่วง คือ ช่วง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ บรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ เพราะมันมีเรื่องให้ล้อเลียนตลอดและประชาชนก็มีอารมณ์ร่วมด้วย เขียนอะไรไปก็ถูกอกถูกใจ ฉะนั้นในช่วง พล.อ.ชวลิต กับ บรรหาร ถึงขั้นที่เขียนล่วงหน้าทิ้งได้หลายชิ้นเลย ทำให้ผมเที่ยวต่างจังหวัด ไปต่างประเทศได้บ่อย เพราะสามารถเขียนทิ้งไว้หลายชิ้น โดยที่ว่าผลงานก็ออกมามีคุณภาพ เขียนไปแล้วคนก็ยังชอบอยู่ ทั้งที่เขียนล่วงหน้าหลายวัน

 

ความยากในการเขียนการ์ตูนแต่ละยุคแตกต่างกันหลายลักษณะ "ชัย ราชวัตร" สรุปให้ฟัง โดยยกตัวอย่างช่วง 3 อดีตนายกฯ "อานันท์-ชวน-ทักษิณ" ว่า เขียนยาก กันคนละแบบ "ตอนนายกฯ อานันท์ มันยากตรงที่ว่า แกเป็นนายกฯ ในดวงใจ ซึ่งเราก็ชอบ เราศรัทธา อยากได้คนอย่างนี้มาเป็นนายกฯ และเราก็ไม่อยากโจมตี ก็เลยเขียนไม่ออก หรือ อย่างคุณชวนเป็นนายกฯ เราก็เห็นว่าเป็นนายกฯ ที่เราอยากได้ เป็นคนซื่อสัตย์สุจริตก็เลยเขียนไม่ออก เลยไม่มีมุขจะล้อ เพราะนักเขียนการ์ตูนถ้าจะให้เขียนให้สนุกก็คือ นักการเมืองขี้โกงในยุคคอร์รัปชั่น แต่พอไม่มีสิ่งเหล่านี้เราก็เขียนไม่ออก" "แต่ยุคทักษิณนี่ มาเขียนยากอีกอย่าง ตรงที่ว่า ทั้งประชาชน ทั้งสื่อถูกแบ่งแยกเป็นสองขั้ว ไม่เหมือนยุคเผด็จการในอดีต ยุคถนอม ซึ่งประชาชนกับสื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือ ต่อต้านรัฐบาล เราเขียนอะไรไปคนอ่านก็ชอบ แต่ว่าพอยุคทักษิณเขียนไป คนจำนวนหนึ่งชอบ แต่อีกจำนวนหนึ่งเกลียด โกรธ แปลกมาก เพราะการทำงานหนังสือพิมพ์ เราก็ไม่อยากให้คนออกมาต่อต้านหนังสือพิมพ์ที่เราสังกัดอยู่ พอต่อต้านมากๆ นายทุน เจ้าของหนังสือพิมพ์ เขาก็ต้องคิดมาก เราก็ต้องพยายามเขียนอะไรให้มันเบาลง ไม่รุนแรง อย่างทุกวันนี้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนจำนวนมากสนับสนุนอยู่ เขียนอะไรบางทีก็ต้องเบรกเหมือนกัน คือ เขียนได้แต่ไม่เต็มที่ ในวงการสื่อด้วยกันก็ไม่ได้สามัคคีเป็นทิศทางเดียวกัน มันก็เลยยาก"

 

ผมไม่เป็นกลาง-เกลียดคนโกงกิน

ปรัชญาการเขียนการ์ตูนล้อการเมืองในทัศนะของ "ชัย ราชวัตร" คือ ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนทุจริตโกงกิน ลิดรอนเสรีภาพสื่อไม่ว่านักการเมืองคนนั้นจะมาจากการเลือกตั้งคะแนนเสียงมหาศาลแค่ไหนก็ตาม "สิ่งที่อยากพูด คือ ผมมักถูกโจมตีว่าไม่เป็นกลาง ซึ่งผมเกลียดที่สุดคำนี้ เพราะผมไม่เห็นว่าหนังสือพิมพ์จะต้องเป็นกลาง หนังสือพิมพ์ คือ คนชี้นำประชาชน คอยบอกประชาชนว่า อะไรถูก อะไรดี อะไรชั่ว แล้วมันจะเป็นกลางได้อย่างไร หนังสือพิมพ์เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เมื่อโจรมันปีนรั้วเข้ามาสุนัขมันก็ต้องเห่า ดังนั้น ผมไม่เคยเป็นกลางตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้าสู่วงการเลย วันแรกนั้นเป็นยุคเผด็จการทหาร ยุคที่ศูนย์นิสิต นักศึกษาออกมาเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล ผมก็ยืนข้างนิสิต นักศึกษา เพราะเห็นว่านั่นคือความถูกต้อง และทุกยุคมารัฐบาลก็โกงกินคอร์รัปชั่นจนเอิกเกริก ผมก็ต้องมายืนอยู่ฝ่ายตรงข้าม ผมจะเป็นกลางได้อย่างไร"

 

"แต่ถ้าไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์โดยอ้างว่าต้องเป็นกลาง ถ้าอย่างนั้นใครก็มาเป็นนักหนังสือพิมพ์ได้ จบ ป.4 ก็มาเขียนได้ เพื่อรักษาสถานภาพการเป็นกลางอย่างเดียว แล้วอย่างนี้มันถูกต้องหรือไม่ ฉะนั้นความเป็นกลางมันคือหลุมหลบภัยของคนขี้ขลาด" การเขียนการ์ตูนบนความขัดแย้งสองขั้วเหนื่อยแค่ไหน?"มันเหนื่อยหลายแง่เช่น เหนื่อยตรงที่ว่าบางทีเราจะรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนกันเพราะบางชิ้นที่เขียนไป เป็นเรื่องที่หนังสือพิมพ์ไม่มีใครกล้าเขียน ไม่เหมือนสมัยก่อน ร่วมมือร่วมใจกัน ต่อสู้เรื่องอะไรก็ไปในทิศทางเดียวกัน" "การเขียนเราก็ต้องเกรงใจเจ้าของหนังสือพิมพ์ เพราะหนังสือพิมพ์ เขาก็ต้องอยู่รอดด้วยโฆษณาที่คนอ่านจำนวนเยอะๆ แต่ถ้าเสียงจำนวนมากคัดค้านทัศนะของเรา เราก็คงลำบาก อีกอย่างถ้าหนังสือพิมพ์ ถูกปิดก็จะลำบาก หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่เขาก็จะคอยห้ามปรามไม่ให้นักเขียนเขียนอะไรจนเลยขอบเขต"

 

BA4BD6202CFF4E548EAA5AAD802FCC22.jpg

 

ไม่เคยทรยศคนอ่าน

กลัวอันตรายกับชีวิตบ้างไหม? "ก็มีนะ ... มันปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ไม่กลัว เพียงแต่เรามั่นใจว่า สิ่งที่เราเขียนคือความถูกต้อง ถ้าเราไม่กล้าเขียน เพราะเรากลัว เราก็ควรเลิกเขียน หันไปทำอาชีพอื่นซะ แต่ถ้ารักที่จะทำอาชีพนี้ มันก็ต้องเสี่ยงเอา ไปถามทหารที่รบตามชายแดนเขาเสี่ยงไหม เขาก็กลัว แต่ในเมื่อมันเป็นหน้าที่เขาเขาก็ต้องเสี่ยง ทุกอย่างมันขึ้นกับยุคสมัย บางครั้งมันก็แค่ขู่ๆ หรือถ้าหนักที่สุดในยุคเผด็จการทหาร ก็จับขังคุก มันก็แค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว อย่างตอนอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ก็เห็นอยู่แล้วว่า ขนาดนายกฯ ยังแทบเอาชีวิตไม่รอด ถูกรุมทำร้าย ฉะนั้นประชาชนอย่างเราธรรมดาก็ยิ่งอันตรายหนัก"ยิ่งอันตรายหนัก" ถามไปว่า อยากฝากอะไรกับสังคม "ชัย ราชวัตร" ตอบเพียงว่า "ตลอดที่ผ่านมา ผมได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ายืนอยู่ข้างความถูกต้อง" "แม้จะมีคนอื่นบอกว่าผมเป็นฝ่ายอำมาตย์ล้าหลัง แต่ในอดีตถึงปัจจุบัน ผมก็ยืนในแนวทางของผมชัดเจน ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่สิ่งหนึ่งผมขอบอกคนอ่านว่า ผมไม่เคยทรยศต่อคนอ่าน แล้วก็ไม่เคยทรยศต่อจุดยืนของตัวเอง และเมื่อไรวันไหนวางมือไปผมก็จะวางมือลักษณะนี้ ไม่ใช่วางมือไปเพราะเปลี่ยนจุดยืนตัวเอง" "ไม่เหมือนนักการเมืองบ้านเราเปลี่ยนแปลงตลอด ทุกวันนี้ไม่ได้โกงกินอย่างเดียว แต่มีลักษณะยึดครองประเทศไทยไปถาวรเลย ขนาดคิดจะเปลี่ยนแปลงระบบการปกครอง มันร้ายกาจกว่าเมื่อก่อนนี้เยอะแต่ประชาชนไม่ได้ตื่นตัวขึ้นจำนวนมากก็ยังพร้อมขายเสียงเหมือนเดิม คล้ายๆ ว่าค่าตัวแพงขึ้น แต่ก่อนซื้อ 20 บาท เดี๋ยวนี้ซื้อกันเป็นพัน"

 

ปิดท้าย "ชัย ราชวัตร" ไม่ขอพูดถึงคดีที่ตำรวจตั้งข้อหาหมิ่นประมาทนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากที่โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กระทั่งกลุ่มเสื้อแดงไปชุมนุมประท้วงที่หน้าอาคารไทยรัฐ เขาบอกเพียงว่า "ขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ บางคนก็ช่วยเยอะ เสนอจะให้บ้าน ให้รถใช้ เปลี่ยนที่หลบภัย มันทำให้ผมรู้สึกไม่โดดเดี่ยวจริงๆ"

 

ไม่โดดเดี่ยวในวัย 72 ปี ...

 

F0C13B8A8AB14E878A976ED94212D8C4.jpg

 

ความภาคภูมิใจในชีวิต

ผลงานที่สร้างความภูมิใจในชีวิตของ "ชัย ราชวัตร" คือ การได้เขียนการ์ตูนฉบับพระมหาชนกและคุณทองแดง ทูลเกล้าฯ ถวายในหลวง โดยเฉพาะการ์ตูนคุณทองแดง สามารถทำยอดขายได้สูงถึง 3 ล้านเล่ม "การ์ตูนพระมหาชนกฉบับขาวดำ ยอดพิมพ์ประมาณ 3 ล้านเล่ม ผมว่าไม่ใช่สูงสุดของประเทศไทยเท่านั้น แต่เมืองนอกด้วย ตอนนั้นพระองค์ท่านเห็นว่า หนังสือการ์ตูน พระมหาชนกเล่มใหญ่ คนที่ซื้อกลับไปเอาขึ้นหิ้งเก็บใส่ตู้เพราะหนังสือแพงมาก ไม่กล้าให้ใครแตะ ในหลวงเลยรับสั่งให้ทำฉบับที่ ย่อมเยากว่านี้ ก็เลยพิมพ์ฉบับพ็อกเกตบุ๊กย่อส่วนลงมา ราคาเหลือ 35 บาท จน หนังสือทำยอดได้ 3 ล้านเล่ม ช่วงนั้นในหลวง ตรัสว่า หนังสือพระมหาชนกขาวดำ ถูกก็จริง แต่มันไม่สวย พระองค์เลยมีรับสั่งให้ทำอีกฉบับหนึ่งให้เป็นฉบับสี่สี การ์ตูนก็เลยมีสองเวอร์ชั่นขาวดำกับสี่สี ราคาแพงขึ้นมานิด 65 บาท ส่วนคุณทองแดงก็ขายได้ เพราะเป็นช่วงที่คนเอาไปซื้อแจกปีใหม่ค่อนข้างเยอะ บริษัท องค์กรใหญ่ๆ การบินไทย ให้คนอ่านบนเครื่องแล้วหยิบไปได้ด้วย"

 

"ผมถือว่าเป็นมงคลอย่างยิ่งที่ได้ทำงานรับใช้พระองค์ และมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ หลังจาก เสร็จงานแล้ว พระองค์ก็พระราชทานเครื่องราชฯ มาให้ ก็ถือว่าทำงานเป็นที่โปรดปราน"ราชฯ มาให้ ก็ถือว่าทำงานเป็นที่โปรดปราน" เหตุถูกเลือกให้ทำงานครั้งสำคัญชิ้นนี้ "ชัย ราชวัตร" เล่าว่า เพราะตอนนั้นทางอมรินทร์ ซึ่งดูแลเรื่องพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีโครงการจะทำฉบับการ์ตูน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งกับทางอมรินทร์ว่า อยากได้การ์ตูนที่ดูแล้วตลกแบบขายหัวเราะ อมรินทร์ก็เลยทาบทามให้มาวาด ก็ได้ทดลองเขียนตัวอย่างกันอยู่ 2-3 ครั้ง ก็นำทูลเกล้าฯ ถวายให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตัดสินใจ เมื่อทรงโปรดกับที่ผมเขียนขึ้นไปดูเลยมอบหมายผม พอเขียนเสร็จ จากนั้นอีก 2-3 ปี ทรงมีพระราชประสงค์อยากได้คุณทองแดงเป็นการ์ตูน ทางอมรินทร์เขาก็ตั้งทีมขึ้นมาช่วยให้ผมเป็นหัวหน้าทีม ความยากง่ายระหว่างพระมหาชนกกับคุณทองแดง "ชัย ราชวัตร" อธิบายว่า คุณทองแดงค่อนข้างยาก เพราะพระมหาชนกเป็นเรื่องในพระไตรปิฎกฉะนั้นเราสามารถจินตนาการทุกอย่างขึ้นมาได้ ทั้งเรื่องฉากการแต่งกาย ขณะที่คุณทองแดงยากตรงที่ว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงต้องหาข้อมูล ไปในพื้นที่จริง ตามท้องเรื่อง "คุณทองแดงเป็นสุนัขจรจัด อยู่ในซอย ข้างศูนย์การแพทย์ ผมก็ต้องไปสถานที่จริง เอากล้องไปถ่ายอาคารบ้านช่องแถวนั้น เพราะเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรแล้ว พระองค์ท่านจะได้ว่า ใช่ๆ ตรงนี้ ไม่ใช่เราจินตนาการไปเอง หรือฉากตรงนี้ ไม่ใช่เราจินตนาการไปเอง หรือฉากตอนเข้าไปอยู่ในวัง แล้วเราก็ต้องดูว่าเลี้ยงยังไง แล้วกรงอยู่ยังไง เป็นกรงสุนัขแบบชาวบ้าน หรือเป็นกรงพิเศษ แล้วการฝึก มีเครื่องแต่งกายไหม ก็ต้องไปถ่ายข้อมูลจากในวัง" "ทุกอย่างต้องมีข้อเท็จจริง แล้วสุนัข ทุกตัวที่เป็นลูกของคุณทองแดงทั้งหมด 9 ตัว แต่ละตัวจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ มีสี ลาย ไม่เหมือนกัน เราก็ต้องถ่ายแต่ละตัว หน้าตรง ด้านข้าง ต้องเก็บเป็นแฟ้ม เวลาวาด ก็ต้องเปิดเลยตัวไหนลักษณะเป็นอย่างไร พอดูปั๊บ ในหลวงจะได้ทรงรู้เลยว่าตัวนี้ใช่ เพราะมันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาไม่ได้เลยมันเลยยากตรงนี้"

 

"เขียนเสร็จก็ต้องส่งให้ในหลวงทรงดู เป็นระยะ ตอนนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่หัวหิน ผมก็ส่งไปอาทิตย์สองอาทิตย์ ก็ต้องมีคนประสานงานนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แล้วพระองค์จะหมายเหตุกลับมาว่า ตรงนั้น ตรงนี้ ต้องแก้ ผ่านขั้นตอนค่อนข้างเยอะ แต่ละเล่มทั้งคุณทองแดง พระมหาชนก ก็ใช้ เวลากว่าครึ่งปี"

 

http://www.posttoday...บ-ภารกิจสุดท้าย

 

^_^  ทองแท้... อยู่ที่ใดก็ย่อมเป็นทอง... วันยันค่ำ... คุณค่าอยู่ที่ตัวของตัวเอง... คารวะด้วยใจขอรับลุงชัยฯ




#732334 ถามคนเสื้อแดงในเสรีไทยแบบ "มีสาระ และเปิดอกคุยกัน" ถ้ารู้อยู่เต็มอกว่...

โดย hentai on 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 14:36

 

ผมรอนายคนกางอย่างเฮนไตเข้ามาตอบ

 
จขกท เค้า ถามเสื้อแดงครับ...    
เกรงใจเค้าหน่อย...  
:D


เฮนไต อยากจะตอบก็ได้ครับ ไม่ว่ากัน ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นกัน

 

ความจริง อย่างแรก...  ที่ผมไม่ปฏิเสธ และไม่เคยคิดจะบิดเบือน และ ทุกท่านน่าจะเห็นเหมือนกัน คือ..  รัฐบาลน้องแม้วนี้... มีโกงแน่ มีกินแน่..  

ความจริง อย่างที่สอง..  ที่ผมบอกเสมอ... หลายคนยอมรับแต่ไม่กล้าพูด คือ  รัฐบาลไหนๆมันก็ มี ทุจริต มีโกงมีกินแน่ๆ...    หัวไม่กินเอง..  เลขาหัวก็กิน... 

 

ผมจำได้ว่าบอกตั้งแต่เข้ามาเล่นใหม่ๆว่า 

ผมประมูลงานราชการมาตลอด...  จ่ายตลอด ทุกยุค ตั้งแต่ ชวน เป็น ต้นมา...  (ไม่ใช่ก่อนนั้นไม่มี...  ก่อนนั้นผมไม่รู้ด้วยตัวเอง..อะไรที่ไม่รู้ผมไม่พูด)  

 ยิ่งเปลี่ยนรัฐบาลนี่ จ่ายสองรอบเลย เพราะ .. "ท่านมาใหม่" ยังไม่ได้... 

 

ดังนั้น การเปลี่ยนรัฐบาล สำหรับผม มันพิสูจน์แล้วว่า... ไม่ได้แก้ปัญหา corruption...      

ท่านไหนโลกสวย จะคิดว่า หัวดีไม่โกง... แล้วจะสะอาดกว่า  น้องคนหนีคุก...    ตามสบาย..  เราข้อมูล การรับรู้โลกภายนอก ไม่เท่ากัน...  

ท่านอยากฟังความเห็นผม.. ก็ต้องมองที่มุมผม แบบที่ผมเห็น..

 

ถ้าถามว่า คอรัปชั่นมหาศาลขนาดนี้ ทนได้หรือไม่...   ผมว่า เราไม่มีทางเลือกครับ..  เพราะ

1) ในมุมผม.   ทางเลือกอื่น มันไม่ได้ดีกว่าเลย..

2) ในมุมผม.   ทางเลือกอื่น โดยวิธี ประชาธิปไตย เ็ป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้...    (เพราะประชาชนไม่เลือก)

 

ผมรู้จักชาวนาตัวจริง...  ที่เช่าที่ผมทำนา..     วันนี เค้า ลืมตาอ้าปากได้ เพราะ รัฐบาล น้องแม้ว      

วันนี้เค้าออกรถไถ...    เองได้แล้ว สามารถรับจ้างไถได้เสริมรายได้...    ขณะที่   ที่นาแทบไม่มีเหลือให้ทำนาแล้ว เพราะ

คนกลับไปทำนากันหมด...      ชาวนา ครอบครัวนึง เด๋วนี้ทำได้ เป็น ร้อยๆไร่..  ได้ทีเป็น ล้าน..

จ่ายค่าเช่านา ค่าปุ๋ย..  เหลือเป็น แสนๆครับ..     แบบนี้  จะเลือกตั้งอีกที่รอบ...    แบเบอร์ไหมครับ

 

ชาวนา ส่วนใหญ่เค้าไม่รู้หรอกครับว่า จำนำข้าว รัฐเจ็งไปเท่าไร...    เค้ารู้แค่ว่าวันนี้ต้องทำอะไร ซื้อปุ๋ย ดายหญ้าหัวคันนา ฉีดยา..   

ส่วนน้อยละครับ ที่จะสนใจการเมือง...    แต่ถึงรู้แล้วยังไง..    เค้าไม่เหมือนพวกท่านๆ ที่

เอาตัวเองรอดไปแล้ว..  มีเงินเดือนกินบ้าง เป็นเจ้าของกิจการบ้าง..   เป็น ชนชั้นอำมาตย์น้อยใหญ่ไปแล้ว...

เอาง่ายๆว่า   ถึงขนาดมีเวลามาเล่น web...

 

เมื่อตัวเองรอด ท่านก็มีเวลามาสนใจของนอกตัว ว่า รัฐบาลจะทำเงินภาษีท่านเจ๊งเท่าไร..  นายกจะพูดผิดกี่ที ... ปูจะโง่กี่รอบ..  แม้วจะโกงกี่แสนล้าน..

ขณะที่  เค้าเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ เห็นอะไรก็ต้องคว้า...  ท่านจะไปบอกว่า อย่ามาคว้าท่านเพราะ จะจมกันหมด...      

เค้าไม่เข้าใจหรอกครับ..     และ้เค้าคว้าท่านแน่ๆ..   

 

ถ้าไม่เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา...    ท่านก็จะเข้าใจตื้นๆแค่ว่า... ทำไมโง่จัง กินหญ้าหรือไง เลือกอยู่ได้... ไม่รู้หรือว่ามันโกง..  

ท่านไม่มีทางเข้าใจ วาทกรรมที่ว่า..    "ฝ่ายนี้กินแล้วยังแบ่งประชาชน"

 

ดังนั้นไม่ว่า อีกฝ่ายจะ ฝ่าความเท็จบ้างจริงบ้างให้ตายยังไง..     มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรได้ 

 

ถ้ารัฐบาล นี้ชั่วช้าเลวทราม อย่างที่ว่ากัน..    สำหรับผม.. ปล่อยให้เค้า ทำไปครับ..

ถ้าชาวนา ชาวบ้าน จนลง เค้าอาจคิดได้ว่า ตัวเลือกที่ ท่านว่าดีกว่ายังมี..

ถ้าชาวนา ชาวบ้าน รวยขึ้น จนรอดแล้ว แบบพวกท่าน เค้าก็จะมีเวลาพอที่จะมา optimize รัฐบาลแบบที่ท่านทำ..

 

เราใจร้อนมาครั้งนึงแล้ว.. ผลก็คือ..  ดื้อยา..  

เราต้องให้ เซลส่วนใหญ่ในร่างกายเรา รู้จักแยกแยะอะไรดีไม่ดี และจัดการ ของไม่ดีด้วยตัวเอง..

 

ผมว่า ท่านๆอาจคิดว่าก็ต้องรอไปอีกนาน..   แล้ว ตอนนี้ละจะเฉยๆหรือ.. 

อยากฝากข้อคิดไว้ว่า..

อย่าลืมนะครับ..   ตอนนี้ เซลเราอาจจัดการของไม่ดีไปเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ได้...  ใครจะรู้..

:D




#717943 ราคาอาหารไม่ได้แพงขึ้น: ผลสำรวจ 3 ครั้งในรอบปี

โดย sigree on 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 07:54

ผมเตือน ดร ด้วยความหวังดี

 

อย่าก้าวไปในพรมแดนที่ตัวไม่รู้และไม่เข้าใจ

market114-2556_01.jpg

 

          จะพบว่า ราคาอาหารแทบไม่ได้ปรับขึ้นเลย หรือปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2% ในช่วงครึ่งแรกที่สำรวจ ซึ่งยังต่ำกว่าการปรับเพิ่มของอัตราภาวะเงินเฟ้อที่ 3-4% ต่อปี  มีเพียงบางร้านหรือบางศูนย์อาหารเท่านั้นปรับราคาขึ้น แต่ก็ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ผิดกับความรู้สึกของบุคคลบางส่วนที่เชื่อว่าราคาอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ในช่วงครึ่งหลังของปี ราคาไม่ปรับเพิ่มขึ้นเลย

 

ดร อ่านตารางของ ดร เองไหม?  ท่านเขียนเองนะว่าปรับ 17 %

 

17 % นี้มันเล็กน้อยหรือ 

 

ประโยคว่า มีเพียงบางร้านหรือบางศูนย์อาหารเท่านั้นปรับราคาขึ้น แต่ก็ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

 

ปรับถึง 17 % นี้ถือว่าน้อยหรือ?  หรือหลงตัวเลขเฉลี่ย 2 % ได้ไม่ดูให้ครบ?

 

หรือ

 

          ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ขนาดในพื้นที่สีลม ซึ่งเป็นศูนย์ธุรกิจสำคัญที่สุด หรือ Central Business District ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถาบันการเงิน และบริษัทชั้นนำ ราคาอาหาร ก็ยังไม่ได้ปรับเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นในบริเวณอื่นก็คงมีสภาพไม่แตกต่างกัน หรืออาจปรับเพิ่มน้อยกว่านี้อีกก็เป็นได้

 

ถามด้วยความเคารพ  ราคาหรือการไม่ปรับในพื้นที่หนึ่งตอบแทนทุกๆพื้นที่ได้หรือ?  ในความจริงแล้ว ดร. เองก็ตอบค้านมาในอีกวรรคว่า

 

          อย่างไรก็ตามอาจมีบางบริเวณ เช่น เมืองท่องเที่ยว หรือเมืองอุตสาหกรรมที่มีการปรับเพิ่มของราคาขายมากกว่านี้ หรือสำหรับรายการอาหารแบบฟาสต์ฟูด ก็อาจปรับราคาเพิ่มขึ้นตามอำเภอใจโดยไม่ได้มีการควบคุม แต่สำหรับประชาชนกันเอง ย่อมมีความเห็นใจและถ้อยทีถ้อยอาศัยกันตามสมควร จึงทำให้แทบไม่มีการปรับราคาขาย

นั้นทำให้ผมเข้าใจเลยว่า ดร.ไม่เข้าใจโลกจริงๆ

 

เป็นความจริงที่อาหารในเขตท่องเที่ยวราคาแพงกว่าทั่วๆไป

 

แต่

 

ในเขตอุตสาหกรรมคนละเรื่อง  จะถูกกว่าปกติมาก  และจะมีการเพิ่มราคาน้อยมากเมื่อเทียบกับพื้นที่อื่นๆเพราะเป็นพื้นที่ของคนงานโรงงาน

 

ผมนึกถึงการพูดถึงเรื่องผังเมือง ที่ ดร. พยามมากๆที่จะให้มีคอนโดในถนนแคบ  โดยไม่เคยเข้าใจว่า เมื่อคอนโดเกิดในถนนแคบๆ รถติดในซอยเลวร้ายมากน้อยแค่ไหน

 

และเมื่อผมถาม ดร.เลือกจะไม่ตอบ

 

มองโลกอย่างที่โลกมันเป็นบ้างเถอะ  อย่างน้อยคนคิดทางการเมืองแบบเดียวกับท่าน  อาจยกท่านขึ้นมาบ้างในความนิยมของเขา