ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะ 3 นัดติดต่อกันเป็นการออกสตาร์ทได้เยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่ปี 1994 นอกเหนือไปจาก 3 คะแนนอันล้ำค่าแล้วบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันที่สวยงามสำหรับ เดอะ ค็อป ...
ถ้าหาก บิล แชงค์ลีย์ ยังมีลมหายใจชัยชนะเหนือคู่ปรับตลอดกาลทีมนี้คือของขวัญวันเกิดซึ่งครบรอบ 100 ปีของอดีตปรมาจาย์ทีม หงส์แดง เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาอีกด้วย
แบรนแดน ร็อดเจอร์ส วางทีมชุดเดิมจาก 2 เกมที่ชนะ สโต๊ค และ แอสตัน วิลล่า 1-0 เปลี่ยนเพียงแค่ตำแหน่งเดียวคือ มาร์ติน สเคอร์เทิ่ล ลงเสียบแทน โคโล ตูเร่ ที่มีอาการบาดเจ็บ
ทางด้าน เดวิด มอยส์ ก็เปลี่ยนทีมจากเกมที่เสมอ เชลซี 0-0 เวย์น รูนีย์ มีอาการบาดเจ็บระหว่างซ้อมลงเล่นไม่ได้ทำให้ ไรอัน กิ๊กส์ กลับมายึดตัวจริงอีกครั้งเช่นเดียวกับ แอชลีย์ ยัง ที่ได้โอกาสก่อน อันโตนิโอ วาเลนเซีย
ข่าวดีของ ปีศาจแดง ก็คือ นานี่ กับ ชิชาริโต้ หายเจ็บกลับมานั่งอยู่ที่ข้างสนามและได้ลงสัมผัสเกมด้วยในครึ่งหลังแต่ไร้ เงา ชินจิ คางาวะ กับ วิลฟรีด ซาฮา ไม่มีชื่ออยู่ในทีม
พูดถึง คางาวะ ก็ให้เสียดายที่แทบไม่มีส่วนร่วมในช่วงออกสตาร์ท 3 เกมแรกทั้งที่ แมนฯยูไนเต็ด ต้องการตัวสร้างสรรเกมรุกเป็นอย่างยิ่งดูท่าว่า มอยส์ จะไม่ชอบความอ้อนแอ้นและไม่แข็งแรงของแข้งซามูไรรายนี้
ซาฮา ด้วยเช่นกันที่เล่นได้ดีในช่วงพรีซีซั่นแต่มีโอกาสได้ลงเป็นตัวสำรองแค่นัด เดียวเท่านั้นบางที แมนฯยูไนเต็ด ต้องการจุดเปลี่ยนหรืออะไรใหม่ๆเข้ามาบ้าง
เกมที่บุกชนะ สวอนซี 4-1 ทีมของ มอยส์ ก็ไม่ได้เล่นดีอะไรมากมายเพียงแต่เกมมันเข้าทางได้ประตูเร็วและรอเล่นจังหวะ สวนกลับซึ่ง สวอนซี เดินมาเข้าร่องแข้งพอดีประตูก็เลยไหลมา
ส่วนนัดที่เสมอ เชลซี รูปเกมดีขึ้นแต่เห็นได้ชัดว่าการมี รูนีย์ ทำให้เห็นถึงความแตกต่างในเกมรุกที่มีจินตนาการและหลากหลายมากขึ้นแม้ว่าจะ ไม่สามารถทำประตูได้แต่ก็ดูน่าพอใจ
จนมาถึงเกมที่ แอนฟิลด์ การขาด รูนีย์ ไปส่งผลกระทบอย่างแท้จริงเกมรุกของ ปีศาจแดง ขาดสีสันและไร้จินตนาการ...
แม้กระทั่ง สตีเว่น เจอร์ราร์ด หัวหน้าทีมคู่แข่งยังรู้ถึงความสามารถและความสำคัญของ รูนีย์ ที่มีต่อ แมนฯยูไนเต็ด แต่ มอยส์ กลับมองข้ามไปขาดจิตวิทยาที่ดีในการที่จะรั้งตัวและหัวใจให้อยู่กับทีม
กัปตัน หงส์แดง พูดถึงเรื่องนี้ว่าการที่ รูนีย์ ตัดสินใจอยู่กับ ยูไนเต็ด เป็นข่าวร้ายสำหรับ ลิเวอร์พูล เพราะนี่คือนักเตะระดับท็อปเขารู้ดีว่า "ไอ้อ้วน" เก่งและดีขนาดไหนจากที่ร่วมทีมชาติด้วยกันมายาวนาน
ไม่เพียงแค่นั้น เจอร์ราร์ด ยังลงลึกไปด้วยว่ามีความใกล้ชิดกับ รูนีย์พอสมควรเขารู้เลยว่า รูนีย์ ต้องการเล่นปะทะ ลิเวอร์พูล ขนาดไหนก่อนทิ้งท้ายว่า แมนฯยูไนเต็ด อ่อนลงแน่หากปราศจากกองหน้ารายนี้
...ร็อดเจอร์ส วางหมากเล่นเกมบีบสูงและเข้าหาตัวคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ไมเคิ่ล คาร์ริค ซึ่งเป็นตัวกำหนดจังหวะของเกมเป็นตุ๊กตาตัวแรกที่ต้องกำจัดไม่เปิดโอกาสให้ เอาบอลจากแดนหลังขึ้นมาต่อเกมได้
กองกลางของ ลิเวอร์พูล เล่นได้แข็งแกร่งมีวินัยเป็นอย่างมาก ลูคัส เลว่า ปัดกวาดหน้าเขตโทษได้เด็ดขาดส่วน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ก็รักษาตำแหน่งได้ดีโดยเฉพาะรายหลังเล้นได้เยี่ยมนัดหนึ่ง
ผังนักเตะ 11 คนแรกของทั้ง 2 ทีม
3 ต่อ 2 เจอร์ราร์ด-ลูคัส-เฮนเดอร์สัน ย่อมต้องได้เปรียบ คาร์ริค- เคลฟเวอรี่ เพราะ กิ๊กส์ กับ ยัง นอกจากถูกตัดออกจากเกมแล้วยังมีส่วนร่วมในเกมรับน้อยมากเพียงแค่จุดนี้ ลิเวอร์พูล ก็ได้เปรียบจมหู
ทอม เคลฟเวอรี่ มีแต่ลูกขยันเซ้นส์ในการทำเกมรุกมีน้อยและเมื่อปีกสองข้างอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งชราภาพไปแล้วกับ แอชลีย์ ยัง ขยับไม่ออกเกมรุกของ ปีศาจแดง ก็เป็นง่อยอย่างที่เห็น
กิ๊กส์ ในวัยย่างเข้า 40 ปีฟันธงได้เลยว่าไม่เหมาะที่จะเป็นตัวหลักของทีมตรงนี้ มอยส์ คิดได้ยังไงกับการใช้งานนักเตะที่รอวันปลดระวางเป็นเสาหลักแทนที่จะเปิด โอกาสให้เด้กรุ่นใหม่ได้แจ้งเกิด
นอกจาก ซาฮา แล้วยังมี เจสซี่ ลินการ์ด ดาาวรุ่งอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้เยี่ยมมากในช่วงพรีซีซั่นน่าจะให้โอกาสผลงาน ถึงแม้ว่าทีมจะไม่ชนะแต่อย่างน้อยก็เป็นประสบการณ์ลำค่าของเด็กที่จะก้าว ขึ้นมาในอนาคต
ช่วงต้นครึ่งหลัง แมนฯยูไนเต็ด ครองบอลได้ถึง 76 เปอร์เซ็นต์ ฟาน เพอร์ซี่ กับ ยัง มีโอกาสแบบจะแจ้งคนละครั้งแต่เกมรุกขาดความต่อเนื่องไม่สามารถกดคู่ต่อสู้จน โงหัวไม่ขึ้นเหมือนในยุคของ เฟอร์กี้
คาร์ริค กับ เคลฟเวอรี่ จ่ายบอลรวมกัน 131 ครั้งแต่มีค่าเฉลี่ยความแม่นยำ 82 เปอร์เซ็นต์ลูกจ่ายที่เรียกว่า "key pass" มีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคู่นี้เปรียบเทียบกับ เจอร์ราร์ด คนเดียวก็เป็นรองแล้ว
สตีวี่ จ่ายบอลทั้งหมด 51 ครั้งสร้างโอกาสสวยๆ 3 ครั้งค่าเฉลี่ยความแม่นอยู่ที่ 82 เปอร์เซ็นต์นี่คือส่วนที่ แมนฯยูไนเต็ด ขาดหายไป...
ประตูจาก แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ที่ทำได้ 3 นัดติดต่อกันฉลองวันเกิดปีที่ 24 เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกอย่างเข้าทาง ลิเวอร์พูล อีกทั้งช่วยเพิ่มความมั่นใจและมุ่งมั่นให้กับนักเตะเช้าไปอีก
จังหวะ ได้ประตูของ ลิเวอร์พูล จากลุกเตะมุมของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด จะเห็นว่า แดเนี่ยล เสอตร์ริดจ์ ประกบอยู่กับ ปาทริซ เอฟร่า ที่เสาแรกก่อนจะสลัดหนีมาหน้าปากประตูและโหม่งเปลี่ยนทางเข้าไป
การประกบตัวของกองหลัง แมนฯยูไนเต็ด หละหลวม แกรม ซูเนสส์ คอมเมนเตเตอร์ของ สกาย สปอร์ตส วิเคราะห์ว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ อาจจะเป็นยอดเซ็นเตอร์ฮาล์ฟแต่การปะทะแย่งชิงลูกกลางอากาศไม่ใช่จุดเด่นของ แข้งดีกรี 30 ล้านปอนด์
เฟอร์ดินานด์ ในวัย 34 ปีมีปัญหาที่สภาพร่างกายไม่แข็งแกร่งอยู่แล้วแน่นอนที่สุดความปราดเปรียวก็ ลดน้อยถอยลงไปนี่ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ มอยส์ ต้องเตรียมทางแก้ไขเอาไว้ในระยะยาวของฤดูกาลนี้
แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งเป็นคอมเมนเตเตอร์ของ สกาย สปอร์ตส วิเคราะห์ว่า ลิเวอร์พูล คุมพื้นที่กลางสนามได้หมดจด แมนฯยูไนเต็ด ขาดการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดงของคู่ต่อสู้
เมื่อต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่เล่นตั้งรับลึกการโจมตีต้องทำด้วย ความเร็ว นานี่ กับ ยัง ที่เป็นตัวความหวังกลับทำไม่ได้อย่างที่ มอยส์ ต้องการแต่กลับเป็น ชิชาริโต้ ที่สร้างความแตกต่าง
มอยส์ ส่ง ชิชาริโต้ ลงมาแทน กิ๊กส์ ในช่วง 17 นาทีสุดท้ายแต่ดูเหมือนจะมีเวลาให้น้อยเกินไปเพราะ "ไอ้ถั่วน้อย" ป่วนแนวรับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะลุกจ่ายให้ อาร์วีพี หลุดเข้าไปยิง
แม้จะเป็นตัวสำรองส่วนใหญ่แต่สถิติการทำประตูของ ชิชาริโต้ บ่งบอกให้เห็นว่าถ้า แมนฯยุไนเต็ด ต้องการสกอร์เขาดีกว่า เวลเบ็ค แน่นอน 18 ประตูจาก 36 เกมทุกรายการซีซั่นที่แล้วเทียบกับ เวลบ์ 2 ลูกจาก 40 นัด !
เกมในสนามชี้ชัดว่าจังหวะเข้าปะทะช่วงชิงบอลอยู่ที่ ลิเวอร์พูล แม้ว่า แมนฯยูไนเต็ด จะครองบอลได้มากกว่าแต่เข้าถึงพื้นที่อันตรายได้น้อยมากมีโอกาสทำประตู 10 ครั้งเข้ากรอบแค่ 4 ครั้ง
เวลเบ็ค เล่นได้ดีในช่วงแค่ 10 นาทีแรกเล่นอยู่ระหว่างพื้นที่ว่างหน้าแนวรับ ลิเวอร์พูล เขาจ่ายบอลเข้าเป้าถึง 7 ครั้งแต่หลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึงเข้าอีหรอบเดิม
เวลเบ็ค อาจจะมีพละกำลังดีแข็งแรงช่วยทีมได้แต่ความเป็นกองหน้ามันต้องมีความนิ่ง เฉียบคมสร้างสรรโอกาสมากว่านี้ไม่ใช่จ้องแต่จะโชว์ลูกเล่นพร่ำเพรื่อทำบอล เสียเป็นระยะจากที่ทีมจะได้เปรียบกลายเป็นเสียเปรียบ
ความอันตรายของ เวลเบ็ค ในช่วงต้นเกมทำให้ ร็อดเจอร์ส ต้องหยุดด้วยการวาง เจอร์ราร์ด กับ ลูคัส ขยับเข้ามาช่วยปรากฏว่าได้ผลทันตาช่วง 35 นาทีหลังของครึ่งแรก เวลเบ็ค ทำอะไรไม่ได้เลย
เจอร์ราร์ด และ ลูคัส สามารถตัดบอลจาก เวลเบ็ค ได้คนละ 3 ครั้งในช่วงครึ่งแรกคู่นี้เข้าปะทะช่วงชิงบอลได้มากที่สุดใน 45 นาทีแรกโดยเฉพาะ ลูคัส ตัดจังหวะอันตรายเป็นระยะ
มีอยู่จังหวะหนึ่งที่ ลูคัส ตัดบอลจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซึ่งหลังจากนั้น อาร์วีพี หัวเสียพุ่งเข้าไปยัน แดเนี่ยล แอ็เกอร์ จนเรียกใบเหลืองออกจากกระเป๋าผู้ตัดสิน...
ฟาน เพอร์ซี่ มีส่วนร่วมในเกมน้อยมากโดยเฉพาะครึ่งแรกซึ่งปกติจะเป็นตัวต่อเกมวิ่งหาที่ ว่างรับส่งบอลแต่คนที่ได้บอลมากกว่ากลายเป็น ดาบิด เด เคอา ที่งานเข้าอยู่ตลอด
หลังจบเกม บั๊ค ร็อดเจอร์ส ยกเครดิตให้กับแผงกองหลังที่เล่นด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งเขาบอกว่านักเตะ ลิเวอร์พูล ทำงานหนักมากในช่วงพรีซีซั่นและเมื่อผลงานออกมาดีแบบนี้เขาภูมิใจมาก
แมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ ที่ได้ แชมเปญไปซดก็คือ สเคอร์เทิ่ล ที่เล่นได้ไม่มีข้อผิดพลาดทั้งที่ก่อนหน้านี้จะต้องมีให้เห็นในระหว่างเกม เป็นประจำเล่นได้แบบนี้ ตูเร่ ก็หนาวเหมือนกัน
ทางด้าน มอยส์ บอกว่าทีมเล่นได้ดีที่สุดตั้งแต่เปิดซีซั่น (ก็ไม่รู้ว่ามองยังไง) แมนฯยูไนเต็ด มีโอกาส 2-3 ครั้งในครึ่งหลังแต่โชคไม่ดีก่อนทิ้งท้ายว่าจะพยายามซื้อนักเตะมาเสริมทีม ให้ได้
ศึกขมิ้นกับปูนหนนี้ทำให้เห็นว่าทีมหนึ่งมีพัฒนาการที่ ดีขึ้นแต่อีกทีมอย่าว่าแต่พัฒนาการที่ดีเลยเอาแค่รักษามาตรฐานเอาไว้ก็ยังทำ ไม่ได้...
ซัมเมอร์ฮิลล์
ที่มา:http://www.siamsport...130902_281.html