Jump to content


BubbleBoys

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 22 กันยายน 2554
ออฟไลน์ เข้าใช้งานครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2555 12:31
-----

#330319 ถลกหนัง HERE

โดย ดราม่า on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:11

มาขอความรู้เพิ่มเติมเรื่อง สนง. ทรัพย์ฯ ค่ะ จะได้ไปต่อกรกับมวลเสื้อแดง โดยเฉพาะประเด็น สนง. ทรัพย์ฯ ไม่เสียภาษี ... ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ


แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ของคุณจีระศักดิ์ครับ ที่บ้านพี่เมืองน้อง(แต่มันไม่นับญาติกับเรา)

http://forum.seritha...hp?topic=5405.0


ส่วนอันนี้คุณV_Meeตอบ ตอบที่มาที่ไปของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ดีมากๆครับ ถ้าศึกษาแล้วจะรู้เลยว่า คณะราษฎรยึดทรัพย์ท่านมาอย่างไม่ชอบธรรมจริงๆ

http://topicstock.pa...5/K7396495.html


#329766 ถลกหนัง HERE

โดย amplepoor on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 14:39

ต่อไปนี้คือข้อความที่ผมโต้แย้ง

เรียนตามตรงว่าท่านสุลักษณ์นี่ ยิ่งแก่ยิ่งโง่ อวดทะนงในความรอบรู้ แต่ดันรู้ผิดๆ
เท่านั้นยังไม่พอ ยังเอาความรู้ผิดๆ มาบอกต่อ ทำให้สังคมที่ควรอุดมปัญญา กลายเป็นอับจนปัญญาไปเสียนี่

1 เรื่องสีลมที่ท่านบอกว่า "เป็นเมืองสุดแดนของกรุงเทพเลย เลยทำที่ฝังศพเอาไว้" ทำให้รู้ว่าท่านนี่โง่ประวัติศาสตร์เกินจะเยียวยา
ท่านไม่รู้ประวัติศาสตร์ผังเมืองก็น่าจะเงียบ ท่านไม่รู้มานุษยวิทยาชุมชนก็น่าจะเล่าแค่โคตรตระกูลของท่าน อย่าสะเออะสู่รู้เรื่องที่เกินปัญญา
สีลมมิใช่เมืองสุดแดนอะไรเลย แล้วการเป็นสุดแดนก็ไม่ได้กำหนดมาเพราะว่าเพราะมีป่าช้า
ตอนนั้นสีลมเป็นเหมือนเมืองบริวารย่อยๆ ของพระนครด้วยซ้ำ หมายความว่าเป็นศูนย์กลางในตัวเอง เหมือนบางกอกใหญ่ หรือสามเสน...พวกนี้เป็นเมืองย่อยในเมืองหลวง

ที่เป็นอย่างนั้นเพราะผังเมืองของเราใช้ชุมชนเป็นหัวใจ ไม่ได้ใช้ภูมิประเทศ วิธีคิดอย่างนี้ พวกเห่อฝรั่งอย่างท่านคงไม่เข้าใจเพราะไม่ตรงกับตำราฝรั่ง อันนี้ก็ต้องโทษว่าท่านรู้น้อยเอง

เราเองเป็นผู้กำหนดให้ชาติตะวันตกต้องตั้งรกรากอยู่ใต้แม่น้ำ หรือใต้ป้อมป้อมป้องปัจจามิตร/ปิดปัจจานึกลงไป นี่คือตามสนธิสัญญาบาวริ่งที่บอกว่าห้ามกำปั่นขึ้นมาเกินสองป้อมนี้

หลังจากนั้น บริเวณนี้ก็คับคั่งด้วยผู้คนลามมาตั้งแต่ปากคลองผดุงกรุงเกษม กระจายไปทั้งทางตะวันออกและทางใต้ จนรัชกาลที่ 4 ต้องตัดถนนไปหา คือถนนเจริญกรุง

โถเสียทีที่เป็นคนตรอกสันติภาพ แต่ความรู้เกี่ยวกับถิ่นนี่ บ้าบอมืดมัวเสียจริงๆ

เมื่อมีคนอยู่กันมาก ก็ต้องมีคนตาย เขาก็ต้องตั้งป่าช้า ป่าช้าก็ต้องอยู่ไกล้ตัว ไปดูชุมชนเข้ารีตที่อยุธยาก็จะเห็นว่าเป็นรูปแบบที่เดินตามมาไม่ได้ผิดประหลาดอะไร

แต่ท่านส. คงจะนึกว่า ธรรมเนียมเรา เมืองมีประตูผี เป็นทางให้เอาศพออกไปทิ้งนอกเมือง ป่าช้าก็เลยต้องเป็นที่ห่างไกลกระมัง น่าขัน
นี่แหละผมจึงบอกว่าไม่รู้เรื่องมานุษยวิทยาเอาเสียเลย ดังนั้น มีป่าช้านานาชาติตรงนี้ ไม่ได้แปลว่าเป็นเมืองสุดแดน แต่แปลว่า เป็นชุมชนนานาชาติขนาดใหญ่ มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมอันพลุกพล่าน ถ้าจะใช้คำว่าสุดแดนกรุงเทพในยุคปลายรัชกาลที่ 4 จนตลอดรัชกาลที่ 5 ต้องชี้ไปที่บางคอแหลม ถนนตก สำเหร่ ต่อไปบางปะกอกโน่น

ที่โต้แย้งมานี้ ไม่ได้หวังให้ท่านส. เข้าใจนะ เพราะท่านเป็นชาล้นแก้วมาแต่เด็ก แต่อยากให้ผู้อ่านคนอื่นๆ เห็นว่า คนที่ถูกยกย่องอะไรกันนี้น่ะ ที่จริงไม่ได้ดีกว่าเราเลย เพียงแต่เขามีความหน้าด้านที่จะเผยแพร่สิ่งผิดๆ ออกมาตลอดเวลา เปรียบเหมือนคนท้องร่วงที่รักษาไม่หาย ขี้เรี่ยราดไม่เคยเกรงใจใคร


#329767 ถลกหนัง HERE

โดย amplepoor on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 14:40

2 เรื่องเอาที่ดินทำวนา(ส. คงจะใช้คำนี้นะ วนา แปลว่าสวน วันนาข้าพเจ้าแปลไม่ออก) ผมว่าที่ฝ่ายคริสต์จะทำโรงพยาบาลนั้น เหมาะสมกว่าทำสวนมากมายนัก
แถวนั้นไกล้แม่น้ำ ถือว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่ดีพอสมควร แล้วโดยมาตรฐานคริสต์เตียน เขารักษาสิ่งแวดล้อมดีกว่าวัดพุทธในเขตเมืองเสียอีก
เชื่อว่าโรงพบาบาลที่สร้าง จะเขียวพอสำหรับเมืองตามอัตภาพ ท่านควรจะเรียกร้องให้รื้อวัดพุทธคอนกรีตทำเป็นสวนจะดีกว่า จริงใหม

3 เรื่องทวงสิทธิตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม อันนี้ผมว่าท่านเลอะแล้วละ เรื่องผ่านมาจนปราศจากผลกระทบต่อปัจจุบัน ท่านยังจะเสี้ยมให้เกิดความร้าวฉาน นี่มันสันดานบ่างแท้ๆ
อีกอย่าง ท่านเองก็คุ้นเคยกับฝ่ายคริสเตียนดี น่าจะรู้ว่า นอกจากพวกที่หากินกับผรั่งแบบโคตรเง่าของท่าน ที่ขูดรีดสยาม คริสต์ทั่วไปนั้นไม่ได้เลวเหมือนท่าน
ไม่ได้อวดชุบตัวว่ามาจากนอกแล้วมาดูถูกคนไร้โอกาส คริสต์ที่สีลม บางรัก ยานนาวาไปถึงบางคอแหลม กลมกลืนสนิทสนมกับไทยและชาติอื่นๆ
ไม่เคยเกิดเหตุกระทบกระทั่งกันเลย ทั้งๆ ที่แถบนั้นมีกันอยู่เป็นสิบเชื้อชาติ ไม่เหมือนเจ๊กที่เป็นโคตรเง่าของท่าน ที่ก่อความไม่สงบเป็นนิจ
ไม่พอใจอะไรก็ระดมอั้งยี่ ไม่พอใจก็เลี๊ยะพะ ดูเหมือนท่านเองจะสืบสันดานถ่อยๆ เหล่านี้มาได้หมดจดทีเดียว


#329907 ถลกหนัง HERE

โดย amplepoor on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:42

คำโต้ตอบของผม

ที่จริงเรื่องนี้เราวิเคราะห์กันที่เว็บเสรีไทย สรุปได้ว่า ใช้หลักอาชญวิทยา101 ก็บอกได้ว่าใครฆ่า

ประการแรกใครเสียประโยชน์จากเหตุการณ์คนนั้นไม่ได้ฆ่า คนเสียประโยชน์คือจ้าวและนายปรีดี ส่วนคนได้ประโยชน์คือนายแปลก ง่ายๆแค่นี้เอง

ทีนี้นายปรีดีน่ะมือไม่ถึง รีบไปประกาศว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งมหาชนเขารับไม่ได้
เอาละ ถ้าน้องฆ่าพี่จริง ทำไมปชป. ถึงมาโพทนาแย้งปรีดีล่ะ ทำไมไม่ตามน้ำเพื่อปกป้องคนผิด
นี่ก็แสดงว่าปชป. ไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ แต่โวยเพราะโกรธรัฐบาล หรือร่วมมือกับนายแปลก

ทีนี้น้องฆ่าพี่ทำไม ส. ตอบได้ใหม เล่นกันแล้วปืนลั่นหรือ แล้วพวกมหาดเล็กเงียบทำไม
แล้วหลายวันนั้นพี่ชายป่วยจนไม่มีแรงกินยา ใครจะเอาปืนมาเล่นไหว

เอ้า เอาใหม่ น้องฆ่าพี่เพื่อหวังสมบัติ อันนี้ก็ต้องทำให้แนบเนียนกว่านั้นสิ คือต้องทำให้เป็นอุบัติเหตุ ที่ไม่ใช่ปืน หกล้ม จมน้ำ รถตกเหว...สารพัดจะทำ และไม่ต้องทำในเมืองไทยก็ได้

ผมเห็นว่าเรื่องนี้ คนที่อวดรู้ไม่เคยเอาหลักวิชามาใช้เลย ส. นี่ก็อวดเก่ง พูดลอยๆ ว่าใครๆ ก็รู้

งั้นผมพูดมั่ง เป็นคนในตระกูลเซียวเกสมนี่แหละ แอบขึ้นไปบนขื่อ ได้โอกาสก็ลงมายิง เหตุผลก็คือตระกูลนี้มันบ้า มีเชื้ออาชญากรมาตั้งแต่อยู่เมืองจีน หนีมาสบามก็เพราะหนีคดี....เป็นงัย ผมก็อุปโลกตัวเองเป็นนักรู้ได้

อีกประการ ถ้าน้องฆ่าพี่หวังเป็นใหญ่ นายปรีดีก็สมรู้ร่วมคิด เพราะเป็นคนสถาปนาในวันนั้นเอง

ผมคิดว่าฝ่ายนายแปลกน่าสงสัยที่สุด
วันประหาร เผ่าไปคุยกับเฉลียวทำไม สองคนสนิทกันมาก ทำไมจะรับงานจากนายแปลกไม่ได้ เหตุการณ์นี้ ฝ่ายนายแปลกได้ประโยชน์ที่สุด เพราะอ้างเป็นเหตุยึดอำนาจ ฝ่ายปรีดีกับเจ้าขาดทุนที่สุด แทนที่จะจับมือกันได้เพราะนายปรีดีไปประจบเสียมากมาย ก็เสียศูนย์

ทำให้นายแปลกกุมอำนาจได้ใหม่ ทั้งๆที่กำลังจะกลายเป็นอาทิตย์ตกดินเพราะไปเข้ากับญี่ปุ่น....
ไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี่นักปราชญ์วัยแปดสิบคิดไม่ออก ต้องให้เด็กสิบแปดอย่างกระผมสั่งสอนให้หายเขลา

นายแปลกขึ้นมาคราวนี้ เล่นงานฝ่ายเจ้าเสียแทบหมดสภาพ
นายปรีดีพยายามก่อกบฎสองหน ก็ล้มเหลว นี่คือผลกระทบจากการสูญอำนาจเพราะกรณีสวรรคต

ส. ควรจะรู้ว่า นายแปลกนั้นเกลียดเจ้าขนาดใหน คราวกบฎบวรเดชนั่น เตรียมฆ่าล้างโคตรเสียด้วยซ้ำ แต่อำนาจไม่พอทำได้แค่ขังลืม

ทีนี้พอรอดจากการเป็นอาชญากรสงครามก็ต้องทวงอำนาจคืน เพราะปล่อยนานไปเจ้ากับปรีดีผนึกกันแน่นแฟ้นตัวเองจะไม่มีที่ยืน กรณีสวรรคตจึงเป็นกระสุนนัดเดียวฆ่านกสองตัว ที่เล่ามานี้ ใครๆก็รู้กันทั้งนั้น

ผมน่ะเป็นแฟนส. มาตั้งแต่สมัยแกก่อร่างสร้างตัว รุ่นหนังสือสนุกโน่นทีเดียว อ่านตั้งแต่จำความได้
เจอการตอบเรื่องร.8 แล้วเสียดายความนับถือ ใหนว่านับถือโสคราเตสงัย ทำไมเล่นเหตุผลวิบัติเอาดื้อๆ ว่าใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น

ฝีมือระดับปรมาจารย์ส. ถ้าจะลอกคราบเรื่องนี้ สามารถทำได้โดย 112 แตะต้องไม่ได้อยู่แล้ว
อ้อ ท่านเคยบอกว่ากรมไชยนาทพูดกับหมอ แล้วหมอพูดกับหมา แล้วหมามาบอกแมวสุลัก เอ่อ...
ท่านไม่อายแต่ผมอายนะ เพราะท่านดันพิมพ์เป็นภาษาไทย ทำให้ความบัดซบนี้ติดอยู่ในภาษาไทยของผม
ที่บอกว่า อย่าเอาปืนมาเล่นน่ะ

คงจำได้ ท่านมาเล่าอย่างนี้ท่านไม่อายโสคราติสเลยหรือ
เรื่องเสื่อมเสียขนาดนี้ มีหรือระดับกรมพระยาจะตรัสกับคนนอก
เรื่องพล่อยๆ พวกนี้มีแต่พวกเจ๊กตระกูลเซียวเท่านั้นแหละ ที่กล้าเอามาปล่อย




ปล
ผมจะเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ ให้เป็นวิชาการ น้องเบิร์ดจะได้เอาไปแปะเฟสของเธอได้


#329982 ถลกหนัง HERE

โดย amplepoor on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:16

ส.ศิวรักษ์: ความจริงถูกเปิดเผยแล้ว แต่คนที่มืดบอดอยู่ก็มองไม่เห็น ถ้าคุณเปิดตาให้กว้าง เพราะสมัยนี้มันมีอินเทอร์เน็ต มันมีอะไรต่ออะไรที่ออกมาเยอะเยาะเลย ถึงแม้คุณจะห้ามไม่ให้เข้ามาในประเทศนี้ มันหาได้นอกประเทศ

เพราะฉะนั้นเรื่องกรณีสวรรคต ตอนนี้มันปรากฏทั่วโลกแล้ว แล้วก็ปรากฏในเมืองไทย แต่ไม่สามารถปรากฏในสื่อที่เปิดเผยได้ เพราะสื่อเมืองไทยมันแหย มันปอด มันกลัว แล้วก็ไปผูกอยู่กับม.112 คนก็เลยกลัว ไอ้มาตรานี้จนเกินเหตุไป แต่ถ้าเผื่อคุณอยากจะรู้ความจริงมันมีแล้ว มันปรากฏแล้ว และ คนที่ฆ่าในหลวงองค์ที่แล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่ แสวงหาได้ไม่ยากหรอก


นี่คือ สั น ด า น เ หี้ ย สุลักษณ์ สิ่งที่มันตอบมีแค่นี้เท่านั้น ที่เหลือเป็นขยะคำพูดที่ไม่เกี่ยวกับประเด็น มันเคยด่าคนอื่นว่า "ยกศัพท์อวดตู๊กแก" (เป็นคำของร. 4) หมายความว่า เอาคำหรูๆ มาใส่ๆ ให้มันดูดี...ตัวมันเอง ก็ทำเหมือนที่เคยด่าคนอื่น

และถ้า สรุปใจความกันจริงๆ ก็อยู่ที่คำนี้ เท่านั้น
คนที่ฆ่าในหลวงองค์ที่แล้ว ก็ยังมีชีวิตอยู่

เอาละ เอ็งกล้าบอกอย่างนี้ ผมจะลองเดาดู
คนๆ นั้น น่าจะอายุมากกว่าสุลักหน่อย ตีว่าตอนนี้อายุ 80 ละกัน
สุลักต้องรู้จัก จึงกล้าระบุตัวได้

แต่เรื่องนี้ ได้มีการสืบสวนกันละเอียดไปแล้ว ไม่พบว่ามีใครผิดนอกจากสามคนที่ถูกประหาร
ดังนั้น สุลักจึงทราบดีกว่ารัฐบาล ทราบดีกว่าปรีดีเสียอีก เพราะปรีดีไม่เคยยืนยันความเห็นชัดเจนอย่างนี้

ดังนั้น ผมจึงต้องอนุมานเอาว่า สุลักรู้เรื่องนี้โดยทางลับ
ไม่ใช่จากเอกสารที่อ้างว่าอยู่เมืองนอก เพราะถ้าอยู่เมืองนอกแล้วสุลักยังรู้ แปลว่ามีคนอื่นรู้ด้วย
และถ้าเขารู้ เขาไม่มีเหตุจะต้องกลัวโทษภัย ยิ่งฝรั่ง มาตรฐานความปลอดภัยดีมาก
ขนาดซัลมัน รัชดี ที่เขียนลบหลู่พระศาสดา The Satanic Verses (1988) แล้วโดนตั้งค่าหัว ทุกวันนี้ยังอยู่ดี

หมายความว่าเอกสารที่สุลักอ้างว่าอยู่เมืองนอก ที่จริงไม่ได้บอกว่าใครทำ
ถ้าบอกได้ รับประกันว่าจะมีฝรั่งแย่งกันเอาหน้า เขียนหนังสือเอาชื่อกันโกลาหล
ไม่ตกมาถึงสุลักให้เอามาทำปากพล่อยดอก

ทางสันนิษฐานจึงตกว่า เอกสารหรือหลักญานเรื่องนี้ ต้องอยู่กับสุลัก
จึงทำให้มั่นใจ กล้าบอกว่าคนฆ่ายังไม่ตาย

ผมจึงขอฟันธงว่า คนฆ่าน่ะ เป็นญาติผู้ใหญ่ที่ยังไม่ตายของไอ้ เ หี้ ย นี่เอง
อาจจะเป็นพี่ป้าน้าอาสักคน ที่อายุมากพอจะฆ่าคน


เอ วันนั้น มันก็อายุ 13-14
ฆ่าคนได้เหมือนกันนี่หว่า....


#330180 ถลกหนัง HERE

โดย amplepoor on 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:48

ค่อนข้างหงุดหงิดเวลาที่เห็นใคร Distort ประวัติศาสตร์
เรื่องสีลม....งงครับ......ชานเมืองเหรอ.......เเล้วไปรษณีกลาง.....ซวยสวนพลู........สวนลุมละครับ.....เเก่เเล้วมั่ว


เรื่องสีลมนี่ชี้เลยว่าแกมั่ว ด้นทุรังดำน้ำพูดให้คนเชื่อ โดยที่ตัวแกเองไม่มีความรู้ในเรื่องนั้นเลย
แล้วเรื่องอื่นๆ ที่แกพูด เราจะเชื่อได้หรือ...เช่นกรณีสวรรคตเป็นต้น

ผมพอจะมีความรู้ ในเรื่องนี้ จะลงรายละเอียดสักหน่อยเพื่อชี้ว่าแกเลอะเทอะอย่างไร

ตอนที่รัชกาลที่ 1 สร้างกรุง ท่านให้ขุดคลองเป็นคูเมืองสองชั้น ชั้นแรกอยู่ตรงปากคลองตลาด ชั้นสองอยู่ตรงคลองโอ่งอ่าง
พอถึงรัชกาลที่ 4 ท่านให้ขุดเพิ่มอีกเส้น คือคลองผดุงกรุงเกษม ทำให้พื้นที่กรุงเทพในวงคูเมืองมีเพิ่มขึ้นอีกราวๆ สองเท่า
แต่ตามรูปแบบเมืองในสมัยนั้น ในเขตคูเมืองกับนอกเขตคูเมือง ไม่ได้แตกต่างกันขนาดฝ่ายหนึ่งเป็นชายแดนอีกฝ่ายเป็นศูนย์การค้า
เพราะในสมัยนั้น ความเป็นชุมชนขึ้นอยู่กับอาชีพและเชื้อชาติ ทำให้เกิดเป็นศูนย์ย่อยๆ กระจายไปตามความอุดมสมบูรณ์

ทีนี้ นายสุลัก ไปเอาควมเคยชินของสมัยตัวเองมาใช้ เคยชินว่าบ้านนอกต้องทุรกันดาน ต้องขาดแคลน นี่ก็เอาข้อเท็จจริงสมัยแกเด็กๆ ไปจับ
สมัยแกเด็กๆ น่ะ เขาวัดความเจริญด้วยไฟฟ้า น้ำปะปา โทรศัพท์ และถนน ซึ่งในยุคเริ่มต้นของชุมชนสีลม สิ่งเหล่านี้ไม่มี ความแตกต่างด้านเทคโนโลยี่ก็ไม่มี

มันก็เลยไม่มีสภาพที่ว่าแถวนั้นไฟดับบ่อยเพราะเป็นปลายสาย น้ำประปาไม่ไหลเพราะห่างกลางเมือง

ที่จริงแล้ว มันตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ในยุครัชกาลที่ 4 ความเจริญ ไม่ได้อยู่ในเขตคูเมือง
เพราะโรงพิมพ์หมอสมิทอยู่บางคอแหลม โรงเรียนที่ดีที่สุดก็อยู่สำเหร่ และอยากได้สินค้าใหม่ๆ แปลกๆ ก็ไปที่ถนนตก เพราะเรือกำปั่นจอดที่นั่น