"มีวันนี้เพราะพี่ให้"
#51
ตอบ 4 กันยายน พ.ศ. 2555 - 23:13
#52
ตอบ 4 กันยายน พ.ศ. 2555 - 23:18
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 กันยายน ที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้เปิดห้องทำงานให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ความคืบคดีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา ลูกชายของ นายเฉลิม อยู่วิทยา ทายาทกระทิงแดง ขับรถเฟอร์รารี ชน ด.ต.สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา
สำหรับห้องทำงานของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้เลือกเอาห้องที่อดีต ผบช.น.คนก่อนๆ ใช้เป็นห้องรับรอง ปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงานแทน สลับห้องทำงานมาเป็นห้องรับรอง ผู้สื่อข่าวได้ถือโอกาสสำรวจห้องรับรองของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผบช.น. พบว่าได้แขวนภาพถ่ายขนาดใหญ่ข้างฝา เป็นรูปที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประดับยศ พล.ต.ท.ให้ และภาพ พ.ต.ท.ทักษิณจับมือแสดงความยินดี จำนวน 2 ภาพ ในรูประบุวันที่ถ่ายคือ 29/6/2012 โดยมีลายมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ เขียนบนรูปว่า "ขอแสดงความยินดีกับแจ๊ดน้องรัก ขอให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงานเป็นที่รักของประชาชนและเพื่อนตำรวจ รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (29 มิ.ย.55)" พร้อมป้ายจารึกข้อความ "มีวันนี้เพราะพี่ให้" เหนือป้ายชื่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ด้วย
http://www.matichon....9&subcatid=1905
อนิจจา น่าสงสาร ตัวเน่าเหม็นชอบกินอาจม
#53
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 00:22
พวกนี้มันไม่สนหรอกครับ ถือว่าไม่มีใครทำอะไรมันได้
ฟ้องเอาไว้ พอเมื่อถึงเวลาที่เปลี่ยนขั้วเมื่อไหร่
ต้องริบ บำเหน็จ บำนาญ ถอดยศ คืนกันเลย
#54
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 01:14
พอวันนี้เห็นภาพนี้แล้ว กลายเป็นหมาเลียไข่แม้วไปซะ
#55
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 06:52
เขาเป็นข้าราชการ ต้องฟังคำสั่งนักการเมือง ถ้าไม่สั่งไม่ทำ
ขอเป็นกำลังใจให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลทุกคนครับ
มีตัวอย่างเยอะ ข้าราชการทำโดยนักการเมืองไม่สั่ง เด้งกันเป็นแถว
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#57
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 07:25
ตำรวจนายร้อยหนุ่ม พัทยา ที่พักอาศัยใน หมู่บ้านและคอนโดการเคหะพัทยา พบเห็น
นักเรียนเทคนิคอักษรพัทยา และ นักศึกษา มรภ.สวนดุสิตพัทยา
ที่พักอาศัยใน หมู่บ้านและคอนโดการเคหะพัทยา เหมือนกัน มาจับกลุ่มกันสูบบุหรี่ยัดไส้กัญชา
บ่อยๆช่วงตอนกลางคืน วันศุกษ์เสาร์อาทิตย์ แถวๆตลาดกลางคืน
บริเวณ หมู่บ้านและคอนโดการเคหะพัทยา ก็ไม่ทำอะไรได้แต่ชมดูนิ่งเฉย
อนึ่ง นักเรียนเทคนิคอักษรพัทยา และ นักศึกษา มรภ.สวนดุสิตพัทยา
จะมาเช่าพักอาศัยกันอยู่รวมกัน เป็นกลุ่มในห้องเดียวกัน
ประมาณ 6-10 คน อยู่หลายห้อง ภายใน หมู่บ้านและคอนโดการเคหะพัทยา
และบ่อยครั้งจะมีการจัดปาตี้ยาเสพติดกัญชาใบกระท่อม
แลกเปลี่ยนเซ็กคู่นอนร่วมหมู่กันทั้ง ผู้ชายผู้หญิงและกระเทย
โดยที่ โรงเรียนเทคนิคอักษรพัทยา และ มรภ.สวนดุสิตพัทยา ก็ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ
หมู่บ้านและคอนโดการเคหะพัทยา
Edited by moonoi, 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 07:34.
#58
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 13:56
ขอเป็นกำลังใจให้กับตำรวจที่ทำหน้าที่โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลทุกคนครับ
งั้นฝากท่านตามหาไอ้ปื๊ด หน่อยซิครับ คดีนั้น ดาบยิ้ม เสียชีวิตระหว่างปฎิบัติหน้าที่เลยนะครับ ไม่โกรธเลยเหรอท่าน
ทางใต้
ตำรวจ ตายเป็นพัน ยังจับผู้ร้ายไม่ได้เลย หรือจับได้ก็แค่ตัวจิ๊บ ๆ
#59
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 14:04
#61
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 14:51
โดยเฉพาะตะกวดที่ไปเอาคนขับรถมาสารภาพ
ไอ้ตะกวดคนนี้ผิดมากที่สุด
ไม่ใช่เรื่องปั้นผู้ต้องหา แต่ผิดเพราะไม่แบ่งเงินให้นาย
#62
ตอบ 5 กันยายน พ.ศ. 2555 - 19:39
แปลความหมาย คือ
ตำรวจไทยจะได้ดี ไม่ใช่เพราะทำงานให้ประชาชน
แต่เพราะมี "พี่" ดี มิน่าตำรวจถึงแคร์แต่ "พี่"
ส่วนประชาชน โดนรีดไถเอา ๆ
เขาเปิดรักษาฝังเข็ม ประชาชน เป็นหมื่นๆ
ไม่เหมือน อภิสิทธิ์ ทำอะไรให้ประชาชนบ้าง ดีแต่แดกภาษีเป็นแสนๆ เอาทหารมายิงประชาชน ไล่จ่าเพียร ไปตาย
ตำรวจที่ใหนเขาจะรัก 55555555555555
นายกให้ฝังเข็มเป็นหมื่น ๆ เลยเหรอ
ตายตาย นึกว่าแค่ไม่กี่คน
#63
ตอบ 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 21:29
ศาลปกครองสูงสุดชี้ขาด ตร.ใช้ความรุนแรงสลายม็อบโรงแยกก๊าซจะนะ พิพากษาชดใช้ 1 แสน 16 มกราคม 2556 13:01 น.
นายเจ๊ะเด็น อนันทบริพงศ์ ผู้ฟ้องที่ 1
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศาลปกครองสูงสุด ชี้ขาดกรณีตำรวจใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุสลายการชุมนุมม็อบค้านโรงแยกก๊าซจะนะ หลังคดียืดเยื้อนาน 10 ปี ระบุ เป็นการชุมนุมโดยสงบ และเจ้าหน้าที่กระทำโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พิพากษาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้อง 24 คน รวม 1 แสนบาท
นางสุไรด๊ะ โต๊ะหลี ชาวบ้านใน อ.จะนะ จ.สงขลา หนึ่งในผู้ฟ้องคดี
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณาที่ 2 ศาลปกครองจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ศาลปกครองจังหวัด ได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีตำรวจสลายการชุมนุมของชาวบ้านผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2545 ที่บริเวณถนนจุติอนุสรณ์ ใกล้โรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ หรือโรงแรมหรรษาเจบีในปัจจุบัน เป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม ได้รับบาดเจ็บ รถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะได้รับความเสียหาย และไม่สามารถใช้เสรีภาพในการชุมนุมได้ต่อไป
โดยนายเจ๊ะเด็น อนันทบริพงศ์ ผู้ฟ้องที่ 1 กับพวก รวม 30 คน ได้ยื่นฟ้องสำนักงานตรวจแห่งชาติ จังหวัดสงขลา และกระทรวงมหาดไทย เรียกค่าเสียหายจากหน่วยงานดังกล่าว เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในสังกัดได้ละเมิดสิทธิเสรีภาพการชุมนุมตามมาตรา 40 ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ที่บังคับใช้ในขณะนั้น ซึ่งศาลปกครองจังหวัดสงขลา และศาลปกครองสูงสุดมีคำสังรับฟ้องเฉพาะผู้ฟ้องคดีที่ 1-24 ในส่วนที่เรียกค่าเสียหายการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเท่านั้น
ชาวบ้านจะนะนำภาพตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายม็อบมาแสดง
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หนึ่งในตำรวจผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งสลายม็อบที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ
ทั้งนี้ ศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้อ่านคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ อ.426/2549 ซึ่งพิจารณาว่า การชุมนุมเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2545 ซึ่งชาวบ้านเตรียมยื่นหนังสือเสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ต่อนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยมีกำหนดการเดินทางมาประชุม ครม.สัญจรที่โรงแรม เจ.บี.หาดใหญ่ ในวันที่ 21 ม.ค.2545 ว่า เป็นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ
ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 ยื่นอุทธรณ์ โดยระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวชุมนุมกันเกิน 10 คน มีผู้สั่งการอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการตระเตรียมอาวุธทั้งที่เป็นอาวุธ และมิใช่อาวุธโดยสภาพ ซึ่งสามารถตรวจยึดหนังสติ๊ก ลูกตะกั่ว กรรไกรปลายแหลม มีดสปาต้า และไม้ไผ่เสี้ยมปลายแหลม 175 อันนั้น ศาลพิจารณาเห็นว่า การชุมนุมโดยใช้สิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญย่อมกระทำโดยคนเดียวไม่ได้ และไม่ปรากฏว่า แกนนำมีการสั่งการให้กลุ่มผู้ชุมนุมสั่งสมอาวุธ
ในขณะเดียวกัน ศาลเห็นว่าหนังสติ๊ก ลูกตะกั่ว และมีดสปาต้านั้นถือว่ามีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ชุมนุม โดยเป็นอาวุธที่ผู้คัดค้านเตรียมมาเป็นการส่วนตัว มิได้มีการสั่งการจากแกนนำแต่งอย่างใด ส่วนไม้ไผ่เสี้ยมปลายแหลมพบว่า ผู้ชุมนุมใช้เป็นเสาธง มิใช่อาวุธแต่เดิม แต่ได้ใช้เป็นอาวุธในเวลาต่อมาเมื่อตำรวจเข้าสลายการชุมนุม สำหรับการทำร้ายตำรวจ และทรัพย์สินของทางราชการนั้น เกิดจากการที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม และทำร้ายผู้คัดค้านจนบาดเจ็บ
ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำตัดสินว่า การชุมนุมของชาวบ้านผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ และโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2545 นั้นเป็นการชุมนุมโดยสงบ และการที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมโดยมิได้ดำเนินการตามหลักสากลคือ จากเบาไปหาหนักจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพชุมนุมโดยสงบต่อไปได้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผู้ถูกฟ้องที่ 1) จึงต้องรับผิดชอบ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ถูกฟ้องที่ 1-24 โดยกำหนดให้จ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องที่ 1-24 รวมกันจำนวน 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
นางสุไรด๊ะ โต๊ะหลี ชาวบ้านใน อ.จะนะ จ.สงขลา หนึ่งในผู้ฟ้องคดีกล่าวว่า วันนี้ ตนรู้สึกดีใจที่ชาวบ้านชนะคดี แต่เนื่องจากเวลายาวนานมาเป็น 10 ปีกว่าคดีจะสิ้นสุด จึงเป็นความดีใจที่แผ่วลงมาก การเรียกร้องสิทธิของชาวบ้านตามรัฐธรรมนูญเป็นสิทธิที่มีจริง แต่ปรากฏว่า เมื่อชาวบ้านจึงลุกขึ้นมาปกป้องทรัพยากรในบ้านเกิด กลับถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุในการสลายการชุมนุม ชาวบ้านบาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย วันนี้ ศาลพิพากษาให้รัฐจ่ายค่าเสียหายแก่ชาวบ้าน 24 คน รวม 100,000 บาท ซึ่งน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับความรู้สึกของชาวบ้านที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำร้าย แต่ไม่ได้ติดใจตรงจำนวนเงิน วันนี้ตนรู้สึกพอใจกับคำพิพากษาที่เห็นความสำคัญของประชาชน ทั้งนี้ ก่อนที่ชาวบ้านจะคัดค้านต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรในท้องถิ่นของตัวเองให้ปราศจากมลพิษ และสิ่งเป็นพิษทั้งหลาย ชาวบ้านได้ศึกษาหาข้อมูลข้อเท็จจริงแล้วว่า มีผลกระทบต่อวิถีชีวิต และการประกอบอาชีพจึงมารวมตัวกันเพื่อชุมนุมคัดค้านอย่างสงบ
“ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐรู้ข้อกฎหมายดีกว่าประชาชนมาก แต่เหตุการณ์ในวันนั้นเจ้าหน้าที่รัฐไม่เคารพกฎหมาย ใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน เขารู้ว่าโดยหน้าที่เขาทำร้ายประชาชนไม่ได้ แต่เขาฮึกเหิมเนื่องจากเขาเห็นแก่นายทุน จึงมีการทำร้ายทุบตีชาวบ้าน และทำลายข้าวของ แม้แต่หม้อข้าวเขาถึงกับใช้เท้าเตะ เขาทำกับชาวบ้านเหมือนไม่ใช่มนุษย์ ครอบครัวของตนถูกทุบตี และต้องหนีไปอยู่ในป่านานถึง 18 เดือน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามล่าโดยตั้งข้อหาว่าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ รวม 8 ข้อหา และวันนี้เราได้พลิกมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจนชนะคดีแล้ว
อยากฝากบอกกับพี่น้องชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ ว่า ถ้ามีนายทุนข้ามชาติเข้าไปในพื้นที่เพื่อหาประโยชน์ใส่ตัว โดยที่ชาวบ้านจะต้องเผชิญกับมลพิษ สิ่งเป็นพิษ และหายนะต่างๆ ชาวบ้านมีสิทธิเสรีภาพที่จะออกมาปกป้องทรัพยากรของตนเองได้ตามกฎหมายที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ พอมีโครงการใหญ่ระดับชาติเข้ามาทำลายทรัพยากรในท้องถิ่น เราก็ใช้กฎหมายข้อนี้ปกป้องทรัพยากรของเราเอง ประชาชนย่อมมีสิทธิกำหนดทิศทางการพัฒนาในท้องถิ่นของตัวเอง” นางสุไรด๊ะกล่าว
ขณะรอฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณาคดี
Edited by Stargate-1, 16 มกราคม พ.ศ. 2556 - 22:10.
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน