ท่วมที่อยุธยาครับ ปักหลักที่นี่มาตลอด 3 เดือนกว่าที่ท่วม
เพราะห่วงหลายๆชีวิตที่อยู่ร่วมกัน ชีวิตช่วงแรกของการน้ำท่วม
ถือว่าไม่เลวนัก สำหรับคนที่เจออะไรมาเยอะในชีวิตเช่นผม
แรกก็มีเสบียงข้าวสาร อาหารแห้ง และอาศัยจับปลาเอา
เป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่ใกล้ๆกับที่ผมอยู่
มีฟาร์มสัตว์น้ำของซีพี สัตว์น้ำทุกชนิดของฟาร์มจึงหลุดมาให้จับ
อย่างไม่ยากหนัก แต่สิ่งที่ลำบากใจและบีบหัวใจที่สุด
คือ "เราและคนอีกกว่าร้อยชีวิตจะเดินไปทางไหนต่อ"
ผมนอนไม่หลับในคืนแรกที่ท่วม ผมยังจำได้ดี
เหตุที่นอนไม่หลับ เพราะไม่รู้จะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกไหม
ระดับน้ำจะขึ้นสูงกว่านี้อีกหรือไม่ น้ำดื่มจะพอดื่มพอหุงต้มหรือไม่
จะช่วยคนที่อยู่กับเราร้อยกว่าชีวิตอย่างไร
เพราะทุกคนอยู่ช่วยเรามาโดยตลอดตั้งแต่กั้นกระสอบทราย
ขุดดิน ทำเขื่อน จนถึงวัน "เอาไม่อยู่" พยายามข่มตาหลับลงในคืนแรก
จนถึงเวลาราว 6 โมงเช้า น้ำได้ทะลักข้ามคันดินที่สร้างไว้ราวๆ 2 เมตรครึ่งมาได้
และทำลายทุกอย่างต่อหน้าต่อตา ทำได้อย่างเดียวได้แต่มองน้ำที่มันทะลัก
ใช้เวลาไม่ถึง 9 โมงเช้าพื้นที่ที่ผมอาศัยอยู่เป็น "ทะเลสาปโดยสมบูรณ์"
ยกเว้นจุดที่ตั้งออฟฟิศและสำนักงานเป็น "เกาะโดยสมบูรณ์"
พอตั้งสติได้ก็เริ่มวางแผนต่อไปจะช่วยคนอีกร้อยกว่าคนเช่นไร
เริ่มยกหูโทรหาเพื่อทหารที่รู้จักขอรถทหารลุยน้ำเข้ามารับคน
นัดเวลาเสร็จ เรียกประชุมคนทั้งหมดเพื่อแจ้งสถานการณ์
และใครมีบ้านให้กลับให้กลับไปก่อน เงินเดือนจ่ายตามปกติ
ไม่ต้องกังวล ใครที่อยากอยู่ต่อก็อยู่ได้ ถ้าใครมีเหตุจำเป็น
สรุปในวันแรกมีคนกลับบ้านจำนวนมาก เหลือคนที่เหลืออยู่
70 คน โชคยังดีที่การไฟฟ้ายกหม้อไฟขึ้นสูงเลยยังพอมีไฟฟ้าได้ใช้
ตลอดระยะเวลาที่น้ำท่วม แต่น้ำประปาไม่มีแล้ว
น้ำดื่มมีจำกัด เรือก็ยังไม่มี ให้ออกหาซื้อไปทั่วก็ปรากฎว่าเรือถูกกว้านซื้อหมด
โดยใครไม่ทราบ (พอมาทราบภายหลังก็เจ็บใจเหมือนกัน)
ต้องรบกวนเพื่อนทหารท่านเดิมให้ช่วยอีกครั้ง เพื่อนก็ยังมีน้ำใจช่วย
ทั้งๆที่ภารกิจทหารตอนนั้นมากมายเหลือเกินในการช่วยประชาชน
เพื่อนให้เรือยนต์ขนาดใหญ่มาหนึ่งลำ พร้อมทหารสองท่านที่ขับเรือ
ของหน่วยทหารพัฒนา ผมตกลงกับเพื่อนว่าขอให้ทหารสองท่าน
ช่วยสอนคนของผมขับเรือได้ก็พอ จะได้มีทหารไว้ช่วยคนที่เดือดร้อนต่อไป
ปัญหาต่อมา "น้ำดื่ม" ปัญหาหนักพอสมควร ผมเลยขอความร่วมมือ
คนที่อยู่ให้ "งดใช้น้ำในการประกอบอาหาร" อาหารส่วนใหญ่ที่ทานกัน
จึงเป็นปลาเผา มาม่าผัดแห้ง แม้กระทั่งอาหารสำเร็จจากซีพี
ที่เพื่อนส่งมาให้หลายลัง (แอบนินทานิดนึงว่ารสชาติห่วยมาก จนไม่มีใครกิน)
ที่นี้มาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้มีน้ำดื่ม หาซื้อก็ไม่ได้ น้ำที่มีก็เหลือน้อย
แต่ได้ข่าวว่า โรงงานสิงห์ โรงงานช้าง ทำน้ำดื่มแจกฟรี
แต่ให้ไปรับที่มหาจุฬาลงกรณ์ ราชวิทยาลัย (วิทยาลัยสงฆ์)
ขับเรือกันไปเลยครับที่นี้ ภาพที่เห็นระหว่างทางที่ขับเรือผ่านป่าฝ่าดง
คือ "คนไร้ที่อยู่" ต้องอาศัยสะพานข้ามคลองต่างๆอยู่
พอขับมาเรื่อยๆจนถึงจุดหมายคนเยอะมาก อพยพกันมาอยู่ที่นี่
ภาพที่ไม่เคยเห็นก็ได้เคยเห็น พระสงฆ์ใส่เสื้อชูชีพมือหนึ่งถือโทรโข่ง
มือหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร คอยโบกรถบรรทุกที่ผ่านไปมาบนถนนพหลโยธิน
เพื่อช่วยเหลือผู้คน ทหารขนข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม เข้ามาเป็นระยะๆ
ทีแรกเข้าใจว่าขนมาจาก ศปภ.ดอนเมือง พอสอบถามทหาร
กลับได้คำตอบว่า "ขนมาจากพระราชวังสวนจิตรลดา
ในหลวงท่านพระราชทานมาตลอด" ได้ยินถึงกับน้ำตาซึม จนลืมตัวไป
ว่าต้องไปขอบริจาคน้ำดื่มกับเขาเช่นกัน เข้าไปที่ตึกอำนวยการ
เจอบรรดาพระสงฆ์ใส่เสื้อชูชีพ ทำหน้าที่ธุรการ เจอผมแล้วท่านก็ถามทันทีว่า
โยมต้องการอะไรบ้าง ผมตอบแบบไม่ลังเล "น้ำดื่ม" อย่างเดียวครับ
โยมอยู่กันกี่คน "อยู่กันร้อยกว่าคนครับ (ครั้งแรกที่โกหกพระนะครับ)"
ถ้างั้นโยมขนน้ำไปได้เลยพระท่านชี้ไปที่ภูเขาน้ำดื่มจำนวนมหาศาล
ที่ตั้งรอคนไปขนอยู่ คนส่วนใหญ่สนใจไปที่ถุงยังชีพกับอาหารมากกว่า
แต่ของผมไม่เดือดร้อนเรื่องอาหารจึงรบกวนแต่น้ำดื่มดูจะเหมาะกว่า
ขนเต็มลำเรือครับ เพียงพอสำหรับสามวันแน่ๆ
เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อว่าในขณะพระสงฆ์ที่นี่กำลังช่วยผู้คนอยู่นั้น
กลับกันมีพระสงฆ์บางวัดที่เป็นนิกายใหญ่โตยกพวกมาสร้างคันกันน้ำหน้าหมู่บ้าน
เขา
Edited by โจโฉ นายกตลอดกาล, 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 06:47.