http://www.bangkokbi...ทางจักรยาน.htmlเชื่อว่าประสบการณ์ในวัยเด็กของผู้คนส่วนใหญ่ ต้องผ่านการหัดขี่จักรยาน ที่เป็นความประทับใจหลังผ่านการหัดเดิน
..จึงมีคนจำนวนน้อยที่จะขี่จักรยานไม่เป็น
เมื่อ 22 ก.ย.) ทั่วประเทศได้รณรงค์วันมาพึ่งพลังงานลำแข้ง (ของตนเอง) กันในวัน Car Free Day ซึ่งจุดประสงค์ของการจัดวัน Car Free Day หรือวันปลอดรถ หรือการที่สนับสนุนให้ผู้ขับขี่ที่ใช้เครื่องยนต์เป็นพาหนะได้หยุดการใช้งานพาหนะประจำของตนเอง เป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งวัน (ก็ยังดี)
หลายกิจกรรมในงานรณรงค์มีตั้งแต่หยุดใช้รถ หันมาใช้บริการขนส่งมวลชนหรือ ปั่นจักรยาน หรือเดินเท้า สำหรับผู้ที่ที่ทำงานหรือสถานที่ชอปปิ้งไม่ไกลจากบ้านมากนัก
ตั้งแต่ปี 2000 วันปลอดรถสากล หรือ International Car Free Day ถูกกำหนดให้เป็นวันที่ 22 ก.ย. ของทุกปี จึงไม่ใช่แค่เมืองไทยที่รณรงค์ให้หยุดใช้รถแต่มีหลายเมืองทั่วโลกพยายามจะสร้างกระแสนี้เพื่อรักษาโลก และลดโลกร้อนเพราะพลังงานที่ใช้ในการขนส่งก่อให้เกิดมลพิษและสร้างปัญหาให้กับโลกมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับประเทศไทยดูเหมือนว่าความพยายามลดการใช้พลังงานในภาคขนส่งจะไม่ค่อยเป็นผลมากนัก โดยเฉพาะเมื่อมี"นโยบายรถคันแรก"ที่ดูสวนทางกับการอนุรักษ์พลังงาน เพราะจะเห็นว่าหลังรัฐบาลเปิดนโยบายนี้กลายเป็นปัจจัยเร่งดันยอดผลิตรถสูงสุดรอบ 50 ปี คาดปีนี้ขายได้ 1.2 ล้านคัน การรณรงค์แค่วันเดียวแต่นโยบายในภาพรวมไม่เดินไปในทิศทางเดียวกันแน่นอนว่า นอกจากไม่สามารถสร้างสำนึกการอนุรักษ์แล้วยังล้มเหลวกับงบประมาณที่นำมาจัดกิจกรรมเป็นเพียงการแสดงภาพลักษณ์ที่ฉาบฉวยไม่จริงจังไม่หวังผลในทางปฏิบัติ
เช่นเดียวกับการผลักดันเส้นทางจักรยานที่มีความพยายามกันมานานแต่ก็ไม่มีเส้นทางจักรยานที่สมบูรณ์ โดยนายอรวิทย์ เหมะจุฑา รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง เล่าว่าทางจักรยานในระยะแรกจะสร้างที่ถนนที่มีอยู่เดิม และอยู่บนทางเท้าเป็นส่วนใหญ่ โดยยอมรับว่าระยะแรก กทม. เองก็ยังไม่มีการศึกษาว่า “ทางจักรยาน” ที่เหมาะกับพื้นที่ควรจะออกมาในรูปแบบไหน จึงเลือกเอาวิธีที่มีการจัดการที่ค่อนข้างง่าย และทำตามสภาพที่เป็นอยู่ในอดีตไปก่อน
ข้อมูลจากสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานครระบุว่า ปัจจุบันมีทางจักรยานที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วทั้งสิ้น 31 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร จากถนนในกรุงเทพฯ มีความยาวรวมกันราว 8,000 กิโลเมตร พื้นผิวถนนคิดเป็นร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด (1,568 ตารางกิโลเมตร)
แต่ข้อเท็จจริงที่ผู้ใช้จักรยานทุกคนพบก็คือเส้นทางจักรยานที่ไม่เชื่อมโยงกันและขาดความปลอดภัย ทั้งมาปรากฏบนฟุตบาทในย่านหาบเร่-แผงลอยอันหนาแน่น ขอบฟุตบาทที่มีรถจอดอยู่เป็นประจำ ทำให้การจัดเส้นทางจักรยานของผู้ขับขี่ปลอดภัยจึงยังไม่มีเส้นทางไหนที่สมบูรณ์ ปัจจุบัน กรุงเทพมหานครได้ออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการกำหนดช่องทางเดินรถสำหรับรถจักรยาน พ.ศ. 2553 ซึ่งกำหนดช่องทางเดินรถเฉพาะสำหรับเดินรถจักรยาน โดยมีความกว้างของช่องทาง 1 เมตร 20 เซนติเมตร คือ
- ถนนหน้าพระลาน เฉพาะฝั่งด้านถนนมหาราชมุ่งหน้าถนนหน้าพระธาตุ
- ถนนหน้าพระธาตุ เฉพาะฝั่งด้านถนนหน้าพระลานมุ่งหน้าถนนราชินี
- ถนนราชินี เฉพาะฝั่งด้านถนนหน้าพระธาตุมุ่งหน้าถนนพระอาทิตย์
- ถนนพระอาทิตย์ เฉพาะฝั่งด้านถนนราชินีมุ่งหน้าถนนพระสุเมรุ
แต่เส้นทางดังกล่าวไม่เชื่อมโยงจนทำให้ผู้ต้องการใช้จักรยานสามารถใช้งานได้ซึ่งถึงเวลาที่จะจัดเส้นทางจักรยานเพื่อให้ผู้ต้องการใช้จักรยานสามารถใช้งานได้จริงเรื่องรณรงค์ให้มีการปั่นจักรยานนั้นผมเห็นว่าก็เริ่มมีโครงการต่างๆให้เห็นมากขึ้นกว่าเดิมมากนะครับ แต่อาจจะยังทำได้ไม่รวดเร็วเนื่องจากผังเมืองของกรุงเทพฯเองก็ค่อนข้างยุ่งเหยิง
![^_^](http://static.serithai.net/webboard/public/style_emoticons/default/happy.png)
แต่ตอนนี้กระแสการปั่นจักรยานกำลังจุดติด ถ้าอยากจะรณรงค์กันจริงจังก็ต้องเริ่มตอนนี้เลยครับ ไม่งั้นวัยรุ่นไทยอาจจะไปตามกระแสอื่นแทน