nnnn43

บรรหาร... ถามคนสุพรรณดีกว่า ว่า... เลือก ครอบครัวแกทำไม...
แกจะดีจะชั่ว... พี่น้องคนไทย กลุ่มนึงก็ไว้ใจให้เป็นตัวแทน... ทางอำนาจ...
แกจะดีจะชั่ว... แกก็ไม่เคย จินตนการเรื่อง ใส่ร้ายใคร...

เทียบกับ นักการเมือง และ พรรค การเมืองที่ ใช้เอกสารปลอม ด่า บรรพบุรุษ คุณ บรรหาร แล้วตอนนี้ ลอยหน้าลอยตา อยู่ในสังคม
โดย ปราศจาก คำขอโทษ... ใดๆ... เป็นต้นแบบและตัวอย่าง ที่ดีแ่ก่ สาวก และผู้ศรัทธา... ให้ทำหน้ามึน ทำตาม...
แล้ว ยังไม่พอ... สลิ่มโลกสวย กด LIKE อีกต่างหาก... เพราะ ตรงจริต...


น่าคิดนะครับว่า ใคร ควรถูกเกลียดมากกว่ากัน...

ไอ้เรื่องกำพืดของบรรหาร ผมยังไม่เห็นเลยนะว่า ที่ ปชป. อภิปรายในวันนั้น บรรหารได้แก่ต่างเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าไม่จริง

ผมเห็นแต่คนที่เกลียด ปชป. เอามาพูดในทำนองเดียวกับเฮนไตนี่แหละ

เฮนไตคนกลางในนรก ขอความรู้หน่อยซิ ว่าบรรหาร ได้แก่ต่างไว้ที่ไหน จริงเท็จอย่างไร ขอความกระจ่างหน่อย

อีกนี้สนุง ถ้าจะให้ดี เฮนไตช่วยเรียงลำดับ ข้อหาที่พรรค ปชป. ใส่ร้ายบรรหาร แยกแยะออกมาเป็นข้อๆ ว่าใส่ร้ายอย่างไร

แล้วบรรหารแก้ต่างเอาไว้ที่ไหน อย่างไร เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้รับทราบข้อมูลได้ในภายหลัง ดีกว่าปล่อยให้เด็กรุ่นหลัง

เอาขี้ปากคำสั้นๆ มักง่ายมาเห่าต่อ แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ

โทษนะครับ... อ่านแล้วจับประเด็นให้ได้... เอกสารที่ใช้กล่าวหาเค้าเนี่ย... จริงหรือเท็จ...

ส่วนคุณบรรหารจะแก้ต่างหรือไม่... มันไม่เกี่ยวกัน... อย่ามั่ว...
ถึงคุณบรรหารจะไม่แก้ต่าง... ก็ไม่ได้ทำให้ การเอาเอกสารปลอม ขึ้นมา ขุดบรรพบุรุษ... เป็นเรื่องถูกต้องไปได้...
แล้วที่น่า รังเกียจยิ่งกว่าคือ... ด่าเค้าไว้... พอจับมือพลิกขั้ว... ไอ้ที่ด่า... ไม่สนใจแล้ววะ..

เฮ้ย แล้วที่พูดไปในสภาละ... ต้มหมูคนดูซะเปื่อย อะดิ...

คุณ ควรจะถามว่า ปชป ไม่ติดใจในประเด็นนั้นแล้วหรือ... มากกว่า ถามผมว่า... บรรหารแก้ต่างหรือยัง...
ข้อสรุปของประเด็นนั้นคืออะไร.. . หรือ สนใจเฉพาะตอนนั้น... 5555


ผมก็ไม่เคยแก้ต่างที่ใครว่า เป็น แดงล้มเจ้าเหมือนกัน...
เหตุุผลเพราะอะไรก็คิดเอาเอง... จริต มีแค่ไหนก็จัดไป.... คุณบรรหาร ก็ อาจคิดแบบผม... ก็เป็นได้..

เคยด่าเค้าไว้... พอจับมือพลิกขั้ว... ไอ้ที่ด่า... แม้วไม่สนใจแล้ววะ..

เมื่อเพื่อนที่ดีที่สุดของไทยเสนอหน้ามาอย่างนี้ ก็สมควรรับไว้ครับ ถ้าเค้าเกิดไม่พอใจ เราจะหนาว

ขณะที่น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า กระทรวงไอซีทีได้รายงานความคืบหน้าการใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของโรงเรียน โดยในปีการศึกษา 56 โรงเรียน 9,600 แห่ง จะสามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงด้วยงบประมาณจากกระทรวงศึกษาธิการ คิดเป็น 24% จากโรงเรียนทั้งหมด 30,000 แห่ง ส่วนอีก76%นั้น จะเร่งดำเนินการให้พัฒนาตามโครงการสมาร์ทเน็ตเวิร์กเร็วที่สุด เพราะประสิทธิภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ตการรองรับแท็บเล็ตในปัจจุบันยังมีไม่เพียงพอ
http://www.isranews....isranews.org/กร

จากกระทู้ที่ตั้งมาเห็นแล้วอดไม่ได้จริงๆ
ครอบครัวหนึ่ง...อดีตนายกรัฐมนตรี อีกครอบครัวหนึ่งก็อดีตนายกรัฐมนตรีเช่นกัน
มีลูกชายเหมือนกัน อายุก็ไล่เลี่ยงไม่แตกต่างกัน




กับอีกครอบครัว



ทุกครอบครัวถ้ามีลูกชายนั้นจะถือว่าจะเป็นความภาคภูมิใจ ที่หวังว่าในอนาคตจะสามารถสืบทอดในทุกๆสิ่ง หรือทุกๆ อย่างจากพ่อ
แต่ถ้ามองกันดีๆ ทั้งสองครอบครัวแตกต่างกันมากในเรื่องของ สิ่งที่เป็นไปของลูกชาย
นั้นก็อาจทำให้เห็นว่าพื้นฐานของครอบครัว รวมทั้งการสั่งสอนปลูกฝังตั้งแต่ในวัยเด็กนั้น
จะมีมาส่งผลในวัยผู้ใหญ่อย่างชัดเจน
เห็นกันชัดๆ ครับว่าเด็กหนุ่ม 2 คนมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

ต่างกันชัดเจนมากถึงขนาดติดอันดับโลกฝือมือล้วนๆๆทั้งพ่อลูก

ประชาชนคนยากคนจนเขามีสิทธิสงสัยครับ ว่าเขาก็จนเหมือนกับชวน แต่ทำไมลูกเขาไม่เห็นมีรถBMW Sportขับเหมือนกับลูกชวนบ้าง

เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยในความต่าง

แม่ค้าแถวดอนเมือง เก่งเค้าไหว้ แบบนี้เป็นประจำอยู่แล้วนี่ครับ แต่เกย์บางคน หาเสียงที่ดอนเมือง เคยนอบน้อม แบบนี้บ้างเปล่า

อวยแบบไม่อายกันเลย

ปูอยากให้ใช้กลไกในสภา

กล้าพูดแบบไม่อายใครจริงๆ

ตอนนั้น ปู ยังไม่ได้เป็น สส และ นายก เลยคุณ ถ้ามั่นใจจริง อย่าไปสุมหัวในค่ายทหาร สิ

ผมขอหลักฐานสุมหัวในค่ายทหารด้วยประเภทเขาเล่ามาหรือได้ยินไม่เอา จะเป็นนายกหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวพูดอะไรออกไปมันเข้าตัวเองอย่าขยันโง่

ปูอยากให้ใช้กลไกในสภา

กล้าพูดแบบไม่อายใครจริงๆ

โพล'เอเบค' ชี้ ความสุขมวลรวมคนไทย ต.ค.พุ่งสูงสุด 7.40



"เอเบคโพลล์"เผย ผลสำรวจความเห็น ยัน ความสุขมวลรวมคนไทย เดือน ต.ค. พุ่งสูงสุดเป็นครั้งแรกในรอบปี 7.40 คะแนน การแสดงความจงรักภักดีมาอันดับ 1 ขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองได้ 5.17 คะแนนเกินครึ่ง

วันที่ 30 ต.ค. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความสุขคนไทยกับความสำนึกรู้คุณแผ่นดินของสาธารณชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในพื้นที่ 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ ลพบุรี สุพรรณบุรี ชลบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ หนองคาย ชัยภูมิ สุรินทร์ อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา พัทลุง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 4,042 ตัวอย่าง โดยดำเนินการสำรวจในระหว่างวันที่ 20 – 29 ตุลาคม 2555 ที่ผ่านมา โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น ที่สุ่มเลือกเขต/อำเภอ ตำบล ชุมชน ครัวเรือน และประชาชนที่ตอบแบบสอบถามระดับครัวเรือน มีช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7

จากการวัดความสุขมวลรวมของประชาชนคนไทยภายในประเทศ เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน พบว่า แนวโน้มความสุขมวลรวมของคนไทยประจำเดือนตุลาคมเพิ่มสูงขึ้นจาก 5.79 คะแนนในเดือนกันยายน มาอยู่ที่ 7.40 คะแนน ในการสำรวจล่าสุด จะเห็นได้ว่าความสุขของคนไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน และเป็นค่าความสุขมวลรวมที่วัดได้สูงที่สุดในรอบปีนี้
โดยปัจจัยสำคัญที่ประชาชนมีค่าความสุขสูงที่สุดคือ ความเป็นหนึ่งเดียวกันของคนในชาติที่แสดงความจงรักภักดีอยู่ที่ 9.06 คะแนน รองลงมาคือ บรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวอยู่ที่ 7.71 คะแนน สุขภาพทางใจอยู่ที่ 7.46 คะแนน สุขภาพทางกายอยู่ที่ 7.38 คะแนนและบรรยากาศความสัมพันธ์ของคนในชุมชนอยู่ที่ 7.03 คะแนน โดยแนวโน้มความสุขมวลรวมของคนไทยน่าจะเพิ่มสูงขึ้นไปจนถึงเดือนธันวาคมและช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย

ที่น่าพิจารณาคือ การสำรวจครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ไม่พบปัจจัยใดที่ทำให้คนไทยมีความสุขต่ำกว่า 5.00 คะแนน แม้แต่สถานการณ์การเมืองโดยภาพรวมยังอยู่ที่ 5.17 คะแนน ดังนั้น การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง การปรับคณะรัฐมนตรีและข่าวความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาในรอบปีนี้จึงไม่มีผลกระทบฉุดความสุขของคนไทยลงแต่อย่างใด เพราะคนไทยเริ่มปรับตัวได้กับปัญหาทางการเมือง ถ้าความขัดแย้งต่างๆ ทางการเมืองไม่ลุกลามบานปลายไปสู่การใช้ความรุนแรง จึงน่าจะทำให้คนไทยทั้งประเทศช่วยกันประคับประคองสถานการณ์บ้านเมืองให้ผ่านพ้นไปสู่การมีเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศร่วมกันมากกว่าการสร้างเงื่อนไขแห่งความขัดแย้งและนำประเทศชาติไปสู่วิกฤติการณ์ซ้ำซากที่มีเพียงคนกลุ่มน้อยที่ได้ประโยชน์เท่านั้น

นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ที่มีค่าความสุขสูงขึ้นมาเช่นกัน ได้แก่ หน้าที่การงาน การประกอบอาชีพที่ทำอยู่ในปัจจุบันได้ 6.99 คะแนน การเข้าถึงการบริการทางการแพทย์ที่ดีที่ได้รับ 6.98 คะแนน สภาพแวดล้อมที่พักอาศัย เช่น ถนน ไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ 6.89 คะแนน วัฒนธรรมประเพณีไทยในปัจจุบันได้ 6.81 คะแนน

เมื่อพิจารณาคุณภาพโรงเรียนใกล้บ้านได้ 6.64 คะแนน ภาพลักษณ์ของประเทศไทย คนไทย เด็กไทยในสายตาต่างชาติได้ 6.03 คะแนน เมื่อนึกถึงฐานะทางการเงิน เรื่องค่าครองชีพของคนในครอบครัวได้ 5.98 คะแนน ความเป็นธรรมในสังคมได้ 5.77 คะแนน เมื่อนึกถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ได้ 5.73 คะแนน และแม้แต่เมื่อนึกถึงคุณภาพนักการเมืองไทย จริยธรรมของนักการเมืองยังได้เกินครึ่งคือ 5.24 คะแนน ตามลำดับ

ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงรูปแบบของความสำนึกรู้คุณแผ่นดินที่นึกถึงเป็นอันดับแรกของคนไทย พบว่า ร้อยละ 43.8 นึกถึง การแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ รองลงมาคือ ร้อยละ 15.7 นึกถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติ ไม่ทำร้ายกันเอง ร้อยละ 13.6 นึกถึงความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ 10.1 นึกถึงการรักษาป่า รักษาแหล่งน้ำ ร้อยละ 8.3 นึกถึงการประหยัด ใช้จ่ายอย่างพอเพียง ร้อยละ 5.2 นึกถึงการรักษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ในขณะที่ร้อยละ 3.3 นึกถึงอื่นๆ เช่น การมีจิตใจงาม ความกตัญญู และการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของคนในชาติ เป็นต้น

ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและคนไทยส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็กำลังปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ การช่วยเหลือกันในการประคับประคองให้ประเทศชาติผ่านพ้นปัญหาอุปสรรคต่างๆ กำลังเป็นสิ่งท้าทายและเป็นบททดสอบภาวะความเป็นผู้นำที่สำคัญของประชาชนทุกคนในชาติ ปัญหาบ้านเมืองจึง “ไม่ใช่” บทพิสูจน์ภาวะความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น ประชาชนทุกคนต้อง “ตื่น” ขึ้นเพื่อเฝ้าระวังรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติเอาไว้ให้ได้

ศูนย์วิจัยความสุขชุมชนจึงตัดสินใจร่วมกับภาคีเครือข่ายเชิญชวนนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง ข้าราชการ ศิลปิน ดารานักแสดง กลุ่มนักธุรกิจและประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมประกวดภาพยนตร์โฆษณาหนังสั้นในหัวข้อเรื่อง “สำนึกรู้คุณแผ่นดิน” โดยจะมีการจัดเวทีสาธารณะชื่อ “สตื่น” แถลงข่าวให้ทราบทั่วกันในวันพุธที่ 31 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น. ณ บริเวณลานหน้าโรงภาพยนตร์ ชั้น 7 ห้างเซ็นทรัล พระราม 9

“และในวันนั้นทุกคนจะถอดหัวโขนออกไปร่วมงานกันด้วยความรักความสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกันในฐานะประชาชนคนไทยธรรมดาทั่วไปเพื่อจะได้ก้าวเข้าสู่โหมดของการตื่นจากหลับขึ้นมาช่วยกันดูแลรักษา DNA ของความเป็นคนไทยให้เข้มแข็งทำให้ทุกคนในสังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขร่มเย็นและปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและประเทศชาติเอาไว้ตลอดไป โดยหวังว่าประชาชนทุกคนที่มีจิตศรัทธารักประเทศชาติจะเข้าร่วมกิจกรรมในโครงการ “สำนึกรู้คุณแผ่นดิน” ครั้งนี้” ดร.นพดล กล่าว.

.ควายแดงจากไป...ความสุข.....คนไทย.......พุ่ง..สูง....สุด..สุด..

สังเกตุสิ ม๊อบพวกนี้ จะมีวิธีการชุมนุม แบบ พวกปชป มาก จะเอาธงมาโบก เพื่อให้ผู้คนดูหนาแน่นมากขึ้น แล้วชอบถ่ายภาพข้างๆ เพื่อหลบมุม ว่างๆ

หัวละ600 ที่บ้านได้มา ผมก็อยากได้ เอาไปกินชาบูชิ บุฟเฟ่

แบบไม่มีภาพไปก็ได้ จะได้ออกอาการดิ้นพล่านน้อยลง จากสื่อมติชินเอง

ดักได้หลายเลยนะ

มื่อถามถึงเหตุผลที่พล.อ.บุญเลิศ อ้างเพื่อการชุมนุม นั้น 44.39% ความเห็นอันดับ 1 ระบุไม่สมเหตุสมผล เพราะมองว่าเป็นเกมการเมือง ต้องการกดดันรัฐบาล ควรใช้การเจรจาหรือยื่นหนังสือมากกว่าออกมาชุมนุมเคลื่อนไหว

กลัวอะไรสมัย รัฐบาลมารค์ ยังเจอหนักกว่าแบบนี้มาแล้ว(ฝูงควาย)

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.3 ระบุการให้โอกาสรัฐบาลทำงานและอาศัยกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองสร้างความ หวังมากกว่าการยึดอำนาจ

555555555

เสื้อแดงก็ขายยาบ้า อาจจะมาขายในที่ชุมนุมที่ผ่านมาก็เป็นไปได้

รัฐบาลนี้เขามาจากการเลือกตั้ง

ถ้าจะเอาชนะเขาให้ได้โดยที่ควายแดงหาข้ออ้างไม่ได้เลย

พวกมิงก็ต้องเอาชนะเขาด้วยสนามเลือกตั้ง


ฝ่านต่อต้านแม้ว พวกมิงมันเหี้ ยเอง ***แตกคอทะเลาะกันเอง เลือกตั้งมันแพ้พรรคควายแดง

พวกมิงไม่ต้องไปโทษควายแดงหรอก โทษพวกมิงเองนะแหละ


เป็นเสียงส่วนน้อยก็ควรเคารพเสียงส่วนใหญ่

จะเอาชนะก็ควรชนะด้วยการเลือกตั้ง

รัฐบาลนี้ควาย 15 ตัวเขาเลือกมานะ มิงจะมาล้มง่ายๆได้ไง

ไม่มีปัญญาเอาชนะเขาด้วยการเลือกตั้ง

ก็เลยต้องมาใช้วิธีข้างถนนแบบนี้

แล้วยังงี้ที่พวกมิงด่าควายแดงยังงั้นยังงี้

มันแตกต่างกันตรงไหนว่ะ เหี้ ยพอๆกันทั้ง 2 ฝ่าย

โรคขี้ข้าทักษิณ

รัฐบาลนี้เขามาจากการเลือกตั้ง

ถ้าจะเอาชนะเขาให้ได้โดยที่ควายแดงหาข้ออ้างไม่ได้เลย

พวกมิงก็ต้องเอาชนะเขาด้วยสนามเลือกตั้ง

2 ปีที่ผ่านมาทำมั้ยคิดไม่ได้แบบนี้กาก

ก็แค่ม็อบกระจอกๆที่ทำท่าคุยโวไปแค่นั้น แท้จริงแล้วไม่มีห่าไรเลย

ต้องแบบนี้ถึงไม่กระจอก