"สุกำพล" ยันเอกสารทหารที่ "มาร์ค" ถือของปลอม-"ศิริโชค" โต้แทนไม่ได้หนีทหารเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่ทางกระทรวงกลาโหมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการใช้เอกาสาร ทางทหารของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกร้องการใช้เอกสารหลักฐานปลอม ในการสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ ว่า ทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ทำหนังสื่อถึงกระทรวงกลาโหม เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนมาถึงกรณีการใช้เอกสารทางราชการปลอมในการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ จึงขอหลักฐานทางกระทรวงกลาโหม ให้ส่งภายใน 30 วัน ตนก็ได้จัดส่งไปให้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ก็ครบ 30 วันพอดี เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆไปให้ ไม่ใช้ความรู้สึกนึกคิดแต่อย่างใด แล้วก็ส่งไปทางผู้ตรวจการแผ่นดินตามเวลาที่กำหนดไว้
เมื่อถามว่า เอกสารดังกล่าวถือว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนีทหารใช้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เอกสารก็บอกไว้ เอกสารค่อนข้างจะชัดเจน ว่าเรื่องนี้ มีการหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหาร ในยุคที่ท่านเกณฑ์ทหาร แต่เรื่องมันก็นานมาแล้ว
เมื่อถามว่า แสดงว่าเอกสารไม่ถูกต้อง นายอภิสิทธิ์ หนีทหารโดยมีเจตนาใช้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เจตนาหรือไม่ต้องไปถามคุณอภิสิทธิ์ แต่เอกสารมันบอกมาอย่างนั้น ถามต่อว่า เป็นการตราบาปนายอภิสิทธิ์ ว่าเป็นผู้นำฝ่ายค้านที่หนีทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรามีหน้าที่เพียงรวบรวมเอกสารส่งผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วต่อไปเป็นหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน จะดำเนินการต่อไป
เมื่อถามว่าทางผลทางด้านคดี จะมีอะไรหรือไม่ เพราะคดีเกิน 20 ปีมาแล้วก็ไม่มีอะไร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนก็ให้กรมพระธรรมนูญ ไปดูว่าเป็นอย่าง เพราะทางเรามั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น และต้องมาดูว่าจะต้องทำกันอย่างไรต่อไปว่าจะทำอะไรได้บ้าง แต่ถ้าไม่ทำเดียวก็โดนว่าอีก
เมื่อถามว่าอาจเป็นการมองว่าจะเป็นการเช็คบิลทางการเมืองหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนไม่ใช้อยู่ดีๆแล้วทำขึ้นมา มันมีเหตุ แล้วผู้ตรวจยการแผ่นดินทำหนังสื่อมาให้ตนส่งเอกสารหลักฐานไปให้ ตนไม่ส่งไปก็ไม่ได้ ตนต้องส่งเอกสารตามข้อเท็จจริง ไม่ใช้เป็นความคิดเห็นหรือความนึกคิด
เมื่อถามว่าเหตุนี้จะนำไปสู่การโมษะ ของการเป็นทหาร หรือการเป็นสส.หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวงว่า อันนี้เป็นเรื่องต่อไป เราต้องดูขอบเขตของกลาโหมว่าอยู่แค่ไหน หากเป็นเรื่องของการเมืองก็ให้เป็นเรื่องของการเมืองไป เมื่อถามต่อว่าการที่ไปเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนนายร้อยฯ ถือว่าผ่านเกฑณ์แล้วถือว่าใช้ได้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า มันมี 2 ประเด่นใหญ่ๆคือ 1 เมื่อถึงเวลาเกฑณ์ทหารไม่ได้ไป หรือมีการผ่อนผัน หลักฐานก็จะมีระบุบว่าผ่อนผันอย่างไร 2 หลักฐานจริงหรือไม่ เพราะการนำหลักฐานมาสมัครเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยฯ มีหลักฐานครบหรือไม่ หลักฐานนั้นจริงหรือเท็จ เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่ามีหลักฐานของกองทัพว่ามีการดัดแปลงเอกสารหรือปลอมแปลงเอกสารจนมีการลงโทษทหารมีหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า มีทางเราก็ส่งไปด้วย เป็นเอกดสารชัดเจนมีการรับรองสำเนาจากหน่วยที่ชัดเจน ไม่ใช้ว่าไปขุดจากไหนมาเป็นเรื่องจริง ต่อคำถามที่ว่า ทหารที่เกี่ยวข้องมีการลงโทษไปแล้วใช้หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เรื่องการลงโทษมัน กว่า 10 ปีมาแล้ว ตนยังไม่ได้ถามผู้เกี่ยวข้องว่าถูกลงโทษหรือไม่ แต่มีในเอกสารว่ามีการสั่งการให้ใครเสนอแนะ แต่การลงโทษจะมีหรือเปล่านั้นไม่แน่นใจ ต้องกลับไปดูก่อน เรามีแต่สำเนา ตัวจริงอยู่กับทางผบ.ทบ. สมัยนานแล้ว เรายังไม่สืบไปถึงขนาดนั้น
เมื่อถามว่าในยุคที่ผ่านๆมามีการปกปิดเรื่องนี้ไว้ โดยเฉพาะทางกองทัพก็ช่วยปิดด้วยหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ยุคตนหลักฐานรวบรวมจากข้อเท็จจริง ไม่ใช้เอกสารที่ปั้นแต่งมา เป็นเอกสารที่รวบรวมได้ที่มีอยู่ชัดเจน เราไม่ได้ปกกิดเอกสารไว้ มีเอกสารอะไรก็ให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทุกอย่าง
“เอกสารดังกล่าวนี้ไม่เหมาะสมที่จะให้ทางกลาโหมเป็นคนเปิดเผยต้องไปขอทางผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วกัน แต่เขาคงจะให้ เพราะเป็น พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร” รวม.กลาโหม กล่าว
เมื่อถามว่าคดีนี้ถือว่าเป็นคดีตัวอย่างหรือไม่เพราะนอกจากจะ เป็นการตรวจสอบผู้นำฝ่ายค้านแล้วในกรณีบุคคลอื่นที่อาจเกิดกรณีนี้ขึ้นมาอีก พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คนที่หนีทหารทำอย่างนี้มามาก ที่มันไม่มีเรื่องก็มี ถ้ามีใครร้องเรียนมาให้ทางกลาโหมสอบสวนก็ต้องทำ เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ แต่ถ้าให้ไปหาว่าใครบ้างคงจะไม่ไหว
เมื่อถามว่า ทางนายอภิสทธิ์ ก็ยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้หนีทหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ก็มีสิทธิ์ที่จะยืนยัน สำหรับอันนี้เป็นเรื่องหลักฐานที่เรามีอยู่อย่างนั้น ซึ่งถือว่าเรื่องนี้ก็เกิดมานานแล้ว จะถือว่าเป็นบทเรียนหรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ก็ไม่น่าที่จะทำ แต่เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว แต่สมัยก่อนก็คงมีบ้าง สมัยนี้มีนโยบายชัดเจน จะมีหรือไม่ก็ไม่แน่นใจ แต่วันนี้ก็หากอยากแล้ว เพราะหลักฐานมันบอกเลยว่าเป็นอย่างไร ทุกขั้นตอน
วันเดียวกัน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ออกมาพาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงว่า มีกระบวนการ ทางการเมือง เนื่องจากมีการปล่อยข่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง มา 2-3 วันแล้ว รวมถึงทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ที่พยายามสร้างกระแสว่าวันนี้จะมีข่าวเด็ด แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เพราะสุดท้ายแล้วพล.อ.อ.สุกำพล ก็ไม่มีอะไรออกมาแถลง เพียงแค่ยืนยันหลักฐานเดิมตามปี 2542 ที่เคยมีการตรวจสอบมาก่อนหน้าแล้ว และท่าทีของพล.อ.อ.สุกำพล ก็เหมือนไม่ค่อยอยากจะแถลงข่าว และโยนให้กับผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยอ้างว่าเอกสารทั้งหมด ได้ส่งไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว
“ผมสังเกตว่าธรรมดาแล้ว พล.อ.อ.สุกำพล ต้องนั่งแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ แต่วันนี้กลับไม่ยอมนั่งแถลงข่าว แต่ยืนแถลง แสดงให้เห็นว่าเหมือนมีคนมาบังคับให้แถลง ผมตั้งข้อสังเกตว่าทั้งหมดทำไปเพื่อช่วยนายจตุพร ในคดีที่ถูกนายอภิสิทธิ์ ฟ้องหมิ่นประมาท เพราะมีการแถลงข่าวในช่วงที่กำลังมีการสืบพยาน และถ้าดูจากการสืบพยาน ฝ่ายนายจตุพร ก็ดูจะเพรี้ยงพร้ำ เนื่องจากจเรทหาร ก็ออกมายอมรับว่าถ้านายอภิสิทธิ์ ได้ยื่นสด.9 คือ ใบขึ้นทะเบียนทหารและหลักฐานการผ่อนผัน ว่าไปเรียนต่างประเทศ ก็ถือว่าได้เข้ารับราชการอย่างถูกต้อง ตรงนี้เป็นเหตุให้พล.อ.อ สุกำพล ต้องออกมาแถลงว่ามีการหนีทหาร” นายศิริโชค กล่าวพร้อมแสดงเอกสารหลักฐานใบสด. 9 และและทะเบียนบัญชีรายชื่อนักเรียนการที่ออกไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยมีรายชื่อนายอภิสิทธิ์ อยู่ในลำดับที่ 3 และหนังสือสด.41 ซึ่งเป็นเอกสารที่นายอภิสิทธิ์ เคยนำมาชี้แจงในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
นายศิริโชค กล่าวอีกว่า ทั้งหมดเกิดมาจากเหตุการณ์ที่มีการตั้งกรรมการสอบเมื่อปี 2542 หลักฐาน 2 อย่างที่ต้องยื่นให้กับทางฝ่ายทหาร เพื่อที่จะสมัครเข้ารับราชการ และหนังสือสด.9 สด.41 มีเลขที่ถูกต้อง ซึ่งหมายความว่าเมื่อเอาหนังสือดังกล่าวเข้าไปสมัครเป็นทหารก็สามารถที่จะ สมัครเข้าเป็นอาจารย์ในโรงเรียนนายร้อยจปร.ได้ซึ่งหลักฐานต่างๆ มีครบถ้วนอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้พล.อ.อ.สุกำพล พยายามสร้างกระแส โดยไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม และอยากตั้งข้อสังเกตว่า มาแถลงอะไรในตอนนี้ แต่เมื่อดูเหตุการณ์ที่มีการดำเนินคดีกับนายจตุพร ก็ชัดเจนว่าเป็นการช่วยเหลือกันอย่างเป็นขบวนการ และขอยืนยันว่านายอภิสิทธิ์ พร้อมที่จะพิสูจน์ในเรื่องนี้มิเช่นนั้นคงไม่ฟ้องหมิ่นประมาทนายจตุพร
เมื่อถามว่าจะฟ้องรมว กลาโหม หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ได้มีการหารือกัน และขณะนี้กำลังดูถ้อยคำที่พล.อ.อ.สุกำพลแถลงว่า เข้าข่ายที่สามารถดำเนินการหรือไม่ ก็เชื่อว่าฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการ เพียงแต่ขณะนี้วิธีการให้สัมภาษณ์ ยังเหมือนกับการตั้งข้อสงสัย โยนให้ผู้ตรวจการ ซึ่งตนคิดว่าทางทนายก็จะไปขอเทปบันทึกคำให้สัมภาษณ์ของพล.อ.อ.สุกำพล มาดูอีกทีว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เมื่อถามว่าหากพบว่ามีการพาดพิง นายอภิสิทธิ์จะดำเนินการฟ้องร้องด้วยตัวเองหรือไม่ นายศิริโชค กล่าวว่า คงฟ้องด้วยตัวเองเพราะเป็นผู้ได้รับความเสียหาย
ต่อข้อถามว่ามีการระบุว่า สด. 9 เป็นเอกสารปลอม นายศิริโชค กล่าวว่า เรื่องสด.9 เป็นเอกสารที่ผู้ชายไทยทุกคนเมื่ออายุครบ 17 ปี ก็ต้องได้รับอยู่แล้ว ส่วนจะหายหรือไม่หายไม่ได้เป็นผล เพียงแต่มีความพยายามสร้างกระแส เพราะตอนที่นายอภิสิทธิ์ ไปสมัครเป็นอาจารย์ก็ยื่นใบดังกล่าว แต่ตอนที่จะขอติดยศ ทางจปร.บอกหาใบสด.9 ไม่เจอ นายอภิสิทธิ์ จึงไปขอสด.9 ฉบับใหม่ที่เขตพระโขนง แทนมา ก็แค่นั้น ซึ่งไม่ได้มีนัยยะอะไรที่สำคัญ
กห.แจงใบสมัครทหารของมาร์คผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ได้มีหนังสือที่ 0201/1099 กระทรวงกลาโหม ลงวันที่ 10 ก.ค. 2555 ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ ผผ 11/459 ลงวันที่ 11 มิ.ย. 2555 สอบถามกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกร้องใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โดยระบุว่า กรณีการบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร เป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ.2521 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้สมัครจะต้องมีคุณสมบัติตามที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ การโอน และการบรรจุกลับเข้ารับราชการ พ.ศ.2529 กำหนด ในกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับราชการเป็นชาย ระเบียบกระทรวงกลาโหมกำหนดให้ต้องมีใบสำคัญทางทหารด้วย เช่น ทะเบียนกองประจำการ (สด.3) ใบสำคัญ (แบบ สด.9) หนังสือสำคัญ (แบบ สด.8) ใบรับรองผล การตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ พ.ศ. ....(แบบ สด.43) หรือใบสำคัญ/หนังสือสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วแต่กรณี ซึ่งส่วนราชการต้นสังกัดที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องขั้นต้น และเห็นว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.2497 แล้ว รมว.กลาโหมผู้มีอำนาจในการบรรจุย่อมสามารถออกคำสั่งให้บรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ตามที่ส่วนราชการต้นสังกัดรายงานขอบรรจุ
เผยปี"42ตรวจพบว่าผิด-ปีนี้ก็พบซ้ำในกรณีของนายอภิสิทธิ์ซึ่งในขณะนั้น (วันที่ 7 ส.ค. 2530) กระทรวงกลาโหมเชื่อว่า การขอบรรจุนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการเป็นข้าราชการทหาร นั้นส่วนราชการที่ขอบรรจุได้ตรวจสอบความถูกต้องตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมแล้ว รมว.กลาโหมจึงได้ออกคำสั่งบรรจุและแต่งตั้ง ปรากฏว่าภายหลังมีผู้ร้องเรียนการบรจุไม่ถูกต้อง เนื่องจากใช้หลักฐานเอกสารที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ กองทัพบกโดยเจ้ากรมจเรทหารบกได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงตามอนุมัติผบ.ทบ. ท้ายหนังสือกรมการกำลังสำรองทหารบก ลับที่ กห 0426/654 ลงวันที่ 8 มี.ค. 2542 ซึ่งได้รายงานผลการสอบสวนถึง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2542 ตามหนังสือกรมจเรทหารบกที่ กห 0423/277 ลงวันที่ 19 พ.ค. 2542 โดยได้เสนอให้ลงทัณฑ์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476 ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดไปเรียบร้อยแล้ว รายละเอียดตามสำเนาเอกสารของจเรทหารบก ซึ่งมีการรับรองสำเนาถูกต้องแล้ว
ในครั้งนี้ได้ ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า 1.1 ขั้นตอนการบรรจุมีหลักฐานใบสำคัญทางทหาร คือ หนังสือรับรองการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ ตามหนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพมหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 ซึ่งเป็นหลักฐานที่ขัดต่อพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 เนื่องจากเป็นการรับรองว่า "นายอภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผัน ตามมาตรา 29(3) และเข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2525 ได้รับการผ่อนผันไม่เรียกเข้ากองประจำการในยามปกติ" ซึ่งตามความจริง นายอภิสิทธิ์จะต้องไม่ได้รับการผ่อนผัน เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้กำลังศึกษาหรือมีสิทธิขอผ่อนผันตามพระราชบัญญัติรับ ราชการทหาร พ.ศ.2497 มาตรา 29(3) ทั้งยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน จึงไม่มีรายชื่ออยู่ในระบบบุคคลในราชการทหาร ทำให้ไม่ต้องขอหรือไม่สามารถขอรับการผ่อนผันในการเข้ารับราชการทหารได้ หรือหากได้ขอรับการผ่อนผันกรณียังศึกษาอยู่ต่างประเทศโดยมีหนังสือรับรองจาก สถานศึกษาต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตจะต้องได้รับการผ่อนผันตาม มาตรา27(2) เป็นแบบ สด.41
แฉ"สด.9"สองใบข้อมูลไม่ตรงกันอีกทั้งยังมีหลักฐานต้นขั้วแบบ สด.9 และเอกสารแบบ สด.1 ฉบับจริง ยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 แต่ใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ยังกำหนดข้อความผิดจากการเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นเข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2531 ซึ่งเป็นการขัดแย้งกับข้อมูลฉบับเดิมที่ตรวจสอบพบเพิ่มเติม ดังนั้น ใบสำคัญ(แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายลงวันที่ 8 เมษายน 2531 ยังไม่อาจใช้เป็นหลักฐานใบสำคัญทางหทารที่ถูกต้องได้
1.2 ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ เพื่อให้ได้มาซึ่งทะเบียนกองประจำการ (สด.3) หลังจากนายอภิสิทธิ์ได้รับการแต่งตั้งยศแล้ว เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2531 ได้นำใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 ไปขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ หากนำใบสำคัญ (แบบ สด.9) ฉบับลงวันที่ 4 ก.ค. 2529 เป็นหลักฐานในการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการจะสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นบุคคลที่ไม่เข้ารับการตรวจเลือก (ไม่ผ่านการเกณฑ์ทหาร) ในวันที่ 7 เม.ย. 2530 จึงทำให้การขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ (สด.3) โดยใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหายไม่ถูกต้องไปด้วย
ชี้จุดเอกสารผิดข้อเท็จจริง2.รมว.กลาโหมได้แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว แล้วตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 281/55 ลงวันที่ 25 มิ.ย.2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 295/55 ลงวันที่ 2 ก.ค. 2555 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (เพิ่มเติม) โดยกรมเสมียนตราได้มีหนังสือสอบถามโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าขอให้ตรวจ สอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนผันหรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับ ราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์มีอยู่จริงหรือถูกต้องประการใด
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ส่งเอกสารสำคัญพร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง คือ ใบสมัคร สัญญาค้ำประกัน สำเนาทะเบียนบ้านของผู้สมัคร และบิดามารดา สำเนาแสดงผลการเรียน พร้อมคำแปล และผลการตรวจสอบประวัติและพฤติการณ์บุคคล(รปภ.1) แต่ไม่พบเอกสารหลักฐานใบสำคัญทางทหารฉบับจริง ซึ่งคณะกรรมการได้ตรวจสอบแล้ว ไม่พบข้อสังเกตเพิ่มเติมจากที่ตรวจพบก่อนหน้าโดยจเรทหารบก
สำหรับการตรวจสอบเอกสารที่ถูกต้องสำหรับการผ่อนผัน หรือได้รับการยกเว้นการเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการของนายอภิสิทธิ์คงมีรายละเอียดเช่นเดียวกับข้อ 1.1 และ 1.2 ซึ่งพบว่าเอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย ลงวันที่ 8 เม.ย. 2531 หนังสือแผนกสัสดีกรุงเทพ มหานคร ที่ กห 0481.62/5053 ลงวันที่ 31 ก.ค. 2530 และทะเบียนกองประจำการ(สด.3) มีสาระสำคัญไม่ถูกต้องกับความเป็นจริง และไม่อาจใช้เป็นหลักฐานเอกสารการรับราชการทหารได้และยังปรากฏหลักฐานแบบ สด.16 ปี พ.ศ.2536 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์ ไม่เข้ารับการตรวจเลือก" และหลักฐานแบบ สด.27 ปี พ.ศ.2530 ระบุว่า นายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกิน เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2529 ซึ่งเป็นเอกสารยืนยันความไม่ถูกต้องของเอกสารตามข้อ 1.1 และ 1.2 ดังกล่าวข้างต้นด้วย
พร้อมส่งจนท.ชี้แจงผู้ตรวจการฯ3.หากกระบวนการบรรจุคำสั่งบรรจุ หรือคำสั่งแต่งตั้ง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหมที่เกี่ยวข้อง กระทรวงกลาโหมสามารถดำเนินการยกเลิก เพิกถอนคำสั่งบรรจุหรือคำสั่งแต่งตั้งได้โดยอำนาจของรมว.กลาโหม โดยจะต้องพิจารณามูลเหตุ และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อดำเนินการตามกระบวนการตามระเบียบของทางราชการต่อไป สำหรับการเรียกเงินเดือนและสิทธิประโยชน์อื่นๆ คืน ถ้าจำเป็นหรือมีเหตุอันควรจะพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ
สำหรับการดำเนินการตามข้อ 1 และข้อ 2 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้กรมพระธรรมนูญรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นการแสดงข้อมูลเท็จในการบรรจุ เข้ารับราชการของนายอภิสิทธิ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไรหากจะต้องเพิกถอนคำ สั่งจะกระทำได้หรือไม่และสิทธิประโยชน์ที่ได้รับไประหว่างรับราชการจะสามารถ เรียกคืนได้หรือไม่ประการใด รวมทั้งพิจารณาดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารและนำเอกสาร ไปใช้หรืออ้างเอกสารดังกล่าว
หากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต้องการข้อมูลเพิ่มเติม หรือมีข้อสงสัยประการใดกระทรวงกลาโหมยินดีให้การสนับสนุนข้อมูลรวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป
ผู้ตรวจฯลั่นเร่งสอบอยู่นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงคำร้องของนายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เนื่องจากรมว.กลาโหม เพิกเฉยไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทุจริตใช้เอกสารหลักฐานปลอม เพื่อเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในร.ร.จปร. แต่ยังมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์ทางทหารว่า หลังจากสำนักงานผู้ตรวจการฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ทั้งหมด แต่ต้องใช้เวลามาก เพราะเรื่องเกิดมานานแล้ว เอกสารบางอย่างต้องใช้เวลาตรวจสอบนาน
นายรักษเกชากล่าวอีกว่า จากนั้นสำนักงานส่งหนังสือสอบถามพล.อ.อ.สุกำพลไปแล้ว และได้หนังสือตอบกลับมาเมื่อไม่นานมานี้ ทางเจ้าหน้าที่สอบสวนกำลังตรวจสอบว่าข้อมูลที่ตอบกลับมานั้นครบถ้วนเพียงพอหรือไม่ หากยังไม่เพียงพอจะต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการจะนำเข้าสู่ที่ประชุมของผู้ตรวจการฯ ต่อไป แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้เราเร่งดำเนินการ เพราะอยู่ในความสนใจของสังคม
บิ๊กโอ๋ระบุเอกสารไม่ตรงสด.9พล.อ.อ.สุกำพลให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ถึงกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงการรับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ ว่า กระทรวงกลาโหมทำหนังสือชี้แจงต่อผู้ตรวจการแผ่นดินเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยสรุปว่าเอกสารที่ใช้สมัครเข้าเป็นอาจารย์ในเอกสาร ใบสด.9 ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการไม่ตรงกัน
"กระทรวงจะให้นายทหารพระธรรมนูญของเราดูว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อได้บ้าง เรื่องมันนานมาแล้วคงไม่มีความผิดอะไรกันแล้ว เขาถามมาเราก็ต้องตอบไป" พล.อ.อ. สุกำพลกล่าว
ที่มา : ข่าวหน้า1นสพ.ข่าวสด ฉบับวันที่ 19 ก.ค. 2555
Edited by Jagger, 19 July 2012 - 15:23.