จากบทความของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ "เก็บหลังฉาก" จากราชประสงค์ หมอได้มีโอกาสเข้าไปเห็นหลังฉากของการชุมนุม ทั้งในส่วนของเวทีแกนนำที่แยกราชประสงค์ และกลุ่มผู้ชุมนุม เห็นแล้วสัมผัสได้ถึงความสามารถในการประสานงาน อำนาจเงินตราและเจตนาที่อยู่ลึกสุด
จุดศูนย์กลางของการชุมนุมอยู่หน้าหน่วยงานของรัฐ ที่มีหน้าที่คอยควบคุมดูแลผู้คนในสังคมปฏิบัติตามกฎหมาย คือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมอได้ฟังท่านนายกรัฐมนตรี พูดเตือนตำรวจหลายครั้งว่าอย่าให้ผู้ชุมนุมตั้งเวทีที่ราชประสงค์ได้ ตำรวจบอกว่าเอาอยู่ แล้วในที่สุดก็จบลงด้วยหายนะอย่างที่เห็น ไม่ว่าเตือนอะไรก็ไม่อาจจัดการคได้เลย
ดูเหมือนกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีความหวาดระแวงหรือกลัวตำรวจ สังคมต้องตรวจสอบว่าตำรวจคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนี้ หรือมีสัญญาณหรือสัญญาอะไรเช่นนั้นหรือ ที่ตำรวจจะวางใจได้ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่ทำอะไร ทำไมตำรวจกับกลุ่มผู้ชุมนุมจึงดูใกล้ชิดกัน โดยเฉพาะวอร์รูมของแกนนำก็อยู่ใกล้สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สุด
หมอคุ้นเคยคลุกคลีการทำงานของตำรวจกับทหาร แตกต่างกัน โดยตำรวจและทหารชั้นผู้น้อยต่างทุ่มเททำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มีผู้เปรียบเทียบว่า ทหารนั้นนายดูแลลูกน้อง ส่วนตำรวจนั้นลูกน้องต้องดูแลนาย การได้เข้าร่วมประชุม ศอฉ. ก็ยิ่งทำให้ได้เห็นว่าหน่วยงานใดขยับทำอะไร ตั้งใจ จริงใจแค่ไหน พูดได้ว่าคนมีหน้าที่ไม่ทำ แต่คนที่ไม่มีหน้าที่กับถูกมอบหมายให้ ถูกกำกับ ถูกโยนภาระอันหนักหน่วง
กลุ่มผู้ชุมนุมมีการจัดการเครือข่ายที่เป็นระบบ มีการแยกเต๊นท์ใครเต๊นท์มัน มีป้ายบอกเลยว่ามาจากไหนใครสนับสนุน บางจุดเป็นเหมือนคลังเสบียง มีใบเบิกอาหารแต่ละวันว่าจะเอากี่ชุด มีการเซ็นชื่อกำกับไว้ วัตถุดิบในการทำอาหารสมบูรณ์มาก ทั้งข้าว ผัก และเนื้อสัตว์ รวมทั้งพบของมึนเมาในบางจุด ในเต๊นท์กลุ่มเสื้อแดงตะวันออกเต๊นท์หนึ่งน่าสนใจเพราะมองเผิน ๆ เป็นครัวทำอาหารให้ผู้ชุมนุม อีกด้านหนึ่งมีอุปกรณ์พยาบาลเพราะมีน้ำเกลือและยา
แต่เมื่อสำรวจดูพบเครื่องดื่มชูกำลังจำนวนมาก บางส่วนใส่น้ำมันไว้ บางส่วนยังไม่ได้ใส่ ซึ่งแสดงว่าเป็นการเตรียมระเบิดเพลิง ใกล้ ๆ กันมีถุงพลาสติกใส่เศษแก้วเอาไว้เต็ม ดูแล้วต้องคิดต่อว่าเอาไว้ทำอะไร ค้นต่อไปในพงหญ้ามีครกซ่อนเอาไว้ ในครกมีเศษแก้ว แสดงว่าเขาใช้ครกตำแก้วให้กลายเป็นเศษแก้วแน่นอน ใกล้กันมีเศษวัตถุใช้ในการประกอบพลุไฟ มีลูกแก้ว มีน๊อต แสดงว่าเป็นพื้นที่ผลิตอาวุธก่อเหตุ
หลายเต๊นท์มีลักษณะเป็นที่ผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ ซึ่งในช่วงทำความสะอาด รถเก็บขยะแล่นทับระเบิดเป็นระยะ ๆ
สภาพอาหารของแต่ละเต๊นท์แสดงถึงที่มาของผู้พักอาศัย มีกะปิ กระเทียม ปลาร้า ฯลฯ มากมาย นึกได้ถึงความยากลำบากของผู้ประท้วง ที่ต้องทนทรามานต่อความไม่สะดวกสบาย ได้เห็นสภาพเช่นนี้แล้วนึกถึงความศรัทธาของผู้ชุมนุม ทั้งที่คนเหล่านี้อยู่ห่างไกลเมืองมาก เขาต้องเดือดร้อนเรื่องอะไรบางอย่างหนักหนาจึงต้องทนอยู่เพื่อชัยชนะ
ในระหว่างปฏิบัติงานหมอได้รับแจ้งว่าพบรถกระบะจอดไว้ที่สะพานเฉลิมโลก เจ้าหน้าที่ตรวบพบระเบิดซีโฟร์ และเชื้อประทุห่อไว้ต่างหาก แสดงว่าเตรียมทำคาร์บอมบ์ นอกจากนั้นภายในอาคารจอดรถมณียา พบรถจอดไว้ผิดสังเกตุไม่มีใครมาติดต่อ ทหารจึงตรวจค้นรถ พบสิ่งของเสื้อแดง และภายในรถยังมีระเบิดขว้างสองลูก เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะมีการเตรียมระเบิดรถยนต์หลายจุด
การต่อสู้ของเสื้อแดงในครั้งนี้มีการเตรียมการ ใช้ระเบิดหลายรูปแบบ โดยเฉพาะวางระเบิดบริเวณจุดเข้า ออกบริเวณที่ชุมนุมเกือบทุกจุด ด่านเพลินจิตมีการนำรถตู้คอนเทรนเนอร์ ที่มีระเบิดภายในมาจอดไว้ ภายในตู้มีน้ำยาเคมี และน้ำมันและกำมะถัน ที่นำไปผสมเป็นระเบิดได้
หน้าโรงเรียนมาแตร์เดอี มีการนำรถหกล้อสองคันบรรจุแก๊สเต็มรถ ในวันที่19พฤษภาคม มีความพยายามในการจุดไฟให้ลามถึงรถ แต่เจ้าหน้าที่สกัดไว้ได้ก่อนถึงรถ
บนสะพานข้ามคลองแสนแสบก็เช่นกัน มีการนำรถบรรทุกขนแก๊สมาจอดไว้ ผู้ชุมนุมพยายามเผายางให้ไฟลามไป แต่ไม่ถึง ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ จึงพบว่าในรถมีระเบิดต่อพ่วงไว้ โชคดีที่ไม่ระเบิด
ถนนเข้าออกสวนลุม มีการวางระเบิดไว้เช่นเดียวกัน พบถังดับเพลิงที่ดัดแปลงกลายเป็นระเบิดสี่ลูก วางอยู่เกาะกลางถนน
ที่ประตูน้ำมีการวางถังแก๊สขนาดสิบห้ากิโล มีการติดตะปูไว้ด้านนอก ใส่ปุ๋ย ใส่สะเก็ดระเบิดไว้ และยังพบถังใส่น้ำมันและเชื้อประทุซุกไว้ที่เสาไฟ และยางรถยนต์
ระเบิดที่มีการวางไว้ ทำให้เห็นว่ามีความคิดที่จะวินาศกรรมกรุงเทพ แบบรุนแรงที่สุด อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน น่าสนใจว่า ตำรวจ รัฐบาล และกองทัพ รู้ข้อมูลมาก่อนบ้างหรือไม่
สิ่งที่พบทำให้มั่นใจได้ว่า มีการเตรียมการอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การกิน การพัก และการเตรียมอาวุธ ตั้งแต่เบาไปหาหนัก ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับการปราศรัยบนเวทีแล้ว จะเห็นว่าเชื่อมโยงอย่างชัดเจน
นอกจากอุปกรณ์ทั้งหลายแล้ว สิ่งที่สะเทิอนใจอีกอย่างคือ การเผาสถานที่ต่าง ๆ เช่นเซ็นทรัลเวิลด์ ถูกคนจุดไฟหลายรอบ พอมีคนดับได้ก็มีคนเผาใหม่ จนเกิดความสงสัยว่าข้างในมีการซ่อนอาวุธหรือไม่
กลุ่มผู้ชุมนุมที่บ่อนไก่ ดินแดง อนุสาวรีย์ชัยฯ จนถึงศาลากลางตามต่างจังหวัด มีการจุดไฟเผา ล้วนแสดงถึงความเหิมเกริมในการก่อเหตุ
ที่สำคัญ มีพระสงฆ์ กระทำผิดจำนวนมาก มีภาพพระกลิ้งยางรถยนต์เพื่อเผา โบกธงเพื่อปลุกระดม
ความจริงเหล่านี้ ควรให้สังคมได้รับรู้ ทุกวันนี้ สื่อ พรรคฝ่ายค้านเสนอแต่มุมที่บอกว่าถึงการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร
ในขณะที่รัฐบาลก็พูดแต่คำว่าผู้ก่อการร้าย ผู้ที่ต้องการล้มล้างสถาบัน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ดูประหนึ่งเป็นการสู้กันไปมา ไม่มีประโยชน์เลย
หากวิเคราะห์ให้ดีแล้ว ต้นตอของวิกฤติในครั้งนี้ น่าจะมาจาก ระบอบการเมืองที่นักการเมืองมุ่งแสวงหาแต่อำนาจ จนขัดแย้งอย่างรุนแรงมองหน้าไม่ติด ห้ำหั้นให้ตายตกตามกัน ปัญหาที่สองคือระบบการศึกษาของคนชนบท ถูกปลุกปั่นให้เชื่อในสิ่งที่ได้ยินมา จนไม่อาจแยกแยะได้ ปัญหาที่สาม เรื่องใหญ่มาก คือพวกข้าราชการเกียร์ว่าง
การบานปลายของเหตุการณ์นี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ละเว้นการปฏิบัตืหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในต่างประเทศ ทนายสามารถฟ้องร้องได้
ที่มา :
http://talk.mthai.com/topic/114281