113 ความเห็นในกระทู้นี้

[SPDZ]

เพิ่งไปดูอนิเมชั่นเรื่องยักาืมา อ่านกระทู้นี้แล้วอยากวาดภาพประกอบเลย ฮี่ๆ

ถอดรหัสด้วยจิ

น้องอ่านภาษาต่างดาวไม่ออกอ่ะ

ยักษ์ กดชิพไม่ติดครับ ฮ่าๆๆๆ

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

โครงเรื่องของรามายณะน่าจะเกิดแถวๆ ต้นสายธารของชาติพันธุ์อินโด-ยูโรเปียน
เพราะตรงกับตำนานเฮเลนแห่งทรอย ต้นเหตุแห่งการก่อศึกชิงนางชนิดล้างเผ่าพันธุ์
มีวีรบุรุษเข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปหมด

น่าจะเกิดในสมัยที่ยังถือว่าสตรีเป็นสมบัติของบุรุษอีกด้วย
จึงได้ขโมย หรือแย่งชิงกันยังกับนางเป็นสิ่งของ
พอพัฒนาออกมาภายใต้วัฒนธรรมและค่านิยมที่แตกต่างกัน
แก่นเรืองเดียวกันก็งอกงามออกมาเป็นระบบคุณธรรมที่ต่างกันได้

มองในแง่นี้ วัฒนธรรมอินเดียดูเหมือนจะเข้าถึงนามธรรมเร็วกว่ากรีก
เพราะสามารถทำให้ตัวละครกลายเป็นปุคลาธิษฐานของคุณค่าต่างๆ ได้อย่างแนบเนียน

นานมากแล้ว ตั้งกะผมยังเอ๊าะๆ มีอาจารย์ประวัติศาสตร์ มธ.ท่านหนึ่ง
เคยเล่าให้ผมฟังอย่างสนุกสนานว่า...ที่จริงรามายณะมีเค้าโครงจากเรื่องจริงของการ "รุกรานชมพูทวีป" แต่ครั้งโบราณครับ
คือการรุกรานของ"ชนเผ่าอินโดอารยัน" ที่อพยพจากยุโรปตะวันออก(สมัยนั้นยังไม่มียุโรปนะ ยังเป็นดินแดนเถื่อนอยู่)
ข้ามมายังชมพูทวีปที่มี "ชนเผ่าดั้งเดิม คือพวก ดราวิเดียน" ปกครองอยู่

เมื่ออินโดอารยัน ซึ่งมีผิวขาวเหลืองแบบกึ่งฝรั่งกึ่งเอเชีย(แบบลักษมัณ คือไม่ได้ผมทองจ๋า) มาถึง
ก็ไม่ชอบการปกครองแบบดราวิเดียน ซึ่งในสายตาตนเองคิดว่า "ป่าเถื่อน" จึงอยาก "เปลี่ยนแปลงการปกครอง"
ก็ต้องรบพุ่งกัน
พวกดราวิเดียนที่เป็นเจ้าของแผ่นดิน มีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวดำ ดูน่ากลัว และเป็นนักรบ ก็ไม่ยอมให้คนอพยพรุกราน
จึงเกิดเป็นสงครามชิง "แผ่นดิน" กัน
ทางฝ่ายอินโดอารยัน เป็นยุโรปแบบผมดำ ผิวขาว ก็เลยไปเอานักรบยุโรปเชื้อสายอารยันแบบคอเคเชียน คือผมทองตาสีฟ้า ผิวหยวกมาช่วยรบ
พวกนี้รบเก่งมาก บ้าบิ่น มุทะลุสุดๆ พอได้นักรบคอเคเชียนจากยุโรปมาก็รบชนะ

รามายณะคือบทประพันธ์ที่ได้แรงบันดาลใจจากการรบเพื่อชิงแผ่นดินในอดีตกาลนั่นเอง
พระรามก็คืออินโดอารยันผู้รุกราน
ทศกัณฐ์คือดราวิเดียนที่พยายามปกป้องแผ่นดินแต่พ่ายแพ้
หนุมานคือนักรบจากยุโรป
และสีดาคือ "แผ่นดิน" ที่ทั้งสองฝ่ายต่างแย่งชิงนั่นเองครับ


เท่าที่ผมจำได้มีแค่นี้น่อ

[ตะนิ่นตาญี]

แหม เท่าที่อ่านเสรีไทยมา นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว สมาชิกยังมีความรู้ลุ่มลึกทางด้านวรรณกรรม และ ภาษาอีกด้วย ชอบมากค่ะกระทู้นี้

เรื่อง โรมีโอและจูเลียต ตามความเห็นส่วนตัว ว่ากันจริงๆแล้วแล้วถ้าทั้งสองคนไม่ตายตามกันไปด้วยเหตุน่าสลดใจก่อนวัยอันควร แต่มีชีวิตคู่ครองกันต่อมา มันก็คงไม่กลายเป็นตำนานเรื่องราวความรักอมตะได้หรอกเนอะ เพราะว่าเมื่อเริ่มโตขึ้น รู้จักกันและกันและีู้รู้จักโลกมากขึ้น ก็อาจมีการทะเลาะเบาะแว้ง มีด้่านมืดของการใช้ชีวิตคู่ เกิดความเหม็นเบื่อกันและกันขึ้นมาก็ได้ แต่เพราะ ท่านหอกสั่น(Shakespear) ได้ freeze ช่วงเวลาที่รักนั้นผลิบานและสุกงอมเต็มที่เอาไว้ นอกจากนั้นยังใช้ภาษาได้สวยงามเสียอีก จึงทำให้ยังโด่งดังมาจนทุกวันนี้ล่ัะมั้งนะ (แต่ชอบเรื่อง Othello มากกว่า แหะๆ)

ขอบพระคุณ คุณบาดทะยัก มากครับ

คุณบาดทะยัก ว่าไหมครับ เมื่อพูดถึง บทประพันธ์ ของ Shakespear แล้ว

เราจะนึกถึงแต่อะไรต่อมิอะไรที่มันเป็น "โศก-นาฏกรรม" เสียมากกว่า "สุข-นาฏกรรม"

ไม่ว่าจะเป็น Romeo & Juliet หรืออย่าง Othello นี่ก็ตาม...

จะใช้คำว่าอะไรดี ตะนิ่นตาญี นึกไม่ออก แต่นาทีนี้ขออนุญาต คุณบาดทะยัก

ใช้คำว่า "โศก-นาฏกรรมสีผิว" ไว้ก่อน ผิด-ถูก ประการใดรบกวน คุณบาดทะยัก แก้ให้ด้วย

ก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบพระคุณ คุณบาดทะยัก มากครับ

ตะนิ่นตาญี

เพิ่งไปดูอนิเมชั่นเรื่องยักาืมา อ่านกระทู้นี้แล้วอยากวาดภาพประกอบเลย ฮี่ๆ

ขอบพระคุณ คุณ SPDZ มากครับที่กรุณา

อยากเห็น ภาพควาย ที่ คุณสรยุทธฯ เธอตามหาอยู่เหมือนกันครับ

ตะนิ่นตาญี

Edited by ตะนิ่นตาญี, 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 06:41.

[yenmanovic]

กระมู้เพ้อเจ้อของพวกอำมาตย์ชัดๆ

[ตะนิ่นตาญี]

.....
ปล. แต่ชอบพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ ร. ๖ มาก ด้วยสำนวนความไพเราะ สำหรับผม ถือว่าสละสลวยมาก ๆ

ปล. แต่ชอบพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ ร. ๖ มาก ด้วยสำนวนความไพเราะ สำหรับผม ถือว่าสละสลวยมาก ๆ

.....
ในฐานะกวี ล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 ผมถือว่าเป็นยอดกวีเอกแห่งยุคเลยละครับ
ผมอ่านพระราชนิพนธ์แปลของท่านแต่ละเรื่อง...ไม่ใช่ยอดกวี ทำไม่ได้ขนาดนี้ครับ
ถ้าท่านเป็นศิลปินอย่างเดียว ไม่ได้ต้องเป็นกษัตริย์ ประเทศจะจารึกพระนามท่านในระดับเดียวกับท่านสุนทรภู่จริงๆครับ

ขออนุญาตเพื่อนเพื่อนทุกท่านนำบท พระราชนิพนธ์

คำบูชาพระเป็นเจ้า ของ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมในรัชกาลที่ ๖ ดังนี้ครับ.....

อัญขยมบังคมบำบวง.....สิทธิสรวงศรีแกล้วนาถา

วิษณุผู้ทรงศักดา.....งูมาเป็นแท่นแสนดี

กลืนฟ้ากลืนดินปิ่นสามารถ.....เอาพญาครุฑราชมาขี่

ถือสังข์จักรคทาธรณี.....ปราบหมู่อสุรีแรงลาน

อีกข้าบังคมปรเมศวร์.....สถิตผาพิเศษไพศาล

ขี่โคเผือกผู้ดูตระการ.....เงือกเป็นสังวาลเทพไท

ยศยงทรงอินทร์ชฎา.....สามตาพระแพ่งแสงใส

กำจัดสารพัดโพยภัย.....พิฆนะจัญ-ไรกลายดี

อีกทั้งบังคมไชยะไชย.....เทพไทพรหมเมศวร์ เรืองศรี

ขุนห่ากาญจนาผ่องพี.....พระเอามาขี่แสนสบาย

สี่พักตร์แลเลงเพ่งพิศ.....สี่ทิศสอดส่องมองหมาย

ปกป้องปวงภัยอันตราย.....มิให้กล้ำกลายโลกา

ขอพระเป็นเจ้าทั้งสาม.....ฟังความสุนทรวอนว่า

ขอจงทรงพระกรุณา.....คุ้มเกรงรักษาทั่วไปฯ

คำบูชาพระเป็นเจ้า พระราชนิพนธ์ โดย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

หากเพื่อนเพื่อนท่านใด มีเวลา-มีจังหวะ-มีโอกาส ตะนิ่นตาญี อยากชวนเชิญ

เพื่อนเพื่อนทุกท่าน ไปดู-ไปชม ภาพจิตรกรมมฝาผนัง ที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

ดูมรดกตกทอด วิถีไทย-ภูมิปัญญาไทย ที่เหล่า บรรพชนของไทย ได้สร้างไว้ และตกทอดให้แก่ ลูกหลาน

ดูแล้วจะสงสัยว่า ยังจะมี "ไอ้ระยำ" คนไหน มัน ใช้อะไรคิด-คิดได้อย่างไร ยิง RPG. ใส่วัดพระแก้ว

ตะนิ่นตาญี

วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

เวลา ๖.๒๕ นาฬิกา

[yenmanovic]

การยิง rpg เป็นสัสันประชาธิปไตยฮะ

[ตะนิ่นตาญี]

กระมู้เพ้อเจ้อของพวกอำมาตย์ชัดๆ

การยิง rpg เป็นสัสันประชาธิปไตยฮะ

like ของ ตะนิ่นตาญี หมดแล้วครับ น้าเย็น

ขออนุญาต น้าเย็น ติด like น้าเย็น ไว้ก่อน เดี๋ยวตอนเย็นกลับมา

กด like คืนให้บวกดอกเบี้ยด้วยครับ

ขอบพระคุณ น้าเย็น มากครับที่กรุณา

ตะนิ่นตาญี

[โจโฉ นายกตลอดกาล]

จ่ายดอกเบี้ยลุงเย็นแทนคุณตะนิ่นตาญี ไปก่อน

ส่วนต้นคุณตะนิ่นตาญีคงตามไปชำระลุงเย็นภายหลัง

[amplepoor]

ตอบคุณผึ้งน้อย

ฝรั่งนักวิชาการก็จินตนาการสูงเกิน
ไม่มีหลักฐานเลยว่า มีการรุกรานระหว่างสองเผ่าพันธ์
แล้วถ้าเอาหลักฐานโบราณคดีมาอ้าง จะยิ่งชัด

ถ้าใช้เมโสโปเตเมียตั้งว่าเป็นแหล่งอารยธรรมแรกเริ่มที่เจริญระดับสร้างอาณาจักรได้
ตีเสียว่าหมื่นปีมาแล้ว เอาให้ไกลๆ ไปเลย(ความจริงไม่ถึงหรอกนะ)

จากเมโส เราจะเห็นว่า มีอารยธรรมรุ่นน้องเกิดขึ้นแย่างไม่ได้สัมพันธ์กันเลยและอยู่ห่างไกลกันมาก
คืออียิปต์ จีน และ อินเดีย

ไม่มีของพวกคอเคซอย

ตัดมาดูสมัยพระพุทธเจ้ายังทรงเทศนาอยู่ จะเห็นชัดว่ากรีกเพิ่งตั้งตัวมาได้สักระยะหนึ่ง
ในขณะที่ชมพูทวีปมีอารยะธรรมโมเหนโจเดโรและฮารัปปา รุ่งเรืองก่อนยุคพระพุทธองค์มาแล้วเป็นพันปี
จึงยากที่จะเป็นไปตามทฤษฎีฝรั่งข้างต้นครับ

ฝรั่งผมทอง กว่าจะรู้จักหุงหาอาหาร มีเครื่องนุ่งห่ม พราหมณ์อินเดียก็ท่องคัมภีร์พระเวทตอนเห็นแสงตะวันแรกกันแล้ว
ลำดับขั้นทางอารยะธรรมน่าจะห่างกันเป็นพันปี

[บาดทะยัก]

แหม เท่าที่อ่านเสรีไทยมา นอกจากเรื่องการเมืองแล้ว สมาชิกยังมีความรู้ลุ่มลึกทางด้านวรรณกรรม และ ภาษาอีกด้วย ชอบมากค่ะกระทู้นี้

เรื่อง โรมีโอและจูเลียต ตามความเห็นส่วนตัว ว่ากันจริงๆแล้วแล้วถ้าทั้งสองคนไม่ตายตามกันไปด้วยเหตุน่าสลดใจก่อนวัยอันควร แต่มีชีวิตคู่ครองกันต่อมา มันก็คงไม่กลายเป็นตำนานเรื่องราวความรักอมตะได้หรอกเนอะ เพราะว่าเมื่อเริ่มโตขึ้น รู้จักกันและกันและีู้รู้จักโลกมากขึ้น ก็อาจมีการทะเลาะเบาะแว้ง มีด้่านมืดของการใช้ชีวิตคู่ เกิดความเหม็นเบื่อกันและกันขึ้นมาก็ได้ แต่เพราะ ท่านหอกสั่น(Shakespear) ได้ freeze ช่วงเวลาที่รักนั้นผลิบานและสุกงอมเต็มที่เอาไว้ นอกจากนั้นยังใช้ภาษาได้สวยงามเสียอีก จึงทำให้ยังโด่งดังมาจนทุกวันนี้ล่ัะมั้งนะ (แต่ชอบเรื่อง Othello มากกว่า แหะๆ)

ขอบพระคุณ คุณบาดทะยัก มากครับ

คุณบาดทะยัก ว่าไหมครับ เมื่อพูดถึง บทประพันธ์ ของ Shakespear แล้ว

เราจะนึกถึงแต่อะไรต่อมิอะไรที่มันเป็น "โศก-นาฏกรรม" เสียมากกว่า "สุข-นาฏกรรม"

ไม่ว่าจะเป็น Romeo & Juliet หรืออย่าง Othello นี่ก็ตาม...

จะใช้คำว่าอะไรดี ตะนิ่นตาญี นึกไม่ออก แต่นาทีนี้ขออนุญาต คุณบาดทะยัก

ใช้คำว่า "โศก-นาฏกรรมสีผิว" ไว้ก่อน ผิด-ถูก ประการใดรบกวน คุณบาดทะยัก แก้ให้ด้วย

ก็จักเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ขอบพระคุณ คุณบาดทะยัก มากครับ

ตะนิ่นตาญี

เห็นด้วยค่ะ คุณตะนิ่นตาญี ส่วนใหญ่งานของท่าน Shakespeare มักจะเป็น โศกนาฏกรรม แต่ที่เป็น สุขนาฏกรรม ก็มีอยู่บ้าง เช่น As you like it ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่าอ่านมาไม่กี่เีืิรื่องเท่านั้นที่อ่านจากภาษาต้นฉบับค่ะ แต่ชอบทุกเรื่ิองเลย เกรงว่า พูดต่อไปเรื่อง othello อ่านจะนอกประเด็นกระทู้จากไปสักนิด แต่ขอซักเล็กน้อยแล้วกันค่ะ ผิดตรงไหน อย่างไร รบกวนเพื่อนสมาชิกแนะนำได้ค่ะ

คร่าวๆเท่าที่จำได้นะคะ โอเทลโล นั้นเป็นแขกมัวร์ และเป็นคนมีความสามารถได้เป็นถึงกัปตันของกองทัำพเรือเวนิส มีภรรยาชื่อ เดสเดโมน่า เป็นสาวงามชาวเวนิส ที่อายุค่อนข้างห่างจากโอเทลโล โอเทลโล มีลูกน้องสองคน(ตามในท้องเรื่อง) คือ เคสสิโิ้อ้ และ เีอียโก้ เีอียโก้เนี่ยแสบมากค่ะ ไม่ชอบโอเทลโล ดูหมิ่นที่เป็นแขกมัวร์ แล้วก็คิดไปว่าตำแหน่งของโอเทลโล จริงแล้วต้องเป็นของตนต่างหาก แถมยังโดนเดสเดโมน่าเมินอย่างไม่ใยดีตอนดอดไปจีบ (ตัวเองก็มีภรรยาอยู่แล้ว) จึงวางแผน หลอกให้โอเทลโลเชื่อว่า เดสเดโมน่าเป็นชู้กับเคสสิโิ้อ้ โอ้ ช่วงวางแผนเป็นฉากๆเนี่ย Shaespeare เขียนได้ดีมากอ่ะค่ะ เห็นภาพ จิตใจของโอเทลโลที่มั้นคงค่อยๆถูกความกังขา ความริษยา ความเกลียดชังค่อยๆครอบงำ จนในที่สุดก็ลงมือสังหารเดสเดโมน่า แล้วมารู้ทีหลังว่าจริงๆแล้วไม่ได้นอกใจ จึงฆ่าตัวตายตามไป ตอนที่โอเทลโล รู้ความจริงว่า เีอียโก้อยู่เบื้องหลัง Shakespeare บรรยายว่าโอเทลโลมองเห็นขาของเลโก้เป็นกีบแพะ(ซาตาน) แบบว่าขนลุกเลย

Edited by บาดทะยัก, 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:22.

[ter162525]

เรื่องเทพ ทั้งสามผมยัง สงสัย อยู่หน่อย หนึ่ง ตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์ แล้ว เขากล่าว พระพรหม เป็นผู้สร้าง พระนาราย์ เป็น ผู้ดูแล พระอิศวร เป็นผู้ทำลาย (ทางฮินดู เรียกพระศิวะ) แต่ ที่ปรากฏ กับกายเป็นว่า พระนารายณ์ รับหน้าที่ สังหารอย่างเดียวเลย น่าจะเป็นพระนารายณ์ เป็นผู้ทำลายมากกว่า นะ อิอิ

[กีรเต้]

เรื่องเทพ ทั้งสามผมยัง สงสัย อยู่หน่อย หนึ่ง ตามความเชื่อศาสนาพราหมณ์ แล้ว เขากล่าว พระพรหม เป็นผู้สร้าง พระนาราย์ เป็น ผู้ดูแล พระอิศวร เป็นผู้ทำลาย (ทางฮินดู เรียกพระศิวะ) แต่ ที่ปรากฏ กับกายเป็นว่า พระนารายณ์ รับหน้าที่ สังหารอย่างเดียวเลย น่าจะเป็นพระนารายณ์ เป็นผู้ทำลายมากกว่า นะ อิอิ

ขอตอบเฉพาะพระนารายณ์นะครับ
ที่ว่าพระนารายณ์เป็นผู้ดูแล ความหมาย น่าจะเป็น การดูแลให้โลกอยู่สงบร่มเย็นน่ะครับ เพราะคราวใดที่โลกสงบร่มเย็นพระนารายณ์จะบรรทม อยู่บนบรรลังค์นาคราชในเกษียรสมุทร แต่เมื่อยามใดที่โลกเกิดความวุ่นวายยุคเข็ญ ก็จะอาตารลงมาปราบต้นตอที่เกิดยุคเข็ญนั้น จนมีเรื่องเล่า คือ นารายณ์สิบปาง
จริงหรือเท็จ รอผู้รู้มาเพิ่มเติมครับ

Edited by กีโฆเต้, 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:04.

[ตะนิ่นตาญี]

ตะนิ่นตาญี ใคร่ขออนุญาต เพื่อนเพื่อน ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาคุยสักหน่อยเถอะครับ

 

หากจะถามกันว่า ขุด มา ทำไม?

 

ทั้งนี้ก็เนื่องจาก เมื่อเช้านี้ นั่งดู สื่อใหญ่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พูดถึง การเล่าเรื่อง ของ คุณสุเทพฯ

 

ในเหตุการณ์ ปี ๒๕๕๓ แล้วก็ให้แปลกใจ ที่ คุณสรยุทธฯ ไพล่ ไปพูดถึง ความเป็นกลาง ใน การนำเสนอข่าว

 

ไม่ใช่หรอกกระมังครับ คุณสรยุทธฯ ครับ...

 

หาก ตะนิ่นตาญี ฟังไม่ผิด คุณสุเทพฯ เธอ พูดถึง ความกตัญญู เธอ พูดถึง ความเป็น คน

 

คน ที่ไม่ใช่ คอหยักหยัก สัก แต่ว่าเป็น คน และ ก็ไม่ใช่ ละ-คน-ปะปน-กันไป หากแต่เป็น คน ที่ แท้จริง

 

คุณสรยุทธฯ ครับ ความกตัญญู นั้นแบ่งออกไปได้หลายประเภท แต่ หลักหลัก แล้ว

 

ก็เห็นจะมีเพียง สอง-สาม ประการ เท่านั้นกระมัง

 

ประการแรกคือ การ กตัญญู ต่อ บุคคล ที่ อยู่รอบข้าง อันได้แก่ บิดา-มารดา-ญาติโก-โหติกา

 

และ บุคคลอื่นอื่น ทั่วทั่วไป ส่วนอีกประการหนึ่ง คือ การกตัญญู ต่อ แผ่นดิน...

 

อย่างไรจึงเรียกว่า กตัญญู ต่อ แผ่นดิน ตรงนี้ตอบยากเหมือนกันครับ เพราะ หาก คุณฯ ไม่อาจแยกแยะ

 

ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี-ถี่-ห่าง ได้ อ้างแต่ว่า กู เป็น กลาง แล้วล่ะก็ คงตอบให้รู้ซึ้งเข้าไปใน ความเป็นคน เห็นจะยาก

 

เอาเป็นว่า หากจะถามกันว่า...รู้ไหม ใคร เผา ช่อง ๓? คำตอบ คือ รู้...ถามต่อไปว่า รู้ไหม ใคร สั่ง เผา ช่อง ๓?

 

คำตอบ คือ รู้...ถามต่อไปอีกว่า รู้ไหม ทำไม ถึง สั่ง เผา ช่อง ๓? คำตอบ ก็ คือ รู้ อีก เช่นกัน

 

และ รู้ อีกต่อไปว่า ที่ เผา นั้น เพราะ อิจฉา-ริษยา ใน เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน ที่ ตัวเอง ชิงชัง

 

เห็นใครสักคนหนึ่งแสดงความจงรักภักดี ก็ อดรนทน ไม่ได้ จึงสั่ง เผา มัน เสียอย่างนั้นแหละ ใครจะทำไม?

 

ไอ้คนถูกเผาบ้าน ก็ ไม่กล้าหือ-ไม่กล้าอือ เพราะ ความกลัว...ถามว่า กลัว อะไร?

 

ถามอย่างนี้ คงต้องถาม ตัวเอง แล้วกระมัง? ว่า กลัว อะไร?

 

ตะนิ่นตาญี แจง ให้ ขนาดนี้แล้ว แยก-แยะ ได้หรือยัง สื่อใหญ่...อันไหนดี-อันไหนเลว?

 

คุณสรยุทธฯ ครับ กตัญญู ต่อ แผ่นดิน นั้น มันยากครับ เพราะ ไม่ใช่แต่เพียง เอาของไปแจกตอนน้ำท่วม

 

ก็เรียกว่า กตัญญู ต่อ แผ่นดิน ไม่ใช่หรอกครับ ของ อุปโภค-บริโภค ทั้งหลาย ก็ไม่ใช่ของคุณฯ

 

แต่ในวันนั้น คุณฯ ทำเหมือนเป็น เศรษฐีใหญ่ โยน เศษข้าว-เศษอาหาร จาก สำรับ ให้ แก่ คนตกทุกข์-ได้ยาก

 

นี่ไม่ใช่ เมตตา ใน ทางพุทธ นี่ไม่ใช่ กตัญญู ต่อ แผ่นดิน หรอก ครับ เพราะ ความกตัญญู ต่อ แผ่นดิน นั้น

 

ความหมายมัน ลึกซึ้ง กว่า นั้น เยอะ...อย่างน้อยที่สุด น่ะนะ ครับ มัน ต้อง อาศัย ความกล้า ด้วยครับ

 

กล้า ที่จะประจันหน้า กับ ความไม่ถูกต้องที่มัน กำลัง บั่นทอน สังคมไทย มาเป็นระยะเวลา นับสิบปี

 

คุณฯ ไม่รู้หรอกครับว่า แผ่นดิน นี้ แผ่นดิน ที่ ให้ คุณฯ เกิด นั้น ได้ ให้ ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง กับ คุณฯ

 

ให้เสื้อผ้า แก่ คุณ ไม่ว่าร้อน หรือ หนาว-ให้ความร่มเย็น แก่ คุณ ไม่ว่าทุกข์ หรือ สุข

 

แล้วอย่างนี้ เมื่อ แผ่นดิน กำลัง มี ทุกข์ แสนสาหัส ลุก เป็น ไฟ คุณสรยุทธฯ ครับ คุณฯ ยัง จะเป็น กลาง อีกหรือครับ?

 

แล้วอย่างนี้ จะ ต่าง กับ ทรพี ตรงไหน? ครับ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ครับ?

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗

 

เวลา ๙.๕๔ นาฬิกา

[กีรเต้]

ตะนิ่นตาญี ใคร่ขออนุญาต เพื่อนเพื่อน ขุดกระทู้นี้ขึ้นมาคุยสักหน่อยเถอะครับ

 

หากจะถามกันว่า ขุด มา ทำไม?

 

ทั้งนี้ก็เนื่องจาก เมื่อเช้านี้ นั่งดู สื่อใหญ่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา พูดถึง การเล่าเรื่อง ของ คุณสุเทพฯ

 

ในเหตุการณ์ ปี ๒๕๕๓ แล้วก็ให้แปลกใจ ที่ คุณสรยุทธฯ ไพล่ ไปพูดถึง ความเป็นกลาง ใน การนำเสนอข่าว

 

ไม่ใช่หรอกกระมังครับ คุณสรยุทธฯ ครับ...

 

หาก ตะนิ่นตาญี ฟังไม่ผิด คุณสุเทพฯ เธอ พูดถึง ความกตัญญู เธอ พูดถึง ความเป็น คน

 

คน ที่ไม่ใช่ คอหยักหยัก สัก แต่ว่าเป็น คน และ ก็ไม่ใช่ ละ-คน-ปะปน-กันไป หากแต่เป็น คน ที่ แท้จริง

 

คุณสรยุทธฯ ครับ ความกตัญญู นั้นแบ่งออกไปได้หลายประเภท แต่ หลักหลัก แล้ว

 

ก็เห็นจะมีเพียง สอง-สาม ประการ เท่านั้นกระมัง

 

ประการแรกคือ การ กตัญญู ต่อ บุคคล ที่ อยู่รอบข้าง อันได้แก่ บิดา-มารดา-ญาติโก-โหติกา

 

และ บุคคลอื่นอื่น ทั่วทั่วไป ส่วนอีกประการหนึ่ง คือ การกตัญญู ต่อ แผ่นดิน...

 

อย่างไรจึงเรียกว่า กตัญญู ต่อ แผ่นดิน ตรงนี้ตอบยากเหมือนกันครับ เพราะ หาก คุณฯ ไม่อาจแยกแยะ

 

ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี-ถี่-ห่าง ได้ อ้างแต่ว่า กู เป็น กลาง แล้วล่ะก็ คงตอบให้รู้ซึ้งเข้าไปใน ความเป็นคน เห็นจะยาก

 

เอาเป็นว่า หากจะถามกันว่า...รู้ไหม ใคร เผา ช่อง ๓? คำตอบ คือ รู้...ถามต่อไปว่า รู้ไหม ใคร สั่ง เผา ช่อง ๓?

 

คำตอบ คือ รู้...ถามต่อไปอีกว่า รู้ไหม ทำไม ถึง สั่ง เผา ช่อง ๓? คำตอบ ก็ คือ รู้ อีก เช่นกัน

 

และ รู้ อีกต่อไปว่า ที่ เผา นั้น เพราะ อิจฉา-ริษยา ใน เจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน ที่ ตัวเอง ชิงชัง

 

เห็นใครสักคนหนึ่งแสดงความจงรักภักดี ก็ อดรนทน ไม่ได้ จึงสั่ง เผา มัน เสียอย่างนั้นแหละ ใครจะทำไม?

 

ไอ้คนถูกเผาบ้าน ก็ ไม่กล้าหือ-ไม่กล้าอือ เพราะ ความกลัว...ถามว่า กลัว อะไร?

 

ถามอย่างนี้ คงต้องถาม ตัวเอง แล้วกระมัง? ว่า กลัว อะไร?

 

ตะนิ่นตาญี แจง ให้ ขนาดนี้แล้ว แยก-แยะ ได้หรือยัง สื่อใหญ่...อันไหนดี-อันไหนเลว?

 

คุณสรยุทธฯ ครับ กตัญญู ต่อ แผ่นดิน นั้น มันยากครับ เพราะ ไม่ใช่แต่เพียง เอาของไปแจกตอนน้ำท่วม

 

ก็เรียกว่า กตัญญู ต่อ แผ่นดิน ไม่ใช่หรอกครับ ของ อุปโภค-บริโภค ทั้งหลาย ก็ไม่ใช่ของคุณฯ

 

แต่ในวันนั้น คุณฯ ทำเหมือนเป็น เศรษฐีใหญ่ โยน เศษข้าว-เศษอาหาร จาก สำรับ ให้ แก่ คนตกทุกข์-ได้ยาก

 

นี่ไม่ใช่ เมตตา ใน ทางพุทธ นี่ไม่ใช่ กตัญญู ต่อ แผ่นดิน หรอก ครับ เพราะ ความกตัญญู ต่อ แผ่นดิน นั้น

 

ความหมายมัน ลึกซึ้ง กว่า นั้น เยอะ...อย่างน้อยที่สุด น่ะนะ ครับ มัน ต้อง อาศัย ความกล้า ด้วยครับ

 

กล้า ที่จะประจันหน้า กับ ความไม่ถูกต้องที่มัน กำลัง บั่นทอน สังคมไทย มาเป็นระยะเวลา นับสิบปี

 

คุณฯ ไม่รู้หรอกครับว่า แผ่นดิน นี้ แผ่นดิน ที่ ให้ คุณฯ เกิด นั้น ได้ ให้ ทุกสิ่ง-ทุกอย่าง กับ คุณฯ

 

ให้เสื้อผ้า แก่ คุณ ไม่ว่าร้อน หรือ หนาว-ให้ความร่มเย็น แก่ คุณ ไม่ว่าทุกข์ หรือ สุข

 

แล้วอย่างนี้ เมื่อ แผ่นดิน กำลัง มี ทุกข์ แสนสาหัส ลุก เป็น ไฟ คุณสรยุทธฯ ครับ คุณฯ ยัง จะเป็น กลาง อีกหรือครับ?

 

แล้วอย่างนี้ จะ ต่าง กับ ทรพี ตรงไหน? ครับ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ครับ?

 

ตะนิ่นตาญี

 

วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๗

 

เวลา ๙.๕๔ นาฬิกา

โอ

ลืมกระทู้นี้ไปตั้งนานแล้ว

เพิ่งเห็นว่าได้โพสเป็นคนสุดท้าย

 

สบายดีนะ

ใจร่มๆ

ตัวไปไม่ได้แต่เอาใจช่วยอยู่ตลอด