...พ.ร.ฎ.อภัยโทษ หลักนิติรัฐจะเสียหาย แล้ว...ล่ะ ?...
#1
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:27
การที่นายอภิสิทธิ์ เมื่อเป็นรัฐบาล ได้ทำการแก้ไข พ.ร.ฎ.อภัยโทษ โดยการเพิ่มหรือแก้ไขข้อความในพ.ร.ฎ.ดังกล่าว เมื่อปี 53 จุดประสงค์เพื่อป้องกันการกลับมาของทักษิณ..ก็ยังไม่ว่าอะไร !
ดูๆไป ผู้นำฝ่ายค้านอย่างนายอภิสิทธิ์ ช่างเป็นคนที่เคารพหลักนิติรัฐ และยังรักษาหลักนิติธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ ประดุจเกลือรักษาความเค็ม ใครจะทำให้หลักนิติรัฐ หรือนิติธรรมเสียหาย..ยอมไม่ได้เด็ดขาด
ช่างเป็นผู้แน่วแน่เหลือเกิน เชื่อในระบบรัฐสภา มั่นใจในระบบรัฐสภาว่าสามารถจะแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ในยามที่เป็นฝ่ายรัฐบาล..น่าเลื่อมใส !
แต่ว่า นายอภิสิทธิ์จะลืมไปหรือเปล่าว่า เมืองไทยมีกฎหมายสูงสุด คือรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรไทย ปี 2550 ที่มีมาตราหนึ่งในบรรดา 309 มาตรา ..ที่ขัดต่อหลักนิติรัฐและนิติธรรม
นายอภิสิทธิ์ ได้เคยออกมาขัดค้านมาตรานี้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ มันขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างไร หรือขัดต่อหลักกฎหมายสากลอย่างไร ..หรือไม่ ?
ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นการหยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมากล่าว โดยนายอภิสิทธิ์ แม้ในยามเป็นรัฐบาลก็ไม่เอ่ยถึง อาจเพราะนายอภิสิทธิ์ได้ประโยชน์จากกฎหมายมาตรานี้ ..จึงไม่พูดถึง
มาตราดังกล่าวแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ..มาตรา ๓๐๙
...................................................................
บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำ ที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและ การกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้
..........................
มาตรานี้ คืออะไร มันถูกต้องตามหลักนิติรัฐ หรือนิติธรรมหรือไม่ มันควรที่จะถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายสูงสุดเพียงใด ..ทำไมคุณไม่วิจารณ์ ?
หรือเพราะว่าคุณได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจ และจะสามารถกลับมามีอำนาจอีกครั้งได้ ก็เพราะอาศัยกฎหมายมาตรานี้ มาตราเดียวเท่านั้น คุณจึงคิดว่านี่คือความถูกต้องแล้ว .. ใช่มั๊ย ? คุณอภิสิทธิ์ !!!
#2
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:34
นายสมคิด เลิศไพฑูรย์
คนนี้เถียงแทนผมไปนานแล้วครับ เคยอ่านบ้างไหม
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#3
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:37
#4
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:39
จุกเลยเพิ่งได้ออกมาจากรูทวารควายเเดงตัวไหนเหรอ ช่วยตอบหน่อยนะว่าไอ้เหลี่ยมได้สัมปทานดาวเทียมสมัยไหน
#5
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:41
คิดว่านักโทษคดียาเสพย์ติดที่บ่อนทำลายเยาวชนหรือคดีคอรัปชั่นโกงกินบ้านเมืองสมควรได้รับการอภัยโทษหรือไม่
#6
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:42
เพิ่งได้ออกมาจากรูทวารควายเเดงตัวไหนเหรอ ช่วยตอบหน่อยนะว่าไอ้เหลี่ยมได้สัมปทานดาวเทียมสมัยไหน
ตอนนั้นมันยังอยู่ในรู
#7
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:42
#8
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:44
การเลือกตั้งหลังจากปฏิวัติพรรคไหนได้เป็นรัฐบาลหว่า???.... อภิสิทธิ์ได้ประโยชน์???
จำได้ๆ ครับ
ตอนนั้น น้าหมัก ปากหมา เป็นนายก
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#9
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:46
ถ้วนทุกทั่วจะมุดขุดรูหนี
ไม่แน่ใจสิ่งที่ทำนำความดี
เกรงเป็นผีตายตกไปตามกัน
#10
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:48
#11
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:48
ถ้ายังไม่ได้ไปอ่าน ไม่ได้ไปทำความเข้าใจ แล้วมาตั้งทู้ไหม่อีกเนี่ย มันเสียมารยาทนะครับ คนที่มาตอบเขาก็จะไม่อยากตอบคุณอีก แล้วคุณจะกลายเป็นยูสเซอร์ที่ตั้งกระทู้อะไรมาคนก็จะดูไร้ราคา เหมือนพวกแดงเกรดต่ำที่เข้ามาตีหัวเข้าบ้านนั้นแหละครับ คุณระดับตัวเป้งในบ้านราฏเลยนะครับ เดี๋ยวคนอื่นจะเอาไปพูด ว่าแดงตัวเล็กตัวใหญ่ กลวงเหมือนกันหมด
หากต้องการเข้ามาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อย่างที่แนะนำตัว ควรเข้าไปอ่าน เข้าไปตอบกระทู้เก่าๆที่คุณตั้งถามไว้ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
#12
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:49
การเลือกตั้งหลังจากปฏิวัติพรรคไหนได้เป็นรัฐบาลหว่า???.... อภิสิทธิ์ได้ประโยชน์???
จำได้ๆ ครับ
ตอนนั้น น้าหมัก ปากหมา เป็นนายก
ไม่จริ๊ง!! เขาบอกว่ามาร์คได้เป็นนายกจากการปฏิวัติ!!
#13
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 19:55
#14
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 20:53
พระราชทานอภัยโทษ
พ.ศ. 2547
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2547
เป็นปีที่ 59 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 นับเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญ สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 และมาตรา 225 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กับมาตรา 261ทวิ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2517 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2547"
มาตรา 2[1] พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป
มาตรา 3 ในพระราชกฤษฎีกานี้
"ผู้ต้องกักขัง" หมายความว่า ผู้ต้องโทษกักขังแทนโทษจำคุกหรือผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับที่มีคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลถึงที่สุดก่อนหรือในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
"นักโทษเด็ดขาด" หมายความว่า ผู้ซึ่งในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับเป็นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ หรือนักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร
"กำหนดโทษ" หมายความว่า กำหนดโทษซึ่งศาลได้กำหนดไว้ในคำพิพากษาและระบุไว้ในหมายแจ้งโทษเมื่อคดีถึง ที่สุด หรือกำหนดโทษตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายให้ลงโทษหรือกำหนดโทษดังกล่าวที่ได้ ลดโทษลงแล้วโดยการได้รับพระราชทานอภัยโทษ หรือโดยเหตุอื่นถ้ามี
"ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก" หมายความว่า ต้องโทษเพราะถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือ หลายคดี โดยมิได้ถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษฐานกระทำความผิดอีกตามมาตรา 92 หรือมาตรา 93 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือตามกฎหมายอื่น
มาตรา 4 ผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ต้องมีตัวอยู่ในความควบคุมของทางราชการ หรือถูกกักขังไว้ในสถานที่หรือที่อาศัยที่ศาลหรือทางราชการกำหนดในวันที่พระ ราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับติดต่อกันไป จนถึงวันที่ศาลออกหมายสั่งปล่อย หรือลดโทษ หรือนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปล่อยหรือลดโทษตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่บัญญัติ ไว้ในพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 5 ผู้ต้องกักขังให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
มาตรา 6 ภายใต้บังคับมาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไป
(1) ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ซึ่งมีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินหนึ่ง ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
(2) ผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้
(ก) เป็นคนพิการโดยตาบอดทั้งสองข้าง มือหรือเท้าด้วนทั้งสองข้าง หรือเป็นบุคคลซึ่งแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ ว่าเป็นคนทุพพลภาพมีลักษณะอันเห็นได้ชัด
(ข) เป็นคนเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อน โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งระยะสุดท้าย โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (โรคเอดส์) ระยะสุดท้าย หรือโรคจิต ซึ่งทางราชการได้ทำการรักษามาแล้วไม่น้อยกว่าสามเดือนในวันที่พระราชกฤษฎีกา นี้ใช้บังคับ และแพทย์ของทางราชการไม่น้อยกว่าสองคนได้ตรวจรับรองเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ สามารถจะรักษาในเรือนจำให้หายได้ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวัน ที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าสามปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ
(ค) เป็นหญิงซึ่งต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ
(ง) เป็นคนมีอายุตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร หรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านไม่ต่ำกว่าหก สิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าห้า ปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษตามกำหนดโทษ
(จ) เป็นผู้ต้องโทษจำคุกเป็นครั้งแรก และมีอายุตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือ ทะเบียนรายตัวของเรือนจำ ในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านยังไม่ครบยี่สิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราช กฤษฎีกานี้ใช้บังคับ และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวัน ที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 1 ใน 2 ของโทษตามกำหนดโทษ
(ฉ) เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่จะต้องได้ รับต่อไปเหลืออยู่รวมกันไม่เกินสองปี นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ
(3) ผู้ได้รับพักการลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร หรือได้รับลดวันต้องโทษจำคุกตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์ ซึ่งมิได้ปฏิบัติผิดเงื่อนไขแห่งการพักการลงโทษหรือการลดวันต้องโทษจำคุก
มาตรา 7 ภายใต้บังคับมาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดซึ่งมิได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวไปตามมาตรา 6 ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้
(1) ผู้ต้องโทษประหารชีวิต ให้ลดลงเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต
(2) ผู้ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต ให้ลดลงเป็นโทษจำคุกสี่สิบปี โดยให้นับแต่วันที่ต้องรับโทษเว้นแต่กรณีที่จะต้องนับโทษต่อจากคดีอื่นให้ นับโทษต่อจากคดีอื่นนั้น
(3) ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตาม กฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ดังต่อไปนี้
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 2
ชั้นดีมาก 1 ใน 3
ชั้นดี 1 ใน 4
ชั้นกลาง 1 ใน 5
(4) ผู้ต้องโทษจำคุกเพราะความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทและไม่เป็นเหตุให้ผู้อื่น ถึงแก่ความตาย และในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ผู้นั้นไม่มีคดีอื่นไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีที่ต้องรับหรือ จะต้องรับโทษจำคุกอยู่ด้วย ให้ลดโทษจากกำหนดโทษลง 2 ใน 3
มาตรา 8 ภายใต้บังคับมาตรา 9 มาตรา 10 และมาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามบัญชีลักษณะความผิดท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้
(1) ผู้ต้องโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ให้ได้รับการลดโทษตามมาตรา 7 (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี
(2) ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาดตาม กฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ดังต่อไปนี้
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 3
ชั้นดีมาก 1 ใน 4
ชั้นดี 1 ใน 5
ชั้นกลาง 1 ใน 6
มาตรา 9 ภายใต้บังคับมาตรา 10 และมาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกไม่เกินแปดปี ในความผิดฐานผลิต นำเข้าหรือส่งออก หรือผลิต นำเข้าหรือส่งออกเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษจากกำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ดังต่อไปนี้
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 5
ชั้นดีมาก 1 ใน 6
ชั้นดี 1 ใน 7
ชั้นกลาง 1 ใน 8
มาตรา 10 ภายใต้บังคับมาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดซึ่งต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินแปดปีก่อนหรือใน วันที่พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2542 ใช้บังคับ ในความผิดฐานผลิต นำเข้าหรือส่งออก หรือผลิต นำเข้าหรือส่งออกเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ดังต่อไปนี้
(1) ผู้ต้องโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ให้ได้รับการลดโทษตามมาตรา 7 (1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี
(2) ผู้ต้องโทษจำคุกไม่ถึงตลอดชีวิต ให้ลดโทษจากกำหนดโทษตามลำดับชั้นนักโทษเด็ดขาด ตามกฎหมายว่าด้วยราชทัณฑ์หรือกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ดังต่อไปนี้
ชั้นเยี่ยม 1 ใน 6
ชั้นดีมาก 1 ใน 7
ชั้นดี 1 ใน 8
ชั้นกลาง 1 ใน 9
มาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดดังต่อไปนี้ไม่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้
(1) ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกเกินแปดปีภายหลังวันที่พระราช กฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2542 ใช้บังคับ ในความผิดฐานผลิต นำเข้าหรือส่งออก หรือผลิต นำเข้าหรือส่งออกเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ กฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หรือกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
(2) ผู้ซึ่งถูกศาลพิพากษาให้เพิ่มโทษฐานกระทำผิดอีกตามมาตรา 92 หรือมาตรา 93 ในความผิดประเภทเดียวกันแห่งประมวลกฎหมายอาญาหรือกฎหมายอื่น
(3) นักโทษเด็ดขาดชั้นเลวและชั้นเลวมาก
มาตรา 12 ภายใต้บังคับมาตรา 10 และมาตรา 11 นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานเรือนจำมา แล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษลงเป็น พิเศษอีกหนึ่งปี
มาตรา 13 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่ ผู้พิพากษาศาลแห่งท้องที่หรือตุลาการศาลทหารแห่งท้องที่หนึ่งคน และพนักงานอัยการแห่งท้องที่หรืออัยการทหารแห่งท้องที่หนึ่งคน รวมสามคนเป็นคณะกรรมการ มีหน้าที่ตรวจสอบผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษ และส่งรายชื่อต่อศาลแห่งท้องที่ให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราช กฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อความสะดวกแก่ศาลแห่งท้องที่นั้นพิจารณาออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ แล้วแต่กรณี
ในส่วนที่เกี่ยวกับผู้ซึ่งถูกลงโทษจำคุกตามคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งจะได้ รับพระราชทานอภัยโทษ ให้คณะกรรมการดังกล่าวในวรรคหนึ่ง มีหน้าที่ตรวจสอบและส่งรายชื่อต่อนายกรัฐมนตรีให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่ วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อนายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคำสั่งปล่อยหรือลดโทษ แล้วแต่กรณี
เมื่อได้มีหมายหรือคำสั่งปล่อยหรือลดโทษแล้ว ให้คณะกรรมการทำบัญชีผู้ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษหรือลดโทษเก็บไว้ที่ เรือนจำหรือทัณฑสถานหนึ่งฉบับ ส่งศาลหนึ่งฉบับ ส่งกระทรวงยุติธรรมหนึ่งฉบับ และทูลเกล้าฯ ถวายอีกหนึ่งฉบับ
ถ้าการแต่งตั้งกรรมการบางคนตามวรรคหนึ่งจะไม่สะดวกในการปฏิบัติ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการตามที่เห็นสมควร เป็นกรรมการแทนได้
ในกรณีมีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติของคณะกรรมการซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบ และส่งรายชื่อผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด
มาตรา 14 ในส่วนที่เกี่ยวกับนักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแต่งตั้งข้าราชการเป็นคณะกรรมการตามที่เห็น สมควร มีหน้าที่ตรวจสอบผู้ซึ่งจะได้รับพระราชทานอภัยโทษและส่งรายชื่อต่อศาลทหาร กรุงเทพ ศาลมณฑลทหาร หรือศาลจังหวัดทหาร แล้วแต่กรณี ให้เสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ เพื่อความสะดวกแก่ศาลทหารดังกล่าวพิจารณาออกหมายสั่งปล่อยหรือลดโทษ แล้วแต่กรณี
ให้นำมาตรา 13 วรรคสองและวรรคสาม มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนำบทบัญญัติแห่งพระราชกฤษฎีกานี้มาใช้บังคับ แก่นักโทษตามกฎหมายว่าด้วยเรือนจำทหาร นอกจากที่ได้บัญญัติไว้แล้วในพระราชกฤษฎีกานี้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง กลาโหมพิจารณาสั่งเทียบกรณีให้เป็นไป ตามบทบัญญัติแห่งพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา 15 ให้นายกรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้ในส่วนที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของตน
บัญชีลักษณะความผิด
(1) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ลักษณะ 3 ความผิดเกี่ยวกับการยุติธรรม หมวด 2 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม
มาตรา 200 วรรคสอง มาตรา 201 และมาตรา 202
ลักษณะ 5 ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน
มาตรา 209 ถึงมาตรา 213
ลักษณะ 6 ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายต่อประชาชน
มาตรา 218 มาตรา 220 วรรคสอง มาตรา 222 และ มาตรา 224
ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ
มาตรา 276 วรรคสอง มาตรา 277 มาตรา 277ทวิ มาตรา 277ตรี มาตรา 280 มาตรา 282 และมาตรา 283
ลักษณะ 10 ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย หมวด 1 ความผิดต่อชีวิต
มาตรา 288 และมาตรา 289
ลักษณะ 11 ความผิดเกี่ยวกับเสรีภาพและชื่อเสียง หมวด 1 ความผิดต่อเสรีภาพ
มาตรา 313 ถึงมาตรา 315 และมาตรา 317
ลักษณะ 12 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ หมวด 2 ความผิดฐานกรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ และ ปล้นทรัพย์
มาตรา 339 วรรคท้าย มาตรา 339ทวิ วรรคท้าย มาตรา 340 วรรคท้าย มาตรา 340ทวิ วรรคท้าย และมาตรา 340ตรี
หมวด 3 ความผิดฐานฉ้อโกง
มาตรา 343
(2) ความผิดตามมาตรา 78 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490
(3) ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ กฎหมายว่าด้วยป่าสงวนแห่งชาติ และกฎหมายว่าด้วยอุทยานแห่งชาติ
(4) ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(5) ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ
(6) ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
(7) ความผิดเกี่ยวกับการยักยอกหรือฉ้อโกงหรือประทุษร้ายต่อทรัพย์หรือกระทำโดย ทุจริต ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์ กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกระทำโดยกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใด ซึ่งรับผิดชอบหรือมีประโยชน์เกี่ยวข้องในการดำเนินงานของสถาบันการเงินนั้น
(8) ความผิดต่อกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น
(9) ความผิดเกี่ยวกับการลักลอบหนีศุลกากรตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร
*หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2547 นับเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญ สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อเป็นการถวายพระราชกุศลและเพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตน เป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
-------------------------------------------------------
^
^
มีมา ตั้งแต่สมัย ?
#15
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 20:57
#16
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:03
ทักษิณก็เอาด้วยและไม่เคยมีการใส่คนกลุ่มนี้มาตั้งแต่สมัยนั้น
แก้ทำไม
#17
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:03
#18
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:05
จริงดิ?
แต่เห็น p1 เค้าว่ามาร์คแก้เพื่อให้แม้วกลับมานะ
#19
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:07
#20
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:09
#21
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:10
คนทำผิดโดนศาลตัดสินเป็นอย่างไร ก็ได้รับโทษเท่านั้น
ไม่มี อภัยโทษหรือลดหย่อนใดๆ ทั้งสิ้น
#22
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:10
รัฐบาลอภิสิทธิ์ แก้ พ.ร.ฎ. อภัยโทษ เพื่อป้องกันการกลับมาของ ทักษิณมาแสดงหน่อย...
ให้สมกับเป็นแดงคุณภาพสูงของบ้านราด ที่ชมกันนักกันหนา...
#23
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:15
แค่นี้ยังไม่เข้าใจความต่างอีก เฮ้อกลุ้ม คนโง้วประเทศนี้มีตั้ง15ล้านแหนะ
#24
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:15
เเล้วผมถามต่ออีกหน่อยน่ะ มันสมควรเหรอที่จะเอาพวกพ่อค้ายาออกมาจากคุก มันก้อไม่ต่างกับไอ้เเม้วนักหรอก ทำลายชาติ!!!! เเล้วกฎหมายอภัยโทษชาติไหนที่ศาลสั่งจำคุกเเล้ว เเต่ไม่ต้องเข้าคุกก้อหลุดได้ เห้อๆๆ เขมรเค้ายังรับโทษ30เปอร์เเล้วถึงจะได้รับอภัยโทษได้เลย ช่วยทำให้ไทยก้าวหน้าหน่อยครับ อย่าให้มันถอยหลังได้ไหม ขอร้องเถอะครับ เสื้อเเดงทั้งหลาย คนที่ดีกว่าเเม้วมีอีกเยอะครับ เเต่เค้าไม่เเสดงตัวออกมาเอง ควายเเดงต้องเลือกเอาน่ะครับ เลือกเเม้วประเทศชาติย่อยยับ เเต่ถ้าเลือกชาติบ้านเมือง ประเทศเราจะก้าวหน้าอีกมหาศาล อย่าจมปรักอยู่กับสิ่งเดิมๆๆเลยครับ รำคานมากกก
#25
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:17
#26
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:22
คือผมก้อไม่ค่อยเก่งมากนักเรื่องกฎหมายน่ะ เเต่ไอ้เจ้าของทู้มันเข้ามาพลีชีพเเล้วหนีเหรอ เหมือนโปกเลยน่ะ รับผิดชอบหน่อยครับ ชายหรือเปล่า ถามเเค่นี้...
เค้าบอกในกระทู้เปิดตัวของเค้าแล้วครับว่า เค้าจะถนัดตีหัวเข้าบ้าน เอ้ย หนักตั้งกระทู้ แต่จะไม่ค่อยยอมมาตอบกระทู้ ได้ยินเสียงร่ำลือว่า เค้าเป็นเสาหลักแห่งเว็บบ้าน (ขี้) ราด แต่เห็นสไตล์แบบนี้แล้ว บอกได้คำเดียวครับ ว่า "กาก" พอ ๆ กับไอ่โปกลุกครับ ผิดหวังสุด ๆ ครับ เสาหลักแห่งบ้าน (ขี้) ราด ทำได้แค่นี้
#27
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:23
#28
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:27
คือผมก้อไม่ค่อยเก่งมากนักเรื่องกฎหมายน่ะ เเต่ไอ้เจ้าของทู้มันเข้ามาพลีชีพเเล้วหนีเหรอ เหมือนโปกเลยน่ะ รับผิดชอบหน่อยครับ ชายหรือเปล่า ถามเเค่นี้...
เค้าบอกในกระทู้เปิดตัวของเค้าแล้วครับว่า เค้าจะถนัดตีหัวเข้าบ้าน เอ้ย หนักตั้งกระทู้ แต่จะไม่ค่อยยอมมาตอบกระทู้ ได้ยินเสียงร่ำลือว่า เค้าเป็นเสาหลักแห่งเว็บบ้าน (ขี้) ราด แต่เห็นสไตล์แบบนี้แล้ว บอกได้คำเดียวครับ ว่า "กาก" พอ ๆ กับไอ่โปกลุกครับ ผิดหวังสุด ๆ ครับ เสาหลักแห่งบ้าน (ขี้) ราด ทำได้แค่นี้
นี้น่ะล่ะสมองของเสาหลักบ้านลากขี้ รับไม่ได้ ถ้าเสาหลักมันยังขนาดนี้ ก้อรู้เลยว่าคอกนั้นเป้นยังไง หัวหน้าเป็นอย่างไรลูกน้องเป็นอย่างนั้น ที่หลังอย่าสมัครมาเลยครับ ไอ้แพทยังดีกว่าเลย ผมว่าตั้งเเล้วรับผิดชอบตอบ เเสดงความคิดเห็นโต้เเย้งดี เเต่นี้ตั้งเเล้วนี้ เเสดงว่าความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ใครค้านกุผิดหมด
#29
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:28
#30
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:31
มันไม่เหมือนบ้าน(ขี้)ราด ของเขา ที่มีแต่คนอวย...
เข้ามาในนี้ เพื่อนๆ กระทั่งผมเองยังงัดกฎหมาย มาซัดกับเขา
ถ้าไม่ไหว เขาก็คง แถ ว่า กฎหมายอำมาตย์ ใจเย็นๆ รอเขาตั้งหลักหน่อย
เดี๋ยวเขาก็คงจะโชว์ของดี ให้เราหัวเราะกันอีก...เหมือนหนูจินซีแปดไง..
#31
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:31
อย่าประชาธิปไตยแต่ปากสิครับ
~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~
#32
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:32
ดูๆไป ผู้นำฝ่ายค้านอย่างนายอภิสิทธิ์ ช่างเป็นคนที่เคารพหลักนิติรัฐ และยังรักษาหลักนิติธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ ประดุจเกลือรักษาความเค็ม ใครจะทำให้หลักนิติรัฐ หรือนิติธรรมเสียหาย..ยอมไม่ได้เด็ดขาด
ช่างเป็นผู้แน่วแน่เหลือเกิน เชื่อในระบบรัฐสภา มั่นใจในระบบรัฐสภาว่าสามารถจะแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ในยามที่เป็นฝ่ายรัฐบาล..น่าเลื่อมใส !
'ปลายอ้อกอแขม'ไม่ชอบนายกรัฐมนตรีที่มีเจตนารมณ์กำจัดคนชั่วช้า พวกค้ายาเสพติด พวกฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือ.....ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#33
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:35
ตั้งแล้วหาย ไม่มาตอบ เหมือนไอ้ด๊อกโสเภณีเลย
เป็นธรรมเนียม ประเพณีของไพร่เสื้อแดง บัตรเติมเงิน.....
ตั้งกระทู้จาก"ใบบอก"เท่านั้น......
ห้ามแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากโพย
ถ้าแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม
ต้องอีกราคาหนึ่ง.........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เคียงข้างลุงกำนัน ปฏิรูปการเมืองไทย กำจัดระบอบทักษิณ ขับไล่มวลหมู่ขี้ข้า วันที่ 26 พฤษภาคม 2557...
#34
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:35
โพสซ้ำซาก คนที่เขาตอบไปแล้วอุส่าห์ตอบดี แต่ไม่อ่าน
ผมเห็นด้วยนะ เล่นมาโพสซ้ำซากแล้วก็ไม่ตอบประเด็นที่คนอื่นโพส
เหมือนกระทู้ขยะมากกว่า
#35
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:37
อีกอย่าง เสียงประชาชนส่วนใหญ่เค้าลงประชามติรับรองรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วนะ
พวกเสียงส่วนน้อยน่ะ เงียบไปเลย
#36
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:41
เห็นผู้นำฝ่ายค้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลเงา ออกมาบอกว่า พ.ร.ฎ.อภัยโทษ จะทำให้หลักนิติรัฐ นิติธรรมเสียหาย ไม่ควรทำ..ก็ไม่ว่าอะไร !
การที่นายอภิสิทธิ์ เมื่อเป็นรัฐบาล ได้ทำการแก้ไข พ.ร.ฎ.อภัยโทษ โดยการเพิ่มหรือแก้ไขข้อความในพ.ร.ฎ.ดังกล่าว เมื่อปี 53 จุดประสงค์เพื่อป้องกันการกลับมาของทักษิณ..ก็ยังไม่ว่าอะไร !
ดูๆไป ผู้นำฝ่ายค้านอย่างนายอภิสิทธิ์ ช่างเป็นคนที่เคารพหลักนิติรัฐ และยังรักษาหลักนิติธรรมอย่างหาที่เปรียบมิได้ ประดุจเกลือรักษาความเค็ม ใครจะทำให้หลักนิติรัฐ หรือนิติธรรมเสียหาย..ยอมไม่ได้เด็ดขาด
ช่างเป็นผู้แน่วแน่เหลือเกิน เชื่อในระบบรัฐสภา มั่นใจในระบบรัฐสภาว่าสามารถจะแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ในยามที่เป็นฝ่ายรัฐบาล..น่าเลื่อมใส !
แต่ว่า นายอภิสิทธิ์จะลืมไปหรือเปล่าว่า เมืองไทยมีกฎหมายสูงสุด คือรัฐธรรมนูญแห่งพระราชอาณาจักรไทย ปี 2550 ที่มีมาตราหนึ่งในบรรดา 309 มาตรา ..ที่ขัดต่อหลักนิติรัฐและนิติธรรม
นายอภิสิทธิ์ ได้เคยออกมาขัดค้านมาตรานี้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ มันขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างไร หรือขัดต่อหลักกฎหมายสากลอย่างไร ..หรือไม่ ?
ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นการหยิบยกกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมากล่าว โดยนายอภิสิทธิ์ แม้ในยามเป็นรัฐบาลก็ไม่เอ่ยถึง อาจเพราะนายอภิสิทธิ์ได้ประโยชน์จากกฎหมายมาตรานี้ ..จึงไม่พูดถึง
มาตราดังกล่าวแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ..มาตรา ๓๐๙
...................................................................
บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๔๙ ว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการกระทำ ที่เกี่ยวเนื่องกับกรณีดังกล่าวไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ ให้ถือว่าการนั้นและ การกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้
..........................
มาตรานี้ คืออะไร มันถูกต้องตามหลักนิติรัฐ หรือนิติธรรมหรือไม่ มันควรที่จะถูกบัญญัติไว้ในกฎหมายสูงสุดเพียงใด ..ทำไมคุณไม่วิจารณ์ ?
หรือเพราะว่าคุณได้ประโยชน์จากการยึดอำนาจ และจะสามารถกลับมามีอำนาจอีกครั้งได้ ก็เพราะอาศัยกฎหมายมาตรานี้ มาตราเดียวเท่านั้น คุณจึงคิดว่านี่คือความถูกต้องแล้ว .. ใช่มั๊ย ? คุณอภิสิทธิ์ !!!
ไหนลองบอกวิธีแก้หน่อยสิ เผื่ออภิสิทธิ์อาจจะมองเห็นแบบคุณ ช่วยแนะนำหน่อย ไม่ใช่พล่ามไปข้างๆคูๆ บอกมาทุกขั้นตอนจนสามารถแก้ได้
#37
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:47
อย่าให้ผมต้องจุดธูปลังนึงเรียกคุณ เหมือนเรียกไอ่โปกนะ
#38
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 21:49
หัวฟาดพื้น ยังไม่ทันได้ชกเลย...
#39
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:15
#40
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:19
#41
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:20
ส่วนที่หวังให้ตอบด้วยเหตุผลคงยากหน่อยเพราะโพยไม่ได้บอกไว้
#42
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:22
#43
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:36
#44
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:38
ได้อ่านทุกคอมเมนท์ ที่แสดงความคิดความเห็น
ส่วนใหญ่จะเรียกร้องให้ตอบคำถาม
กลัวว่าผมจะตั้งแล้วหายไปเลยบ้าง กลัวบ้าง จะโชว์โง่บ้าง
ไม่หรอกครับ ถ้าไม่เช่นนั้น ผมไม่เปิดตัวเข้ามาหรอก
เวลายังอีกยาวไกล ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ
นี่แค่น้ำจิ้มเล็กๆน้อย ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตายกัน
ผมอยากจะฟังความเห็นที่แตกต่างจาก
ผมหรือจากเพื่อนๆผมเท่านั้น
ซึ่งก็หลายคนก็แสดงความเห็นไปแล้ว
ซึ่งผมก็เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง
ผมเองก็ย้ำหนักหนาว่า "กระทู้ที่ผมตั้ง ก็คือสิ่งที่ผมคิด"
ซึ่งมันก็อธิบายในตัวของมันอยู่แล้วว่าผมคิดอย่างไร ?
ส่วนคุณจะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย นั่นคือสิทธิ์ของคุณ
ผมไม่ได้กลัวหรอกครับ ไม่รู้จะกลัวอะไร เพราะไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกล้ว !!!
#45
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:40
#46
ตอบ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 23:56
เห็นคุณตั้งกระทู้ค่อนข้างมาก แต่ดูเหมือนแทบจะทุกกระทู้คุณไม่ได้กลับเข้าไปถกในนื้อหาของกระทู้ที่คุณตั้ง ที่เพื่อนสมาชิกเห็นต่างไปจากคุณ ทั้งๆที่เพื่อนสมาชิกหลายๆคน ก็เอาข้อมูล ข้อกฎหมายหรือเหตุผลที่เพื่อหักล้างความคิดที่คุณเขียนตั้งต้นไว้ เผอิญได้อ่านในกระทู้ไหนสักกระทู้หนึ่งที่คุณเขียนเองว่า คุณเป็นพวกชอบเอาสิ่งคุณคิดมาโพส แต่อาจจะไม่ค่อยเข้ามาตอบในสิ่งที่คุณโพส
ก็เลยอยากจะบอกคุณปลายอ้อ เอาไว้อย่างหนึ่งว่าการแสดงความเห็น การปะทะทางความคิดมันต้องเป็นสองทาง แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งไม่ตอบจะด้วยเหตุผลอะไร มันทำให้คนอื่นๆ อาจจะรู้สึกไม่สนุกกับการถกประเด็น เพราะความคิดมันไม่สามารถต่อยอดได้ อาจจะทำให้หลายๆคนเลือกที่จะไม่เสวนากับคุณ หรือไม่เสวนาด้วยประเด็นที่คุณตั้งเพราะคิดว่ายังงัยมันก็ไม่มีการถกต่อยอดจากคุณ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็คิดว่าคุณจะเข้าใจว่าเกิดจากพฤติกรรมตั้งกระทู้แล้วทิ้ง ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลที่จะถกกับคุณ
เปรียบเทียบก็ประมาณ เจอนักเลงปากเปราะ พุดจาหาเรื่องคนผ่านไปผ่านมาไปทั่ว ตอนแรกๆก็อาจจะมีคนเข้าไปจะเคลียร์ ปรากฎว่านักเลงปากเปราะ วิ่งหนีตลอด จนสุดท้าย คนทั้งหลายเวลาเจอนักเลงคนนี้หาเรื่องก็จะเฉยๆ ไม่สนใจ นักเลงปากเปราะคนนี้นี้ก็เที่ยวไปประกาศว่าตัวเองแน่ ไม่มีใครกล้ากับตัวเองทั้งๆทีความเป็นจริงที่คนไม่เอาเรื่องไม่สนใจเพราะรู้ว่าถ้าเอาจริงมันก็วิ่งหนีตลอด จะไล่ตามกระทืบก็เสียเท้า เพราะเป็นแค่นักลงกระจอก ปากเปราะไปวันๆ
ก็หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เอาคนที่นี่ไปนินทาว่าไม่กล้าถกกับคุณปลายอ้อกอแขม กลัวคุณปลายอ้อกอแขม นะคะ เพราะมันไม่จริง อย่างที่คุณปลายอ้อกอแขมรู้อยู่แก่ใจว่า ตัวคุณเองไม่มีราคาขนาดนั้น จริงป่ะคะ
edit: แก้ไขชื่อคุณปลายอ้อกอแขม จากที่เขียนผิด
#47
ตอบ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 00:13
ที่นั่นเค้าให้ตั้งกระทู้ระบายความใคร่ได้อย่างเดียว ไม่ให้มีการตอบกระทู้หรือโต้แย้งใดๆ
พวกที่เล่นเวปประชาธิปไตยระดับโลกเวปนั้นจนชินถึงออกมารูปแบบเดียวกันหมด
คือถนัดจินตนาการน้ำแตกไปวันๆ แต่ไม่ถนัดรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป
#48
ตอบ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 00:29
#49
ตอบ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 00:33
ใจเย็นครับ
ได้อ่านทุกคอมเมนท์ ที่แสดงความคิดความเห็น
ส่วนใหญ่จะเรียกร้องให้ตอบคำถาม
กลัวว่าผมจะตั้งแล้วหายไปเลยบ้าง กลัวบ้าง จะโชว์โง่บ้าง
ไม่หรอกครับ ถ้าไม่เช่นนั้น ผมไม่เปิดตัวเข้ามาหรอก
เวลายังอีกยาวไกล ยังมีเวลาคุยกันอีกเยอะ
นี่แค่น้ำจิ้มเล็กๆน้อย ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตายกัน
ผมอยากจะฟังความเห็นที่แตกต่างจาก
ผมหรือจากเพื่อนๆผมเท่านั้น
ซึ่งก็หลายคนก็แสดงความเห็นไปแล้ว
ซึ่งผมก็เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง
ผมเองก็ย้ำหนักหนาว่า "กระทู้ที่ผมตั้ง ก็คือสิ่งที่ผมคิด"
ซึ่งมันก็อธิบายในตัวของมันอยู่แล้วว่าผมคิดอย่างไร ?
ส่วนคุณจะเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย นั่นคือสิทธิ์ของคุณ
ผมไม่ได้กลัวหรอกครับ ไม่รู้จะกลัวอะไร เพราะไม่เห็นมีอะไรให้ต้องกล้ว !!!
ผมว่าทุก comment ก่อนหน้านี้ไม่มีใครว่าท่านกลัวอะครับ
ท่านตอบมาแบบนี้
พวกผมถาม ไม่ตรงคำตอบ ท่านหรือเปล่าครับ
ถ้าอยากใ้ห้ถามให้ตรงคำตอบ กรุณาตอบมาก่อนครับ จะได้ถาม
[color=#0000ff;][font="Tahoma, sans-serif;"]เราจะรู้.....รสชาติของความสุข[/color][font="Tahoma, sans-serif;"]ก็ต่อเมื่อ เราผ่านความทุกข์มาก่อน[/font][/font]
#50
ตอบ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 - 00:40
มีการแก้ พรฎ. ลามเลยไปถึง ไม่เคยต้องคุมขัง ก็อภัยโทษได้
อ้าว แล้วแบบนี้ทีศาลตัดสินไปก็ไม่ได้มีผลบังคับอะไรน่ะสิ
เพราะบรรดาคนเกิน 60 ปี ที่โดนโทษไม่ถึง 3 ปี ทั้งหลาย หลุดหมด