Jump to content


Photo
- - - - -

จัดไป คุณ amplepoor "เสื้อแดง เอ๋ย เรายังไม่จำเป็นต้องทำหรอก สถานการณ์มันจะทำให้พวกเขารู้เอง ขืนไปพูดเดี๋ยวก็โดนด่า "


  • Please log in to reply
113 ความเห็นในกระทู้นี้

#101 Huligan

Huligan

    ดาวพยศนภา

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,880 posts

ตอบ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 17:32

ของเรา แค่ตีเด็ก ก็โวยวายว่าป่าเถื่อน
พอเด็กเอาปืนไล่ยิงกัน ครู ตำรวจ นักการเมือง ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้


แต่ไอ้ประเภทตีด้วยอารมณ์ ตีจนไม้หัก จนเลือดตกยางออก มันก็สมควรโดนฟ้องร้องจริงๆครับ
(ยืนยันว่ามีจริงๆ...เคยเจอด้วย!)
เมื่อก่อนนักเรียนไม่กล้าโวย สื่อมวลชนต่างๆยังน้อย > ครูบางคนเลยกล้าถ่อยเกินลิมิตได้
แม้ทุกวันนี้ อาจจะตรงข้ามไปหน่อย คือกระแสปกป้องเด็กมันเกินพอดี
แต่ครั้นจะบอกว่าของเก่ามันดีอยู่แล้ว > ผมก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน...
ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้*สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่มองเห็นได้นั้นน่าเชื่อถือมากกว่า*

#102 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 17:55

คนเราทุกวัน เมื่อมีลูก ชอบให้ลูกเป็น เทวดา คือ ไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่เรียนอย่างเดียว พอแก่ตัวเลยขาดสังคม ขาดความอดทน มันเลยสู้กันด้วยกฏ...ใครรู้มากพวกมาก ชนะ
ลืมไปว่า ประเพณี ที่เขาสร้างมา วัฒนธรรมที่เขาสร้างมา นั่นแหละ คือกฏที่ดีที่สุดของ สังคมแต่ละสังคมที่แตกต่างได้อยู่ร่วมกัน โดยมีศาสนา เป็นศูนย์กลาง แต่ก็อีกนั่นแหละ
ศูนย์กลางมันเบี้ยว ความสมดุลย์เลยแกว่งทั้งลูก

#103 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 17:59

ของเรา แค่ตีเด็ก ก็โวยวายว่าป่าเถื่อน
พอเด็กเอาปืนไล่ยิงกัน ครู ตำรวจ นักการเมือง ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้


แต่ไอ้ประเภทตีด้วยอารมณ์ ตีจนไม้หัก จนเลือดตกยางออก มันก็สมควรโดนฟ้องร้องจริงๆครับ
(ยืนยันว่ามีจริงๆ...เคยเจอด้วย!)
เมื่อก่อนนักเรียนไม่กล้าโวย สื่อมวลชนต่างๆยังน้อย > ครูบางคนเลยกล้าถ่อยเกินลิมิตได้
แม้ทุกวันนี้ อาจจะตรงข้ามไปหน่อย คือกระแสปกป้องเด็กมันเกินพอดี
แต่ครั้นจะบอกว่าของเก่ามันดีอยู่แล้ว > ผมก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน...


ผมจะยกตัวอย่างอังกฤษ
เรื่องนี้ พ่อไอ้เต่านาเป็นคนเล่า เพราะตอนนั้นจะเปิดโรงเรียนสาขาไฮโซที่ตัวเองจบมา

คุณชายเต่าบอกว่า อังกฤษเจอปัญหาว่า การสอนเด็กให้ทำดีด้วยการให้รางวัล ซึ่งเป็นพัฒนาการที่หักล้างกับการลงโทษเมื่อทำผิด และอีงกฤษใช้มาสามสิบกว่าปี กำลังถูกทบทวน เพราะพบว่ามันไม่ได้ผลเหมือนระบบลงโทษ

ส่วนการลงโทษอย่างที่ยกตัวอย่างนั้น มันผิดกฏหมายอยู่แล้วครับ เพราะเข้าข่ายทำร้ายร่่างกาย
แต่ความเห็นของผมนั้น เป็นในแง่ว่า การลงโทษ เป็นเรื่องควรทำหรือไม่ เมื่อเทียบกับวัยของเด็ก
แต่ส่วนตัวผมเองนั้น ผมลงโทษลูกเมื่อทำผิดครับผมคิดว่า

วัฒนธรรมไทยไม่ได้โตมาด้วยระบบเหตุผล เอามาใช้ก็จะขัดแย้งกับองค์ประกอบชีวิตส่วนอื่นๆ
อย่างเช่น เรายังถือว่า หัวผู้ใหญ่ ห้ามเล่น เดินผ่านคนอื่นต้องค้อมหลัง ภาษาของเราก็เป็นอเหตุผลนิยม เช่นเราบอกว่า "ดีละมึง"....อย่างนี้แปลว่าไม่ดีแน่ๆ

คือโครงสร้างทางวัฒนธรรมมันเกาะเกี่ยวกันเป็นเครือข่ายซับซ้อน ไม่สามารถสั่งของนอกมา แล้วยัดใส่ได้

ดูง่ายๆ ก็เสื้อแดงรากหญ้ามาเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่สิ่งที่ทำตั้งแต่วันแรกที่เหยียบกรุงเทพ ถึงวันที่นั่งรถกลับบ้าน



มีตรงใหนเป็นประชาธิปไตย้าง
ผมจึงยืนอยู่ฝั่งลงโทษครับ

#104 amplepoor

amplepoor

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,365 posts

ตอบ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 18:06

สังคมแต่ละสังคมที่แตกต่างได้อยู่ร่วมกัน โดยมีศาสนา เป็นศูนย์กลาง แต่ก็อีกนั่นแหละ
ศูนย์กลางมันเบี้ยว ความสมดุลย์เลยแกว่งทั้งลูก


เอาศูนย์กลางเบี้ยวๆ มาให้ดู




#105 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 22:10

ส่วนตัวผม เห็นว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องออกกฏหมายลงโทษ คนที่ทำลายศาสนาไม่ว่าศาสนาใดๆ เป็นคดีอาญา เช่น ภาพที่เกิดขึ้น เอาหนักๆ แล้วจะดีขึ้น
เพราะคนพวกนี้ เลว ไม่ต่างกับโจรใต้เท่าไหร่ ศาสนาต่างๆ จะได้กลับสู่จุดรวมใจอีกครั้ง

#106 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:16

โครงการที่แก้ปัญหาได้ระดับหนึ่งที่คุ้มค่า ที่พรรคการเมืองควรนำเป็นนโยบาย
พาหนะเดินทางที่เรียกว่า “จักรยาน”

ถ้าถามว่าการปั่นจักรยานมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างไร ลองมาคิดกันง่ายๆ ในแต่ละปีประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมัน คิดเป็นมูลค่าปีละประมาณ 700,000-800,000 ล้านบาท ถ้าหันมาใช้จักรยานลดการใช้น้ำมันลงแค่ 5% ประเทศชาติจะลดการนำเข้าน้ำมันไปได้ถึง 35,000-40,000 ล้านบาทเลยทีเดียว สร้างรถไฟฟ้าได้ 1 สายในแต่ละปี
ประโยชน์ยังไม่ได้มีอยู่แค่นั้น ทุกวันนี้ใครลองเข้าไปตามโรงพยาบาลรัฐดูจะรู้ว่า คนไทยเจ็บป่วยมากขึ้นขนาดไหน รัฐบาลต้องจัดสรรเงินเพื่อการรักษาพยาบาลส่วนนี้เฉพาะแค่โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค ปีละประมาณ 100,000 ล้านบาท
ากรวมส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค เช่น ประกันสังคม ทำประกันสุขภาพที่จ่ายเงินเอง ระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ เชื่อว่าประเทศไทยเราน่าจะมีค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลอย่างต่ำ 200,000-300,000 ล้านบาท
ถ้าหันมาปั่นจักรยานออกกำลังกายช่วยลดการเจ็บป่วยลงไปได้ซัก 50% ประเทศไทยจะลดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลได้นับแสนล้านบาทเลยทีเดียว ในต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย จึงมีนโยบายส่งเสริมให้ประชาชนออกกำลังกายกันอย่างจริงจัง ซึ่งช่วยลดรายจ่ายด้านการรักษาพยาบาลลงไปได้มาก สามารถนำงบประมาณไปสร้างความอยู่ดีมีสุขในด้านอื่นๆ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนได้
เริ่มเห็นภาพหรือยังครับว่า “จักรยาน” จะช่วยกอบกู้ประเทศชาติ หรือใหญ่ไปถึงระดับโลกของเราได้อย่างไร แต่ดูเหมือนจักรยานจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ทุกรัฐบาลไม่เคยหยิบยกมาเป็นนโยบายสำคัญของประเทศ มีแต่นโยบายส่งเสริมการใช้รถยนต์ ล่าสุดก็โครงการรถคันแรกที่เพิ่มปริมาณรถยนต์ในท้องถนนอีกกว่า 300,000-400,000 คัน ใช้เงินอุดหนุนประมาณ 30,000 ล้านบาท
ถ้านำเงินส่วนนี้ไปซื้อจักรยานคันละ 2,000 บาท แจกให้ประชาชน จะได้จำนวนจักรยานถึง 15 ล้านคัน หรือทุกครัวเรือนในประเทศไทยจะได้จักรยานฟรีไปใช้กันเลยทีเดียว


ที่มาจาก ไทยรัฐ
http://www.thairath....i_remark/293877

http://news.springne...แก้ไขปัญหามลพิษ


นโยบายพรรคไหนก็ได้สมัยหน้า แจกจักรยานทุกครอบครัว มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ประชานิยมแบบนี้แหละ ที่ผมต้องการ

#107 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 18:03

.
เคยได้ยินความจริง แบบนี้มั๊ยครับ

คนต่างจังหวัด(สังคมชนบท) อยากให้ลูกสบายมีเงินเยอะ ส่งเรียนกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ พอลูกจบมา ก็ทำงานมีครอบครัวที่นั่น พ่อแม่ต้องมาช่วยดูแลหลาน

ลูกๆก็อยากให้แม่พ่ออยู่ใกล้ แต่ตนเองไปอยู่ที่บ้านไม่ได้ เพราะต้องทำงาน

พ่อแม่เลยขายที่ขายบ้าน มาสร้างตัวอยู่กับลูกๆ วันนึงลูกทำงาน มีเงิน อยากซื้อที่ดิน ก็กลับไปซื้อที่บ้าน วนเวียนแบบนี้

แต่หากคนไหนไม่ประสพความสำเร็จ ที่ดินนั้นก็จะหายไปสู่ระบบ...

นี่คือสังคมชนบทที่หายไปในระบบนี้ และที่ดินส่วนนั้นได้หายไปสู่ระบบ ทุนนิยม นับวันจะมากขึ้นมากๆ

ถาม มันผิดที่ใคร ?

จนมาถึง ระบบการเลือกผู้นำชุมชน ..คนใฝ่ฝันเพื่อพบกับความสำเร็จ(คนเก่งๆ) เดินออกจากบ้านแล้ว เข้าสู่ระบบที่ว่า

ที่นี้ ชุมชนก็จะเหลือ คนที่ ศึกษาน้อยไปไหนไม่ได้ ไม่เก่งพอ แต่พวกเยอะ เมื่อต้องเลือกผู้นำ คนเหล่านั้นก็เสนอตัวเข้ามา

ที่นี้ก็เห็นภาพแล้ว ว่า ทำไมเราจึงไม่เหลือผู้นำที่ เก่งและมีศักยภาพพอที่จะ สร้างสังคมที่ดี ระบบพื้นฐานที่ดี

และนี้คือคำตอบว่า ทำไมทุกวันนี้ เราจึงมีผู้นำที่ ซิกแซก กฏหมู่ มีแต่นักเลงหรืออันธพาลเอาแต่พวกพ้อง

สิ่งที่เคยเขียน มันชัดขึ้นแล้วครับ ..
 
 
แปรรูปการศึกษา ...... ลูกแม่โดม ทราบแล้วเปลี่ยน ครม. มีมติ ให้ "ม.ธรรมศาสตร์"ออกนอกระบบ ไม่อยู่ในระบบราชการ คือเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ แต่ไม่ใช่ส่วนราชการ เป็นแนวคิดเดียวกับ การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ คือให้กลไกตลาด มาจัดการชีวิตคน ตามหลักนี้รัฐมองว่า มหาวิทยาลัยต้องหาเงินเอง ภาระการศึกษาเป็น ของนักศึกษา สิ่งนี้ส่งผลต่อคนยากจน ที่ต้องการศึกษาในระดับอุดมศึกษา

ความรู้กลายเป็นสินค้า ที่ต้องมีเงินเท่านั้น ถึงจะจับจองได้ ระบบทุนนิยมสุดขั้ว ได้กระโดดข้ามรั้ว เข้ามาในสถานศึกษา เมื่อรัฐได้ตัดสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่ควรให้บริการประชาชน ด้วยการเปลี่ยนสถานะ มหาวิทยาลัยของรัฐด้วย การนำมหาวิทยาลัย ออกนอกระบบอย่างต่อเนื่อง

ในด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ ที่อ้างว่าการออกนอกระบบนั้น มหาวิทยาลัย จะมีความคล่องตัวมากขึ้น ในการบริหารและ นำไปสู่ความเป็นเลิศทางวิชาการ เพราะมีอิสระในการดำเนินการ เพิ่มขึ้น ยังคงคลุมเครือ เพราะอยู่ในระบบ ก็ทำให้คล่องตัวได้ แต่ถ้าออกนอกระบบไปแล้ว บุคลากรต้องถูกประเมิน โดยผู้บริหาร ก่อนหมดสัญญาจ้าง เพื่อพิจารณาว่า จะให้ต่ออายุสัญญาหรือไม่ ถ้าอาจารย์มีความคิดเห็นที่ขัดแย้ง กับผู้บริหารในเชิงวิชาการ จะมีอิสระในการนำเสนอจริงรึ
 


#108 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 18:29

ดันขึ้นมา เพราะ นึกถึง คุณ amplepoor

 

สถานะการณ์...นิติบุคล กำลังจะเฟื่อง

 

จากบริษัทฯ

รร. นิติบุคคล

รพ. นิติบุคคล

ที่ดิน นิติบุคคล

....

 

 

และเรากำลังมี "ไพร่นิติบุคคล"

 

 



#109 กรุณา ออฟไลน์

กรุณา ออฟไลน์

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 58 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 18:55

ขอร่วมรำลึกถึง คมคิด ความเห็น และ ข้อเท็จจริง ของคุณ Amplepoor ด้วยคนครับ



#110 isa

isa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 447 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 19:26

ผลิตพลเมือง คือคนที่พึ่งตัวเองได้ ความรู้พื้นฐานต้องมี ความถนัดต้องสร้าง โอกาสและการเข้าถึงโอกาสต้องมี

ผลิตพลเมืองแปลว่าไม่ใช่ผลิตข้าราชการ เราให้ระบบการศึกษาผลิตราชการมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 น่าจะพอเสียที แล้วก็เลิกไล่คนโง่ๆ ไปเป็นครูด้วย โรงเรียนครูต้องเป็นอันดับหนึ่ง เหนือกว่าหมอกว่าวิศวะกว่านิเทศ

เงินเดือนครูต้องสูงเท่ากับตุลาการหรือแบ้งค์ชาติ และต้องเก่งพอกับเงินเดือน วันใหนไม่เก่งก็ไล่ออกวันนั้น

ทุกจังหวัดต้องมีโรงเรียนระดับสวนกุหลาบ เทพศิรินท์หรือเตรียมอุดม 1 แห่ง รับเด็กสักชั้นละ 300 คนก็พอ ใครจบออกมาก็ต่อมหาลัยได้เลย จ้างเรียนมีเงินเดือนให้ แต่ต้องเข้าระบบภาษี

มหาวิทยาลัยเป็นระบบเข้ายากออกง่าย หมายความว่าเราพอใจที่พลเมืองจบแค่ก่อนมหาวิทยาลัย ถือว่าเพียงพอแก่ความต้องการของประเทศแล้ว การเรียนมหาวิทยาลัยคือเพื่อเป็นผู้ชำนาญการ ไม่ใช่บัฯฑิต

ปริญญาโง่ๆ พวกศิลปศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์เลิกหมด มีแต่ปริญญาวิชาชีพเท่านั้น




เดี๋ยวมาต่อจ้า

เอิ่ม ผมจบศิลปศาสตร์นะครับ คุณแอม วิชาภาษาไม่ใช่อะไรที่เรียนง่ายๆนะครับ โดยเฉพาะเรื่องการแปลที่สำคัญทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ทั้งศิลปวิชาการ แล้วภาษาที่เรียนมาก็ได้ใช้เลย เป็นหนึ่งในไม่กี่คณะกี่สาขาวิชาที่เรียนมาแล้วใช้ความรู้ที่เรียนมาได้ตรงๆ ตรงตัวเลย
ไม่เสียแรงที่เลือกเรียน

แต่คณะที่ผมอยากยุบตอนนี้น่ะเรอะ..."คณะรัฐศาสตร์"ครับ...ถ้าเรียนจบออกมาก็มาเป็นนักปกครอง ไปสอบตำรวจ ไปเล่นการเมือง
แต่หลังจาก 20 ปีผ่านไป ไปเจอรุ่นพี่น้องรัฐศาสตร์ที่จบมา...อืมม์...ว่าไงดีล่ะ..ถ้าเป็นพวกที่อยุ่ในวงราชการ เลวเกือบทุกราย

ปัจจุบันเราต้องการนักบริหารครับ ไม่ใช่นักปกครอง ใครถ้าโง่กว่าผมแล้วดันทะลึ่งอยากมาปกครองผม ผมด่าเอาจริงๆด้วย
พวกแดงมันถึงหมั่นไส้คนกรุงไง เพราะคนกรุงต้องการคนมาบริหารกรุงเทพฯ ไม่ใช่ปกครองกรุงเทพฯ

อีกอย่าง มีน้องของผมคนหนึ่งที่ใกล้ชิดกับวงการราชการท้องถิ่นกระซิบผมว่า "ไอ้พวกบนอำเภอน่ะ เสื้อเหลือง แต่กางเกงในแดงแทบทุกคนละพี่"
ไปดูข้าราชการระดับนายอำเภอ ผู้ว่า เดือนนึงเงินเข้าเป็นหลักล้าน...มายังไง บอกใบ้ให้ว่ามันเกี่ยวกับอบต.

ส่วนพวกรัฐศาสตร์ที่ไปเป็นตำรวจ หลายๆคนเลวกว่าตำรวจที่จบนายร้อยจปร.ก็แล้วกัน

พี่ๆผมจบรัฐศาสตร์รามมาก็หลายคน ก็ไม่เห็นว่าจะได้ใช้
ถ้าเรียนสาขาอะไรที่เรียนมาแล้วไม่ได้ใช้ หรือถ้าใช้แล้วเป็นประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติหรือสังคมไม่ได้
ก็ยุบๆมันไปเหอะครับ

Edited by isa, 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 19:27.


#111 kwan_kao

kwan_kao

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,444 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 19:32

...

Edited by kwan_kao, 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 20:00.

ขอเป็นเพียงดินก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งของพ่อ ก็ภูมิใจแล้ว

#112 จาจา

จาจา

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 595 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 21:45

เอ่อขออนุญาตถาม   คุณแอมยังอยู่กับพวกเรามั๊ย ?? 

จำได้ว่าแกตั้งทู้ลา โดยบอกว่า ปชป ทำอะไรซักอย่างที่ทำให้แกเลิกล้มความตั้งใจ....

 

ไม่ได้ Log in นานมากเพราะลืม Password

วันนี้ลองมั่วๆ ดู  เข้าได้แล้วเว้ยเฮ้ย

 

ที่ถามเพราะไม่เห็นแก comment หรือตั้งกระทู้ 

อยากให้คุณแอมกลับมาเป็นแนวร่วมพวกเราอีกครั้ง  ชอบสาระและแนวความคิดของแก


แผ่นดินมันกำลังอ่อนแอ อ่อนแออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเรือนใกล้จะพัง คานใกล้จะขาด เสาผุกร่อน เพราะปลวกมอดมันเจาะกินใน ถ้าพวกเราไม่ช่วยกัน วันนึง ถ้ามันต้องเผชิญกับพายุร้าย แม้นแรงเพียงนิด มันก็ไม่แคล้วต้องพังทลายลง

 

ความห่วงใยแผ่นดินปลุกให้กูลุกขึ้นมาทุกวัน ลุกขึ้นมาเพื่อบอกกับลูกหลานว่า เราต้องดูแลตัวเอง ดูแลบ้านเกิดของตัวเอง

แต่งานใหญ่เพียงนี้ไม่อาจจะทำให้สำเร็จได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง กูพยายามส่งผ่านความคิดของกู ไปยังผู้ที่มีจิตใจรักแผ่นดิน กูมีความหวังว่าความคิดของกูคงไม่โดดเดี่ยว แล้วกูก็มีความหวังว่า ความห่วงใยบ้านเกิดจะปลุกให้ทุกคนตื่นขึ้นมาพร้อมกัน เราต้องพร้อมที่จะสู้เพื่อบ้าน..........ทำสิ่งที่ยากแสนยากให้สำเร็จ อาศัยคาถาเพียงสี่คำ…ร่วม แรง ร่วม ใจ และคาถาอีกสองคำ แลกชีวิต

 

** ด้วยใจคารวะต่อบรรพบุรุษผู้กล้า ผู้เสียสละทุกท่านที่ปกปักรักษาแผ่นดินไทยมานับแต่อดีต


#113 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 22:17

เอ่อขออนุญาตถาม   คุณแอมยังอยู่กับพวกเรามั๊ย ?? 

จำได้ว่าแกตั้งทู้ลา โดยบอกว่า ปชป ทำอะไรซักอย่างที่ทำให้แกเลิกล้มความตั้งใจ....

 

ไม่ได้ Log in นานมากเพราะลืม Password

วันนี้ลองมั่วๆ ดู  เข้าได้แล้วเว้ยเฮ้ย

 

ที่ถามเพราะไม่เห็นแก comment หรือตั้งกระทู้ 

อยากให้คุณแอมกลับมาเป็นแนวร่วมพวกเราอีกครั้ง  ชอบสาระและแนวความคิดของแก

เข้ามา บอก กันเยอะๆรับรอง แกคงไม่ใจดำกับน้องๆแน่



#114 Huligan

Huligan

    ดาวพยศนภา

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,880 posts

ตอบ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 23:34


ผมจะยกตัวอย่างอังกฤษ
เรื่องนี้ พ่อไอ้เต่านาเป็นคนเล่า เพราะตอนนั้นจะเปิดโรงเรียนสาขาไฮโซที่ตัวเองจบมา

คุณชายเต่าบอกว่า อังกฤษเจอปัญหาว่า การสอนเด็กให้ทำดีด้วยการให้รางวัล ซึ่งเป็นพัฒนาการที่หักล้างกับการลงโทษเมื่อทำผิด และอีงกฤษใช้มาสามสิบกว่าปี กำลังถูกทบทวน เพราะพบว่ามันไม่ได้ผลเหมือนระบบลงโทษ

ส่วนการลงโทษอย่างที่ยกตัวอย่างนั้น มันผิดกฏหมายอยู่แล้วครับ เพราะเข้าข่ายทำร้ายร่่างกาย
แต่ความเห็นของผมนั้น เป็นในแง่ว่า การลงโทษ เป็นเรื่องควรทำหรือไม่ เมื่อเทียบกับวัยของเด็ก
แต่ส่วนตัวผมเองนั้น ผมลงโทษลูกเมื่อทำผิดครับผมคิดว่า

วัฒนธรรมไทยไม่ได้โตมาด้วยระบบเหตุผล เอามาใช้ก็จะขัดแย้งกับองค์ประกอบชีวิตส่วนอื่นๆ
อย่างเช่น เรายังถือว่า หัวผู้ใหญ่ ห้ามเล่น เดินผ่านคนอื่นต้องค้อมหลัง ภาษาของเราก็เป็นอเหตุผลนิยม เช่นเราบอกว่า "ดีละ*คุณ*"....อย่างนี้แปลว่าไม่ดีแน่ๆ

คือโครงสร้างทางวัฒนธรรมมันเกาะเกี่ยวกันเป็นเครือข่ายซับซ้อน ไม่สามารถสั่งของนอกมา แล้วยัดใส่ได้

ดูง่ายๆ ก็เสื้อแดงรากหญ้ามาเรียกร้องประชาธิปไตย
แต่สิ่งที่ทำตั้งแต่วันแรกที่เหยียบกรุงเทพ ถึงวันที่นั่งรถกลับบ้าน



มีตรงใหนเป็นประชาธิปไตย้าง
ผมจึงยืนอยู่ฝั่งลงโทษครับ

 

 

ขออนุญาตขุดกระทู้ครับ

 

สิ่งที่ผมคิดอีกอย่างคือ การลงโทษคนที่ฝ่าฝืน'ธรรมเนียม'มันสมเหตุสมผลแค่ไหน?ถ้าการละเมิดธรรมเนียมนั้นไม่ได้กระทบต่อสิทธิผู้อื่นโดยตรง?
นักเรียนที่ไม่ยอมสวดมนต์สมควรมีบทลงโทษ'เท่ากับ'นักเรียนที่ต่อยตีกันหรือเปล่า?
นักเรียนที่สบถคำหยาบสมควรถูกทำโทษด้วยการตีหรือ?(ผมเคยเจอมากับตัวเองตอนเด็ก)การสบถคำหยาบแม้จะไม่ใช่สิ่งดี แต่ผลตามธรรมชาติแท้ๆของการกระทำนี้คือ กลายเป็นคนน่ารำคาญ+เพื่อนไม่อยากคบหา ไม่ใช่ถูกทำให้เจ็บตัว มันเป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินจริง! ถ้าการกระทำนั้นไม่เกิดผลเสียต่อคนอื่นอย่างชัดเจนก็ควรจะปล่อยให้เจ้าตัวรู้ถึงผลเสียต่อตัวเขาเองตามธรรมชาติบ้างจะดีกว่า หรือถ้าจะลงโทษก็ลงโทษแบบ passive จะสมเหตุสมผลกว่า(ใช้แนวทางเดียวกับกฎหมายหลักทั่วไป)
*อันนี้พูดถึงระเบียบในโรงเรียนสมัยที่ผมยังเด็กนะ สมัยนี้ผมไม่รู้รายละเอียดว่ามันเปลี่ยนไปแค่ไหนบ้าง?

Edited by Huligan, 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 - 23:34.

ทฤษฎีของ เดล คาเนกี ใช้กับเหิ้ยหางแดงไม่ได้*สิ่งที่มองไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีอยู่จริง แต่สิ่งที่มองเห็นได้นั้นน่าเชื่อถือมากกว่า*




ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน