969 ความเห็นในกระทู้นี้

[greeenday]

ผมคิดว่าในเสรีไทย มีคนเชียร์ลิเวอร์พูลเยอะพอสมควร ตามหัวกระทู้เลยครับ

ระบบการเล่นใหม่
นักเตะใหม่
ผู้จัดการทีมใหม่
ฤดูกาลใหม่
มาแชร์กันได้เลยครับ

Edited by greeenday, 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 - 20:25.

[นายตัวเกร็ง]

ผมไม่ได้ดูอ่ะ แต่รู้ว่าปีกหักเลยแวะเข้าทับถมไม่ต้องถามนะว่าเชียร์ทีมอะไร...

[เรื่อยๆเอื่อยๆ]

ได้ดูเหมือนกันครับ ผลงานยังบอกอะไรไม่ได้ ระบบก็ยังไม่ใช่ passing football อย่างที่คาดหวัง แต่ก็พอมองเห็นครับว่าจะเน้นออกบอลเร็วขึ้น แต่เนื่องจากดาวรุ่งเต็มทีม แทบจะไม่มีตัวจริง เรียกว่าเป็นชุด U-21 ก็ว่าได้ จึงยังจบสกอร์ไม่ลง ตอนโดนยิงนำ นักเตะตัวหลักมีแค่แอ็กเกอร์คนเดียว ส่วนลูคัส เลว่ากับชาร์ลี อดัมก็เล่นเรียกความฟิตเฉยๆ ยังผ่านบอล ตัดบอลไม่ดีเหมือนเดิมก่อนเจ็บ ดาวรุ่งที่น่าจะมีแววผมว่าคงเป็นสเตอร์ลิ่ง ถ้าได้เล่นกับทีมใหญ่บ่อยๆ น่าจะดี ส่วนจอนโจถึงแม้จะได้บอลเยอะ ได้ยิงบ่อย แต่ว่าไม่นิ่งเลย ขาดเซ้นส์บอล คนอื่นๆ ที่ดูมีแววอย่างปาเชโก้หรือซูโซ่ ดูแล้วก็ยังไม่เข้าตา

ผมว่ารอดูตอนแข่งยูโรป้าวันที่ 9 ดีกว่า คงพอมองเห็นรูปร่างของทีม แต่ผมก็ทำใจแล้วล่ะสำหรับฤดูกาลนี้ ถึงผมจะชอบร็อดเจอร์แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้องให้เวลาผู้จัดการทีมวางระบบใหม่ กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็อีกซักปีสองปี ผลงานคงไม่ได้ดีกว่าดัลกลิชในปีเดียวหรอกครับ ผมยังมองว่าดัลกลิชโชคร้ายที่ขาดลูคัสกับชาร์ลีไปทั้งฤดู กองกลางที่จะตัดเกมช่วยเจิดเลยไม่มี ไม่งั้นผลงานคงดีกว่านี้เพราะรูปเกมตอนต้นฤดูกดดันได้ทุกทีม แมนยู เชลซี แมนซิตี้ อาร์เซนอล

ตอนนี้ได้แต่แอบหวังว่ากองหลังจะปึ๊กเหมือนเดิม กองหน้าอย่างซัวเรซ (ถ้าไม่เจ็บมาจากโอลิมปิก) กับคาโรล ก็ยังดูดีนะผมว่า เหลือแค่กองกลางน่าจะหาคนมาช่วยเจิดได้แล้ว ถ้าปีนี้ได้เข้าชิงยูโรป้ากับเอฟเอคัพ กับ 70 แต้มในลีก ผมจะเทใจให้ร็อดเจอร์เต็มร้อยเลยครับ

[greeenday]

ผมไม่ได้ดูอ่ะ แต่รู้ว่าปีกหักเลยแวะเข้าทับถมไม่ต้องถามนะว่าเชียร์ทีมอะไร...

แมนยูล่ะสิท่าน

[greeenday]

ได้ดูเหมือนกันครับ ผลงานยังบอกอะไรไม่ได้ ระบบก็ยังไม่ใช่ passing football อย่างที่คาดหวัง แต่ก็พอมองเห็นครับว่าจะเน้นออกบอลเร็วขึ้น แต่เนื่องจากดาวรุ่งเต็มทีม แทบจะไม่มีตัวจริง เรียกว่าเป็นชุด U-21 ก็ว่าได้ จึงยังจบสกอร์ไม่ลง ตอนโดนยิงนำ นักเตะตัวหลักมีแค่แอ็กเกอร์คนเดียว ส่วนลูคัส เลว่ากับชาร์ลี อดัมก็เล่นเรียกความฟิตเฉยๆ ยังผ่านบอล ตัดบอลไม่ดีเหมือนเดิมก่อนเจ็บ ดาวรุ่งที่น่าจะมีแววผมว่าคงเป็นสเตอร์ลิ่ง ถ้าได้เล่นกับทีมใหญ่บ่อยๆ น่าจะดี ส่วนจอนโจถึงแม้จะได้บอลเยอะ ได้ยิงบ่อย แต่ว่าไม่นิ่งเลย ขาดเซ้นส์บอล คนอื่นๆ ที่ดูมีแววอย่างปาเชโก้หรือซูโซ่ ดูแล้วก็ยังไม่เข้าตา

ผมว่ารอดูตอนแข่งยูโรป้าวันที่ 9 ดีกว่า คงพอมองเห็นรูปร่างของทีม แต่ผมก็ทำใจแล้วล่ะสำหรับฤดูกาลนี้ ถึงผมจะชอบร็อดเจอร์แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้องให้เวลาผู้จัดการทีมวางระบบใหม่ กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็อีกซักปีสองปี ผลงานคงไม่ได้ดีกว่าดัลกลิชในปีเดียวหรอกครับ ผมยังมองว่าดัลกลิชโชคร้ายที่ขาดลูคัสกับชาร์ลีไปทั้งฤดู กองกลางที่จะตัดเกมช่วยเจิดเลยไม่มี ไม่งั้นผลงานคงดีกว่านี้เพราะรูปเกมตอนต้นฤดูกดดันได้ทุกทีม แมนยู เชลซี แมนซิตี้ อาร์เซนอล

ตอนนี้ได้แต่แอบหวังว่ากองหลังจะปึ๊กเหมือนเดิม กองหน้าอย่างซัวเรซ (ถ้าไม่เจ็บมาจากโอลิมปิก) กับคาโรล ก็ยังดูดีนะผมว่า เหลือแค่กองกลางน่าจะหาคนมาช่วยเจิดได้แล้ว ถ้าปีนี้ได้เข้าชิงยูโรป้ากับเอฟเอคัพ กับ 70 แต้มในลีก ผมจะเทใจให้ร็อดเจอร์เต็มร้อยเลยครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ โดยเฉพาะดูจากสองนัดล่าสุด ชาลี อดัมและโจเซ่ เอ็นริเก้ ทำผลงานได้น่าผิดหวัง อดัมโยนยาวอย่างเดียว เอ็นริเก้หลุดตลอด ไปๆมาๆตำแหน่งแบ็คซ้ายฤดูกาลนี้เผลอๆจะมีปัญหาที่สุดเอา สมควรหาคนมาแทนด่วน ผมมีสถิติการอุ่นเครื่องนัดแรกมาฝากครับคืดว่าน่าสนใจ

Liverpool Vs Toronto

Stats Breakdown Vs Toronto ครึ่งแรกส่งบอลทั้งหมด - 354/384 (92%) ครึ่งหลังส่งบอลทั้งหมด - 291/328 (88%)
Stats Breakdown Vs Toronto ครึ่งแรกแท๊คเกิ้ลทั้งหมด - 3/3 (100%) ครึ่งหลังแท๊คเกิ้ลทั้งหมด - 14/16 (87.5%)
LFC stats: ผ่านบอลทั้งหมด : 645/712 (91% accuracy) !!!
ซึ่งเทียบกับต่อเกมเมื่อฤดูกาลก่อนผ่านบอลได้แค่495ครั้งต่อเกม !!!
ยิงทั้งหมด 7 (เข้ากรอบ 5 - 71% Accuracy) แท๊คเกิ้ล: 17/19 (ชนะ 89%)
ครองบอลทั้งหมด 69 %
สถิติการผ่านบอลของนักเตะ
Adorjan: 100% (15/15)
Morgan: 44% (4/9)
Pacheco: 73% (24/33)
Eccleston: 100% (7/7)
Jones: 94% ( 17/18 )
Gulacsi: 85% (11/13)
Wisdom: 93% (43/46)
Sama: 95% (38/40)
Wilson: 96% (22/23)
Skrtel: 91% (41/45)
Cole: 83% (24/29)
Shelvey: 91% (40/44)
Jamie Carraghar completed 100% (50/50). โหม่งชนะ 2 ครั้ง, เคลียบอลได้ 2 ครั้ง
Jack Robinson 91% (32/35)
John Flanagan 95% (37/39)
Jose Enrique 94% (50/53)
Jordan Ibe 100% (13/13) เลี้ยงบอล 5 ครั้งไม่ผ่านเลย
Suso - 86% Pass Accuracy (31/36) and 3 shots (2 on target)
Raheem Sterling's 77% (17/22). เลี้ยงบอลผ่าน 2 ครั้งจาก 7 ครั้ง 1แอสซิส
Lucas Leiva 94% ( 17/18 )
Alberto Aquilani's 97% (33/34)
Jay Spearing 94% (46/49)
Charlie Adam completed 80% (33/41)


ถึงแม้ผลเสมอ 1-1 กับเอฟซี โตรอนโต้ในราการ World Football Challenge อาจจะยังดูไม่เนียนพอที่จะชี้ขาดถึงการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน แต่ตลอด 90 นาทีที่ผ่านไป มันก็พอจะมีร่องรอยให้เห็นถึงความพยายามและการทำงานหนักที่ร็อดเจอร์สพยายามจะใส่ 3P’s เข้าไปในทีมลิเวอร์พูล นั่นคือ ความอดทน (Patience), การผ่านบอล (Passing), และการครอบครองบอล (Possession)

Sportsmail (ทีมวิเคราะห์ของ mailonline) เห็นผลลัพธ์จากการทำงานดังกล่าวถูกแสดงออกโดยทีมลิเวอร์พูลที่ประกอบไปด้วยผู้เล่นเยาวชนกว่าค่อนทีม หนุ่มน้อยวัย 18 ปีอดัม มอร์แกน ยิงประตูตีเสมอให้ทีมหลังโดนนำไปก่อนจากประตูของควินซี่ อมาริควา และ Sportsmail ยังมองถึงสิ่งที่แฟนๆสามารถคาดหวังได้จากผู้เล่นเหล่านี้ภายใต้การนำของบอสคนใหม่อย่างร็อดเจอร์ส ไว้ดังต่อไปนี้


ความอดทน PATIENCE
สิ่งแรกที่สังเกตุเห็นได้ในความแตกต่างระหว่างลิเวอร์พูลชุดนี้กับลิเวอร์พูลชุดก่อนของเคนนี่ ดัลกลิชคือจังหวะความเร็วในการเล่น (tempo) ที่พวกเราเล่นและสูตรการเล่นที่ใช้ นั่นคือสูตร 4-3-3 ของร็อดเจอร์สที่เข้ามาแทนที่ 4-4-2 ของดัลกลิช ชายทั้งสองคนเชื่อมั่นในการเล่นบอลบนพื้น แต่ร็อดเจอร์สไม่ชอบเห็นการเล่นที่เร็วเกินไปจนดูเหมือนรีบร้อน ร็อดเจอร์สนั่งสบายๆอยู่บนม้านั่งข้างสนามเกือบตลอด 90 นาที แต่จะโดดผึงและส่งเสียงสั่งลูกทีมเมื่อบอลถูกส่งแบบสิ้นเปลืองโดยไม่มีผลกับเกม

การผ่านบอล PASSING
การเคลื่อนที่ของลูกบอลส่วนใหญ่ในเกมที่โรเจอร์สเซ็นเตอร์เป็นไปในแบบเดียวกันคือ ผู้รักษาประตู, ไม่ว่าจะเป็นแบร็ด โจนส์ หรือปีเตอร์ คูลาคซี่, จะเปิดบอลไปให้คู่เซ็นเตอร์แบ็คซึ่งจะถ่ายบอลต่อให้กับมิดฟิลด์ตัวกลางที่จะลงมาลึกเพื่อรอบอล และเมื่อพวกเขารับและเริ่มครองบอล, ซึ่งเป็นเจย์ สเปียร์ริ่งในครึ่งแรก จากนั้นเป็นจอนโจ้ เชทีตรงข้ามต้องเริ่มถอยลงตั้งรับ
การครองบอล POSSESSION
เพื่อให้เห็นถึงความเคร่งครัดของร็อดเจอร์สต่อลูกทีมเรื่องการรักษาบอลให้อยู่กับทีม ลองพิจารณาสถิติเหล่านี้ดู “เจมี่ คาราเกอร์ผ่านบอลได้อย่างสมบูรณ์แบบในอัตรา 50 ครั้ง/50 ครั้ง, อัลเบอร์โต้ อควิลานี่ก็ผ่านบอลเข้าเป้าไป 33 จาก 34 ครั้ง, ขณะที่เจย์ สเปียร์ริ่งทำได้ที่ 46 จาก 49 ครั้ง”

น่าชมเชย...แต่ก็ในระดับพอประมาณเมื่อพิจารณาถึงระดับของทีมที่พวกเขาเล่นด้วย แต่รูปแบบการเล่นแบบนี้แหละที่ร็อดเจอร์สหวังจะเห็นทีมของเขาเล่นในพรีเมียร์ลีคที่กำลังจะมาถึง “ผมว่าพวกเราเล่นได้ดีนะ” โจ โคลผู้ที่ได้ลงเล่นในครึ่งหลังบอกอย่างนั้น “พวกเราผ่านบอลได้งามงด เป็นการผ่านบอลแบบสั้นๆเยอะเลย และคุณก็เห็นว่าแม้แต่ผู้รักษาประตูยังอยากจะได้บอลกับเขาด้วยเลย”

“แน่นอนที่มันคงต้องใช้เวลาเพื่อทำให้มันดีขึ้น แต่อย่างน้อยคุณก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทัศนคติของผู้เล่นกันแล้ว”

Mailonline: Patience, Passing and Possession: Liverpool begin to look like a Rodgers side after new manager's first game, By Dominic King, , 22 July 2012
ที่มา ning_ming
www.thekop.in.th

ตบท้ายด้วยผังการส่งบอลในเกมส์กับ Toronto FC

ลับ - ลวง - พราง : Legend_7

www.thekop.in.th

สีแดง วางบอลยาว

สีเขียว เล่นบอลกับพื้นครับ

ถ้ามีสถิตินัดเจอกับโรม่าจะนำมาเสนอต่อไปครับ

[kop16]

ผมเสื้อแดง ครับ

แต่ไม่ได้ดู อ่ะ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ปีนี้อยากเห็นระบบที่ชัดเจนกับดาวรุ่งมากกว่าครับ ผลงานไม่อยากหวังเท่าไหร่ครับ

[greeenday]

Update Europa FC Gomel 0-1 Liverpool FC
ถ้าหากติดตามฟุตบอลคู่นี้เมื่อคืนนี้ หลายคนอาจจะไม่ค่อย Enjoy เท่าไหร่นะครับกับรูปเกมส์เมื่อคืนนี้ เอาเป็นว่ามาวิเคราะห์ Steven Gerrard กับเกมส์เมื่อคืนนี้ดูนะครับ
ยาวหน่อยนะครับ ผมนำบทความนี้มาจาก www.thekop.in.th นะครับ เริ่มเลยนะครับ

วิเคราะห์เด็กหงส์: เจอร์ราร์ดกับการเล่นในระบบของร็อดเจอร์ส??
เป็นเรื่องที่เดอะค็อปทั่วโลกเป็นห่วงพอสมควรกับบทบาทของเจอร์ราร์ดในการเล่นกับรูปเกมที่เปลี่ยนไปของร็อดเจอร์ส นี่เป็นการวิเคราะห์จาก Bleacher Report ในช่วงแรกมีการวิเคราะห์ถึงบทบาทของเจอร์ราร์ดกับทีมชาติอังกฤษ ซึ่งผมขอตัดออกไป แปลเฉพาะที่เกี่ยวกับลิเวอร์พูลของเราครับ

ลิเวอร์พูลภายใต้การนำของร็อดเจอร์สกำลังเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้น
สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ด้วยวัย 32 ปี, พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองตามมั้ย? เขาสามารถนำสโมสรไปสู่การปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยได้หรือไม่? เรากำลังจะวิเคราะห์หาคำตอบโดยการมองว่าความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างที่กำลังจะเกิดขึ้นที่เมอร์ซี่ไซด์ การปรับเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดที่สุดในขณะนี้คือการบริหารทีม ซึ่งเราจะอาศัยการตัดสินใจเรื่องแท็คติคที่ผ่านมาและความเปลี่ยนแปลงในตัวของร็อดเจอร์สเองมาใช้ในการวิเคราะห์

เริ่มกันที่แท็คติค
ลิเวอร์พูลเปลี่ยนโมเดลการเล่นจาก 4-2-3-1 มาเป็น 4-3-3 คงมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในแดนหลัง เพราะผลงานของแนวรับถือว่าดีมาก โดยลิเวอร์พูลอยู่ในอันดับ 3 ร่วมสำหรับสถิติเสียประตูน้อยที่สุดในซีซั่นที่ผ่านมา ในแผงมิดฟิลด์จะกลับไปใช้การยืนเป็นแผงซึ่งเกือบจะเหมือนรูปแบบของราฟา เบนิเตซ คือจะมีผู้เล่นกองกลาง 3 คน โดยแต่ละคนจะมีบทบาทที่ชัดเจน หนี่งคนสำหรับการตั้งรับ, หนึ่งคนสำหรับการประคองและต่อบอล, และอีกหนี่งคนสำหรับการบุก ในสมัยเบนิเตซ เขาใช้การผนึกกำลังกันของฮาเวียร์ มาสเคราโน่ (ตั้งรับ), ซาบี้ อลองโซ่ (ต่อบอล), และเจอร์ราร์ด (บุก) เพื่อให้ส่งผลได้อย่างเด็ดขาดในตำแหน่งของตัวเอง

อย่างไรก็ตามความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของร็อดเจอร์สไม่ใช่เรื่องของการจัดระบบแต่มันเป็นเรื่องของปรัชญาการเล่นฟุตบอล-ทัศนคติในการเล่นของผู้เล่น จุดประสงค์ของการเน้นผ่านบอลสั้นและการครองบอลจะถูกมอางว่าเป็นของใหม่สำหรับลิเวอร์พูลในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกผู้เล่นยังถูกคาดหวังว่าจะเล่นเกมเพรสซิ่งกดดันถึงแดนของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่การบุก ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากปีก 2 คนด้านหลังกองหน้าตัวหลัก โดยทฤษฏีแล้วนี่เป็นรูปแบบเดียวกับที่ดัลกลิชใช้ แต่ที่ไม่เหมือนคือการเคลื่อนไหว แทนที่จะวิ่งออกทางด้านกว้างและพยายามจะครอสบอลเข้ากลางแบบดัลกลิช ปีกของร็อดเจอร์สจะตัดเข้าในและจิกเข้าหากองหลังจากเจ้าด้านในของพวกเขา

กองหน้าจะช่วยเชื่อมเกมด้วย และต้องเน้นแอสซิสท์ให้มากเท่ากับที่เขาเน้นยิงประตู นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดข่าวลือเกี่ยวกับแอนดี้ คาร์โรลล์ว่าอาจจะถูกขายออกไป (เพราะเขาไม่สามารถเล่นแบบนี้ได้โดยธรรมชาติ) และสุดท้ายคือผู้เล่นในแนวรุกก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องช่วยเกมรับโดยการเล่นเพรซซิ่งสูงเหมือนกับผู้เล่นกองกลางทั้ง 3 คนเช่นกัน


ต่อไปเรามาดูเรื่องการโยกย้ายผู้เล่นกัน
จนถึงตอนนี้เดิร์ค เคาท์และมักซี่ โรดิเกวซได้จากไปแล้ว โดยมีฟาบิโอ บอรินี่เพิ่มเข้ามาแทน เราพอจะอนุมานได้ว่าร็อดเจอร์สกำลังพยายาม “ประกอบ” ผู้เล่นที่เข้ากับระบบของเขาอยู่ ยกตัวอย่างเช่นเคาท์ ผู้ซึ่งทำงานหนักสู้ยิบตาทุกนัด แต่บ่อยครั้งที่เหมือนเป็นการวิ่งสะเปะสะปะและขาดความสามารถด้านแท็คติก เทียบกับบอรินี่ ร็อดเจอร์สซื้อผู้เล่นที่มีคุณสมบัติตรงเป๊ะตามที่ระบบของเขาต้องการคือการเคลื่อนไหวที่ดี, ผ่านบอลได้ดี, และสามารถปรับตัวให้เข้ากับเกมได้ดี และเมื่อพิจารณาถึงโอกาสที่คาร์โรลล์จะถูกขายออกไป นั่นแสดงให้เห็นว่ากำลังจะมีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นกันอีก

จากการทยอยปล่อยตัวผู้เล่นออกจากทีมไป (เดิร์ค-มักซี่ ไปแล้ว ต่อไปอาจจะเป็นเบลามี่-คาร์โรลล์-อดัม-ดาวน์นิ่ง) พอจะบอกเราได้เป็นนัยว่าร็อดเจอร์สดูจะให้ความสำคัญค่อนข้างต่ำกับกลุ่มผู้เล่นเก่าๆ ถ้าเราตั้งข้อสมมติฐานว่าถ้าเจ้าของทีมยินดีไม่มีปัญหากับการขาดทุนอย่างใหญ่หลวงในตัวผู้เล่น—นั่นแสดงว่าร็อดเจอร์สได้รับการหนุนหลังจากเจ้าของทีมอย่างเต็มที่ อีกนัยหนึ่งคือถ้าร็อดเจอร์สไม่ได้รับการหนุนหลังเท่าที่ควร คงเป็นการยากที่เจ้าของทีมจะยอมให้การลงทุนมูลค่า 35 ล้านปอนด์ของพวกเขาต้องถูกขายออกไปในราคาเสี่ยสั่งลุย

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นความจริงที่ดูหนักหนาพอสมควรสำหรับกัปตันแฟนตาสติคของเรา ข้อแรกเขาจำต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นของเขาเพื่อให้ดูดซึมเอาแก่นสารของ Tiki-taka มาใช้ให้ได้มากที่สุด ประการต่อมาอนาคตของเขาจะขึ้นอยู่กับความฟิตเป็นสำคัญ เพราะที่เขาต้องทำในสนามจากนี้ไปคือการวิ่ง วิ่ง และวิ่งที่มากกว่าเดิม ประการที่สาม เขาต้องสละความโดดเด่น “เหนือระบบ” ที่เขาเคยทำและเคยมีมาในอดีต ให้มาพอใจกับการเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของระบบ เขาต้องสละความเคยชินของการยิงไกลสวยๆหรือการผ่านบอลแบบหวือหวา (Hollywood pass) เพื่อแลกกับการเล่นแบบพื้นฐานง่ายๆ (easy ball) แทน นั่นน่ะมันท้าทายกับ “อัตตา (ego)” ของผู้เล่นระดับชั้นนำเป็นอย่างยิ่ง ประการสุดท้ายเขาควรจะตระหนักว่า FSG ได้แสดงออกซึ่งสัญญานที่ว่าสไตล์ฟุตบอลและการฝึกสอนจากนี้ไปเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อผลระยะยาว มันมีความเป็นไปได้ว่าร็อดเจอร์สอาจจะเป็นผู้จัดการทีมคนสุดท้ายที่เจอร์ราร์ดจะได้ทำงานด้วย

ปรับตัวซะ หรือไม่ก็จากไป (Adapt, or die)
สถิตในปี 2011/12 แสดงความสามารถของเจอร์ราร์ดในหลายๆด้าน เพื่อให้เห็นความแตกต่างชัดเจน ผู้เขียนได้เปรียบเทียบเจอร์ราร์ดกับมิดฟิลด์ชั้นแนวหน้าคนอื่นๆในพรีเมียร์ลีก

เรามาเริ่มกันที่เรื่องดีๆก่อน กัปตันของเราสร้างโอกาสได้บ่อยกว่าใครๆในลิสท์ กับความจริงที่ว่าเขาทำมันได้มากเกือบสามเท่าของที่รามีเลสทำได้ที่เชลซี นั่นมันเยี่ยมมากเลย เขายังมาเป็นอันดับที่สองรองจากโยฮัน คาบายในยอดรวมการแอสซิสท์ และเมื่อคุณพิจารณาด้วยว่าผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลคนนั้นได้ลงเล่นมากกว่าเจอร์ราร์ดเกือบ 1,000 นาที นั่นยิ่งทำให้ตัวเลขนั้นดูดีขึ้นไปอีก ชัดเจนมากเลยว่าเจอร์ราร์ดมีทักษะด้านการสร้างสรรโอกาสและน่าจะเพลิดเพลินได้กับระบบที่ต้องผ่านบอลกันมากๆ

แต่สถิติในด้านอื่นๆฟ้องว่าเจอร์ราร์ดต้องปรับปรุงในหลายๆเรื่อง เขาเป็นอันดับที่ 7 ในแง่นาทีที่ลงเล่น นั่นสะท้อนถึงสภาพร่างกายของเขาที่อาจจะก้าวไม่ถึงเกณฑ์ที่ร็อดเจอร์วางไว้สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ของเขา เจอร์ราร์ดยังมาเป็นอันที่ 7 อีกครั้งในเรื่องเวลาที่เสียการครองบอล และมาเป็นอันดับสุดท้ายในความแม่นยำในการผ่านบอลของเขา

โดยสรุป เจอร์ราร์ดดูเหมือนจะเล่นตกลงไปเองมากกว่าที่จะพลาดเพราะความเก่งกาจของฝ่ายตรงข้าม บางอย่างในนั้น (สถิติ) ถึงกับกลบความเด่นของเขาในด้านการสร้างโอกาสของเขาไปเลยด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ข่าวลือต่างๆที่เกี่ยวกับเจอร์ราร์ดไม่ใช่สิ่งที่ร็อดเจอร์สพอใจหรือต้องการจะเห็นแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านั้นต้องเปลี่ยนแปลง

ในที่สุดตัวเลขทั้งหลายเหล่านั้นทำให้เราต้องย้อนกลับไปดูฟอร์มการเล่นของเจอร์ราร์ดในยูโร 2012 อีกครั้ง ฟอร์มการเล่นของเขายังเยี่ยมยอด ทักษะการเล่นก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ ยิ่งศักยภาพในการสร้างสรรเกมแล้วยิ่งไม่มีข้อสงสัยเข้าไปใหญ่

อย่างไรก็ตาม กฏหรือข้อเรียกร้องสำหรับฟุตบอลยุคใหม่ทำให้คุณภาพและวิธีการเล่นของผู้เล่นมิดฟิลด์เปลี่ยนไป เจอร์ราร์ดต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะมีสุขภาพและความฟิตเพียงพอที่จะยืนระยะในสนามได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องปรับนิสัยการเล่นให้เป็นมิดฟิลด์ที่มีความอดทนมากกว่านี้หรืออย่างน้อยให้อยู่ในระดับที่เพียงพอกับการคอนโทรลเกม

ถ้าเขาสามารถปรับเปลี่ยนเป็นผู้เล่นในแบบนั้นได้ อนาคตในอีก 2 ปีข้างหน้าของลิเวอร์พูลจะดูมีความหวังมาก และอาจจะส่งผลดีต่อวิธีการเล่นของอังกฤษในฟุตบอลโลกอีกด้วย ไม่มีใครจะทาบสตีเว่น เจอร์ราร์ดได้อีกแล้วในแง่ของความภาคภูมิใจของเขาที่ได้เล่นให้กับสโมสรที่เขารักและการเป็นกัปตันทีมชาติอังกฤษ, ไม่มีใครจะทาบสตีเว่น เจอร์ราร์ดได้อีกแล้วในแง่ของความทุ่มเท ทำงานหนัก และรับผิดชอบต่อหน้าที่นักฟุตบอลของเขา ด้วยทัศนคติแบบนี้ของเขา ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเขาสามารถค่อยๆพัฒนาไปสู่รูปแบบผู้เล่นที่เขาจำเป็นต้องเป็น

Bleacher Report: Liverpool FC: What Next for Steven Gerrard?

ning_ming แปล

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ผมไม่ได้ดูหงส์เลย สรุปว่า เจอร์ราดเล่นตัวรุกอิสระเหรอครับ ส่วนแคโรลผมไม่อยากให้ร็อดเจอร์ขายนะ

คิดว่าเท้าซ้ายเขายังมีประโยชน์พอที่จะช่วยทีมได้ อีกอย่างขายตอนนี้ขาดทุนยับด้วยครับ

[greeenday]

น่าจะขายหล่ะครับ เพียงแต่ยังหาสโมสรที่กล้าทุ่มยังไม่ได้ ข้อเสนอตอนนี้มีเวสแฮมที่ยื่นเข้ามาประมาณ 13-15 ลป. แต่นักเตะไม่อยากย้ายไป ทำใจครับถ้าขายขาดทุนยับแน่ๆครับ เพราะซื้อมาแพง 35 ลป. ทำไปได้
งั้นมา Update ตลาด ซื้อขายของสโมสรกันครับ

หงส์ยื่นซื้อรามิเรซ อย่างเป็นทางการแล้ว

สื่อในอิตาลี เผยว่า สโมสรลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนอให้โบโลญญ่า เพื่อขอซื้อแกสตัน รามิเรซ อย่างเป็นทางการ เริ่มต้นที่จำนวน 12.6 ล้านปอนด์แล้ว

Calciomercato news เผยว่า สโมสรลิเวอร์พูลได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการให้กับโบโลญญ่าแล้ว หลังจากทีมอุรุกวัยตกรอบโอลิมปิค สอดรับกับข่าวก่อนหน้านี้ ที่อ้างว่า สโมสรนิรนามจากพรีเมียร์ลีก ได้เปิดการเจรจากับเอเย่นต์ของแกสตัน รามิเรซ ในลอนดอน

โบโลญญ่าตั้งราคาเขาไว้ที่ 16 ล้านปอนด์ แต่ก็เชื่อว่า ดีลนี้จะจบที่ข้อเสนอราว 14.2 ล้านปอนด์บวก โบนัสในอนาคตที่ขึ้นกับผลงานนักเตะ(add-ons)

+ท็อล์คสปอร์ต+
ราฟาน้อยฯ www.thekop.in.th

จากเวบทางการ: อควิลานี่ย้ายไปฟิออเรนติน่าแล้ว

สโมสรลิเวอร์พูลสามารถยืนยันได้ว่าอัลเบอร์โต้ อควิลานี่ได้ย้ายอย่างถาวรไปยังสโมสรฟิออเรนติน่าโดยสมบูรณ์แล้ว มิดฟิลด์อิตาเลี่ยนเข้าร่วมสโมสรเมื่อปี 2009 แต่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแค่ 28 นัด หลังจากใช้เวลาไป 2 ซีซั่นกับการถูกยืมตัวไปเล่นในประเทศบ้านเกิด ทุกคนในสโมสรขออวยพรให้อัลเบอร์โต้พบแต่สิ่งดีๆในอนาคต


Andrea Della Valle ประธานสโมสรฟิออเรนติน่า ประกาศว่า พวกเขาเซ็นอัลเบอร์โต้ อัคควิลานี่มาจากลิเวอร์พูลแล้ว
" เราคว้าตัวอัคควิลานี่มาได้แล้ว" ประธานสโมสรกล่าวเพียงสั้นๆ และยังบอกว่า อัคควิลานี่จะไปตรวจร่างกายในวันศุกร์ที่อิตาลี

+ ESPN +
ราฟาน้อยฯ www.thekop.in.th

อัพเดท .. โจ อัลเลน

สโมสรลิเวอร์พูลใกล้ปิดดีลของโจ อัลเลน หลังจากตัวแทนของเขาได้รับอนุญาติให้เจรจาเงื่อนไขกับลิเวอร์พูลได้แล้ว
ตอนนี้อัลเลนเล่นกับทีม GB ในโอลิมปิค แต่อนาคตของเขาจะได้รับการตัดสินใจก่อนโอลิมปิคจบลง คาดว่า ในขณะนี้ลิเวอร์พูลและสวอนซี น่าจะบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ( Liverpool have reached an agreement over a potential deal)

+ setanta +

เอเย่นต์ปฏิเสธแอ๊กเกอร์ยื่นขอย้ายออก

เอเย่นต์ของคนอื่นคอยเป่าหูให้ย้ายออก เอเย่นต์ของแอ๊กเกอร์บอกว่าลูกค้าของเขาไม่ได้ยื่นขอขึ้นบัญชีย้ายสโมสรอย่างที่ลือกันจนมั่วซั่วเสียหน่อย
เซนเตอร์รูปหล่อขวัญใจเดอะค็อปถูกเชื่อมโยงกับสโมสรระดับโลกหลายทีม และทันทีที่แอ๊กเกอร์ไม่ติดทีมไปเล่นกับ Gomel ก็เกิดข่าวลือแพร่สะพัดทันทีว่าแอ๊กเกอร์ได้ยื่นขอย้ายสโมสรซะแล้ว

นี่คือสิ่งที่ Per Steffensen บอกกับสื่อท้องถิ่นเดนมาร์ค Politiken
"สโมสรลิเวอร์พูลจะบอกเองถ้าพวกเขาได้รับข้อเสนอใดๆเข้ามา แต่กับรายงานข่าวที่ว่าแอ๊กเกอร์ยื่นขอย้ายทีมเนี่ยเลอะเทอะโดยบริสุทธิ์เลย เขามีความสุขมากๆกับลิเวอร์พูล"
สโมสรที่มีข่าวกับแอกเกอร์ : บาเซโลน่า ,แมนเชสเตอร์ ซิตี้

Liverpool Echo: Agger agent denies transfer request

Update กันแค่นี้ก่อนนะครับ

[greeenday]

เดมซี่ ทะเลาะกับมาร์ติน โยล ใกล้ย้ายเต็มที

Katie Holmes โฆษกของสโมสรฟูแล่ม เผยว่า ตอนนี้คลิ้นท์ เดมซี่ อยู่ในลอนดอน ซ้อมกับทีมเยาวชน เพื่อรักษาความฟิต ขณะที่ทีมอยู่ที่สวิสเซอร์แลนด์

รายงานก่อนหน้านี้อ้างว่า เดมซี่ และมาร์ติน โยล ผู้จัดการทีมได้มีการโต้เถียงอย่างรุนแรง ก่อนที่ทีมจะบินไปสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งคาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากนักเตะปฏิเสธที่จะไปเก็บตัวที่สวิสเซอร์แลนด์กับสโมสร ซึ่งจะเป็นการกดดันให้สโมสรขายเขาไปให้ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม, เมื่อเดือนที่แล้ว เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ได้ย้ำถึงความสนใจในตัวเดมซี่ว่า " เอียน อาย เอ็มดีของเรา กำลังคุยกับฟูแล่มอยู่ในเวลานี้ เขาเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ แต่เราไม่ชอบพูดถึงนักเตะของสโมสรอื่น"

+ ไทรบัลฯ +

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ในบรรดาตัวเลือกเหล่านี้ ผมชอบเดมซี่่ย์ที่สุดแล้วนะ ถึงจะอายุมากแล้วก็เหอะ รามิเรซผมว่าไม่น่าคุ้มค่าตัวนะ (14.2 ล้านปอนด์)

อควิลานี่ ขาดทุนยับตามเคย -*-

[นายตัวเกร็ง]

เดอะบู๊ตรูมที่โด่งดังไปไหนล่ะเนี่ย...
พื้นฐานของลิเวอร์พรุนน่าจะใช้แนวทางปั้นเด็กเหมือนเดิมนะ
ทุกวันนี้ป๋าแพนด้าแกทำได้ดีกว่ามากเลย ส่งเด็กๆขึ้นทีมชุดใหญ่เป็นว่าเล่น
ช่วงหลังจากเจอร์ราดแล้วมีใครบ้างที่มาจากทีมเยาวชน?

[greeenday]

ต้องยอมรับล่ะครับป๋าแพนเค้าวางระบบมาดี เนื่องจากคุมทีมมากว่า 20ปี จะเล็กหรือใหญ่เล่นเหมือนกันหมด คือเล่นด้วยระบบและทิศทางในการทำทีมเดียวกันหมด แตกต่างจากทีมอื่นๆในลีค จะซื้อใครมาก็เล่นได้เลยไม่ต้องปรับตัวมาก ตอนนี้ลิเวอร์พูลก็กำลังวางรากฐานขึ้นมาใหม่เหมือนกัน ด้วยทีมชุดปัจจุบันฤดูกาลนี้ยังหวังไม่ได้มากขอแค่ อันดับ 2-4 ก็ยากพอแรงแล้ว ไหนจะสู้กับทีมเงินถุงเงินถังกับเค้าอีก ดูจากนัดอุ่นเครื่องก็พอจะหวังกับนักเตะเยาวชนได้เหมือนกัน ก็ต้องดูกันต่อไปล่ะครับ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ผู้บริหารก็มีส่วนสำัคัญนะครับกับความสำเร็จของสโมสร การบริหารงานนอกสนาม เช่นการตลาด การหาเงินทุนสนับสนุนทีม ฯลฯ

จะว่าไปแล้วหงส์เพิ่งได้ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์แบบสมัยใหม่จริงๆ ก็ไม่นานนะครับ (ไม่นับสองดูโอปลิงมะกันนะครับ รายนั้นแบบว่าอย่าให้เผาผีกันเลย)

[greeenday]

จะวางรากฐานใหม่ดันจะปล่อยตัวหลักซะงั้น


หงส์พร้อมขายแอ็กเกอร์ 20 ลป.-ดึงวิลเลี่ยมส์เสียบแทน

ลิเวอร์พูลเตรียมตอบรับข้อเสนอมูลค่า 20 ล้านปอนด์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่มีมาถึงดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ปราการหลังคนสำคัญของทีมโดยพวกเขาหวังนำเงินที่ได้บางส่วนไปซื้อแอชลี่ย์ วิลเลี่ยทส์ของสวอนซี ซิตี้มาทดแทน
ร็อดเจอร์สชื่นชอบในฝีเท้าของวิลเลี่ยมส์เป็นอย่างมากโดยเซนเตอร์แบ็ควัย 28 ปีรายนี้ลงสนามรับใช้ทีมชาติเวลส์ไปแล้ว 33 เกมและเป็นแม่ทัพใหญ่ที่คุมแนวรับของสวอนซีมาตั้งแต่อยู่ลีกแชมเปี้ยนชิพจนขึ้นมาอยู่กลางตารางพรีเมียร์ลีก............

ข่าวจาก Soccersuck by Sir-Oh

เอาเข้าไปจะเหลืออะไรล่ะทีนี้

[greeenday]

พอล ทอมคินส์: การครองบอล~โอกาสความสำเร็จของลิเวอร์พูล ตอน1

พอล ทอมคินส์เป็นนักเขียนและนักข่าวที่ได้รับความเชื่อถือสูงมากในวงการฟุตบอลอังกฤษ เขาประกาศตัวอย่างเปิดเผยว่าเป็นเดอะค็อปตัวยง เขาเคยเขียนบทความลงในเวบไซท์ทางการของสโมสรอยู่นานก่อนจะพักไประยะหนึ่ง งานประจำในปัจจุบันคือทำงานให้กับ Times และมีคอลัมน์และเวบไซท์ของตัวเองคือ Tomkins Times ที่ต้องเสียเงินสมัครสมาชิก (เดือนละ 3.50 ปอนด์) จึงจะได้อ่านบทความดีๆของเขาและนักเขียนในสังกัด ตอนนี้เขากลับมาเขียนให้กับเวบทางการอีกครั้งแล้ว เกือบทุกบทความของเขาจะยาวเฟื้อยยิ่งกว่า BTS ภาษาที่ใช้ก็พิสดาร ล้ำลึก ใช้เวลาแปลนานมั่กๆ ยังไงก็จะพยายามแปลมาให้อ่านกันให้ได้บ่อยที่สุดละกันครับ

หลังจากที่หยุดพักการเขียนบทความให้กับเวบทางการไป 2-3 ปี ในซีซั่น 2012/13นี้ มิสเตอร์พอล ทอมคินส์นักเขียนผู้ที่ได้รับการยกย่องในวงการเป็นอย่างสูงจะได้กลับมาเขียนคอลัมน์ให้กับเวบไซท์ของสโมสรลิเวอร์พูลตามปกติแล้ว

เป็นเวลานานกว่า 30 ปี—ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 60 จนถึงช่วงปลายทศวรรษที่ 90—แฟนๆลิเวอร์พูลรู้ดีว่าควรคาดหวังอะไรจากผู้จัดการทีมของเขา เมื่อไรก็ตามที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม คนที่มาแทนเขาจะเดินตามรอยเดิมของคนก่อน “ทุกอย่างเหมือนเดิมในอาทิตย์นี้” รวมถึง “ทุกอย่างเหมือนเดิมในซีซั่นนี้” ทว่าตั้งแต่ปี 1998 ที่สโมสรเริ่มแต่งตั้ง ”คนนอก” คนแรกตั้งแต่ปี 1959 เราก็เริ่มค่อยๆเรียนรู้ความคิดใหม่ๆที่แตกต่างออกไป และบางครั้งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

เมื่อไรก็ตามที่คุณได้ผู้จัดการทีมคนใหม่ คุณจะมองไปยังประวัติของเขาเพื่อดูว่าคุณสามารถคาดหวังอะไรจากเขาได้บ้าง กับจำนวนและแบบฉบับของผู้เล่นที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ต้องทำงานด้วย มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะลอกเลียนรูปแบบหรือวัฏจักรการทำงานทั้งหมดของสโมสรก่อนหน้าของผู้จัดการทีมคนใหม่นี้ แต่ปรัชญาการทำงานและการทำทีมของเขาต่างหากที่จะตามเขามาที่สโมสรแห่งใหม่ ถึงแม้ว่าเขาต้องปรับมันให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ—โดยเฉพาะกับสิ่งสำคัญที่สุด--ปรับมันให้เข้ากับขุมกำลังที่เขาจะมีในมือ

เมื่อตอนที่เคราร์ด ฮุลลิเยร์มาถึง พวกเราเคยคาดหวังจะเป็นความเป็นมืออาชีพจากยุโรป กับเบนิเตซ เรารู้ว่าเรากำลังจะได้นักคิดนักคำนวณ, ระบบการหมุนเวียนผู้เล่น, การเล่นแบบกึ่งโซนกึ่งมาร์คตัว, และการเล่นแบบเพรสซิ่งที่น่าอึดอัดกระสับกระส่ายของเขาที่บาเลนเซีย กับฮ็อจสันเองก็จะเป็นการยึดติดกับระบบ 4-4-2 ไม่ยอมยืดหยุ่นโดยการปรับไปเล่นระบบอื่น และหลักการเล่นแบบปลอยภัยไว้ก่อน-เสี่ยงให้น้อยที่สุด

ผู้จัดการทีมแต่ละคนต่างต้องทำงานอยู่บนรูปแบบการคาดหวังที่แฟนๆมีต่อเขา ไม่มีใครที่เข้ามาแล้วทำในสิ่งตรงข้ามกับที่เขาถูกคาดหวังไว้

กับเคนนี่ ดัลกลิชที่ได้รับโอกาสกลับมาคุมที่เป็นครั้งที่สอง เราเคยพยายามคาดเดาว่าเราจะเห็นสไตล์การเล่นแบบพาส-แอนด์-มูฟของปลายยุค 80 หรือเป็นเป็นการเล่นที่ตรงไปตรงมากว่ากับไดเรคฟุตบอลที่แบล็คเบิร์นที่ซึ่งเขาชนะเลิศฟุตบอลลีกด้วยกองหน้าร่างใหญ่ยืนคู่กันสองคน และสิ่งที่เราได้เห็นจริงๆจากดัลกลิชคือเกมฟุตบอลที่เยี่ยมยอด โดยเฉพาะในช่วงที่เขาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวก่อนได้รับสัญญาระยะยาว หลังจากนั้น—บางทีอาจเป็นผลกระทบจากการมาของสตีฟ คล๊าก—บ่อยครั้งที่แนวแผงหลังจะยืนค่อนข้างต่ำ ลิเวอร์พูลของดัลกลิชในช่วงนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูลยุคเก่ากับสไตล์ของแบล็คเบิร์น “โยนเข้าไปที่ศูนย์หน้าตัวเป้า” แต่ทั้งสองสไตล์ไม่เคยถูกหลอมรวมให้เป็นเนื้อเดียวกัน บางทีมันกลับถูกทำให้ทรุดหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

กับเบรนแดน ร็อดเจอร์ส เราเห็นปรัชญาการทำงานที่ถูกบอกกล่าวออกมาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยผ่านการทดสอบในเกมการเล่นอย่างเป็นทางการก็ตาม เขาชอบการเล่นแบบกดดันสูงเหมือนกับที่เราเคยเห็นในเกมของเบนิเตซ และการผ่านบอลเร็วแบบที่เราเห็นในช่วงเวลาที่ดีของดัลกลิช เหมือนกับผู้จัดการทีมชั้นยอดทุกคน เขาต้องการจัดวางรูปแบบของทีมให้ลงตัวตามแบบฉบับของเขาเหมือนกัน แต่ถ้าจะมีคำสักคำที่แทนภาพร่างที่เขาต้องการจะทำ มันคือคำว่า “การครองบอล”

หนึ่งในคำถามอันเฉียบคมของที่วนเวียนอยู่ในวงการฟุตบอลคือการครองบอลนั้นสำคัญขนาดไหนกับการเอาชนะในเกมการแข่งขัน มีการรายงานข่าวช่วงฟุตบอลยูโร 2012 ว่าเปอร์เซนต์การครองบอลของอังกฤษนั้นอยู่ในกลุ่มที่ทำได้ต่ำที่สุด ขณะที่แชมเปี้ยนจากสเปนทำได้สูงที่สุด

“เล่นแบบเชลซีสิ (Doing a Chelsea)” ได้ถูกเอ่ยออกมาบ่อยครั้งมากตอนที่อังกฤษกำลังตกระกำลำบาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเล่นโดยแทบไม่มีลูกฟุตบอลอยู่กับตัวเลยในการพบกับบาร์เซโลน่า แต่ทีมจากลอนดอนทีมนี้ก็จัดการน็อคทีมจากคาตาลันทีมนั้นตกรอบแชมป์เปี้ยนลีกไปหน้าตาเฉย บ่อยครั้งที่ผลการแข่งขันมักจะผูกพันกับผลงานของผู้เล่นแต่ละบุคคลมากกว่าจะขึ้นอยู่กับการครองบอลเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างเช่น ลีโอเนล เมสซี่พลาดลูกจุดโทษและทีมของเขาไม่สามารถทำให้โอกาสดีๆที่เพียรสร้างกันมาให้เป็นประตูได้ในการเจอกับทีมของดิ มัตเตโอ วันหนึ่งจู่ๆคุณก็อาจจะพบว่าการจบสกอร์ของคุณแย่มาก, ผู้รักษาประตูฝั่งตรงข้ามก็เกิดผีเข้าขึ้นมา และสุดท้ายแล้วการตัดสินใจครั้งสำคัญอาจพุ่งเป้ามาที่คุณแทน

เมื่อปีที่แล้ว บาร์เซโลน่าเป็นทีมระดับเทพโดยสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้งดูเหมือนว่าความชอบธรรมในการรักษาบอลไว้กับทีมก็กลายมาเป็นประเด็นปัญหา พวกเขายิงประตูในลีกไป 114 ประตูและสามารถทำผลต่างประตูได้-เสียที่เยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยผลต่างถึง 85 ประตู!! ทันใดนั้นเองผู้คนต่างเริ่มรู้สึกหน่ายกับบาร์ซ่าและทีมชาติสเปนก็ถูกเรียกว่า “น่าเบื่อ” โดยกูรูหลายๆคน (แทนที่จะเบื่อฟุตบอลสไตล์แบบนี้ ดูเหมือนว่าผู้เล่นหลายคนจะเป็นฝ่ายเบื่อไปเสียเอง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีซึ่งมากับจำนวนเกมที่เพิ่มขึ้นและความกดดันที่ตามมา)

เอาเถอะ เราสามารถหาตัวอย่างเกมที่ทีมผู้ครองบอลได้น้อยกว่าแต่กลับคว้าผลชนะไว้ได้ แล้วแนวโน้มโดยรวมล่ะ มันเป็นอย่างไร

ในโอกาสเข้ารับงานที่ลิเวอร์พูล ร็อดเจอร์สเคยบอกว่า “ถ้าคุณครองบอลได้ดีกว่าฝ่ายตรงข้าม คุณจะมีโอกาสสูงถึง 79% ที่จะชนะในเกมนั้นได้” ก่อนหน้านั้นแค่ปีเดียว หลังจากได้เลื่อนชั้นขึ้นมากับสวอนซี เขาเคยพูดอีกว่า “เราได้วิเคราะห์การผ่านบอลที่พวกเราได้ทำไป ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดหลักที่จะแสดงออกถึงผลงานของเรา ผลคือเก้าจากสิบครั้งถ้าพวกเราสามารถผ่านบอลได้ถึงระดับๆหนึ่งเราจะชนะในเกมนั้นๆ มันหมายความว่าเราเป็นผู้ควบคุมเกมและพื้นฐานของเราก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมและครองบอลให้ได้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม เราต้องการทำมันโดยมีบอลอยู่กับตัว เราผ่านบอลเฉลี่ยต่อเกมเท่ากับ 526 ครั้งและอัตราเฉลี่ยของการครองบอลคือ 61%”

หลังการเลื่อนชั้น สวอนซีผ่านบอลมากกว่าใครๆในลีกยกเว้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในซีซั่นที่ผ่านมา แต่นั่นไม่ได้ทำให้สวอนซีจบในอันดับสองของตารางใช่มั้ย การครองบอลโดยไม่มีกองหน้าชั้นเยี่ยมระดับโลกและมิดฟิลด์ตัวรุกดีๆไม่สามารถทำให้ทีมชนะได้มากไปกว่าทีมอื่นๆที่ครองบอลได้น้อยกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อย

สวอนซีเป็นทีมที่มีมูลค่าผู้เล่นต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกในปีที่ผ่านมา ดังนั้นพวกเขาไม่มีผู้เล่นเทพๆประเภท “นำชัยให้สโมสร” ที่จะทำประตูและขโมยชัยชนะจากเกมที่พวกเขาไม่อาจมีเปรียบฝ่ายตรงข้ามได้ แต่พวกเขาทำผลงานในซีซั่นนี้ได้อย่างเหนือความคาดหมาย (จบกลางตารางและไม่ต้องดิ้นรนหนีตกชั้นสักนัด) พวกเขาทำมันได้ในสไตล์การเล่นที่ดูจะเหมาะกับระดับของสโมสรที่ใหญ่กว่านี้


เวบทางการ: Paul Tomkins is back on LFC.com, 30th Jul 2012
ning_ming : www.thekop.in.th แปลครับ

ยังมีอีกตอนนึงครับ

[greeenday]

บทความแปล : 5 ผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Liverpool...

ในขณะที่พวกเราเหล่าสาวกหงส์แดง กำลังตั้งหน้าตั้งตารอดูผลงานของ Rodgers ว่าจะออกมาเป็นยังไงกันแน่เรามาลองมองย้อนกลับไปดู 5 คนที่เหล่าสาวกหงส์แดง รักและเคารพมากที่สุดกัน

อันดับ 5.Gerard Houllier
เริ่มตั้งแต่ปี 1998 ที่ Gerard Houllier เข้ามาคุมทีมร่วมกันกับ Roy Evans และก่อนที่ จะคุมเต็มตัวหลังจากที่ Roy Evans ขอลาออกไป หลังจากที่ Gerard Houllier คุมทีมเต็มตัวผู้จัดการเลือด Frenchman รายนี้ได้ทำการปล่อยตัว Steve McManaman, Paul Ince, Jason McAteer และ David James ออกจากทีมนั่นจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เหล่าแฟนๆ ข้องใจเป็นอย่างมากที่ปล่อยตัวนักเตะคนสำคัญออกจากทีมไปและได้นำเข้านักเตะอย่าง Sami Hyypia Dietmar Hamann และ Vladimir Smicer จึงทำให้แฟนๆ ต่างคิดว่ามันคุ้มกันแล้วหรอที่ทำแบบนี้ และในปี 2000 ผู้จัดการรายนี้ก็ได้เสริมหนักอีกด้วยการดึงตัว Marcus Babbel, Nicky Barmby, Emile Heskey และ Gary McAllister เข้ามาเสริมอีกและการที่เสริมตัวมาทั้งหมดนี้มันก็ได้ผลในปี 2000/2001 ที่ ลิเวอร์พูล ได้แชมป์ League Cup , FA Cup และตามมาด้วย UEFA Cup แต่ความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ยังไม่จบยังตามมาคว้า โล่รางวัล Super Cup ได้อีกด้วย และนั่นเองที่ทำให้ผู้จัดการทีมรายนี้เข้าไปอยู่ในดวงใจของเหล่าสาวก หงส์แดง

อันดับ 4.Rafael Benitez
ผู้จัดการขวัญใจมหาชมรายนี้เข้ามาคุมทีมในปี 2004 แทนที่ Houllier และหลังจากที่ Benitez เข้ามาคุมทีมเขาก็ได้จัดการเสริมทีมด้วยการคว้า Xabi Alonso และ Luis Garcia เข้ามาเสริมทันทีและในปี 2005 เป็นปีที่พวกเราเหล่าสาวก หงส์แดง ไม่มีวันลืมเลยก็คือ Rafael Benitez พาลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ในรายการ UEFAChampions League แบบที่ทุกคนต่างไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นถึงมันจะดราม่ามากแต่มันก็จบแบบแฮปปี้มาก... และในฤดูกาลที่สองเขาก็พา ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ Super Cup และ FA Cup ได้อีกและด้วยการที่ Benitez เป็นคนที่รักสโมสรแห่งนี้มากจึงทำให้เขาได้ใจแฟนบอล หงส์แดง ไปแบบไม่ยากเลย แต่ Benitez ค่อนข้างจะออกจากสโมสรไม่สวยงามนักเพราะเขาได้ถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 2010 แต่เขาคนนี้จะยังคงอยู่ในความทรงจำที่ดีของพวกเราตลอดไป

อันดับ 3.Kenny Dalglish

เขาผู้นี้ไม่มีแฟน ลิเวอร์พูล คนไหนที่ไม่รู้จักเพราะเขาได้ถูกยกให้เป็น The King Of Anfield Dalglish เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในปี 1985 เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ยอดเยี่ยมมากในระยะเวลา 6 ปีที่เขาคุมทีมนั้นได้แชมป์มากมาย 3 แชมป์ลีกสูงสุด ( First Divisions ) 2 แชมป์ FA Cups และ 4 แชมป์ Charity Shields ในฤดูกาลแรกของผู้จัดการทีมเลือด Scotsman รายนี้เขาได้ ดับเบิ้ลแชมป์คือ league และ FA Cup ต่อมาในปี 1991 Dalglishได้ขอลาออกจากทีมเนื่องจากปัญหาสุขภาพ แต่ที่ทำให้เหล่าสาวกหงส์แดงหัวใจกลับมาพองโตอีกครั้งคือในปี 2011 ชายผู้ซึ่งได้ชื่อ The King Of Anfield ได้กลับมายังทีมที่เขารักอีกครั้งและถึงแม้ว่าการกลับมาในครั้งนี้จะไม่สวยหรูมากมายนักแต่เขาผู้นี้ก็จะถูกจดจำในฐานะตำนานต่อไป

อันดับ 2.Bill Shankly

Bill Shankly ผู้นี้จะเรียกได้ว่าเขาเป็นบุคคลที่ปลุกให้ ลิเวอร์พูล ยิ่งใหญ่ในดินแดนยุโรป เลยก็ว่าได้ เขาพา ลิเวอร์พูล ตื่นขึ้นมาจากหลุม ดิวิชั่น 2 มาสู่ ดิวิชั่น 1 และยังคว้าแชมป์
ลีกสูงสุด ดิวิชั่น 1 ไปถึง 3 สมัย , 2 แชมป์ FA Cup , 4 แชมป์ Charity Shields และตามด้วย 1 แชมป์ UEFA Cup เขาใช้เวลา 15 ปี ในการคว้าแชมป์เหล่านี้มาประดับตู้ในถิ่น Anfield ...Shankly คือพระเอกของพวกเราและเขายังแสดงให้เห็นถึงวิถีการเล่นแห่ง Liverpool...

อันดับ 1.Bob Paisley
Bob Paisley เป็นคู่หูของของ Bill Shankly เลยก็ว่าได้เพราะเขาทั้งสองคนทำให้ ลิเวอร์พูลยิ่งใหญ่และเล่นได้อย่างสวยงามจริงๆ Paisley เป็นผู้จัดการทีมที่จงรักภักดีต่อสโมสรเป็น
อย่างมาก Paisley คุมสโมสร ลิเวอร์พูล 9 ปี และเขาได้พา ลิเวอร์พูล คว้า 6 แชมป์ ลีกสูงสุด 3 แชมป์ League Cups , 5 แชมป์ Charity Shields , 1 แชมป์ UEFA Cup และ 1 แชมป์ Super Cup และแน่นอนเขาคือผู้จัดการทีมที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีชื่อเสียงมากที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล...

แปลมากจากบทความของ --- Scott Hendry
แปลโดย --- M.79 www.thekop.in.th

[greeenday]

เสียวซี้ด แมนซิตี้พร้อมยื่น 20ล้าน+แสนปอนด์ต่อวีคเพื่อแลกแอกเกอร์
แมนซิตี้ถูกลิเวอร์พูลปัดข้อเสนอยื่นซื้อ Daniel Agger ไปแล้วสองหน แต่สื่อเชื่อว่าทางลิเวอร์พูลเองนั้นพร้อมจะขายแอกเกอร์อยู่

โกล.com ตีข่าวว่าแมนซิตี้พร้อมจ่าย 20 ล้านปอนด์พร้อมเสนอค่าเหนื่อยให้แอกเกอร์ถึง 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์

โดยทาง Roberto Mancini อยากได้กองหลังใหม่มาเสริมทีมก่อนพรีเมียร์ลีคฤดูกาลใหม่จะเริ่มขึ้น โดยมันชินี่กำลังกังวลกับข่าวที่ว่าลิเวอร์พูลกับแอกเกอร์กำลังจะต่อสัญญาใหม่ แต่เชื่อกันว่า ร๊อดเจอร์สจะไม่ต่อสัญญาหรือปรับปรุงสัญญากับแอกเกอร์ เพราะต้องการขายเขาเพื่อเอาเงินมาลงทุนซื้อนักเตะใหม่

เจ้าของทีมอย่าง FSG ปฎิเสธที่จะจ่ายให้แอกเกอร์ในระดับแสนปอนด์ต่อวีคซึ่งอาจทำให้แอกเกอร์รู้สึกผิดหวังกับความสำคัญของเขาในสายตาของสโมสร และกองหลังวัย 27ปี เหลือสัญญากับทีมอีกเพียง 2 ปีเท่านั้น

บาเซโลน่ามีข่าวกับแอกเกอร์ด้วยเช่นกัน แต่เชื่อว่าลิเวอร์พูลอยากขายในราคา 20 ล้านปอนด์มากกว่า โดยแอกเกอร์ไม่ได้ไปร่วมทีมเตะกับโกเมลเมื่อสัปดาห์ก่อน

ร๊อดเจอร์สกำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่กับลิเวอร์พูล แต่ยังต้องการเงินเพื่อมาสมทบในการซื้อนักเตะ โดยในรายของแคโรลล์นั้นมีข้อเสนอยื่มตัวพ่วงซื้อขาดจากเวสต์แฮมมูลค่า 18 ล้าน แถมนิวคาสเซิ่ลทีมเก่าของแคโรลล์ก็ยังสนใจอยู่เช่นกัน

แดน แอกเกอร์ย้ายมาร่วมทีมลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์เมื่อปี 2006 แม้ว่าจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดในช่วงที่อยู่ในแอนฟิลด์ แต่แอกเกอร์ก็เป็นนักเตะขวัญใจของเหล่าเดอะค๊อป และฤดูกาลก่อนก็ลงเล่นให้ทีมไปทั้งสิ้น 34 นัดจากทุกรายการแข่งขัน

ที่มา :: โกลดอทคอม
กับสถิติลงสนามให้สโมสร 41% ต่อ 1 ฤดูกาล ท่าทางจะขายจริงอะไรจริง

Edited by greeenday, 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 16:00.

[greeenday]

รายชื่อ การจัดอันดับสโมสรโลก
วันที่ 1 สิงหาคม 2011 - 30 กรกฎาคม 2012

ดูอันดับทีมอื่นๆ ทั่วโลกได้ที่

http://www.iffhs.de/?10f42e00fa2d17f73702fa3016e23c17f7370eff3702bb1c2bbb6f28f53512

Liverpool FC อยู่อันดับที่ 97

[greeenday]

พอล ทอมคินส์: การครองบอลและโอกาสความสำเร็จของลิเวอร์พูล ตอนจบ

หลังการเลื่อนชั้น สวอนซีผ่านบอลมากกว่าใครๆในลีกยกเว้นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในซีซั่นที่ผ่านมา แต่นั่นไม่ได้ทำให้สวอนซีจบในอันดับสองของตารางใช่มั้ย การครองบอลโดยไม่มีกองหน้าชั้นเยี่ยมระดับโลกและมิดฟิลด์ตัวรุกดีๆไม่สามารถทำให้ทีมชนะได้มากไปกว่าทีมอื่นๆที่ครองบอลได้น้อยกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อย

สวอนซีเป็นทีมที่มีมูลค่าผู้เล่นต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีกในปีที่ผ่านมา ดังนั้นพวกเขาไม่มีผู้เล่นเทพๆประเภท “นำชัยให้สโมสร” ที่จะทำประตูและขโมยชัยชนะจากเกมที่พวกเขาไม่อาจมีเปรียบฝ่ายตรงข้ามได้ พวกเขาทำได้เหนือความคาดหมาย พวกเขาทำมันได้ในสไตล์ที่ดูจะเหมาะกับสโมสรที่ใหญ่กว่านี้

มีอะไรให้พูดถึงเยอะเหมือนกันกับรูปแบบการครองบอลในแดนตัวเองของร็อดเจอร์ส แต่นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธการตั้งรับของเขา พวกเขารักษาคลีนชีตได้มากเกมจนน่าทึ่งสำหรับทีมที่เพิ่งจะเลื่อนชั้นมาใหม่ๆ ที่จริงมันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะครองบอลไว้กับตัวเองในพื้นที่ที่ต่ำกว่าปกติ (ในแดนตัวเอง) ที่ซึ่งจะมีผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอยู่ไม่กี่คน แต่สโมสร “ขนาดเล็ก” ส่วนมากไม่แม้แต่พยายามจะทำมัน ตรงกันข้ามพวกเขากลับละความสำคัญของการครองบอล โดยพอใจกับการอยู่ข้างหลังฟุตบอลและมองหาโอกาสจะเล่นสวนกลับ หรือไม่ก็ทำแค่เตะบอลยาวขึ้นไปเท่านั้น สวอนซีไม่ใช่ทีมที่เล่นโดยไร้จินตนาการ พวกเขาสร้างโอกาสการควบคุมเกมและค่อยๆทำเกมรุกอย่างมั่นคง

กับผู้เล่นที่มีคุณภาพดีขึ้น ตอนนี้ร็อดเจอร์สสามารถคาดหวังจะได้เห็นทีมของเขาครองบอลในพื้นที่ที่สูงขึ้นของสนาม และแน่นอนยิ่งเล่นสูงเข้าไปในแดนของฝ่ายตรงข้ามเท่าไร พื้นที่ที่พวกเขาจะเล่นก็จะเหลือน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้นลิเวอร์พูลอาจจะไม่ได้มีสถิติการครองบอลที่ดีไปกว่าสวอนซีสักเท่าไร พวกเขาจะมีอัตราการผ่านบอลขึ้นข้างหน้าที่ดีขึ้น และยิ่งเล่นสูงขึ้นไปเท่าไร ความจำเป็นที่ทีมต้องทำให้ได้คือการครองบอลในพื้นที่กรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าทำได้มันก็ไม่ได้การันตีผลการแข่งขันใดๆ การครองบอลเป็นรูปแบบของการสร้างโอกาสสำหรับฝั่งตัวเอง และเป็นวิธีในการหยุดฝ่ายตรงข้ามในการสร้างโอกาสและการทำเกมของพวกเขา

ในเดือนพฤษภาคม 2010, จากเหตุการณ์ของเกมที่อินเตอร์มิลานเอาชนะบาร์เซโลน่าไปได้แม้จะมีสถิติการครองบอลเพียง 16% ผู้สื่อข่าวของการ์เดี้ยนโจนาธาน วิลสันได้เขียนไว้ว่า
“สถิติจาก Opta ซึ่งพ้องกันกับที่ได้จาก Castrol แสดงว่าจาก 2 ซีซั่นที่ผ่านมาในพรีเมียร์ลีกมีจำนวนเกมแค่หนึ่งในสามของทั้งหมดที่ทีมข้างใดข้างหนึ่งสามารถควบคุมเกมด้วยอัตราการครองบอลที่ 60% หรือมากกว่า และจากสถิตินั้นเมื่อพวกเขาทำมันได้ พวกเขามีโอกาสชนะ 52% และแพ้ 25% สำหรับทีมใดก็ตามที่ทำได้ 70% หรือมากกว่า (เกิดขึ้นเพียง 4.70% ของเกมทั้งหมด) พวกเขาทำสถิติชนะ 67% และแพ้เพียง 17% มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในช่วง 2 ซีซั่นที่ผ่านมาที่ทีมๆหนึ่งสามารถควบคุมเกมและครอบครองบอลได้มากกว่า 80% นั่นคือลิเวอร์พูล ในนัดที่พวกเขาเอาชนะโบลตันไป 3-2 เมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว”

“ในหลายๆเกมที่สูสีกันมากๆ การครองบอลได้สัก 50-59.9% ก็มีโอกาสชนะ 43% และเสี่ยงกับโอกาสแพ้ 31% ดังนั้นผมเชื่อว่ามันมีความเกี่ยวเนื่องกันอยู่ระหว่างการครอบครองเกมโดยเด็ดขาด (domination) กับโอกาสการชนะในแมทช์นั้นๆ”

ที่สำคัญจนละเลยไม่ได้ เขา (โจนาธาน วิลสัน) ได้จบบทความของเขาด้วย

“อย่างที่เคยเห็นกัน เรารู้ว่ายังมีหลายๆทีมที่ประสบความสำเร็จกับการเล่นแบบตอบโต้ฉับพลัน (counter-attacking) ซึ่งโดยเหตุผลแล้วนั่นหมายความว่ามีฝ่ายหนึ่งยินดีและยอมรับที่จะเล่นโดยมีอัตราการครองบอลต่ำกว่าอีกฝ่าย”

สำหรับผมแล้ว (พอล ทอมคินส์) การเล่นแบบเคาน์เตอร์แอ๊ทแท็คเป็นกลยุทธที่สมเหตุสมผลสำหรับการเล่นสู้กับทีมที่ดีกว่าเท่านั้น ทว่าในครึ่งซีซั่นแรกของปี 2010-11 มันถูกบันทึกไว้ว่าลิเวอร์พูลเป็นทีมที่เล่นเคาน์เตอร์แอ๊ทแท็คกับทีมที่มีระดับด้อยกว่า (ฝีมือใครเอ่ย?) นั่นเป็นอะไรที่พวกเราไม่รู้จักและคุ้นเคยมาก่อน และผมเชื่อว่าผมพูดได้ถูกต้องที่ว่าครั้งเดียวในซีซั่นนั้นของสโต๊คที่ได้รับการบันทึกว่าครองบอลได้มากกว่าฝ่ายตรงข้ามในพรีเมียร์ลีกคือการเล่นกับลิเวอร์พูล (สโต๊ค 64% : ลิเวอร์พูล 36%) และจบลงด้วยชัยชนะของสโต๊ค 2-0 นั่นเป็นเกมที่ 11 ของลิเวอร์พูลในซีซั่นนั้น และอัตราเฉลี่ยของการครองบอลใน 11 นัดนั้นอยู่แค่ 46% เท่านั้น สโมสรกำลังดิ้นรนอยู่ที่กลางในขณะนั้น

แน่นอนที่ว่ามีการเก็บสถิติเรื่องอัตราการครองบอลในหลายๆรูปแบบและบ่อยครั้งที่มันถูกยึดถือเอาว่าเป็นตัวเลขแบบเดียวกัน ที่มาของข้อมูลบางครั้งก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของการผ่านบอล, บางครั้งก็เป็นระยะเวลาที่ลูกบอลอยู่กับทีมๆหนึ่ง แต่ในภาพรวมแล้ว ความแตกต่างของข้อมูลเหล่านั้นก็ไม่ได้มากเท่าไร ถึงแม้บางทีมันอาจทำให้เราทึกทักเอาว่ามันเป็นเรื่องเดียวกันระหว่างทีมนึงที่ผ่านบอลยาวอย่างสวยงามเข้าไปยังจุดนัดพบกับกองหน้าที่บริเวณมุมธง-ซึ่งจะถูกนับเป็นแค่การผ่านบอลที่ ”สำเร็จ” ครั้งนึงเท่านั้น กับอีกทีมนึงที่ใช้เวลาเท่ากันกับเวลาที่ลูกบอลลูกนั้นลอยอยู่ในอากาศ ทำการผ่านบอลสั้นที่อาจได้ถึง 6 ครั้ง ตัวอย่างของทั้งสองทีมนี้คือตัวอย่างความแตกต่างในเรื่องของ “การครองบอล”

เช่นกัน, คุณภาพในการผ่านบอลของทีมๆหนึ่งสามารถตรวจสอบและวัดได้จากสัดส่วนจำนวนความพยายามในการผ่านบอล (passes attempted) และการผ่านบอลสำเร็จ (passes completed) ความแน่นอนในการผ่านบอล (pass accuracy) ก็เป็นอีกตัววัดหนึ่งของคุณภาพการผ่านบอล


สวอนซีซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในอันดับ 2 ในแง่จำนวนครั้งรวมในการผ่านบอล แต่อยู่ “แค่” อันดับที่ 5 ในแง่อัตราการครองบอล (ผู้เขียนประชดเล็กๆครับ) ด้วยตัวเลขที่ใกล้เคียงกับของลิเวอร์พูลที่ 55% ทีมที่มีสถิติการจบสกอร์ในอันดับที่ 4 ก็อยู่ในอันดับที่ 4 ของการประเมินนี้ นั่นคือเชลซีที่มีอัตราส่วนการครองบอลต่ำกว่าลิเวอร์พูลและสวอนซีอยู่แค่เศษเสี้ยว และทีมที่มีอัตราการครองบอลในอันดับที่ 7 ก็อยู่ในท็อป 7 ของตารางเช่นกัน – แต่ด้วยความแตกต่างอย่างหนึ่ง – นิวคาสเซิ่ลเป็นทีมที่อยู่นอกสายตาอย่างแท้จริง ด้วยอัตราการครองบอลที่ต่ำกว่า 50% (พวกเขาทำได้ 49.30%) และยังจบซีซั่นได้ด้วยอันดับที่ 5 ความสำเร็จของพวกเขา (ที่จริงมันควรจะเป็นความสำเร็จที่ไกลเกินเอื้อมของพวกเขา) เห็นได้ชัดว่ามาจากการจบสกอร์ที่สุดยอดของเดมเบ้ บาในช่วงครึ่งแรกของซีซั่น และเมื่อบาเริ่มจะมีปัญหากับการยิงประตู ทีมก็ได้ปาปิส ซิสเซ่มาระเบิดสกอร์แทน ลองคิดดูว่าทีมอย่างสวอนซีจะไปได้ไกลขนาดไหนถ้าพวกเขามีกำลังพอจะซื้อและจ้างผู้เล่นดีๆอย่างซิสเซ่ได้

หรือถ้าคุณไม่สามารถเล่นแบบครองบอลได้ คุณก็ต้องมีโครงสร้างและระบบทีมที่ดีเอามากๆ พวกเราเคยได้เห็นทีมที่ขาดโครงสร้างและระบบทีมพยายามจะเล่นเกมบุกแบบบ้าระห่ำไร้ทิศทางกันมาแล้ว แต่ความสวยงามของบาร์เซโลน่าเป็นตัวอย่างหนึ่งของการถ่วงน้ำหนักกันระหว่างโครงสร้างและระบบทีมที่ดีกับสัดส่วนการครองบอล พวกเขาไม่ได้ “เสีย” ผู้เล่นในสนามไปกับการอยู่ว่างๆสักคนเลย ถ้าทีมไหนๆจะมาเล่นอุดกับบาร์เซโลน่าด้วยผู้เล่น 10 คนคอยอยู่หลังลูกฟุตบอลล่ะก็ พวกเขาพร้อมที่จะสละเซ็นเตอร์แบ็คทั้งสองตัวเพื่อดันแนวกองหลังขึ้นไปสนับสนุนเกมบุก ไม่มีผู้เล่นของบาร์เซโลน่าที่ลงสนามแล้วจะทำตัวกินแรงเพื่อนในสนาม (no-one is a passenger)

เมื่อซีซั่นที่แล้วปัญหาใหญ่ของลิเวอร์พูลคือฟอร์มการเล่นในบ้านและคล้ายกับเชลซีคืออัตราเฉลี่ยการครองบอลอยู่แถวๆ 50% เท่านั้นเอง สเปอร์ที่จบในอันดับที่ 4 ของตารางสามารถทำได้ถึง 59% แต่ในบรรดาทีมท็อปทรีต่างก็มีตัวเลขระหว่าง 60-61% พวกเขาจบในอันดับดีๆกันได้เพราะความสามารถในการครองบอลหรือเปล่า หรือว่าการครองบอลเป็นเพียงผลข้างเคียงที่ได้จากการมีผู้เล่นระดับท็อปคลาสหลายๆคนอยู่ในทีม?

ผมมีความรู้สึกประการหนึ่งว่าการครอบครองบอลต้องเป็นประเด็นที่พวกเราต้องกลับมาวิเคราะห์ดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อแสดงความชื่นชมต่อลิเวอร์พูลของพวกเราเมื่อพวกเขาชนะ และศึกษาหาสาเหตุถ้าพวกเขาต้องพลาดพ่ายแพ้ ถ้าคุณมีเงินก้นถุงสักหลายดอลล่าร์คุณสามารถเอามันไปพนันได้เลยว่าถ้าร็อดเจอร์สคุมทีมแล้วได้ผลการแข่งขันแย่ๆ เขาจะต้องถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าการมีผลการแข่งขันแย่ๆนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่อาจจะเกิดขึ้นกับซีซั่นของใครๆก็ได้

และเมื่อไรก็ตามที่ทีมที่เล่นบนพื้นฐานของการครองบอลต้องพลาดพลั้งเสียที การถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์จะเกิดขึ้นทันที พร้อมด้วยการกล่าวหาในความพยายามของทีมกับการส่งบอลให้เข้าประตู แต่สิ่งสำคัญคือปรัชญาของทีมที่ทีมจำเป็นต้องยึดมั่น, ไม่ว่าจะดีหรือร้าย, เพราะว่าในภาพรวมแล้วนั่นเป็นหลักการที่เป็นเหตุเป็นผลและยั่งยืน

เวบทางการ: Paul Tomkins is back on LFC.com, 30th Jul 2012
ning_ming แปล
จบแล้วครับ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

แอกเกอร์ถ้าย้ายจริงขอ 20m+ อดัม จอห์นสัน แล้วกันนะ รามิเรสไม่ต้องเอา

จะว่าไปลองเอาแคโรลเล่นเซ็นเตอร์ดูก้อดีนะ

[greeenday]

แอกเกอร์ถ้าย้ายจริงขอ 20m+ อดัม จอห์นสัน แล้วกันนะ รามิเรสไม่ต้องเอา

จะว่าไปลองเอาแคโรลเล่นเซ็นเตอร์ดูก้อดีนะ

ตามข่าวก็ออกมาแบบที่ท่านว่าล่ะครับ แต่เป็นขั้นต่ำที่จะคุยด้วย 22m + อดัม จอห์นสัน ตอนนี้ในทีมสำรองของนักเตะที่ไม่ได้ร่วมทีมไปแข่งยูโรป้าเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน เริ่มจะฝึก มาร์ติน เคลลี่ ในต่ำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟแล้ว ไหนจะ โคอาเตส ,แดนนี่ วิลสัน และดาวรุ่งที่จะขึ้นมาอีก ถ้าได้ราคานี้ก็เหมาะล่ะครับ กับที่ซื้อมาตอนแรก 6m แถมสถิติลงสนาม 41% ต่อ 1ฤดูกาล คุ้มครับ เอาแคโรลเล่นเซ็นเตอร์ก็ฟาว์ลเสียจุดโทษอย่างเดียวครับ

[greeenday]

Official: ชัวเรซต่อสัญญาเรียบร้อยโรงเรียนหงส์

สโมสรลิเวอร์พูลได้ประกาศแล้วว่าหลุยส์ ชัวเรซได้เซ็นต์สัญญาระยะยาวฉบับใหม่เรียบร้อยแล้ว

"การได้เซ็นต์สัญญาฉบับใหม่กับลิเวอร์พูลเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อเลยสำหรับผม เพราะผมมีความสุขอย่างยิ่งกับที่นี่..ทั้งกับสโมสรและกับเมืองลิเวอร์พูล" ชัวเรซบอกกับเวบทางการ


"นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมและผมมีความสุขมากๆกับสัญญาใหม่ของผมฉบับนี้"

"เมื่อตอนเป็นเด็ก ทุกคนต้องการเล่นให้ลิเวอร์พูล ผมอยู่ที่นี่แล้วในตอนนี้ และนี่คือความฝันของผมและตอนนี้ผมเป็นแฟนลิเวอร์พูลเต็มตัวแล้ว"

"ผมมีความสุขแม้จะอยู่นอกสนามเพราะผู้คนเมืองลิเวอร์พูลดีกับผมและครอบครัวมากๆ ผมจะพยายามให้ดีที่สุดในสนาม เพราะเมื่อคุณมีความสุขกับชีวิตนอกสนาม คุณก็จะมีความสุขกับเรื่องราวในสนามเช่นเดียวกัน"

"ผมต้องการกล่าวขอบคุณต่อแฟนๆเพราะพวกเขาเป็นผู้เล่นคนที่ 12 ของพวกเรา แฟนๆของสโมสรลิเวอร์พูลน่าเหลือเชื่อจริงๆ"

"เมื่อ 5-6 ปีก่อน ผมเคยดูเรื่องของสโมสรและสนามแอนฟิลด์ทางทีวีและตอนนี้ผมได้เล่นที่นี่และมีกองเชียร์ที่คอยให้ความช่วยเหลือผม นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญต่อผมมาก"

ระยะเวลาของสัญญายังไม่ถูกเปิดเผย แต่ผู้จัดการทีมเบรนแดน ร็อดเจอร์สยอมรับว่าเขาดีใจมากที่ชัวเรซตกลงจะอยู่กับสโมสรไปอีกนาน

"ผมดีใจที่เขาเซ็นต์สัญญา ผมว่าเขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก เขาได้เห็นวิสัยทัศน์ของพวกเราที่นี่และได้เห็นว่าพวกเรากำลังพยายามทำอะไรกันอยู่"

"เมื่อคุณมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับผู้เล่นระดับโลกหลายๆคนที่เรามีอยู่ มันเป็นเรื่องที่พิเศษมาก ใช่ครับมีหลายๆสโมสรที่สนใจในตัวเขา แต่ในช่วงพักซีซั่นที่ผ่านมา เขาและผมได้พูดคุยกันตลอด และในที่สุดเขาก็ตกลงผูกพันกับสโมสรในระยะยาวแล้ว"



หมายเหตุ: เดอะมิเรอร์รายงานว่าชัวเรซได้ขึ้นค่าเหนื่อย 3 เท่าจาก 40,000 ปอนด์ เป็น 120,000 ปอนด์/อาทิตย์เท่ากับเจอร์ราร์ดครับ

football.co.uk: Suarez agrees new Liverpool deal, Published: 07 Aug 2012 - 19:16:52

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

โอ้ ซัวเรสต่อสัญญา ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดในช่วงนี้เลย ซัวเรสต้องยื้อแอกเกอร์หน่อยนะตอนนี้

ไม่อยากเห็นแกย้ายน่ะ คาร่าก็อายุมากแล้วเล่นไม่ดีเหมือนแต่ก่อน

หงส์น่ามองหาแบ็คซ้ายตัวใหม่นะ เอนริเก้ผมว่าดันเล่นปีกดีกว่าครับ ช่วงหลังๆเล่นรับไม่ดีเลย

[greeenday]

โอ้ ซัวเรสต่อสัญญา ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดในช่วงนี้เลย ซัวเรสต้องยื้อแอกเกอร์หน่อยนะตอนนี้

ไม่อยากเห็นแกย้ายน่ะ คาร่าก็อายุมากแล้วเล่นไม่ดีเหมือนแต่ก่อน

หงส์น่ามองหาแบ็คซ้ายตัวใหม่นะ เอนริเก้ผมว่าดันเล่นปีกดีกว่าครับ ช่วงหลังๆเล่นรับไม่ดีเลย

เห็นด้วยเลยครับ คิดว่าฤดูกาลนี้ตำแหน่งของเอ็นริเก้น่าจะมีปัญหาที่สุด เนื่องจากเกมส์รุกก็จ่ายบอลพลาดอยู่เรื่อยเลย เริ่มเห็นเค้าลางตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว
ในขณะที่คนหนึ่งที่ถือว่าเป็นกำลังหลักพอที่จะฝากผีฝากไข้ได้ต่อสัญญาอยู่ยาวกับสโมสร แต่กับอีกคนหนึ่งที่เป็นกำลังหลักเหมือนกันก็กะลังจะไปเหมือนกันครับ

หงส์แดงเตรียมเจรจาเรื่องAggerกับแมนซิฯ
ลิเวอร์พูลเตรียมเปิดโต๊ะเจรจากับแมนซิตี้ในเรื่องการย้ายตัวของ Agger
เมื่ออาทิตย์ก่อน Brendan Rodgers ได้ออกมาบอกว่าไม่ต้องการให้ Agger ย้ายออกไปแมนเชสเตอร์ซิตี
หงส์แดงจะไม่ยอมปล่อยตัวกองหลังรายนี้แน่นอนถ้าไม่ได้ค่าตัว20ล้าน+ และอาจใช้ดีลนี้เพื่อนำตัว Adam Johnson เข้ามาร่วมทีมด้วย

-Tribal+
ตลอดสัปดาห์นี้เห็นข่าวต่างประเทศเล่นข่าวนี้กันยกใหญ่ ขนาดในเมืองไทยยังด่าสโมสรกันระงม คนที่โดนเต็มๆก็คือผู้จัดการทีม กับประเด็นนี้ผมมองว่าในเมื่อแอกเกอร์เป็นกำลังหลักให้สโมสรมาโดยตลอด สโมสรไหนในโลกทีไม่อยากเก็บนักเตะคุณภาพแบบนี้เอาไว้ เพียงแต่อาจจะเป็นที่ตัวนักเตะเองที่อยากย้ายทีมรึเปล่า เพราะนักเตะที่ต้องเจรจาก่อนใครต้องเป็น
1. แอกเกอร์
2. ซัวเรส
3. สเคอร์เทล
ตามข่าวบอกว่าแอกเกอร์ต้องการค่าเหนื่อย 100,000+ ป./สัปดาห์ เท่ากับเจอร์ราด ซึ่งสโมสรก็กะลังเจรจาลดลงอยู่ไม่ทราบว่าจะสำเร็จรึเปล่านะครับ
แต่ก็มีข่าวให้ใจชื้นขึ้นอยู่หน่อย

บาร์ซ่า ยกธงขาว ไม่ซื้อแอ็กเกอร์แล้ว

รายงานจากสเปนวันนี้ เผยว่า บาร์เซโลน่า เห็นว่าราคา 20 ล้านปอนด์ ที่ลิเวอร์พูลตั้งไว้ เป็นจำนวนที่สูงเกินไปสำหรับแดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่มีวัยถึง 27 ปี

Andoni Zubizarreta ประธานฝ่ายเทคนิค ของบาร์เซโลน่า เผยว่า เขาจะไม่จ่ายเงินสูงขนาดนั้น เพื่อซื้อแดเนี่ยล แอ็กเกอร์อย่างแน่นอน

แอ็กเกอร์ เหลือสัญญากับลิเวอร์พูลอีกสองปี แต่ก็อยู่ระหว่างเจรจาขยายสัญญาออกไปอีก

+ football gossip +

ยานแม่ยอมสละแล้วซึ่งแอกเกอร์ ก็ไม่รู้ว่าเรือโนอาอีกลำจะยอมสละรึเปล่านะครับ
Update 8/08/2012

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

โอ้ ซัวเรสต่อสัญญา ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดในช่วงนี้เลย ซัวเรสต้องยื้อแอกเกอร์หน่อยนะตอนนี้

ไม่อยากเห็นแกย้ายน่ะ คาร่าก็อายุมากแล้วเล่นไม่ดีเหมือนแต่ก่อน

หงส์น่ามองหาแบ็คซ้ายตัวใหม่นะ เอนริเก้ผมว่าดันเล่นปีกดีกว่าครับ ช่วงหลังๆเล่นรับไม่ดีเลย

เห็นด้วยเลยครับ คิดว่าฤดูกาลนี้ตำแหน่งของเอ็นริเก้น่าจะมีปัญหาที่สุด เนื่องจากเกมส์รุกก็จ่ายบอลพลาดอยู่เรื่อยเลย เริ่มเห็นเค้าลางตั้งแต่ฤดูกาลก่อนแล้ว
ในขณะที่คนหนึ่งที่ถือว่าเป็นกำลังหลักพอที่จะฝากผีฝากไข้ได้ต่อสัญญาอยู่ยาวกับสโมสร แต่กับอีกคนหนึ่งที่เป็นกำลังหลักเหมือนกันก็กะลังจะไปเหมือนกันครับ

หงส์แดงเตรียมเจรจาเรื่องAggerกับแมนซิฯ
ลิเวอร์พูลเตรียมเปิดโต๊ะเจรจากับแมนซิตี้ในเรื่องการย้ายตัวของ Agger
เมื่ออาทิตย์ก่อน Brendan Rodgers ได้ออกมาบอกว่าไม่ต้องการให้ Agger ย้ายออกไปแมนเชสเตอร์ซิตี
หงส์แดงจะไม่ยอมปล่อยตัวกองหลังรายนี้แน่นอนถ้าไม่ได้ค่าตัว20ล้าน+ และอาจใช้ดีลนี้เพื่อนำตัว Adam Johnson เข้ามาร่วมทีมด้วย

-Tribal+
ตลอดสัปดาห์นี้เห็นข่าวต่างประเทศเล่นข่าวนี้กันยกใหญ่ ขนาดในเมืองไทยยังด่าสโมสรกันระงม คนที่โดนเต็มๆก็คือผู้จัดการทีม กับประเด็นนี้ผมมองว่าในเมื่อแอกเกอร์เป็นกำลังหลักให้สโมสรมาโดยตลอด สโมสรไหนในโลกทีไม่อยากเก็บนักเตะคุณภาพแบบนี้เอาไว้ เพียงแต่อาจจะเป็นที่ตัวนักเตะเองที่อยากย้ายทีมรึเปล่า เพราะนักเตะที่ต้องเจรจาก่อนใครต้องเป็น
1. แอกเกอร์
2. ซัวเรส
3. สเคอร์เทล
ตามข่าวบอกว่าแอกเกอร์ต้องการค่าเหนื่อย 100,000+ ป./สัปดาห์ เท่ากับเจอร์ราด ซึ่งสโมสรก็กะลังเจรจาลดลงอยู่ไม่ทราบว่าจะสำเร็จรึเปล่านะครับ
แต่ก็มีข่าวให้ใจชื้นขึ้นอยู่หน่อย

บาร์ซ่า ยกธงขาว ไม่ซื้อแอ็กเกอร์แล้ว

รายงานจากสเปนวันนี้ เผยว่า บาร์เซโลน่า เห็นว่าราคา 20 ล้านปอนด์ ที่ลิเวอร์พูลตั้งไว้ เป็นจำนวนที่สูงเกินไปสำหรับแดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ที่มีวัยถึง 27 ปี
Andoni Zubizarreta ประธานฝ่ายเทคนิค ของบาร์เซโลน่า เผยว่า เขาจะไม่จ่ายเงินสูงขนาดนั้น เพื่อซื้อแดเนี่ยล แอ็กเกอร์อย่างแน่นอน
แอ็กเกอร์ เหลือสัญญากับลิเวอร์พูลอีกสองปี แต่ก็อยู่ระหว่างเจรจาขยายสัญญาออกไปอีก

+ football gossip +

ยานแม่ยอมสละแล้วซึ่งแอกเกอร์ ก็ไม่รู้ว่าเรือโนอาอีกลำจะยอมสละรึเปล่านะครับ
Update 8/08/2012

ผมมองว่า ที่แอกเกอร์เรียกค่าเหนื่อยระดับแสนปอนด์ เพราะเหตุผลว่า

อยู่กับทีมมานาน เป็นตัวหลัก โชว์ฟอร์มดี แต่เจ็บบ่อยๆ คล้ายๆกับ ฟาน เพอร์ซี่เลย

อีกอย่างซัวเรสอยู่กับทีมปีเดียว เซ็นไป 120000 ปอนด์เทียบเท่าเจิด ผมว่าเร็วไปหน่อยนะ แม้จะรักสโมสรก็ตาม

ตรงนี้แอกเกอร์คงไม่ยอมด้วย (มั้ง)

ใจจริงไม่อยากให้ขาย แต่ถ้าขายก็ขอ AJ มาด้วยแล้วกันครับ (ว่าแต่ว่าดาวนิ่งจะขายออกมั้ยเนี่ย?)

[greeenday]

ใจจริงไม่อยากให้ขาย แต่ถ้าขายก็ขอ AJ มาด้วยแล้วกันครับ (ว่าแต่ว่าดาวนิ่งจะขายออกมั้ยเนี่ย?)

เอาดาวนิ่ง ,สเปริ่ง ,อดัม ,เฮนเดอร์สัน ไปด้วยครับ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ในน

ใจจริงไม่อยากให้ขาย แต่ถ้าขายก็ขอ AJ มาด้วยแล้วกันครับ (ว่าแต่ว่าดาวนิ่งจะขายออกมั้ยเนี่ย?)

เอาดาวนิ่ง ,สเปริ่ง ,อดัม ,เฮนเดอร์สัน ไปด้วยครับ

ในนี้ขอเว้น เฮนโด้ ไว้คนนึงนะครับท่าน ผมว่าหมอนี้จะเป็นเทพ คล้ายๆลูคัสของผมเนี่ยแหละ

ที่เหลือ น่าเอาไปจำนำ 15000 ให้หมด

Edited by Lucas Leiva Benitez, 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 00:43.

[greeenday]

UPDATE Thursday, 9 August 2012
Liverpool 3-0 FC Gomel Europa League, Thursday 9th August 2012, Anfield, 20:05pm Attendance - 43,256

รายชื่อผู้ทำประตู

เริ่มเกมมาก็เป็นลิเวอร์พูลที่ครองบอลได้มากกว่าและเป็นฝ่ายบุกเข้าใส่ แบคสองข้างยืนสูงครึ่งสนาม เน้นเกมบนพื้นและเล่นกันเร็ว ทางฝั่งโกเมลแม้จะเสียเปรียบเรื่องประตูแต่ยังไม่ได้เร่งเกมมากนักและเน้นเกมรับมากกว่า โดยดันแผงหลังขึ้นสูงทำลายเกมของลิเวอร์พูลด้วยการเชคล้ำหน้าเป็นหลัก และทำได้ค่อนข้างดี

ผ่าน 15 นาทีของเกมไป ลิเวอร์พูลเริ่มเน้นบุกขึ้นทางริมเส้นฝั่งซ้ายที่ทำได้ไหลลื่น สลับกับวางบอลยาวข้ามแผงหลัง ซึ่งแม้จะโดนดักล้ำหน้าเป็นระยะ แต่รูปเกมโดยรวมกดดันได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงบอลจังหวะสองที่เก็บได้หมด ทำให้เกมเป็นของลิเวอร์พูลอยู่ฝ่ายเดียว จนกระทั่งทำประตูได้สำเร็จในนาที 21 เชลวี่ย์ไปปั้มบอลมาเข้าทางลูคัสจ่ายเร็วให้ซัวเรสในเขตโทษ ก่อนที่ซัวเรสจะไปถึงเส้นหลังหักกลับมาบอลแฉลบไปเข้าทางบอรินี่ยิงเข้าไปได้ 1-0

สกอร์เปลี่ยนแต่เกมยังไม่เปลี่ยน โกเมลยังตั้งเกมของตัวเองไม่ค่อยได้ ส่วนลิเวอร์พูลก็ยังพยายามบุกใส่อยู่ จนเข้า 10 นาทีสุดท้ายที่ลิเวอร์พูลดูจะเริ่มผ่อนเกมลงไปแล้ว แต่โกเมลก็ยังทำอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันมากนัก ทั้งยังมาโดนเพิ่มในนาที 41 จากจังหวะที่กองหลังสกัดไม่ขาดโดนซัวเรสปั้มแย่งบอลไปได้ หักเข้ากลางให้เจอราร์ดยิงโล่งๆ 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว

เข้าครึ่งหลัง โกเมลไล่บอลในแดนกลางมากขึ้น ส่วนลิเวอร์พูลเล่นช้ากว่าในครึ่งแรก เกมทำท่าว่าจะสูสี แต่ยิ่งเล่นไป เกมก็ค่อยๆ กลับมาเป็นของลิเวอร์พูลเหมือนเดิม เพราะโกเมลไม่สามารถเก็บบอลในแดนกลางได้ รวมไปถึงคุณภาพในการจ่ายบอลที่พลาดกันเองเยอะ สุดท้ายเลยต้องลงไปตั้งรับกันเหมือนเดิม

ลิเวอร์พูลบุกไปตามจังหวะและกดดันแนวรับได้เป็นระยะ นาที 71 มาได้เพิ่มอีกประตูจากจังหวะที่กองหลังสกัดไม่ขาด โหม่งมาเข้าทางจอห์นสันได้ยิงไกลนอกเขตโทษเสียบมุมเข้าไปให้ลิเวอร์พูลนำห่าง 3-0

หลังจากนั้นนาที 76 อดัมกับคาราเกอร์ก็ได้ลงแทนเชลวี่ย์กับสเคอเทล เข้า 10 นาทีสุดท้ายของเกม ลิเวอร์พูลเริ่มผ่อนเกมลงไป แต่โกเมลก็ดูเหมือนจะไม่มีลูกฮึดอะไรมาสู้ นาที 86 สเปียริ่งได้ลงมาแทนลูคัสอีกคน หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก จบเกมไปด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูลแบบขาดลอยทั้งสกอร์และรูปเกม 3-0
-----------------------------------------

Full-Time Stats & Ratings

[greeenday]

Liverpool และ Swansea City สามารถตกลงค่าตัวดีลของ Joe Allen ได้แล้ว



รายงานได้เผยว่า Liverpool ยอมจ่ายเงิน 15 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นมูลค่าการฉีกสัญญาของนักเตะสัญชาติเวลส์รายนี้ เพื่อบังคับให้ Swansea ฟังข้อเสนอ

ตอนนี้ได้มีการยืนยันจากปากของ Brendan Rodgers ผู้จัดการทีมหงส์แดงจากการให้สัมภาษณ์หลังเกมที่ถล่ม Gomel ไป 3-0 คาถิ่น Anfield ถึงกรณีที่ Allen โผล่ตัวอยู่บนอัฒจรรย์ โดยเขากล่าวว่า "ถ้าเขานั่งอยู่ในส่วนผู้อำนวยการ นั่นก็แสดงว่าเขาได้รับอนุญาตจาก Swansea ให้มาอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นเป็นที่แน่ชัดว่าพวกเราได้ตกลงค่าตัวกันแล้ว"

เป็นที่คาดกันว่า Allen จะเข้ารับการตรวจร่างกายที่ Melwood ในวันพรุ่งนี้ และดำเนินการด้านอื่นๆเพื่อเป็นอันเสร็จสิ้้นกระบวนการย้ายทีมต่อไป

ใกล้จะ Full ทีมแล้วสินะ

[greeenday]

ลูคัส เลวา "วันแสนพิเศษต่อหน้าเดอะค๊อปในแอนฟิลด์"




Lucas Leiva ออกมายอมรับว่าการได้กลับมาลงเล่นต่อหน้าแฟนๆในแอนฟิลด์อีกครั้งจะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากในชีวิต หลังต้องพักยาวเพราะบาดเจ็บตั้งแต่พฤศจิกายน 2011 และได้รับโอกาสให้ลงเล่นเป็นตัวสำรองเพื่อลงไปเรียกความฟิตทั้งในนัดกระชับมิตรที่อเมริกา รวมไปถึงนัดเยือนโกเมล ในยูโรป้าลีค

และตอนนี้เจ้าตัวก็แทบรอไม่ไหวแล้ว ที่จะได้ลงเล่นต่อหน้าเหล่าเดอะค๊อปอีกหน

" ผมคิดว่ามันคงเป็นช่วงเวลาที่วิเศษสำหรับผม เมื่อได้ลงไปวอร์มอัพหรือได้ลงไปเล่นในสนามแอนฟิลด์ เพราะผมร้างสนามมานานมากแล้วและทำได้แค่มองเพื่อนๆจากบนอัฒจรรย์ " มิดฟิลด์วับ 25 ปีกล่าวกลับ Liverpoolfc.com

" มันจะเป็นวันที่พิเศษสำหรับผม และผมหวังว่าจะเป็นอีกก้าวหนึ่งของผมเช่นกัน ผมมองไปถึงการได้เจอแฟนๆอีกครั้งและได้เล่นในแอนฟิลด์ ซึ่งที่นั่นทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งและยังรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก และผมก็มีฟอร์มการเล่นที่เยี่ยมที่นั่นก่อนที่จะได้รับบาดเจ็บ ผมแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้กลับไปพบแฟนๆอีกครั้ง "

นอกจากนี้ลูคัสก็กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ลงเล่นในนัดกับโกเมลด้วย

" มันเป็นเกมส์อย่างเป็นทางการนัดแรกที่ผมมีส่วนร่วมด้วย และหลังจากร้างสนามมานานผมรู้สึกดีใจที่ได้กลับมาและรู้สึกมีความสุขที่ทุกๆสิ่้งเป็นไปได้ด้วยดี ผมแค่มีความสุขที่ได้กลับมาลงเล่นอีกครั้งและได้อยู่กับทีมทุกๆวันในการซ้อม "

" ผมได้เล่น 3 นัด ผมรู้ว่ามันไม่เหมือนกันนะแต่ผมก็มีไอเดียแล้วโดยเฉพาะในการฝึกซ้อม มันทำให้ผมรู้สึกพร้อมที่จะเข้าแทคเกิ้ลและหัวเข่าผมก็โอเคนะ ดังนั้นผมก็พยายามที่จะสลัดเรื่องไม่ดีที่อาจเกิดขึ้นในเกมส์ทิ้งจากหัวผม และพยายามเรียกความมั่นใจ ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นคำถามเรื่องเวลามากกว่า จำนวนนาทีและการซ้อม"

โดยรวมแล้ว ลูคัส ใช้เวลา 8 เดือนในการรักษาตัวเอง หลังได้รับบาดเจ็บหนักในเกมส์ลีคคัพ กับเชลซี ลูคัสได้พูดถึงการรักษาและฟื้นฟูสภาพตัวเองจนกลับมาลงสนามได้

" ขั้นแรกก็คงเป็นเรื่องของร่างกายก่อน เพราะเมื่อคุณทำอะไรได้ไม่มาก คุณก็ต้องพยายามทำอะไรที่มันง่ายก่อน เช่นการเดิน ยืดเส้นยืดสายและเรียกความแข็งแกร่งกลับมา " ลูคัสอธิบาย

" แต่หลังจากนั้น ก็เป็นขั้นตอนที่ผมกำลังทำอยู่นี่ เป็นด้านจิตใจมากกว่า เพราะจะมีความคิดแว้บเข้ามาในหัวคุณว่ามันจะเกิดขึ้นอีก แต่ผมก็ซ้อมมาแล้วราวสามสี่สัปดาห์ และผมมีความสุขกับทุกๆสิ่งที่กำลังเป็นไปและพยายามสนุกกับทุกๆนาที "

นอกจากนี้ร๊อดเจอร์ส เจ้านายคนใหม่ยังเคยกล่าวชื่นชมลูคัสโดยบอกว่าลูคัสเป็น สุดยอดนักเตะมือโปร 'the ultimate professional' ซึ่งลูคัสก็กล่าวถึงเจ้านายด้วยกันเช่น

" เราคงรู้สึกได้ว่าเค้าตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานให้ลิเวอร์พูลและได้เป็นผู้จัดการทีมของเรา เขามีความสุขมาก "

" เราต้องแสดงออกเช่นเดียวกับทัศนคติของเขาที่ให้เราในการฝึกซ้อมแต่ละวัน เขาพยายามอธิบายแนวทางที่อยากให้พวกเราเล่น เราหวังว่าเขาจะมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมและประสบความสำเร็จ ซึ่งมันจะหมายความว่านักเตะก็ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกันและทุกๆอย่างคงเฟอร์เพคสำหรับผู้จัดการ ผู้เล่นและก็แฟนๆด้วย "

ลูคัสยังกล่าวถึงเกมส์กับโกเมลในแอนฟิลด์ด้วย ซึ่งจะเป็นการกลับมาลงเล่นในบ้านนัดแรกของเขาหลังจากเจ็บยาว

" เกมส์ยุโรปในแอนฟิลด์เป็นอะไรที่พิเศษเสมอ น่าเสียดายนะที่ปีก่อนเราไม่ได้เล่นในเกมส์ยุโรปเลย ดังนั้นผมคิดว่ามันจะเป็นคำคืนที่วิเศษและมันยังเป็นนัดแรกของฤดูกาลด้วย " ลูคัสกล่าวด้วยความกระตือรือร้น

" แล้วเรามีผู้จัดการใหม่อีก แฟนๆคนตื่นเต้นที่จะได้เจอร๊อดเจอร์รวมไปถึงนักเตะใหม่อย่างFabio Borini ด้วย มีอะไรดีๆหลายอย่างให้แฟนๆได้เห็นในนัดนี้และผมคิดว่ามันพิเศษเอามากๆ ผมหวังว่าเราจะได้ผลการแข่งอย่างที่หวังและเริ่มต้นนัดแรกในบ้านสำหรับฤดูกาลนี้ได้ดี "

สุดท้าย ลูคัสยังกล่าวถึงรองกัปตันทีม เจมี่ คาราเกอร์ด้วย ที่ลงสนามให้ทีมแตะหลัก 700 นัดไปแล้ว

" เราพูดถึงมันนะ (การลงเล่น 700 นัดของคาร่า) และมันมหัศจรรย์มากกับสิ่งที่เขาทำได้ 700 เกมส์สำหรับลิเวอร์พูล!! ผมไม่คิดว่าจะมีนักเตะหลายๆคนทำได้นะ เยี่ยมจริงๆเจมี่ เขายอดเยี่ยมมาตลอดหลายปีและเขายังคงมีส่วนในหลายๆเกมส์และเกมส์สำคัญๆอีกมาก "

" เราจะเห็นได้ว่าเขาต้องการชนะเสมอและบางครั้งเราก็คิดว่าเขาไม่ได้อายุเท่ากับอายุจริงๆของเขา เพราะเขาต้องการชนะและยังซ้อมอย่างหนัก เป็นเรื่องวิเศษที่มีคาร่าและได้อยู่ใกล้ชิดเขา และผมไม่คิดว่าจะมีคนทำลายสถิติเขาได้ในเวลาอันใกล้นี้หรอก "

" ผมคงทำสถิติได้ถึง 200 นัดในฤดูกาลก่อนถ้าผมฟิตทั้งฤดูกาล ตอนนี้ผมกำลังมองไปถึงการลงเล่นให้ถึง 200 นัด และมันเป็นเรื่องที่เยี่ยมสุดๆที่ได้ลงเล่นมากขนาดนั้นให้ทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างลิเวอร์พูล แล้วผมก็ยังมองไปถึงการลงเล่นให้มากขึ้นๆด้วย "


ที่มา :: เว็บทางการ
แปล&เรียบเรียง :: G17 [ www.thekop.in.th ]

[greeenday]

ฟาบิโอ บอรินี่: ผมจะไม่มีวันลืม



ประเดิมนัดแรกของเขาในแอนฟิลด์ด้วยการยิงประตู มันเป็นประตูที่เขาบอกว่าจะไม่มีวันลืมมัน

"แน่นอนที่สุด วันนี้คือวันที่ต้องจดจำ" เขาบอกกับเวบทางการ "แฟนๆดูน่าทึ่งมากและบรรยากาศในสนามก็ยิ่งใหญ่เหลือเชื่อ นี่แค่แมทช์รอบคัดเลือกยูโรป้าลีกเองนะ การที่ยิงประตูได้ก็เยี่ยมยอดเหมือนกัน"

"ผมรู้สึกเหมือนกับว่านี่เป็นประตูแรกที่ผมทำได้ในตลอดการป็นนักเตะอาชีพของผมเลย ผมพยายามจะแสดงความยินดีเหมือนกับที่ผมเคยทำกับประตูแรกที่ผมทำได้ในเซเรียอา"

"ตั้งแต่ที่ผมเซ็นต์สัญญา ผมต้องการทำประตูแรกของผมกับลิเวอร์พูลให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ผมทำมันได้ที่แอนฟิลด์ มันวิเศษมาก ผมจะตั้งหน้าตั้งตาทำงานของผมต่อไป"

"ประตูนี้ยังเป็นการช่วยคลายความกดดันให้ผม มันช่วยให้ผมเล่นให้กับลิเวอร์พูลได้สบายขึ้น ทุกๆประตูที่ทำได้มันช่วยเสมอ"

บอรินี่นอกจากจะโชว์ท่าคาบดาบให้แฟนๆเห็นแล้ว เขายังสไลด์เข่าเข้าไปหากองเชียร์เหมือนกับเพื่อนร่วมทีมคนก่อนหน้าเขามักจะทำเป็นประจำ

"คุณเคยเห็นผู้เล่นหลายๆคนสไลด์เข่ากันที่สนามนี้ เหมือนสตีเว่น เจอร์ราร์ด เหมือนตอร์เรส ผมพยายามจะทำแบบเดียวกันนั้นเพราะว่าผมมีความสุขมากๆ มันสำคัญมากที่จะแสดงความยินดีในแบบฉบับของผมเองด้วย แฟนๆจะรู้จักผมดีมากขึ้นในแต่ละเกมที่จะผ่านไป นี่เป็นเกมแรกของผมในแอนฟิลด์และผมคิดว่านั่นได้สร้างความประทับใจอันดีให้กับพวกเขา"

กับชัวเรซ

"ชัวเรซเป็นคนทำให้ประตูเกิดขึ้นได้" บอรินี่อวย "นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เล่นร่วมกับเขาและมันน่าทึ่งมาก...สุดสุดไปเลย เขาเป็นผู้เล่นที่ไม่เห็นแก่ตัวเลย เราเล่นร่วมกันได้อย่างน่าทึ่ง"

"โดยรวมๆแล้วผมว่าเราทำได้ดีมาก ทั้งการบุกและเกมรับ เพราะเราเน้นรูปเกมได้กระชับมากตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงวินาทีสุดท้ายของเกม"

กับเบรนแดน ร็อดเจอร์ส

บอรินี่บอก "ผู้จัดการได้พูดกับผมก่อนเกม "เราเล่นที่แอนฟิลด์นะ..(ไม่ต้องห่วง) นี่เป็นบ้านของเรา เราต้องเล่นฟุตบอลในแบบของเราและรักษาสมาธิเอาไว้ เพราะนี่เป็นแค่การเริ่มต้น (ของนาย)"

"ผมเคยเล่นฟุตบอลแบบนี้มาก่อนแล้วกับเขา เป็นรูปเกมที่เล่นสนุกมากเพราะมันรู้สึกดีและเป็นอิสระที่จะได้ทำหน้าที่ของตัวเองและได้เล่นฟุตบอล มันยอดมากจริง"

Borini: I'll never forget it, 10th Aug 2012

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ยินดีกับประตูแรกในสีเสื้อหงส์ของบอรินี่ครับ

ผมดูคลิปยิงประตูอย่างเดียวนะ มองว่าฟอร์มการเล่นยังดูคล้ายๆ pass and move ของเคนนี่อยู่นะครับ ซัวเรสได้โอกาสเยอะมาก แต่ยังไม่คมพอ

เกล็น จอห์นสันใช้เท้าซ้ายดีขึ้น ยิงประตูได้ด้วย (ถึงดูเหมือนว่าจะมีโชคหน่อยๆนะ)

[greeenday]

ยินดีกับประตูแรกในสีเสื้อหงส์ของบอรินี่ครับ

ผมดูคลิปยิงประตูอย่างเดียวนะ มองว่าฟอร์มการเล่นยังดูคล้ายๆ pass and move ของเคนนี่อยู่นะครับ ซัวเรสได้โอกาสเยอะมาก แต่ยังไม่คมพอ

เกล็น จอห์นสันใช้เท้าซ้ายดีขึ้น ยิงประตูได้ด้วย (ถึงดูเหมือนว่าจะมีโชคหน่อยๆนะ)

ถ้าหากฤดูกาลนี้เล่นได้แบบเมื่อคืนนี้นะครับ หวังกับอนาคตได้เลยทีเดียว การผ่านบอล การกดดันคู่แข่ง การยืนตำแหน่ง นี่มันฟอร์มเทพชัดๆ อย่างว่าล่ะครับเล่นกับทีมอ่อนชั้นกว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่นัดแรกในลีคล่ะครับ เพราะนัดแรกไม่ชนะใครมานานมากแล้ว หวังไว้ว่าเครื่องจักรสีแดงตัวนี้กำลังจะกลับมาครับ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ยินดีกับประตูแรกในสีเสื้อหงส์ของบอรินี่ครับ

ผมดูคลิปยิงประตูอย่างเดียวนะ มองว่าฟอร์มการเล่นยังดูคล้ายๆ pass and move ของเคนนี่อยู่นะครับ ซัวเรสได้โอกาสเยอะมาก แต่ยังไม่คมพอ

เกล็น จอห์นสันใช้เท้าซ้ายดีขึ้น ยิงประตูได้ด้วย (ถึงดูเหมือนว่าจะมีโชคหน่อยๆนะ)

ถ้าหากฤดูกาลนี้เล่นได้แบบเมื่อคืนนี้นะครับ หวังกับอนาคตได้เลยทีเดียว การผ่านบอล การกดดันคู่แข่ง การยืนตำแหน่ง นี่มันฟอร์มเทพชัดๆ อย่างว่าล่ะครับเล่นกับทีมอ่อนชั้นกว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่นัดแรกในลีคล่ะครับ เพราะนัดแรกไม่ชนะใครมานานมากแล้ว หวังไว้ว่าเครื่องจักรสีแดงตัวนี้กำลังจะกลับมาครับ

จริงๆผมไม่ค่อยตื่่นเต้นกับฟอร์มอุ่นเครื่องหงส์นะครับ เพราะต้นฤดูกาล หงส์มักจะเล่นแบบคึกคักอย่างนี้ตลอด

พอเล่นๆไปซักพักทีมอื่นจับทางได้ หงส์ก็เหมือนจะหมดไอเดีย เกมส์รุกจะแป้กไปโดยปริยาย เจอทีมกลางแน่นๆเพรสซิ่งลืมตาย ยิ่งชัดเจน

ต้องดูไปเรื่อยๆครับ ใจเย็นๆ

[greeenday]

ลิเวอร์พูลประกาศคว้าตัว Joe Allen แล้ว!!!!




นักเตะน้องใหม่อย่าง โจ อัลเลน จะสวมเสื้อหมายเลข 24 ลงทำการแข่งขันในฤดูกาล 2012-13
หมายเลข 24 นี้เป็นหมายเลขเดียวกันกับที่นักเตะสัญชาติเวลส์ใส่เมื่อครั้งยังเล่นอยู่สวอนซี

Joe Allen - Profile




Joe Allen เด็กหนุ่มจากเมือง Carmarthen ของเวลส์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1990 ตอนที่อายุได้ 9 ขวบ พรสวรรค์ของอัลเลนก็ไปเตะตาทีม Swansea City และจัดการคว้าตัวอัลแลนมาร่วมทีมเยาวชน ซึ่งอัลเลนอยู่กับสวอนซีถึง 13 ปี ก่อนจะย้ายตามเจ้านายเก่า Brendan Rodgers มาอยู่กับลิเวอร์พูล อัลเลนถือเป็นนักเตะคนที่สองที่ร๊อดเจอร์สคว้ามารวมทีมตั้งแต่เขาเข้ามาคุมทีม

กองกลางมากพรสวรรค์ ถือเป็นนักเตะยอดนักเตะกองกลางแถมยังมีฝีเท้าที่ว่องไว ซึ่งเขาใช้ช่วงที่อยู่กับสวอนซีในการเรียนรู้การเล่นในแผงมิดฟิลด์ จนเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนกลาง

สายตาและความนิ่งในการผ่านบอลของอัลเลนนั้น ส่วนหนึ่งก็ได้รับการฝึกฝนมาจากร๊อดเจอร์สในช่วงที่อยู่ด้วยกันที่สวอนซีนั่นเอง ซึ่งการคว้าตัวกองกลางวัย 22 ปี จะเป็นการคว้าตัวที่เกาถูกที่คันของร๊อดเจอร์ส สำหรับการสร้างทีมให้เล่นในแนวปรัญชาของตน

อัลเลนลงเล่นนัดแรกให้ทีมชุดใหญ่ของสวอนซีด้วยการเป็นตัวสำรองในนัดสุดท้ายของฤดูกาล 2006-07 โดยคู่แข่งนัดนั้นคือแบล๊คพูล และผลการแข่งจบลงด้วยชัยชนะของแบล๊คพูลด้วยสกอร์ถึง 6-3

หลังจากพักเบรคช่วงซัมเมอร์ อัลเลนในวัย 17 ปี พร้อมแล้วสำหรับการลงเล่นเป็นตัวจริงให้สโมสร ทันทีที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดแรก อัลเลนก็ฉายแววเก่งทันที นัดนั้นเป็นการแข่งบอลลีค คัพ กับสโมสรวอลซอล์ ซึ่งอัลเลนเปิดบอลด้วยเท้าซ้ายให้พอล แอนเดอร์สันยิงประตู ก่อนจะคว้า MOM ในนัดนี้ด้วย

Roberto Martinez กุนซือในขณะนั้น ตบรางวัลให้อัลเลนด้วยการเสนอสัญญาอาชีพฉบับแรกให้ในเดือนสิงหา 2007 ก่อนฤดูกาลจะจบอย่างสวยหรูด้วยการถูกเรียกตัวติดทีมชาติเวลส์ชุด U21 แม้จะเป็นเพียงชุดเยาวชนแต่ก็ยอดเยี่ยมแล้ว เช่นเดียวกับการได้ฉลองชัยที่ Ninian Park (สนามของทีมคาร์ดิฟฟ์) ในเดือนสิงหาคมปี 2008

คู่แข่งอย่างคาร์ดิฟฟ์ต้องพ่ายคาบ้านตัวเอง และทีมสวอนซีก็คว้าแชมป์ FAW Welsh Youth Cup มาครอง

สวอนซีได้โอกาสไปเล่น Championship ในฤดูกาล 2008-09 ซึ่งในฤดูกาลนั้น อัลเลน ถูกปล่อยให้ทีม Wrexham ทีมจากลีคBlue Square Premier ยืมตัวด้วยสัญญา 1 เดือน โดยย้ายไปเมื่อวันที่ 7 ตุลา 2008

อัลเลนลงเล่นนัดแรกได้อย่างยอดเยี่ยม แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวดันมามีอาการบาดเจ็บซะก่อน ทำให้ช่วงที่ถูกยืมตัวได้ลงเล่นไปเพียงสองนัดเท่านั้น

สิ้นสุดการยืมตัว อัลเลนกลับมาสวอนซี หลังจากร่างกายฟิตสมบูรณ์ เขาได้โอกาสโชว์ฝีเท้าของเขาในเดือนตุลา 2008 เมื่อ Ferrie Bodde นักเตะกองกลางตัวจริงได้รับบาดเจ็บในนัดกับบาร์นสลี่ย์และต้องพักยาวตลอดซีซั่น

จากสกอร์ที่ตามอยู่ 2-0 มาติเนซตัดสินใจส่งอัลเลนลงไปเพื่อพลิกเกมส์ ซึ่งอัลเลนก็ไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง เขาช่วยให้ทีมกลับมาตีเสมอได้ 2-2 และแม้จะได้ลงเล่นเพีง 25 นาที แต่ฟอร์มการเล่นที่สุดยอดทำให้เขาคว้าตำแหน่ง MOM ไปครอง

ในเดือนเมษา ปี 2009 สวอนซีอยู่ในอันดับ 9 ในลีคและยังคงมีหวังจะทำอันดับไปเล่นเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้น สวอนซีต้องมาเจอกับคาร์ดิฟฟ์ที่อยู่อันดับ 6 ของตาราง อัลเลนได้ลงเล่นในนัดนี้และทำประตูได้ด้วย ซึ่งเป็นประตูแรกในทีมสวอนซีของเขา และนัดนั้นทั้งสองทีมเสมอกันไป 2-2

จบฤดูกาลนั้นสวอนซีพลาด ไม่ได้ไปเตะเพลย์ออฟ พวกเขามีคะแนนห่างโซนเพลย์ออฟเพียง 6 แต้ม แต่ฟอร์มการเล่นของอัลเลนในฤดูกาลนั้นทำให้เขาคว้าตำแหน่ง 'Young Player of the Year'ของสโมสร

ในช่วงซัมเมอรืปี 2009 ที่ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการ มาร์ติเนซจากทีมไปโดยมี Paulo Sousa ก้าวขึ้นมาเป็นกุนซือแทน แทนที่จะได้ทำงานร่วมกับนายใหม่แต่กลายเป็นว่าอัลเลนต้องพลาดการลงสนามเพราะอาการบาดเจ็บในฤดูกาลนั้น

แม้จะขาดจอมทัพอย่างอัลเลน สวอนซีก็ยังทำผลงานได้เยี่ยมและได้ลุ้นไปเพลย์ออฟอีกหน แต่น่าเสียดายเพราะเมื่อจบฤดูกาลสวอนซีก็พลาดไปเตะเพลย์ออฟอีกครั้ง ปีนี้พวกเขาห่างโซนเพลน์ออฟไปเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น

ฤดูกาลต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการทีมอีกรอบ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงคราวนี้ได้เปลี่ยนอนาคตของสวอนซีและอัลเลนไปอย่างสิ้นเชิง ความเก่งกาจและการได้รับการยกย่องว่าเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในอังกฤษของอัลเลน ก็มาจากผู้จัดการทีมใหม่คนนี้

วันที่ 16 กรกฎาคม 2010 Brendan Rodgers ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งผู้จัดการทีม เขาคาดหวังกับอัลเลนไว้มาก โดยร๊อดเจอร์สมองว่าอัลเลนนี่เเหละที่จะเป็นคีย์แมนช่วยพาสวอนซีเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีคได้

ในฤดูกาล 2010-11 อัลเลนลงเล่นไป 43 นัด ได้ลงเล่นเป็นแม่ทัพในแดนกลาง เขาเล่นได้อย่างสุดยอด คอยเชื่อมเกมส์ ผ่านบอลและพาบอลเคลื่อนที่ไปในแบบที่ร๊อดเจอร์สหวังเอาไว้

หลังจากจบที่ 3 ในตาราง สวอนซีเอาชนะน๊อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ไปได้ 3-1 ในการแข่งเพลย์ออฟรอบเซมิไฟน่อล ทำให้ทีมได้เข้าไปชิงตั๋วเลื่อนชั้นกับเรดดิ้งที่เวมบลีย์ในวันที่ 30 พฤษภาคม 2011

จากแฮตทริกของ Scott Sinclair ช่วยให้สวอนซีเอาชนะไป 4-2 และอัลเลนกับสวอนซีได้เลื่อนสู่พรีเมียร์ลีคสมใจ

ฟอร์มการเล่นของสวอนซีในเวทีพรีเมียร์ชิพถือว่าสุดยอดมาก การเล่นของพวกเขาทำให้คนดูต้องตื่นตาตื่นใจ ความไหลลื่น เล่นเอนเตอร์แทนคนดู การเน้นการครองบอลด้วยการผ่านสอบไปมาอย่างแม่นยำรวมไปถึงการคอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม พวกเขาสร้างความตื่นตาตื่นใจตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้าย และอัลเลนก็โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด

ฤดูกาลนั้นเป็นฤดูกาลที่อัลเลนยิงประตูได้มากที่สุดตั้งแต่ค้าแข้งมา ด้วยจำนวน 4 ประตู รวมถึงยังคว้ารางวัล 'Young Player of the Year Award' และพาสวอนซีจบอันดับที่ 11 ในตารางพรีเมียร์ลีค

ในเดือน มิถุนา 2012 ร๊อดเจอร์สก้าวลงจากตำแหน่งกุนซือหงส์ขาวและขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล ซึ่งอีกเพียงสองเดือนหลังจากนั้น ร๊อดเจอร์สก็คว้าตัวอัลเลนลูกน้องเก่ามาร่วมทีมลิเวอร์พูล

ที่มา :: เวปทางการ

[greeenday]

สัมภาษณ์ แรก โจ อัลเลน




"ดูจาก ชื่อชั้นผู้เล่นหรือทีมงาน และ แน่นอน แฟนบอลทั้งหลาย ผมรู้เลยว่า
หนทางสู่ความสำเร็จ อยู่ตรงหน้าเราแล้วล่ะครับ"
กองกลางทีมชาติ เวลส์ กล่าว

"ผมหวังว่าจะเป็นส่วนนึงของปีแห่งความสำเร็จ สำหรับ สโมสร liverpool ครับ"


"ผมเชื่อมั่นในตัว แบรนดอน ร็อดเจอร์ นะครับว่าเค้าจะนำความสำเร็จ
มาให้ได้ และก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมตัดสินใจมาที่นี้ด้วย ผมอยากเป้นส่วนนึงของโปรเจคนี้
และ รู้สึกได้เลยว่ามันจะออกมาดีมากๆ เฉกเช่นกับทุกๆคนที่นี้หวังไว้ ทีมทีมนี้จะต้อง
แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆในอนาคตแน่นอน "

"ถ้าเรื่องความทะเยอทะยานในฟุตบอลก็ต้อง แบรนดอน เค้าล่ะครับ, เค้าทำงานทั้งวัน
ทุกวัน เพื่อที่จะพัฒนาทุกๆอย่าง และ ทุกๆคน เพราะฉนั้นทุกคนจึงชอบที่จะทำงาน
กับคนอย่างเค้า"

"สิ่งที่เค้าทำได้ยอดเลยคือ การบริหารคน อีกทั้งยังได้รับการไว้วางใจจากทุกคนอีกด้วย
แน่นอนรวมถึงผมด้วย"

"การได้กลับมาร่วมงานกับเค้า จึงเป็นก้าวสำคัญ ที่ยิ่งใหญ่ของผมจริงๆ"


"ก็ไม่เคยคิดฝันเลยครับว่าจะได้มาเล่นในทีมใหญ่แบบนี้ ตอนได้ยินข่าวแรกๆ
ถึงกับตัวสั่นเลย แต่ก็เป็นรางวัลแก่ความพยายามที่ผ่านมา ใช่ไหมล่ะครับ"

"ที่ผ่านมา ผมกระหายต่อการอยากเล่นให้กับทีมใหญ่มาตลอด แต่กับการมาที่นี้
มันต่างออกไป เพราะมันเหลือเชื่อมากว่า ผมจะได้มาสู่ทีมระดับนี้
ในเวลาที่รวดเร็วแบบนี้เลยครับ" (เลียทันที55)

"ถ้าคุนลองมองจำนวนเกมสำหรับคนอายุ รุ่นๆผม การเซ็นสัญญาแบบนี้
มักจะมาเกิดกับผู้เล่น จากทีมที่โดดเด่นมากๆในลีค เท่านั้นล่ะครับ"
(เข้าใจว่าจะสื่อถึงผลงานของ swansea)

"ประสบการณ์เหล่านั้นคือรากฐานของผมเลย ผมเติมโตและพัฒนาขึ้นได้ ก็เพราะมัน
และผมจะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแนวทางนั้นโดยเด็ดขาด"
(น่าจะประมานว่า อยากจะhardworkต่อไปอีก)


"บรรยากาศของ แอนฟิล แน่นอนไม่เหมือนใคร ความกระหายในชัยชนะ
ของกองเชียทุกคน เป็นสิ่งที่ผมอยากพบ และ อยากเป็นส่วนนึงของพวกเค้า
เป็นสิ่งสำคัญต่อการขับเคลื่อนสโมสร แห่งนี้เลยครับ"

"ตอนที่มาเยือนกับสวอนซี ก็จำได้ว่าเป็นวันที่ไม่อาจลืมได้เลย และ พอมาวันนี้รู้ว่าจะได้
แอนฟิลเป็น สนามเย้าแล้ว ขอบอกว่า เป้นความรู้สึกที่พิเศษจริงๆครับ"

"รอไม่ไหวแล้ว ที่จะได้รับเสียเชียจากแฟนๆ ลิเวอร์พูล ทุกท่าน"

"นึกภาพไม่ออกเลยครับว่า จะเป็นอย่างไรถ้าได้เล่นที่นี้ ตื่นเต้นที่จะได้สัมผัสทุกๆมุม
ของสนาม รวมถึงบรรยากาศ และ จิตวิญญาน ของ the kop ผมเชื่อว่าการได้เป็นส่วนนึง
ของบ้านหลังใหม่นี้ ต้องเป็นอะไรที่สุดยอด มากๆ"


"ได้เล่นเคียงข้าง steven gerrard และ Lucas Leiva เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันจะเกิดขึ้น "

"เค้าเป็นผู้เล่นที่ผมได้แต่พยายามลอกเลียนแบบตลอดตั้งแต่เด็ก
เพราะฉนั้นการที่ได้เล่นเคียงข้าง พวกเค้านั้นเป็นความรู้สึกที่ มหัศจรรย์มาก
ซึ่งจะทำให้ผลงานของผม ดีขึ้นกว่าเก่าแน่นอน"

"นับเป้นโอกาศครั้งใหญ่ของผม ผมฝันอยากจะเล่นในระดับสูงที่สุดที่ผมจะพอไปได้ ซึ่ง
ถ้าคุณได้พบข้อเสนอแบบนี้สักครังในชีวิต คุณไม่มีวัน ปฏิเศธ มันได้แน่นอน"
(พิสูจน์ว่า ชื่อทีมเรายังขายได้อีกยาวครับ 55)

"ผมมันเป็นพวกที่อยากเป็นที่สุดในทุกๆอย่าง ผมซ้อมหนักทุกๆวัน ผมอยากจะพัฒนา
ขึ้นไปอีก คุณเชื่อขนมกินได้เลยว่าผมเล่นเต็มที่แน่ และ ตอนนี้ผมก็อยากลงไปรวมเล่น
ไปร่วมซ้อมกับเพื่อนๆนักเตะ ระดับโลกอีกหลายคนใจจะขาดแล้วด้วย"

"วันนี้เป็นวันที่ผมและครอบครัว ภูมิใจที่สุดเลยครับ พวกเค้าสนับสนุนผมมาโดยตลอด และ
ผมขอมอบสิ่งนี้ การย้ายทีมครั้งนี้ เป็นรางวัลแต่คนช่างฝันแก่ พวกเค้า และแน่นอน
แก่ตัวผมเองด้วย"

"ท้ายสุด ผมขอบอกว่า ผมภูมิใจและ ตื่นเต้น ตัวสั่นเลย ที่จะเริ่มอาชีพของผม กับ
ทีมใหม่แห่งนี้ครับ"

แหล่งที่มา : LFCTV ครับ

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

คลิป Joe Allen สมัย Swansea ครับ



ดูๆแล้วเล่นสไตล์คล้ายๆโมดริชนะครับ แต่การจ่ายบอล ยิงไกลยังสู้ไม่ได้

เด่นเรื่องการตัดเกม เลี้ยงทะลุทะลวง บางจังหวะแอบคล้ายเจิดแฮะ

ว่าแต่ว่าถ้าเล่นได้ดีแบบนี้ สงสัยลูคัสของผม ก้นด้านแน่ๆๆ

[greeenday]

ดูๆแล้วเล่นสไตล์คล้ายๆโมดริชนะครับ แต่การจ่ายบอล ยิงไกลยังสู้ไม่ได้

เด่นเรื่องการตัดเกม เลี้ยงทะลุทะลวง บางจังหวะแอบคล้ายเจิดแฮะ

ว่าแต่ว่าถ้าเล่นได้ดีแบบนี้ สงสัยลูคัสของผม ก้นด้านแน่ๆๆ

ผมว่าเทพลูยังไงก็ขาดไม่ได้ครับ เพราะจังหวะการสกัดบอลและจ่ายบอลอยู่ในอันดับต้นๆของลีก เพียงแต่อัลเลนสามารถพาบอลขึ้นไปทำเกมส์เองได้ คล้ายๆกับเจิดน่ะแหละครับ คงต้องค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ คนที่ต้องนั่งน่าจะเป็นเชลวี่ เฮนโด้ สเปรียริง อดัม มากว่านะครับผมว่า โดยเฉพาะ 2 รายหลัง เผลอๆอาจจะโดนขายทิ้งด้วยซ้ำ เพราะได้ข่าวมาว่า ลิเวอร์พูลกำลังติดต่อขอยืมตัว นูริ ซาฮิน จากมาดริดอยู่ โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างรอดเจอร์กะจ่ามู สมัยที่ทั้งคู่อยู่เชลซีด้วยกัน เผลอๆถ้าเล่นดีขอซื้อขาดเลยด้วยซ้ำครับ สำหรับแดนหน้ายังคงตามหากองหน้ากึ่งปีกอยู่นะครับ หวยอาจจะไปออกที่คริสเตียน เทลโล่ของบาเซโลน่าซึ่งอยู่ในทีมชุดใหญ่ของบาซ่าเมื่อฤดูกาลก่อน แต่ในฤดูกาลนี้กลับไม่มีแม้แต่รายชื่อทีมสำรองไม่ทราบว่าจะจริงรึเปล่านะครับ คงต้องลุ้นจนถึงวันที่ 1 กันยายน ตลาดนักเตะปิดนู้นแหละครับ เพราะผู้จัดการทีมยังต้องการนักเตะอีก 3 คน

ตัวแทนของลิเวอร์พูล บินไปสเปน




หลังจากเมื่อวันพุธ ทางค็อปท็อค ได้เปิดเผยว่า สโมสรลิเวอร์พูล ได้ส่งตัวแทนบินไปยังประเทศสเปน แต่ไม่ทราบจุดหมายปลายทางนั้น

วันนี้ ทางค็อปท็อค แจ้งว่า จุดหมายของตัวแทนลิเวอร์พูล อยู่ที่กรุง มาดริด แต่ก็ยังไม่ทราบเป้าหมาย ว่าเป็นใคร เพราะอยู่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ

+ ค็อปท็อค +

ราฟาน้อยฯ www.thekop.in.th

ไม่ทราบว่าหวยจะออกที่ใคร แต่ผมเชื่อในสายตาของผู้จัดการทีม เหมือนที่เชื่อผู้จัดการทีมทุกคนที่เคยคุมทีมลิเวอร์พูลครับ

[greeenday]

ร็อดเจอร์ส: การไล่ล่ายังดำเนินต่อไป




“มันเหลือจะเชื่อเลยล่ะ มันมักจะเป็นเรื่องยุ่งยากเสมอสำหรับสโมสรใหญ่ๆ และสิ่งที่ผมเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วที่นี่คือในนาทีที่ลิเวอร์พูลแสดงความสนใจออกมา พวกเขาก็จะบวกราคาเผื่อต่อเข้าไปอีก 2 ชั้นสำหรับผู้เล่นเป้าหมายคนนั้น”

“บางทีมันก็น่าท้อแท้สำหรับทุกคน, รวมทั้งตัวผมด้วย, ที่เราไม่ได้เซ็นต์สัญญาผู้เล่นเข้ามาได้เร็วกว่านี้ แต่ผมคิดว่าเราได้เห็นแล้วว่านักเตะของเราที่มีอยู่ก็เป็นขุมกำลังที่ดีกลุ่มหนึ่ง ที่ผมพยายามทำตอนนี้คือปรับปรุงเพิ่มเติมอีกนิดๆหน่อยๆ”

เช่นเดียวกับ Sahin และ Dempsey ร็อดเจอร์สก็ถูกเชื่อมโยงเข้ากับผู้เล่นอย่างปีกบาร์เซโลน่า Cristian Tello, Theo Walcott ของอาร์เซนอล, และผู้รักษาประตู Dorus de Vries ของวูลฟ์

“ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะมีผู้เล่นคนอื่นๆตามโจมาได้เร็วขนาดไหน แต่ที่แน่ๆการล่ายังดำเนินต่อไป (our hunt continues) ก็ตามที่ผมเคยบอกเมื่อตอนที่มาใหม่ๆว่าเป้าหมายของผมคือการสร้างขุมกำลังที่จะต้องมีประสิทธิภาพในการแข่งขันได้”

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในช่วงเวลาที่เหลือจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ เราจะได้ผู้เล่นมาเพิ่มอีก ผู้เล่นที่สามารถเข้ามาช่วยเสริมกลุ่มผู้เล่นที่เรามีอยู่แล้วที่นี่ ถ้าทำได้มันจะเยี่ยมมาก”

“ผมไม่อยากจะระบุไปว่าผมจะเซ็นต์เข้ามาอีกกี่คน เพราะถ้าผมพูดไปว่า 3 คน แล้วถ้ามันไม่เกิดขึ้นผู้คน (ที่คอยจะจับผิด) ก็จะบอกว่า เฮ้-ไม่เห็นจะได้ 3 คนอย่างที่นายว่าเลย”

“เรายังมีงานต้องทำในตลาดนักเตะกันอยู่และเราหวังว่าจะปิดดีลให้ได้โดยเร็ว เพราะเราต้องการให้พวกเขามีเวลามากพอกับสำหรับการปรับตัว แต่ผมก็ตั้งบนพื้นฐานความจริงที่ว่ามันต้องใช้เวลาสำหรับงานเหล่านั้น กลุ่มคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังกำลังทำงานกันอย่างหนักเพื่อนำผู้เล่นเป้าหมายที่ผมแจ้งไป ให้มาเป็นผู้เล่นของลิเวอร์พูลให้ได้”

Mailonline: Rodgers shocked at 'incredible' prices slapped on transfer targets as Liverpool boss eyes Sahin and Dempsey

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ดูๆแล้วเล่นสไตล์คล้ายๆโมดริชนะครับ แต่การจ่ายบอล ยิงไกลยังสู้ไม่ได้

เด่นเรื่องการตัดเกม เลี้ยงทะลุทะลวง บางจังหวะแอบคล้ายเจิดแฮะ

ว่าแต่ว่าถ้าเล่นได้ดีแบบนี้ สงสัยลูคัสของผม ก้นด้านแน่ๆๆ

ผมว่าเทพลูยังไงก็ขาดไม่ได้ครับ เพราะจังหวะการสกัดบอลและจ่ายบอลอยู่ในอันดับต้นๆของลีก เพียงแต่อัลเลนสามารถพาบอลขึ้นไปทำเกมส์เองได้ คล้ายๆกับเจิดน่ะแหละครับ คงต้องค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ คนที่ต้องนั่งน่าจะเป็นเชลวี่ เฮนโด้ สเปรียริง อดัม มากว่านะครับผมว่า โดยเฉพาะ 2 รายหลัง เผลอๆอาจจะโดนขายทิ้งด้วยซ้ำ เพราะได้ข่าวมาว่า ลิเวอร์พูลกำลังติดต่อขอยืมตัว นูริ ซาฮิน จากมาดริดอยู่ โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างรอดเจอร์กะจ่ามู สมัยที่ทั้งคู่อยู่เชลซีด้วยกัน เผลอๆถ้าเล่นดีขอซื้อขาดเลยด้วยซ้ำครับ สำหรับแดนหน้ายังคงตามหากองหน้ากึ่งปีกอยู่นะครับ หวยอาจจะไปออกที่คริสเตียน เทลโล่ของบาเซโลน่าซึ่งอยู่ในทีมชุดใหญ่ของบาซ่าเมื่อฤดูกาลก่อน แต่ในฤดูกาลนี้กลับไม่มีแม้แต่รายชื่อทีมสำรองไม่ทราบว่าจะจริงรึเปล่านะครับ คงต้องลุ้นจนถึงวันที่ 1 กันยายน ตลาดนักเตะปิดนู้นแหละครับ เพราะผู้จัดการทีมยังต้องการนักเตะอีก 3 คน

ตัวแทนของลิเวอร์พูล บินไปสเปน




หลังจากเมื่อวันพุธ ทางค็อปท็อค ได้เปิดเผยว่า สโมสรลิเวอร์พูล ได้ส่งตัวแทนบินไปยังประเทศสเปน แต่ไม่ทราบจุดหมายปลายทางนั้น

วันนี้ ทางค็อปท็อค แจ้งว่า จุดหมายของตัวแทนลิเวอร์พูล อยู่ที่กรุง มาดริด แต่ก็ยังไม่ทราบเป้าหมาย ว่าเป็นใคร เพราะอยู่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ครับ

+ ค็อปท็อค +

ราฟาน้อยฯ www.thekop.in.th

ไม่ทราบว่าหวยจะออกที่ใคร แต่ผมเชื่อในสายตาของผู้จัดการทีม เหมือนที่เชื่อผู้จัดการทีมทุกคนที่เคยคุมทีมลิเวอร์พูลครับ

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ กรณีหงส์ขอยืมตัวซาฮิน เป็นตัวเลือกที่ผมว่าดีมากๆๆๆๆ (แต่ต้องแย่งกับผี ปืน หนักใจเหมือนกัน)

ชักชอบการดำเนินการซื้อนักเตะแบบนี้แหะ เล่นซุ่มเงียบๆ ประกาศอีกทีได้ตัวไปเลย โดยเฉพาะตัวดีๆๆเนี่ย หงส์แย่งใครไม่ค่อยได้เลยครับ

เตโญ่เนี่ยผมว่าก็น่าสนใจนะครับ คนนี้ผมว่าต้องขัดเกลาอีกหน่อยครับ สไตล์การเล่นผมไม่แน่ใจว่าคล้าย เปโดร หรือเปล่า

อยากให้ร็อดเจอร์สมองหากองหลังบ้าง เกรงว่าบุกดี รับรั่วกระจาย ก็ไม่ไหวนะ (นึกถึงยุค 94-96 ตอนนั้นเล่นมันส์มาก แต่หลังแบบว่า - -")

[greeenday]

Hyypia : ผมชอบสไตล์การเล่นของร๊อดเจอร์ส




Sami Hyypia เชื่อว่าสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของแบรนดอน ร๊อดเจอร์สจะทำให้ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่ยากจะพ่ายแพ้ในพรีเมียร์ลีคฤดูกาลนี้

ตำนานยังมีชีวิตของเหล่าเดอะค๊อป พาลูกทีมเลเวอร์คูเซ่นบุกมาพ่ายลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์ด้วยสกอร์ 3-1 ในนัดกระชับมิตรเมื่อคืนที่ผ่านมา

โดยฮูเปียให้สัมภาษณ์ว่า " ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีมากในวันนี้ เขา(Rodgers)เปลี่ยนหน้าตาของทีมเล็กน้อยและยังสร้างระบบการเล่นใหม่ ซึ่งมันยากที่จะเล่นด้วย"

" มันเยี่่ยมที่ผมได้กลับมา แต่ผมมาเพื่อชนะด้วย มันเป็นนัดกระชับมิตร ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มในสัปดาห์หน้า "

" ก็จริงอยู่ที่จากความพ่ายแพ้นี้ ไม่ช่วยให้เรามั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้นสำหรับฤดูกาลที่จะถึงนี้ แต่เราก็มีหลายสิ่งดีๆในนัดนี้นะ "

" เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ (เรื่องหงส์แดงประสบความสำเร็จ) แต่ผมก็หวังเช่นนั้นด้วย ตั้งแต่ผมจากที่นี้ไป ผมก็เอาใจช่วยให้ลิเวอร์พูลทำผลงานได้ดีอยู่ตลอดนะครับ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฤดูกาลนี้พวกเขาจะทำได้ดี "

ฮูเปีย ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าเดอะค๊อป ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ฮูเปียได้โอกาสกลับมาแอนฟิลด์ในฐานะคู่แข่งของลิเวอร์พุล หลังจากรับใช้ทีมมาถึง 10 ปี และออกจากทีมไปเมื่อปี 2009

" ผมยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนๆเสมอ และพวกเขาก็ยอมเยี่ยมมากๆเลยในวันนี้อย่างที่เป็นตลอดมาและคงเป็นตลอดไป ผมดีใจจริงๆที่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่ "


ที่มา :: เว็บทางการ
แปล&เรียบเรียง :: G17 [ www.thekop.in.th ]

สมพรปากนะเฮียปู

[greeenday]

ข่าวสั้นๆจากค็อปท็อค : แกสตัน รามิเรซ




มีอัพเดทสั้นๆ จากทวิตเตอร์ ของค็อปท็อค วีไอพี ว่า " เอเย่นต์ของแกสตัน รามิเรซ มีกำหนดการมาถึงเมอร์ซี่ไซด์ เช้าวันจันทร์ "

+ ค็อปท็อค +



ขณะที่แหล่งข่าวอื่นๆเผยว่า ดีลได้รับการยอมรับแล้ว รามิเรซจะได้รับค่าเหนื่อย 85,000 ปอนด์/สัปดาห์ จะมีการตรวจร่างกายในวันจันทร์

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ท่าน greenday ได้ดูอุ่นเครื่องเมื่อคืนรึป่าวครับ เทพลูคัสยิงได้ด้วย

คิดถึงเฮียปูแหะ ตั้งแต่ขาดแกไป หลังหงส์ไม่แน่นเหมือนแต่ก่อนเลย

Edited by Lucas Leiva Benitez, 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - 17:17.

[นายตัวเกร็ง]

เข้ามาดูกองเชียร์ทีมระดับยูโรป้าเขาคุยกัน (ปีที่แล้วเราเองก็ยูโรป้าที่หว่า )

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

เข้ามาดูกองเชียร์ทีมระดับยูโรป้าเขาคุยกัน (ปีที่แล้วเราเองก็ยูโรป้าที่หว่า )

ผิดแล้วฮะท่านตัวเกร็ง ที่คุยๆกันเนี่ย กองเชียร์ทีมระดับกลางตารางหรอกฮะ (คุณ greenday อย่าน้อยใจไปนะฮะ)

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

คลิปลูกยิงเทพลูคัสของผม นี่มันสัมผัสพระเจ้าชัดๆๆ

[greeenday]

เข้ามาดูกองเชียร์ทีมระดับยูโรป้าเขาคุยกัน (ปีที่แล้วเราเองก็ยูโรป้าที่หว่า )

ผิดแล้วฮะท่านตัวเกร็ง ที่คุยๆกันเนี่ย กองเชียร์ทีมระดับกลางตารางหรอกฮะ (คุณ greenday อย่าน้อยใจไปนะฮะ)

ไม่เป็นไรครับผมยอมรับได้

[greeenday]

เข้ามาดูกองเชียร์ทีมระดับยูโรป้าเขาคุยกัน (ปีที่แล้วเราเองก็ยูโรป้าที่หว่า )

ท่านตัวเกร็งครับผมยอมรับได้ ตอนนี้ต้องเงียบๆไว้ก่อน เปิดฤดูกาลค่อยว่ากันครับ