310 ความเห็นในกระทู้นี้

[กรกช]

ก.พลังงานเตรียมขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม 50 สต./กก./เดือน ขึ้นยาว 2 ปี หรือ 24 เดือน ฟังดูน้อยไม่น่าเป็นไร แต่ถ้าที่บ้านใช้ถัง 15 กก. ปรับขึ้นเท่าไรลองพิจดูกัน

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------




http://www.facebook....&type=1


อีกไม่นาน เราคนไทยจะฉิบหายกันทั่วหน้าหนักกว่าวันนี้

และทั้งที่กระทรวงพลังงานบิดเบือนข้อมูลความจริงในการลอยตัวก๊าซกันเห็นๆ

แต่คนไทยตาดำๆก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ก้มหน้ารอรับกรรม มันช่างน่าสมเพท เวทนาจริงๆ

นี่คือผลกรรมของคนไทยที่ไปยอมรับสนับสนุนพวกสารเลว

ไปยอมรับให้วังวนน้ำเน่าแห่งการคอร์รัปชั่นคงอยู่กับประเทศไทย

ก็ไม่รู้เหมือนว่าเมื่อไหร่คนไทยที่ยึดติดบ้าคลั่งพวกนักการเมืองจะหูตาสว่างสักที

เวรกรรมของประเทศไทยจริงๆ

[กรกช]

อิฐบูรณ์ อ้นวงษา


ปรับขึ้นราคาแก๊ส LPG รถยนต์ เดือนละ 1.20 บาท/กก. ทุกๆเดือน เป็นเวลา 2 ปี ราคาค่าแก๊สรถขั้นต่ำ จะเป็นอย่างไร





http://www.facebook....96510679&type=1

[กรกช]

ก้นเหวอยู่ไม่ไกลเกินฝัน

[bangkaa]

PTT ข้อมูลการเงิน ปี 2554

Financial Data
As of date 31/12/2011
Cash (M.Baht) 116,132.05
Total Assets (M.Baht) 1,402,412.09
Current Liabilities (M.Baht) 335,515.90
Total Liabilities (M.Baht) 758,463.52
Paid-up Cap. (M.Baht) 28,563.00
Equities (M.Baht) 555,920.21
Sales (M.Baht) 2,428,164.68
Revenue (M.Baht) 2,475,494.57
Cost of Sales (M.Baht) 2,208,895.71
EBIT (M.Baht) 186,498.23
Int Expenses (M.Baht) 18,041.63
Net Profit (M.Baht) 105,296.41
EPS (Baht) 36.91



PTT เป็น บริษัทที่ใหญ่มาก
ใหญ่แค่ไหน ก็คือ มีรายได้ต่อปี กว่า 2.5 ล้านล้านบาท

2.5 ล้านล้านบาท มากขนาดไหน ก็มากกว่า งบรายจ่ายแผ่นดินปี 2555 ที่ ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท

เอาตัวเลขมาให้เห็นก็จะเห็นภาพชัดขึ้นว่า PTT ใหญ่พอๆ กับรัฐบาล เลยทีเดียว...
นี่ยังไม่นับรวมบริษัทในเครืออีกนะ.....

Rank Major Shareholders Type # Shares (Shares) % Shares
1. กระทรวงการคลัง Local Juristic Person 1,459,885,575 51.11
2. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) Local Juristic Person 217,900,000 7.63
3. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) Local Juristic Person 217,900,000 7.63
4. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด Local Juristic Person 104,844,600 3.67
5. CHASE NOMINEES LIMITED 42 Foreign Juristic Person 72,852,101 2.55
6. HSBC (SINGAPORE) NOMINEES PTE LTD Foreign Juristic Person 63,928,176 2.24
7. STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY Foreign Juristic Person 34,240,032 1.20
8. NORTRUST NOMINEES LIMITED-NT0 SEC LENDING THAILAND Foreign Juristic Person 25,924,443 0.91
9. STATE STREET BANK EUROPE LIMITED Foreign Juristic Person 24,886,102 0.87
10. สำนักงานประกันสังคม (2 กรณี) Local Juristic Person 24,019,200 0.84
11. GOVERNMENT OF SINGAPORE INVESTMENT CORPORATION C Foreign Juristic Person 17,812,200 0.62
12. THE BANK OF NEW YORK MELLON-CGT TAXABLE Foreign Juristic Person 15,813,217 0.55
13. THE BANK OF NEW YORK (NOMINEES) LIMITED Foreign Juristic Person 14,980,134 0.52


แล้ว PTT มันเป็น บริษัทจำกัด มหาชน... ซึ่งดัน มี รัฐบาล ถือหุ้นใหญ่อยู่...
มันเป็น เอกชน และเป็น รัฐวิสาหกิจ ด้วย....

ประเด็น คือ... มันควรมีเป้าหมายทำกำไรสูงสุด ในฐานะเอกชน
หรือ ควรจะเป็นเครื่องมือของรัฐ ในการจัดการสวัสดิการสังคม ในฐานะ รัฐวิสาหกิจ...

ส่วนตัวผม... ผมไม่ได้จะอะไรมากกลับการทวงคืน PTT นะ...
PTT จะอยู่อย่างนี้ก็ได้ ไม่มีปัญหา
แต่มันขึ้นอยู่กับ... รัฐบาลผู้ถือหุ้นใหญ่ต่างหาก ที่คุณจะกำหนดทิศทางการทำธุรกิจของ PTT ไปทางไหน

จะเอาแต่กำไรเป็นหลัก... หรือ จะช่วยเหลือส่วนรวมให้มากขึ้น

วิธีการ...
รัฐ ไม่จำเป็น ต้องไปโขกสับกับ PTT โดยตรง
แต่ให้ใช้ นโยบาย กฎหมาย ฯลฯ เพื่อชี้นำให้เอกชนเดินไปตามทางที่ต้องการ
ทำแบบนี้ ไม่มี นักลงทุนที่ไหน เขามาว่าหรอก...
อย่างมาก มันก็แค่ด่า รัฐ ว่า ไม่เอื่อประโยชน์ให้มัน...
จะเอาเท่าไรยังไง ไปคุยกัน ตกลง กันนอกรอบก่อนก็ได้... ว่าให้กันได้แค่ไหน


สภาพตอนนี้...
ทั้งนักการเมือง ทั้งนักธุรกิจ... รวมๆกันเป็น นักธุรกิจการเมือง ก็ได้
ต่างมีส่วนเอี่ยวกับ PTT ทั้งนั้น
ไม่ว่า การถือหุ้นของบริษัท... หรือ การเป็นเจ้าของผ่าน รัฐ...

ดังนั้น.... จะทำอย่างไร ให้คนเหล่านี้ ยอมลด กำไร ผลประโยชน์ ของตนเองลง
แล้ว แบ่งคืน มาให้ส่วนรวม ให้ประเทศชาติบ้าง

Edited by bangkaa, 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:29.

[Stargate-1]

10/12/55 "เสวนาระดมสมอง ปฏิรูปพลังงาน คนไทยควรจะได้อะไร? "

http://radio.manager...rogram_id=46817

[mongdoodee]

ปี 2554 คิดซะว่า PTT ดำเนินการตลอด 24 ชม 1ปี 365 วัน ๆ ละ 24 ชม.

PTT 1 ปี มีรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท มีกำไรสุทธิ 105,296 ล้านบาท
เฉลี่ย 1 วัน มีรายได้ 6,849 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 288.5 ล้านบาท
เฉลี่ย 1 ชม มีรายได้ 285.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 12 ล้านบาท
เฉลี่ย 1 นาที มีรายได้ 4.76 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2 แสนบาท
เฉลี่ย 1 วินาที มีรายได้ 79,275 บาท มีกำไรสุทธิ 3,339 บาท

ขณะที่เพื่อน ๆ อ่าน โพสต์นี้ (คงสัก 6 วินาที) PTT มีกำไรไปแล้ว 20,000 บาท

Edited by mongdoodee, 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 22:55.

[สงสารสาวจันทร์]

จะไปธุระที่ ตจว. เอารถไปถ่ายน้ำมันเครื่องที่ปั๊มเอสโซ่ ทำไมราคาน้ำมันเครื่องมันแพงขึ้นเกือบเท่าตัวครับ.?

ปีที่แล้ว เคยจ่าย 500กว่าบาท/4ลิตร(รวมค่าบริการแล้ว) แต่เดี๋ยวนี้ เฉพาะน้ำมันเครื่อง 990บาท รถก็รถเก๋งเก่าๆติดแก๊ส

ผม : ทำไมมันแพงขึ้นหละพี่

พนักงาน : ????

พนักงาน : ถ้าพี่อยากเติมถูกให้วิ่งไปซื้อที่ ปตท. 400กว่าเอง เดี๋ยวผมถ่ายให้ได้

ผม : ????

ผม : เอาเถอะพี่ ถ่ายมันเลย ไม่ต้องไปแล้ว คราวที่แล้ว ผมไปรอเติมน้ำมันที่ ปตท ปั๊มบายพาส ต้องจอดรอตั้ง10กว่านาที

ทั้งที่รถก็ไม่เยอะ เด็กปั๊มประสาอะไรชุดฟอร์มก็ไม่ใส่ ใส่รองเท้าแตะตราดาวเทียมเดินลากผ่านหน้าไปมา เหมือนไม่เห็นเราซะงั้น.!

พนักงาน : ??? อีกที


ขากลับจากงานแต่งลูกสาวของลูกพี่ลูกน้องที่จังหวัดเลย(เอารถแฟนไป Innova ชีเติมได้เฉพาะ แก๊สโซฮอลล์91 ของ ปตท.เท่านั้น)

2ทุ่มกว่า ขับเลยผ่านชุมแพ น้ำมันเหลือไม่ถึง1ขีดครึ่งก็ไม่แวะ คาดว่าจากชุมแพไป - ขอนแก่นคงจะมีปั๊ม ปตท.

ชิกหาย. เหลืออีก20กว่าโล น้ำมันเตือน แว๊ปๆ ใจหายเลยทั้ง2คน เพราะเธอไม่เคยปล่อยให้น้ำมันหมดขนาดนี้

ข้างทางก็มืดหาปั๊มไม่ได้เลย ก็ขับมาแบบเซฟสุดๆ 80 กม/ชม

แอร์ก็ต้องปิด เพื่อให้ประหยัดลงอีก .... เหลืออีก 9 กม. จะถึงขอนแก่น เห็นปั๊ม ปตท.ฝั่งขาไป

กว่าจะมีที่กลับรถก็ต้องวิ่งไปอีกเกือบ1กิโล เฮ้อ.... โล่งไป นึกว่าตรูจะได้ลงไปเข็น Innovaซะแล้ว


ออกนอกลู่อีกแล้วเรา.

[Gop]

รายงานปริมาณปิโตรเลี่ยมในฝั่งไทยไม่ตรงกับของฝั่งมาเลเซีย

ขอถามหน่อยครับ
๑ คุณเปรียบเทียบตัวเลขของปี ๒๕๕๔ กับปี 2010 ได้อย่างไรครับ? ปี 2010 มันตรงกับ พ.ศ. ๒๕๕๓ ไม่ใช่หรือ??
๒ ขอที่มาของตัวเลขที่เป็นภาษาอังกฤษหน่อยได้มั้ยครับ ผมเชื่อว่าต่อให้ปรับปีตรงกันแล้ว ก็น่าจะต่างกันอยู่ดี

[Stargate-1]

รายงานปริมาณปิโตรเลี่ยมในฝั่งไทยไม่ตรงกับของฝั่งมาเลเซีย

ขอถามหน่อยครับ
๑ คุณเปรียบเทียบตัวเลขของปี ๒๕๕๔ กับปี 2010 ได้อย่างไรครับ? ปี 2010 มันตรงกับ พ.ศ. ๒๕๕๓ ไม่ใช่หรือ??
๒ ขอที่มาของตัวเลขที่เป็นภาษาอังกฤษหน่อยได้มั้ยครับ ผมเชื่อว่าต่อให้ปรับปีตรงกันแล้ว ก็น่าจะต่างกันอยู่ดี

ไม่ตรงที่ปริมาณ คอนเดนเสท ทางไทยรายงานปริมาณคอนเดนเสท แต่ของมาเลเซียไม่มีการรายงานครับ ตั้งแต่ปี 2010 ของไทยรายงานในปี 2011 ปี 2010 ทางกรมเชื้อเพลิงไม่มีแล้ว แสดงล่าสุดในปี 2011 ปี 2012 ยังไม่ครบปี ถ้าคุณอยากดู ."hess annual report 2011" ก็หาได้เองจาก กูเกิ้ล แต่ถ้าอยากทราบต้นทุนของไทยก็มีใน AR ของปตท.สผ. โดยคำนวณตามในลิงค์นี้

http://topicstock.pa.../V12808817.html
ใน ความคิดเห็นที่ 42




แต่ถ้าจะรู้ของจริงให้โทร.คุยกับอ,ประสิทธิ์

Edited by Stargate-1, 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 10:25.

[Stargate-1]

ราชดำเนินกับการปฏิรูปพลังงาน

P13075787 รวมพลังปฏิรูปพลังงาน Luangnarin (7 - 17 ธ.ค. 55 11:00)

[NOOK ng]

จะมีกี่คนที่รู้ตัวว่าถูกปล้น

[Stargate-1]

ปตท.จับมืออุบล ไบโอก๊าซ ผลิตก๊าซชีวภาพ ผลิตเชื้อเพลิงป้อนรถยนต์NGV

ปตท.จับมืออุบล ไบโอก๊าซ ผลิตก๊าซชีวภาพอัดจากน้ำเสียโรงงานแป้งมันมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ NGVในพื้นที่ภาคอีสาน ชี้ช่วยลดการขาดทุนการขายNGVของปตท.ก.ก.ละ 1 บาท เผยล่าสุดแบกขาดทุนสะสมจากการขาย NGV ไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท

วานนี้ (28 ก.ย.) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นประธานพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงโครงการวิจัยและสาธิตการปรับปรุงคุณภาพก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กับบริษัท อุบลไบโอก๊าซ จำกัด เพื่อผลิตและปรับปรุงคุณภาพคุณภาพก๊าซชีวภาพที่ได้จากน้ำเสียของโรงงานแป้งมันสำปะหลังให้เป็นก๊าซชีวภาพอัดหรือCompressed Bio-methane Gas (CBG) ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมในการนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในยานยนต์

นายเพิ่มศักดิ์ ชีวาวัฒนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้รับซื้อก๊าซชีวภาพที่ได้จากน้ำเสียของโรงงานแป้งมันสำปะหลังดังกล่าว เพื่อมาปรับปรุงคุณภาพและจำหน่ายเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกให้รถยนต์ NGV ในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะช่วยลดภาระการขาดทุนจากการขาย NGV ของปตท.ก.ก.ละ 1 บาท เนื่องจากลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนวางท่อจากแนวท่อส่งก๊าซฯ และสถานีบริการหลักในพื้นที่ห่างไกล คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปี 2554

โดยบริษัท อุบล ไบโอก๊าซ จะจัดส่งก๊าซชีวภาพให้ปตท.เพื่อปรับปรุงคุณภาพและผลิตก๊าซชีวภาพอัดในปริมาณ 2,362 ตัน/ปี เทียบเท่าการใช้น้ำมันดีเซลประมาณ 2.3 ล้านลิตร/ปี ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มจากน้ำเสียของโรงงานอุตสาหกรรม และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในชุมชน หากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จก็จะขยายการลงทุนโดยนำก๊าซชีวภาพที่ได้จากอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร ปศุสัตว์ และการบำบัดน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือนมาเป็นผลิตเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ที่ห่างไกลแนวท่อส่งก๊าซฯในอนาคต

ปัจจุบันต้นทุนการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) รวมค่าเนื้อก๊าซฯและค่าขนส่งอยู่ที่ก.ก.ละ 17-18 บาท ขณะที่ราคาขายNGVที่ภาครัฐกำหนดไว้อยู่ที่ 8.50 บาท/ก.ก. โดยมีเพดานราคาขายNGVที่ต่างจังหวัดไม่เกิน 10.34 บาท/ก.ก. ส่งผลให้ปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนถึงก.ก.ละ 6 บาท แต่ก็ได้รับการอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ก.ก.ละ 2 บาท ขณะที่ยอดขาย NGV เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากต้นปีที่แล้วอยู่ที่วันละ 4,300 ตัน ขยับขึ้นเป็น 5,000 ตัน/วันในปัจจุบัน ส่งผลให้ปตท.แบกรับภาระขาดทุนสะสมในช่วง 6-7ปีรวมทั้งสิ้น 2.1 หมื่นล้านบาท

นายวิชัย พรกีรติวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ปตท.ได้ลงนามความตกลง (MOU) กับฟาร์มสุกรที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำมูลสุกรมาทำก๊าซชีวภาพ ซึ่งขณะนี้บริษัทฟาร์มสุกรดังกล่าวอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เปรียบเทียบการลงทุนเพื่อผลิตไฟฟ้าขายเข้าระบบ

ทั้งนี้ ปตท.ได้มีการเสนอราคารับซื้อก๊าซชีวภาพในราคาที่เหมาะสมใกล้เคียงกับการนำไปใช้ผลิตไฟฟ้า แต่โครงการดังกล่าวมีจุดด้อยตรงที่หากเอกชนมีการนำพลังงานชีวมวลไปผลิตไฟฟ้าจะได้ Adder 0.30 บาท/หน่วย ดังนั้น ทางปตท.จึงเตรียมเสนอให้รัฐพิจารณาสนับสนุนการนำก๊าซชีวภาพดังกล่าวมาปรับปรุงคุณภาพเพื่อใช้ในรถยนต์โดยให้ Adder เช่นเดียวกับนำไปผลิตไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ปริมาณการใช้ NGVเพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์ NGVอยู่ที่ 230 คัน/วัน ซึ่งใกล้เคียงปี 2551 ที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงสุดถึง 140 เหรียญสหรัฐ โดยช่วงนั้นการติดตั้งเครื่องในรถยนต์ NGVวันละ 240 คัน/วัน เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อมั่นในเทคโนโลยี มีความปลอดภัยและประหยัดเชื้อเพลิง ปัจจุบันมีรถยนต์ที่ติดNGVแล้ว 2.4 แสนคัน แบ่งเป็นรถขนาดใหญ่ 16% รถแท็กซี่ 27-28% ที่เหลือเป็นรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งตัวเลขรถยนต์ที่ติดNGVในขณะนี้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปีนี้จะมีรถที่ติดNGVแค่ 2.12 แสนคัน ปัจจุบันปตท.มีปั๊มNGV 416 แห่งคาดว่าสิ้นปีนี้ 460 แห่งทั่วประเทศ

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า โครงการดังกล่าวทางกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานได้จัดสรรงบประมาณในการสนับสนุนการวิจัย 35 ล้านบาทจากเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 83 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% ของเงินลงทุนรวม

http://guideubon.com...=1686&d_id=1686

[Stargate-1]

ปตท. เจรจาซื้อก๊าซชีวภาพทำก๊าซซีบีจีล่ม อุบลไบโอก๊าซ ไม่สนส่งขายทำไฟฟ้าให้ราคาสูงแทน ต้องย้ายโครงการใหม่ลงภาคใต้ เปลี่ยนการลงทุนใหม่ให้เอกชนลงทุนแทน ปตท.เป็นเพียงผู้ซื้อก๊าซซีบีจี สนพ.เตือนหากโครงการไม่เกิดในปีหน้า ต้องคืนเงินสนับสนุน 35 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรคืนกองทุนอนุรักษ์พลังงานฯ
นายสิทธิโชติ วันทวิน ผู้อำนวยการสำนักนโยบายอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า จากที่กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ได้สนับสนุนเงินจำนวน 35 ล้านบาท ให้กับบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน)(บมจ.) เพื่อใช้สำหรับการลงทุนเครื่องจักรแปรสภาพก๊าซชีวภาพมาเป็นก๊าซซีบีจีใช้สำหรับรถยนต์ทดแทนก๊าซเอ็นจีวี จากที่ต้องงทุนทั้งหมดประมาณ 80 ล้านบาท โดยบมจ.ปตท.จะรับซื้อก๊าซชีวภาพจากโรงงานของบริษัท อุบลไบโอก๊าซ จำกัด ในจังหวัดอุบลราชธานี มาผลิตเป็นก๊าซซีบีจีในประมาณ 7-8 ตันต่อวัน
แต่เนื่องจากทางบริษัท อุบลไบโอก๊าซฯ ไม่สามารถรับเงื่อนไขในการซื้อก๊าซชีวภาพมาอัดเป็นซีบีจีได้ เนื่องจากบมจ.ปตท.กดราคารับซื้อที่ประมาณ 2 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ขายเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้าจะได้ราคาดีกว่าประมาณ 5 บาทต่อการผลิตไฟฟ้า 1 หน่วย จึงทำให้การนำก๊าซชีวภาพมาอัดเป็นซีบีจีไม่สามารถเกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ทางบมจ.ปตท.ขอขยายระยะเวลาในการสนับสนุนในโครงการนี้ออกไปแล้ว จากเดิมที่จะครบกำหนดการให้งบสนับสนุนภายในสิ้นปีนี้ โดยจะย้ายโครงการไปดำเนินการยังที่ใหม่แทนในภาคใต้ เช่นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่อยู่ระหว่างการเจรจารับซื้อก๊าซชีวภาพจากโรงงานปาล์มน้ำมัน 2-3 แห่ง ซึ่งรูปแบบการลงทุนทางบมจ.ปตท.อาจจะโอนเงินที่กองทุนอนุรักษ์พลังงานฯสนับสนุนมา 35 ล้านบาท นี้ไปให้เอกชนที่มีความสนใจที่จะลงทุนนำก๊าซชีวภาพมาอัดเป็นก๊าซซีบีจี และขายก๊าซซีบีจีให้กับบมจ.ปตท.แทนที่จะลงทุนเอง ซึ่งหากโครงการดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีหน้า ทางบมจ.ปตท.จะต้องคืนเงินจำนวน 35 ล้านบาท นี้ให้กับกองทุนอนุรักษ์พลังงานฯ
สำหรับโรงงานผลิตก๊าซซีบีจีต้นแบบที่กองทุนอนุรักษ์พลังงานฯได้สนับสนุนเงินจำนวน 11 ล้านบาท ให้กับมหาวิทยาลัยเชียง ขณะนี้กำลังใกล้จะแล้วเสร็จ ที่เป็นการผลิตก๊าซชีวภาพจากฟาร์มวัวมาอันเป็นซีบีจี ที่มีกำลังการผลิตวันละ 100 กิโลกรัมต่อวัน โดยในช่วงต้นปีหน้าคาดว่าจะเริ่มนำมาทดลองใช้กับรถยนต์ได้
นายสิทธิโชติ กล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมก๊าซชีวภาพ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมในช่วงปี 2551-2555 ที่สนพ.มีเป้าหมายส่งเสริมเทคโนโลยีผลิตก๊าซชีวภาพไว้จำนวน 338 แห่ง โดยใช้เงินสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์ฯพลังงาน 3,982.5 ล้านบาท สามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้ประมาณ 637.2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีนั้น ซึ่งจากการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(2551-2553) มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการ 100 แห่ง กองทุนอนุรักษ์พลังงานฯ ได้สนับสนุนวงเงินโครงการละ 20-50% ของการลงทุนไปแล้ว 1,013.93 ล้านบาท ผลิตกาซชีวภาพได้ 534 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี รวมมูลค่าทดแทนพลังงานได้ 2,861.84 ล้านบาทต่อปี โดยในปีนี้คาดว่าจะมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการ 64 แห่ง คิดเป็นปริมาณการผลิตก๊าซชีวภาพได้ประมาณ 110 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ใช้เงินสนับสนุนประมาณ 560 ล้านบาท
ดังนั้น จากการดำเนินงานมาเกือบจะ 4 ปี ทำให้การผลิตก๊าซชีวภาพได้เกินกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้แล้ว แม้ว่าจำนวนโรงงานที่เข้าร่วมจะยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ตาม ซึ่งในส่วนระยะเวลาของแผนที่เหลือกว่า 1 ปีนี้ ทางสนพ.จะผลักดันให้มีผู้ประกอบการเข้ามาร่วมโครงการมากขึ้นอีก และเมื่อสิ้นสุดปี 2555 ก็จะปิดโครงการสนับสนุนวงเงิน และอาจจะโอนโครงการไปให้ทางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.)ไปดำเนินการแทน

[kik_bucha]

เมื่อความจริงถูกเปิดเผย เนี่ยแหละพวกที่หลงบูชานักกินเมืองชั่วๆ สุดท้ายพวกมันก็หลอกกินเงินประชาชนทั้งประเทศโดยที่หลายๆคนไม่รู้ตัว ซึ้งรึยัง พี่น้องไทย

[NOOK ng]

จำใจ ทำใจ ใช้ต่อ

[Stargate-1]

http://www.suwannabhumi.tv/





ชาวบ้านเริ่มมาเข้ากลุ่มสภาปฏิรูปพลังงานกันมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมแพ้ บางกลุ่มเริ่มกระบวนการผลิตไบโอแก๊สไว้ใช้ไว้ขายกันเองแทน NGV กันแล้ว เริ่มต้นที่โทร.ไปสมัครเป็นสมาชิกกับอ.ประสิทธิ์

[Stargate-1]

ที่อยู่.........................................................

 

ธันวาคม ๒๕๕๕

 

เรื่อง       ขอให้พิจารณาหยุดนโยบายปรับขึ้นราคาแอลพีจีกับประชาชน

กราบเรียน             ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

                               

จากการที่กระทรวงพลังงาน เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี ฯพณฯนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ให้ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) กับภาคครัวเรือนและภาคขนส่งในปี ๒๕๕๖ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง แม้จะมีมาตรการในการบรรเทาผลกระทบของผู้มีรายได้น้อยจำนวน ๔ ล้านครัวเรือน และร้านอาหาร หาบเร่แผงลอยอีกกว่า ๓ แสนราย แต่คาดว่าภาครัฐต้องใช้งบประมาณถึง ๑ หมื่นล้านบาท เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม ข้าพเจ้าในนามของเครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน จังหวัด.............................. ขอเรียกร้องต่อ ฯพณฯนายกรัฐมนตรี  ให้พิจารณาดำเนินการดังต่อไปนี้

๑. รัฐบาลควรหยุดนโยบายปรับขึ้นราคาแอลพีจีกับภาคครัวเรือนและภาคยานยนต์ เนื่องจากการให้สัมปทานปิโตรเลียมของประเทศไทย เป็นระบบสัมปทานที่รัฐได้รับผลประโยชน์ตอบแทนต่ำที่สุดในอาเซียน ทำให้ผู้รับสัมปทานมีต้นทุนการผลิตก๊าซธรรมชาติรวมถึงก๊าซแอลพีจีที่ต่ำ เช่น แหล่งน้ำมันสิริกิติ์ อันเป็นแหล่งใหญ่มีพื้นทีครอบคลุมถึง ๕ จังหวัดได้ กำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก นครสวรรค์ และอุตรดิตถ์ มีต้นทุนการผลิตแอลพีจีบวกกำไรของผู้รับสัมปทาน อยู่ที่ประมาณ ๙ บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ขณะที่ราคาค้าปลีกแอลพีจีที่จำหน่ายให้แก่ภาคครัวเรือน และภาคยานยนต์ ซึ่งรวมกำไรของผู้ค้าและภาษีแล้วในปัจจุบัน อยู่ที่ ๑๘.๑๓ บาทต่อกิโลกรัม และ ๒๑.๓๘ บาทต่อกิโลกรัม ตามลำดับ จึงเป็นราคาที่ผู้ค้าได้กำไรมากอยู่แล้ว

๒. ก๊าซแอลพีจีที่ผลิตจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ รัฐบาลควรจัดให้ภาคประชาชนได้ใช้ก่อนทั้งภาคครัวเรือนและยานยนต์ เพราะก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตแอลพีจีมาจากแผ่นดินไทย ถือเป็นทรัพยากรของประชาชน ทั้งนี้ ในปี ๒๕๕๔ โรงแยกก๊าซฯ มีกำลังการผลิตก๊าซแอลพีจีได้ ๓.๖๐ ล้านตัน ขณะที่ภาคประชาชนใช้ ๓.๕๗ ล้านตัน และในปี ๒๕๕๕ คาดว่าจะผลิตได้ ๓.๘๘ ล้านตัน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ของภาคประชาชนอยู่แล้ว แอลพีจีส่วนที่เหลือจากการใช้ของภาคประชาชนให้จำหน่ายกับภาคอุตสาหกรรมได้ หากไม่เพียงพอให้ภาคอุตสาหกรรมเป็นผู้รับภาระในการนำเข้าเอง

                               

 

 

๓. ให้เลิกนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปอุดหนุนการใช้แอลพีจีเป็นวัตถุดิบของธุรกิจ ปิโตรเคมี ในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดโลกประมาณร้อยละ ๔๐ การนำเงินกองทุนน้ำมันฯ ไปอุดหนุนให้ภาคปิโตรเคมีดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนน้ำมันฯ ตั้งแต่แรกเริ่ม ที่มีขึ้นเพื่อรักษาระดับราคาพลังงาน มิใช่เพื่อไปอุดหนุนราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมใดโดยเฉพาะ จึงเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่ออุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ได้รับการอุดหนุน และยังเป็นการเอาเปรียบประชาชน ผู้เป็นเจ้าของกองทุนน้ำมันฯ อีกด้วย

๔. หนี้ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันติดลบอยู่ประมาณ ๑๗,๐๐๐ ล้านบาทในปัจจุบัน เกิดจากการนำเงินกองทุนน้ำมันฯไปอุดหนุนธุรกิจปิโตรเคมี ดังนั้น แทนที่รัฐบาลจะปรับขึ้นราคาแอลพีจีกับภาคขนส่งและภาคครัวเรือนปีละ ๓-๖ บาทต่อกิโลกรัม รัฐบาลควรสั่งให้ปิโตรเคมีที่ใช้แอลพีจีอย่างน้อยปีละ ๒,๔๐๐ ล้านกิโลกรัม จ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันอย่างน้อยกิโลกรัมละ ๗ บาทเหมือนที่สั่งเก็บจากโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆ จะได้เงินถึงปีละ ๑๖,๘๐๐ ล้านบาท ทำให้หนี้กองทุนน้ำมันฯจะหมดไปภายใน ๑ ปี และเพื่อความเป็นธรรมกับประชาชน รัฐบาลควรสั่งให้ ปตท. ส่งคืนเงินที่ได้รับชดเชยส่วนต่างราคาแอลพีจีนำเข้าไปแล้วประมาณหนึ่งแสนล้านบาทให้แก่กองทุนน้ำมันฯ โดยเร็วด้วย

                                ๕. ให้มีคำสั่งห้ามมิให้ปลัดกระทรวงพลังงานและข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพลังงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลกิจการพลังงานเป็นกรรมการในธุรกิจพลังงานทั้งหมด เนื่องจากการรับเงินเดือน โบนัส และเบี้ยประชุมจากบริษัทพลังงานของข้าราชการเหล่านี้เป็นการกระทำที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นการกระทำที่ผิดหลักธรรมาภิบาลสากลอย่างร้ายแรง

 

จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ

 

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

 

 

 

(.............................................................)

ผู้แทนเครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน

จังหวัด.......................................................

 

 

 

จดหมายถึงนายกรัฐมนตรี หยุดนโยบายปรับขึ้นราคาแอลพีจีกับประชาชน

 

 

จดหมายถึงนายกรัฐมนตรี หยุดนโยบายปรับขึ้นราคาแอลพีจีกับประชาชน

[Stargate-1]

ข่าวประจำวันนี้

[InfoQuest] ยอดนำเข้าLPGพุ่งทะยาน
21 ธันวาคม 2555

รัฐชดเชยหนัก3.2หมื่นล้าน ยอดนำเข้า LPG พุ่งทะลัก งวดปี 2555 ภาครัฐแบกภาระชดเชยจากต้นปีถึง พ.ย. ร่วม 3.2 หมื่นล้านบาท ดันยอดชดเชยสะสมพุ่ง ย้ำขึ้นราคา LPG ช่วยชะลอยอดใช้เติบโต

 

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า ในงวดสิ้นปี 2555 อัตราการนำเข้า LPG จะมียอดรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.7 ล้านตัน หรือเฉลี่ยการนำเข้าตกเดือนละ 1.44 แสนตัน ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 2.4 หมื่นตัน จึงคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย. 2555 ถือเป็นช่วงที่มีการนำเข้า LPG เป็นอัตราสูงสุด หลังจากมีการใช้ LPG ในประเทศสูงขึ้น ประกอบการหยุดซ่อมบำรุงของโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นน้ำมัน ที่ได้ปรับลดกำลังการผลิตเพื่อปิดซ่อมแซมหรือปิดซ่อมบำรุงประจำปี รวมถึงยังมีโรงงานปิโตรเคมีบางแห่งต้องชัทดาวน์ฉุกเฉิน ดังนั้น จึงส่งผลให้ปริมาณ LPG ในประเทศหายไปส่วนหนึ่ง และต้องมีการนำเข้าเพิ่มเติมมาทดแทน

 

โดยปัจจุบันยอดการนำเข้า LPG ที่ได้รับเงินชดเชย ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 17 พ.ย. 2555 มีอยู่จำนวน 1.5 ล้านตัน ทางภาครัฐต้องจ่ายเงินชดเชยไปแล้วทั้งสิ้น 3.25 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดการนำเข้า LPG ที่ได้รับเงินชดเชยตั้งแต่งวดปี 2551 จนถึงปัจจุบันมีทั้งสิ้น 5.7 ล้านตัน ทางภาครัฐต้องจ่ายเงินชดเชยไปจำนวนทั้งสิ้น 9.54 หมื่นล้านบาท ส่วนยอดการผลิต LPG ของโรงกลั่นน้ำมันเพื่อเป็นเชื้อเพลิงงวดปี 2555 อยู่ที่ 9.9 แสนตัน มีการจ่ายเงินชดเชยไปอีก 1.37 หมื่นล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่สามารถตอบได้ว่า หากมีการปรับขึ้นราคา LPG ในช่วงปีหน้า จะส่งผลให้ยอดการชดเชยปรับลดลงหรือไม่ เพราะในขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลปริมาณการใช้ของรายย่อย เพียงแต่หากไม่มีการปรับขึ้นราคา คาดว่า อัตราการใช้ LPG งวดปี 2556 น่าจะเติบโตขึ้นกว่าปีนี้ประมาณ 10-11% แต่หากปรับขึ้นราคาจะมีอัตราเติบโตไม่ถึง 10% ดังนั้น การปรับขึ้นราคา LPG จะสามารถช่วยชะลอยอดการใช้ LPG สูงขึ้นกว่าเดิม โดยในงวดปี 2555 มีการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 6 แสนตันต่อเดือน ปรับเพิ่มจากช่วงเดียวกันในปีก่อนจำนวน 6 หมื่นตันต่อเดือน โดยเป็นผลมาจากทุกภาคส่วนมีอัตราการใช้สูงขึ้น โดยเฉพาะภาคขนส่งที่มีการใช้เพิ่มขึ้นสูงสุดมากถึง 15%

 

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการใช้ลดลง ทั้งนี้ ยอดการผลิต LPG ภายในประเทศอยู่ที่จำนวน 4.6 แสนตันต่อเดือน นำเข้า 1.4 แสนตันต่อเดือน มียอดจำหน่ายรวม 6 แสนตันต่อเดือน โดยอยู่ในภาคครัวเรือน 2.5 แสนตันต่อเดือน ภาคอุตสาหกรรม 5.1 หมื่นตันต่อเดือน ภาคขนส่ง 8.8 หมื่นตันต่อเดือน ภาคปิโตรเคมี 2.1 แสนตันต่อเดือน

 

ส่วนนายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันมีประชาชนใช้น้ำมันเบนซิน 91 อยู่ในอัตรา 8 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งเมื่อมีการยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 จะส่งผลให้ผู้บริโภคประมาณ 20% เปลี่ยนมาใช้น้ำมันเบนซิน 95 แทน ดังนั้น จะส่งผลให้ยอดการใช้น้ำมันเบนซิน 95 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับ 1 ลิตรต่อวัน จะมีโอกาสทยอยปรับขึ้นสู่ระดับ 1.6-1.7 ล้านลิตรวัน ขณะที่ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน 95 ขณะนี้อยู่ที่ 4-5 บาท ซึ่งถือเป็นค่าการตลาดระดับสูง เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้น้อย แต่หากยอดการใช้เบนซิน 95 สูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับ 1.6-1.7 ล้านลิตร จะมีผลให้ค่าการตลาดลดลงได้อีก 1-2 บาท

การชี้แจ้งของกรมเชื้อเพลิงสร้างความสับสนให้ประชาชนที่ไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง

จริงๆแล้วโรงแยกแก๊สทั้ง 6 รวมกับที่สงขลาอีก 1 โรง เป็น 7 โรง   มีกำลังผลิตเกินกว่าปริมาณการใช้ทั้งหมดของทุกภาค แต่กลับให้ข้อมูลว่า แก๊ส LPG ไม่พอใช้ จนต้องนำเข้า

จากข้อมูลข้างล่าง ถ้าไม่มีการเพิ่มปริมาณการใช้ในภาคปิโตรเคมี จะเพียงพอใช้พอดีๆกับทุกภาค

 

ปล. ในตารางที่ผลิต LPG Ethane(ใช้กับ ภาคปิโตรเคมี) และ NGL  ได้ยังไม่รวม LPG ที่โรงแยกแก๊สที่สงขลาผลิตได้

 

กรมเชื้อเพลิงควรชี้ให้ชัดเจนแบบนี้

 

 

 

 

[Stargate-1]

http://www.lpgtoday....าซธรรมชาติ1.pdf

 

มาเรียนรู้เรื่องโรงแยกแก๊สกัน

 

 

ทั้งนี้ไม่รวมโรงแยกแก๊สที่สงขลา ทั้ง 2 โรง

 

โครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย

โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซียที่จะก่อสร้างที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ประกอบด้วยหน่วยแยกก๊าซธรรมชาติ 2 หน่วยซึ่งมีกำลังผลิตหน่วยละ 425 ล้าน ลบ.ฟ./วัน รวมแล้วเต็มโครงการจะสามารถแยกก๊าซได้ 850 ล้าน ลบ.ฟ./วัน การดำเนินการก่อสร้างโครงการแบ่งเป็น 2 ระยะได้แก่

• ระยะที่ 1 - โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 1 มีขนาดกำลังการผลิตวันละ 425 ล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในระยะเวลาประมาณ 26 เดือนนับจากวันลงนามในสัญญาก่อสร้าง
• ระยะที่ 2 - โรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่ 2 มีขนาดกำลังการผลิตวันละ 425 ล้านลูกบาศก์ฟุต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2552

http://www.geocities...vers/ttmgp.html

 

 

โรงแยกก๊าสธรรมชาติ
แยกเป็นมีเทนไปใช้กับโรงไฟฟ้า
แยกอีเทนไปใชกับปิโตรเคมี 2.4
แยกโพนเพน บวก บิวเทน (LPG) ไปใช้ครัวเรือน บวก ยานยนต์ 3.6
แยก NLG ไปใช้ปิโตรเคมี บวก อุตสาหกรรม 0.7

โรงแยกก๊าสธรรมชาติ จะนะ สงขลา
แยกเป็นมีเทนไปใช้กับโรงไฟฟ้า
แยกอีเทนไปใชกับปิโตรเคมี เท่าไหร่
แยกโพนเพน บวก บิวเทน (LPG) ได้ออกมา เอาไปใช้ ปิโตรเคมี เท่าไหร่ เอาไปใช้ อุตสาหกรรมเท่าไหร่

โรงกลั่นน้ำมัน
แยกโพนเพน บวก บิวเทน (LPG) ได้ออกมา เอาไปใช้ ปิโตรเคมี เท่าไหร่ เอาไปใช้ อุตสาหกรรมเท่าไหร่

ครัวเรือน ยานยนต์ พอใช้อยู่แล้ว
อุตสาหกรรม ขาด โพรเพน บวก บิวเทน อีกไหม
ปิโตรเคมี ขาด โพรเพน บวก บืวเทน อีกไหม
 

จะเห็นว่ากำลังการผลิตทั้งหมดของโรงแยกแก๊ส 1- 6 และของที่จะนะ สงขลาอีก 2 โรง โรงกลั่นน้ำมันอื่นๆ เพียงพอกับการใช้ของทุกภาค ที่รวมภาคปิโตรเคมีด้วย 

Edited by Stargate-1, 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 22:24.

[finder]

ยังไม่ปักหมุดอีก  ดื้อจริงพับผ่าสิ

[Stargate-1]

http://www.suwannabhumi.tv/

ชาวสุราษฎร์ธานีมอบที่ดินให้ประชาชนเป็นเจ้าของบ่อน้ำมันแห่งแรกในประเทสไทย

[Stargate-1]

ชาวบ้านจะนะเฮ ชนะคดีท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ศาลปกครองสูงสุดสั่งตำรวจชดใช้ฐานละเมิด

ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาดกรณีตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุสลายการชุมนุมม็อบค้านโรงแยกก๊าซจะนะ หลังสู้คดี 10 ปี ระบุ เป็นการชุมนุมโดยสงบ และเจ้าหน้าที่กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้อง 24 คน รวม 1 แสนบาท

 

 

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 มกราคม 2556 ที่ห้องพิจารณาที่ 2 ศาลปกครองจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ศาลปกครองจังหวัด ได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดีตำรวจสลายการชุมนุมของชาวบ้านที่คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ที่บริเวณถนนจุติอนุสรณ์ ใกล้โรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือโรงแรมหรรษาเจบีในปัจจุบัน ทำให้มีผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม ได้รับบาดเจ็บ รถยนต์เสียหาย คดีหมายเลขดำที่ อ.426/2549

คดีนี้นายเจ๊ะเด็น อนันทบริพงศ์ ผู้ฟ้องที่ 1 กับพวก รวม 30 คน ได้ยื่นฟ้องสำนักงานตรวจแห่งชาติ จังหวัดสงขลา และกระทรวงมหาดไทยเพื่อเรียกค่าเสียหาย อันเนื่องจากละเมิดสิทธิเสรีภาพการชุมนุมตามมาตรา 40 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2540 ที่บังคับใช้ขณะนั้น ซึ่งศาลปกครองจังหวัดสงขลา และศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งรับฟ้องเฉพาะผู้ฟ้องคดีที่ 1-24 ในส่วนที่เรียกค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเท่านั้น

โดยศาลปกครองสงขลา ซึ่งเป็นศาลปกครองชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2554 ว่า การสลายการชุมนุมดังกล่าวไม่ชอบโดยกฎหมาย จึงให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติชดใช้ค่าเสียหายแก้ผู้ฟ้องคดีที่ 1 – 24 เป็นคน คนละ 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ส่วนจังหวัดสงขลาและกระทรวงมหาดไทย ไม่ปรากฏว่ามีส่วนร่วมในการกระทำละเมิดร่วมกับตำรวจด้วย จึงไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย ซึ่งต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด กระทั่งศาลจังหวัดสงขลาได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในวันนี้

ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาว่า การชุมนุมดังกล่าว ชาวบ้านเตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ต่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งมีกำหนดเดินทางมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่โรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ ในวันที่ 21 มกราคม 2545 โดยระบุว่า เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ

ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวชุมนุมกันเกิน 10 คน มีผู้สั่งการอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการตระเตรียมอาวุธทั้งที่เป็นอาวุธ และมิใช่อาวุธโดยสภาพ ซึ่งสามารถตรวจยึดหนังสติ๊ก ลูกตะกั่ว กรรไกรปลายแหลม มีดสปาต้า และไม้ไผ่เสี้ยมปลายแหลม 175 อันนั้น ศาลพิจารณาเห็นว่า การชุมนุมโดยใช้สิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญย่อมกระทำโดยคนเดียวไม่ได้ และไม่ปรากฏว่า แกนนำมีการสั่งการให้กลุ่มผู้ชุมนุมสั่งสมอาวุธ

ขณะเดียวกัน ศาลเห็นว่าหนังสติ๊ก ลูกตะกั่ว และมีดสปาต้านั้นถือว่ามีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ชุมนุม โดยเป็นอาวุธที่ผู้คัดค้านเตรียมมาเป็นการส่วนตัว มิได้มีการสั่งการจากแกนนำแต่งอย่างใด ส่วนไม้ไผ่เสี้ยมปลายแหลมพบว่า ผู้ชุมนุมใช้เป็นเสาธง มิใช่อาวุธแต่เดิม แต่ได้ใช้เป็นอาวุธในเวลาต่อมาเมื่อตำรวจเข้าสลายการชุมนุม สำหรับการทำร้ายตำรวจ และทรัพย์สินของทางราชการนั้น เกิดจากการที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม และทำร้ายผู้คัดค้านจนบาดเจ็บ

ศาลปกครองสูงสุดจึงพิพากษาว่า การชุมนุมดังกล่าวเป็นการชุมนุมโดยสงบ และการที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมโดยมิได้ดำเนินการตามหลักสากลคือ จากเบาไปหาหนักจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมโดยสงบต่อไปได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผู้ถูกฟ้องที่ 1) จึงต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้ได้พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น โดยให้ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-24 รวมกันจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

นายสักการิยา หมะหวังเอียด หนึ่งในผู้ห้องคดี กล่าวหลังฟังคำพิพากษาว่า ชาวบ้านไม่ได้ติดใจว่าจะได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายเท่าใด แต่คดีทำให้ชาวบ้านเข้าใจถึงสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมของชาวบ้านดังกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้อง รวมทั้งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่ชาวบ้านคัดค้านมาตลอด คือ โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย – มาเลเซีย และการปกป้องสิทธิและทรัพยากรในพื้นที่ไม่ให้ถูกทำลายจากโครงการขนาดใหญ่ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอ่านคำพิพากษา มีชาวบ้านมาร่วมฟังคำพิพากษากว่า 100 คน โดยชาวบ้านได้ถือป้ายที่มีภาพถ่ายของนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมดังกล่าวรวม 5นาย ได้แก่ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง พล.ต.ท.สัญฐาน ชยนนท์ พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข

ทั้งนี้นับตั้งแต่เกิดเหตุสลายการชุมนุมดังกล่าวจนกระทั่งวันนี้ เป็นเวลากว่า 10ปี แต่ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอีก 3 คดี โดยเป็นคดีอาญาที่ชาวบ้านถูกฟ้องข้อหามั่วสุมก่อความวุ่นวาย ขัดขวางและทำร้ายเจ้าพนักงานฯ 2 คดี ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษายกฟ้อง ขณะนี้ทั้ง 2 คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

ส่วนคดีที่ผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายยื่นฟ้องแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายต่อศาลแขวงสงขลา ศาลสั่งจำหน่ายคดีเพื่อรอผลการพิจารณาคดีอาญา อีกคดีคือผู้ชุมนุมยื่นฟ้องอาญาพล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ กับพวกรวม 38 คน ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาลจังหวัดสงขลา

[Stargate-1]

http://www.suwannabhumi.tv/

นช.ทักษิณเร่งขุดน้ำมันในอ่าวไทย สั่งต่อเรือขุดน้ำมันทันสมัยสุดๆ เพิ่มอีก 4 ลำ ชื่อ สยาม อ่าวไทย ... ฟ้งจากสุวรรณภูมิ 21:00  - 22:00 น.

[Stargate-1]

Public Hearing คืออะไร
ประเทศของเธอสนใจและให้ความสำคัญต่อเรื่องของ Document มากกว่าเรื่องของ Processบริษัท IEM หรือชื่อเต็มว่า International Environmental Management ซี่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อม ได้จัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการขุดเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมบนบกฯ ขึ้นเป็นครั้งที่ ๒ ในช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๒ ณ ที่ว่าการอำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม ร่วมกับ บริษัท Pan Orient Energy Siam Limited ดูรายละเอียดการทำประชาพิจารณ์ที่ลิงค์

http://www.gotoknow.org/posts/238675

 

 บริษัท Pan Orient Energy Siam Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานปิโตรเลียมบกครอบคลุมพื้นที่ ๓,๙๙๗ ตารางกิโลเมตร ใน ๔ จังหวัดคือ นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี ประกาศขุดพบน้ำมันแล้ว เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2556 ที่ผ่านมา บนพื้นที่L53/48 -DC1

 

http://www.youroilan...very_86178.html
 

ครั้งต่อไปจะทำการประชาพิจารณ์

ในวันที่ 4 ก.พ. 2556 ของจ.นครปฐม ที่โรงแรมริเวอร์ นครปฐม เวลา 9:30 - 12:00 น.
ในวันที่ 5 ก.พ. 2556 ของจ.ราชบุรี ที่ศาสากลางจว. ห้องประชุมอบต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง สงสัยประการใดให้ติดต่อคุณนุช โทร. 081-434-0777

 

 

 

 

 

 

 

 

 

  

Edited by Stargate-1, 30 มกราคม พ.ศ. 2556 - 10:02.

[Stargate-1]

แหล่งน้ำมันของไทยแหล่งบัวบานและสงขลา หรือรวมเรียกว่าแหล่งสงขลาในรายงานของกรมเชื้อเพลิง


 
 

ผู้ว่าฯ สงขลา ขานรับชาวประมงเร่งทำความสะอาดคราบดำปริศนา 40 กม.หาดสทิงพระ-ระโนด-สิงหนคร สนง.สิ่งแวดล้อมฯ เชื่อไม่อันตราย-รอกรมมลพิษตรวจ 15 วัน เสธฯ ทหารคาดต้นตอ 14 แท่นขุดเจาะน้ำมัน

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อความและภาพในเฟซบุ๊ก(ทรงวุฒิ พัฒแก้ว http://on.fb.me/V034uw) ว่าพบคราบน้ำมันบริเวณชายหาด อ.สทิงพระ อ.ระโนด อ.สิงหนคร จ.สงขลา ระยะทางยาว 40 กิโลเมตร เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีลักษณะเป็นวัตถุสีดำคล้ายยางมะตอยทั้งเล็กและใหญ่ เมื่อโดนความร้อนจะอ่อนตัวและติดแน่น ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่ามาจากการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของบริษัทเอกชนที่ได้รับสัมปทาน

ศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา ได้ติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยนางจินตวดี พิทยเมธากูล ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จ.สงขลา กล่าวว่าขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างน้ำและวัสดุที่มีสีดำคล้ายคราบน้ำมันส่งให้กรมควบคุมมลพิษและคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(มอ.หาดใหญ่)ตรวจสอบหาสารอันตรายและที่มาแล้ว คาดว่าประมาณ 1-2 สัปดาห์จึงจะทราบผล หลังจากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุมซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ทั้งนี้ผู้ว่าฯสงขลา ได้ส่งหนังสือด่วนถึงองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้ระดมชาวบ้านทำความสะอาดชายหาด อย่างไรก็ตามคาดว่าคราบดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อร่างกายและอาชีพประมงพื้นบ้าน นอกจากการสร้างความรำคาญแก่นักท่องเที่ยว เพราะเมื่อโดนแดดจะหลอมละลายและติดตามร่างกายได้

“ ชาวบ้านมักเรียกวัสดุสีดำว่าคราบน้ำมันดิน ซึ่งจะปรากฏทุกปี มากน้อยขึ้นอยู่กับความแรงของคลื่นทะเล อย่างไรก็ดีผู้ประกอบการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติได้จ่ายค่าภาคหลวงแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ในการแก้ไขปัญหาปีละหลายล้านบาทแล้ว”

ด้านพ.อ.ไพโรจน์ นิยมพันธุ์ อดีตเสนาธิการกองทัพบก ในฐานะนักพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม กล่าวว่าวัสดุสีดำที่ปรากฏบนชายหาดยาวกว่า 40 กม. นั้นส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเสื่อมโทรมได้ โดยเฉพาะกุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งนำมาเป็นอาหารบริโภค นอกจากนี้ยังกระทบต่อการทำประมงพื้นบ้านด้วย เพราะคราบดังกล่าวจะเกาะติดอุปกรณ์จับสัตว์น้ำทำให้ประสิทธิภาพต่ำลง

อย่างไรก็ตามตนระบุไม่ได้ว่าการสัมปทานแท่นขุดเจาะน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยนั้นได้ศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) หรือไม่ และคราบวัสดุสีดำมีต้นทางจากบริษัทใด แต่คาดว่าแท่นขุดเจาะน้ำมัน 14 หลุมที่ตั้งฐานใกล้ชายฝั่งอ่าวไทยที่สุดน่าจะเป็นบ่อเกิดของปัญหาดังกล่าว ซึ่งอาจเกิดจากการปล่อยออกมาโดยตั้งใจหรือการชำรุดของแท่นขุดเจาะก็ได้

พ.อ.ไพโรจน์ ยังกล่าวว่าปัจจุบันไทยมีแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจำนวนมาก แต่กลับขาดความรับผิดชอบในการดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมจนเสื่อมโทรมลงเรื่อย ๆ หนำซ้ำฐานทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังตกอยู่ในมือกลุ่มทุน นักการเมือง จึงเสนอให้ผู้เกี่ยวข้องมีนโยบายกระจายการถือครองหุ้นพลังงานให้ประชาชนของชาติทุกคน เหมือนกับประเทศการ์ต้า เพื่อให้คนไทยมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และอยู่ร่วมกับนายทุนได้อย่างมีความสุข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าต่อกรณีคราบสีดำบนชายหาดยาวกว่า 40 กม.ดังกล่าว กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งเดินทางมายื่นหนังสือต่อนายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เรียกร้องให้เร่งกำจัดคราบวัสดุสีดำโดยด่วน เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำทุกชนิดโดยเฉพาะกุ้งที่เลี้ยงไว้ด้วย
 

ทั้งนี้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทนิวคอสตอล (ประเทศไทย)จำกัด ในสังกัดบริษัทคอสตอลเอเนอร์จี มีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอ บริษัทนี้มีการก่อสร้างโกดังและสำนักงานย่อยในจังหวัดสงขลา บริเวณซึ่งเป็นฐานดำเนินการนอกชายฝั่งตั้งอยู่ด้วย โดยมี 8 แท่นขุดเจาะ  ซึ่งครั้งนั้นได้รับผิดชอบจ่ายค่าภาคหลวงให้ อปท. 28 แห่ง ๆ ละ 15 ล้านบาท/ปี รวมถึง อบจ.อีกปีละ 400 ล้านบาท

[Stargate-1]

 

ชมได้ทางลิงค์นี้  http://www.suwannabhumi.tv/

 

ภาวะฉุกเฉินพลังงาน จอมปลอม จริงๆ แล้วไม่มีผลอะไรเลย ที่พม่าซ่อมท่อ แค่ท่อเดียว ท่อแก๊ส JDA ไม่พบว่าปัญหาแตก รั่วตามคำพูดของรมว.พลังงาน  คนไทยโดนหลอก

Edited by Stargate-1, 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 15:57.

[กรกช]

ปตท.คอร์รัปชั่น ทิ้งภัยเสี่ยงให้ชุมชน

 

http://issuu.com/sru...letter-ptt-risk

[เกลียดคุณแม้วจังครับ]

สรปุสั้นๆระหว่างฟังบางเรื่อง

ประเทศเชียงใหม่ประมาณ ครึ่งจังหวัดตั้งอยู่บนบ่อน้ำมัน

NGV ที่ประเทศไทยบอกไม่มีกำไร ประเทศอื่นเขาเผาทิ้ง อเมริกาขายกิโลละ2บาท50สตางค์ แต่ประเทศไทยพยายามขายให้ได้15บาท

ขายให้ตะกวดที่ถือหุ้น รวยนะสิ

ไม่รู้ว่าตายไปจะเอาไปด้วยได้หรือยังไง

ตายไปสลึงเดียวก็ยังเอาไปไม่ได้เลย

[Redbuffalo010]

http://english.vietn...l-refinery.html

 

Vietnam to have US$27 billion oil refinery

Petroleum Authority of Thailand (PTT) has decided to invest nearly US$27 billion in a petrochemical complex project in the south-central province of Binh Dinh.

The provincial People’s Committee and relevant ministries have completed a proposal for submission to the Prime Minister in late January 2013, said Nguyen Kim Phuong, director of the Binh Dinh provincial Department of Industry and Trade.

He told the media that PTT has registered to invest in the project in the province’s Nhon Hoi industrial zone after three years of negotiations.

The refinery will be built on an area of 2,000ha and has a design capacity of approximately 30 million tonnes a year. Crude oil will be imported from the Middle East, Africa, and South America to feed the refinery to churn out more than 20 types of oil and petrochemical, mostly for export.

If the project receives a nod from the government, it will get off the ground in the first quarter of 2016 and be put into operation commercially in 2019.

Ho Quoc Dung, Vice Chairman of the Provincial People’s Committee, said PTT has assured that it will mobilise enough investment for the project, and it will cooperate with the Thailand national petroleum company and other Vietnamese partners to undertake the project. 

 

ลงทุนตั้ง แปดแสนกว่าล้านบาท

[Stargate-1]

 

ภาคประชาชนมาร้องเรียนสส.ประชาธิปปัตย์ผ่านสน.อาสาฯ

ว่าป.ต.ท.แอบขายแก๊ส LPG ออกนอประเทศ

[finder]

แอบขายแก๊ส.JPG

 

ภาคประชาชนมาร้องเรียนสส.ประชาธิปปัตย์ผ่านสน.อาสาฯ

ว่าป.ต.ท.แอบขายแก๊ส LPG ออกนอประเทศ

แล้วได้ผลอะไรไหมครับ  ไม่เห็นมีข่าวว่ามีการยื่นกระทู้ถามในสภา

[Stargate-1]

ได้เวลารวมพลครั้งที่ 1 ทัพหน้าท้าชนคนโกงพลังงาน
ศุกร์ 7 มิย 13:00-17:00 เสวนาพลังงานไทย เพื่อคนไทย หรือเพื่อใคร??? จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ

มีวิทยากรที่พวกเราอยากเจอ...มากันตัวเป็นๆ
1. มนูญ ศิริวรรณ โฆษกกระทรวงพลังงาน???
2. อ....เดือนเด่น จากสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย
3. ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตเจ้าของทีพีไอที่โดน...ฮุบไป
4. อ.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ผู้เปลี่ยนผมจากนักธุรกิจที่นึกถึงแต่ผลกำไรกลายมาเป็นคนเพื่อสังคม
5. ผมเอง กรกสิวัฒน์ ครับ
ที่ รร.ตะวันนา สีลม งานใหญ่คนนอกวงเยอะ จึงต้องมาช่วยกันจัดการทุจจริตพลังงานไทยให้อยู่หมัด งานนี้ผมจัดหนัก จัดเต็มแน่นอนครับ

ผมขอเชิญผู้รักชาติทุกท่านช่วยกันบอกต่อครับ งานนี้ฟรี โปรดติดตามการลงทะเบียนทางเพจนี้จะแจ้งสัปดาห์หน้าครับ ถ้ามากันน้อยก็แสดงว่าพวกเรายังไม่พร้อมรบครับ ถ้ามีโอกาสหลังเลิกงาน อยากจะประชุมหาแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การรบในขั้นต่อไปครับ

"ถึงเวลาที่พวกเราจะบอกคนไทยให้รู้ว่า แผ่นดินเป็นของเราทรัพยากรก๊าซและน้ำมันก็เป็นของเรา เราจะปฏิรูปพลังงานไทยเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน"

งานนี้ ผมคงต้องเอาการ์ดทุกทีสีไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องอุ้มพลพรรครักการทุจจริตออกไปนอกวงของเราครับ

สุดท้ายนี้คุณมนูญฝากผู้จัดมาบอกว่า ถ้าชอบคำพูดของแก ขอร้องว่าอย่าโห่นะครับ แกหวั่นไหว!!! (คุณลุงแกก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ ผมต้องฝากขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ แต่ผมต้องขอล่วงเกินผู้อาวุโสเพื่อชาติจริงๆ ก็คนจนๆเขาน่าสงสารกว่าคุณลุงมนูญตั้งเยอะนี่ครับ)

กรกสิวัฒน์

 

https://www.facebook.com/Goosoogong

 

 

**สำรองที่นั่งล่วงหน้า ผ่านทาง Email ไปที่ poleconseminar.cu@gmail.com (ชื่อ-สกุล, อาชีพ, สถานที่ทำงานหรือที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์)

**งานนี้ฟรี ดังนั้น ทุกที่นั่งมีค่า
**มีข้อสงสัยประการใด สอบถามทางเพจได้เลยครับ
**เรื่องพลังงานประชาชนเรียนรู้อย่างใช้สติ ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกครับ (ฝากบอกคนสร้างวาทะกรรม เรื่องพลังงานไม่ใช่ความรู้สึก)#แอดมิน ^^

 

https://www.facebook...605419889485777

Edited by Stargate-1, 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 21:48.

[Stargate-1]

 

ขาใหญ่ LPG

 

 

 

 

 

 

          สิ่งที่น่าแปลกใจคือ แล้วทำไมกระทรวงพลังงาน ไม่พูดถึงการขึ้นราคา LPG ของภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเลย ทั้งๆ ที่เป็นผู้ใช้ LPG เพิ่มขึ้นมากที่สุด

          คำตอบก็คือ เพราะ LPG ที่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติของปตท. ซึ่งเป็นแหล่ง LPG ที่ถูกที่สุดจะถูกจัดส่งให้กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีก่อน ส่วนผู้ใช้รายอื่นๆ ก็ขอให้ไปแย่งกันจาก LPG ที่เหลือจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ LPG จากโรงกลั่น และ LPG จากการนำเข้า ซึ่งมีราคาแพงกว่าแทน

          นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจะมาขึ้นราคาเอากับภาคครัวเรือนและภาคขนส่ง มาถึงจุดนี้ก็เลยเกิดคำถามต่อเนื่องว่า แล้วทำไมขาใหญ่ถึงได้ก่อน?

          คำตอบก็คือ ปัจจุบัน กลุ่มปิโตรเคมีตกลงซื้อขาย LPG กับโรงแยกก๊าซธรรมชาติไว้ที่ 22.3 บาท/กก. ซึ่งเป็นราคาที่ดีกว่า ปตท. จะมาขายให้สาขาอื่นๆ ที่ถูกควบคุมไว้ที่ 10.25 บาท/กก. ปตท. จึงเลือกขายให้กลุ่มปิโตรเคมีก่อน

          ฟังอย่างนี้ก็ดูสมเหตุสมผลทางเศรษฐศาสตร์ดี แต่หากเจาะลึกลงไปถึงโครงสร้างราคา LPG เราก็จะพบว่า กลุ่มปิโตรเคมีนั้นเสียเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพียงแค่ 1.00 บาท/กก ในขณะที่ภาคครัวเรือนต้องจ่าย 1.0384 บาท/กก. ภาคขนส่งต้องจ่าย 4.0758 บาท/กก และภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ ต้องจ่ายถึง 12.258 บาท/กก. เลยทีเดียว

          ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมียังไม่ต้องจ่ายค่าภาษีสรรพสามิต 2.17 บาท/หน่วย ภาษีเทศบาล 0.217 บาท/หน่วย ไม่ต้องจ่ายค่าการตลาดอีก 3.2566 บาท/หน่วย และภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนของการขายปลีกอีกด้วย ในขณะที่กลุ่มผู้ใช้ภาคอื่นๆ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้อย่างครบถ้วน

          เพราะฉะนั้น เมื่อเปรียบเทียบในระหว่างภาคอุตสาหกรรมด้วยกัน กลุ่มปิโตรเคมีจะใช้ LPG ในราคา 24.93 บาท/กก. ส่วนอุตสาหกรรมรายอื่นๆ จะใช้ LPG ในราคา 30.13 บาท/กก. ต่างกันอยู่ถึง 5.2 บาท/กก. อย่างนี้ไม่เรียกว่า ขาใหญ่ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว

          ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่า ปตท.มีบริษัทลูกและบริษัทร่วมทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีมากมาย เฉพาะในปี 2554 ปตท.ก็มีกำไรจากบริษัทในกลุ่มปิโตรเคมีเหล่านี้ถึง 18,688 ล้านบาท

          ขณะเดียวกัน การที่กลุ่มปิโตรเคมีซื้อก๊าซ LPG จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติของปตท. ได้ในราคาที่แพงกว่ารายอื่นๆ ก็ถือเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นของปตท.เช่นกัน และการที่กลุ่มปิโตรเคมีทำเช่นนั้นได้ ก็เพราะรัฐไม่ยอมเรียกเก็บภาษีต่างๆ และเงินกองทุนในอัตราเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับผู้ใช้รายอื่นๆ

http://decharut.blogspot.com/2013/04/lpg-lpg.html                      

 

ดูเพิ่มเติม

https://www.facebook...605419889485777

[Stargate-1]

คุยกับหม่อมกร

https://www.facebook...605419889485777

ถึงผู้รักปตท+กระทรวงพลังงาน

ผมทำหน้าที่เลขาประจำคณะกรรมาธิการตรวจการทุจริต และอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้ตรวจนโยบายพลังงานตั้งแต่ปี 2551 ได้เชิญข้าราชการกระทรวงพลังงานมาชี้แจงหลายครั้ง พบว่าการชี้แจงข้อมูลที่สำคัญไม่ตรงกับรายงานประจำปีหรือเว็ปไซด์ของกระทรวงเอง ซึ่งผิดปกติเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เมื่อสอบข้อมูลจากผู้รับสัมปทานก็ไม่ตรงกับของกระทรวงอีก หลังจากนั้นก็เช็คกฎหมายปิโตรเลียม...พม่าและอินโดนีเซียพบว่ากฎหมายไทยล้าสมัยกว่ามากทำให้ประเทศและประชาชนอาจต้องเสียประโยชน์มหาศาล แต่กระทรวงก็นิ่งเฉยที่จะแก้ไข

คณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าเมื่อพบการกระทำขัดหลักธรรมาภิบาลหรืออาจส่อไปในทางไม่สุจริตในนโยบายพลังงานที่เป็นอยู่ ก็ต้องแจ้งประชาชนทราบเพราะประชาชนเป็นผู้เสียหาย จึงเริ่มมีการ ออกคลิปต่างๆและเป็นที่มาของเพจนี้

หากปตทหรือกระทรวงพลังงานเห็นแย้งก็ควรมาตอบที่คณะกรรมาธิการพร้อมเอกสารหลักฐานที่ยืนยันได้ แต่กระทรวงกลับใช้วิธีพิมพ์เอกสารขึ้นมาใหม่ เช่นเรื่องราคาก๊าซ LPG ที่ปิโตรเคมีซื้อในราคาต่ำเพียง 16 บาทกว่า กระทรวงก็พิมพ์เอกสารขึ้นมาลอยๆว่าปิโตรเคมีจ่ายราคา 24 บาทกว่า ทางคณะกรรมาธิการจึงเชิญกระทรวงมาชี้แจงพร้อมหลักฐาน ข้าราชการมาก็ตอบไม่ได้ หลักฐานยืนยันก็ไม่มี

ส่วนเรื่องสัมปทานไทยที่ล้าสมัย ทางเราได้ขอเอกสารสำเนาสัมปทานขุดเจาะปิโตรเลียมมา 6 เดือนแล้ว ส่งจดหมายเตือนไปหลายครั้งก็ยังไม่ส่งมา ครั้งแรกตอบว่า หยิบไม่ถูก ครั้งที่ 2 ตอบว่าเป็นความลับทางการค้า ครั้งที่ 3 ตอบว่าเอกสารสูญหาย ครั้งที่ 4 ตอบว่ากำลังปรึกษาบริษัทผู้รับสัมปทานว่าให้ได้หรือไม่ ทั้งที่กระทรวงก็รู้ว่าคณะกรรมาธิการมีอำนาจตามพรบ.คำสั่งเรียกที่กระทรวงปฏิเสธไม่ได้ มันแสดงให้เห็นความผิดปรกติเป็นอย่างยิ่ง

ผมเห็นว่า คนที่รักปตท.ด้วยบริสุทธิ์ ก็ขอให้อดใจรอเถอะครับ อย่าได้เข้าก่อกวนเลย คำถามที่คุณถามผมตอบไปหมดแล้ว ผมอยากให้กระทรวง+ปตทมาตอบด้วยเอกสารเพืื่อหักล้างดีกว่า จะได้เป็นหลักฐาน เรื่องนี้จะได้ยุติ เช่น เรื่องส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปขายต่างชาติถูกกว่าขายคนไทย ถ้าไม่จริงก็เอาเอกสารมาแสดงกันเลยเรื่องก็จบ แต่ปตท+กระทรวงกลับนิ่งเฉย

ที่สำคัญกลุ่มทุนพลังงานมักกล่าวหาภาคประชาชนว่าพูดเท็จแต่กลับไม่ฟ้อง ซึ่งผิดวิสัยอย่างมากทั้งที่ควรยึดหลัก ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก ผมก็พร้อมรับผิดชอบในคำพูดครับ แต่ผมเชื่อว่าที่ไม่ฟ้องเพราะกลัวผมจะขอให้เขาแสดงเอกสารตามข้อสังเกตุของคณะอนุกรรมาธิการทั้งหมด นี่คือปํญหาที่เขาไม่อยากเผชิญ!ดูเพิ่มเติม

 

Edited by Stargate-1, 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 14:05.

[Stargate-1]

 

Goosoogong ได้แชร์ลิงก์

13 ชั่วโมงที่แล้ว บริเวณ Bangkok

ร่วมลงชื่อถึงนายกรัฐมนตรี หยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ให้ได้ 100,000 ชื่อ ภา่ยใน 1 เดือน http://goo.gl/ghIkO

 

นายกรัฐมนตรี: หยุดขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม

goo.gl

การขึ้นราคาก๊าซหุงต้มกับประชาชนไม่

 

https://www.facebook.com/Goosoogong

[Stargate-1]

มาเลย์อ้อนซื้อเพิ่ม ก๊าซองค์กรร่วมฯ อ้างความต้องการพุ่ง

ก.พลังงานเตรียมชง ครม.แก้สัญญา มาเลย์ขอซื้อก๊าซธรรมชาติเพิ่ม จากองค์กรร่วมไทย-มาเลย์ อ้างความต้องการในประเทศเพิ่มสูงมาก….
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ส.ค.นี้ กระทรวงพลังงานเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาเรื่อง องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย โดยขอความเห็นชอบในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย และบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC JDA Limited และบริษัท Hess Oil Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัทเปโตรนาสในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ
ขอความเห็นชอบให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 กับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อส.) แล้ว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติ 7 เม.ย. 2541, 14 ก.ย. 2542, 14 ก.ย. 2547, 13 ก.พ. 2550 นั้น 1. บริษัท เปโตรนาสได้มีหนังสือแจ้งองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ว่า ประเทศมาเลเซียมีความต้องการใช้ก๊าซภายในประเทศเพิ่มสูงมาก บริษัทจึงมีความประสงค์ที่จะขอนำก๊าซตามสิทธิ์การขอซื้อของเปโตรนาส จากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย แปลง A-18 ไปใช้ในมาเลเซียเพิ่มขึ้นจำนวน 70 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (ปัจจุบันแปลง A-18 มีการผลิตในอัตรา 850 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และส่งให้เปโตรนาสในอัตรา 421 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) เป็นระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 โดยกลุ่มผู้ขายและกลุ่มผู้ซื้อได้มีการหารือและร่วมกันจัดทำร่างสัญญาแก้ไข เพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2555
2. องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียได้เสนอร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ที่คณะกรรมการองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ได้เห็นชอบแล้วในการประชุมองค์กรร่วมครั้งที่ 97 เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2555 และได้มีการลงนามกำกับย่อ (Initial) โดยคู่สัญญาทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อขอรับความเห็นชอบจากรัฐบาลไทย (พร้อมทั้งนำเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐบาลมาเลเซียด้วยเช่นกัน) ก่อนที่องค์กรร่วมจะได้ลงนามในฐานะผู้ขายก๊าซร่วมต่อไป
3. สรุปสาระสำคัญร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 ได้ดังนี้ วันที่มีผลบังคับใช้ของสัญญา อายุสัญญาเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค. 2555 จนถึงวันสิ้นสุดของสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง A-18 ฉบับลงวันที่ 30 ต.ค. 2542 กลุ่มผู้ขายจะส่งก๊าซส่วนเพิ่มให้กับบริษัท เปโตรนาสในอัตรา 70 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (และส่งเพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หากได้รับการร้องขอจากบริษัท เปโตรนาส) เป็นเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 ปริมาณก๊าซที่ส่งเกินกว่า 869 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันจะมีราคาเพิ่มขึ้น 1.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู (1.62 บาท/กก.)
 

นอกจากนี้ บริษัท เปโตรนาสจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อข้อผูกพันและความรับผิดของกลุ่มผู้ซื้อที่เกิดภายใต้สัญญาฉบับนี้แต่เพียงผู้เดียว พน.โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ส่งร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 นี้ให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาควบคู่กันไปด้วยแล้ว.

2012-08-21 00:01:49
thairath

 

องค์กรเอกชนจี้รัฐบาลสั่ง ปตท.เปิดเผยสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติไทย-พม่า

ข่าวการเมือง สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- อังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ 2556 15:07:14 น.

เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ สภาธรรมาภิบาล สภาเครือข่ายการเมืองภาคพลเมือง ประมาณ 20 คน นำโดยนายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์ สภาเครือข่ายการเมืองภาคพลเมือง เดินทางมายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงรัฐบาล โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรับหนังสือไว้

 

"ความผิดพลาดอยู่ที่สัญญาระหว่างไทย(ปตท.) กับพม่า ซึ่งภาคประชาชนต้องการให้ ปตท.เปิดเผยสัญญาและคนที่จะต้องรับผิดชอบคือ ปตท.กับเจ้าหน้าที่รัฐที่กำหนดนโยบายให้ ปตท.ผูกขาดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ รับหน้าที่ผูกขาดการซื้อขายก๊าซ ทั้งที่ควรยกเลิก การผูกขาดและการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจาก ปตท.เพียงผู้เดียว ควรให้มีการซื้อขายก๊าซอย่างเสรี เพราะเวลามีปัญหาก็จะโยนภาระให้ประชาชนแบกรับ ขณะที่เวลามีกำไรก็นำไปแบ่งเฉพาะผู้ถือหุ้น ถือว่าเอาเปรียบเบียดเบียนประชาชนอีกทั้งประเทศไทย ยังขายก๊าซธรรมชาติของไทยในอ่าวไทยให้แก่มาเลเซียในราคาเพียง 2.60 บาทต่อกิโลกรัม แต่จัดหาในราคาแพงโดยซื้อจากพม่าในราคา 12 บาท ซึ่งถือว่าบริหารราชการแผ่นดินเสียหาย ไม่ชอบธรรม" หนังสือร้องเรียน ระบุ

 

นอกจากนี้ขอให้รัฐบาลยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซหุงต้มที่ผลิตจากก๊าซธรรมชาติในประเทศมีสิทธิใช้ก่อน และการกำหนดราคาให้มีการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อขายคือบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งผลประโยชน์ได้จากทรัพยากรแผ่นดินในประเทศ แต่กลับมีภาคธุรกิจเอกชนเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ ขณะที่ประชาชนทั้งประเทศต้องแบกรับภาระ จึงขอให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีมติให้ภาคปิโตรเคมีต้องจ่ายเงินสมทบกองทุนน้ำมันเท่ากับอุตสาหกรรมอื่น คือ 12 บาท/กิโลกรัม อีกทั้งต้องจ่ายในราคาซื้อเท่าราคานำเข้า เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับต้นทุนของปิโตรเคมีที่ทำกำไรให้เอกชนและ บมจ.ปตท.(PTT)

[Stargate-1]

หลงผิดมานานจากข้อมูลของกลุ่มคนที่ยกตัวว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานอิสระของไทย

http://pantip.com/topic/30517708

 

ดูรายละเอียดจากคลิปเหล่านี้นี้จะยืนยันได้ว่า Abiotic Oil มีจริง ...
http://www.youtube.com/watch?v=ck01KhuQYmE&feature=related

http://www.youtube.com/watch?v=gwUAi0a9Qmg

http://www.youtube.com/watch?v=fnXe-vVSHdo&feature=related

 

http://www.youtube.com/watch?v=-0GGhioQka0

แต่รัสเซีย เขาเชื่อมานานแล้ว ด้วยความเชื่อนี้ เขาจึงขุดลึกลงไปมากๆ จนตอนนี้ ขุดน้ำมันเป็นอันดับต้นๆของโลก
http://www.youtube.com/watch?v=cO5mu3y_b8A

[wutthipong]

ขอร่วมแสดงข้อคิดเห็น 2 ข้อ
1. ถ้าผลิตเองแล้วต้องใช้ราคาเดียวกับซื้อจากต่างประเทศ มาผลิตเองทำไมครับซื้อเขาใช้ไปเลยไม่ดีกว่าหรือครับ ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม เก็บไว้เวลาที่อื่นหมดแล้ว ขายให้แพงเลย 5555
2. ขอร้องพรรค ปชป. ด้วยครับว่ามีความคิดเห็น ข้อเสนอทางใดเกี่ยวกับประเด็นนี้ เพราะเคยเข้าไปมีอำนาจรัฐ ดูแลเรื่องนี้ น่าจะมีข้อมูลเชิงลึก ควรมีข้อมูลฟันธงมาเลยครับว่าฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับ ปตท. ผิด ถูกประการใด เอาเรื่องนี้มาต่อสู้จะได้ใจคนทุกสีนะครับ หรือมีอะไรที่บอกไม่ได้มาปิดปากอยู่

[Stargate-1]

[Stargate-1]

^{เวทีประชาพิจารณ์ขุดน้ำมันกลางอ่าวไทยที่นครฯ ล้มไม่เป็นท่า}

 

^{https://www.facebook.com/thaileak}

^{นี่คือแบบอย่างที่ดีที่สุดเท่าที่เห็นการทำให้ EIA ที่ฉ้อฉลยุติอย่างไร้ข้อกังขา ด้วยการกดดันให้พลังงานจังหวัดประกาศให้เวทีเป็นโมฆะ และบันทึกเทปนี้ไว้เป็นหลักฐาน หากคนไทยทุกพื้นที่ทำเหมือนๆกัน จะมีผลทำให้ อายุสัมปทานช่วงที่2ไม่ได้รับการต่อตามกำหนด เป็นผลให้สัมปทานยุติลงโดยปริยาย ต้องไล่ไปทีละบ่อ ขอให้ทำอย่าได้หยุด เพื่อปกป้องทุกอย่างของเรา ทั้งประมง นิเวศน์ และปิโตรเลียม ให้ลูกหลาน}

 

 

 

[Stargate-1]

มล.กรณ์กสิวัฒน์ อ.สุรวิทย์ เสวนาพลังงาน 25-05-13 .
ณ.ห้องอาหาร เสต็กเฮ้าส์ กลางกรุง ปากซอย9 ถ.นวมินทร์ บางกะปิ กทม.
 

Edited by Stargate-1, 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 11:55.

[Stargate-1]

 

ได้เวลารวมพลครั้งที่ 1 ทัพหน้าท้าชนคนโกงพลังงาน
ศุกร์ 7 มิย 13:00-17:00 เสวนาพลังงานไทย เพื่อคนไทย หรือเพื่อใคร??? จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ

มีวิทยากรที่พวกเราอยากเจอ...มากันตัวเป็นๆ
1. มนูญ ศิริวรรณ โฆษกกระทรวงพลังงาน???
2. อ....เดือนเด่น จากสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย
3. ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตเจ้าของทีพีไอที่โดน...ฮุบไป
4. อ.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ผู้เปลี่ยนผมจากนักธุรกิจที่นึกถึงแต่ผลกำไรกลายมาเป็นคนเพื่อสังคม
5. ผมเอง กรกสิวัฒน์ ครับ
ที่ รร.ตะวันนา สีลม งานใหญ่คนนอกวงเยอะ จึงต้องมาช่วยกันจัดการทุจจริตพลังงานไทยให้อยู่หมัด งานนี้ผมจัดหนัก จัดเต็มแน่นอนครับ

ผมขอเชิญผู้รักชาติทุกท่านช่วยกันบอกต่อครับ งานนี้ฟรี โปรดติดตามการลงทะเบียนทางเพจนี้จะแจ้งสัปดาห์หน้าครับ ถ้ามากันน้อยก็แสดงว่าพวกเรายังไม่พร้อมรบครับ ถ้ามีโอกาสหลังเลิกงาน อยากจะประชุมหาแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การรบในขั้นต่อไปครับ

"ถึงเวลาที่พวกเราจะบอกคนไทยให้รู้ว่า แผ่นดินเป็นของเราทรัพยากรก๊าซและน้ำมันก็เป็นของเรา เราจะปฏิรูปพลังงานไทยเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน"

งานนี้ ผมคงต้องเอาการ์ดทุกทีสีไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องอุ้มพลพรรครักการทุจจริตออกไปนอกวงของเราครับ

สุดท้ายนี้คุณมนูญฝากผู้จัดมาบอกว่า ถ้าชอบคำพูดของแก ขอร้องว่าอย่าโห่นะครับ แกหวั่นไหว!!! (คุณลุงแกก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ ผมต้องฝากขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ แต่ผมต้องขอล่วงเกินผู้อาวุโสเพื่อชาติจริงๆ ก็คนจนๆเขาน่าสงสารกว่าคุณลุงมนูญตั้งเยอะนี่ครับ)

กรกสิวัฒน์

 

 

ไทยรัฐออนไลน์

แฉ! พลังงานไทย เพื่อใครกันแน่

 

 

นักวิชาการระดมกึ๋นเปิดเวที ถก "พลังงานไทย...เพื่อคนไทย...หรือเพื่อใคร?" ชี้ชาติถูกผูกขาดด้านพลังงานจากยักษ์ใหญ่ในขณะที่ประชาชนคือเจ้าของที่แท้จริงกลับได้คืนเพียงความยากจน

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา กล่าวในวงเสวนาประจำปีของเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ หัวข้อ "พลังงานไทย...เพื่อคนไทย...หรือเพื่อใคร?" (เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.) ว่า เมืองไทยต้องขอรัฐสัมปทานน้ำมันไม่ใช่การประมูล แล้วแผนที่การให้สัมปทานน้ำมันถ้าได้เห็นจะมีกระจายทั่วไป ทั้งกำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ฯลฯ ขณะที่คนในพื้นที่ไม่เคยรู้ว่าที่นั่นมีการให้สัมปทาน และที่สำคัญภาครัฐมักจะบอกว่าที่นั่นไม่มีแหล่งน้ำมันแต่ขอขุด จึงเกิดคำถามว่าหากไม่มีน้ำมันทำไมจึงเดินหน้าขุดเจาะกัน

ทั้งนี้ ปริมาณผลิตปิโตรเลียมปี 55 ของประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงพลังงานระบุว่า เดือน ม.ค. มีปริมาณ 846,425 บาร์เรล/วัน ขณะที่แหล่งเจดีเอ ไทย-มาเลเซีย มีประมาณ 140,000 บาร์เรล/วัน  และคอนเดนเสต หรือจำนวนที่่กลั่นเป็นน้ำมันได้ มีทั้งเบนซินและดีเซล ทว่าทางกระทรวงเอาตัวนี้ออกจากสมการทุกสมการ แล้วบอกว่าใช้แล้ว ท้งนี้ ที่อยากรู้คือ มีหรือไม่มี ไม่ใช่นำไปใช้ก่อนแล้วบอกว่าไม่มี

 

 

"วันนี้ไทยผลิตก๊าซแซงโอเปก 8 ประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลกจริง ขณะที่ส่วนแบ่งจากสัมปทานกลับได้น้อยมากเพียงครึ่งเดียว ของประเทศอื่น เทียบจากพม่าได้ 80-90% โบลิเวีย ได้ส่วนแบ่ง 82% คาซัคสถาน ได้ส่วนแบ่ง 80% ถามว่าทำไมเมืองไทยจึงได้ส่วนแบ่งน้อย คำตอบไม่ใช่เพราะค่าใช้จ่ายจากการขุดเจาะแพง แต่เป็นเพราะประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่เอาส่วนแบ่งกำไร หรือส่วนแบ่งผลผลิตเลย และปัญหาอีกอย่างคือ พ.ร.บ. ปี 2532 ที่ทำขึ้นสมัยน้ำมันดิบ 18 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันน้ำมันดิบปรับขึ้นกว่า 100 เหรียญ/บาร์เรล ราคาแตกต่างกัน ทว่าเรายังใช้ พ.ร.บ.ฉบับเดิมไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.ให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ บ.น้ำมันได้ Windfall Profit ทั้งที่เงินเหล่านี้ควรจะกลับมาเป็นการศึกษา, รักษาพยาบาลที่ดีให้กับประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรอย่างแท้จริง"

"ภาครัฐต้องระบุให้ชัดเจนว่าปริมาณพลังงานที่คนไทยใช้นั้นเท่าไหร่ ไม่ใช่เหมารวมเพื่อที่จะนำเข้ามาแล้วส่งออกแล้วนับเป็นว่าคนไทยใช้ไม่ได้ ซึ่งการให้ข้อมูลแบบนี้ถืเป็นการเบี่ยงเบนความจริง ซึ่งสิ่งที่ภาครัฐไม่ได้บอกว่าทำไมต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 8 แสนบาร์เรล/วัน เพราะ 1.ทดแทนการส่งออกน้ำมันดิบ 41,000 บาร์เรล/วัน 2.กลั่นแล้วส่งออกต่างประเทศ 259,000 บาร์เรล/วัน และ 3. ทดแทนที่ปิโตรเคมี นำคอนเดนเสท ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (กลั่นเป็นเบนซิน+ดีเซลได้) และแอลพีจี นำไปเป็นวัตถุดิบทำพลาสติก+เคมีภัณฑ์ 185,000 บาร์เรล/วัน สรุป ว่าการนำเข้าส่วนใหญ่นำมาใช้เพื่อกลุ่มพลังงานนั่นเอง"

"วันนี้ถึงเวลาต้องมีการเปลี่ยนแปลงคนไทยคือเจ้าของบ่อน้ำมันกันทุกคนผมไม่ต่อต้านบริษัทพลังงานไม่ให้มีกำไร  แต่อยากให้บริษัทพลังงานมีกำไรตามสมควร และประชาชนได้ส่วนแบ่งที่เป็นธรรมมากกว่านี้ไม่ใช่บริษัทพลังงานได้กำไรเป็นแสนๆ ล้าน ขณะที่คนไทยยังมีความเป็นอยู่ยากจนอยู่เหมือนเดิม" ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า เหตุที่ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นที่ไทยต้องอิงราคาสิงคโปร์เพราะตลาดซื้อขายที่สิงคโปร์เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยนั้นไทยผลิตก๊าซธรรมชาติได้เป็นอันดับที่ 24 ของโลก คิดเป็นปริมาณเท่ากับ 1.1% ของการผลิตก๊าซทั้งโลก ในขณะที่ที่สหรัฐฯ ผลิตได้ 19.3% และรัสเซียผลิตได้ 18.4% แต่เราใช้ก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก และเป็นผู้นำเข้าก๊าซฯเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ส่วนโครงสร้างราคาน้ำมันจะเห็นว่าภาษีที่จัดเก็บมีซ้ำซ้อนทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม กองทุนน้ำมัน กองทุนอนุรักษ์พลังงาน สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนราคาน้ำมันบ้านเรา  แต่สาเหตุที่ราคาน้ำมันแพง มาจากคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ในไทยเป็นน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 คือมี คุณภาพดี

"ส่วนการผูกขาดของบริษัทพลังงาน โดยเแพาะการผูกขาดเรื่องท่อส่งก๊าซธรรมชาติ แต่การผูกขาดนี้มีมาตั้งแต่สมัยที่บริษัทยังเป็นรัฐวิสาหกิิจ แต่หลังจากแปรรูปเป็นบริษัทเอกชนแล้ว ก็มีความพยายามที่จะผูกขาดโดยเแพาะเรื่องการนำเข้า แต่ในเรื่องของธุรกิจดรงกลั่นน้ำมัน ยังมีความเข้าใจว่าบริษัทพลังงานไปผูกขาดไว้เองถึง 5-6 แห่ง ทั้งนี้อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยดูได้ว่าบริษัทพลังงานมีอำนาจในการบริหารอยู่กี่แห่ง ก็จะพบว่าบริษัทพลังงานมีอำนาจในการบริหารเพียง 3 แห่งเท่านั้น"

ด้าน ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผอ.การวิจัย ด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ฝ่ายการวิจัยแผนงานเศรษฐกิจรายสาขา มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า นโยบายพลังงานของประเทศไทยมุ่งรักษาผลประโยชน์ของบริษัทพลังงานมากกว่าของประชาชน และของประเทศ ทำให้เกิดการผูกขาดธุรกิจพลังงานรายใหญ่ อีกทั้งหน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่มีความเป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง จึงตอบสนองโยบายรัฐมากกว่าการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้บริษัทพลังงานใหญ่เกินไปที่ใครจะแตะต้องได้ (รายได้ของบริษัทพลังงาน รวมทั้งในเครือเท่ากับร้อยละ 45.6 ของรายได้บริษัทจดทะเบียนทั้งหมด) ซึ่งทั้งหมดนี้พลังประชาชนเท่านั้นที่จะสามารถยับยั้งการครอบงำเศรษฐกิจของเครือข่ายยักษ์ใหญ่ทางพลังงานนี้ได้

[ริวมะคุง]

ปตท มีหน้าที่จัดสรรแหล่งพลังงานในประเทศ องค์กรนี้แสวงหาประโยชน์จากการเซนต์สัญญาพื้นที่พลังงาน

 

สูตรการกินประเทศพื้นฐาน หากินกับสัปทานง่ายสุด กินง่ายไร้หลักฐาน

 

นึกภาพไม่ออกให้มอง ขสมก เมืองกรุง 

Edited by ริวมะคุง, 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 12:27.

[กรกช]

ปตท.โกหก ปลิ้นปล้อน ตอแหลสุดๆ

 

ปากก็บอกเราไม่พอใช้ ต้องนำเข้า แต่กลับมีส่งออก

พอตั้งคำถาม บรรดากองเชียร์ ปตท.ก็อ้างว่า ส่งออกเพราะกลั่นได้เกินความต้องการ

 

พอแย้งว่า ก็เราไม่พอใช้ ผลิตได้เหลือก็ต้องเก็บไว้ให้คนไทยใช้สิ จะส่งออกไปทำไม

ก็อ้างว่า การเก็บมันมีค่าใช้จ่ายมาก วุ่นวาย และน้ำมันเก็บไว้นานๆมันจะเสีย

 

ผมก็สงสัยว่า วันนี้บริษัทน้ำมันต่างๆทั่วไป รวมถึง ปตท. ไม่มีคลังเก็บน้ำมันหรือ ? แล้วมาอ้างอย่างนั้นได้อย่างไร ?

 

ตอแหลจริงๆ

 

อีกเหตุผลจากพวกกองเชียร์ ปตท.ก็คือ จำเป็นต้องส่งออก เพราะต้องนำรายได้มาซื้อน้ำมันดิบมากลั่น

ผมก็สงสัยอีกว่า แล้วการเก็บไว้ขายให้คนไทยไม่มีรายได้หรือ ?

 

ส่งออกไม่เสียภาษี ขายให้คนไทยได้บวกค่าภาษี กำไรมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทำไมคิดกันไม่ได้ ?

ก็แค่ไม่ต้องส่งออก แล้วลดราคาในการขายให้คนไทยบ้าง แค่นี้ก็สมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย

แต่เรื่องง่ายๆแบบนี้ยังไม่มีปัญญาคิด คนเขาถึงมองว่าปตท.ขี้โกง

 

ประเด็นนี้ผมมองว่า โรคน้ำมันไหลย้อนแน่นอน คืออ้างว่าส่งออก แต่ย้อนเอากลับมาขายในประเทศ

ได้ส่วนต่างจากภาษีลิตรละ 20 ฟันกำไรกันเละ

[Stargate-1]

 

 

ได้เวลารวมพลครั้งที่ 1 ทัพหน้าท้าชนคนโกงพลังงาน
ศุกร์ 7 มิย 13:00-17:00 เสวนาพลังงานไทย เพื่อคนไทย หรือเพื่อใคร??? จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ

มีวิทยากรที่พวกเราอยากเจอ...มากันตัวเป็นๆ
1. มนูญ ศิริวรรณ โฆษกกระทรวงพลังงาน???
2. อ....เดือนเด่น จากสถาบันวิจัยเพื่อพัฒนาประเทศไทย
3. ประชัย เลี่ยวไพรัตน์ อดีตเจ้าของทีพีไอที่โดน...ฮุบไป
4. อ.ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ ผู้เปลี่ยนผมจากนักธุรกิจที่นึกถึงแต่ผลกำไรกลายมาเป็นคนเพื่อสังคม
5. ผมเอง กรกสิวัฒน์ ครับ
ที่ รร.ตะวันนา สีลม งานใหญ่คนนอกวงเยอะ จึงต้องมาช่วยกันจัดการทุจจริตพลังงานไทยให้อยู่หมัด งานนี้ผมจัดหนัก จัดเต็มแน่นอนครับ

ผมขอเชิญผู้รักชาติทุกท่านช่วยกันบอกต่อครับ งานนี้ฟรี โปรดติดตามการลงทะเบียนทางเพจนี้จะแจ้งสัปดาห์หน้าครับ ถ้ามากันน้อยก็แสดงว่าพวกเรายังไม่พร้อมรบครับ ถ้ามีโอกาสหลังเลิกงาน อยากจะประชุมหาแนวทางกำหนดยุทธศาสตร์การรบในขั้นต่อไปครับ

"ถึงเวลาที่พวกเราจะบอกคนไทยให้รู้ว่า แผ่นดินเป็นของเราทรัพยากรก๊าซและน้ำมันก็เป็นของเรา เราจะปฏิรูปพลังงานไทยเพื่อประโยชน์สุขของคนไทยทุกคน"

งานนี้ ผมคงต้องเอาการ์ดทุกทีสีไปด้วย เผื่อจำเป็นต้องอุ้มพลพรรครักการทุจจริตออกไปนอกวงของเราครับ

สุดท้ายนี้คุณมนูญฝากผู้จัดมาบอกว่า ถ้าชอบคำพูดของแก ขอร้องว่าอย่าโห่นะครับ แกหวั่นไหว!!! (คุณลุงแกก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ ผมต้องฝากขอโทษคุณลุงด้วยนะครับ แต่ผมต้องขอล่วงเกินผู้อาวุโสเพื่อชาติจริงๆ ก็คนจนๆเขาน่าสงสารกว่าคุณลุงมนูญตั้งเยอะนี่ครับ)

กรกสิวัฒน์

 

 

ไทยรัฐออนไลน์

แฉ! พลังงานไทย เพื่อใครกันแน่

 

 

นักวิชาการระดมกึ๋นเปิดเวที ถก "พลังงานไทย...เพื่อคนไทย...หรือเพื่อใคร?" ชี้ชาติถูกผูกขาดด้านพลังงานจากยักษ์ใหญ่ในขณะที่ประชาชนคือเจ้าของที่แท้จริงกลับได้คืนเพียงความยากจน

เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา กล่าวในวงเสวนาประจำปีของเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ หัวข้อ "พลังงานไทย...เพื่อคนไทย...หรือเพื่อใคร?" (เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.) ว่า เมืองไทยต้องขอรัฐสัมปทานน้ำมันไม่ใช่การประมูล แล้วแผนที่การให้สัมปทานน้ำมันถ้าได้เห็นจะมีกระจายทั่วไป ทั้งกำแพงเพชร สุโขทัย พิษณุโลก อุตรดิตถ์ ฯลฯ ขณะที่คนในพื้นที่ไม่เคยรู้ว่าที่นั่นมีการให้สัมปทาน และที่สำคัญภาครัฐมักจะบอกว่าที่นั่นไม่มีแหล่งน้ำมันแต่ขอขุด จึงเกิดคำถามว่าหากไม่มีน้ำมันทำไมจึงเดินหน้าขุดเจาะกัน

ทั้งนี้ ปริมาณผลิตปิโตรเลียมปี 55 ของประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงพลังงานระบุว่า เดือน ม.ค. มีปริมาณ 846,425 บาร์เรล/วัน ขณะที่แหล่งเจดีเอ ไทย-มาเลเซีย มีประมาณ 140,000 บาร์เรล/วัน  และคอนเดนเสต หรือจำนวนที่่กลั่นเป็นน้ำมันได้ มีทั้งเบนซินและดีเซล ทว่าทางกระทรวงเอาตัวนี้ออกจากสมการทุกสมการ แล้วบอกว่าใช้แล้ว ท้งนี้ ที่อยากรู้คือ มีหรือไม่มี ไม่ใช่นำไปใช้ก่อนแล้วบอกว่าไม่มี

 

 

"วันนี้ไทยผลิตก๊าซแซงโอเปก 8 ประเทศ และอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลกจริง ขณะที่ส่วนแบ่งจากสัมปทานกลับได้น้อยมากเพียงครึ่งเดียว ของประเทศอื่น เทียบจากพม่าได้ 80-90% โบลิเวีย ได้ส่วนแบ่ง 82% คาซัคสถาน ได้ส่วนแบ่ง 80% ถามว่าทำไมเมืองไทยจึงได้ส่วนแบ่งน้อย คำตอบไม่ใช่เพราะค่าใช้จ่ายจากการขุดเจาะแพง แต่เป็นเพราะประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ไม่เอาส่วนแบ่งกำไร หรือส่วนแบ่งผลผลิตเลย และปัญหาอีกอย่างคือ พ.ร.บ. ปี 2532 ที่ทำขึ้นสมัยน้ำมันดิบ 18 เหรียญ/บาร์เรล ขณะที่ปัจจุบันน้ำมันดิบปรับขึ้นกว่า 100 เหรียญ/บาร์เรล ราคาแตกต่างกัน ทว่าเรายังใช้ พ.ร.บ.ฉบับเดิมไม่มีการแก้ไข พ.ร.บ.ให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ บ.น้ำมันได้ Windfall Profit ทั้งที่เงินเหล่านี้ควรจะกลับมาเป็นการศึกษา, รักษาพยาบาลที่ดีให้กับประชาชนที่เป็นเจ้าของทรัพยากรอย่างแท้จริง"

"ภาครัฐต้องระบุให้ชัดเจนว่าปริมาณพลังงานที่คนไทยใช้นั้นเท่าไหร่ ไม่ใช่เหมารวมเพื่อที่จะนำเข้ามาแล้วส่งออกแล้วนับเป็นว่าคนไทยใช้ไม่ได้ ซึ่งการให้ข้อมูลแบบนี้ถืเป็นการเบี่ยงเบนความจริง ซึ่งสิ่งที่ภาครัฐไม่ได้บอกว่าทำไมต้องนำเข้าน้ำมันดิบ 8 แสนบาร์เรล/วัน เพราะ 1.ทดแทนการส่งออกน้ำมันดิบ 41,000 บาร์เรล/วัน 2.กลั่นแล้วส่งออกต่างประเทศ 259,000 บาร์เรล/วัน และ 3. ทดแทนที่ปิโตรเคมี นำคอนเดนเสท ก๊าซโซลีนธรรมชาติ (กลั่นเป็นเบนซิน+ดีเซลได้) และแอลพีจี นำไปเป็นวัตถุดิบทำพลาสติก+เคมีภัณฑ์ 185,000 บาร์เรล/วัน สรุป ว่าการนำเข้าส่วนใหญ่นำมาใช้เพื่อกลุ่มพลังงานนั่นเอง"

"วันนี้ถึงเวลาต้องมีการเปลี่ยนแปลงคนไทยคือเจ้าของบ่อน้ำมันกันทุกคนผมไม่ต่อต้านบริษัทพลังงานไม่ให้มีกำไร  แต่อยากให้บริษัทพลังงานมีกำไรตามสมควร และประชาชนได้ส่วนแบ่งที่เป็นธรรมมากกว่านี้ไม่ใช่บริษัทพลังงานได้กำไรเป็นแสนๆ ล้าน ขณะที่คนไทยยังมีความเป็นอยู่ยากจนอยู่เหมือนเดิม" ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ขณะที่ นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า เหตุที่ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นที่ไทยต้องอิงราคาสิงคโปร์เพราะตลาดซื้อขายที่สิงคโปร์เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และอยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุด สำหรับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องก๊าซธรรมชาติในประเทศไทยนั้นไทยผลิตก๊าซธรรมชาติได้เป็นอันดับที่ 24 ของโลก คิดเป็นปริมาณเท่ากับ 1.1% ของการผลิตก๊าซทั้งโลก ในขณะที่ที่สหรัฐฯ ผลิตได้ 19.3% และรัสเซียผลิตได้ 18.4% แต่เราใช้ก๊าซธรรมชาติมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก และเป็นผู้นำเข้าก๊าซฯเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ส่วนโครงสร้างราคาน้ำมันจะเห็นว่าภาษีที่จัดเก็บมีซ้ำซ้อนทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล ภาษีมูลค่าเพิ่ม กองทุนน้ำมัน กองทุนอนุรักษ์พลังงาน สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนราคาน้ำมันบ้านเรา  แต่สาเหตุที่ราคาน้ำมันแพง มาจากคุณภาพของน้ำมันที่ใช้ในไทยเป็นน้ำมันมาตรฐานยูโร 4 คือมี คุณภาพดี

"ส่วนการผูกขาดของบริษัทพลังงาน โดยเแพาะการผูกขาดเรื่องท่อส่งก๊าซธรรมชาติ แต่การผูกขาดนี้มีมาตั้งแต่สมัยที่บริษัทยังเป็นรัฐวิสาหกิิจ แต่หลังจากแปรรูปเป็นบริษัทเอกชนแล้ว ก็มีความพยายามที่จะผูกขาดโดยเแพาะเรื่องการนำเข้า แต่ในเรื่องของธุรกิจดรงกลั่นน้ำมัน ยังมีความเข้าใจว่าบริษัทพลังงานไปผูกขาดไว้เองถึง 5-6 แห่ง ทั้งนี้อาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยดูได้ว่าบริษัทพลังงานมีอำนาจในการบริหารอยู่กี่แห่ง ก็จะพบว่าบริษัทพลังงานมีอำนาจในการบริหารเพียง 3 แห่งเท่านั้น"

ด้าน ดร.เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ ผอ.การวิจัย ด้านการบริหารจัดการระบบเศรษฐกิจ ฝ่ายการวิจัยแผนงานเศรษฐกิจรายสาขา มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า นโยบายพลังงานของประเทศไทยมุ่งรักษาผลประโยชน์ของบริษัทพลังงานมากกว่าของประชาชน และของประเทศ ทำให้เกิดการผูกขาดธุรกิจพลังงานรายใหญ่ อีกทั้งหน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่มีความเป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง จึงตอบสนองโยบายรัฐมากกว่าการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน นอกจากนี้บริษัทพลังงานใหญ่เกินไปที่ใครจะแตะต้องได้ (รายได้ของบริษัทพลังงาน รวมทั้งในเครือเท่ากับร้อยละ 45.6 ของรายได้บริษัทจดทะเบียนทั้งหมด) ซึ่งทั้งหมดนี้พลังประชาชนเท่านั้นที่จะสามารถยับยั้งการครอบงำเศรษฐกิจของเครือข่ายยักษ์ใหญ่ทางพลังงานนี้ได้

 

 

ฟังตอนนี้เลยที่ ASTV

หรือ

เทปงานเสวนา ทางช่อง ASTV วันจันทร์ ที่ 10 นี้ รายการคนเคาะข่าว
... ทางช่อง RSU WISDOM TV ของม.รังสิต ออกอากาศ วันเสาร์ ที่15 มิย. เวลา 18.00-19.00 น.
วันอาทิตย์ ที่ 16 มิย. เวลา 20.00-21.00 น.
รีรันวันอังคาร ที่ 18 มิย. เวลา 12.00 -13.00 น. และวันพฤหัส ที่ 20 มิย. เวลา 17.00 -18.00 น. ติดตามกันได้ครับ

[Stargate-1]

รายการเสวนาพลังงานไทย เพื่อคนไทย หรือเพื่อใคร??? จัดโดยคณะเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ ศุกร์ 7 มิย 13:00-17:00

ดูรายการ"คนเคาะข่าว" 2013/06/10 ย้อนหลัง ได้ทาง http://www.manager.co.th/vdo/

 

ของคุณประชัย ต้องคอยดู YouTube รายการ"หยุดโกงชาติ ร่วมต้านคอรัปชั่น" ย้อนหลังครับ ดูได้ที่

https://www.facebook...279707148817669

Edited by Stargate-1, 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 21:41.

[Stargate-1]

 

 

[bangkaa]

ปตท.โกหก ปลิ้นปล้อน ตอแหลสุดๆ

 

ปากก็บอกเราไม่พอใช้ ต้องนำเข้า แต่กลับมีส่งออก

พอตั้งคำถาม บรรดากองเชียร์ ปตท.ก็อ้างว่า ส่งออกเพราะกลั่นได้เกินความต้องการ

 

พอแย้งว่า ก็เราไม่พอใช้ ผลิตได้เหลือก็ต้องเก็บไว้ให้คนไทยใช้สิ จะส่งออกไปทำไม

ก็อ้างว่า การเก็บมันมีค่าใช้จ่ายมาก วุ่นวาย และน้ำมันเก็บไว้นานๆมันจะเสีย

 

ผมก็สงสัยว่า วันนี้บริษัทน้ำมันต่างๆทั่วไป รวมถึง ปตท. ไม่มีคลังเก็บน้ำมันหรือ ? แล้วมาอ้างอย่างนั้นได้อย่างไร ?

 

ตอแหลจริงๆ

 

อีกเหตุผลจากพวกกองเชียร์ ปตท.ก็คือ จำเป็นต้องส่งออก เพราะต้องนำรายได้มาซื้อน้ำมันดิบมากลั่น

ผมก็สงสัยอีกว่า แล้วการเก็บไว้ขายให้คนไทยไม่มีรายได้หรือ ?

 

ส่งออกไม่เสียภาษี ขายให้คนไทยได้บวกค่าภาษี กำไรมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทำไมคิดกันไม่ได้ ?

ก็แค่ไม่ต้องส่งออก แล้วลดราคาในการขายให้คนไทยบ้าง แค่นี้ก็สมประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย

แต่เรื่องง่ายๆแบบนี้ยังไม่มีปัญญาคิด คนเขาถึงมองว่าปตท.ขี้โกง

 

ประเด็นนี้ผมมองว่า โรคน้ำมันไหลย้อนแน่นอน คืออ้างว่าส่งออก แต่ย้อนเอากลับมาขายในประเทศ

ได้ส่วนต่างจากภาษีลิตรละ 20 ฟันกำไรกันเละ

 

 

ที่บ้านเมืองเราก้าวไม่พ้นบ่วงทุกวันนี้ ก็เพราะ กองเชียร์หน้ามืดนี่ล่ะครับ

 

ส่วนมากจะเป็น พวกที่มีผลประโยชน์โดยตรง

กรณีพลังงาน ก็อย่างเช่น พวกที่อยู่ในเครือ ปตท... หรือ พวกที่อยู่หน่วยงานราชการ

อีกพวกก็ ถูกพวกนักธุรกิจการเมืองปั่นหัว (เหมือนพวกแฟนคลับนั่นล่ะ)

พวกนี้ มักมี อคติที่จะปกป้องพรรคพวกตนเอง มากกว่ามองเหตุผลในอีกด้าน 

 

พวกเขามักบอกว่า ก็ประเทศเราไม่ได้ร่ำรวยพลังงานมากมาย

การใช้ พลังงานราคาแพงจึงสมเหตุสมผลแล้ว

 

คือ ประเด็นใช้พลังงานราคาสูงเนี่ย ส่วนตัวผม ไม่ได้ติดใจอะไรมากนะครับ

เราไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานราคาต่ำ

แต่เราต้องใช้ในราคาที่เป็นธรรม

หากเราจะใช้ในราคาที่สูงเป็นพิเศษกว่าราคาที่เป็นธรรมในระดับส่วนเกินที่เหมาะสม ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะเราจะได้ไม่ฟุ่มเฟือยกัน

 

 

 

แต่ประเด็นที่ผมอย่างให้ใส่ใจคือ

ทรัพยากรที่เป็นของประเทศเรา ทำไมจึงเอามาจัดสรรแล้วส่วนรวมได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ผลประโยชน์มันไปเข้ากระเป๋าบางคนมากกว่า

ปัญหาคือ ตรงนี้ ที่เราควรจะแก้ไข

[Stargate-1]

 

แก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลี่ยม ภาคประชาชน จะทำให้ประเทศโชติช่วงชัชวาล อย่างแท้จริง

[Stargate-1]

 

เวทีรับฟังความคิดเห็นต่อผลการศึกษาเปรียบ­เทียบระบบสัมปทานปิโตรเลียมในอนาคต เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2556 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ

 

 

เพื่อปูทาง การให้สัมปทานรอบใหม่ภายในปีนี้ ตามคำสั่งที่ให้ เพ้งทำให้ได้

Edited by Stargate-1, 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 - 20:59.