ผมมาคิดๆดูแล้ว ผมยอมรับว่าผมอาจจะโง่อยู่บ้าง แต่ๆไม่ใช่คิดไม่เป็นอย่างเด็ดขาด จะโง่ก็คงเป็นเพราะด้อยการศึกษาเท่านั้นเอง และผมขอค้านเรื่องโดนจูงจมูก ซึ่งผมคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้อย่างเด็ดขาด เพราะถึงแม้ผมจะตัวใหญ่เกินกว่ามาตรฐานชายไทยก็ตาม แต่จมูกผมก็ไม่ได้ใหญ่จนใครๆจะมาจูงจมูกได้ง่ายๆนะครับ
ที่ผมยอมรับว่าโง่นั้น อาจเป็นเพราะว่า
ผมเกือบหลงเชื่อว่า การขายหุ้นของคุณทักษิณจะต้องเสียภาษี เพราะจริยธรรมของนายกฯต้องมากกว่าคนอื่น
ผมเกือบหลงเชื่อว่า การขายดาวเทียมเป็นการขายความลับของชาติ
ผมเกือบหลงเชื่อว่า หวยบนดินเป็นความผิดที่มีเค้าส่อในทางคอรัปชั่น
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ประชานิยมสมัยทักษิณจะทำให้ประเทศล่มจม
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ปฏิญญาฟินแลนด์นั้นมีอยู่จริง
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ยุคทักษิณเป็นยุคที่มีการคอรัปชั่นสูงสุด
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ยุคทักษิณมีการทุจริตโครงการกล้ายางอย่างมโหฬาร
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ยุคทักษิณเป็นยุคที่มีการแทรกแซงองค์กรอิสระ
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ยุคทักษิณเป็นยุคที่มีการแทรกแซงสื่ออย่างมากมาย
ผมเกือบหลงเชื่อว่า ยุคทักษิณเป็นยุคแห่งการรวบอำนาจ จะกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา
ผมเกือบหลงเชื่อว่า คุณทักษิณเป็นคนทำให้สังคมเกิดความแตกแยกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
และผมเชื่อไปกับเขาด้วยว่า มีแต่รัฐประหารเท่านั้นจึงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานั้น
แต่หลังจากรัฐประหารผ่านพ้นไป
ผมเริ่มรู้ว่า ที่แท้การขายหุ้นในตลาดหุ้นไม่ต้องเสียภาษี ดังนั้นเขาจึงเอาจริยธรรมมาเพื่อให้ร้าย
ผมเริ่มรู้ว่า ดาวเทียมที่ขายไปนั้น เป็นแค่ดาวเทียมสื่อสาร ดังนั้นรัฐบาลต่อๆมาจึงไม่มีใครคิดซื้อคืน
ผมเริ่มรู้ว่า หวยบนดินไม่เกี่ยวกับการคอรัปชั่น เพียงแต่ผิดระเบียบ
ผมเริ่มรู้ว่า ประชานิยมนั้น ถ้าทำให้ประเทศชาติล่มจมจริง ทำไมทุกรัฐบาลยังคงไว้ซึ่งประชานิยม
ผมเริ่มรู้ว่า ปฏิญญาฟินแลนด์เป็นเพียงการใส่ร้าย เพื่อหวังผลทางการเมือง
ผมเริ่มรู้ว่า หลังยุคทักษิณ การคอรัปชั่นกลับทวีความรุนแรงมากกว่าเก่าเสียอีก
ผมเริ่มรู้ว่า เพียงแค่สลับขั้ว ผู้ร้องถึงกับไปเป็นพยานให้กับจำเลยเสียเอง
ผมเริ่มรู้ว่า องค์กรอิสระหลังยุคทักษิณ แม้ไม่ถูกแทรกแซง แต่กลายเป็นถูกครอบงำเลยทีเดียว
ผมเริ่มรู้ว่า สื่อฯต่างๆไม่ใช่ถูกแทรกแซง แต่เป็นเพราะสื่อฯไทยขาดจรรยาบรรณกันมากกว่า
ผมเริ่มรู้ว่า เผด็จการรัฐสภาเป็นเพียงวาทกรรมของเสียงข้างน้อยที่ไม่เคารพกติกาเท่านั้นเอง
เลยทำให้ผมรู้ว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะคุณทักษิณแล้วล่ะ เพราะประเทศในช่วงนั้นกำลังไปได้สวยในสังคมโลก อีกทั้งประชาชนก็กำลังมีความสามัคคีกันอย่างมาก
ดังเห็นได้จากการพร้อมใจกันใส่เสื้อเหลืองกันทั้งประเทศ เพื่อแสดงความจงรักฯ
ดังเห็นได้จากการพับกระดาษนก เพื่อให้เกิดสันติภาพทางภาคใต้
ดังเห็นได้จากความร่วมมือร่วมใจกันช่วยเหลือพี่น้องที่กำลังมีทุกข์จากภัยสึนามิ จนได้รับคำชมจากนานาประเทศ
อย่างนั้นแล้วความแตกแยกเริ่มเกิดขึ้นตอนไหน เพราะถ้าเกิดจากการบริหารของคุณทักษิณ การเลือกตั้งครั้งที่สองคงไม่ได้เสียงถึง 377 เสียง มากที่สุดตั้งแต่มีพรรคการเมืองมา และยังเป็นนายกฯคนเดียวที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วสามารถอยู่จนครบวาระ ตอนนี้ผมเริ่มคิดด้วยตัวเอง จนพบว่า
ความแตกแยกเริ่มขึ้นเมื่อมีการแอบอ้างสถาบัน แล้วชุมนุมปลุกระดมให้สังคมแบ่งพวกแบ่งฝ่าย
ความแตกแยกเริ่มขึ้นเมื่อมีความพยายามกล่าวหา ใส่ร้าย รัฐบาลดังที่กล่าวมาข้างต้น
ความแตกแยกเริ่มมากขึ้นเมื่อมีความพยายามปลุกกระแสรักชาติกันอย่างบ้าคลั่ง
และยิ่งแตกแยกจนแทบจะอยู่ร่วมสังคมกันไม่ได้ในสองฝ่าย หลังจากมีรัฐธรรมนูญปี 50
เพราะเกิดปรากฎการณ์บังคับใช้กฎหมายกันสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด
พวกหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิด ส่วนอีกพวกทำอะไรก็ผิดตลอด
จนถึงวันนี้ ความพยายามที่จะแย่งอำนาจของปวงชนชาวไทยยิ่งชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องใช้กำลังทำรัฐประหารกันอีกแล้ว แต่อาศัยช่องทางทางตุลาการภิวัฒน์นี่แหละทำกันรัฐประหาร แย่งชิงอำนาจของประชาชนโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง
ดังนั้นผมจึงอยากบอกว่า ถึงผมจะโง่ แต่ก็เป็นความโง่ที่ไม่รู้ความต่างหากครับ แต่ถึงวันนี้เมื่อผมหูตาสว่างขึ้น มองเห็นเหตุการณ์ชัดเจนขึ้น ผมจึงคิดว่า ผมเริ่มฉลาดแล้วครับ เป็นความฉลาดที่ไม่ต้องพึ่งแกนนำสักนิดเลยครับ นอกจากตาดู หูฟัง สมองคิด เพียงเท่านี้จริงๆครับ
จากคุณ : ทวดเอง
Edited by 19 มงกุฎ, 8 กันยายน พ.ศ. 2555 - 09:04.