ใครเคยไปวัดธรรมกายบ้าง? มาแชร์ข้อมูลก่อนหน่อย
#1
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 20:05
ส่วนใหญ่จะออกมาใน"มุมลบ" (สำหรับ"ผม"นะ)
จึงอยากรู้ว่า สำหรับคนที่เคยไป (หรือไม่เคยไปแต่มีเพื่อน/ญาติไป) คำสอนที่วัด (?) ธรรมกายนี้ใช้เป็นยังไงบ้าง? รวมไปถึงหลักปฎิบัติต่างๆด้วย?
ใครมีข้อมูล เอามาแชร์กันหน่อยครับ
ปล. สงสัยกระทู้นี้จะปลอดแดงอีกแหงๆ...
#2
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 20:15
พี่ที่รู้จักเสียค่าของตักบาตร 3000 เค้าบอกว่าสิ่งของที่ใส่บาตรจะถูกส่งไป 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ของที่จัดชุดให้ดูยังไงก็ไม่น่าจะถึงพัน แล้วส่วนต่างไปไหน อันนี้ก็ไม่ทราบ ปากบอกว่าแล้วแต่สมัครใจจะซื้อหรือไม่ก๊ได้ แต่คุณจัดชุดวางจองที่เต็มพรืด ชนิดที่ว่าถ้าไม่ได้ซื้ก็ไม่มีที่รอใส่บาตร หลังจากนั้นก็ไม่ไปเหยียบอีกเลย
#3
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 20:54
ได้ยินคำนี้ครับ
บริจาค มากได้ บุญมาก
ตั้งแต่ไปถึง ยันกลับ
เราตระกูลชินจัง ขอยก ฐานะ เสื้อแดง จาก ไพร่ เป็น ควายแดง ณ.บัดนี้
ถึงแม้ พ่อแม่ เองจะให้ฐานะความเป็น คน มาแต่กำเนิดก็ตาม
#4
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:08
#5
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:11
#6
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 21:14
สนใจสักชิ้นไหมครับ
#7
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 22:14
คงชัดเจนนะครับ
โดยส่วนตัว
ผมว่าที่เสรีไทยนี่ มีคนพยายามนะ
ที่จะทำอะไรต่อมิอะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับวัดแห่งนั้น
ทั้งๆที่สมเด็จพระสังฆราชได้เคยมีพระลิขิตเกี่ยวกับเจ้าอาวาสว่า
"บุคคลผู้นี้ได้พ้นจากความเป็นพระไปแล้ว"
#9
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:13
แม่ผมจูงพี่สาวผมกลับบ้านเลย ตั้งแต่นั้นมา แม่ผมไ่ม่เคยไปเหยียบไอ้วัดรีดไถนี่อีกเลย
- เกลียดเควี้ยแดง likes this
#10
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:19
วัดที่ไหน เค้ามีนโยบายให้ญาติโยม ทำบุญแบบผ่อนเป็นเดือน ๆ ได้ด้วยนะครับฃ
เพิ่งเคยเห็นจริง ๆ
#11
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:20
#12
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:21
#13
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:36
"ถึงเวลาแล้วที่ใครมีอาวุธชนิดไหนก็ต้องจับขึ้นมาใช้รบกับมัน”
#14
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:38
ใช้ไปสักพัก จะบอกว่า ขอฟรีให้วัดเถอะนะโยม โยมจะได้ขึ้นสวรรค์เคยเข้าไปเมื่อสามสี่ปีก่อน แต่เข้าไปในฐานะเซลส์เพื่อขายระบบเสียงให้กับวัด วัดธรรมกายเป็นแหล่งขุมทองของเซลส์หน้าใหม่และหน้าเก่า เซลส์หน้าใหม่ที่คิดว่าตัวเองเก๋าแล้ว เก่งแล้ว พากันมุ่งหน้าเข้าหาวัดจานบินกัน (ผมเป็นหนึ่งในนั้น) โดยคิดว่าวัดนี้ร่ำรวยมหาศาลและซื้อขายกับพระคงจะง่าย ความคิดแรกถูกครับ แต่ความคิดที่สอง ผิดโดยสิ้นเชิง พระที่รับหน้าที่ติดต่อกับการจัดซื้อจัดจ้าง พวกนี้เขี้ยวลากดินทั้ง หน้ายิ้มๆแบบนี้ ที่ผมเจอมานะครับ " โยมมม ระบบของโยมดีมากเลยยย ขอหลวงพี่ทดลองใช้ก่อนนะโยม ซักหกเดือน ....ผ่างงง ! ถ้ามันใช้งานได้ดี เรามาคุยกันอีกที " ลำโพงตัวนั้นตัวเดียวแสนกว่าบาทครับเพื่อนๆ ผมคิดในใจ ฝันไปเหอะครับหลวงพี่ แล้วผมก็ไม่เหยียบเข้าไปอีกเลย
- kunathip, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, serithai11 and 1 other like this
#15
ตอบ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 23:49
ลูกพี่ผมนี่ตัวเขี้ยวเลย กลับมาเล่าให้ฟัง แกนั่งด่าพระไม่กลัวบาปเลยครับ ลำโพงตัวนี้มีรัศมีของเสียงแคบมากแค่ห้าเมตร ถ้าเดินออกนอกเขต จะไ้ด้ยินค่อยมากแค่แว่วๆ ใช้สำหรับห้องนิทรรศการ พระห้ารูปเทศคนละเรื่องในห้องเดียวกัน เสียงก็ไม่ตีกัน คอนเซ็ปท์เสียงเข้ากับอภินิหารจานบินเค้าเลยหละครับใช้ไปสักพัก จะบอกว่า ขอฟรีให้วัดเถอะนะโยม โยมจะได้ขึ้นสวรรค์
เคยเข้าไปเมื่อสามสี่ปีก่อน แต่เข้าไปในฐานะเซลส์เพื่อขายระบบเสียงให้กับวัด วัดธรรมกายเป็นแหล่งขุมทองของเซลส์หน้าใหม่และหน้าเก่า เซลส์หน้าใหม่ที่คิดว่าตัวเองเก๋าแล้ว เก่งแล้ว พากันมุ่งหน้าเข้าหาวัดจานบินกัน (ผมเป็นหนึ่งในนั้น) โดยคิดว่าวัดนี้ร่ำรวยมหาศาลและซื้อขายกับพระคงจะง่าย ความคิดแรกถูกครับ แต่ความคิดที่สอง ผิดโดยสิ้นเชิง พระที่รับหน้าที่ติดต่อกับการจัดซื้อจัดจ้าง พวกนี้เขี้ยวลากดินทั้ง หน้ายิ้มๆแบบนี้ ที่ผมเจอมานะครับ " โยมมม ระบบของโยมดีมากเลยยย ขอหลวงพี่ทดลองใช้ก่อนนะโยม ซักหกเดือน ....ผ่างงง ! ถ้ามันใช้งานได้ดี เรามาคุยกันอีกที " ลำโพงตัวนั้นตัวเดียวแสนกว่าบาทครับเพื่อนๆ ผมคิดในใจ ฝันไปเหอะครับหลวงพี่ แล้วผมก็ไม่เหยียบเข้าไปอีกเลย
"ถึงเวลาแล้วที่ใครมีอาวุธชนิดไหนก็ต้องจับขึ้นมาใช้รบกับมัน”
#16
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 00:05
แล้วถ้าเกิดบังเอิญผมมีโอกาสได้ไป แล้วดันไปอาละวาดในวัด
อย่างนี้จะ"บาป"ไหมครับ???
- เชียร์คนดี likes this
#17
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 00:17
ผมเคยไปช่วยวางเก้าอี้ให้พระที่รอรับบาตร นอนค้างที่โรงยิมโรงเรียน พอถึงตอนเช้ามีพิธีตักบาตร ระหว่างพิธีมีซาวนด์ประกอบด้วย แล้วยังมีรถเครนสำหรับถ่ายภาพมุมสูง เพื่อถ่ายภาพให้มันดูยิ่งใหญ่ เสร็จงานตอนสายๆ ก็เลาะตะปูออก
คิดว่าตักบาตรที่หน้าบ้านตอนเช้า บรรยากาศได้ฟิลกว่าเยอะ
เรื่องทำบุญไม่ต้องทำอะไรเวอร์ๆ ทำบุญตามเท่าที่มี เพราะทำด้วยแรงศรัทธา ไม่ได้เน้นแรงทรัพย์
เราทำบุญเพื่อเลี้ยงศาสนา ให้พระมีอยู่ มีกิน มีใช้ ไม่ได้ทำเพื่อเลี้ยงกิเลสตัวเอง
Edited by อู๋ ฮานามิ, 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 00:17.
- ฉันรักเมืองไทย likes this
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#18
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 00:23
เคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีความรู้บางคนถึงศรัทธามาก พูดไงก็ไม่ฟัง แต่พอได้ศึกษาเรื่องฌาน คำสอนครูบาอาจาารย์ที่เคารพ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็หมดความสงสัย
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
#19
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 00:50
#20
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 00:53
เป็นคำสอนบิดเบือนพุทธศาสนา เถรวาท อย่างยิ่ง
สมัยรุ่น ๆ เคยคลุกคลีกับวัดนี้อยู่พักหนึ่ง
ตอนหลังได้ศึกษาอภิธรรม เลยถอยห่างวัดนี้
แต่ยังมีบิล(ผ้าป่ากฐิน)ตามมาเก็บเงินอีกเป็นพักเลย
“ ...คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ,
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ “
#21
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 01:00
ที่คนคลั่งวัดนี้แบบงมงายเพราะรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อ มีการพูดซำ้และย้ำๆเรื่องการบริจาคคล้ายการสะกดจิต
#22
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 01:18
คำตอบอาจเหมือนดาบสองคม หลังไมค์ดีกว่ามังคะ
ขอด้วยครับ ^^
หล่อกว่าผมก็มีแต่ ณเดช คูกิมิยะ เท่านั้นล่ะครับ[color=#ff0000;]รณรงค์งดตอบโต้ พูดคุย กับคนหน้าด้านไร้ยางอาย...[/color]
#23
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 03:55
คิดว่าผมฉลาดพอไม่มีคนล้างสมองได้ แต่เพื่อความแน่ใจน่ะ
- metaleka and ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ like this
#24
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 04:28
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
แล้วถ้าเกิดบังเอิญผมมีโอกาสได้ไป แล้วดันไปอาละวาดในวัด
อย่างนี้จะ"บาป"ไหมครับ???
ไม่บาป เพราะไม่ใช่ "วัด" อาจเจอข้อหาบุกรุกนิเวสถาน
พระลิขิต ของสมเด็จพระสังฆราช สึกธัมมชโย ลัทธิจานผี ธรรมกาย แต่มหาเถรที่มีพวกอลัชชี โดยเฉพาะ เกี๊่ยวน้ำวัดสระเกศ ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นสังฆราชยุคทักษิณ (แก้กฏหมายให้นักการเมืองตั้งพระสังฆราช) แต่ละปีพวกพระผู้ใหญ่จะได้รับเชิญไปแจกรางวัลให้พวกที่ผ่านการอบรมของวัดจานผี แล้วได้รับรถเบนซ์สีเหลืองใส่ซองมาให้ พระผู้ใหญ่ไปไหนนั่งแต่รถเบนซ์ วันเกิดมีการฉลองเบิร์ดเดย์ บางรูปมีเป่าเค้กอีก กุฏิติดแอร์ มีอาหารเหลามาถวาย ตอนนี้ลัทธินรกนี่ขยายใหญ่โต บ้าขนาดเดินธุดงค์กลางเมือง พวกชาวพุทธที่ศึกษาแต่เปลือกก็รีบกุลีกุจอตักบาตรกัน โดยไม่รู้ว่าทำบุญกับอลัชชี ไม่ไ้ด้บุญอะไรเลย
Som Varittha ไม่ต่างอะไรกับนักการเมืองสิบแปดมงกุฏ จริงๆในอดีตลัทธิธรรมกายเกือบล้มหายตายจากไปแล้วนะคะ โชคร้ายของประเทศ ที่มีคนชื่อทักษิณที่เข้ามาอุปถัมภ์ค้ำโจร.....
Peter Anti-Abhisit ธรรมกายเกิดสูญสลายตอนพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล แต่อาคม เอ๋งเอ๋ง จัดการไม่สำเร็จ กลัวฐานเสียงพังด้วยครับ ตอนนี้ทำแบบไม่สุด จนเกี๋ยวน้ำมาอุ้มไชยบูลย์ ฝีนพระลิขิต สมเด็จพระสังฆราช และหลุดคดียุคทักษิณ ตอนนี้ธรรมกายกลับยิ่งใหญ่อีกรอบ อันตรายมาก ๆ ครับ
สาระดี ไม่มีสาระ นักการเมืองที่ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ของชาติมากกว่าฐานเสียงของตัวเองเป็นรากฐานของความเสื่อมของนักการเมืองเอง.
Kamolporn Banlue พี่ Peter Anti-Abhisit ค่ะขยายสาขาไปถึงอเมริกา พวกหลงงมงายไม่แยก หนูศิษย์เก่าคำสอนมันผิดมันเพี้ยน วัดนี้มีมือที่มองไม่เห็นทั้งของเงินวัดและวัดให้ (เงินตัวเดียวที่ได้อย่างมหาศาลทำให้ธรรมไชโย หลงในกิเลส พระทียึดแนวพระพุทธศาสนาในยุกต์นั้นมี7 รูปได้ถอนตัวออกจากวัดมานานมาก) วัดนี้ทักษิณเข้ามาที่หลังโดยมีกล่มนักธุรกิจใหญ่ๆในประเทศไทยและเพี้ยนมากขึ้นหลุดโลกมากขึ้น เอาศาสนาคำสอนมาหลวงพ่อสดการนั่งถึงธรรมะกายมาบังหน้า แต่จริงๆคือการหาเงิน ดึงเงิน ดูดทรัพย์จากญาตโยมทุกรูปแบบ สำนักนี้กลายเป็นแหล่งหากินของคนกลึ่มนักธุรกิจีเงินแสดงฐานะ ที่การบริจาคในรูปแบบโปรโมชั่นแบบต่าง ขอโทษนะค่ะ ถ้าจะขอกล่าวคำว่า"สำนักตอแหล ดัดจริต ยักมือทักทาย แล้วกล่าว อนุโทธนา ตาเหลือบมองพระที่ห้อยคอ(วัตถุสมมุติที่หลอกหาเงิน)จะบ่งบอกว่าบริจาคเท่าไหร่ เพิ่มกิเลส ตัณหา"
Nichakorn Sukawara ที่ญี่ปุ่นก้อเคยเจอค่ะ เอาโบชั้วมาแจก เราทิ้งให้เห็นเดี๋ยวนั้น ตื้ออยู่นั้นล่ะ จนเพื่อนรุ่นน้องต้องสะกิด ว่าพี่ๆแถวนี้ วัดจานบินสาวกเขาเยอะนะ แต่ญี่ปุ่นนี่รู้สึกจะเป็นแม่ชีมีค่อนข้างจะมีอายุแล้ว ปรกติก้อไม่ศัทธาอยู่แล้ว
คัดมาจากความเห็นของผู้อ่านในเมเนเจอร์ออนไลน์ อยากใ้ได้อ่านกันถึงเรื่องราวความลี้ลับใต้ผ้าเหลืองที่ธรรมกาย
Anchalee Paireerak
.............................................................................
พระอดิศักดิ์ วิริยะสักโกเป็นหนี่งใน 3 ผู้ก่อตั้งวัดพระธรรมกาย อดีตมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอา
วาสและเหรัญญิก ซึ่งได้เปิดใจกับ"สยามธุรกิจ"เกี่ยวกับกรณีอื้อฉาวของวัดพระธรรมกาย
สยามธุรกิจ พฤติกรรมของวัดพระธรรมกายจุดหลัก ๆ ที่อาจารย์มองเห็นว่าไม่ถูกต้อง
แยกออกเป็นประเด็นอะไรได้บ้าง
พระอดิศักดิ์ : แยกแยะออกได้คือ ประเด็นเทคนิคการสอนของวัดพระธรรมกายเป็นเทคนิคที่
พยายามจะเร่งเร้า เรี่ยไรบอกบุญในรูปแบบของบริษัท รูปแบบของธุรกิจมากกว่าที่จะสร้างศรัท
ธาให้คนเห็นความสำคัญของการทำบุญด้วยจิตใจ
การเรี่ยไรนั้นจัดเป็นขบวนการ มิใช่เป็นการบอกบุญธรรมดา แต่พยายามไปเซ้าซี้ พยา
ยามที่จะไปทำให้ชาวบ้านเกิดความรำคาญและเกิดความเกรงใจแล้วก็ทำบุญกันมาซึ่งทำให้
ชาวบ้านเดือดร้อน แม้กระทั่งเขาไม่มีเงินก็ไปทำให้เขาเกิดความงมงาย ไปกู้ยืมเงินมาเป็นหนี้
เป็นสิน ซึ่งมันผิดหลักของพุทธศาสนา ผิดหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ถือว่าเป็นการเผยแพร่ใน
ทางที่ผิด
อีกประการหนึ่งก็คือว่า การเผยแพร่พุทธศาสนาแทนที่จะเผยแพร่พุทธศาสนาให้ลึกซึ้ง ให้
เกิดความสงบ ให้เกิดความสุขกลับตรงกันข้าม เป็นการเผยแพร่พุทธศาสนาออกไปให้คนเกิด
ความโลภยิ่งขึ้น คือเร่งเร้าให้เขาทำบุญเพื่อแลกกับนิพพาน แลกกับสวรรค์ ยิ่งทำบุญมากเท่าไหร่
ยิ่งได้สวรรค์ใหญ่โตมากเท่านั้น ซึ่งมันผิด
สยามธุรกิจ : เขาบอกว่าเขาไม่ได้บังคับในเรื่องการทำบุญ
พระอดิศักดิ์ : คือเขาพูดนะพูดได้ แต่การปฏิบัติมันไม่เหมือนคำพูด
สยามธุรกิจ : เพราะฉะนั้นการที่มาพูดว่า เข้าถึงธรรมกายแล้วสามารถสื่อสารกับพระพุทธเจ้า
ในอายตนะนิพพานเป็นเรื่องไม่จริง
พระอดิศักดิ์ : ล้วนเป็นเรื่องที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการยกย่องตนเอง เป็นเรื่องของ
การสร้างสัญลักษณ์ให้กับตนเอง ว่าเป็นผู้วิเศษ
สยามธุรกิจ : คิดว่าเขาเข้าใจผิดหรือเจตนาที่จะหลอกลวง
พระอดิศักดิ์ : เป็นทั้ง 2 สองอย่างนั่นแหละ คืออันที่หนึ่งก็คือว่าหลงไป จิตวิปลาสไป อีกอย่าง
หนึ่งก็คือต้องการให้ได้ตามวัตถุประสงค์ของตนเอง คือต้องการความยิ่งใหญ่ในทางพระพุทธ
ศาสนา ยิ่งใหญ่ในทางโลก ในทางอำนาจและในทางเงินตรา
สยามธุรกิจ : คิดว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้ามั้ย
พระอดิศักดิ์ : คือ เขาคิดว่าเขาเป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิด เขาเป็นหัวหน้าของพระพุทธ
เจ้าทั้งหมดบนพระนิพพาน
สยามธุรกิจ : ตรงนี้เขาเคยแสดงออกให้อาจารย์เห็นหรือไม่
พระอดิศักดิ์ : ตรงนี้เขาเคยประชุมสานุศิษส์จำนวนมากที่เขาต้อน หรือพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมดึง
ขึ้นไปดอยสุเทพ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเศรษฐีณีที่เขาสอบประวัติอย่างแน่นอนแล้วว่า คนเหล่านี้มีทรัพย์
สมบัติมหาศาล แล้วคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เขาจะส่งสาวกไปทาบทามไว้ล่วงหน้าแล้ว มีจุดอ่อนจุดแข็ง
ที่ไหนอย่างไรแล้วก็พยายามที่จะโน้มน้าวให้คนเหล่านี้เกิดศรัทธาให้เห็นว่าเขา เป็นหัวหน้า
ของพระพุทธเจ้าทั้งหมด มีสิทธิ์มีเสียงมีอำนาจเต็มบริบูรณ์ที่จะสั่งพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ ทำอะไร
ก็ได้ มีสิทธิ์ที่จะลงโทษพระพุทธเจ้าได้
สยามธุรกิจ : คุณไชยบูรณ์คิดแผนการอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อไร
พระอดิศักดิ์ : แกคิดแผนการนี้ตอนที่ไปอยู่ที่นั่นแล้วที่คลองสอง แกคิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าพระ
พุทธเจ้า เมื่อถึงตรงนี้เราพูดได้เลยว่าสำหรับคุณไชยบูรณ์หรือวัดธรรมกาย เราไม่ต้องมานั่งถก
เถียงกันเลยว่าหลักธรรมมันเป็นพุทธหรือเปล่า มันพูดได้เลยว่า มันเป็น 18 มงกุฎดี ๆ นี่เองมัน
คงเกิน 18 แล้ว มันวิปริตไปแล้วจากพุทธศาสนา เป็นเพียงแค่มาอาศัยพุทธศาสนาหากินเท่านั้น
เอง
สยามธุรกิจ : นอกจากพยายามสร้างภาพตัวเองว่าเป็นหัวหน้าพระพุทธเจ้าแล้ว ที่หลัก ๆ และที่
น่าเกลียดมาก ๆ มีอะไรอีก
พระอดิศักดิ์ : น่าเกลียดมาก ๆ ก็คือ การเย้าแหย่สีกา เช่น เจอสีกาที่สวยๆ ถูกใจก็จะเย้า
แหย่แหมวันนี้นะคุณแดง (สมมุติชื่อ) แก้มแดง น่าหยิก แหมหูสวย หน้านวล จมูกโด่ง คือชมกัน
แบบชายหนุ่มเกี้ยวหญิงสาว มันก็เหมือนหมาหยอกไก่นั่นแหละก็เคยมีคนมาสารภาพให้อาตมาฟัง
ว่ามันติด เข้าใกล้แล้วมันลืมโลกไปเลย แล้วก็มีเรื่องเยอะแยะเกี่ยวกับสีกา ซึ่งอาตมาตอนอยู่ที่นั่น
เป็นคนคอยกันสีกาออกไป แล้วก็พบเรื่องสีกาแย่งกันไปแย่งกันมา ถึงกับทะเลาะเบาะแว้งกัน
บางคนก็มาร้องห่มร้องไห้
อาตมาก็ไล่ออกไปหลายคน เพราะว่าอาตมาจับหลักฐานได้ ถึงขั้นสีกานั้นเขียนจดหมาย
มาสารภาพ คือคนๆนี้เป็นคนวิปริตโดยบริบูรณ์ เพราะฉะนั้นเหตุการณ์ใดๆก็ตาม ต้องให้อีกฝ่ายหนึ่ง
เขียนมาสารภาพถึงความยิ่งใหญ่และความเก่งของตนเอง ซึ่งหมายถึงหลังจากมีการประพฤติผิดกัน
aacute;ล้ว ให้เขียนจดหมายมาว่าคนนี้เก่งอย่างโน้นอย่างนี้ อาตมาก็จับจดหมายได้
สยามธุรกิจ : เหตุการณ์นี้ปีพ.ศ.อะไร
พระอดิศักดิ์ : ประมาณพ.ศ.2524-25
สยามธุรกิจ : สีกาคนนี้มีสามีหรือไม่
พระอดิศักดิ์ : มีสามีมีลูก 2 คน ฐานะอยู่ในขั้นปานกลางค่อนข้างดี ไม่ถึงกับเป็นเศรษฐีณี แต่เขา
สวย ไม่ใช่สีกาอี๊ด
สยามธุรกิจ : อยากให้ท่านเรียบเรียงความเกี่ยวข้องกับสีกาตั้งแต่เริ่มต้นมา ใครเป็นคนแรก
พระอดิศักดิ์ : คนแรกถ้านับจากสมัยชีวิตเขาเป็นฆราวาส เยอะเหลือเกินหลายคน แต่สมัยนั้น
อาตมาก็ไม่เชื่อนึกว่าผู้หญิงพวกนี้มันบ้า เห็นผู้ชายหล่อไม่ได้ ตามตื้อ มาร้องห่มร้องไห้ เขาก็บอก
เขาไม่มีอะไร ผู้หญิงมันบ้าเอง เราก็เลยช่วยกันกีดกันออกไปหลายรายทีเดียว
ตอนสมัยฆราวาสเขาก็เคยมาเล่าให้ฟังว่า เขาเคยพาผู้หญิงไปทำมิดีมิร้าย จนกระทั่งเขา
บวชแล้วซัก 1-2 พรรษาโรคมันก็กำเริบ จนถึงกับต้องให้ชิดชัยที่บวชเป็นพระในภายหลังพาไป
หาหมอ โรคมากำเริบหลังจากบวชแล้ว ต่อๆมามีผู้หญิงที่แวะเข้ามาเยอะ เมื่อเป็นพระแล้วเขาก็
รูปหล่อ ผู้หญิงคนที่สำคัญที่สุดคือคนที่จับจดหมายได้ แต่อาตมาไม่ได้เก็บหลักฐานไว้ ก็สีกาตุ๊นี่แหละ
คือมีสามีและมีลูกแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่เคยมีความสุขมีลูก 2 คนแล้วยังไม่เท่ากับนายไชยบูรณ์
เลย
สีกาตุ๊เข้ามาในเวลาใกล้เคียงกับสีกาอี๊ด ต่างคนต่างมา มาแล้วก็เลยมาชิงรักหักสวาทกัน
เดิมทีก็บอกว่ามาช่วยงานวัด แต่ในที่สุดก็มาช่วยเป็นเจ้าของวัด เกิดความเสื่อมเสียมาก อาต
มาก็เลยกันสีกาตุ๊ออกไป ในที่สุดสามีเขาก็รู้ข่าว ก็เลยเลิกไป เนี่ยคือทำให้ครอบครัวเขาแตก
สยามธุรกิจ :สีกาตุ๊มาพัวพันอยู่นานมั้ย
พระอดิศักดิ์ :ก็สัก 2-3 ปีได้ เป็นสีกาที่เด่นที่สุด สีกาอี๊ดมาในยุคใกล้ๆกัน สีกาตุ๊ชัดกว่า แต่ว่าใน
ภายหลังสีกาอี๊ดก็ชัดมาก
สยามธุรกิจ : สีกาอี๊ดเกี่ยวข้องธุรกิจมากเหลือเกิน
พระอดิศักดิ์ : เท่าที่อาตมาอยู่ที่นั่น การทอดกฐิน ทอดผ้าป่า ปีๆหนึ่ง ทอดผ้าป่าหลายครั้ง
ทอดกฐินอยู่ 1 ครั้ง เงินแต่ละครั้งได้มาทีหลายสิบล้าน แล้วก็เอาธนาคารกสิกรไทย สำนักงาน
ใหญ่มาทั้งสำนักงานเลย เรายกอาคารให้ 1 หลัง อาคารหลังใหญ่ แค่เช็คเคลียร์ตัวเลขอย่าง
เดียว ไม่นับแบงก์นะ ตั้งแต่เช้ามืด ยันเที่ยงคนไม่จบ ไปจบเอาวันรุ่งขึ้น คือ วันจันทร์
เงินทั้งหมดในนามของมูลนิธิ เดิมทีใช้คำว่ามูลนิธิธรรมประสิทธิ์ ต่อ ๆ มาเป็นมูลนิธิ
ธรรมกาย เงินนี้เข้าแบงก์กสิกรไทยในวันนั้น แล้วก็กระจายทันทีไปตามแบงก์ต่าง ๆ ทั้งหมดกระ
จายออกไปในนามของแบงก์ต่างๆ เสร็จแล้วก็ย้อนกลับเข้ามาในแบงก์กรุงเทพอีกที รู้สึกจะเป็นสา
ขาแถวสะพานควายในนามของสีกาอี๊ด จากสีกาอี๊ดก็กระจายออกไปอีกในนามของบริษัทต่าง ๆ
สีกาอี๊ดเป็นหน้าฉากของนายไชยบูรณ์ กระจายออกไปตามแบงก์ต่างๆ คือพูดง่าย ๆ ทำให้
ระบบการเงินสับสน หาตัวเลขไม่เจอ ติดตามได้ลำบาก
สยามธุรกิจ : ทำไมสีกาอี๊ดถึงได้รับการยอมรับอย่างสูง
พระอดิศักดิ์ : จริง ๆแล้วคน ๆ นี้เป็นคนใจกล้า เป็นนักธุรกิจขายยา อะไรต่าง ๆ ให้กับทาง
หน่วยราชการ ให้กับโรงพยาบาล ขายทั่วๆไปแม้กระทั่งขายอาวุธ เป็นนายหน้าติดต่อ เพราะฉะ
นั้นคน ๆนี้พูดเก่ง หน้าตาก็ไม่ได้สวย แต่พูดเก่งและใจกล้า กล้าทำทุกเรื่อง จนกระทั่งไชยบูรณ์ก็
Ecirc;นใจความกล้า
แรก ๆ ก็เข้ามาเป็นสานุศิษย์ เบ็ดเสร็จแล้วในที่สุดก็ยกระดับฐานะตัวเอง เขาบอกเขา
เป็นทุกอย่างของไชยบูรณ์ เขามากับสามี สามีก็เป็นลูกศิษย์ด้วย คือเขาเป็นคนพาสามีเข้าวัด
แล้วก็เป็นคนชักจูงสามีทุกเรื่องราว ในที่สุดพอเขามายุ่งกับตัวเงินมากเข้า เขาก็กลัวว่าสามีจะ
ติดร่างแหของความทุจริต อาจจะถูกสอบ เพราะสามีเป็นข้าราชการ ก็เลยทำนิติกรรมหย่าร้างกัน
ก็ยิ่งสนุกใหญ่ แล้วก็กลับไปใช้นามสกุลเดิม แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ยังอยู่กับสามี
สยามธุรกิจ : ความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับคุณไชยบูรณ์ สามีทราบหรือไม่
พระอดิศักดิ์ : สามีคงไม่ทราบเพราะว่าสามีเข้าใจว่าภรรยาตัวเองเก่ง
สยามธุรกิจ : ธุรกิจหลัก ๆ ของคุณไชยบูรณ์โดยสีกาอี๊ดช่วงนั้นมีอะไรบ้าง
พระอดิศักดิ์ : มีค้าน้ำมันอีสานกับสีกาอี๊ด จริง ๆ แล้วเป็นการค้าขายกับคุณวาสนา แต่เลิกค้ากันไป
ค้ากันมาเจ๊งยับเยิน คุณวาสนาเห็นว่าไอ้บริษัทนี่เหลือแต่ชื่อกลวง ๆ แล้ว ก็ยกย่องสีกาอี๊ดขึ้นมาเป็น
ผู้จัดการ ช่วงนั้นเข้าใจว่า หมดไปเป็นพัน ๆ ล้าน
สยามธุรกิจ : ธุรกิจจัดสรรที่ดินทำกันอย่างไร
พระอดิศักดิ์ : สีกาอี๊ดเป็นคนจัดการ กว้านซื้อที่ดินรอบบริเวณวัด บุกรุกป่าทำสารพัดก็อาศัยสีกาอี๊ด
เป็นคนวิ่งเต้นขึ้นเหนือลงใต้ทุกอย่าง เป็นตัวจักรเด่นชัดที่สุด คนอื่นเป็นเพียงแต่ฉากประกอบ
สยามธุรกิจ : ช่วงหลังสีกาอี๊ดห่างเหินไปจากวัดธรรมกาย
พระอดิศักดิ์ : ช่วงระยะสั้นๆ เนื่องจากมีสีกาอีกคนหนึ่งเข้ามา สีกาเมียเสี่ยพ.เข้ามาทั้งรูปสวย
รวยทรัพย์ สมบัติมหาศาล นายไชยบูรณ์หลงไประยะหนึ่ง พาไปไหนต่อไหนด้วยกัน จนกระทั่งสีกา
Iacute;ี๊ดทนไม่ได้เพราะมีคนเห็นไปกัน 2 ต่อสองที่เชียงใหม่ ถึงขั้นมาคาดคั้นนายไชยบูรณ์ นายไชย
บูรณ์บอกว่าไม่จริง ไม่เคยมีเรื่องอย่างนี้ในที่สุดเขาก็อ้างพยานได้ว่ามีคนเห็นไปอยู่ด้วยกันสองต่อ
สอง ที่ไหนอย่างไร จนในที่สุดจนด้วยหลักฐาน พยานบุคคล
สีกาอี๊ดโกรธมากถามว่าจะเลือกใครระหว่างคนนั้นกับตน คนนั้นมีเงินมากมายมหาศาลและ
สามีตายแล้ว นายไชยบูรณ์เขาบอกว่าเขาเลือกคนนั้น สีกาอี๊ดโกรธมาก นายไชยบูรณ์เป็นคน
หวาดระแวงว่า ตายจริงธุรกิจทั้งหมดอยู่ในมือของสีกาอี๊ดหมดเลย ก็เลยให้คนปลอมลายเซ็นต์
ของสีกาอี๊ด โอนกิจการกลับคืนมาหมด ได้ข่าวว่าถึงขั้นฟ้องร้องกันว่าปลอมลายเซ็นต์ ในที่สุดนาย
ไชยบูรณ์เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแล้วก็เลยออกมาโอ๋สีกาอี๊ด ทุกอย่างก็เงียบไปเพราะเขามี
วาทะศิลป์ดี
สยามธุรกิจ : โอนธุรกิจกลับมาอยู่ในมือใคร
พระอดิศักดิ์ : ตอนนั้นไม่ทราบว่า กลับมาอยู่ในมือใคร คงอยู่ในมือของสาวกคนอี่น แต่ความที่เขา
ไม่ไว้ใจใครเลย ฉนั้นพอมีปัญหาที่เขาแสวงหาเหมืองทอง เพชรนิลจินดาแถวพิษณุโลก พิจิตร
เพชรบูรณ์หลายแห่งในย่านนั้น เขาก็บอกแถวนั้น หยกชั้นหนึ่ง มรกตก็มีอะไรก็มี เขาไปสืบเสาะ
มาหมดเลยในช่วงนั้นประมาณ ปีพ.ศ. 2528 ได้ คุณไชยบูรณ์เล่าให้อาตมาฟังว่า เมืองไทย
อุดมสมบูรณ์มาก มีเพชรนิลจินดา พวกมรกตชั้นหนี่ง พวกเหมืองทองแถวพิษณุโลกหรือที่อี่น ๆ เต็ม
ไปหมด แล้วก็บอกว่า คนอื่นจะยึดเลยยึดเสียเอง ความที่เขาไม่ไว้ใจใคร การซื้อที่ ซื้อเหมืองจึง
ใช้ชื่อเขา จึงเป็นเรื่องขึ้นมาให้เห็น
สยามธุรกิจ: ตกลงสีกาอี๊ดยังไม่ใช่อดีต
พระอดิศักดิ์:ได้ข่าวว่ายังเป็นปัจจุบันอยู่
สยามธุรกิจ:แสดงว่าปัจจุบันยังมีหลายคน มีสีกาอี๊ด เมียเสี่ย พ.
พระอดิศักดิ์: และคุณวิชญา หรือนัส คนนี้เป็นเจ้าแม่ที่นั่นเลย และสีกา ส.ที่ทำบริษัทจิวเวอร์
หลายคนที่เดียว
สยามธุรกิจ : แล้วกรณีแม่ชีจันทร์สถานะในวัดเป็นอย่างไร
พระอดิศักดิ์ : จุดเริ่มต้นจริงๆ ต้องไปกล่าวย้อนถึงในสมัยโน้นตอนที่นายไชยบูรณ์ เป็นนิ
สิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แกก็ไปอ่านวิปัสนาบันเทิงสารของแม่ชีวรมัย กบิลสินธ์ ซึ่งเขียนว่าวัด
ปากน้ำมีแม่ชีปฏิบัติธรรมมะ และมีคุณวิเศษเกิดขึ้น และแกก็เขียนเป็นวิปัสนาบันเทิงสารซึ่งเราก็
ต้องเข้าใจว่า มันมีลักษณะเป็นนิยายอิงความจริงบ้าง เขาบอกว่ามีแม่ชีเหาะขึ้นไปบัดระเบิดบ้าง
และอ้างถึงว่ามีแม่ชีไม่รู้อ้างถึงชื่อรึเปล่าไม่ทราบ อาจจะอ้างถึงแม่ชีจันทร์ขึ้นไปบัดระเบิด เสร็จ
แล้วนายชัยบูรณ์จึงเกิดติดอกติดใจแบบเด็กหนุ่มยังเรียนหนังสืออยู่ ก็รีบเลยเพราะอยากจะเป็นผู้วิ
เศษบ้าง ก็มาวัดปากน้ำ และถามหาแม่ชีจันทร์ ก็เจอแม่ชีคนหนึ่งซึ่งผอมหน้าตาก็เป็นแม่ชีบ้านนอก
พูดจาไม่ค่อยชัดหนังสือก็อ่านไม่ออก ก็มีความรู้สึกว่าคนนี้บริสุทธิ์ดี ก็ถามหาแม่ชีจันทร์ที่เขาบอกว่า
บัดระเบิดได้ ยายนี่ก็เลยสวมรอย ว่าฉันนี้คือแม่ชีจันทร์แล้วก็ไม่มีสอบประวัติใด แล้วก็กราบก้น
โด่ง ในที่สุดก็ยกย่องเป็นครูบาอาจารย์ สอนสมาธิ สอนต่างๆ และแกก็รับสมอ้างเป็นศิษย์เอกวัด
หลวงพ่อปากน้ำ
จริงแล้วแม่ชีจันมีจริงแต่ตายไปแล้วถ้าอยู่ป่านนี้ก็อายุ 100 กว่าแล้ว แม่ชีจันทร์ท่าน
เก่งจริงๆ เป็นที่ยกยอ่ง แต่แม่ชีนี้ก็เก่งเหมือนกันคือ ตอแหล คือ อยากดัง ก็เลยร่วมมือกับนายชัย บูรณ์ นายเผด็จ เขียนนวนิยายปัดระเบิดปรมาณูไปลงที่ฮิโรชีม่า กับนางาซากิ อาตมาก็อยากจะ ถามว่าถ้ามีความสามารถทำได้ ไม่รู้หรือว่าระเบิดนั้นฆ่าคน
ได้ แล้วเมื่อปัดไปลงที่นั้น มีคนตายเป็นแสนๆ คน แกไม่เกิดความสลดใจบ้างหรือ แทนที่จะเป็น
เช่นนั้นกลับชื่นชมกันใหญ่มีความรู้สึกว่ายิ่งใหญ่เหลือเกินที่ฉันสามารถปัดระเบิดไปลงที่นั่นคนตาย
กันเกลื่อน คนที่มีคุณธรรมเนี่ยที่มีธรรมะอยู่ในใจควรจะสังเวชต่อบาปกรรมที่ตัวเองทำหรือไม่
แต่ถ้าทำไม่ได้แสดงว่า นี่คือนวนิยายโกหกตอแหล เพื่ออะไรเพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ เพื่อ
สร้างทรัพย์สมบัติ สร้างเงินสร้างทอง เกียรติยศให้กับตนเอง นี่คือความเท็จเป็นการหลอกลวง
ชาวบ้าน
สยามธุรกิจ : โดยส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจของเขาเป็นอย่างไรบ้าง
พระอดิศักดิ์ : ธุรกิจของเขาเป็นธุรกิจสวมรอยชาวบ้าน ได้มาฟรี ๆ
สยามธุรกิจ : แล้วส่วนที่ผันเงินของวัดไปทำธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง
พระอดิศักดิ์ : เจ๊ง เจอวิบัติหมด เช่น น้ำมันอีสานหมดเป็นพัน ๆ ล้าน หรือที่เอาไปปั่นหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์ ลูกศิษย์ของอาตมาเล่าให้ฟังว่า หมดไปประมาณ 2 หมื่นล้าน
สยามธุรกิจ : จุดเริ่มการเล่นหุ้นพอจะลำดับความได้อย่างไร
พระอดิศักดิ์ : เดิมที มีการเล่นหุ้นน้ำมันของแม่ชม้อย นายไชยบูลย์เป็นหัวคิว เชียร์ลูกน้องให้ เล่นด้วยเพื่อหวังรวย แต่ในสุดท้ายลูกศิษย์ก็ซวย
เจ๊งไปตาม ๆ กัน นายไชยบูลย์จึงหลบหน้าไปพักหนึ่ง
สยามธุรกิจ : หลบหน้าไปไหน
พระอดิศักดิ์ : หลบหน้าไป ไม่รับผิดชอบ ไปเชียงใหม่ กบดานอยู่ในที่นั่น แต่ก็ไปปั้มเงินจากที่นั่น
อีกจากเศรษฐีหน้าโง่ต่อไป เสร็จแล้วหลังจากนั้น ทราบว่า มีลูกศิษย์ผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เล่นหุ้น มี
ครอบครัวแล้ว และประสบความสำเร็จมากในการเล่นหุ้น ก็เลยอยากจะได้กำไรด้วย ก็เลย เรียกลูกศิษย์ให้นำเงินวัดไปเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
สยามธุรกิจ : พูดชัด ๆ อย่างนี้เลยใช่ไหมครับ
พระอดิศักดิ์ : ใช่ ลูกศิษย์ก็เลยตกใจ ไม่รู้จะถอนตัวอย่างไรได้ ก็เลยบอกว่ามีลูกอยู่คนหนึ่งกำลัง
โตเป็นสาว กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อ สามีก็อายุมากแล้ว อยากขอตัวไปดูแลลูกสามีก่อนสักปี
สองปี เมื่อลูกโตแล้วจะรีบกลับมาช่วย พูดง่าย ๆ ก็ คือ ชิ่ง หลังจากนั้นจึงไม่กลับมาเลย เพราะ
รู้ว่า เจ้าอาวาสมีเจตนาทุจริต
สยามธุรกิจ : ทำไมลูกศิษย์ถึงรับไม่ได้กับข้อเสนอเพราะการเล่นหุ้นเป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง
พระอดิศักดิ์ : ใช่ แต่เป็นพระเล่นธุรกิจได้อย่างไร แกเอามาเล่าให้อาตมาฟัง เห็นว่า ไม่ถูก
ต้อง แกก็เลยหนี หนีเสร็จในช่วงนั้น นายสอง ซึ่งเพิ่งจบธรรมศาสตร์ใหม่ ๆ ฐานะทางบ้าน
ปานกลางไม่มีงานทำ ไปเรียนหมอนวดจากหมอนวดไทยคนหนี่ง เรียนเสร็จแล้วมารับใช้เจ้าอา
วาส เพราะน้องชายบวชอยู่ที่นั่น มาบีบมานวดนายไชยบูลย์ นายไชยบูลย์ก็ชอบด้วยเห็นว่าคุยเก่ง
เห็นว่า เด็กคนนี้มีแววดี ก็เลยอุปโลกน์นายส.เข้าไปอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ชี้ตัวโน้นขึ้นตัวนี้ลง ปั่นหุ้นจนกระทั่งติดอันดับเสร็จแล้วก็เอาเงินจากลูกศิษย์
ที่ไว้ใจเอามาเล่น แต่ส่วนใหญ่เป็นเงินของวัด
ชี้ตัวไหนตัวนั้นขึ้น ก็เลยมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่ว
แต่ในที่สุดเวรกรรมตามทันนั้น หุ้นเจ๊งระเนระนาด นายส.เกือบเป็นบ้า นายไชยบูลย์
หมดตัวเป็นเงิน 2 หมื่นล้าน ก็เลยต้องเรี่ยไรต่อ สร้างโครงการสวรรค์วิมานในฝันต่อ
แต่สร้างอะไรไม่ได้ตังค์รวดเร็วเท่ากับโกหกหลอกลวง
สยามธุรกิจ : เสี่ยส.เป็นตัวแทนของชัยบูลย์ในการเล่นหุ้น
พระอดิศักดิ์ : ใช่
สยามธุรกิจ : มีส่วนเกี่ยวพันธ์กับเมียเสี่ยพ.หรือเปล่า
พระอดิศักดิ์ : ช่วงนั้นสีกาอี๊ดชักไม่พอใจ ในเวลาเดียวกัน เสี่ยส.เริ่มเข้ามามีอิทธิพลเรื่องการ
เงินการทอง ดึงความสำคัญของสีกาอี๊ดไป ในขณะเดียวกันเสี่ยส.ก็เข้ากันได้กับเมียเสี่ยพ.แล้วก็
มีการเอาเงินส่วนหนี่งของเสี่ยพ.มาปั่นหุ้นด้วย
สยามธุรกิจ : เงินส่วนใหญ่กองอยู่ในธุรกิจ แล้วมีเงินสดสำรองอยู่มากไหม
พระอดิศักดิ์ : ได้มาก็นำเงินไปหมุนซื้อที่จัดสรรต่อไป โครงการจัดสรรที่ดินมีจำนวนมหาศาลนับ
ไม่ถ้วน หมุนอยู่ในที่ เมื่อเศรษฐกิจพัง เขาจึงหมดตัว จึงต้องเรี่ยไรไม่หมดไม่สิ้น พยา
ยามสร้างสวรรค์วิมานต่าง ๆ บอกบุญอย่างบ้าระห่ำ
สยามธุรกิจ : ที่ดินอย่างที่เป็นข่าวมีที่ไหนอีกบ้าง
พระอดิศักดิ์ : เยอะมากแทบพูดได้ว่า แทบทุกจัดหวัด
สยามธุรกิจ : มาถึงตอนนี้สรุปได้ว่า วัดพระธรรมกายไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาเลย
พระอดิศักดิ์ : เพี้ยน 100 เปอร์เซ็นต์
สยามธุรกิจ : เป็น 18 มงกุฎหลอกลวงมาตลอดเวลา
พระอดิศักดิ์ : เป็นอย่างนั้น
สยามธุรกิจ : ที่มีคนพูดว่า จะเป็นนิกายใหม่อะไรอย่างนั้น ไม่ใช่เป็นประเด็นที่จะต้องมาวิ
เคราะห์
พระอดิศักดิ์ : ไม่ใช่เป็นนิกายใหม่ เป็นการหลอกลวง
สยามธุรกิจ : เนื่องจากทางวัดมีรายรับเยอะ มีการซื้อความสนับสนุนจากผู้มีอำนาจทั้ง
จากฆราวาสและบรรพชิตบ้างไหม
พระอดิศักดิ์ : ครั้งหนี่งเคยทะเลาะกับอาตมา เขาให้อาตมาเซ็นเช็คจ่ายเงินกี่แสนแล้วจำไม่ได้
ซื้อพระรูปหนึ่ง เพราะพระรูปนั้นต่อไปมีโอกาสเป็นพระผู้ใหญ่ โดยพูดว่าเราซื้อเอาไว้ใช้สักคนไม่
ได้เชียวหรือ อาตมาก็บอกว่า เงินนี้เขามาบริจาคสร้างวัด ถ้าเอาไปซื้อพระมันผิดวัตถุประสงค์
อาตมาก็ไม่ยอมเซ็นเช็คให้ เมื่ออาตมาไม่ยอม ก็รู้สึกโกรธแต่ไม่รู้จะทำยังไง เขาก็เลยหาเงิน
ก้อนใหม่ที่ไม่ผ่านบัญชีมาให้ ซื้อพระองค์นั้น ความที่อาตมาไม่ยอม กลายเป็นที่เขม่นของพระองค์นั้น
เมื่อเขาเป็นใหญ่เป็นโต ซึ่งขณะนี้พระองค์นี้มีตำแหน่งใหญ่จริง ๆ
สยามธุรกิจ : พระไชยบูรณ์จ่ายเงินมากไหมสำหรับการซื้อตัวพระรูปนั้น
พระอดิศักดิ์ : มากหรือไม่ต้องไปถามพระมโน พระเมตตาเพราะท่านอยู่ใกล้ชิดข้อมูล จ่ายเท่า ไหร่ จ่ายอะไรบ้าง
สยามธุรกิจ : กรณีอย่างนี้เกิดขึ้นกับพระรูปเดียว
พระอดิศักดิ์ : เท่าที่รู้มีหลายรูป
สยามธุรกิจ เห็นบอกว่ามีการซื้อรถเบนซ์ให้พระบางรูป
พระอดิศักดิ์ : ใช่ เบนซ์ 500
สยามธุรกิจ : รูปเดียวกันกับที่เอ่ยถึงเมื่อกี้
พระอดิศักดิ์ : คนละรูป ที่ให้เบนซ์ 500 รู้สึกว่าจะให้กันเป็นประจำ ใ
ห้เพื่อซื้อยศ 2-3 คน ซี่ง เงินที่ใช้ซื้อยศเป็นเงินของชาวบ้านทั้งนั้น เดิมทีเราบอกว่า ไม่เอายศ ตอนนี้ต้องไล่ซื้อ
สยามธุรกิจ : นอกจากได้ยศแล้วได้แบกอัพจากพระผู้ใหญ่ด้วย
พระอดิศักดิ์ : ใช่ทุกอย่าง
สยามธุรกิจ: มีผู้ที่เป็นทั้งพระ ทั้งสานุศิษย์เดิม ๆ ที่เห็นข้อเท็จจริงแล้วถอยออกมาบ้างไหม
พระอดิศักดิ์ : มีอยู่เยอะ จำนวนมหาศาล แต่บุคคลเหล่านี้ไม่กล้าเปิดเผยตัว เพราะอิทธิพลเขา
มาก ทั้งอิทธิพลทางฆราวาสและในวงศาสนามากมายมหาศาล แม้ความชั่วของเขามากมายขนาดนี้ เขายังลอยนวลได้
สิ่งที่อยากพูด คือ การบิดเบือนหลักพระพุทธศาสนา คือ เขาจะเชิญชวนญาติโยมไปทำบุญในวันอาทิตย์ทุกต้นเดือน อันนี้สำคัญที่สุด จุดนี้คือจุดหาเงิน คนเก็บหอมรอบริบเพื่อไปซื้อบุญมีเป็นจำนวนมาก เพราะเขาโฆษณาว่า การทำบุญในวันอาทิตย์ต้นเดือนหนึ่งครั้ง ได้บุญกว่าการทำบุญ กับพระพุทธเจ้าจริง ๆ เสียอีกมากกว่าเป็นอสงไขยเท่า
ไชยบูลย์ให้เหตุผลว่า ยายชีจันทร์สามารถเอาธรรมกายน้อมนำเอาอาหารที่ชาวบ้านไป ถวายมากลั่นเป็นอาหารทิพย์ เอากายมนุษย์ที่ละเอียดมาไว้ที่ศูนย์กลางของยายชี นี่เป็นคำพูดของนายไชยบูลย์ จากนั้นก็กลั่นให้ละเอียดขึ้นพระนิพพาน ซี่งคำสอนอย่างนี้ชัดต่อหลักพระพุทธศานา นอกจากนี้แล้ว การกลั่นอาหารทิพย์เอาไปถวายพระพุทธเจ้านับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนมี บุญนับไม่ถ้วน แม้เราตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายอย่างมากเจอแค่พระพุทธเจ้าองค์เดียว แต่ด้วยความวิเศษของยายชีจันทร์ บวกด้วยความสามารถของนายไชยบูลย์ ทำให้เราทุกคนสา มารถเอากายขึ้นไปเที่ยวพระนิพพานได้ เหมือนอย่างจัมโบ้เจ็ต มีโอกาสน้อมนำอาหารทิพย์พระพุทธเจ้า และพระพุทธเจ้าสวดมนต์อวยพรเจ็ดวันเจ็ดคืน บุญนี้ไหลหลั่งนับไม่ถ้วน คำสอนดังกล่าวนี้นับว่า อุตริมากเป็นการทำลายหลักการพระพุทธศาสนาอย่างยับเยินเพราะหากทำตามคำสอนดังกล่าวแล้วเราไม่ต้องทำความดีอะไรอีกแล้ว เพราะเสียเงินไม่กี่บาท อาศัยชีจันทร์หลับตาหน่อยเดียวก็ได้บุญมหาศาล เป็นคำสอนวิปริต
ตกลงคนไม่ต้องคิดถึงความดีอย่างอื่น ไม่ต้องทำภาวนาอะไรทั้งสิ้น แม้โจรยังสามารถไปนิพพานได้ เพราะขอให้ไปวันนั้นจะได้บุญมหาศาล ฉนั้นไม่จำเป็นต้องทำความดี แม้ทำความชั่วยังไปสวรรค์ได้ นิพพานได้ รอวันนี้วันเดียววันอาทิตย์ต้นเดือน
อยากให้สื่อเขียนเรื่องถวายข้าวพระและการปัดระเบิด เพราะในวันอาทิตย์ที่ 27 นี้เขานัดชุมนุมสาวกไปวันเกิดยายชีจันทร์ คนจะได้รู้ว่า ยายชีเป็นตัวปลอม แล้วจะได้รู้ว่า การปัดระเบิดเป็นบาปมหาศาล เพราะถ้าทำอย่างนั้นจริง ๆ ตายไปตกนรกขุมอเวจีเป็นอย่างน้อยเพราะฆ่าคนเป็นแสน ๆ แล้วการหลอกลวงต้มตุ๋นโดยไปถวายพระพุทธเจ้าเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง
เพราะไม่ได้สอนให้คนทำดี สอนให้คนอ้อนวอนอย่างเดียว พุทธศานาสอนให้คนมักน้อยสันโดษ ให้พอใจในสิ่งที่ควรมีควรได้ แต่นี่ไม่ใช่ ให้โลภบุญอย่างมหาศาล ทำให้มันสุด ๆ มีตัวดูดบุญ ตัวอะไรมากมาย
jr
Alice Chen อุบาทว์ชาติชั่วมาก พี่ปองป้าแถวบ้าน นางเป็นสาวกอสูรกาย ชอบมาชวนทำบุญ จะบ่ายเบี่ยงก็เกรงใจ
แต่ที่อึ้งที่สุด นางบอก ทำโม๊ะไชโยเนี่ย เป้นหัวหน้าพระพุทธเจ้า เอากับพวกมันสิ
Alice Chen อ่านจบสัมผัสได้ถึงความอุบาทว์ของมารศาสนาตนนี้อย่างมาก แต่ก็นะ กรรมมีจริง หลอกโกงเงินเค้า สุดท้ายทำอะไรก็เจ๊ง
Chad C. Chanchaivanich สนุกแฮะ อย่างนี้ 18 มงกุฏตัวพ่อเลยนี่นา
Veena Khoo-ma มีถึงสี่สิบสถาบันรับรองได้อย่างไร แย่มากโดยเฉพาะสำนักพุทธศาสนา
- กรกช likes this
#25
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 07:41
สมัยพุทธกาลก็มีคนได้ฌานเยอะแยะ แม่แต่พระสิทธัตถะเองก็ยังได้ก่อนตรัสรู้ซะอีกลัทธิเพ่งลูกแก้วนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เป็นเพียงกสิณแสงสว่าง(อาโลกสิณ) แบบหนึ่ง.
ที่คนคลั่งวัดนี้แบบงมงายเพราะรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อ มีการพูดซำ้และย้ำๆเรื่องการบริจาคคล้ายการสะกดจิต
- พระฤๅษี likes this
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#26
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 09:53
- puggi, พ่อไอ้ร้อยล็อคอิน, phoosana and 6 others like this
#27
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 09:55
#28
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 10:41
หน้าวัดก็ สภ.คลองหลวง, ที่ว่าการอำเภอคลองหลวง
ถนนหนทางแถวนี้พัฒนาดีเพราะวัดนี้ ใช้ขนคนเข้าวัด ล่าสุด พี่แกทำสะพานยกระดับ ออกจากวัด ข้ามถนนข้ามคลอง
เข้าที่จอดรถของวัดเอง ไม่ต้องลงมาติดในถนนเลียบคลองให้เสียเวลา
ประโยชน์ส่วนที่เหลือแทบไม่มีเลย นะจ๊ะ
#29
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 10:53
แต่มีญาติ ที่ยังผ่อนส่งบุญไม่หมดไปอยู่
แถมยังคอยชวนให้เข้าไป "เป็นหนี้" ด้วย
นัยว่า ส่งบุญให้บรรพบุรุษ อะไรเทือกนั้น...
ถ้าอยากรู้มากๆ ต้องถามคุณป้าคนนี้
หรือไม่ก็สองพี่น้องคู่นี้แหล่ะครับ...
#30
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 10:55
#32
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 11:39
เป็นนายก. และเราก็วิจารณ์ไปหลายครั้งแล้ว. ขอพูดสั้น ๆ นะจ๊ะ
( นายไชยบูลย์ เอาเงินวัดซื้อที่ดิน แล้วใส่ชื่อ นาย ถาวร ศิษย์.
ต่อมา ศาล ยกฟ้อง หรือ ไม่ฟ้อง ( ข้อนี้ไม่แน่ใจ ) แต่ทาง
( ความเป็นภิกขุ ถือว่าขาดไปแล้ว ) วินัย ( กฏหมายพระ )
ถือว่า ( ขาด ) ตั้งแต่ละเมิด ไม่มีอุธรณ์ฏีกา ส่วน กม. ทาง
โลกจะกี่ศาล กี่ศาลก็ว่ากันไป.. นี่คือพฤติกรรมของเจ้าสำนัก---
นะจ๊ะ .. ( ส่วนเรื่อง วัตรปฏิบัติ ก็จัดอยู่ใน. พุทธพานิช )
โดยใช้ ( นรก-สวรรค์ )มาเป็นตัวช่วย พูดถึงการโต้แย้ง--
เรื้อรังคือ ( อัตตา---อนัตตา ) เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่.....
และยาว.ขอละไว้ไม่พูดถึง.. มันกระเทือนถึง ( เถรสมาคม )
ด้วย. จึงขออภัยจะไม่กล่าว... พระฤๅษี ๖๗...
- เชียร์คนดี likes this
#34
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 13:03
ส่วนคุณ Nong ผมได้รับข้อความหลังไมแล้ว ไว้เย็นๆจะกลับไปอ่านครับ
#35
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 13:16
เหลือบไปมองนอกหน้าต่างถึงกับผงะ!!!! อั๊ยย๊ะ จานบิน
#37
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:00
แต่ดูจากภายนอก เหมือนคุกมาก กำแพงสูงลิบ(3เมตร)แถมมีหอป้อมเป็นระยะ
ถ้าไม่บอกว่าวัด คิดว่าเป็นเรือนจำคลองหลวงได้เลยนะ อิอิ
#38
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:59
เคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีความรู้บางคนถึงศรัทธามาก พูดไงก็ไม่ฟัง แต่พอได้ศึกษาเรื่องฌาน คำสอนครูบาอาจาารย์ที่เคารพ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็หมดความสงสัย
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
ในฐานะที่ผมเคยศึกษาเรื่องวิชชาธรรมกาย ผมขอกล่าวถึงสั้นๆ โดยไม่เกี่ยวกับวัดธรรมกายว่า
วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดนั้นเป็นสิ่งที่ดี เชื่อกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบวิชานี้และได้ตรัสรู้ รู้แจ้งในสรรพสิ่ง
หลวงพ่อสดเองก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอค้นพบหนทางแห่งการรู้แจ้งที่องค์พระพุทธเจ้าได้เคยพบ มิเช่นนั้นท่านจะไม่ยอมออกจากสมาธิ
ในที่สุดท่านก็ได้ค้นพบ วิชชานี้สอนให้เรามองเข้าไปที่ต้นธาตุต้นธรรมของตัวเอง โดยสมมุติใจกลางตัวเองข้างในเป็นลูกแก้วใสสว่าง
แล้วให้เราหยุดจิตที่กลางลูกแก้วนั้น แล้วมองเล็กเข้าไปกลางลูกแก้วนั้นอีกเป็นลูกแก้วหลายๆดวงซ้อนกันลงไป เรียกว่า หยุดในหยุด
หลังจากนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะต่อยอดวิชชาได้มากแค่ไหน บางท่านก็รู้ถึงบารมีภายในตัวและนำออกมาใช้ได้ บางท่านก็พิศดารกายทิพย์ได้
ตามแต่ความแกร่งกล้าของฌานสมาบัติ ถ้าถามถึงประโยชน์ของวิชชานี้ต่อคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังมากนัก
ก็คือการฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้มีสตินั่นเอง
#39
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:08
บทเรียนเพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาและสร้างสรรค์สังคมไทย
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
http://www.watnyanav..._revised%29.pdf
- > mj < likes this
“ ...คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ,
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ “
#41
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:20
เคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีความรู้บางคนถึงศรัทธามาก พูดไงก็ไม่ฟัง แต่พอได้ศึกษาเรื่องฌาน คำสอนครูบาอาจาารย์ที่เคารพ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็หมดความสงสัย
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
ในฐานะที่ผมเคยศึกษาเรื่องวิชชาธรรมกาย ผมขอกล่าวถึงสั้นๆ โดยไม่เกี่ยวกับวัดธรรมกายว่า
วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดนั้นเป็นสิ่งที่ดี เชื่อกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบวิชานี้และได้ตรัสรู้ รู้แจ้งในสรรพสิ่ง
หลวงพ่อสดเองก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอค้นพบหนทางแห่งการรู้แจ้งที่องค์พระพุทธเจ้าได้เคยพบ มิเช่นนั้นท่านจะไม่ยอมออกจากสมาธิ
ในที่สุดท่านก็ได้ค้นพบ วิชชานี้สอนให้เรามองเข้าไปที่ต้นธาตุต้นธรรมของตัวเอง โดยสมมุติใจกลางตัวเองข้างในเป็นลูกแก้วใสสว่าง
แล้วให้เราหยุดจิตที่กลางลูกแก้วนั้น แล้วมองเล็กเข้าไปกลางลูกแก้วนั้นอีกเป็นลูกแก้วหลายๆดวงซ้อนกันลงไป เรียกว่า หยุดในหยุด
หลังจากนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะต่อยอดวิชชาได้มากแค่ไหน บางท่านก็รู้ถึงบารมีภายในตัวและนำออกมาใช้ได้ บางท่านก็พิศดารกายทิพย์ได้
ตามแต่ความแกร่งกล้าของฌานสมาบัติ ถ้าถามถึงประโยชน์ของวิชชานี้ต่อคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังมากนัก
ก็คือการฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้มีสตินั่นเอง
ผมก็เข้าใจตามท่านนะครับ กับการทำสมาธิในรูปแบบต่างๆ เพ่งลูกแก้ว กำหนดลมหายใจ ฯลฯ
ซึ่งจุดมุ่งหมายคือ "การมีสติ มีสมาธิิ"
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการบริจาค ยิ่งมากยิ่งดี ยิ่งไปสวรรคชั้นสูง ฯลฯ
ผมว่าแนวนี้มันน่าจะออกแนวลัทธิมากกว่าศาสนานะครับ
#42
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:21
ลัทธิเพ่งลูกแก้วนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เป็นเพียงกสิณแสงสว่าง(อาโลกสิณ) แบบหนึ่ง.
ที่คนคลั่งวัดนี้แบบงมงายเพราะรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อ มีการพูดซำ้และย้ำๆเรื่องการบริจาคคล้ายการสะกดจิต
กสิณแสง จะใช้แสงที่ผ่านรูฝาพนัง จะเห็นเป็นลำแสง แล้วบริกรรมภาวนา ครับ การเพ่งสมาธิ ของธรรมกายอีกอย่าง
ในขณะที่เกิดสมาธิ บ้างช่วงจะเป็นช่วงที่สติอ่อน ครับ ธรรมกายใช้ประโยชน์จากการโน้มจิต ไป โดยการพูด เหมือนการสะกดจิต ที่เขาให้ดูนาฬิกา
จนคุณรู้ตัวอีกที่อยู่ไหนไม่รู้ นั้นล่ะ เขาให้เราจ้องเพื่อให้เกิดสมาธิ ถ้าสติคุณอ่อนก็เรียบร้อย พาไปดูนั้นดูนี้ พอหลงก็ง่ายแล้วครับ คนที่ฝึกสมาธิมามากยังหลงติดในนิมิตได้เลย(ไปดูเทวดา นรก สวรรค์) แล้วมือใหม่จะเหลือหรือ นี้แหละครับวิธีการ
เคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีความรู้บางคนถึงศรัทธามาก พูดไงก็ไม่ฟัง แต่พอได้ศึกษาเรื่องฌาน คำสอนครูบาอาจาารย์ที่เคารพ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็หมดความสงสัย
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
ในฐานะที่ผมเคยศึกษาเรื่องวิชชาธรรมกาย ผมขอกล่าวถึงสั้นๆ โดยไม่เกี่ยวกับวัดธรรมกายว่า
วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดนั้นเป็นสิ่งที่ดี เชื่อกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบวิชานี้และได้ตรัสรู้ รู้แจ้งในสรรพสิ่ง
หลวงพ่อสดเองก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอค้นพบหนทางแห่งการรู้แจ้งที่องค์พระพุทธเจ้าได้เคยพบ มิเช่นนั้นท่านจะไม่ยอมออกจากสมาธิ
ในที่สุดท่านก็ได้ค้นพบ วิชชานี้สอนให้เรามองเข้าไปที่ต้นธาตุต้นธรรมของตัวเอง โดยสมมุติใจกลางตัวเองข้างในเป็นลูกแก้วใสสว่าง
แล้วให้เราหยุดจิตที่กลางลูกแก้วนั้น แล้วมองเล็กเข้าไปกลางลูกแก้วนั้นอีกเป็นลูกแก้วหลายๆดวงซ้อนกันลงไป เรียกว่า หยุดในหยุด
หลังจากนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะต่อยอดวิชชาได้มากแค่ไหน บางท่านก็รู้ถึงบารมีภายในตัวและนำออกมาใช้ได้ บางท่านก็พิศดารกายทิพย์ได้
ตามแต่ความแกร่งกล้าของฌานสมาบัติ ถ้าถามถึงประโยชน์ของวิชชานี้ต่อคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังมากนัก
ก็คือการฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้มีสตินั่นเอง
ถ้าไปดูจริงแล้ว หลวงพ่อสดไม่ได้บรรลุธรรมด้วยธรรมกายนะครับ ท่านก็ติด อยู่ในสังขารละเอียด ที่ปรุงขึ้น อาจารย์ของหลวงพ่อจรัญ (เจ้าคุณธรรมโชดกมั้งไม่แน่ใจ)ท่านเป็นคนแก้ให้ ครับ
- Charlie likes this
#43
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 15:33
ลัทธิเพ่งลูกแก้วนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เป็นเพียงกสิณแสงสว่าง(อาโลกสิณ) แบบหนึ่ง.
ที่คนคลั่งวัดนี้แบบงมงายเพราะรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อ มีการพูดซำ้และย้ำๆเรื่องการบริจาคคล้ายการสะกดจิต
กสิณแสง จะใช้แสงที่ผ่านรูฝาพนัง จะเห็นเป็นลำแสง แล้วบริกรรมภาวนา ครับ การเพ่งสมาธิ ของธรรมกายอีกอย่าง
ในขณะที่เกิดสมาธิ บ้างช่วงจะเป็นช่วงที่สติอ่อน ครับ ธรรมกายใช้ประโยชน์จากการโน้มจิต ไป โดยการพูด เหมือนการสะกดจิต ที่เขาให้ดูนาฬิกา
จนคุณรู้ตัวอีกที่อยู่ไหนไม่รู้ นั้นล่ะ เขาให้เราจ้องเพื่อให้เกิดสมาธิ ถ้าสติคุณอ่อนก็เรียบร้อย พาไปดูนั้นดูนี้ พอหลงก็ง่ายแล้วครับ คนที่ฝึกสมาธิมามากยังหลงติดในนิมิตได้เลย(ไปดูเทวดา นรก สวรรค์) แล้วมือใหม่จะเหลือหรือ นี้แหละครับวิธีการ
เคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีความรู้บางคนถึงศรัทธามาก พูดไงก็ไม่ฟัง แต่พอได้ศึกษาเรื่องฌาน คำสอนครูบาอาจาารย์ที่เคารพ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็หมดความสงสัย
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
ในฐานะที่ผมเคยศึกษาเรื่องวิชชาธรรมกาย ผมขอกล่าวถึงสั้นๆ โดยไม่เกี่ยวกับวัดธรรมกายว่า
วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดนั้นเป็นสิ่งที่ดี เชื่อกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบวิชานี้และได้ตรัสรู้ รู้แจ้งในสรรพสิ่ง
หลวงพ่อสดเองก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอค้นพบหนทางแห่งการรู้แจ้งที่องค์พระพุทธเจ้าได้เคยพบ มิเช่นนั้นท่านจะไม่ยอมออกจากสมาธิ
ในที่สุดท่านก็ได้ค้นพบ วิชชานี้สอนให้เรามองเข้าไปที่ต้นธาตุต้นธรรมของตัวเอง โดยสมมุติใจกลางตัวเองข้างในเป็นลูกแก้วใสสว่าง
แล้วให้เราหยุดจิตที่กลางลูกแก้วนั้น แล้วมองเล็กเข้าไปกลางลูกแก้วนั้นอีกเป็นลูกแก้วหลายๆดวงซ้อนกันลงไป เรียกว่า หยุดในหยุด
หลังจากนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะต่อยอดวิชชาได้มากแค่ไหน บางท่านก็รู้ถึงบารมีภายในตัวและนำออกมาใช้ได้ บางท่านก็พิศดารกายทิพย์ได้
ตามแต่ความแกร่งกล้าของฌานสมาบัติ ถ้าถามถึงประโยชน์ของวิชชานี้ต่อคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังมากนัก
ก็คือการฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้มีสตินั่นเอง
ถ้าไปดูจริงแล้ว หลวงพ่อสดไม่ได้บรรลุธรรมด้วยธรรมกายนะครับ ท่านก็ติด อยู่ในสังขารละเอียด ที่ปรุงขึ้น อาจารย์ของหลวงพ่อจรัญ (เจ้าคุณธรรมโชดกมั้งไม่แน่ใจ)ท่านเป็นคนแก้ให้ ครับ
แล้วถ้าอย่างนี้เกิดบังเอิญผมมีโอกาสได้ไป จะโดนเค้าอาศัยจังหวะช่วงที่ผมจิตอ่อน เล่นงานให่้ผมติดงอมแงมได้เลยปะครับ? คืออยากไปลองดีบ้างอะครับ ^^ พอมีวิธีป้องกันไหม???
#44
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:12
ลัทธิเพ่งลูกแก้วนี้ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย เป็นเพียงกสิณแสงสว่าง(อาโลกสิณ) แบบหนึ่ง.
ที่คนคลั่งวัดนี้แบบงมงายเพราะรูปแบบโฆษณาชวนเชื่อ มีการพูดซำ้และย้ำๆเรื่องการบริจาคคล้ายการสะกดจิต
กสิณแสง จะใช้แสงที่ผ่านรูฝาพนัง จะเห็นเป็นลำแสง แล้วบริกรรมภาวนา ครับ การเพ่งสมาธิ ของธรรมกายอีกอย่าง
ในขณะที่เกิดสมาธิ บ้างช่วงจะเป็นช่วงที่สติอ่อน ครับ ธรรมกายใช้ประโยชน์จากการโน้มจิต ไป โดยการพูด เหมือนการสะกดจิต ที่เขาให้ดูนาฬิกา
จนคุณรู้ตัวอีกที่อยู่ไหนไม่รู้ นั้นล่ะ เขาให้เราจ้องเพื่อให้เกิดสมาธิ ถ้าสติคุณอ่อนก็เรียบร้อย พาไปดูนั้นดูนี้ พอหลงก็ง่ายแล้วครับ คนที่ฝึกสมาธิมามากยังหลงติดในนิมิตได้เลย(ไปดูเทวดา นรก สวรรค์) แล้วมือใหม่จะเหลือหรือ นี้แหละครับวิธีการ
เคยสงสัยว่าทำไมคนที่มีความรู้บางคนถึงศรัทธามาก พูดไงก็ไม่ฟัง แต่พอได้ศึกษาเรื่องฌาน คำสอนครูบาอาจาารย์ที่เคารพ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น แล้วก็หมดความสงสัย
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
ในฐานะที่ผมเคยศึกษาเรื่องวิชชาธรรมกาย ผมขอกล่าวถึงสั้นๆ โดยไม่เกี่ยวกับวัดธรรมกายว่า
วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดนั้นเป็นสิ่งที่ดี เชื่อกันว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ค้นพบวิชานี้และได้ตรัสรู้ รู้แจ้งในสรรพสิ่ง
หลวงพ่อสดเองก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ขอค้นพบหนทางแห่งการรู้แจ้งที่องค์พระพุทธเจ้าได้เคยพบ มิเช่นนั้นท่านจะไม่ยอมออกจากสมาธิ
ในที่สุดท่านก็ได้ค้นพบ วิชชานี้สอนให้เรามองเข้าไปที่ต้นธาตุต้นธรรมของตัวเอง โดยสมมุติใจกลางตัวเองข้างในเป็นลูกแก้วใสสว่าง
แล้วให้เราหยุดจิตที่กลางลูกแก้วนั้น แล้วมองเล็กเข้าไปกลางลูกแก้วนั้นอีกเป็นลูกแก้วหลายๆดวงซ้อนกันลงไป เรียกว่า หยุดในหยุด
หลังจากนั้นก็แล้วแต่ว่าใครจะต่อยอดวิชชาได้มากแค่ไหน บางท่านก็รู้ถึงบารมีภายในตัวและนำออกมาใช้ได้ บางท่านก็พิศดารกายทิพย์ได้
ตามแต่ความแกร่งกล้าของฌานสมาบัติ ถ้าถามถึงประโยชน์ของวิชชานี้ต่อคนทั่วๆไปที่ไม่ได้ปฏิบัติอย่างจริงจังมากนัก
ก็คือการฝึกสมาธิ ฝึกจิตให้มีสตินั่นเอง
ถ้าไปดูจริงแล้ว หลวงพ่อสดไม่ได้บรรลุธรรมด้วยธรรมกายนะครับ ท่านก็ติด อยู่ในสังขารละเอียด ที่ปรุงขึ้น อาจารย์ของหลวงพ่อจรัญ (เจ้าคุณธรรมโชดกมั้งไม่แน่ใจ)ท่านเป็นคนแก้ให้ ครับ
แล้วถ้าอย่างนี้เกิดบังเอิญผมมีโอกาสได้ไป จะโดนเค้าอาศัยจังหวะช่วงที่ผมจิตอ่อน เล่นงานให่้ผมติดงอมแงมได้เลยปะครับ? คืออยากไปลองดีบ้างอะครับ ^^ พอมีวิธีป้องกันไหม???
สติครับ อยู่กับคำบริกรรม ของเราเท่านั้น ครับ ช่วงที่สมาธิสูง คำ บริกรรมบ้างช่วงจะหายไป(มีเหมือนไม่มี ถ้าสูงกว่านี้คือหายไปหมด จะเข้าอัปนาสมาธิครับ) สติ จะลดลง และถ้าเราทำตัวเหมือนผู้ที่มองดูเท่านั้น มันจะเห็นอะไรดีๆครับ ส่วนอื่นที่เข้ามาก็ไม่ต้องสนใจครับ เสียงก็สักแต่เสียง เขาจะบอกให้เพ่งอะไร ชั่งหัวมัน ถ้าไม่โน้ม จิตตามไม่ไปไหน ครับ เหมือนเราปักหมุดล่ามวัวไว้ ถ้าหมุดอยู่เชือกไม่ขาด ใครก็เอาวัวไปไหนไม่ได้ ครับ แต่จะพูดไปผมก็เกือบไปเหมือนกันดีที่จิตมันเตือนขึ้นมาเอง ว่านี้สะกดจิตเแล้วนะ (เผลอดูทางโทรทัศน์ ที่แม่ค้าเปิด คือเราเพ่งที่รูป แล้วอาศัยเทศน์กรอกหู)
Edited by ter162525, 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:16.
#45
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:25
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
หลายคนที่มีความรู้ มีฐานะ มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาเหล่าีนั้นเป็นคนดี เพราะฐานะและความรู้นั้นบ่งบอกความดีไม่ได้
คนมีฐานะดีบางคน รวยมาได้เพราะใช้ความรู้ความสามารถที่มี โกงบ้าน โกงเมือง โกงคนอื่น มาก็มี
เมื่อถึงวันที่ร่ำรวย เหลือกิน เหลือใช้ และเข้าสู่วัยใกล้ฝั่ง ก็อาจคิดถึงบาปกรรมที่เคยกระทำ
และ เมื่อมี ศาสดาแห่งอวกาศ มาบอกว่า บุญ นั้นสามารถซื้อได้ด้วยเงินตรา ไปสวรรค์ได้ด้วยเงินตรา
คนรวยเหล่านั้น ก็เหมือนแมลงเม่า ที่วิ่งหาแสงสว่างในที่มืดให้กับจิตใจของตน
นี่ละมั้ง ที่เป็นจุดอ่อนไหวของคนมั่งมีเหล่านั้น ให้คล้ายตาม และ เชื่อว่า ลัทธินี้เป็นเหมือนแสงไฟนำทาง
ด้วยความเชื่อว่า เงิน สามารถซื้อได้แม้แต่ทางขึ้นไปสวรรค์
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#46
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 16:29
ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ อยากรู้เหมือนกันในประเด็นนี้
เห็นหลายตนที่มีความรู้ มีฐานะ แต่กลับงมงายกับการทำบุญในวัดๆนี้มาก
อยากทราบบที่มาที่ไป รวมถึงขบวนการที่ทำให้คนเหล่านั้นสามารถคล้อยตามได้ด้วยนะครับ
เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
หลายคนที่มีความรู้ มีฐานะ มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาเหล่าีนั้นเป็นคนดี เพราะฐานะและความรู้นั้นบ่งบอกความดีไม่ได้
คนมีฐานะดีบางคน รวยมาได้เพราะใช้ความรู้ความสามารถที่มี โกงบ้าน โกงเมือง โกงคนอื่น มาก็มี
เมื่อถึงวันที่ร่ำรวย เหลือกิน เหลือใช้ และเข้าสู่วัยใกล้ฝั่ง ก็อาจคิดถึงบาปกรรมที่เคยกระทำ
และ เมื่อมี ศาสดาแห่งอวกาศ มาบอกว่า บุญ นั้นสามารถซื้อได้ด้วยเงินตรา ไปสวรรค์ได้ด้วยเงินตรา
คนรวยเหล่านั้น ก็เหมือนแมลงเม่า ที่วิ่งหาแสงสว่างในที่มืดให้กับจิตใจของตน
นี่ละมั้ง ที่เป็นจุดอ่อนไหวของคนมั่งมีเหล่านั้น ให้คล้ายตาม และ เชื่อว่า ลัทธินี้เป็นเหมือนแสงไฟนำทาง
ด้วยความเชื่อว่า เงิน สามารถซื้อได้แม้แต่ทางขึ้นไปสวรรค์
น่าสงสารแมงเม่าโง่ที่คิดว่ากองไฟนั้นจะให้ความอบอุ่นแกตัวได้ สุดท้าย ก็ทำลายตัวเอง ปล่อยวางส่ะอย่างเดียวเท่าันั้น ก็สุขใจ
#47
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:08
ที่นี้เคยได้รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจาก สมาคมสถาปนิกสยาม
แต่ไม่ใช่ตัวเจดีย์นะ ตัวโบสถ์
เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ส่วนที่เหลือไม่ขอวิจาร์ณครับ เกินจากที่ผมจะเข้าไปได้
#48
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:12
วัดธรรมกายาราม วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ราชบุรี
Edited by sigree, 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:34.
#49
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:27
ถ้าพูดด้านงานสถาปัตยกรรมเท่านั้น
ที่นี้เคยได้รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจาก สมาคมสถาปนิกสยาม
แต่ไม่ใช่ตัวเจดีย์นะ ตัวโบสถ์
เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ส่วนที่เหลือไม่ขอวิจาร์ณครับ เกินจากที่ผมจะเข้าไปได้
นั้นแหละครับทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีแต่พุทธจะมีเรื่องสมาธิ ซึ่งศาสนา อื่นไม่มี ไม่แปลกหรอครับ แต่ถ้าอยากรับรู้และเข้าถึง ผมแนะนำให้
พระเจ้าของคุณsigree คือพระอัลเลาะห์ ใช่ไหมครับ ลองดูก็ได้ เพราะหลวงพ่อจรัญท่านสอนทุกศาสนา ได้ ไม่จำเป็นต้องนับถือพุทธ
หายใจเข้า อัล หายใจออกเลาะห์ ก็ ได้ หรือ หายใจเข้าพูด พระอัลเลาะห์ หายใจออก ผู้เป็นเจ้าก็ได้ กำหนดเรื่อย เดี๋ยวเราก็มาเจอกัน อิอิอิ
ถ้านามพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอิสลามไม่ให้เอ่ยง่ายๆ ผมก็ขอโทษด้วยครับ
#50
ตอบ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 17:51
ถ้าพูดด้านงานสถาปัตยกรรมเท่านั้น
ที่นี้เคยได้รางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจาก สมาคมสถาปนิกสยาม
แต่ไม่ใช่ตัวเจดีย์นะ ตัวโบสถ์
เรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ส่วนที่เหลือไม่ขอวิจาร์ณครับ เกินจากที่ผมจะเข้าไปได้
นั้นแหละครับทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีแต่พุทธจะมีเรื่องสมาธิ ซึ่งศาสนา อื่นไม่มี ไม่แปลกหรอครับ แต่ถ้าอยากรับรู้และเข้าถึง ผมแนะนำให้
พระเจ้าของคุณsigree คือพระอัลเลาะห์ ใช่ไหมครับ ลองดูก็ได้ เพราะหลวงพ่อจรัญท่านสอนทุกศาสนา ได้ ไม่จำเป็นต้องนับถือพุทธ
หายใจเข้า อัล หายใจออกเลาะห์ ก็ ได้ หรือ หายใจเข้าพูด พระอัลเลาะห์ หายใจออก ผู้เป็นเจ้าก็ได้ กำหนดเรื่อย เดี๋ยวเราก็มาเจอกัน อิอิอิ
ถ้านามพระผู้เป็นเจ้าของศาสนาอิสลามไม่ให้เอ่ยง่ายๆ ผมก็ขอโทษด้วยครับ
การทำสมาธิ ในศาสนาอื่นมีไม่หรือไม่ผมไม่แน่ใจ
แต่การกำหนดใจให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีหลายวิธีการ
อาจมีความแตกต่างกันในการปฎิบัติ
อย่างการทำละหมาด นี่ก็อาจเป็นการทำสมาธิแบบหนึ่งก็ได้
รากศัพท์
คำว่า"ละหมาด" ในภาษาอาหรับคือ ศอลาต (Salah, صلاة) มาจากรากศัพท์ที่ประกอบด้วย ศอด (ص) , ลาม (ل) , และวาว (و) ความหมายของรากศัพท์นี้ในภาษาอาหรับคลาสสิกคือ สวดมนต์ อ้อนวอน บูชา ร้องทุกข์ กล่าวสุนทรพจน์ ขอพร ตามไปอย่างใกล้ชิด หรือ ติดต่อ ความหมายที่เป็นรากฐานของคำนี้เกี่ยวข้องกับความหมายที่ใช้ในอัลกุรอานทั้งหมด
[แก้]เงื่อนไขของการละหมาด
- ผู้ละหมาดต้องนับถือศาสนาอิสลาม
- มีเจตนาแน่วแน่ (นียะหฺ)
- หันหน้าไปทางทิศกิบลัต คือที่ตั้งของเมกกะ
- การประกาศบอกเวลาละหมาด (อะซาน)
- การประกาศให้ยืนขึ้นเพื่อละหมาด (อิกอมะหฺ)
- ความสะอาดของร่างกาย เสื้อผ้า สถานที่
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน