ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด..แต่อยากจะขอทำความเข้าใจสักนิดน่ะค่ะ
เพราะปีนี้ที่บ้าน ก็เข้า ม.4 เหมือนกัน ปีหน้าอีกคน..
เป็นโรงเรียนรัฐขนาดใหญ่เหมือนกัน โดนตัดสิทธิ์เหมือนกัน
แต่ที่บ้านใช้วิธีสมัครสอบคัดเลือก เพื่อเข้าไปเรียนโรงเรียนเดิม
ซึ่งก็ผ่านการสอบคัดเลือก ได้ตามสาขาที่เลือก
ตั้งแต่เริ่มเข้าเรียน ม.1 ทางฝ่ายวิชาการของโรงเรียนจะแจ้งทุกปี
ว่า เด็กที่จะมีสิทธิเรียนต่อโดยไม่ต้องสอบเข้านั้นแบ่งเป็น
1. เกรดสะสม 3 ภาค (6 เทอม) ต้องไม่ต่ำกว่า 2.5 และการเลือก
แต่ละสาขาวิชา เช่น วิทย์-คณิต, ศิลป์-คำนวณ, ศิลป์-ภาษา เด็ก
ต้องมีเกรดแต่ละวิชาตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่น วิทย์-คณิต นั้น
เด็กต้องได้เกรดภาคเรียนที่ 3 (ม.3 - 2 เทอม) 3 ขึ้นไป อังกฤษ
และภาษาไทย 2.5 เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ
ของเด็กและผู้ปกครองที่ต้องคอยดูแล เรื่องเกรดสะสม และเกรด
แต่ละเทอม
2. ความสามารถพิเศษ ส่วนใหญ่จะเป็นนักกีฬา ดนตรีไทย
นาฎศิลป์ และ ดนตรีสากล ซึงการสอบข้อเขียนจะไม่เข้มงวด
แต่จะมีการทดสอบความสามารถที่เด็ก ๆ สมัครเข้าทดสอบ
3. ผ่านการสอบคัดเลือก ตามที่ สพฐ กำหนด
4. เด็กประเภท เรียนดี ประพฤติดี กิจกรรมดี อันนี้ต้องพิจารณา
จากพฤติกรรมของเด็กตลอด 6 เทอม และคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ 8 ข้อ ร่วมในการพิจารณา ส่วนใหญ่จะไม่เกินปีละ
50 คน..
5. ห้องเรียนพิเศษ เป็นห้องเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ ผู้ที่เรียน
ต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์ด้วยภาษาอังกฤษจากอาจารย์ต่างชาติ
โดยตรง ซึ่งค่าเล่าเรียนจะสูงกว่าห้องเรียนธรรมดา เพราะตำรา
ที่ใช้เรียน เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
สำหรับปี 2555 สพฐ กำหนดว่า ให้แต่ละโรงเรียนรับเด็กเก่า
ได้ไม่เกิน 80% และเป็นบุคคลทั่วไปไม่เกิน 20% ซึ่งแต่ละ
โรงเรียนได้กำหนดเกณฑ์การคัดเลือกเด็กเก่าซึ่งส่วนใหญ่
น่าจะใกล้เคียงกัน คือ
เกรดสะสม 3 ภาค ( 6 เทอม ) ต้อง 2.5 ขึ้นไป เป็นด่านแรก
ด่านที่ 2 คือ คะแนนวิชาบังคับ วิทย์ คณิต อังกฤษ ภาษาไทย
เพื่อให้เด็กเลือกสาขาวิชาที่ต้องการจะเรียน โดยสามารถ
เลื่อกได้เองตามลำดับ เช่น
เกรดสะสม 2.8 ผ่านเกณฑ์ที่จะมีสิทธิได้เรียนต่อ
แต่ วิทย์ ได้ 2.5 คณิต ได้ 3 อังกฤษ ได้ 2.5 ภาษาไทย 3
และเลือก วิทย์-คณิต อันดับ 1 ศิลป์-คำนวณ อันดับ 2
และ ศิลป์-ภาษา อันดับ 3
อย่างนี้จะเลือก วิทย์-คณิตไม่ได้ เพราะเกณฑ์การเรียนสาขา
วิทย์-คณิต ต้องได้ วิทย์ 3 คณิต 3 อังกฤษ 2.5 คะแนนที่ได้
ไม่ผ่านเกณฑ์ แต่ อันดับ 2 คือ ศิลป์-คำนวณ ตั้งเกณฑ์ไว้ที่
วิทย์ 2.5 คณิต 3 อังกฤษ 2.5 ดังนั้น เด็กก็จะได้โควต้าเรียน
สาขา ศิลป์-คำนวณ..
และในกรณีที่ไม่อยากเรียน ศิลป์-คำนวณ แต่อยากเรียน วิทย์-คณิต
มากกว่า ก็สามารถที่จะใช้สิทธิสมัครสอบคัดเลือกสาขาวิทย์-คณิต
ได้ ถ้าสอบได้ ก็ได้เรียน แต่ถ้าสอบไม่ผ่าน สิทธิที่จะได้เรียน
ศิลป์-คำนวณก็ยังคงมีอยู่ เพราะเป็นโควต้าที่ได้รับโดยอัตโนมัติ
ในกรณีที่ เด็กสามารถสมัตรสอบคัดเลือก และสามารถสอบได้
เด็กก็มีสิทธิ่ที่จะเลือกว่า อยากเรียน สาขาศิลป์-คำนวณที่ได้สิทธิ
หรือ จะเลือก วิทย์-คณิต ที่สอบคัดเลือกได้..ต้องเลือกอย่างใด
อย่างหนึ่งเท่านั้น เพื่อสละสิทธิให้กับนักเรียนคนอื่น
ในกรณีที่มีการสละสิทธิ..โรงเรียนจะพิจารณาต่อว่า มีจำนวน
มากน้อยเพียงใด ต้องรับนักเรียนเพิ่มเพื่อทดแทนหรือไม่
โดยส่วนใหญ่จะใช้วิธี เลื่อนอันดับจากจำนวนผู้ที่ผ่านการ
สอบคัดเลือก..
ปัญหาที่เกิดขึ้น จึงไม่อยากให้มองว่า ฝายใดผิด คงต้องมองกัน
ให้ลึก ๆ ว่า ปัญหาเกิดจากอะไร จากสถาบันการศึกษา หรือจาก
ผู้ปกครองที่ปล่อยปะละเลย ไม่ดูแลเรื่องการเรียน เรื่องคะแนน
หรือเป็นที่เด็กเอง..เพราะมันเป็นปัญหาที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
ถามว่า..เงินบริจาคมีส่วนหรือไม่ คงปฏิเสธไม่ได้ แต่ถ้าเด็กมี
ความตั้งใจ การพูด-คุย ปัญหากับอาจารย์ กับสถาบันน่าจะมี
หนทางแก้ไข..มากกว่าการเรียกร้องด้วยวิธีนี้
เพราะถึงแม้ กลับเข้าไปเรียนได้..ปฏิกริยาที่จะได้รับอาจจะ
ทำให้ความสุขในการเรียนลดลง..ยังไงก็อยากให้ทุกคนได้
เรียน มากกว่าที่จะต้องมุ่งว่า...ต้องเป็นที่นี่เท่านั้น
ไม่ใช่แค่พวกเรา 400 กว่าคน..แต่ทั่วประเทศ ก็มีคนที่พลาดหวัง
และต้องเปลี่ยนโรงเรียนอีกหลายแสนคน..พวกเค้าก็ยังเรียนได้
โรงเรียนที่เล็กกว่า อาจารย์จะให้ความดูแล เอาใจใส่ได้มากกว่า
เราน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า...
Edited by bird, 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 - 14:50.