ขออนุญาตออกตัวก่อนนะครับว่า แม้เรื่องราวที่ได้รับฟังจากการบอกเล่าจะไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ เพราะผมและท่านทั้งหลายไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น แต่ผมเชื่อว่าท่านสมาชิกที่ติดตามการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแล้วนึกภาพตามในขณะห้วงเวลานั้นคงจะเข้าใจและอนุมานได้ว่าเป็นจริงตามนี้หรือไม่ ขออนุญาตเข้าเรื่องครับ
ผู้ปกครองผมท่านได้เล่าให้ฟังในเหตุการณ์มหามงคลครั้งนั้นว่า หลังจากทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับ จากทุ่งมะขามหย่อง ไปยังพระตำหนักสิริยาลัย เพื่อทรงเสวยพระกระยาหารค่ำ เป็นการส่วนพระองค์แล้วนั้น บรรดาข้าราชบริพารตามเสด็จที่มิได้มีหน้าที่เฝ้าฯปฏิบัติสนองงาน ก็พักรอระหว่างทรงเสวยฯ มีข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ได้ถามสารถีรถพระที่นั่งพระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวว่า " ตอนเสด็จขึ้นรถพระที่นั่งทั้งสองพระองค์แล้วพี่ปิดเปิดไฟทำไม เด๋วพระองค์จะทรงปรับสายพระเนตรไม่ทันนะพี่ "
สารถีรถพระที่นั่งก็ตอบไปว่า " ตอนแรกเมื่อเสด็ลงขึ้นก็จะปิดตลอดละครับ แต่ที่ต้องเปิดอีกครั้งก็เพราะด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระองค์ทรงรับสั่งให้เปิดไฟสว่างไว้ เพื่อให้พสกนิกรประชาชน ที่มารอเฝ้าฯส่งเสด็จ ได้ชมพระบารมีของพระบาทสมเด็จฯพระเจ้าอยู่หัวได้อย่างชัดเจน เพราะแต่ละคนเดินทางมาไกล และมารอกันนาน ".
นี่ละครับถ้าใครสังเกตดีๆ ที่โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ถ่ายทอดสดช่วงเสด็จกลับ เมื่อทรงประทับในรถยนต์พระที่นั่งซึ่งในขณะนั้นไฟในรถเปิดอยู่ เมื่อเจ้าพนักงานชาวที่ปิดประตูรถพระที่นั่ง สารถีดับไฟภายในรถครู่หนึ่งก่อนที่จะเปิด ในเวลาไม่นานนัก เราจะเห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯทรงโบกพระหัตถ์ ลองนึกดีๆนะครับ แล้วประมวลกับเหตุการณ์คำบอกเล่า สำหรับผมจะเรื่องจริงหรือไม่ทราบ แต่ 1.ผมเชื่อว่าผู้ปกครองท่านไม่โกหก 2.เหตุการณ์ประจวบเหมาะเช่นนั้นจริงๆ
นี่คือพระมหากรุณาธฺคุณอันหาที่สุดมิได้อีกคำรบหนึ่ง