เรียนถามเพื่อนผู้รู้เรื่องพุทธศาสนา-ขโมยของพระบาปถึงขั้นไหน แล้วโกงธรณีสงฆ์นี่มีบาปอย่างไรครับ?
#1
Posted 25 September 2012 - 17:32
ตอนโตขึ้น ผมจำได้ว่าอ่านกระทู้ในห้องศาสนาพันทิป มีคนกลุ้มใจโพสต์ถามปัญหา
เจ้าของกระทู้โกรธมากที่แม่แกะเอาเอาซีดีเทศน์ที่เขาแพ็คไว้เตรียมถวายพระ เอาไปฟังเป็นของตัวเอง
เขาจะซื้อให้แม่ใหม่ แต่แม่ดื้อไม่ยอม และพาลพาโลว่า "แค่ซีดีแผ่นเดียวจะมางี่เง่าอะไรกะชั้นนักหนา"
จขกท.ก็พยายามอธิบายว่าเอาของพระเป็นของตัวเองบาปกรรมหนักมาก แต่แม่ไม่เชื่อ ยังไม่ยอมคืน
เขาเลยมาถามห้องศาสนาว่า "การเอาของพระมาเป็นของตัวเองบาปหนักจริงไหม บาปข้อไหนบ้าง"
เพื่อจะเอาไปบอกแม่
แต่ผมดันจำไม่ได้ว่าคำตอบนั้นมีอะไรบ้าง
ก็เลยรบกวนถามเพื่อนผู้รู้ว่า
1. บาปของการลักของพระศาสนามีอยู่ในพระสูตรข้อไหนบ้างไหมครับ
2. กรณีเจ้าอาวาสที่เอาที่ดินยายเนื่อมไปขาย แบบนี้บาปมากไหมครับ เพราะทำผิดเจตนารมณ์ผู้ตาย
3. ผู้ตายมีศรัทธาแรงกล้าที่จะสร้างกุศลแก่พระพุทธศาสนา แต่กลับถูกโกงไปเช่นนี้ บุญของผู้ตายจะได้เต็มที่่ไหมครับ
4. แล้วที่มีสมาชิกกลางกลวงในเสรีไทยออกมาอ้างว่า "ทางวัดไม่อยากได้ที่ดินก้เลยขายไป เป็นสิทธิ ไม่ผิดอะไร" อันนี้จริงหรือไม่ครับ
สุดท้าย...
5. ระหว่างยงยุทธที่ช่วยโกงที่ดินสงฆ์ เสนาะที่ได้รับผลประโยชน์ ชูชาติที่ร่วมขบวนการ กับตัวทักษิณผู้บงการ
คนไหนบาปหนักสุดครับ
ขอบพระคุณเพื่อนที่มาให้คำตอบทุกท่านครับ
#2
Posted 25 September 2012 - 17:33
#3
Posted 25 September 2012 - 17:42
การเอาของของวัดไปนั้นบาปนัก ทุกปีจึงมีงานก่อพระเจดีย์ทรายที่วัด จุดประสงค์คือระหว่างปีเราเข้าวัดอาจมีดินทรายของวัดติดเท้าออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยกลัวบาป ในหนึ่งปีเราจึงเอาทรายมาใช้คืนให้วัดด้วยการก่อพระเจดีย์ทราย
นี่คือจิตใจที่งดงามของคนไทยโบราณ
ยงยุทธก็เป็นคนไทยเกิดในสกุลเก่า ทำไมจึงไม่ซึมซับความดีงามเหล่านี้มาเลย
#4
Posted 25 September 2012 - 19:36
เพราะถ้าคบคนพาลแล้ว คนพาลก็จะชักชวนชี้นำให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง
แม้แต่สิ่งที่เป็นบาปหนักอย่างการขโมยของสงฆ์ ก็อาจกระทำได้
เพียงเพราะว่าไปคบสนิทสนมกับคนพาลเท่านั้นเอง
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#5
Posted 25 September 2012 - 19:40
#6
Posted 25 September 2012 - 19:46
http://www.thairath....uckthong/293346
เรื่อง กอไผ่วัด คอลัม กิเลน ประลองเชิง
#7
Posted 25 September 2012 - 19:48
#8
Posted 25 September 2012 - 20:27
โอ้ว...ท่านปีศาจ สาบานได้ว่านั้นคือคอลัมน์ไทยรัฐนะ?????????พอดีได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐครับ ขออนุญาติแปะครับ
http://www.thairath....uckthong/293346
เรื่อง กอไผ่วัด คอลัม กิเลน ประลองเชิง
รึว่าหัวเขียวกำลังจะเปลี่ยนสี????
อ่านแลวโต๊ะใจหมดเลย
#9
Posted 26 September 2012 - 07:17
ใครเชียร์ทีมที่ครองอำนาจอยู่ก็คิดว่า กรูสบายละ
แต่ถ้าประเทศล้ม ไปไม่รอด ทุกธุรกิจก็จะเสียหายไปด้วย
เกิดการจลาจล ปล้นเผาห้างเหมือนต่างประเทศ
สุดท้ายก็ต้องแอบเชียร์ให้คนที่ไม่ดีน้อยที่สุดเข้ามา
ไม่งั้นพวกที่โกงแม้กระทั่งที่วัด ภาษีประชาชน มันคงไม่คิดถึงใครนอกจากตัวมันเอง
Edited by เดือนเอก, 26 September 2012 - 07:17.
#10
Posted 26 September 2012 - 08:52
#11
Posted 26 September 2012 - 09:17
[url="http://www.youtube.com/watch?v=Nhu_d7nzA3g&feature=player_embedded#!"]http://www.youtube.com/watch?v=Nhu_d7nzA3g[/url]คมชัดลึกจัดถก'ล้างมลทินไร้มลทิน?'
รายการ "คม ชัด ลึก" ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่น แชนแนล จัดตอน "ล้างมลทิน... ไร้มลทิน ?"
http://www.komchadlu...ml#.UGJitbIaO80
วีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายอิสระ เสนอทฤษฎีย้อนเวลาลงโทษได้สุดยอดมาก(ในแบบหัวหมอ)
พวกนี้มันมีองค์กรฝึกมาโดยเฉพาะเลยเหรอ ทำกิริยาเหมือนๆกัน เหมือนไอ้วรเจี้ย เหมือนพวกนิติราษฏร์
เวลาพูดต้องทำเป็นยิ้ม ให้เหมือนกับมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองพูด เพื่อชักจูงผู้ชม ผู้ฟัง เวลาอีกฝั่งพูดทำไม
มันต้องรำพึงเสียงในลำคอ แสยะยิ้มเหมือนกับดูถูกผู้พูด
#12
Posted 26 September 2012 - 10:05
โอ้ว...ท่านปีศาจ สาบานได้ว่านั้นคือคอลัมน์ไทยรัฐนะ?????????
พอดีได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐครับ ขออนุญาติแปะครับ
http://www.thairath....uckthong/293346
เรื่อง กอไผ่วัด คอลัม กิเลน ประลองเชิง
รึว่าหัวเขียวกำลังจะเปลี่ยนสี????
อ่านแลวโต๊ะใจหมดเลย
เท่าที่ผมอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง รู้สึกว่าจะเริ่มมีบางคอลัมน์ที่เริ่มมองเห็นความผิดพลาดของรัฐบาล ความพิดพลาดของการบริหารประเทศหรือเขียนเหน็บๆ ทักษิณ ก็มีครับ
- Kyubey likes this
#13
Posted 26 September 2012 - 10:15
1. บาปของการลักของพระศาสนามีอยู่ในพระสูตรข้อไหนบ้างไหมครับ
ตามพุทธวจนะก็อทินนาทานา เวรมณีสิกขาฯ นั่นแหละครับ อยู่ที่ "เจตนา"
2. กรณีเจ้าอาวาสที่เอาที่ดินยายเนื่อมไปขาย แบบนี้บาปมากไหมครับ เพราะทำผิดเจตนารมณ์ผู้ตาย
ผลในทิฐธรรมคือปัจจุบันกาลก็คือความเสื่อมในโภคะทั้งหลาย (ทรัพย์) คือได้มาก็ต้องเสียไปนั่นแหละ เจตนาของผู้ถวายให้พระอยู่ที่ว่าเจตนาที่ยายตั้งใจไว้จริงๆคืออะไร กรณีที่ดินนี้น่าจะเป็น "สังฆทาน" คือถวายเพื่อให้เป็นพื้นที่ที่สงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมร่วมกัน ไม่ได้เฉพาะสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ผิดเจตนา 1 ต้องการให้ที่ดินนี้เป็นประโยชน์กับสงฆ์ส่วนรวมในการใช้ทำที่พักอาศัยของสงฆ์ หรือที่ปฏิบัติธรรมของสงฆ์ก็แล้วแต่ 2 ขายนี่ดำเนินการอย่างไรเงินที่ได้ไปไหน ถ้าเจ้าอาวาสเล่นเองหมดก็เต็มๆ และหากซิกแซกโดยเจ้าอาวาสร่วมขบวนการด้วยก็ไม่ใช่แค่อทินนาฯแล้ว มุสาด้วย ผิดในส่วนวินัยสงฆ์ด้วยแน่นอน บาปมากมั้ย...ขึ้นอยู่กับเจตนานั่นแหละ หลายเจตนาร่วมกัน ประกอบสำเร็จเป็นกรรมก็ตามเจตนาทั้งหลายทั้งปวง
3. ผู้ตายมีศรัทธาแรงกล้าที่จะสร้างกุศลแก่พระพุทธศาสนา แต่กลับถูกโกงไปเช่นนี้ บุญของผู้ตายจะได้เต็มที่่ไหมครับ
ผู้ให้มีเจตนาสร้างกุศลเต็มเปี่ยม ผู้รับมีเจตนาอกุศลเต็มที่เช่นกัน ผู้ให้สำเร็จเจตนาที่ต้องการให้แล้วก็ได้กุศลไปส่วนหนึ่ง แต่ไม่ได้สำเร็จตามเจตนารมย์ทุกประการ ส่วนนี้กุศลคงไม่ได้เกิดครับ พระพุทธองค์ตรัสว่าการให้ทานที่ยังประโยชน์สูงสุดคือทำกับผู้ที่สมควรได้รับตามบทสวดอิติปิโสฯนั่นแหละครับ ตั้งแต่สุปฏิปัณโน ภะคะวะโต นั่นแหละไปหาแปลเอาว่าพระพุทธองค์กล่าวว่าสงฆ์สาวกที่แท้จริงของพระองค์เป็นแบบไหน
4. แล้วที่มีสมาชิกกลางกลวงในเสรีไทยออกมาอ้างว่า "ทางวัดไม่อยากได้ที่ดินก้เลยขายไป เป็นสิทธิ ไม่ผิดอะไร" อันนี้จริงหรือไม่ครับสุดท้าย...
ถ้าทางธรรมก็ตามรายละเอียดข้อ 2 และ 3 นั่นแหละครับ
5. ระหว่างยงยุทธที่ช่วยโกงที่ดินสงฆ์ เสนาะที่ได้รับผลประโยชน์ ชูชาติที่ร่วมขบวนการ กับตัวทักษิณผู้บงการคนไหนบาปหนักสุดครับ
ต่างกรรม ต่างวาระ แต่เจตนาสุดท้ายเดียวกัน ก็คงพอๆกันหมดทุกตัวแหละครับ แต่คนดำรินี่น่าจะหนักสุดเพราะเป็นผู้ริเริ่มเจตนาและสานกรรมสานเจตนาต่างๆเข้าด้วยกันจนสำเร็จทั้งหมด
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, Nong and วันศุกร์ like this
#14
Posted 26 September 2012 - 10:16
#15
Posted 26 September 2012 - 10:30
ทำบาปได้ดี ทำบาปร่ำรวย
อย่างนี้หรือเปล่าครับ ท่านริวมะคุง "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่่วได้ดีมีถมไป"
#17
Posted 26 September 2012 - 13:22
ท่าจะจริงครับ เพราะออกอาการปากกล้า ขาสั่น ทั้งรัฐบาล จนต้องเปลี่ยนให้เป็ดเหลิมเป็นคนประชุม ครม.แทน
ทำบาปได้ดี ทำบาปร่ำรวย
อย่างนี้หรือเปล่าครับ ท่านริวมะคุง "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่่วได้ดีมีถมไป"
แต่ผมว่ายงยุทธนอนไม่หลับนะครับ
อ่านข่าวช่วงนี้ข่าวมักเขียนว่าหงอกอารมณ์ขุ่นมัวตลอด
มันคงทำใจดีสู้เสือแบบไอ้แม้วแหละตอนคดีรัชดากับดาวเทียม
แต่ที่สุดก็หนีหางจุกตูดออกนอกประเทศ
การแต่งตั้งข้าราชการของมหาดไทยก็สะดุด ล่าสุดเด็จผีพร้อมพวงจะเอาเรื่องไปให้ กกต.ตีความ ทั้งที่ ปปช.ก็บอกชัดเจนแล้วว่าไม่เข้าข่ายล้างมลทิน
Edited by noswords, 26 September 2012 - 13:26.
What is a rebel? - A man who says NO! _ Albert Camus
#18
Posted 26 September 2012 - 13:24
1. บาปของการลักของพระศาสนามีอยู่ในพระสูตรข้อไหนบ้างไหมครับ
ศีลข้ออทินนา นั้นแหล่ะครับ เพียงแต่แยกของทั่วไปกับของสงฆ์
ลข้อ2. กรณีเจ้าอาวาสที่เอาที่ดินยายเนื่อมไปขาย แบบนี้บาปมากไหมครับ เพราะทำผิดเจตนารมณ์ผู้ตาย
เจ้าอาวาสลงอเวจีครับ...ดิ่งตรงไม่ผ่านการสอบสวนด้วย
3. ผู้ตายมีศรัทธาแรงกล้าที่จะสร้างกุศลแก่พระพุทธศาสนา แต่กลับถูกโกงไปเช่นนี้ บุญของผู้ตายจะได้เต็มที่่ไหมครับ
ผลบุญที่ผู้ตายได้ถวายของไว้ในพระศาสนาได้เต็มเปี่ยมครับ
4. แล้วที่มีสมาชิกกลางกลวงในเสรีไทยออกมาอ้างว่า "ทางวัดไม่อยากได้ที่ดินก้เลยขายไป เป็นสิทธิ ไม่ผิดอะไร" อันนี้จริงหรือไม่ครับ
สุดท้าย...
ถือว่าของที่ถวายเป็นของสงฆ์สมบุรณ์แล้วครับ ใครเอาไปใช้ในสิทธิในนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของผู้ตาย ตายแล้วดิ่งอเวจีเลย
5. ระหว่างยงยุทธที่ช่วยโกงที่ดินสงฆ์ เสนาะที่ได้รับผลประโยชน์ ชูชาติที่ร่วมขบวนการ กับตัวทักษิณผู้บงการ
คนไหนบาปหนักสุดครับ
อเวจีทุกตัวคนครับ....แต่ ถ้าจิตตอนที่เค้าจะตายยังนึกถึงวความดี(ผลบุญผลกุศล)อยู่บ้างก้อไปเสวยผลบุญก่อนครับ
หมดผลบุญเมื่อไหร่..ก้ออเวจีครับ
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
#19
Posted 26 September 2012 - 13:48
อเวจีทุกตัวคนครับ....แต่ ถ้าจิตตอนที่เค้าจะตายยังนึกถึงวความดี(ผลบุญผลกุศล)อยู่บ้างก้อไปเสวยผลบุญก่อนครับ
หมดผลบุญเมื่อไหร่..ก้ออเวจีครับ
ไลค์หมดครับ เลยขอบพระคุณแทนในความกระจ่าง
ถามเพิ่มเติมเป็นความรู้นะครับท่านปังฯ
ที่ไอ้แม้วเสวยสุขร่ำรวยมีอำนาจ ทำร้ายชาติอยู่ทุกวันนี้แปลว่าผลบุญแม้วมีมากกว่าผลบาปหรือครับ บาปกรรมเลยยังมาไม่ถึง?
#20
Posted 26 September 2012 - 13:48
ถ้าเจตนาเช่นนี้ แค่เอาไปให้เช่าทำกินแล้วบอกว่าก็เอาเงินค่าเช่ามาบำรุงกิจวิปัสนาก็ไม่น่าจะถูกแล้ว ยังขายทอดออกไปอีก...ชัดเจนครับ...นรกทั้งคณะตั้งแต่ผู้มีอำนาจขายไปยันสร้างเป็นสนามนรกนั่นแหละครับ...
- Kyubey likes this
#21
Posted 26 September 2012 - 13:53
ผมจำได้ว่าสมัยเด็กๆจะถูกพ่อสอนว่าห้ามเอาของพระ แม้แต่ผลไม้ในวัดก็ห้ามเด็ด ของถวายพระก็ห้ามเอากลับบ้าน
ตอนโตขึ้น ผมจำได้ว่าอ่านกระทู้ในห้องศาสนาพันทิป มีคนกลุ้มใจโพสต์ถามปัญหา
เจ้าของกระทู้โกรธมากที่แม่แกะเอาเอาซีดีเทศน์ที่เขาแพ็คไว้เตรียมถวายพระ เอาไปฟังเป็นของตัวเอง
เขาจะซื้อให้แม่ใหม่ แต่แม่ดื้อไม่ยอม และพาลพาโลว่า "แค่ซีดีแผ่นเดียวจะมางี่เง่าอะไรกะชั้นนักหนา"
จขกท.ก็พยายามอธิบายว่าเอาของพระเป็นของตัวเองบาปกรรมหนักมาก แต่แม่ไม่เชื่อ ยังไม่ยอมคืน
เขาเลยมาถามห้องศาสนาว่า "การเอาของพระมาเป็นของตัวเองบาปหนักจริงไหม บาปข้อไหนบ้าง"
เพื่อจะเอาไปบอกแม่
แต่ผมดันจำไม่ได้ว่าคำตอบนั้นมีอะไรบ้าง
ก็เลยรบกวนถามเพื่อนผู้รู้ว่า
1. บาปของการลักของพระศาสนามีอยู่ในพระสูตรข้อไหนบ้างไหมครับ
บาป ชั้น ต่ำสุด ก็ชาติหน้าเป็นคนอนาถไร้ทรัพย์ได้มามีอันต้องเป็นไปรักษาทรัพยืนั้นไม่อยู่ครับ อันนี้แค่ลักของคนธรรมดา ครับ ลักษณ์ของสาธารณะ หนักขึ้นไปอีก ลักษณะของสงฆ์ ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยุ่ขุมไหน
2. กรณีเจ้าอาวาสที่เอาที่ดินยายเนื่อมไปขาย แบบนี้บาปมากไหมครับ เพราะทำผิดเจตนารมณ์ผู้ตาย
ที่ดินนี้เป็นของสงฆ์ เมื่อสงฆ์ รับแล้ว แม้แต่สมภารวัด ก็ไม่สามารถแม้แต่ยกให้ใครได้ ถ้ายกให้ใคร ต้องอาศัยคณะสงฆ์เห็นควรร่วมกัน ถ้าสมภารไม่ปรึกษาพระอื่นหรือขอความเห็นในที่พระชุมสงฆ์ บาปแน่นอน ครับ พระก็ตกนรกได้ถ้าทำไม่ดีเกี่ยวกับของสงฆ์ เพราะของสงฆ์ก็เหมือนของสาธารณะของพระต่างๆ
3. ผู้ตายมีศรัทธาแรงกล้าที่จะสร้างกุศลแก่พระพุทธศาสนา แต่กลับถูกโกงไปเช่นนี้ บุญของผู้ตายจะได้เต็มที่่ไหมครับ
เรื่องนี้พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ แต่ผมจำได้แต่เทียบเคียงแล้วกัน วัน พระพุทธเจ้าตรัส ไว้ว่า ทานจะได้บุญประกอบด้วย
1. ของที่ให้ได้มาโดยบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปลัก คดโกง ใครมา
2. ผู้ให้มีเจตนาบริสุทธิ์
3. อันนี้จำไม่ได้
แต่ยังทรงตรัสเรื่อง อานิสสงส์ เกี่ยวกับ เนื้อนาบุญไว้ด้วย
ให้ สัตว์เดรฉาน 100 ครั้ง น้อยกว่า ให้สัตว์ ที่มีศีล 1 ครั้ง ให้สัตว์ มีศีล 100 ครั้ง<มนุษย์ ไม่มีศีล 1 ครั้ง<ให้ทานกับมนุษย์ ผู้มีศีล 1ครั้ง ให้ทานกับมนุษย์ผู้มีศีล 100 < ให้ทานแก่พระโสดาบัน 1 ครั้ง ให้ทานแก่พระโสดาบัน 100 ครั้ง<พระสกธาคามี 1 ครั้ง พระสกธาคามี100<พระอนาคมี 1 ครั้ง อนาคามี 100 ครั้ง<พระอรหันต์ 1 ครั้ง ให้พระอรหันต์ 100 < ให้พระปัจเจก พุทธเจ้า 1 ครั้ง ให้ทางพระปัจเจกพุทธเจ้า 100 ครั้ง<พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 1 ครั้ง ให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 100 ครั้ง < ให้สงฆ์ทาน 1 ครั้ง ที่นี้เรามาเข้าใจเกี่ยวกับสงฆ์ทาน ก่อน สงฆ์ทาน ไม่ใช่กระแป๋งส้ม นะครับ สงฆ์ทาน คือ สิ่งที่เป็น สมบัติ สาธารณะ ของสงฆ์มิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง สงฆ์ก็คือ พระที่มีจำนวนเกิน 4 รูป ถึง เรียกคณะสงฆ์ได้
แถมยังตรัสเรื่องอานิสสงส์ สูงสุด ประกอบ ด้วย ก่อนให้ ขณะ ให้ และหลังให้ มีจิตใจเบิ่งบานไม่เศร้าหม่อง หรือสงสัยหรือเดือดร้อนในการกระทำ
เช่นนาย ก. นาย ขมีฐานะเท่ากัน ให้ทานพระองค์เดียวกัน 100 บาท เท่ากัน แต่ตอนหลังนาย ข. เกิดเสียดาย เงินนั้น แต่นาย ก. ไม่คิดเสียดาย
บุณนาย ก ได้สูงกว่า เต็ม 10 นาย ข อาจจะได้ 7 นาย ก ได้ 10 อันนี้เปรียบให้เห็นเท่านั้น เอาให้เห็นง่าย คุณผึ้งน้อย อยากใส่บาตร เต็มกำลัง ตื่นแต่เช้าทำกับข้าวตั้งแต่ตี 5 ทำกับข้าวเสร็จไปใส่บาตรพอดีพระแถวนั้น มีนิมนต์ไม่มารับบาตร คุณผึ้งน้อย ไม่มีเวลาที่จะตะเวนหาพระ คุณผึ้งน้อยได้บุญตั้งแต่ตื่นมาทำกับข้าวแล้วครับ
4. แล้วที่มีสมาชิกกลางกลวงในเสรีไทยออกมาอ้างว่า "ทางวัดไม่อยากได้ที่ดินก้เลยขายไป เป็นสิทธิ ไม่ผิดอะไร" อันนี้จริงหรือไม่ครับ
รู้สึก ว่า ทำได้ ครับ แต่เงินที่ได้มา จักต้องเป็นของวัด ทั้งหมด ถ้ากรรมการ หรือสมภารมีค่านายหน้า ก็ นรกครับเพราะถือว่าเบียดบังของสงฆ์ แต่ทั้งนี้ต้องผ่านประชุมสงฆ์ก่อนนะครับ ทำโดย พละการ ไม่ได้ นรกอีกเหมือนกัน
สุดท้าย...
5. ระหว่างยงยุทธที่ช่วยโกงที่ดินสงฆ์ เสนาะที่ได้รับผลประโยชน์ ชูชาติที่ร่วมขบวนการ กับตัวทักษิณผู้บงการ
คนไหนบาปหนักสุดครับ
เท่ากันครับ ลงนรกก็อยู่ด้วยกัน ยกเว้นแต่ว่า ยงยุทธไม่อยากทำแต่ขัด ผู้วงการไม่ได้ มีจิตสำนึก ว่าได้กระทำ บาปไปแล้ว
ขอบพระคุณเพื่อนที่มาให้คำตอบทุกท่านครับ
Edited by ter162525, 26 September 2012 - 13:57.
#22
Posted 26 September 2012 - 14:07
เพิ่งไปเจอมาตะกี้...นางเนื่อมได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ที่มอบที่ดินจำนวนดังกล่าวให้กับวัดเพื่อประโยชน์ต่อการวิปัสสนา" และที่ผ่านมาวัดธรรมิการามวรวิหารได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว โดยวัดได้นำที่ดินไปให้กับประชาชนได้เช่าทำกิน...
ถ้าเจตนาเช่นนี้ แค่เอาไปให้เช่าทำกินแล้วบอกว่าก็เอาเงินค่าเช่ามาบำรุงกิจวิปัสนาก็ไม่น่าจะถูกแล้ว ยังขายทอดออกไปอีก...ชัดเจนครับ...นรกทั้งคณะตั้งแต่ผู้มีอำนาจขายไปยันสร้างเป็นสนามนรกนั่นแหละครับ...
ถ้าเป็นอย่างแรก วัดสามารถ นำไปหาประโยชน์เข้าวัดได้ ครับ เพราะผู้ให้ ตั้งเจตจำนงไว้ ว่าให้วัดเพื่อทำประโยชน์ด้านวิปัสนา ถ้าเขานำไปให้เช่า แล้วเอาเงินที่ได้นั้นมาทำศาลา อาคาร เกี่ยวข้องกับการวิปัสสนา ถือว่าไม่ผิดเจตนาครับ ของผู้ให้ ครับ แต่ถ้าเบียนบังวัด ครึ่ง 1 สมภารกรรมการครึ่งหนึ่ง ก็ ตามๆกันไปน่อ แต่เรื่องขาย พูดยากครับเพราะ เราให้แล้วเป็นสมบัติ ของสงฆ์ เราไม่สามารถที่จะไป เจ้ากี้เจ้าการได้ ครับ มันเป็นเรื่องของวัด แล้วว่าจะทำตามจุดประสงค์เราแค่ไหน การให้ คือการสละนะครับ
- Kyubey likes this
#23
Posted 26 September 2012 - 14:18
เพิ่งไปเจอมาตะกี้...นางเนื่อมได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ที่มอบที่ดินจำนวนดังกล่าวให้กับวัดเพื่อประโยชน์ต่อการวิปัสสนา" และที่ผ่านมาวัดธรรมิการามวรวิหารได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว โดยวัดได้นำที่ดินไปให้กับประชาชนได้เช่าทำกิน...
ถ้าเจตนาเช่นนี้ แค่เอาไปให้เช่าทำกินแล้วบอกว่าก็เอาเงินค่าเช่ามาบำรุงกิจวิปัสนาก็ไม่น่าจะถูกแล้ว ยังขายทอดออกไปอีก...ชัดเจนครับ...นรกทั้งคณะตั้งแต่ผู้มีอำนาจขายไปยันสร้างเป็นสนามนรกนั่นแหละครับ...
ถ้าเป็นอย่างแรก วัดสามารถ นำไปหาประโยชน์เข้าวัดได้ ครับ เพราะผู้ให้ ตั้งเจตจำนงไว้ ว่าให้วัดเพื่อทำประโยชน์ด้านวิปัสนา ถ้าเขานำไปให้เช่า แล้วเอาเงินที่ได้นั้นมาทำศาลา อาคาร เกี่ยวข้องกับการวิปัสสนา ถือว่าไม่ผิดเจตนาครับ ของผู้ให้ ครับ แต่ถ้าเบียนบังวัด ครึ่ง 1 สมภารกรรมการครึ่งหนึ่ง ก็ ตามๆกันไปน่อ แต่เรื่องขาย พูดยากครับเพราะ เราให้แล้วเป็นสมบัติ ของสงฆ์ เราไม่สามารถที่จะไป เจ้ากี้เจ้าการได้ ครับ มันเป็นเรื่องของวัด แล้วว่าจะทำตามจุดประสงค์เราแค่ไหน การให้ คือการสละนะครับ
หลักการทางพุทธมันอยู่ที่ "เจตนา" ครับ เรื่องของสงฆ์จะถูกจะผิดจากธรรมก็อยู่ที่พุทธองค์บัญญัติไว้ในพระธรรมวินัยครับ ส่วนฆราวาสท่านพูดถึงกรรมไว้เช่นนั้น จะไปตีแบบตัวบทกฎหมายทางโลกคงจะไม่ใช่ เหมือนอย่างประมาททางกฎหมาย ก็คือเจตนาส่วนหนึ่งทางธรรมแล้ว...
Edited by wat, 26 September 2012 - 14:19.
#24
Posted 26 September 2012 - 14:30
พินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา
เขียนที่ ที่ว่าการอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512
ข้าพเจ้า นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา อายุ 74 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่ 6 ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
ทำพินัยกรรมต่อหน้า ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง นายอำเภอดุสิต และนางสาวสมใจ เทียมสมบูรณ์ พยาน กับนายทองหล่อ ใจดี พยาน ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนที่ซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ คือ
(1) บรรดาพินัยกรรมซึ่งข้าพเจ้าทำไว้ก่อนพินัยกรรมฉบับนี้ เป็นอันระงับไปทั้งสิ้น และให้ถือพินัยกรรมฉบับนี้เป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้า
(2) คำว่า “วัดธรรมิการามวรวิหาร” ซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ให้หมายถึง วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
(3) เมื่อข้าพเจ้าป่วยหนักและไม่สามารถสั่งการงานได้ด้วยตนเองแล้ว ขอให้ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการรักษาพยาบาลข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมแล้ว ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร หรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการศพ และทรัพย์มรดกของข้าพเจ้าตามรายการดังต่อไปนี้
(ก) ที่ดินโฉนดที่ 6411 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 1 งาน 98-4/15 วา พร้อมด้วยเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159,161 และ 163 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งบ้านและที่ดิน
ส่วนเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159/1, 159/5 และ 159/6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการาม|วรวิหารทั้งบ้านและที่ดิน โดยเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารมอบให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยเก็บผลประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร
(ข) ที่ดินโฉนด 2401 อยู่ที่คลองห้าออก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 45 ไร่ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดหัตถสารเกษตร จังหวัดปทุมธานี
(ค) ที่ดินโฉนดเลขที่ 5972 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร พร้อมด้วยตึก 2 ชั้น เลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
(ง) ที่ดินโฉนดเลขที่ 20 ตำบลคลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 730 ไร่ 1 งาน 51 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
(จ) ที่ดินโฉนด 1446 อยู่ที่ทุ่งบึงอ้ายเสียบ ตำบลบึงอ้ายเสียบอำเภอคลองหลวง จังหวัดธัญบุรี (ปทุมธานี) เนื้อที่ 194 ไร่ 1 งาน 24 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 2.ข้าพเจ้าขอยกเงินจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ และขอยกเงินจำนวน 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ให้แก่นายสวง เสตะสุนทร
ข้อ 3.เมื่อจัดการปลงศพของข้าพเจ้าแล้ว ยังมีเงินเหลือเท่าไร รวมทั้งทรัพย์สินอื่นซึ่งมิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 4.ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จัดการมอบอสังหาริมทรัพย์และจำนวนเงิน (ถ้ามี) ซึ่งได้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร รวมทั้งสิ้นแก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ช่วยจัดทำผลประโยชน์เพื่อใช้ประโยชน์นั้นบำรุงจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณรหรือจรรโลงพระพุทธศาสนาโดยประการอื่น เช่น การส่งเสริมศึกษาคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ หรือบูรณะถาวรวัตถุในวัดธรรมิการามวรวิหาร สุดแต่เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จะพิจารณาตามสมควรแก่กรณี
ข้อ 5.พินัยกรรมนี้ทำเป็น 4 ฉบับ มีข้อความตรงกัน ให้นายอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำพินัยกรรมเก็บไว้ 1 ฉบับ |เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารเก็บไว้ 1 ฉบับ โดยมีข้อความตรงกัน
ข้อ 6.ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้ให้แก่เจ้าอาวาสวัดธรร|มิการามวรวิหารหรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ
ข้อ 7.ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ นายอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าและพยานฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้นายอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้|ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ดี จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้านายอำเภอและพยานเป็นสำคัญ
(ลงชื่อ) เนื่อม ชำนาญชาติศักดา ผู้ทำพินัยกรรม
(ลงชื่อ) สมใจ เทียมสมบูรณ์ พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
(ลงชื่อ) ทองหล่อ ใจดี พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
สุดท้ายเป็นบันทึกของ ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง
นายอำเภอดุสิตที่ลงลายมือชื่อและประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
ของจริงว่าไว้ตามนี้หรือเปล่า
คำว่าให้มูลนิธิจัดทำผลประโยชน์นี่แหละ มันถึงได้หาช่องว่างช่องโหว่
คำว่าตกเป็นกรรมสิทธิของวัดหมายถึงอะไร โฉนดนั้นต้องโอนให้วัดใช่หรือเปล่า
#25
Posted 26 September 2012 - 14:35
ท่าทางจะเข้ากับที่เจ้าของที่ ต้องการมอบให้วัดครับ การตีกอล์ฟต้องใช้สมาธิอย่างสู๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!เพิ่งไปเจอมาตะกี้...นางเนื่อมได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ที่มอบที่ดินจำนวนดังกล่าวให้กับวัดเพื่อประโยชน์ต่อการวิปัสสนา" และที่ผ่านมาวัดธรรมิการามวรวิหารได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว โดยวัดได้นำที่ดินไปให้กับประชาชนได้เช่าทำกิน...
ถ้าเจตนาเช่นนี้ แค่เอาไปให้เช่าทำกินแล้วบอกว่าก็เอาเงินค่าเช่ามาบำรุงกิจวิปัสนาก็ไม่น่าจะถูกแล้ว ยังขายทอดออกไปอีก...ชัดเจนครับ...นรกทั้งคณะตั้งแต่ผู้มีอำนาจขายไปยันสร้างเป็นสนามนรกนั่นแหละครับ...
#26
Posted 26 September 2012 - 14:36
เพิ่งไปเจอมาตะกี้...นางเนื่อมได้เขียนพินัยกรรมเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ที่มอบที่ดินจำนวนดังกล่าวให้กับวัดเพื่อประโยชน์ต่อการวิปัสสนา" และที่ผ่านมาวัดธรรมิการามวรวิหารได้แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว โดยวัดได้นำที่ดินไปให้กับประชาชนได้เช่าทำกิน...
ถ้าเจตนาเช่นนี้ แค่เอาไปให้เช่าทำกินแล้วบอกว่าก็เอาเงินค่าเช่ามาบำรุงกิจวิปัสนาก็ไม่น่าจะถูกแล้ว ยังขายทอดออกไปอีก...ชัดเจนครับ...นรกทั้งคณะตั้งแต่ผู้มีอำนาจขายไปยันสร้างเป็นสนามนรกนั่นแหละครับ...
ถ้าเป็นอย่างแรก วัดสามารถ นำไปหาประโยชน์เข้าวัดได้ ครับ เพราะผู้ให้ ตั้งเจตจำนงไว้ ว่าให้วัดเพื่อทำประโยชน์ด้านวิปัสนา ถ้าเขานำไปให้เช่า แล้วเอาเงินที่ได้นั้นมาทำศาลา อาคาร เกี่ยวข้องกับการวิปัสสนา ถือว่าไม่ผิดเจตนาครับ ของผู้ให้ ครับ แต่ถ้าเบียนบังวัด ครึ่ง 1 สมภารกรรมการครึ่งหนึ่ง ก็ ตามๆกันไปน่อ แต่เรื่องขาย พูดยากครับเพราะ เราให้แล้วเป็นสมบัติ ของสงฆ์ เราไม่สามารถที่จะไป เจ้ากี้เจ้าการได้ ครับ มันเป็นเรื่องของวัด แล้วว่าจะทำตามจุดประสงค์เราแค่ไหน การให้ คือการสละนะครับ
หลักการทางพุทธมันอยู่ที่ "เจตนา" ครับ เรื่องของสงฆ์จะถูกจะผิดจากธรรมก็อยู่ที่พุทธองค์บัญญัติไว้ในพระธรรมวินัยครับ ส่วนฆราวาสท่านพูดถึงกรรมไว้เช่นนั้น จะไปตีแบบตัวบทกฎหมายทางโลกคงจะไม่ใช่ เหมือนอย่างประมาททางกฎหมาย ก็คือเจตนาส่วนหนึ่งทางธรรมแล้ว...
เรื่องนี้ต้องนิดหนึ่ง เจตนาทางธรรม กับ ประมาท ทางกฏหมาย ต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ ไม่เป็นส่วน หนึ่งแน่ ๆ เรื่องนี้พระพุทธเจ้า ตรัสไว้แน่นอนครับ
แล้วก็เรื่องนี้พระพุทธเจ้าท่านทรงสอน แล้ว ครับ เรื่องบุญการที่จะได้บุญสุงสุด ตามที่ผมยกมา อย่างท่านคิดกับผมคิดอันไหนมันเข้าข่ายมากกว่า
กัน เรื่องอานิสสงส์ สูงสุด ประกอบ ด้วย ก่อนให้ ขณะ ให้ และหลังให้ มีจิตใจเบิ่งบานไม่เศร้าหม่อง หรือสงสัยหรือเดือดร้อนในการกระทำ
#27
Posted 26 September 2012 - 14:41
ความรู้ไม่ค่อยมี ทุกวันนี้พุทธปนพราหมณ์ ผมแยกแยะไม่ออกอันไหนพุทธ อันไหนพราหมณ์อเวจีมหานรก
การลักขโมษของวัด ถ้าปาบขั่น อเวจีมหานรก แล้วล่ะก็
การสั่งเข่นฆ่าประชาชน ต้องขั่น บรมซุบเปอร์ อเวจีอภิมหาใต้สุดของขุมนรกโลกันต์
สำนึกแห่งธรรมการ ฆ่า คือ บาป
ใจบาปหยาบหนาชั่วช้า คือ "คนฆ่า" "คนสั่ง"
รวมอีกทั้ง ...... "คนสนับสนุน "
#28
Posted 26 September 2012 - 14:42
จบ เลย ครับ เอาผิดเรื่องของสงฆ์ ยาก แล้วพินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา
เขียนที่ ที่ว่าการอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512
ข้าพเจ้า นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา อายุ 74 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่ 6 ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
ทำพินัยกรรมต่อหน้า ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง นายอำเภอดุสิต และนางสาวสมใจ เทียมสมบูรณ์ พยาน กับนายทองหล่อ ใจดี พยาน ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนที่ซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ คือ
(1) บรรดาพินัยกรรมซึ่งข้าพเจ้าทำไว้ก่อนพินัยกรรมฉบับนี้ เป็นอันระงับไปทั้งสิ้น และให้ถือพินัยกรรมฉบับนี้เป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้า
(2) คำว่า “วัดธรรมิการามวรวิหาร” ซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ให้หมายถึง วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
(3) เมื่อข้าพเจ้าป่วยหนักและไม่สามารถสั่งการงานได้ด้วยตนเองแล้ว ขอให้ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการรักษาพยาบาลข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมแล้ว ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร หรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการศพ และทรัพย์มรดกของข้าพเจ้าตามรายการดังต่อไปนี้
(ก) ที่ดินโฉนดที่ 6411 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 1 งาน 98-4/15 วา พร้อมด้วยเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159,161 และ 163 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งบ้านและที่ดิน
ส่วนเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159/1, 159/5 และ 159/6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการาม|วรวิหารทั้งบ้านและที่ดิน โดยเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารมอบให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยเก็บผลประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร
(ข) ที่ดินโฉนด 2401 อยู่ที่คลองห้าออก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 45 ไร่ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดหัตถสารเกษตร จังหวัดปทุมธานี
(ค) ที่ดินโฉนดเลขที่ 5972 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร พร้อมด้วยตึก 2 ชั้น เลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
(ง) ที่ดินโฉนดเลขที่ 20 ตำบลคลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 730 ไร่ 1 งาน 51 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
(จ) ที่ดินโฉนด 1446 อยู่ที่ทุ่งบึงอ้ายเสียบ ตำบลบึงอ้ายเสียบอำเภอคลองหลวง จังหวัดธัญบุรี (ปทุมธานี) เนื้อที่ 194 ไร่ 1 งาน 24 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 2.ข้าพเจ้าขอยกเงินจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ และขอยกเงินจำนวน 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ให้แก่นายสวง เสตะสุนทร
ข้อ 3.เมื่อจัดการปลงศพของข้าพเจ้าแล้ว ยังมีเงินเหลือเท่าไร รวมทั้งทรัพย์สินอื่นซึ่งมิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 4.ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จัดการมอบอสังหาริมทรัพย์และจำนวนเงิน (ถ้ามี) ซึ่งได้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร รวมทั้งสิ้นแก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ช่วยจัดทำผลประโยชน์เพื่อใช้ประโยชน์นั้นบำรุงจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณรหรือจรรโลงพระพุทธศาสนาโดยประการอื่น เช่น การส่งเสริมศึกษาคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ หรือบูรณะถาวรวัตถุในวัดธรรมิการามวรวิหาร สุดแต่เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จะพิจารณาตามสมควรแก่กรณี โดนอันนี้เข้าไป คำค้านคุณ วัต ก็ตกแล้วครับ แถมเรื่องการขายเจ้าอาวาสอาจจะหลุดด้วยถ้าไม่ได้เบียดบังเก็บไว้เลย
ข้อ 5.พินัยกรรมนี้ทำเป็น 4 ฉบับ มีข้อความตรงกัน ให้นายอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำพินัยกรรมเก็บไว้ 1 ฉบับ |เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารเก็บไว้ 1 ฉบับ โดยมีข้อความตรงกัน
ข้อ 6.ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้ให้แก่เจ้าอาวาสวัดธรร|มิการามวรวิหารหรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ
ข้อ 7.ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ นายอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าและพยานฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้นายอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้|ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ดี จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้านายอำเภอและพยานเป็นสำคัญ
(ลงชื่อ) เนื่อม ชำนาญชาติศักดา ผู้ทำพินัยกรรม
(ลงชื่อ) สมใจ เทียมสมบูรณ์ พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
(ลงชื่อ) ทองหล่อ ใจดี พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
สุดท้ายเป็นบันทึกของ ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง
นายอำเภอดุสิตที่ลงลายมือชื่อและประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
ของจริงว่าไว้ตามนี้หรือเปล่า
คำว่าให้มูลนิธิจัดทำผลประโยชน์นี่แหละ มันถึงได้หาช่องว่างช่องโหว่
คำว่าตกเป็นกรรมสิทธิของวัดหมายถึงอะไร โฉนดนั้นต้องโอนให้วัดใช่หรือเปล่า
#29
Posted 26 September 2012 - 14:46
ท่าทางจะอยู่โซนอำมาตย์แน่ๆ
#30
Posted 26 September 2012 - 14:46
เวรเอ็ง กล้า ว่า พ่อแม้ว เองด้วยหรือว่ะ ไม่กลัว พ่อแม้ว เอง ไม่ให้ขี้แดกหรอ พ่อแม้วเอ็งคงนอนสะดุ้ง เลย นะนี้ความรู้ไม่ค่อยมี ทุกวันนี้พุทธปนพราหมณ์ ผมแยกแยะไม่ออกอันไหนพุทธ อันไหนพราหมณ์
อเวจีมหานรก
การลักขโมษของวัด ถ้าปาบขั่น อเวจีมหานรก แล้วล่ะก็
การสั่งเข่นฆ่าประชาชน ต้องขั่น บรมซุบเปอร์ อเวจีอภิมหาใต้สุดของขุมนรกโลกันต์
สำนึกแห่งธรรมการ ฆ่า คือ บาป
ใจบาปหยาบหนาชั่วช้า คือ "คนฆ่า" "คนสั่ง"
รวมอีกทั้ง ...... "คนสนับสนุน "
- เงาไม้ likes this
#31
Posted 26 September 2012 - 14:51
จบ เลย ครับ เอาผิดเรื่องของสงฆ์ ยาก แล้ว
พินัยกรรมของนางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา
เขียนที่ ที่ว่าการอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
วันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512
ข้าพเจ้า นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา อายุ 74 ปี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านเลขที่ 6 ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร
ทำพินัยกรรมต่อหน้า ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง นายอำเภอดุสิต และนางสาวสมใจ เทียมสมบูรณ์ พยาน กับนายทองหล่อ ใจดี พยาน ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ถ้าข้าพเจ้าถึงแก่ความตายไปแล้ว บรรดาทรัพย์สินของข้าพเจ้าที่มีอยู่และที่จะเกิดขึ้นในภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ผู้ที่ได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ให้เป็นผู้รับทรัพย์สินตามจำนวนที่ซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ คือ
(1) บรรดาพินัยกรรมซึ่งข้าพเจ้าทำไว้ก่อนพินัยกรรมฉบับนี้ เป็นอันระงับไปทั้งสิ้น และให้ถือพินัยกรรมฉบับนี้เป็นคำสั่งครั้งสุดท้ายของข้าพเจ้า
(2) คำว่า “วัดธรรมิการามวรวิหาร” ซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ให้หมายถึง วัดธรรมิการามวรวิหาร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
(3) เมื่อข้าพเจ้าป่วยหนักและไม่สามารถสั่งการงานได้ด้วยตนเองแล้ว ขอให้ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการรักษาพยาบาลข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมแล้ว ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร หรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการศพ และทรัพย์มรดกของข้าพเจ้าตามรายการดังต่อไปนี้
(ก) ที่ดินโฉนดที่ 6411 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เนื้อที่ 1 งาน 98-4/15 วา พร้อมด้วยเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159,161 และ 163 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ทั้งบ้านและที่ดิน
ส่วนเรือนไม้ 2 ชั้น เลขที่ 159/1, 159/5 และ 159/6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการาม|วรวิหารทั้งบ้านและที่ดิน โดยเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารมอบให้มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยเก็บผลประโยชน์ เพื่อประโยชน์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร
(ข) ที่ดินโฉนด 2401 อยู่ที่คลองห้าออก ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 45 ไร่ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดหัตถสารเกษตร จังหวัดปทุมธานี
(ค) ที่ดินโฉนดเลขที่ 5972 อยู่ที่ตรอกศรีคาม ตำบลถนนนครไชยศรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร พร้อมด้วยตึก 2 ชั้น เลขที่ 6 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
(ง) ที่ดินโฉนดเลขที่ 20 ตำบลคลองซอยที่ 5 ฝั่งตะวันออก (บึงตะเคียน) อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ 730 ไร่ 1 งาน 51 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
(จ) ที่ดินโฉนด 1446 อยู่ที่ทุ่งบึงอ้ายเสียบ ตำบลบึงอ้ายเสียบอำเภอคลองหลวง จังหวัดธัญบุรี (ปทุมธานี) เนื้อที่ 194 ไร่ 1 งาน 24 วา ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 2.ข้าพเจ้าขอยกเงินจำนวน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ให้แก่มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ และขอยกเงินจำนวน 3,000 บาท (สามพันบาทถ้วน) ให้แก่นายสวง เสตะสุนทร
ข้อ 3.เมื่อจัดการปลงศพของข้าพเจ้าแล้ว ยังมีเงินเหลือเท่าไร รวมทั้งทรัพย์สินอื่นซึ่งมิได้ระบุไว้ในพินัยกรรมนี้ ข้าพเจ้าขอยกกรรมสิทธิ์ให้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร
ข้อ 4.ขอให้เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จัดการมอบอสังหาริมทรัพย์และจำนวนเงิน (ถ้ามี) ซึ่งได้แก่วัดธรรมิการามวรวิหาร รวมทั้งสิ้นแก่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ช่วยจัดทำผลประโยชน์เพื่อใช้ประโยชน์นั้นบำรุงจตุปัจจัยแก่ภิกษุสามเณรหรือจรรโลงพระพุทธศาสนาโดยประการอื่น เช่น การส่งเสริมศึกษาคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ หรือบูรณะถาวรวัตถุในวัดธรรมิการามวรวิหาร สุดแต่เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร จะพิจารณาตามสมควรแก่กรณี โดนอันนี้เข้าไป คำค้านคุณ วัต ก็ตกแล้วครับ แถมเรื่องการขายเจ้าอาวาสอาจจะหลุดด้วยถ้าไม่ได้เบียดบังเก็บไว้เลย
ข้อ 5.พินัยกรรมนี้ทำเป็น 4 ฉบับ มีข้อความตรงกัน ให้นายอำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เก็บไว้ 1 ฉบับ ผู้ทำพินัยกรรมเก็บไว้ 1 ฉบับ |เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหารเก็บไว้ 1 ฉบับ โดยมีข้อความตรงกัน
ข้อ 6.ข้าพเจ้าขอมอบพินัยกรรมฉบับนี้ให้แก่เจ้าอาวาสวัดธรร|มิการามวรวิหารหรือผู้แทนและผู้จัดการมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์ เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้าตามพินัยกรรมนี้ และให้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทุกประการ
ข้อ 7.ข้อความแห่งพินัยกรรมนี้ นายอำเภอได้อ่านให้ข้าพเจ้าและพยานฟังโดยตลอดแล้วเป็นการถูกต้องตรงความประสงค์ของข้าพเจ้าที่ได้แจ้งให้นายอำเภอจดลงไว้ และขณะทำพินัยกรรมนี้|ข้าพเจ้ามีสติสมบูรณ์ดี จึงลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้านายอำเภอและพยานเป็นสำคัญ
(ลงชื่อ) เนื่อม ชำนาญชาติศักดา ผู้ทำพินัยกรรม
(ลงชื่อ) สมใจ เทียมสมบูรณ์ พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
(ลงชื่อ) ทองหล่อ ใจดี พยานรับรองพินัยกรรมและลายมือชื่อ
สุดท้ายเป็นบันทึกของ ว่าที่ ร.ต.เสมอใจ พุ่มพวง
นายอำเภอดุสิตที่ลงลายมือชื่อและประทับตราตำแหน่งเป็นสำคัญ
ของจริงว่าไว้ตามนี้หรือเปล่า
คำว่าให้มูลนิธิจัดทำผลประโยชน์นี่แหละ มันถึงได้หาช่องว่างช่องโหว่
คำว่าตกเป็นกรรมสิทธิของวัดหมายถึงอะไร โฉนดนั้นต้องโอนให้วัดใช่หรือเปล่า
ถ้านี่คือสาระของพินัยกรรมก็ถือถูกแล้วนี่ครับตามเจตนา เห็นด้วยครับ
ผิดเองดันไปอ่านของที่มันใช้ค้านกันในสภา...
#32
Posted 26 September 2012 - 15:01
ส่วนกรรมของไอ้แม้วและพรรคพวกที่โกงที่วัด ต้องลงอเวจี มีอายุ 1 อันตรกัปป์ พ้นจากนรกก็มาเป็นเปรตไม่ทันพระศรีอาริย์
http://law-of-karma-...log-post_26.htm
ตัวอย่าง อชครเปรต โจรผู้เผาพระคัณธกุฏี ต้องตกนรกอเวจีและขึ้นมาเป็นเปรต อยู่ 1 พุทธันดร
#33
Posted 26 September 2012 - 15:03
ความรู้ไม่ค่อยมี ทุกวันนี้พุทธปนพราหมณ์ ผมแยกแยะไม่ออกอันไหนพุทธ อันไหนพราหมณ์
อเวจีมหานรก
การลักขโมษของวัด ถ้าปาบขั่น อเวจีมหานรก แล้วล่ะก็
การสั่งเข่นฆ่าประชาชน ต้องขั่น บรมซุบเปอร์ อเวจีอภิมหาใต้สุดของขุมนรกโลกันต์
สำนึกแห่งธรรมการ ฆ่า คือ บาป
ใจบาปหยาบหนาชั่วช้า คือ "คนฆ่า" "คนสั่ง"
รวมอีกทั้ง ...... "คนสนับสนุน "
ผู้ที่ลุ่มหลง งมงาย เห็นผิดเป็นชอบ บอกชั่วเป็นดี ปุถุชนเห็นกงจักรเจื่อกบอกเป็นดอกบัว... นั่นจิตก็ตกอยู่ในทุคติภูมิแล้ว ตายไปก็นรก เปรต ******เป็นอย่างน้อย หาความเจริญใดๆมิได้เช่นกัล...
#34
Posted 26 September 2012 - 15:39
นรกก่อนครับ โทสะ ไปสัตว์เดรฉาน โลภะ ไปเปรตภูมิ โมหะ นรก สถานเดียว ดูแล้วเข้าโมหะ เสร็จแล้ว มาเปรตต่อ เพราะอยู่ด้วยการ โกหกหลอกล่วงผู้อื่นเลี้ยงชีพ ตีเป็นโลภะ (งานง่ายเงิน ดี รหัส 4 ตัวก็ได้ตัง แต่ใครเสียหายไม่สนใจจักเป็นโลภะ)
ความรู้ไม่ค่อยมี ทุกวันนี้พุทธปนพราหมณ์ ผมแยกแยะไม่ออกอันไหนพุทธ อันไหนพราหมณ์
อเวจีมหานรก
การลักขโมษของวัด ถ้าปาบขั่น อเวจีมหานรก แล้วล่ะก็
การสั่งเข่นฆ่าประชาชน ต้องขั่น บรมซุบเปอร์ อเวจีอภิมหาใต้สุดของขุมนรกโลกันต์
สำนึกแห่งธรรมการ ฆ่า คือ บาป
ใจบาปหยาบหนาชั่วช้า คือ "คนฆ่า" "คนสั่ง"
รวมอีกทั้ง ...... "คนสนับสนุน "
ผู้ที่ลุ่มหลง งมงาย เห็นผิดเป็นชอบ บอกชั่วเป็นดี ปุถุชนเห็นกงจักรเจื่อกบอกเป็นดอกบัว... นั่นจิตก็ตกอยู่ในทุคติภูมิแล้ว ตายไปก็นรก เปรต ******เป็นอย่างน้อย หาความเจริญใดๆมิได้เช่นกัล...
Edited by ter162525, 26 September 2012 - 15:40.
#35
Posted 26 September 2012 - 16:02
นรกก่อนครับ โทสะ ไปสัตว์เดรฉาน โลภะ ไปเปรตภูมิ โมหะ นรก สถานเดียว ดูแล้วเข้าโมหะ เสร็จแล้ว มาเปรตต่อ เพราะอยู่ด้วยการ โกหกหลอกล่วงผู้อื่นเลี้ยงชีพ ตีเป็นโลภะ (งานง่ายเงิน ดี รหัส 4 ตัวก็ได้ตัง แต่ใครเสียหายไม่สนใจจักเป็นโลภะ)
ความรู้ไม่ค่อยมี ทุกวันนี้พุทธปนพราหมณ์ ผมแยกแยะไม่ออกอันไหนพุทธ อันไหนพราหมณ์
อเวจีมหานรก
การลักขโมษของวัด ถ้าปาบขั่น อเวจีมหานรก แล้วล่ะก็
การสั่งเข่นฆ่าประชาชน ต้องขั่น บรมซุบเปอร์ อเวจีอภิมหาใต้สุดของขุมนรกโลกันต์
สำนึกแห่งธรรมการ ฆ่า คือ บาป
ใจบาปหยาบหนาชั่วช้า คือ "คนฆ่า" "คนสั่ง"
รวมอีกทั้ง ...... "คนสนับสนุน "
ผู้ที่ลุ่มหลง งมงาย เห็นผิดเป็นชอบ บอกชั่วเป็นดี ปุถุชนเห็นกงจักรเจื่อกบอกเป็นดอกบัว... นั่นจิตก็ตกอยู่ในทุคติภูมิแล้ว ตายไปก็นรก เปรต ******เป็นอย่างน้อย หาความเจริญใดๆมิได้เช่นกัล...
สงสัยจังครับ ที่ท่านทั้งสองพูดถึง นรก ผมก็พูดตามๆเท่านั้น
ตกลงมันมีจริงเรอะ ท่านทั้งสองเคยไป นรก มาแล้วหรือยังอ่ะครับ
#36
Posted 26 September 2012 - 16:04
อ้าว ไฟลามทุ่ง ก่อนที่จะเกิดเป็นคน อยู่ในนรกมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ
นรกก่อนครับ โทสะ ไปสัตว์เดรฉาน โลภะ ไปเปรตภูมิ โมหะ นรก สถานเดียว ดูแล้วเข้าโมหะ เสร็จแล้ว มาเปรตต่อ เพราะอยู่ด้วยการ โกหกหลอกล่วงผู้อื่นเลี้ยงชีพ ตีเป็นโลภะ (งานง่ายเงิน ดี รหัส 4 ตัวก็ได้ตัง แต่ใครเสียหายไม่สนใจจักเป็นโลภะ)
ความรู้ไม่ค่อยมี ทุกวันนี้พุทธปนพราหมณ์ ผมแยกแยะไม่ออกอันไหนพุทธ อันไหนพราหมณ์
อเวจีมหานรก
การลักขโมษของวัด ถ้าปาบขั่น อเวจีมหานรก แล้วล่ะก็
การสั่งเข่นฆ่าประชาชน ต้องขั่น บรมซุบเปอร์ อเวจีอภิมหาใต้สุดของขุมนรกโลกันต์
สำนึกแห่งธรรมการ ฆ่า คือ บาป
ใจบาปหยาบหนาชั่วช้า คือ "คนฆ่า" "คนสั่ง"
รวมอีกทั้ง ...... "คนสนับสนุน "
ผู้ที่ลุ่มหลง งมงาย เห็นผิดเป็นชอบ บอกชั่วเป็นดี ปุถุชนเห็นกงจักรเจื่อกบอกเป็นดอกบัว... นั่นจิตก็ตกอยู่ในทุคติภูมิแล้ว ตายไปก็นรก เปรต ******เป็นอย่างน้อย หาความเจริญใดๆมิได้เช่นกัล...
สงสัยจังครับ ที่ท่านทั้งสองพูดถึง นรก ผมก็พูดตามๆเท่านั้น
ตกลงมันมีจริงเรอะ ท่านทั้งสองเคยไป นรก มาแล้วหรือยังอ่ะครับ
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
#37
Posted 26 September 2012 - 16:05
“มันผู้ใดที่สนับสนุนการปรองดอง โดยปล่อยให้ไอ้ฆาตกรชั่ว ใจสัตว์ เ หี้ยมโหด จอมบงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพลอยนวล โดยไม่ยอมลากคอมันมาลงโทษลงทันฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล ขอเชิญดวงวิญญาณพี่น้องเสื้อแดงทั้ง 91 ศพ มาเป็นพยาน”
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
#38
Posted 26 September 2012 - 16:15
การทำผาติกรรมนั้น ต้องแลกกับสิ่งของจำเป็นตามพระวินัย ถ้าวัดไม่ได้มีวัตถุประสงค์แลกเปลี่ยนกับสิ่งจำเป็นตามพระวินัย แค่เห็นว่ามีคนมาขอซื้อให้ราคาดีก็ขายเพื่อเอาเงินมาฝากธนาคาร อย่างนั้นถือว่าผิด แต่กรณีอัลไพน์ วัดตัดสินใจขายเพื่อหาเงินมาซ่อมวัด เข้าลักษณะการทำผาติกรรมที่ถูกต้องตามวินัยบัญญัติ จึงไม่น่าจะผิด
ทางกฎหมายโลก ผมไม่ออกความเห็น แต่ถ้ามองในแง่ของธรรมะล้วนๆ ในความเห็นของผม ที่ดินอัลไพน์เป็นสิ่งของต้องห้ามสำหรับสงฆ์ การที่หมู่สงฆ์ปลงที่แปลงนี้ออกไปนั้น ชอบแล้ว การทำผาติกรรมก็ทำถูกต้องตามพระวินัย คนขัดขวางต่างหากที่น่าจะบาปมหันต์ เพราะขัดขวางการทำผาติกรรมของสงฆ์ ทำให้ศีลของสงฆ์ไม่บริสุทธิ์ ทำให้สงฆ์เดือดร้อน วัดต้องคืนเงินค่าที่ดิน เงินที่ขายได้นั้นใช้ซ่อมวัดไปหมดแล้ว วัดกลายเป็นหนี้หลายร้อยล้าน ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีจึงจะชดใช้ได้หมด บาปกรรมขนาดไหน นึกแล้วขนลุก
Edited by กาลามชน, 27 September 2012 - 09:04.
ขออภัย...ผมไม่โต้กับผู้ที่พยายามจะเอาชนะด้วยโวหาร
#39
Posted 26 September 2012 - 16:27
พินัยกรรมมอบให้วัด ไม่ได้มอบให้พระ เมื่อมอบให้วัดอย่างนี้แล้ว
วัดไม่ไช่พระ วัดไม่ได้ถือศีล 227 ข้อ
ใช่เปล่านะ ลองแถ
Edited by phoosana, 26 September 2012 - 16:28.
- Kyubey, RiDKuN_user and wat like this
#40
Posted 26 September 2012 - 16:35
#41
Posted 26 September 2012 - 16:40
#42
Posted 26 September 2012 - 17:12
ระดับเดรัจฉานมันไม่สนใจเรื่องบาปบุญคุณโทษหรอกครับ
เจ้านายสั่งมันก็ทำ ขอแค่ให้ข้าวให้น้ำ อิ่มหมีพีมัน เท่านั้นจริงๆ
It's us against the world
#44
Posted 26 September 2012 - 20:34
- ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่ likes this
รัฐประหาร ปกป้องชีวิตไทย พอกันที ประชาธิปไตย ด้วย M79
#45
Posted 26 September 2012 - 20:41
Edited by Fus Ro dah, 26 September 2012 - 20:41.
#46
Posted 26 September 2012 - 20:41
อเวจีทุกตัวคนครับ....แต่ ถ้าจิตตอนที่เค้าจะตายยังนึกถึงวความดี(ผลบุญผลกุศล)อยู่บ้างก้อไปเสวยผลบุญก่อนครับ
หมดผลบุญเมื่อไหร่..ก้ออเวจีครับ
ไลค์หมดครับ เลยขอบพระคุณแทนในความกระจ่าง
ถามเพิ่มเติมเป็นความรู้นะครับท่านปังฯ
ที่ไอ้แม้วเสวยสุขร่ำรวยมีอำนาจ ทำร้ายชาติอยู่ทุกวันนี้แปลว่าผลบุญแม้วมีมากกว่าผลบาปหรือครับ บาปกรรมเลยยังมาไม่ถึง?
ผลบุญเก่าของเค้ายังสนองอยู่ครับ เค้ายังกินของเก่าอยู่ แต่ก้ออย่าลืมว่าปัจจุบันชาติเค้าก้อยังทำต่ออยู่
แต่กรรมในปัจจุบันชาติเค้าก้อมีเยอะ ถึงขั้นเรียกว่าอนันตริยกรรมเลยทีเดียว
แต่ผมบอกว่าอนันตริยกรรมนั้นเพราะ...การสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน (สงฆ์ แปลว่าหมู่)
ก้อเป็นกรรมที่หนัก และการก้าวล่วงผู้ทรงฌานสมาบัติ ทรงจิตบริสุทธิ์ก้อเป็นกรรมที่หนักไม่ต่างกัน
ขอให้รอดูผลที่จะเกิดขึ้นกับเค้าในเร็ววันนี้ครับ เพราะตอนนี้ชีวิตเค้าก้อหาได้มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่
- wat likes this
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
#47
Posted 26 September 2012 - 20:43
#48
Posted 26 September 2012 - 20:56
อเวจีทุกตัวคนครับ....แต่ ถ้าจิตตอนที่เค้าจะตายยังนึกถึงวความดี(ผลบุญผลกุศล)อยู่บ้างก้อไปเสวยผลบุญก่อนครับ
หมดผลบุญเมื่อไหร่..ก้ออเวจีครับ
ไลค์หมดครับ เลยขอบพระคุณแทนในความกระจ่าง
ถามเพิ่มเติมเป็นความรู้นะครับท่านปังฯ
ที่ไอ้แม้วเสวยสุขร่ำรวยมีอำนาจ ทำร้ายชาติอยู่ทุกวันนี้แปลว่าผลบุญแม้วมีมากกว่าผลบาปหรือครับ บาปกรรมเลยยังมาไม่ถึง?
ผลบุญเก่าของเค้ายังสนองอยู่ครับ เค้ายังกินของเก่าอยู่ แต่ก้ออย่าลืมว่าปัจจุบันชาติเค้าก้อยังทำต่ออยู่
แต่กรรมในปัจจุบันชาติเค้าก้อมีเยอะ ถึงขั้นเรียกว่าอนันตริยกรรมเลยทีเดียว
แต่ผมบอกว่าอนันตริยกรรมนั้นเพราะ...การสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน (สงฆ์ แปลว่าหมู่)
ก้อเป็นกรรมที่หนัก และการก้าวล่วงผู้ทรงฌานสมาบัติ ทรงจิตบริสุทธิ์ก้อเป็นกรรมที่หนักไม่ต่างกัน
ขอให้รอดูผลที่จะเกิดขึ้นกับเค้าในเร็ววันนี้ครับ เพราะตอนนี้ชีวิตเค้าก้อหาได้มีความสุขอย่างที่เป็นอยู่
เพิ่มเติมให้อีกนิด...การก้าวล่วงผู้ทรงฌานสมาบัติ ทรงจิตบริสุทธิ์...ผลในทิฐธรรมคือทำให้เกิดความเสื่อมในธรรมที่สั่งสมมาครับ ความเสื่อมที่ว่านี้ไม่รวมถึงผู้บรรลุธรรมตั้งแต่โสดาปฏิผลไปนะครับ เพราะเหตุแห่งความเสื่อมดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ได้บรรลุเป็น 1 ใน 4 อริยบุคคลของพระศาสดาได้ครับ...
#49
Posted 27 September 2012 - 12:20
ครับเมื่อก่อนคนไทยหน้าบางกว่านี้ครับ
การเอาของของวัดไปนั้นบาปนัก ทุกปีจึงมีงานก่อพระเจดีย์ทรายที่วัด จุดประสงค์คือระหว่างปีเราเข้าวัดอาจมีดินทรายของวัดติดเท้าออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ด้วยกลัวบาป ในหนึ่งปีเราจึงเอาทรายมาใช้คืนให้วัดด้วยการก่อพระเจดีย์ทราย
นี่คือจิตใจที่งดงามของคนไทยโบราณ
ยงยุทธก็เป็นคนไทยเกิดในสกุลเก่า ทำไมจึงไม่ซึมซับความดีงามเหล่านี้มาเลย
*สมัยผมเด็กๆ เมื่อจะเดินออกนอกเขตวัด ยาย/แม่ จะให้ผมสบัดตีนก่อน
ด้วยว่าไม่ยอมให้ดินของวัดติดตีนเราออกไป ..ทั้ง2ท่านระบุว่ามันเป็นบาป
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
#50
Posted 27 September 2012 - 12:27
*ไอ้หมอนี่แดงจัดแหง เห็นแก่ได้ ..ถ้าไม่เลวจัดแบบแดงต้องบอกด้วยว่าขอโควทลายเซ็นของสมาชิกคนหนึ่งนะครับ
“มันผู้ใดที่สนับสนุนการปรองดอง โดยปล่อยให้ไอ้ฆาตกรชั่ว ใจสัตว์ เ หี้ยมโหด จอมบงการฆ่าพี่น้องเสื้อแดงของกู 91 ศพลอยนวล โดยไม่ยอมลากคอมันมาลงโทษลงทันฑ์ตามกบิลเมือง กูขอสาปแช่งให้มันและทุกๆคนที่มันรัก จงประสพกับความวิบัติฉิบหายไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะสิ้นกาล ขอเชิญดวงวิญญาณพี่น้องเสื้อแดงทั้ง 91 ศพ มาเป็นพยาน”
ถ้าคนที่มันแช่งไม่ได้ทำมันต้องขอให้สิ่งที่มันแช่งนั้นเข้าตัวเอง..เฮ้อสันดานแดง
- อู๋ ฮานามิ likes this
ประโยชน์สูงสุดของประชาชน คือกฏหมายสูงสุดของประเทศ ...วิชา มหาคุณ
0 user(s) are reading this topic
0 members, 0 guests, 0 anonymous users