สมศักดิ์เจียม ลูกจีนเนรคุณ
#2
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:14
#3
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:18
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#4
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:20
#5
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:26
- ช่วยกันเราอยู่ and มัจจุราชขาว2012 like this
"กูจะสู้แม้รู้ว่าพวกกูน้อย สู้ไม่ถอยแม้รู้ว่าจะดับสลาย แผ่นดินนี้พ่อกูอยู่ปู่กูตาย กูสุดอายถ้าเสียทีไพรีครอง"
#6
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:27
#7
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:29
#8
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:36
#9
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:36
#10
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:37
[color=#ff0000;]สำหรับผมคงเลิกเล่นบอร์ดนี้ไว้เพียงเท่านี้ ถ้าไอดีนี้ยังมีบุคคลอื่นที่ใครบางคนคิดว่าเป็นตัวจริงอยู่จริง เขาก็เข้ามาใช้บอร์ดนี้ต่อเองแต่ไม่ใช่ผมแน่นอน[/color]
ลาก่อน สวัสดีครับ 17 มกราคม 2556
#11
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:43
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
บทความนี้อาจต้องการพิสูจน์อักษร ในด้านไวยากรณ์ รูปแบบการเขียน การเรียบเรียง คุณภาพ หรือการสะกด คุณสามารถช่วยพัฒนาบทความได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล (เกิดวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2501) นักวิชาการทางด้านประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผศ.ดร.สมศักดิ์เกิดวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2501 จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 5 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (ส.ก.2514 หรือ รุ่น 90 เลขประจำตัวนักเรียน 18064) จบการศึกษาปริญญาตรี (เกียรตินิยมอันดับ 1) สาขาประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จบการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยโมนาช ประเทศออสเตรเลีย โดยทำวิทยานิพนธ์เรื่อง The Communist Movement in Thailand ปัจจุบัน สมศักดิ์เป็นรองศาสตราจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
[แก้] ประวัติการทำงาน
สมศักดิ์เป็นผู้ที่สนใจกิจกรรมทางการเมืองมาตั้งแต่เป็นประธานนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และเป็นหนึ่งในผู้จัดทำหนังสือ "ศึก" ซึ่งเป็นหนังสือรุ่นที่แจกจ่ายในวันสมานมิตร'๑๗ (งานประจำปีของโรงเรียน) [1] เป็นอดีตแกนนำนักศึกษาธรรมศาสตร์ ซึ่งช่วง 6 ตุลา ทำหน้าที่โฆษกบนเวทีชุมนุมของนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็น 1 ใน 18 ผู้ถูกจับกุมจากการล้อมปราบนักศึกษาประชาชนหัวก้าวหน้าเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 อันประกอบด้วย นายสุธรรม แสงประทุม, นายอภินันท์ บัวหภักดี, นายธงชัย วินิจจะกูล, นายประพนธ์ วังศิริพิทักษ์, นายวิโรจน์ ตั้งวาณิชย์, นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม, นายประยูร อัครบวร, นายอรรถการ อุปถัมภากุล, นายสุรชาติ พัชรสรวุฒิ, นายอนุพงศ์ พงศ์สุวรรณ, นายโอริสสา ไอยราวัณวัฒน์, นายเสรี ศิรินุพงศ์, นายอารมณ์ พงศ์พงัน, น.ส.เสงี่ยม แจ่มดวง, น.ส.สุชีลา ตันชัยนันท์, นายสุรชาติ บำรุงสุข, นายบุญชาติ เสถียรธรรม
สมศักดิ์ถูกจับกุมขณะหลบอยู่ในกุฏิพระในวัดมหาธาตุ ข้างธรรมศาสตร์พร้อมกับนักศึกษาอีกหลายสิบคน ภายหลังได้รับการนิรโทษกรรมเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2521
สมศักดิ์เป็นนักประวัติศาสตร์ที่มีความสนใจในประวัติศาสตร์ไทยยุคใกล้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง รวมทั้ง ผลงานการศึกษาค้นคว้าและการตีความประวัติศาสตร์จำนวนมาก โดยเฉพาะการศึกษาบทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่นใน เหตุการณ์สวรรคตของรัชกาลที่ 8, การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475, เหตุการณ์ 14 ตุลา, เหตุการณ์ 6 ตุลา และรัฐประหาร พ.ศ. 2549 งานส่วนใหญ่มีการเผยแพร่ในอินเทอร์เน็ต เช่น บทความในเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืน,ฟ้าเดียวกัน, หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท นอกจากนี้ยังได้แสดงความเห็นในเว็บไซต์ต่างๆ โดยใช้ชื่อนามสกุลจริง เช่น เว็บบอร์ดฟ้าเดียวกัน [1] และนิวแมนดาลา [2]
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลมักจะเป็นชื่อแรก ๆ เสมอเมื่อมีวิวาทะในประเด็นปัญญาชน สังคมนิยม ลัทธิมาร์กซ์ โดยเฉพาะประเด็นการเคลื่อนไหวของขบวนการฝ่ายซ้ายไทย ....
อ้างอิง http://th.wikipedia....ิ์_เจียมธีรสกุล
เอามาแปะให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นครับ
#12
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:48
- Huligan and กระบี่แดนใต้ like this
สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ
ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ
ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม
#13
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:01
==แย้ง อ.สมศักดิ์ เจียมฯ กรณีโต้รายงานประจำปี53 สนง.ทรัพย์สิน==
http://forum.seritha...hp?topic=5405.0
#14
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:12
#15
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 21:19
แต่เห็นการ quote ความเห็นด่าพ่อด่าแม่ตัวเองเป็นระยะ
รอการชำแหละ (เสรีไทยจะกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์หรือเนี่ย?)
เขียนเรื่องการเมือง : ดราม่า ,เขียนเรื่องสังคม : ดราม่า เขียนเรื่องบันเทิง : ดราม่า
แต่พอโพสเรื่องหื่น : มีความเห็นเป็นไปทางเดียวกันเสมอ >3<
#16
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:19
จากนั้นผมจะชวนมิตรสหายช่วยกันพิจารณาตรรกะและวิธีคิดของสิ่งมีชีวิตตนนี้
ตอนนี้ ลองนึกกันดูสักหน่อย ว่า นายคนนี้สนใจและเขียนเรื่องอะไรไว้บ้าง
เท่าที่นึกออก เรื่องที่วนเวียนเขียน ก็มี
1 กรณีสวรรคต
2 การโจมตีรัชกาลที่ 9 เรื่องโครงการพระราชดำริไม่สามารถตรวจสอบ เรื่องไม่เสียภาษี...ฯลฯ
3 เรื่องพรรคคอมมิวนิสต์
4 เรื่องห้ามด่านักการเมือง เพราะนักการเมืองลงเลือกตั้ง
5 112
หลักๆ ก็ประมาณนี้
#17
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:21
#18
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:24
คนหน้าตาแบบนี้นี่แหละ ที่ด่าแม่ตัวเองว่าเป็นกระหรี่ ที่ด่าพ่อตัวเองว่าเป็นแมงดา
แสดงว่ามันต้องเกิดในซ่องนางโลมแน่ๆ จึงได้มีความคิดเฮี่ยๆอยู่ในสมองตลอดเวลา
- มังกร เจ้าพระยา likes this
มันผู้ได สนับสนุนการนิรโทษกรรม ไม่ลากคอไอ้ฆาตกรชั่วใจสัตว์ โหดอำมหิต ผู้บงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพ และพี่น้อง กปปส.ของกูอีก 20 ศพ มาลงโทษลงทัณฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายในชาตินี้ และต่อๆไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล
#19
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:31
- เจียมฯ บอกว่าตุลาการภิวัฒน์เป็นปัญหา? (แต่ผมว่าไม่มีปัญหาเพราะเจียมฯไม่สามารถบอกว่าปัญหาคืออะไร)
- เจียมฯ บอกว่าทหารเป็นปัญหา?
ทั้งสองนี้เจียมฯ โยงไปว่าต้องแก้ปัญหาที่สถาบันฯ
- เจียมฯเชื่อว่าทฤษฎีเกี่ยวกับกรณีสวรรคตร.8ของตัวเองถูก
- เจียมฯบอกตัวเองเป็นนักปฎิวัติ...(ถ้าอยากยั่วโมโหมัน ให้สมัครเฟสบุ๊ชื่อ"นายผี"แล้วใช้รูปนายผีเป็นหน้า ไปกวนตีนมัน)
แต่มันสรุปสุดท้ายเองเลยว่า...มันจนปัญญาไม่มีข้อเสนอที่เป็นทางออก
ก่อนอื่นจะโต้เจียมฯ ต้องเริ่มที่เรื่องพื้นฐานที่สุดครับ คือขอหลักฐานว่าป๋าเปรมอยู่เบื้องหลังรัฐประหารปี49 ซึ่งผมเชื่อว่าสมศักดิ์ เจียมฯไม่มี
#20
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:40
แต่ที่อนาถมากกว่านั้นคือมีคนมาชาบูๆ มันนี่สิ
#21
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:53
http://oldforum.seri...e;topic=20876.0
แต่ถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับเท้าความหลังให้คนที่ไม่รู้ได้ฟัง จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
Edited by David_GinoLa, 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 22:58.
- overtherainbow and ดราม่า like this
#22
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:10
แถลงการณ์ฉบับนั้นมันก็กลายเป็นเศษกระดาษน่ะสิครับ ไปอ้างอิงกับคนอคติกับสถาบันกษัตริย์
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#23
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:13
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#24
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:17
ลืมบอกไป ผมยอมรับว่า เพราะสมศักดิ์นี่แหละที่ทำให้ผมรู้จักเว็บเสรีไทย
เออ เหมือนกันเลยพี่
จำได้ว่าอ่านข่าวไอ้นักศึกษาธรรมศาสตร์ที่ปีนขึ้นไปถ่ายรูปบนรูปปั้นปรีดี
แล้วไปโพสต์ในเฟสบุ๊ค แล้วไอ้สมศักดิ์เจียม มาเม้น
ผมอ่านแล้วคิดว่าอาจารย์เชี่ยไรไม่เคยเห็นรูปปั้นใน ม.ที่ตัวเองสอน
เลยค้นในอากู๋จนมาเจอที่นี่แหละ
#25
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:29
#26
ตอบ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:33
มาแปะข้อมูลของคุณ bonny ที่บอร์ดเก่าให้ครับ
http://oldforum.seri...e;topic=20876.0
แต่ถ้าใครมีข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมกับเท้าความหลังให้คนที่ไม่รู้ได้ฟัง จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ด่าสมศักดิ์ได้เจ็บดี ลองอ่านท่อนสั้นๆดู
เรื่องต่อมา..
คือเรื่องที่เจ้าหัวโตชอบแอบอ้างวีรกรรม 6 ตค.19 ไปสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ผมว่าควรยุติได้แล้ว ละอายแก่ใจบ้างเถอะครับ
เจ้าหัวโตนี่แหละที่นำพาให้คนไปใตายในมหาวิทยาลัยและกลางแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวนมาก
เป็นเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบดี แต่ริอ่านเป็นผู้นำม็อบ เอาชีวิตคนจำนวนมากเป็นหลักประกันความสำเร็จของอุดมการณ์ตนเอง ไม่ทราบว่า สงสารพ่อแม่ ญาติพี่น้องผู้ตายหรือเปล่า??????
อายุของผู้นำม็อบไม่ดูที่ตัวเลขก็จริง แต่ความรับผิดชอบต้องมีสูงเทียบเท่ากับความสำคัญด้วย
ในเวลานั้น..นักศึกษาและประชาชนจำนวนมากไม่มีอาวุธใดๆ จะไปต่อกรกับอันธพาลส่วนหนึ่ง และเจ้าหน้าที่รัฐส่วนหนึ่ง ข้านอกเขามีสื่อวิทยุ โทรทัศน์ ปลุกระดมกันอยู่ทุกวี่วัน นักศึกษามีอะไรสู้ได้..นอกจากความบริสุทธิ์ใจ
ในขณะที่ภัยร้ายกำลังเข้าใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทุกนาที เพราะพวกเขาก็ฮึ่มๆ กันอยู่ว่า จะบุกเข้าไป รอแค่ไฟเขียวจากผู้นำเท่านั้น ถ้าเจ้าหัวโตและนายธงชัยศิษย์ผู้พี่ (คนนึงอยู่ปีหนึ่ง อีกคนอยู่ปีสองเท่านั้น) จะเห็นแก่ความปลอดภัยของผู้ร่วมชุมนุม ต้องประกาศให้สลายการชุมนุมไปก่อน ให้แยกย้ายกันไปในที่ปลอดภัย แล้วหาทางระดมพลใหม่เมื่อสถานการณ์อำนวย ไม่ใช่..ยืนบนเวทีแล้วประกาศว่า "ทุกคนอยู่ในความสงบ ไม่ต้องกลัว ให้จับมือกันไว้ อย่าแตกกลุ่ม ไม่มีใครทำร้ายพวกเราได้ถ้าพวกเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว บ้านเมืองมีขื่อมีแป ไม่มีใครทำลายอำนาจของนักศึกษา ประชาชนได้ ฯลฯ" สรุปว่า ให้อยู่ในรั้วมหาลัยนั่นแหละ ในที่สุด ..ใครเชื่อมันก็ตายหมู่ กลา็ยเป็นเหยื่อให้เขาสอยทิ้งได้ง่ายๆ เพราะกระจุกตัวกันอยู่ในชามใบใหญ่ ยิงตรงไหนก็ถูก
โทษใครครับ? ที่เราต้องเสียพี่น้องผู้บริสุทธิ์ไปนับร้อยๆ คน ถ้าไม่โทษความอ่อนหัดในการนำม็อบของเด็กสองคนที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ
แต่บทความของเจ้าหัวโตเลือกที่จะกล่าวโทษราชวงศ์ว่า ทำไมไม่นำพา ไม่ช่วยซับน้ำตาคนตาย โถ..ไม่หันมาโทษตัวเองบ้างเลยนะ
ฝ่ายขวาจัดอันประกอบไปด้วย ขุนนางทั้งหลายนั่น เขามีหน้าที่ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเองเป็นสำคัญ เช่นเดียวกับสถาบันทุกแห่งในสังคม รวมทั้งสถาบันพระมหากษัติรย์ นี่คือ..สิ่งที่เจ้าหัวโตและนายธงชัยควรสังวรณ์ไว้ด้วย เพราะสังคมไทยประกอบกันขึ้นมา มิได้มีแต่ สังคมของนักศึกษา ผู้ใช้แรงงาน และประชาชนผู้ด้อยโอกาสเท่านั้น
นี่ถ้าหมั่นเข้าเรียนสักหน่อย รอจนอายุขัยได้ที่ มีคุณวุฒิ และวัยวุฒิที่เหมาะสม ก็น่าจะเป็นผู้นำม็อบได้ดีกว่านี้
ดังนั้น..ที่คนตายจำนวนมาก อย่าโทษเป็นความผิดของอมาตยาธิปไตยทั้งหมด เป็นความอนุบาลทางการเมืองของเด็กฝึกหัดสองคนนั่นด้วย
ที่ตนเองและนายธงชัยได้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ไม่ต้องถูกจองจำจนแก่หง่อมเพราะใครให้โอกาส? หรือคิดว่า เป็นเพราะตัวเองและญาติพี่น้องเสริมส่ง? เวรกรรมแท้ๆ ที่มีคนเช่นนี้ในประเทศไทย
Edited by ดราม่า, 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:34.
- Huligan likes this
#27
ตอบ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:08
#28
ตอบ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:09
ด่ามันในเวปบอร์ด มันจะไปสนุกอะไร ไปดักปาขี้ที่มหาลัย ที่หน้าบ้านมันดีกว่ามั๊ง
หาตัวยากครับคนนี้ ชอบทำตัวเป็นอีแอบ หลบๆซ่อนๆ
#29
ตอบ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:49
คิดว่าจะเลิกตอบกระทู้ล่อเป้าและไร้สาระของบางคนแล้วค่ะ จะได้ตกๆไป
#30
ตอบ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:42
http://forum.seritha...php?f=2&t=33355
http://forum.seritha...php?f=2&t=29861
http://forum.seritha...php?f=2&t=33453
- overtherainbow, คลำปม, dahlia v2 and 2 others like this
#31
ตอบ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 23:46
• เอือมระอากับบรรดาพี่น้องที่หลงทางจริงๆ เห็นต่างกันยังรับได้ครับ แต่เห็นผิดเป็นชอบแบบนี้มันบัดซบจริงๆ •
• หายนะของประเทศไทย ก็คือการที่ "ควายเลือกควาย" เข้ามาทำลายประเทศ •
#32
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:02
ขอความรู้ประเด็นเรื่อง สนง. ทรัพย์สินฯ ได้ไหมคะ ... ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
ตามไปเลยครับ
http://akelovekae.bl.../blog-post.html
- เบื่อดราม่าอันหาสาระมิได้ likes this
#33
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:07
คิดว่าจะเลิกตอบกระทู้ล่อเป้าและไร้สาระของบางคนแล้วค่ะ จะได้ตกๆไป
#34
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:21
ถามอีกข้อนะคะ กำไรจาก สนง.ฯ ไปที่ไหนคะ พิสูจน์ได้ไหม คำถามนี้เสื้อแดงถามกันอึงมี่
ว่ากันตามกฎหมายเลยนะครับ
มาตรา 5* ทรัพย์สินส่วนสาธารณสมบัติของแผ่นดินและทรัพย์สิน ส่วนพระมหากษัตริย์บรรดาที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภค ให้อยู่ให้ความดูแลรักษา ของสำนักพระราชวัง
ทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์นอกจากที่กล่าวในวรรคก่อน ให้อยู่ใน ความดูแลรักษาและจัดหาผลประโยชน์ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
ทรัพย์สินส่วนพระองค์นั้น การดูแลรักษาและการจัดหาผลประโยชน์ ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย
มาตรา 6* รายได้จากทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่กล่าวใน มาตรา 5 วรรคสองนั้น จะจ่ายได้ก็แต่เฉพาะในประเภทรายจ่ายที่ต้อง จ่ายตามข้อผูกพัน รายจ่ายที่จ่ายเป็นเงินเดือน บำเหน็จ บำนาญ เงินรางวัล เงินค่าใช้สอย เงินการจร เงินลงทุน และรายจ่ายในการพระราชกุศล เหล่านี้เฉพาะที่ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้วเท่านั้น
รายได้ซึ่งได้หักรายจ่ายตามความในวรรคก่อนแล้ว จะจำหน่าย ใช้สอยได้ก็แต่โดยพระมหากษัตริย์ตามพระราชอัธยาศัย ไม่ว่าในกรณีใด ๆ หรือโดยคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับการ พระราชกุศลอันเป็นการสาธารณะหรือในทางศาสนาหรือราชประเพณี บรรดาที่เป็นพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์เท่านั้น
มาตรา 7* ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 6 ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จะโอนหรือจำหน่ายได้ก็แต่เพื่อประโยชน์แก่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตหรือเพื่อสาธารณประโยชน์อันได้มี บทกฎหมายให้โอนหรือจำหน่ายได้เท่านั้น http://www.baanjomyu...law/02/096.html
เพื่อความเข้าใจที่มากขึ้น
http://akelovekae.bl...12/5-fobes.html
Edited by David_GinoLa, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:29.
- สงสารสาวจันทร์ and เบื่อดราม่าอันหาสาระมิได้ like this
#35
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:43
ระเบียบการจัดทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ ทีเป็นอยุ่ในปจจุบน รวมทั้งสถานะของ สนง.ทรัพย์สิน ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสมัยหลัง 2475 แต่อย่างใด แต่เกิดขั้นเมื่อ รบ.ประชาธิปัตย์ที่มีลักษณะที่เรียกว่า royalist สมัย 2491 ทำให้เกิดขึ้น ดังนั้น ตั้งแต่ต้นทีเขียนว่า "อยากให้เข้าใจ concept ของการตั้งสำนักงานฯ ก่อน คือจริงๆ ก็เหมือนเป็นบริษัท จัดการทรัพย์สินนั่นเอง คือสถาบันคงไม่เข้าไปจัดการบริหารด้วยพระองค์เอง สมัยนั้น คณะราษฎร์ก็จัดตั้งสำนักงานฯ ขึ้นมา เพื่อแบ่งแยกทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สาธารณสมบัติ และทรัพย์ส่วนพระองค์ แต่ในฐานะที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนหนึ่งของการเป็นชาติ เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของประเทศ"จึงผิดความจริง โดยสิ้นเชิง การต้ง สนง.ทรัพย์สิน สมัย 2479 ไม่ใช่ มาจากไอเดีย เรื่อง การ "ตั้งบริษัทจัดการทรัพย์สิน" และ การแบ่ง ก็ไม่ใช่เกี่ยวกับฐานะสถาบันที่เป็น "ส่วนหนึ่งของความเป็นชาติ เป็นสัญลักษณ์..." ที่เขียนมา
ข้อมูลเกี่ยวกับว่า คณะราษฎร ทำไม่ดีต่อ "ทรัพยสิน" ก็ผิด
เรื่องทรัพย์สินฯ เป็นเรื่องซับซ้อน ไม่ได้ค้นคว้าจริงๆ ไม่ควรพูดมั่วมาครับ
1. สำนักงานทรัพย์สิน ที่ตั้งขึ้น คร้งแรก ในปี 2481 (พรบ. 2479 ไม่มีกำหนดให้มี "สนง.ทรัพย์สิน" ด้วยซ้ำ) ไม่ใช่ concept "บริษัท" เพราะมีฐานะเป็นเพียง "กอง" ในกระทรวงการคลัง เท่าน้น (ขึ้นต่อ กรมคลัง อีกทีหนึ่ง) ตาม กฤษฎีกาจัดระเบียบ กท.คลัง พ.ศ.2481 (ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 55, 30 มกราคม 2481 - ตามปฏิทินขณะนั้น ถ้านับเทียบปัจจุบัน คือต้นปี 2482 แต่ตอนนั้น ถือเป็น "ปลายปี")
2. ตาม พรบ.จัดระเบียบทรัพย์สิน ปี 2479 นั้น แม้แต่ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" ก็อยู่ในความดูแลของสำนักพระราชวัง ซี่งขณะนั้น ขึนต่อรัฐบาล พูดง่ายๆคือ ไอเดีย เรื่องการแบ่งทรัพย์สิน สมัยนั้น ไม่ใช่อย่างที่ Bangkok guy เข้าใจ
3. ปัญหาทีว่า สนง.ไม่เสียภาษี (ซึ่งเป็นประเด็นของกระทู้ นั้น) เกิดเป็นปัญหาขั้น เพราะ พรบ.2491 ที ปชป. ทำขึ้น ได้เปลี่ยนโครงสร้างการจัดการทรัพย์สินฯ ทำให้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่ควรเป็นของรัฐ โดยมีรัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของรัฐจัดการ (ดังทีกล่าวว่า กระทรวงการคลัง ดูแล) กลายเป็นทรัพย์สิน ที่พระมหากษัตริย์ทรงจัดการเองโดยสิ้นเชิง ดังนั้น ปัญหาการไม่ต้องเสียภาษี จึงเป็นคนละลักษณะ กับก่อน 2491 ซึ่ง สนง.ทรัพย์สิน เป็นเพียง "กอง" ใน กท.คลัง นี่เป็นประเด็นใหญ่ ที่ต้องอภิปรายยาวกว่านี้ แต่เท่าที่บอกมาเพื่อจะชี้ให้เห้นว่า ผมไม่ได้พูดมั่วๆ ข่มๆ ผมศึกษามาเป็นสิบปีแล้ว ทีคุณเขียนมา ไม่รู้จริง
สุดท้าย ที่เขียนทำนอง "ประชด" หรือ "เกทับ" คณะราษฎร ว่า"(อันที่จริง การเป็นสถาบันที่สำคัญของชาติ ก็ควรที่จะต้องนำเงินภาษีที่เก็บได้เข้าไปบำรุงด้วยซ้ำ อย่างเช่นส่วนที่เป็นสำนักพระราชวัง นั่นเอง)"นั้นแสดงว่า ไม่รู้จริงเลยเอาตัวอย่างเดียวนะครับ ปี 2484 รัฐบาลได้จัดงบประมาณ ที่สมัยนั้น เรียกว่า "งบพระมหากษัตริย์" เพื่อ "บำรุง" (คำของคุณ) เป็นจำนวนถึง 543,325 บาท ในความเป็นจริง มีการถวายเงิน"ประจำตำแหน่ง" (ในฐานะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ พระประมุข) จำนวนมาก
---------------------
คือกองนั่นแหละ ที่ใช้คำว่า "เทียบเท่า" เพราะ ไม่ได้ขึ้น "ชื่อ" ว่า "กอง" แต่ขึ้นชื่อว่า "สำนักงาน" จังต้องใช้คำว่า "เทียบเท่า" นี่เป็นภาษาราชการ เช่น "ภาควิชา" ประวัติศาสตร์ "คณะ" ศิลปศาสตร์ ที่ผมสังกัด ที่จริง ก็เทียบเท่า "แผนก, กอง, กรม" เหมือนกัน (ตัว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เทียบเท่า กรม อธิการบดี เทียบเท่า อธิบดี เป็นต้น แน่นอน การที่ไม่ได้ชื่อว่า "กอง, "กรม" ก็มีความแตกต่างในแง่การบริหาร และระเบียบราชการอยู่ แต่ในระบบราชการนั้น พวกนี้ "เทียบเท่า" กันได้ ประเด็นคือ สมัยนั้น เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ไมใช่ หน่วยงานอิสระ(ทีเหลือของย่อหน้า จึงเป็นการเข้าใจผิด ไม่เกี่ยวกันเลย ย่อหน้าถัดมา ยิ่งไม่เกี่ยวกันเลยครับ)
การพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ลองย้อนไปดู เพื่อจะบอกว่า ที่คุณอธิบายเรื่องความเป็นมา ราวกับว่า ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ของ สำนักงานทรัพย์สิน เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่คณะราษฎร ผมก็ชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่เลย สมัยคณะราษฎร นั้น ฐานะของ "สนง." เป็นเพียงระดับกองหนึ่ง ของกระทรวงการคลังเท่านั้น ซึ่งก็คือ ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาล ซึ่งตามระบอบใหม่ ถือว่า เป็นตัวแทนของพลเมือง
อันนี้กำลังพูดถึง การตั้ง สนง.ในปี 2481 นี่คือปัญหาที่มา ที่คุณเขียนขึ้นมาก่อนเอง โดยโยงใยกับ 2475 ดังนั้น ผมจึงยกตัวอย่างมาให้ดูว่า คุณไม่เข้าใจที่มาแต่อย่างใด (ที่มาแย้งครั้งนี้ว่า "แต่ถ้าจะพูดถึงสำนักงานทรัพย์สินฯ ท่านก็ควรจะอธิบายตามพรบ 2491 ไม่ใช่ก่อนหน้านี้ไม่ใช่หรือ" ลองกลับไปอ่านของคุณเขียนมาเองใหม่นะครับ คุณเขียนมาโดยอ้างเรื่อง"ความเป็นมา" จาก 2475 เอง ไม่ใช่ผม ผมต่างหากที่ชี้ให้เห็นว่า มีความแตกต่าง หรือ ฝรั่งเรียกว่า มี structural break ระหว่าง การจัดการทรัพย์สินของคณะราษฎร กับ การจัดการที่เกิดขั้น จาก พรบ.2491 ซึ่งเอามาพูดปนๆ กันแบบที่คุณทำไม่ได้)
"พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการสำนักงานและกรมใน กระทรวงการคลัง (ฉะบับที่ ๕) พุทธศักราช ๒๔๘๑" (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๕ วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๔๘๑, หน้า ๘๘๖-๘๘๘)
----------------------
สำหรับคุณ sundown
เท่า ที่เขียนมา อย่างน้อยแสดงว่า คงได้อ่าน พรบ.2491 (ทีใช้ในปัจจุบัน) มาบ้าง แต่บางตอนที่คุณเขียนมา ก็ยังมีความสับสนปนกันระหว่างถูกกับผิดอยู่ ยกตัวอย่าง
"ไม่ต้องเสียภาษีเพราะกฎหมายระบุไว้เช่นนั้นครับ เพราะทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินฯนั้น ถือเป็นสมบัติของแผ่นดิน (ตามระบุไว้ใน พ.ร.บ.จัดการฯ)"
ในแง่หลักการ ถูกต้องทีว่า ทรัพย์ส่วนพระมหากษัตริย์ ถือเป็น ทรัพย์สมบัติของแผ่นดิน หรือพูดตามอีกอย่างคือ เป็นทรัพย์สินของรัฐ
แต่ที่คุณเขียนตามมาต่อเนื่องกันว่า "แต่ในแง่การบริหารจัดการแล้ว สำนักงานทรัพย์สินฯ มีลักษณะเป็นกองทุนรวมส่วนบุคคลของกษัตริย์มีกษัตริย์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และ แต่งตั้งคณะกรรมการมาบริหารดูแล"
นี่แหละที่เป็นปัญหา ถ้าเป็น ของรัฐ เหตุใด จึงกลายเป็นลักษณะ (คำของคุณ) "กองทุนรวมส่วนบุคคลของกษํตริย์" ไปได้?
ประเด็นสำคัญก็คือ ตัว พรบ.2491 ซึ่งเปลี่ยนให้มีลักษณะเช่นนี้ (ดังกล่าวแล้วว่า พรบ.2479 ไม่ใช่)
การเปลี่ยนนี้ ตามหลักการประชาธิปไตยทีว่า The King can do wrong, because he can DO NOTHING ถือเป็นการผิดหลัก เพราะถ้าต้องการให้ The King สามารถมีอำนาจในการบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐได้ ตามหลักการรัฐสมัยใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตย ถือว่า ต้องมี accountability ตามมาด้วย (power and accountability) แต่ตาม รธน.ของเรา และ ประมวลอาญา (ว่าด้วยการ"หมิ่นประมาท กษัตริย์.." ม.112) ไม่อนุญาตให้มี accountability ต่อพระมหากษัตริย์ได้ ดังนั้น ตามหลัก ก็ควรต้องไม่ให้มีอำนาจในการบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐ ด้วย
พร บ.2491 นี้ เป็นการย้อนยุค กลับไปเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่ให้พระมหากษัตริย์มีอำนาจบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐ โดยไม่มี accountability
ดังนั้นที่คุณเขียนทำนองว่า "ดีแล้ว" (คุณไม่ได้ใช้คำนี้ก็จริง แต่ประโยคต่อไปนี้มันฟ้อง คือ)
" บางคนอาจเห็นว่าเหมาะสมแล้วที่ให้กษัตริย์แต่งตั้งคนกลางเข้ามาบริหารแทน รัฐบาล ไม่งั้นคงโดนโกงกินจนไม่เหลือแล้ว ลองนึกภาพว่านักการเมืองเข้ามาสั่งให้ขายที่ดินที่สำนักงานฯมีอยู่เยอะมาก ให้พวกเดียวกันในราคาถูกๆหรือขอเช่ายาวถูกๆ แล้วเอาไปให้ประชาชนเช่าต่อแพงๆล่ะ"
(มิหนำซ้ำ ประโยคถัดมายังแขวะ พวก "แอนตี้สถาบัน" ที่โจมตีด้วย)
ถ้า ผมถามกลับล่ะ ประโยคของคุณนี้ พูดถึง ถ้าให้นักการเมืองบริหารจัดการ แล้วเอาไปโกงกิน ถ้าผมถามกลับ (โดยที่มีข้อจำกัดของกฎหมาย ผมไม่สามารถใช้ภาษาเดียวกับที่คุณใช้กับนักการเมืองได้ "ลองนึกภาพ...") แต่ขอถามกลับว่า แล้วการทีให้สถาบันบริหารจัดการ โดยไม่มี accountability คุณจะรู้ได้อย่างไรว่า "จัดการดีแล้ว"?? (อย่างที่บอกว่ ผมไม่สามารถใช้ภาษา "ลองนึกภาพ.." แบบเดียวกับที่คุณใช้กับนักการเมืองได้ เพราะเสี่ยงกฎหมาย)
ในหลักรัฐสมัยใหม่ ถ้าให้ใครมีอำนาจบริหารจัดการรัฐ (ไม่ว่าในทางการเมือง หรือทางทรัพย์สิน) จะต้องมี accountability ด้วย คุณแขวะมาว่า ถ้าให้นักการเมืองไปทำ จะเกิดเรื่องไม่ดี .. ถามว่า คุณรู้ได้อย่างไรว่า ให้ "คนอื่น" ทำ จะต้องดี ในเมือ่ไม่มี accountability ?
ต้องขอขอบคุณอย่างมากที่กรุณาชี้แจง และขอภัยหากเข้าใจเจตนาของคุณผิด อย่างไรก็ตาม ผมเองเห็นว่า ประเด็นนี้เกี่ยวข้องถึงปัญหาหลักการที่สำคัญบางอย่างอยู่ จึงได้แย้งไป (ผมเอาจจะไม่ "คุ้นเคย" กับการนำเสนอที่บอร์ดนี้ก็ได้ นี่เป็นคร้งแรกในชีวิตที่มาเขียนที PANTIP)
อนึ่ง ใน พรบ.ทั้งปี 2479 และ 2491 (และ พรบ.ที่เกี่ยวข้องอีก 2-3 ฉบับ) ไม่มีคำว่า "เป็นทรัพย์ของแผ่นดิน" หรือ "ของรัฐ" หรอกครับ (มีแต่การแบ่งประเภท ทรัพย์สิน "ฝ่าย" พระมหากษัตริย์ ออกเป็น 3 ประเภท คือ ส่วนพระองค์, ส่วนพระมหากษัตริย์ และ "ส่วนสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน" แต่คำหลังนี้ มีนิยามเฉพาะ หมายถึงพวกพระราชวังต่างๆ) อย่างไรก็ตาม เจตนารมณ์ของกฎหมายเรื่องทรัพย์สิน"ฝ่าย"พระมหากษัตริย์ ตั้งแต่ต้น ก็มาจากว่า ทรัพย์สินสำคัญส่วนใหญ่ ยกเว้นทีเป็น "ส่วนพระองค์" ที่เหลือเป็นของรัฐ (หรือ "ของแผ่นดิน" ในภาษาแบบเก่า)
กรณีคุณ อ่ะนะ กับ นะจ้ะ
" เกณฑ์" ที่คุณพยายามเสนอ เพื่อบอกว่า ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ของ "แผ่นดิน" หรือ ของรัฐ แต่เป็นของพระมหากษัตริย์นั้น ใช้ไม่ได้หรอกครับ (ทั้งทีว่า "ไม่เห็นเกี่ยวข้องกับ"แผ่นดิน"เลย" หรือ "รายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินส่วนนั้นมันไปเข้าที่ใคร มันก็ทรัพย์สินของคนนั้น")
ก่อนอื่น ลองคิดถึงนัยยะก่อน ว่าถ้าเป็นของพระมหากษัตริย์ ถ้าเช่นนั้น ทำไมไม่ต้องเสียภาษี อย่างนี การที่ไม่ต้องเสียภาษี มิยิ่งเป็นเรื่องแย่หรอกหรือ? ก้อเพระถือว่า เป็นของรัฐนั่นแหละ จึงไม่ต้องเสีย
และ - นี่คือประเด็นสำคัญต่อมา - พระมหากษัตริย์ คืออะไร ถ้าไม่ใช่ ตำแหน่งของรัฐ? ถ้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของรัฐ? ตำแหน่งก็บอกอยู่แล้วว่า "ประมุข"(ของรัฐ) จะไม่ใช่ เกี่ยวกับ "แผ่นดิน" หรือ "รัฐ" ได้อย่างไร? (ผมไม่จำเป็นต้องบอกกระมังว่า ในแต่ละปี งบประมาณของรัฐส่วนที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ มากมายเพียงใด?)
ปัญหา สนง. ไม่ต้องเสียภาษีนั้น จะไม่เป็นปัญหาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะ รบ. Royalist ปชป. ในปี 2491 ออก พรบ.ดังกล่าวมา และเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐส่วนนี้ ให้กลายเป็นการบริหารจัดการของพระมหากษัตริย์โดยเด็ดขาด ซี่งเป็นการละเมิดหลักการรัฐประชาธิปไตย 2 ประการ สำคัญ คือ
ก. ถ้ามีอำนาจบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐ ก็ต้องมี accountability ด้วย ในเมื่อไม่ต้องการให้พระมหากษัตริย์มี accountability ก็ต้องไม่ควรมีอำนาจบริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐใดๆ
ข. ถ้าอำนาจบริหารจัดการ ไม่ได้เป็นส่วนหนึงของรัฐ (ที่มีรัฐบาลของประชาชนเป็นตัวแทน) แล้ว จะให้การยกเว้นภาษีด้วยเหตุผลอะไร? ถ้าถือเอาทรัพย์สินส่วนนี้เป็นการบริหารจัดการล้วนๆของพระมหากษัตริย์ จะทรงใช้จ่ายอย่างใดก็ได้ "ตามพระราชอัธยาศัย" รวมทั้งใช้จ่ายในลักษณะที "ส่วนพระองค์" (คำนี้ ไม่จำเป็นต้องหมายถึง เครื่องอุปโภคบริโภคส่วนตัว แต่หมายถึง ใช้ในกิจการที่ไม่เกี่ยวกับรัฐโดยตรง) ถ้าเช่นนั้น ก็ต้องถือเป็น "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" สิ และต้องจัดเก็บภาษีเต็มที่
ดังที่กล่าวว่า ก่อน 2491 สนง.ทรัพย์สิน เป็นเพียงกองหนึ่งในกระทรวงการคลัง (ขึ้นต่อกรมคลัง อีกทีหนึ่ง) ดังนั้น ทรัพย์สินที่ สนง.นี้ จัดการ จึงเหมือนทรัพย์สินของรัฐอื่นๆ (ทีกระทรวงต่างๆจัดการ) ดังนั้น การไม่เสียภาษี จึงเป็นเรื่องธรรมดา
ที่ ขณะนี้ การไม่เสียภาษีเป็นเรืองไม่ธรรมดาขึนมา ก็เพราะ สนง.ปัจจุบัน กลายเป็นของ พระมหากษัตริย์โดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นทรัพย์ส่วนพระองค์ ดังนั้น จึงขัดแย้งกันเองในทางหลักการ
ผมไม่มีปัญหาใดๆ ถ้าการไม่เสียภาษีนั้นเกิดขั้น อย่างใน พรบ.2479
(การที่โอนไปเป็น "ส่วนพระองค์" เช่นนี้ แต่กลับไม่ต้องเสียภาษี ขัดกับหลักการ ดังกล่าวใน ข้อ ข.ใน rep ก่อน)
โยงกลับไปที่ประเด็นนิตยสาร Forbes เล็กน้อย
ข้อมูลของ Forbes ความจริง เอามาจากงานวิจัย ของ รศ.ดร.พอพรรณ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช
ที่ Forbes คิด มูลค่า ทรัพย์สินที สนง.ทรัพย์สิน ดูแล ว่าเป็นของ ในหลวง จึงเป็นการถูกต้องแล้ว เพราะตาม พรบ.2491 ได้โอนทรัพย์สินส่วนนี้ ไปเป็นของในหลวงโดยท่างนิตินัย และพฤตินัย
อันที่จริง Forbes ยังไม่สามารถคำนวนทรัพย์สิน ที่อยู่ใน "สนง.ทรัพย์สินส่วนพระองค์" (ตั้งอยู่ในวังสระปทุม) ได้ด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครสามารถมีข้อมูลส่วนนี้ได้ (พรบ. 2479 ให้ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" อยู่ในความดูแลทางอ้อมของรัฐบาลเช่นกัน เพราะอยู่ในความดูแลของ "สำนักพระราชวัง" สมัยนั้น สำนักพระราชวัง รบ.เป็นคนดูแลจริงๆ - ตัวอย่างง่ายๆ คุณเฉลียว ปทุมรส ทีเป็นจำเลยคดีสวรรคต และเป็นลูกศิษย์ อ.ปรีดี ก็เคยเป็น ราชเลขาธิการ จะเห็นว่า แม้แต่ "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" ก็ยังดูแลโดย รบ.ทางอ้อม แต่พรบ.2491 ให้มี "ผู้จัดการทรัพย์สินส่วนพระองค์" หรือในปัจจุบนคือ สนง.ทรัพย์สินส่วนพระองค์ ในวังสระปทุมดังกล่าว ดูแล และตัดขาดออกไปจากการตรวจสอบใดๆทั้งสิ้น ) ทรัพย์สินส่วนนี้ Forbes หรือใครๆ ก็ไม่สามารถเช็คได้
ผมเคยเขียนในกระทู้ที่ ฟดก. เร็วๆนี้ ว่า อันที่จริง ทรัพย์สินทั้งหมด หรือเรือ่งเกี่ยวกับ "เงินๆทองๆ" ค่าใช้จ่าย รายได้ ฯลฯ ของสถาบัน อันที่จริง มีอย่างน้อย 4 แหล่ง คือ
1. งบประมาณแผ่นดิน (ที่เสนอแต่ละปีให้สภา แต่งบนี้ แม้จะ "เปิดเผย" แต่มีตัวเลขประเภท "ซ่อนๆ" อยู่ในหลายกระทรวง ถ้ารวมกันท้งหมด ก็ยังลำบากมาก) นอกจากนี้ ยังมีพวก งบประมาณ ที่รัฐวิสาหกิจต่างๆ ใช้จายเกี่ยวกับสถาบันอีก ตัวอย่างง่ายๆ เช่น เวลาวันสำคัญต่างๆ เช่น วันเฉลิมฯลฯ พวกค่าไฟ ผมเข้าใจว่า เป็นการแชร์ร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานหลายแห่ง เช่น กทม. และ การไฟฟ้านครหลวง เป็นต้น (มีนศ.ผมบางคนเคยพยายามไปเช็ค เขาไม่ให้ความร่วมมือ)
2. ทรัพย์สิน ส่วนที่อยู่ในความดูแลของ สนง.ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
3. ทรัพย์สิน ส่วนที่อยู่ในความดูแลของ สนง.ทรัพย์สิน ส่วนพระองค์
4. ทรัพย์สิน ส่วนที่มาจากการ "บริจาค ถวายเป็นพระราชกุศล" (ซึ่งคงทราบกนดีว่า ไมใช่น้อย และไม่ใช่เพียงในหลวง แต่พระราชวงศ์อื่นๆ มาจนถึงระดับ "คุณภา" ศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยผมแล้ว)
ส่วนนี้ ผมเคยพยายามเช็ค ติดต่อไปหลายหน่วยงาน ทั้ง สนง.ทรัพย์สิน, สำนักราชเลขาธิการ, สำนักพระราชวัง .. โทรอยู่หลายครั้ง ครั้งหนึ่ง ถึงกับโทรไปถึง ท่านราชเลขานุการในพระองค์ในหลวง ที่หัวหิน (ท่านบอกว่า ในหลวงอยู่ที่ไหน ท่านอยู่ที่นั่น ความจริง เบอร์โทร ขึนต้นด้วย 02 แต่พอรับสาย ผมเรียนถามว่า ท่านอยู่ไหน ท่านบอกว่า อยู่หัวหิน ผมก็งงบมาก จึงได้รับคำชี้แจงดังกล่าว) ผลการพยายามในเรือ่งนี้ของผม ไม่ประสบความสำเร็จ จนบัดนี้ ผมยังไม่ทราบ ส่วนนี้ อยู่ในความดูแลของใคร (ทีแน่ๆ ไม่ใช ในความดูแลของ สนง.ทรัพย์สิน แน่นอน เพราะ สนง.มีเพียง 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ ที่ดิน กับ การลงทุน เรื่องหลัง แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ กับ เครือซีเมนต์ไทย)
ที่ก่ล่าวมานี้ 1-4 ความจริง ยังไม่รวมถึงกรณีพระราชวงศ์อื่นๆ (พระราชินี, พระเจ้าลูกเธอ พระองค์ต่างๆ ไปถึงพระเจ้าหลานเธอ)
ทั้งหมดนี้ มีการบริหารจัดการอย่างไร ไม่ทราบครับ
จากคุณ : สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
เข้าใจว่าเป็นวิวาทะช่วงที่ฟอร์บจัดลำดับความร่ำรวยของราชวงศ์ทั่วโลก ประมาณ 2551 หรือ 2552 กระมัง
ช่วงนั้นผมยังไม่ได้เล่นเว็บการเมืองเลย
Edited by amplepoor, 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:44.
#36
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 00:49
ฝากคุณดาบิด จีโนล่าสับด้วยละกัน...อิอิ แบ่งกันไป คนละเขียง
ขอบายแล้วกันครับ ข้อมูลส่วนใหญ่ผมศึกษาแค่ระดับเพื่อเป็นภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองและคนรอบข้างครับ ยังไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ขออภัยอย่างแรงจริงๆ
#37
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 01:56
#38
ตอบ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 02:18
#39
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 11:46
เห็นแว้บๆว่าจะมีการไปที่ธรรมศาสตร์ที่ลานโดมกันอังคารนี้ 10 โมง น่าจะมีอะไรดีดีแน่คราวนี้
คราวที่แล้วก็หนีดีเบทคุณบวรไป
คราวนี้อย่าลาป่วยลากิจนะคะท่าน
Boworn Yasintorn
copyมาจากโพสเมื่อวันที่ 28 กย 2554 ครับ "เผยโฉมคนแกล้งบ้า แถข้างๆคูๆไปวันๆ โชว์สาวกหน้าใหม่ๆ วันนั้น ทำไมไม่ไป debate กับผมให้หมดสิ้นกระบวนความ ชอบไปพูดประเด็นซ้ำซากกับคนกลุ่มใหม่ๆ ธรรมศาสตร์เก็บคนแบบนี้ไว้ทำไมให้หมองศรี"
Boworn Yasintorn
จากการที่อุปนายก อมธ. ได้เชิญให้ผม ขึ้นเวที debate กับคุณสมศักดิ์ เจียม ตัวต่อตัว ในงาน 6 ตุลาปีนี้ ในหัวข้อ "6 ตุลา คืออะไร" ซึ่งผมได้ตอบรับไป ตั้งแต่วันที่ ได้รับการติดต่อ คือ 18 กย. จากนั้น ก็รอคำตอบรับ จากคุณสมศักดิ์ เจียม วันนี้ (28 กย.) ได้รับคำตอบแน่ชัด จากอุปนายกแล้วว่า "อ.สมศักดิ์ไม่มาครับ ขอโทษด้วยครับ"
#40
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 14:36
แต่ก่อนที่จะเชื่อว่าสมองอย่างไอ้เจียมฯมีปัญญาคิดเป็นตรรกะได้ กรุณาอ่านลิงค์นี้ก่อนครับ http://www.facebook....&type=1
แล้วคงไม่ต้องบอกนะครับว่า ตรรกะแบบเจียมฯๆ จะนำไปสู่ใคร
#41
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:11
ใครได้ฟังจนจบแล้วไม่ได้เป็นอย่างนายสัมศักดิ์ เจียม หรืออีกหลายๆคนวิจารณ์หรือโจมตี พระองค์ทำอย่างเดียวคือ พูดความจริง ที่เกี่ยวข้องกับ........... ขณะที่ที่นายสมศักดิ์ เจียม กับพวกพูดแต่ความเท็จ
คนไทยทุกคนที่ไม่ได้ฟังต้องรีบไปหามาฟัง ผมเชื่อว่าหลายคนคงสร้าง blog ไว้ ลองฟังแล้วคิดตามจะพบความจริงสำคัญ ที่บ่งบอกถึงความทุกข์ที่ในหลวงกับพระราชินีมีมาตลอดระยะเวลา ๒ ปี ที่คนไทยทะเลาะและฆ่าฟันกันเอง คนไทยเผาบ้านเมืองกันเอง
คนทุกสีควรฟังและใช้ความคิด อย่าเชื่อในสิ่งที่ถูกปั้นแต่งโดยคนไม่กี่คนที่อคติ โกรธแค้นที่ไม่ได้ในสิ่งที่คิดว่าควรได้ อยากล้างแค้นกับคนที่ทำตนเอง แต่ทำไม่ได้เพราะกลัวถูกตอบโต้จึงหันมาทำกับในหลวงแทน
คนเคยผิดหวังเมื่อเดือนตุลาต้องเข้าป่าเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยอย่างนายสมศักดิ์ เจียม เมื่อไปเรียนที่ออสเตรเลียจนจบ ก็มาเป็นอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์ เพราะสามารถใช้เป็นหลังพิงในการทำกิจกรรมต่อต้านสถาบัน และส่งเสริมประชาธิไตยบังหน้าไปในเวลาเดียวกันได้ คิดล้างแค้นทหารตั้งแต่อยู่ที่อสเตรเลีย แต่ก็ไม่กล้า เพราะขี้ขลาดตั้งแต่เด็ก (ไปถามคนรุ่นเดียวกันได้ว่าเป็นยิ่งกว่ากุ้ง)
นายสมศักดิ์ เจียม จึงหันมาใช้ในหลวงเป็นเป้าโจมตีแทน เริ่มตั้งแต่ทำวิทยานิพนธ์ เกี่ยวข้องกับสถาบัน เอาเป็นเอาตายกับกรณีสวรรคตของรัชการที่ ๘ สร้างชื่อให้กับตัวเองด้วยเรื่องดังกล่าว จากนั้นก็โหนกระแสโจมตีในหลวงกับพระราชินีในทุกเรื่องที่สามารถหยิบมาปั้นแต่งได้ ปัจจุบันถูกยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ต้นแบบของพวกล้มล้างสถาบัน โดยสาวกไม่รู้ว่านายคนนี้มันขี้ขลาดอาศัยสาวกระบายแค้นของตัวเอง ไอ้ที่ใช้ชื่อจริงไม่ใช่เพราะกล้าหรอก แต่เป็นเพราะความฉลาดแกมคดโกง เอาตัวรอด นายคนนี้ไม่ยอมติดคุกแทนคนอื่น แต่มันบอกคนใกล้ชิดว่า ถ้าคนอื่นติดคุกแทนมันก็ไม่เป็นไร เพราะตัวมันสำคัญกว่าต้องอยู่เพื่อเป็นสัญลักษณ์ทางความคิด
เดาว่านายสมศักดิ์ เจียม ต้องเขียนวิจารณ์ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์อีก และอาจหนักไปถึงในหลวงและพระราชินี คงห้ามไม่ได้ ทำอะไรก็คงไม่ได้ พวกเราก็ต้องช่วยกันอย่าให้มันเขียนสบายนัก ออกมาสู้กับมันกันบ้าง โดยเฉพาะพวกเราหลายคนที่รู้กำพืดมันดี
มีคนบอกว่ามันเจ้าชู้มีเมียหลายคน หลอกเอาเงินของอดีตเมียมาเยอะ บางคนบอกว่าชีวิตมันสบาย เมียมันคนปัจจุบันร้ายกว่ามันมาก มันจึงยอมอยู่ใต้อำนาจแลกกับก้อนเงินที่เมียให้ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า บางคนบอกว่ามันมีอุดมการณ์จริง แต่ขี้ขลาด อาศัยคนเดือนตุลาด้วยกันสร้างเครดิตตัวเอง บางคนบอกว่ามันโหนคนเสื้อแดง หลอกใช้ เพราะมันบอกว่าคนเสื้อแดงโง่หลอกง่ายต้องหลอกไว้ก่อน เพื่อเริ่มสร้างความอ่อนแอของสถาบันเสียแต่ตอนนี้ เพราะเวลาเหมาะที่สุด เมื่อพ้นจุดที่ต้องการแล้วก็ค่อยถีบหัวเรือส่ง แต่มีเพื่อนคนหนึ่งของมันสรุปได้ดีที่สุดว่า เห็นแก่ตัว หัวเป็นกุ้ง ฉลาดหลอกใช้ ไม่ร่วมเป็นร่วมตาย เอาแต่ร่วมรวย ร่วมดัง.............สมชาย ณ ซิดนีย์
Edited by pk88, 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 15:12.
- itsorachai2 and ฝนทั่ง like this
#42
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 16:45
- มัจจุราชขาว2012 likes this
#43
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:45
ขออภัย...ผมไม่โต้กับผู้ที่พยายามจะเอาชนะด้วยโวหาร
#44
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 17:55
อเสวนา จ พาลานํ ปญฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ
"Two things are infinite: the universe and human stupidity; and I'm not sure about the the universe."Einstein's words.
"ประเทศไทยจะปฏิรูปไม่ได้ ด้วยการนอนอยู่บ้านเฉยๆ"
#45
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 18:15
คนเคยผิดหวังเมื่อเดือนตุลาต้องเข้าป่าเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยอย่างนายสมศักดิ์ เจียม เมื่อไปเรียนที่ออสเตรเลียจนจบ ก็มาเป็นอาจารย์ที่ธรรมศาสตร์
แก้ไขนะครับ
สมศักดิ์ถูกจับพร้อมแกนนำ 18 คน รุ่นสุธรรม แสงประทุม ติดคุกอยู่สัก 2 ปีเห็นจะได้ พอเกรียงศักดิ์ปฎิวัติรัฐบาลธานินทร์ ไกรวิเชียรสำเร็จก็ถอนข้อหา ปล่อยตัวนักโทษการเมืองเหล่านี้ทั้งหมด พวกนี้บางส่วนก็กลับไปเรียน บางส่วนที่มีเส้นสายก็ไปเมืองนอก
แต่พวกนี้ไม่เคยสำนึกบุญคุณทหาร ที่ต้องการปรองดองกับทุกฝ่าย พากันแกล้งลืมเรื่องเหล่านี้เสียงั้น
#46
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:14
#47
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:15
http://www.facebook....657012
Edited by ดราม่า, 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:15.
#48
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:35
ไอ้นี่ชอบกล่าวถึงประชาธิปไตย กล่าวถึงความชอบธรรมต้องมาจากการเลือกตั้ง ดังเช่นบทความนี้ที่มันเขียนไว้ใน Blogspot ของมัน
"ที่คุณแอนตี้ "นักเลือกตั้ง" ได้มากขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะมี "การเลือกตั้ง" หรอกหรือ?
ถ้าไม่มีการเลือกตั้ง คุณสามารถ "ด่า" ใครได้มากขนาดนี้หรือ?
ถ้า "แม้ว" ไม่ได้ลงเลือกตั้ง คุณสามารถ แม้แต่จะเอาชื่อเล่นของเขามาด่าสาธารณะได้มากขนาดนี้? (ไอ้แม้ว, พ่อไอ้แม้ว, ฟักแม้ว ฯลฯ)
คุณสามารถ เอาใตรมาพาดพิงในวาทกรรมสาธารณะ หรือ ถ้าไม่ใช่เพราะเป็น "นักเลือกตั้ง" คือผู้ที่ต้องได้อำนาจมาโดยผ่านการเลือกตั้ง
คุณใช้คำอย่าง "หน้าเหลี่ยม" กับใครที่มีอำนาจโดยไม่ได้มาจากการเลือกตั้งได้หรือ?"
คนที่ไม่เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้งเลย(อย่างน้อยก็ตั้งแต่ช่วงปี 2544-2550)มีความชอบธรรมที่จะกล่าวประโยคแบบนี้หรือ?!?
ประเภทการเลือกตั้ง : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
วันที่เลือกตั้ง : 6 กุมภาพันธ์ 2548
ชื่อ-นามสกุล : นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล
เพศ : ชาย
เลขประจำตัวประชาชน : 3-1006-03339-03-8
เลขรหัสประจำบ้าน : 10060424443 เขต : 18 หน่วย : 41
สำนักทะเบียน :ท้องถิ่นเขตวังทองหลาง
ที่อยู่ :แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
ผลการตรวจสอบ-บุคคลนี้เป็นผู้เสียสิทธิ
อีกเรื่อง การที่มันออกมาเห่าไม่หยุดหย่อน เรื่อง ม.112 ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
ตอนที่ไอ่ใจรัน(เจ๊กกบฏอีกคน) มันล่ารายชื่อครั้งแรกเพื่อแก้ ม.112 > ที่ลุงเจ๊กหื่นนิธิไปลงชื่อรายแรก แต่ไอ้หงอกเจียมหาได้ไปลงชื่อแต่อย่างใด?
ครั้งที่ 2 มีการล่ารายชื่ออีกรอบ โดยไอ่วรเจตต์ > แต่แล้วไอ้หงอกเจียมก็ไม่ได้ไปลงชื่ออีกตามเคย
Edited by Huligan, 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:54.
#49
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 19:58
POPULAR
แสดงถึงพัฒนาการทางการเมืองของเจ้านี่ อยู่ในระดับที่ต่ำมาก
การเมืองมีค่าเพียงทำให้เราด่านักการเมืองละหรือ
เราต้องไล่ไปทีละชั้น จะเห็นความปัญญาอ่อนของเขา
ประการแรก การด่าคน ไม่ว่าใครก็ตาม ผิดกฏหมายขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว
แต่การเรียกนักการเมืองอย่างหยาบคาย หรืออย่างไม่ให้ความนับถือนั้น ไม่ผิดกฏหมาย
ดังนั้น ต่อให้เรายังเป็นระบอบเผด็จการ เราก็ด่าใครไม่ได้ ตราบใดที่เราใช้ประมวลกฏหมายอาญาแบบที่ชาวโลกยอมรับบับถือ
ประการที่สอง แม้แต่ในสังคมประชาธิปไตยเต็มเหนี่ยว อย่างอังกฤษหรือเมกา
การด่านิโกรก็ยังกลายเป็นโทษผิดชนิดบ้าระห่ำ ยิ่งกว่าการด่าผู้นำเสียอีก
อันนี้ย่อมจะชี้ว่า กฏหมายของเขา คำนึงถึงความอ่อนไหวทางอารมณ์ ควบคู่ไปกับความยุติธรรมด้วย
ประการที่สาม กฏหมายของเรา ก็เดินไปในแนวที่คอเคซอยห้ามด่านิโกร
คือเราห้ามด่าในหลวง เพราะทำแล้วอาจจะเกิดมิคสัญญียิ่งกว่าที่ตะวันตกกลัวจะเกิดจากการด่านิโกรเสียอีก
ประการที่สี่ การด่า ต่างจากการวิจารณ์ กฏหมายเราห้ามด่าสถาบัน แต่ไม่ห้ามการวิจารณ์สถาบัน
ในขณะที่สมศักดิ์ดันทุรัง จะให้ด่าได้หมดทั้งนักการเมืองหรือสถาบัน ซึ่งเป็นความต้องการที่เสียสติ
ประการที่ห้า นักการเมืองหรือใครก็ตาม เมื่อถูกด่า มีสิทธิ์ฟ้องกลับ
แต่ในหลวงฟ้องใครไม่ได้ จึงเท่ากับเป็นคนมือเปล่าในสังเวียนน้ำลาย ซึ่งไม่เป็นการยุติธรรมอย่างยิ่ง
ประการที่หก ในหลวงทรงอยู่เหนือการเมือง
ดังนั้นสมศักดิ์จะอ้างว่าด่านักการเมืองได้ก็ต้องด่าในหลวงได้ จึงผิดหลักการและเหตุผลโดยสิ้นเชิง
แต่สมศักดิ์พยายามดึงพระองค์ลงมาเกลือกกลั้วกับประเด็นการเมือง....อันนี้เป็นเจตนาร้ายอย่างชัดเจน
ผมคิดว่า สมศักดิ์เป็นคนสติปัญญาบกพร่อง ที่พยายามศึกษาบทบาทของสถาบันผ่านแว่นการเมือง
ประเด็นนี้ผมจะลงรายละเอียดอีกทีนะครับ
- สงสารสาวจันทร์, overtherainbow, Huligan and 7 others like this
#50
ตอบ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:09
ผู้ใช้ 2 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 2 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน