Jump to content


Photo
- - - - -

เตรียมใจรับมาตรฐานการรักษาพยาบาลเดียวกันทั่วประเทศได้แล้วครับ


  • Please log in to reply
43 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 zereza

zereza

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,950 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 03:49

*
POPULAR

ในฐานะคนที่เคยทำงานด้านสาธารณสุขการแพทย์ ตอนนี้มีข่าวเกี่ยวกับระบบเบิกจ่ายยาสำหรับผู้ป่วยที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของรัฐซึ่งได้แก่ สปสช ประกันสังคมและข้าราชการ ซึ่งทั้งสามรูปแบบนี้เคยมีรายละเอียดการจ่ายยารักษาโรคที่แตกต่างกันออกไป แต่ตอนนี้มีการพยายามรวมทั้งสามระบบเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นมาตรฐานใหม่(ตามคำกล่าวอ้าง) ซึ่งก็มีวี่แววจะได้ผล เพราะมาตรฐานใหม่ที่ว่าคือมาตรฐานขั้นต่ำสุดนั่นเอง

งานนี้มีกลิ่นการเมืองไม่น้อย เพราะดูๆแล้วสาเหตุจริงๆก็คงไม่พ้นเค้กก้อนใหญ่คือเม็ดเงินที่อยู่ในระบบประกันสังคมและกบข จึงมีการพยายามตัดแบ่งออกมาช่วยอุ้มนโยบาย 30 บาทที่เป็นนโยบายหาเสียงและยิ่งทำให้เห็นชัดเจนขึ้นว่ารัฐบาลแทบไม่เหลืองบประมาณบริหารประเทศมากเพียงพอแล้วจึงต้องมาตัดสวัสดิการอันพึงมีพึงได้รับของประชาชน

ให้ความสนใจกันนิดนึงนะครับ เพราะงานนี้ใครไม่เจอกับคนใกล้ตัวไม่มีทางรู้เลยว่ามาตรฐานการรักษาพยาบาลสุดห่วยมันสามารถทำให้คนที่คุณรักจากไปก่อนเวลาอันควรได้ ข้างล่างนี้เป็นความคิดเห็นจากบุคคลากรด้านการแพทย์ที่มีต่อคำสั่งกระทรวงการคลังฉบับนี้ ยาวหน่อยแต่ผมจะพยายามไฮไลท์จุดสำคัญๆไว้ครับ

คำสั่งกระทรวงการคลัง-เมื่อ “สาธารณสุข” กลายเป็น “สาธารณทุกข์
นพ. เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ (กรรมการแพทยสภา กรรมการแพทยสมาคม)

เมื่อต้นเดือนตุลาคม กระทรวงการคลังได้ออกคำสั่ง ๓ ฉบับเพื่อ ควบคุมค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ดังนี้
() กค ๐๔๒๒.๒/ว๑๑๑ เรื่องการให้ระบุเหตุผลการใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อประกอบการเบิกจ่าย
() กค ๐๔๒๒.๒/ว๑๑๕ เรื่อง การลงทะเบียนในระบบเบิกจ่ายตรงผู้ป่วยนอกกับสถานพยาบาลของทางราชการกรณีผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
() กค ๐๔๒๒.๒/ว๑๑๖ เรื่อง การห้ามเบิกค่ายากลูโคซามีนซัลเฟต
คำสั่งนี้แม้ไม่ได้ควบคุมค่าใช้จ่ายอันเนื่องมาจากโครงการประชานิยมด้าน สาธารณสุขคือ “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า(๓๐ บาท)”โดยตรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้มีความเกี่ยวพันกัน เพราะรัฐต้องการลดมาตรฐานการรักษาลงมาให้เป็นระดับเดียวกัน แต่เป็นระดับต่ำที่สุด ซึ่งมีผลทำให้รัฐเสียเงินน้อยลง โดยอ้างว่าในเมื่อการรักษาประชาชนตามหลักประกันสุขภาพสามารถใช้ยาใน “บัญชียาหลักแห่งชาติ” ซึ่งเป็นยาส่วนใหญ่มีราคาต่ำที่สุดและ/หรือผลิตในประเทศ ดังนั้นยาที่ใช้สำหรับข้าราชการก็ต้องสามารถใช้ในระดับเดียวกันได้ เงินที่สามารถตัดลงมาได้ก็จะผันไปถมให้กับ โครงการที่ถมไม่มีวันเต็ม อย่างระบบหลักประกันสุขภาพได้ อีกเหตุผลหนึ่งที่เมื่อนำไปอ้างต่อสาธารณะให้ดูชอบธรรมคือ ที่ผ่านมาข้าราชการเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชนที่มีค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลสูง ที่สุดในจำนวน ๓ กองทุนหลัก (ข้าราชการ ประกันสังคม และ ๓๐ บาท) สอดรับการกับเคลื่อนไหวของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ออกข่าวมาตลอดว่า “หลายมาตรฐาน ทั้ง ๆ ที่เป็นคนไทยเหมือนกัน” จึงพยายามผลักดันให้มีคำสั่งเช่นนี้ออกมา โดยเจตนาลืมที่จะกล่าวว่า การที่สิทธิในการรักษาไม่เหมือนกัน ก็เพราะทั้ง ๓ กลุ่มนี้มีการร่วมจ่ายไม่เหมือนกัน โดยกลุ่มประกันสังคมร่วมจ่ายโดยตรงด้วยการยอมถูกหักเงิน กลุ่มข้าราชการร่วมจ่ายทางอ้อมด้วยค่าแรง(เงินเดือน)ที่น้อยกว่าภาคเอกชน ส่วนกลุ่มหลังนั้นแม้รัฐจะพยายามให้ร่วมจ่าย ๓๐ บาท ก็ยังมีการพยายามออกมาเคลื่อนไหวไม่ยอมจ่าย โดยอ้างว่าได้ร่วมจ่ายด้วยภาษีมูลค่าเพิ่มไปแล้ว ทั้ง ๆที่แท้จริงแล้วทั้ง ๓ กลุ่มนี้ต่างก็ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือน ๆ กันหมด ที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากอีกคือ ข้าราชการและกลุ่มประกันสังคมเป็น ๒ กลุ่มที่เลี่ยงภาษีได้ยากเพราะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
ผลที่ตามมาของคำสั่งนี้
() ประเทศไทยเข้าใกล้สู่ระบบการรักษามาตรฐานเดียวกัน(แต่เป็นมาตรฐานในระดับต่ำ ที่สุด) ไม่ว่าปัจเจกบุคคลนั้นจะมีสิทธิพื้นฐานต่างกันแค่ไหน (อาจยกเว้นถ้าท่านเป็นบุคคลระดับ VIP ที่กฎระเบียบเอื้อมไปแตะไม่ได้) ซึ่งจะคล้ายกับประเทศระบบสังคมนิยมนั่นเอง นอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้ จะมียาหลายตัวถูกจัดในหมวดยากำพร้า (orphan drug) มากขึ้น เหตุเพราะบริษัทยาข้ามชาติเล็งเห็นว่า หากนำเข้าประเทศไทยก็ไม่คุ้มค่า เพราะมีการจำกัดการใช้ยาที่ควรจะเป็น first line drug (ยาที่คุ้มราคาที่สุดเมื่อเทียบกับประสิทธิผลในการรักษาโรค) โดยผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงการคลัง มิใช่โดยสภาวิชาชีพซึ่งรู้จริงและมีหน้าที่โดยตรง อนึ่งคำสั่งนี้จะทำให้แพทย์ไม่กล้าสั่งใช้ยา แม้ผู้ป่วยจะอ้างว่ายินดีจ่ายเงินเพิ่ม เพราะหากเกิดปัญหารักษาแล้วไม่จ่ายเงิน แพทย์จะกลายเป็นอาชญากรตัวยงที่DSIอาจรับเป็นคดีพิเศษ และถูกฟ้องเรียกเงินคืนภายหลังได้ ฐานทำให้รัฐเสียหาย ทั้ง ๆ ที่แพทย์เชื่อมั่นโดยสุจริตใจว่ายานั้นมีคุณภาพคุ้มค่า เพื่อให้ผู้ป่วยหายโดยเร็ว(แม้ว่าจะไม่ใช่ยาที่ถูกที่สุดที่ระบุไว้ในบัญชี ยาหลักแห่งชาติ) หรือ หากแพทย์ไม่สั่งให้ แพทย์ก็อาจโดยฟ้องฐานก่อความเสียหายอันเนื่องมาจากการให้บริการสาธารณสุข เพราะผู้ป่วยอาจอ้างต่อศาลได้ว่า ตายหรือพิการเพราะแพทย์จ่ายยาช้าเกินไป หรือไม่จ่ายยาที่ดีกว่า ซึ่งผิดไปจาก พรบ.วิชาชีพเวชกรรม ที่กำหนดให้แพทย์ทุกคนรักษาผู้ป่วยในระดับดีเพื่อให้หายจากโรคโดยเร็ว โดยไม่คำนึงถึงฐานะ เชื้อชาติ ศาสนา และแน่นอน
() ผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังรักษาไม่หาย เช่น ความดันสูง อัมพฤกษ์อัมพาต ไตวาย ไขมันสูง เบาหวาน จะแห่ไปลงทะเบียนกับสถานพยาบาลขนาดใหญ่ เช่น ศิริราช รามา ราชวิถี หรือโรงเรียนแพทย์ เหตุเพราะเกรงว่าหากเกิดปัญหากะทันหันแล้วต้องเปลี่ยนสถานพยาบาล จะต้องเสียเงินเองทั้ง ๆ ที่รับราชการมาตลอดชีวิต ทำให้รพ.เหล่านี้เกิดสภาพ “เตี้ยอุ้มค่อม” หนักขึ้นไปอีก ซึ่งสวนทางกับนโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่พยายามผลักดันให้ไปรักษาใกล้บ้าน แพทย์พยาบาลจะโดนฟ้องร้องหนักขึ้นไปอีก เพราะก่อความเสียหายอันเนื่องมาจากการให้บริการสาธารณสุข (รักษาไม่ทัน รอคิวนาน พูดจาไม่ดีเพราะเหนื่อยมาก ผิดพลาดเพราะอดนอน) ซึ่งไปเข้าทางกลุ่มที่เรียกร้องให้ออก พรบ.ฟ้องหมอแถมเงินด่วนได้ (แต่ตั้งชื่อหลอก ๆ ว่า คุ้มครองผู้เสียหาย)
() การสั่งห้ามจ่าย กลูโคซามีน โดยกระทรวงการคลังมองว่าเป็นอาหารเสริม(เหมือนพวกกรดอะมิโน ซุปไก่ รังนก) แต่ราชวิทยาลัยทางการแพทย์และ อ.ย. บอกว่าเป็น ยา เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็ง ทุกวันนี้มียาหลายตัวที่ออกสีเทา ๆ กล่าวคือมีข้อมูลทางวิชาการทั้งสนับสนุนและไม่สนับสนุน แพทย์ที่ยังปฏิบัติงานในวิชาชีพจะทราบดีว่า การอ้างเอาเหตุผลมาสนับสนุนหรือคัดค้านการรักษานั้นเป็นเรื่องของปัจเจก คล้ายกับคนที่ทะเลาะกันก็สามารถยกอ้างเหตุมาสนับสนุนการกระทำของตนให้ถูกได้ ทั้งนั้น มีรายงานวิชาการว่ากลูโคซามีนรักษาหรือชะลออาการเสื่อมของข้อได้ในระยะแรก โดยไม่ต้องไปเสี่ยงกับยากลุ่มNSAIDsที่มีราคาแพงและกัดกระเพาะมากกว่า ขณะเดียวกันก็มีรายงานอ้างว่ายานี้ไม่ช่วยอะไร ยาสีเทาเหล่านี้แพทย์จะสั่งจ่ายให้เฉพาะราย เช่นผู้ป่วยอาจต้องจ่ายเงินเองหากแพทย์คิดว่าไม่มีประโยชน์ แต่หากลองใช้ยาแล้วพบว่าได้ผลดีกับผู้ป่วย แพทย์ก็จะสั่งให้โดยผู้ป่วยไม่ต้องร้องขอ ส่วนค่ายาก็เป็นไปตามสิทธิของแต่ละคน การที่กระทรวงการคลังออกทำคำสั่งเหล่านี้ โดยไปฟังตามที่ปรึกษาที่ตั้งขึ้นเอง แทนที่จะให้เป็นไปตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญตัวจริง แพทย์ที่ปฏิบัติงานคงต้องขอให้กระทรวงการคลังแต่งตั้งตัวแทนร่วมกับคณะที่ ปรึกษาของกระทรวง มาออกตรวจร่วมกัน เพื่อคอยรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากการงดจ่ายยาตัวนี้ และตัวอื่นที่อยู่ใต้ยอดภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งคงมีคำสั่งตามมาอีกหลายฉบับ

คำสั่งนี้นับได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นจุดหนึ่งของการรวมกองทุนสุขภาพทั้ง ๓ กองทุน โดยลืมหรือแกล้งลืมว่า ทั้ง ๓ กลุ่มนี้มีที่มาของสิทธิการรักษาที่ต่างกันตามการร่วมจ่าย ดังนั้นการกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการกระทำเลือกปฏิบัติตามหลักรัฐศาสตร์ ที่ว่า “การปฏิบัติต่อคนที่มีที่มาของสิทธิพื้นฐานที่ต่างกัน ด้วยความเท่าเทียมกัน การปฏิบัติเช่นนี้คือการปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมกัน” หากไม่เข้าใจก็ลองนึกภาพ ท่านนายกรัฐมนตรี ท่านประธานาธิบดี เดินทางไปไหนมาไหนโดยปราศจากขบวนรถนำ ปราศจากการปิดถนน ตลกร้ายที่บุคลากรทางการแพทย์ทราบดีคือ หลายครั้งที่คนออกกฎหมายเหล่านี้เจ็บป่วย ต่างก็เรียกร้องความไม่เท่าเทียมกัน เช่น ห้องพิเศษ ยาพิเศษ คิวพิเศษ เครื่องมือพิเศษ การดูแลเป็นพิเศษ ไม่เชื่อลองไปเดินดูตามตึกสามัญของรพ.รัฐว่าเคยเห็นผู้บริหาร ๓ กองทุนเหล่านี้ไปนอนร่วมกันท่านตามตึกสามัญที่มีเตียงนับสี่ห้าสิบเตียงรวม กันหรือไม่ (ยังไม่นับรวมระเบียง ทางเดิน หน้าบันได หน้าลิฟท์ ที่พร้อมจะเป็นสถานที่เสริมเตียงผ้าใบ)
ไม่กี่วันนี้ เราได้เห็นภาพพยาบาลจำนวนมากออกมาประท้วงให้ออกกฎระเบียบเหลียวแลผู้ปฏิบัติ งาน(ผู้ให้บริการตามภาษากฎหมาย)บ้าง แทนที่จะออกแต่คำสั่งเอาใจแต่ผู้ป่วย(ผู้รับบริการ) อีกไม่นาน อาจได้เห็น กลุ่มข้าราชการจำนวนมากออกมาประท้วงรัฐที่ทอดทิ้ง “หมาล่าเนื้อ”ยามชราเช่นพวกเขา อย่างนี้ไม่เรียกว่า สาธารณทุกข์ (ทุกข์ทั้งผู้ให้และผู้รับการรักษา)ได้อย่างไร เอวังก็มีด้วยประการ..ฉะนี้



ลิงค์ครับ
http://www.facebook....144717658883538

ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าเราๆท่านๆต้องวางแผนประกันสุขภาพของตัวเองนะครับ อย่าหวังพึ่งประกันสังคมและกบขเด็ดขาด(30 บาทไม่ต้องพูดถึง) จริงๆแล้วควรต้องรวมตัวกันเรียกร้องให้ประกันสังคมเป็นภาคสมัครใจของลูกจ้างด้วยซ้ำไป เพราะจากคำสั่งกระทรวงการคลังฉบับนี้พวกคุณซึ่งเป็นลูกจ้างทั้งหลายกำลังถูกลดสิทธิ์ลงทั้งๆที่มีส่วนจ่ายเงินสมทบ

และจากนโยบายข้อนี้เองทำให้ผมยิ่งเชื่อมั่นในรัฐบาลนี้มากขึ้นไปอีกครับว่าถ้าอยู่ครบ 8 ปี ไม่มีคนจนเหลืออยู่ในประเทศแน่(ตาย ่า หมด)

Edited by zereza, 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 03:51.

"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง""อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"

#2 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:20

วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#3 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:23

วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ


แค่ทำให้ "ต่าง" เพื่อจะบอกว่า ไม่ได้ลอกกัน ฉันคิดเอง
แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลและมาตรฐานสาธารณสุขไม่ต่างกันครับ
"แย่" พอกัน
รอผู้มีความรู้มาตอบข้อเท็จจริงครับ

Edited by ม่านน้ำ, 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:24.

Posted Image


#4 กีรเต้

กีรเต้

    เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเอง

  • Validating
  • PipPipPipPipPip
  • 6,208 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:24

วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ


มาแล้ว ฮาโหด หายไป 2 วัน

ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ "   https://www.facebook...akwarakfromyala   https://www.facebook.com/NARAPEACE

 

 


#5 กีรเต้

กีรเต้

    เราเป็นอย่างไร เรารู้ตัวเอง

  • Validating
  • PipPipPipPipPip
  • 6,208 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:25


วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ


แค่ทำให้ "ต่าง" เพื่อจะบอกว่า ไม่ได้ลอกกัน ฉันคิดเอง
แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลและมาตรฐานสาธารณสุขไม่ต่างกันครับ
"แย่" พอกัน
รอผู้มีความรู้มาตอบข้อเท็จจริงครับ


แย่งตอบอ้ะ :angry:

ถึงสูงศักดิ์อัครฐานสักปานไหน.ถึงวิไลเลิศฟ้าสง่าศรี..ถึงเก่งกาจฉลาดกล้าปัญญาดี..ถ้าไม่มี "คุณธรรม" ก็ต่ำคน.... พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้า รัชกาลที่ ๕ "   https://www.facebook...akwarakfromyala   https://www.facebook.com/NARAPEACE

 

 


#6 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 05:27

แย่งตอบอ้ะ :angry:


ช่วยตอบเยอะๆน้า :)
เพราะผมงงกะตรรกะมันจริงๆนะ อยากทำความเข้าใจครับ ไม่งั้นเดี๋ยวตามไม่ทัน
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#7 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:00

ต่างกันตรงของแม้วให้งบ รพ.ที่เข้าร่วม หัวละ 900 บาท

ของขิงแก่ แก้เป็นฟรี ไม่ต้องจ่าย 30 บาท

แต่ของมาร์ค มาเพิ่มงบเป็นหัวละ 2000 บาท...

:D

Edited by 55555, 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:57.


#8 susu

susu

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,066 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:41

ต่างกันตรงของแม้วให้งบ รพ.ที่เข้าร่วม หัวละ 900 บาท

ของขิงแก่ มันแก้เป็นฟรี

แต่ของมาร์ค มาเพิ่มงบเป็นหัวละ 2000 บาท...

:D

หมายถึง เวลานี้ จาก 2,000 ตัดออก เหลือ 900 ไม่รวม 30 ที่เก็บต่อการไปหานะเหรอ ? ตอนนี้

#9 isa

isa

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 447 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:53

คุณพ่อคุณแม่ผมก็เป็นข้าราชการเกษียณ ก่อนหน้านี้หมอจะอัดยาแพงๆให้กับกลุ่มข้าราชการเยอะ สาเหตุก็คือทางโรงพยาบาลจะได้เอาไปเบิกกับทางราชการ
เพื่อเอาส่วนต่างมาอุดส่วนที่ต้องเสียไปกับ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้สามารถรักษามาตรฐานของ 30 บาทไว้ได้ระดับหนึ่ง โดยที่ข้าราชการก็ได้ผลประโยชน์ทางตรง
ที่ได้ยาดี และ 30 บาทก็ได้รับประโยชน์ทางอ้อม ตรงที่โรงพยาบาลก็ยังไม่เจ๊ง ตอนนี้เมื่อตัดตรงนี้ออกไป มันก็เจ๊งกันเป็นลูกระนาดละครับ อย่าหวังว่าจะได้เงินอุดหนุนจากทางรัฐเลย
เกรงตรงนี้แหละว่าข้าราชการเกษียณที่สังขารเริ่มทรุดโทรมลง จะอยู่กับลูกหลานได้อีกไม่นาน (ผมเองก็คงต้องคุยกับพี่น้องให้กันเงินบางส่วนในแต่ละเดือนมาเตรียมไว้ให้แม่เป็นค่ายาเพิ่มเติมดีกว่า
บอกตรงๆว่าไม่ไว้ใจรัฐบาล)

ส่วนเงินประกันสังคมนั้น ผมว่าไม่มีพนักงานบริษัทคนไหนกล้าใช้รักษาพยาบาลประกันสังคมกันหรอก ประสบการณ์มันสอน
ตอนนี้ก็อาศัยจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไปฟรีๆปีละเกือบ 2 หมื่น หวังลมๆแล้งๆว่าเวลาเข้าโรงพยาบาลจริงๆจะช่วยผ่อนภาระได้บ้าง

แต่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นการรักษาสุขภาพตัวเองไว้ก่อน อย่าหวังพึ่งรัฐเลย

#10 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:56


ต่างกันตรงของแม้วให้งบ รพ.ที่เข้าร่วม หัวละ 900 บาท

ของขิงแก่ แก้เป็นฟรี ไม่ต้องจ่าย 30 บาท

แต่ของมาร์ค มาเพิ่มงบเป็นหัวละ 2000 บาท...

:D

หมายถึง เวลานี้ จาก 2,000 ตัดออก เหลือ 900 ไม่รวม 30 ที่เก็บต่อการไปหานะเหรอ ? ตอนนี้


อ๋อ ไม่ใช่ครับ...หมายถึงแม้วยุคแรก ให้ 900 บาท ต่อหัว..

Edited by 55555, 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 07:58.


#11 ต้นหอม

ต้นหอม

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,472 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 08:55

นึกอยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ แต่ไม่นึกว่าจะเร็วแบบนี้

อยากใช้ 30 บาทก็ต้องเดินควบคู่กับการให้ประชาชนรักษาสุขภาพด้วยตัวเองด้วย ตราบใดที่ยังปล่อยให้ตามใจตัวเองอยู่โดยไม่รับผิดชอบตัวเอง ก็ต้องหาเงินมาถมให้เต็ม อ่าว นี่เราด่าตัวเองนี่หว่า :o

มันจะทำให้เราคิดก่อนพูดได้ดีขึ้น เมื่อเชื่อว่าคำพูดที่ออกไปเหล่านั้นคือคำที่เราจะได้ยินเองในอนาคต

และถ้าเราจะทำดีได้มากขึ้น เมื่อเชื่อว่าเราจะได้เจอสิ่งดีๆในอนาคต

แม้ว่าวันนี้เราจะยังไม่เห็นว่ามันดีอย่างไรแต่อย่างน้อยทำให้เราผ่านวันนี้ไปได้อย่างราบรื่น


#12 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:46

คุณพ่อคุณแม่ผมก็เป็นข้าราชการเกษียณ ก่อนหน้านี้หมอจะอัดยาแพงๆให้กับกลุ่มข้าราชการเยอะ สาเหตุก็คือทางโรงพยาบาลจะได้เอาไปเบิกกับทางราชการ
เพื่อเอาส่วนต่างมาอุดส่วนที่ต้องเสียไปกับ 30 บาทรักษาทุกโรค ทำให้สามารถรักษามาตรฐานของ 30 บาทไว้ได้ระดับหนึ่ง โดยที่ข้าราชการก็ได้ผลประโยชน์ทางตรง
ที่ได้ยาดี และ 30 บาทก็ได้รับประโยชน์ทางอ้อม ตรงที่โรงพยาบาลก็ยังไม่เจ๊ง ตอนนี้เมื่อตัดตรงนี้ออกไป มันก็เจ๊งกันเป็นลูกระนาดละครับ อย่าหวังว่าจะได้เงินอุดหนุนจากทางรัฐเลย
เกรงตรงนี้แหละว่าข้าราชการเกษียณที่สังขารเริ่มทรุดโทรมลง จะอยู่กับลูกหลานได้อีกไม่นาน (ผมเองก็คงต้องคุยกับพี่น้องให้กันเงินบางส่วนในแต่ละเดือนมาเตรียมไว้ให้แม่เป็นค่ายาเพิ่มเติมดีกว่า
บอกตรงๆว่าไม่ไว้ใจรัฐบาล)

ส่วนเงินประกันสังคมนั้น ผมว่าไม่มีพนักงานบริษัทคนไหนกล้าใช้รักษาพยาบาลประกันสังคมกันหรอก ประสบการณ์มันสอน
ตอนนี้ก็อาศัยจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไปฟรีๆปีละเกือบ 2 หมื่น หวังลมๆแล้งๆว่าเวลาเข้าโรงพยาบาลจริงๆจะช่วยผ่อนภาระได้บ้าง

แต่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นการรักษาสุขภาพตัวเองไว้ก่อน อย่าหวังพึ่งรัฐเลย


ขอบพระคุณมากครับที่่ทำให้ผมพอเห็นภาพออกแล้ว

แปลว่า 30 บาทรักษาตายทุกโรค กำลังตัดเงินรักษาทิ้งไป ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการรักษาที่เคยได้รับ ใช่มั้ยครับ

คำถามคือ......อ้าว...มันตัดเงินช่วยแล้วเงินหายไปไหนอ้ะ?
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#13 TH_BorderBoy

TH_BorderBoy

    สมาชิกใหม่มาก

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,484 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:03

ส่วนเงินประกันสังคมนั้น ผมว่าไม่มีพนักงานบริษัทคนไหนกล้าใช้รักษาพยาบาลประกันสังคมกันหรอก ประสบการณ์มันสอน
ตอนนี้ก็อาศัยจ่ายเบี้ยประกันชีวิตไปฟรีๆปีละเกือบ 2 หมื่น หวังลมๆแล้งๆว่าเวลาเข้าโรงพยาบาลจริงๆจะช่วยผ่อนภาระได้บ้าง

แต่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็นการรักษาสุขภาพตัวเองไว้ก่อน อย่าหวังพึ่งรัฐเลย


เห็นด้วยอย่างแรง!! ผมจ่ายประกันสังคมเต็มอัตราทุกเดือน ตั้งแต่จ่ายไม่เคยใช้สิทธิ์ประกันสังคมสักครั้ง
อาศัยสิทธิเบิกบริษัทและจากประกันสุขภาพอย่างเดียว !!! เพราะเคยมีประสบการณ์หลอนจากการจะใช้สิทธิ์
ประกันสังคมครั้งหนึ่ง ทำให้ผมขยาดไม่กล้าใช้ประกันสังคมอีกเลย ...
ข้าวของแค่ขึ้นราคา อย่าเรียกว่าของแพง เดี๋ยวเสื้อแดงเขาเคืองเอา

#14 ypk

ypk

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,173 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:19

เหอ เหอ เหอ 30 บาท มันแค่ป้ายโฆษณากันประชาชนลืมเท่านั้น เพราะ
สุดท้ายก็กำหนดว่า ไม่มี ไม่จ่าย ก็แล้วแต่ 555

มันไม่มีผลอะไรกับรายได้ของโรงพยาบาล แต่มันสร้างภาระให้โรงพยาบาล
ที่ต้องจัดสรรบุคคลากรมานั่งเก็บเงิน 30 บาท 555

ปัญหามันน่าจะอยู่ที่ เงินของรัฐที่อุดหนุนรายจ่ายของโรงพยาบาลมันไม่พอเพียงนั่นแหละ
ก็เลยหาทางไปลดสวัสดิการของข้าราชการ และผู้ใช้สิทธิประกันสังคมลงมาให้เท่าเทียม
กับประชาชนทั่วไป

ข้าราชการ คงไปหือไปอืออะไรยาก แต่ประกันสังคมนี่ซิ เขาจะยอมหรือ เพราะเขาควักเงินจ่าย
เองด้วย 555

แต่จะอ้างความเท่าเทียมอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าลืมลากคอไอ้นักการเมืองที่ใช้สิทธิเรื่องนี้ลงมาให้
เท่าเทียมกันด้วยก็แล้วกัน ลงมาอยู่ในมาตรฐานเดียวกันดูซิว่า ใครมันจะ อึด กว่ากัน 555

#15 noswords

noswords

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 543 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:42

เหมือนกับว่าจะบีบให้สถานพยาบาลของรัฐกลายเป็นโรงฆ่าสัตว์ แล้วให้ทุกอย่างเทไปอยู่ที่เอกชนแม้กระทั่งบุคลากร

ใครมีฐานะมีโอกาสก็โชคดีไป
แต่รากหญ้า มนุษย์เงินเดือน และอำมาตย์ตัวเล็กๆ คงรับไปเต็มๆ

What is a rebel? - A man who says NO!Albert Camus


#16 promotion

promotion

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,761 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:47

โครงการบ้าๆ ที่จริงมันไม่ควรเกิดขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้ว

#17 zereza

zereza

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,950 posts

ตอบ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:25

วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ


ถ้าเอาจริงๆในรายละเอียดแทบไม่ต่างครับ รัฐบาลอาจจะเพิ่มหรือลดงบประมาณต่อหัวต่อปีได้ แต่ที่แน่ๆรัฐต้องกันเงินมาใช้กับนโยบายนี้เกือบๆสองแสนล้านบาททุกปี ซึ่งถือเป็นภาระต่องบประมาณอย่างยิ่ง

ในความเห็นบางคนอาจจะบอกว่าคุ้มเพราะได้ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษา แต่ในอีกมุมนึงคือการสร้างภาระแก่บุคคลากรสาธารณสุขหนักขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก็ไม่แน่ใจนักว่าความสูญเสียจากการรักษาที่มาตรฐานลดลงกับตัวเลขที่อ้างว่าคุ้มนั้นจริงๆแล้วมันเป็นยังไงแน่ ผมบอกได้เลยว่าประชาชนเสียชีวิตจากการรักษาพยาบาลที่ต่ำกว่ามาตรฐานไม่น้อย เพียงแต่พวกคุณไม่รู้เท่านั้นจนกว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวนั่นแหละ

อย่างว่าประชานิยมก็เหมือนยาเสพติด ปชป เองแม้ไม่เห็นด้วยแต่จะหักด้ามพร้าด้วยเข่ามันก็ไม่ได้ จึงจำใจต้องสานต่อเพื่อป่องกันการลงแดง ในเมื่อเลิกไม่ได้ก็ทำได้เพียงรอความตายเท่านั้น การดึงเงินจากอีก 2 กองทุนมาใช้มันชี้ให้เห็นชัดเจนว่ารัฐใกล้จะรับภาระไม่ไหวแล้ว ตอนนี้กองทุนทั้งสองก็เป็นแค่เครื่องช่วยหายใจยื้อชีวิตไว้ และสุดท้ายก็จะพังลงทุกกองทุนอย่างแน่นอน

ด้วยตัวโครงการเองผมเห็นว่าหลักการมันดี แต่ถูกเอามาใช้ด้านประชานิยมมากสุดกู่ ถ้าจะให้โครงการนี้ยั่งยืนต้องเรียกเก็บเงินจากประชาชนอย่างสมเหตุสมผล ไม่ใช่ 30 บาทหรือฟรีแบบนี้ ในความคิดผมเรียกเก็บ 500 ยังถูกไปเลย ถ้าคุณภาพมันดี เป็นพันประชาชนก็ยอมจ่าย ใครไม่มีก็ให้ดึงรายได้จากพวกที่จ่ายมาช่วยไปอย่างสมดุล แต่ตอนนี้บอกได้เลยครับว่า สปสช กำลังจะตาย และจะลากอีกสองกองทุนลงเหวไปด้วยถ้าไม่แก้ไขอะไรซักอย่าง

Edited by zereza, 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 23:24.

"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง""อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"

#18 karasu

karasu

    Moderator

  • Moderators_S
  • 611 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 02:03

ส่วนตัวผมเองบอกตามตรงว่าได้บัตรทองมาไม่เคยใช้เลย จ่ายค่ารักษาพยาบาลตัวเองตลอด LOL

เพราะคิดว่าในทางปฏิบัติจริงๆ ผมว่าการจ่าย 30 บาทมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ขนาดไปซื้อยากินเอง 30 บาทยังไม่พอเลย นับประสาอะไรกับไปรักษาในโรงพยาบาลมีแต่ตายกับตาย ซึ่งผมคงไม่เสี่ยงขนาดนั้น

แม่นี่ชอบทักษินมาก ตอนได้บัตรทองมาใหม่ๆ นี่ภูมิใจมาก นี่เอามาช่วยคนจน ผมไม่สบายไปคลีนิคแม่จะชอบมาบอกว่าไปทำไมเปลือง ผมก็ไม่สนใจบอกจ่ายได้ จนแม่ไปเจอกับตัวเองมา ทั้งรอนาน ทั้งเอายามากินไม่หาย อาการหนักกว่าเดิม สุดท้ายต้องไปรักษาคลีนิคเหมือนผม

น้องสาวนี่เคยไปใช้บริการมาครั้งนึงด่ามาจนทุกวันนี้ว่า 30 บาท ตายทุกโรค

ก็ว่ากันไป ....

แต่มีเรื่องนึงที่อยากเล่าคือเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ปรากฏว่าผมเข้า รพ. หมอเช็คมาปรากฏว่าเป็นหวัดใหญ่2009 เลยต้องนอน รพ. นอนไป 3 วัน ค่าเสียหาย 2หมื่นก่าบาท โชคดีที่ผมมีประกันสุขภาพอยู่เลยจ่ายส่วนต่างแค่ 200 ตอนนั้นคิดเลยว่าโชคดีจริงๆ เลยบอกกับตัวเองว่าต้องคิดใหม่ทำใหม่ละ เลยไปสอบเป็นตัวแทนประกันสะเลย ศึกษาอย่างจริงจังให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

แต่อยากฝากบอกเพื่อนๆไว้ว่า ประกันสุขภาพถ้าส่งไหวก็ส่งไปเถอะ เพราะถึงวันที่คุณต้องใช้จริงๆแล้ว มันจะช่วยคุณได้มากแบบที่คุณคิดไม่ถึงเลยล่ะครับ

ยังบอกกับตัวเองอยู่เลยว่าถ้าผมไม่มีประกันอยู่ป่านนี้อาจจะไปเฝ้าอากงอาม่าแล้วก็ได้ หวนคิดกลับไปยังนึกไม่ออกว่าถ้าไปรักษาแบบคนธรรมดาทั่วไปมันจะรอดยังไงเหมือนกัน

จริงๆนะ

= =

หล่อกว่าผมก็มีแต่ ณเดช คูกิมิยะ เท่านั้นล่ะครับ[color=#ff0000;]รณรงค์งดตอบโต้ พูดคุย กับคนหน้าด้านไร้ยางอาย...[/color]


#19 RaRa

RaRa

    Seien Sie loyal zu Majesty

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,976 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 02:05



วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ


แค่ทำให้ "ต่าง" เพื่อจะบอกว่า ไม่ได้ลอกกัน ฉันคิดเอง
แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลและมาตรฐานสาธารณสุขไม่ต่างกันครับ
"แย่" พอกัน
รอผู้มีความรู้มาตอบข้อเท็จจริงครับ


แย่งตอบอ้ะ :angry:


ขี้น้อยใจจังนะหนุ่ม(เหลือน้อย)เนี่ย.... :lol:

ผมว่าผมเคยคุยเรื่องนี้ไปแล้วครั้งนึงนะ

ว่า 30 บาท มันไม่เพียงพออยู่แล้วในการรักษาฯ

เพียงแต่ต้องการให้มันเกิดความแตกต่างเท่านั้น

สถาบัน TDRI ก็เคยออกมาให้ความเห็นว่า

"เงินที่เก็บเข้ารัฐ 30 บาทนั้น ปีๆ นึงก็ได้ประมาณ ไม่เกิน 2000 ล้าน"

แต่ ทางภาครัฐต้องใช้จริงๆ เป็นเงินถึง "แสนล้าน" เลยนะครับ....ดังนั้น นโยบายนี้

ไม่ได้มีสาระอะไรพิเศษเลย เพียงแต่ "ต้องการความแตกต่างเท่านั้นครับ" <_< <_<

ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด

...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี

โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี

...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย


#20 DOLBY DIGITAL

DOLBY DIGITAL

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 284 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:12

ดูแลตัวเอง ครอบครัว และคนที่คุณรักล่ะกันครับทุกท่าน ชั่วโมงนี้คงต้องเพิ่งตนเองให้มากๆ

สิ่งที่ควรปฏิรูปที่สุดไม่ใช่การเมือง แต่เป็นนักการเมือง

" นรชาติวางวาย  มลายสิ้นทั้งอินทรีย์

  สถิตทั่วแต่ชั่วดี  ประดับไว้ในโลกา "


#21 eAT

eAT

    ผมเป็นเสื้อแดงฮับ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,589 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:27

ได้ยินข่าวแว่วๆ (ไม่ได้ตั้งใจฟัง) ว่าจะตัดรายการออกจากบัญชีหลัก
ที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นอีกหลายรายการ มีใครได้ยินบ้างไหม?

#22 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 10:35

ไม่ไปโรงบาล...หาหมอกินยาต้มดีกว่า.

ปวดเข่าก็ ฝังเข็ม.ปวดคอก็ กระเป๋าน้ำร้อน

ปวดใจ ( ไม่มียา เว้ยยยย ) ปั๊ดเหนี่ยว.!!!!!

#23 plunk

plunk

    สลิปงินเดือนอยู่ไหนอ่ะ ไอ้คางครูด?

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,862 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:21

บำรุงราษฎร์?
สมิติเวช?
รพ กรุงเทพ?
ทำได้ทันที ไม่ต้องกู้ พรรคไหนเห่าไว้ตอนหาเสียงวะ?และกระทู้ในตำนานของ คนขี้โกหก http://webboard.seri...้สลิปเงินเดือน/

#24 aumstar

aumstar

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,707 posts

ตอบ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:35

เรื่องรักษาที่เกี่ยวกับรัฐ
30 บาทรักษาทุกโรค แสนล้าน
สวัสดิ์การรักษาพยาบาลข้าราชการ หกหมื่นล้าน
ประกันสังคม

คิดว่า เรื่องการรักษา(ยา)ควรจะมาตรฐานเดียวกัน
นอกจากเพิ่มเติม ทั่วๆไป ค่าห้องพิเศษ, ค่าหยุดงาน


***ไม่รู้จะเก็บ 30 บาททำไม ฟรีไปเลย?

Edited by aumstar, 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:38.


#25 zereza

zereza

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,950 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:45

ในเรื่องของยาผมเองมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้างนะครับคือยาที่อยู่ในบัญชียาหลักส่วนใหญ่จะเป็นยาที่ผลิตภายในประเทศซึ่งยาพวกนี้ต้นทุนต่ำกว่ายานำเข้าเพราะสารตั้งต้นและส่วนผสมเป็นสารที่สามารถใช้ทดแทนกันได้บางส่วน แต่เมื่อนำไปใช้แล้วจะมีความต่างกับยาที่นำเข้าคือเรื่องของผลข้างเคียง,ประสิทธิภาพการดูดซึมของยาและที่สำคัญคือความเป็นพิษต่อตับและไตของคนไข้ครับ

แต่ก่อนบัญชียาหลักจะมียานำเข้าอยู่บ้างแต่ตอนนี้ถูกตัดออกไปแทบทั้งหมดแล้ว และถ้ารัฐมีแนวโน้มลดค่าใช้จ่ายลง สารตั้งต้นที่นำมาผลิตยาก็ยิ่งจะถูกลดคุณภาพลงไปอีก กลายเป็นของเทียมคุณภาพต่ำไปเลย ใครจะบอกว่ายาใช้ได้เหมือนกันผมเถียงขาดใจครับ ลองดูได้โรคเดียวกัน ยาคนละตัว ผมเอาหัวเป็นประกัน ตายช้าเร็วไม่เท่ากันแน่นอนครับ
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง""อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"

#26 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:50

ไม่ไปโรงบาล...หาหมอกินยาต้มดีกว่า.

ปวดเข่าก็ ฝังเข็ม.ปวดคอก็ กระเป๋าน้ำร้อน

ปวดใจ ( ไม่มียา เว้ยยยย ) ปั๊ดเหนี่ยว.!!!!!


ปวดใจมียานะกั๊บท่าน...

เค้าเรียกว่า..ทัมใจ.jpg ยาทำใจ

Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:50.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#27 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:08

โอ้..!!!โฮ ..!! ผึ้งน้อย ไปขุดกรุ ไหนมา เนี้ยยย

สมัยเด็กน้อยเลย.. แม่ ๆ จะกินอย่างหวาน ???

อย่าง..เปรี้ยว..ไม่เอา(เก็บไว้ฝาก..พี่โฉฯ ) ซอง. :D

#28 poco

poco

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 257 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:38

เห็นด้วยกับ คุณkarasu และคุณzereza (อยากจะก็อปมาแต่ทำไม่เป็นต้องขอโทษด้วยค่ะรบกวนท่านผู้รู้ช่วยสอนด้วย ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ) เพราะตัวดิฉันได้ประสบมากับตัวเองตลอดเวลา 15 ปีที่เข้า-ออกโรงพยาบาลมีประสบการณ์ในการรักษา เยอะมากสามารถเขียนเป็นหนังสือได้เป็นเล่มเลยค่ะ บางเดือนนอนโรงพยาบาล 4-5 ครั้ง ช่างปีแรกๆใช้ชีวิตในโรงพยาบาล มากกว่าอยู่ที่บ้านเสียอีก ดิฉันมีทั้งบัตรทอง 30 บาท บัตรประกันสังคม บัตรประกันชีวิตที่มีประกันสุขภาพ แถมด้วยบัตรวีไอพี ของโรงพยาบาลใช้เป็นส่วนลดได้อีก (นอนโรงพยาบาลบ่อยเกินเหตุ) ดิฉันขอยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่าระบบการรักษา วิธีการรักษา อุปกรณ์การรักษา แพทย์ผู้รักษา ฯลฯ ทุกอย่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กรณีเจ็บป่วยธรรมดาอาจใช้บริการ บัตรทอง หรือบัตรประกันสังคมได้ แต่ถ้าต้องนอนโรงพยาบาลถ้ารักชีวิตอยู่ก็ใช้บัตรประกันชีวิตหรือเงินสดจะดีที่สุด และยังสามารถเลือกหรือเจาะจงแพทย์ผู้ที่จะรักษาได้ด้วย



#29 promotion

promotion

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,761 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:27




วอนเพื่อนใจดีที่มีความรู้ ช่วยอธิบายผมด้วยได้ไหมครับ
ว่า 30 บาทของเพื่อแม้ว ต่างจากรักษาฟรีของปชป.ยังไง
และทำไมตอนนี้เพื่อแม้วต้องนำงบประมาณไปอุ้ม 30 บาทรักษาทุกโรค
ในเมื่อรักษาฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ 30 บาทยังได้เงินไปสามสิบ
งงครับ


แค่ทำให้ "ต่าง" เพื่อจะบอกว่า ไม่ได้ลอกกัน ฉันคิดเอง
แต่คุณภาพการรักษาพยาบาลและมาตรฐานสาธารณสุขไม่ต่างกันครับ
"แย่" พอกัน
รอผู้มีความรู้มาตอบข้อเท็จจริงครับ


แย่งตอบอ้ะ :angry:


ขี้น้อยใจจังนะหนุ่ม(เหลือน้อย)เนี่ย.... :lol:

ผมว่าผมเคยคุยเรื่องนี้ไปแล้วครั้งนึงนะ

ว่า 30 บาท มันไม่เพียงพออยู่แล้วในการรักษาฯ

เพียงแต่ต้องการให้มันเกิดความแตกต่างเท่านั้น

สถาบัน TDRI ก็เคยออกมาให้ความเห็นว่า

"เงินที่เก็บเข้ารัฐ 30 บาทนั้น ปีๆ นึงก็ได้ประมาณ ไม่เกิน 2000 ล้าน"

แต่ ทางภาครัฐต้องใช้จริงๆ เป็นเงินถึง "แสนล้าน" เลยนะครับ....ดังนั้น นโยบายนี้

ไม่ได้มีสาระอะไรพิเศษเลย เพียงแต่ "ต้องการความแตกต่างเท่านั้นครับ" <_< <_<


แทนที่จะคิดว่าเก็บ 30 บาท มันน้อยไป เพิ่มหน่อยดีไม๊ ... นี่ล่อไม่ให้เก็บมันซะเลย
คงคิดว่าเงิน 2,000 ล้าน เป็นเศษเงินสินะ พวกเศรษฐี หารู้ไม่ว่า
เงินไม่กี่ล้าน สำหรับ รพ.เล็กๆแล้ว มันก็สำคัญมากๆเลยนะ อย่างน้อยไว้ใช้จ่ายค่า
น้ำค่าไฟได้บ้างก็ยังดี หรือค่าใช้จ่ายอืนๆที่อาจจะมีอีก

#30 ธงไชยคนเขียนโพย

ธงไชยคนเขียนโพย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,288 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 14:49

รัฐบาลอีปูรายัม แค่มันไม่เช่าเครื่องบินเหมาลำ เวลาเดินสายไปโชว์โง่ต่างประเทศ
เงินส่วนนี้ก็มาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับข้าราชการได้แล้ว

ใครอยู่เบื้องหลังการอุ้มฆ่าเอกยุทธ์ อัญชัญบุตร


#31 ฉันรักเมืองไทย

ฉันรักเมืองไทย

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 267 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:01

ยาที่ผลิตในประเทศ( local made) กับยาต้นฉบับ (original) ดี-เลว ต่างกันหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่เภสัชกรใน รพ.รัฐ มักจะพยายามบอกว่ามันเหมือนกัน แต่หมอที่รักษาคนไข้มักจะเถียงว่ามันไม่เหมือนกันแน่ๆ ในด้านผลของการรักษา

แต่ที่แน่ๆ...เวลาหมอหรือคนในครอบครัวของหมอป่วย เห็นมาซื้อยา original ใน รพ.เอกชนไปใช้เกือบทุกที555

ขอยืนยันอีก 1 เสียงว่าถ้ารักชีวิตของตัวเอง กรุณาซื้อประกันชีวิตแบบมีค่ารักษาพยาบาล หรือซื้อประกันสุขภาพ และควรจะต้องกันเงินออมส่วนหนึ่งไว้สำหรับการนี้ด้วย เพราะถึงจะซื้อประกัน ก็ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด...ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ดีที่สุด

#32 poco

poco

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 257 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:59

เห็นด้วยกันคุณ รักเมืองไทย ยาที่ผลิตในประเทศกับต่างประเทศคุณภาพต่างกันมากคะดิฉันเจอมากับตัวเอง แต่ยาเหล่านี้จะมีผลข้างเคียงเยอะมากเช่น โรคกระดูกพรุน โรคกระเพาะอาหาร โรคตับ โรคไ โรคต้อกระจก ฯลฯ ถ้าจะทานยาแผนปัจจุบันก็ให้ดื่มนำตามให้เยอะๆจะได้ไม่มีสารตกค้างในร่างกายมากนัก ส่วนตัวเองเมื่อก่อนรักษายาแผนปัจจุบันพอโรคหนึ่งดีขึ้นอีกโรคก็ตามมาและมีโรคที่แถมมากับยาอีกทั้งกระเพาะอาหาร ตับ กระดูกพรุน ต้อกระจกทั้งสองข้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้เข้าโรงพยาบาลมาสองปีแล้วและไม่ทานยาแผนปัจจุบันเลย แต่ใช้แพทย์ทางเลึอกแพทย์แผนจีน และการปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดปัจจุบันสุขภาพร่างกายและระบบการทำงานของอวัยวะภายในดีขึ้นมาก

Edited by poco, 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:06.


#33 karasu

karasu

    Moderator

  • Moderators_S
  • 611 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 16:26

คุณ poco มีข้อมูลให้ศึกษาไหมครับ เกี่ยวกับแพทย์ทางเลือกที่คุณ poco ปฏิบัติอยู่ ขอหน่อยสิครับ ^^

หล่อกว่าผมก็มีแต่ ณเดช คูกิมิยะ เท่านั้นล่ะครับ[color=#ff0000;]รณรงค์งดตอบโต้ พูดคุย กับคนหน้าด้านไร้ยางอาย...[/color]


#34 poco

poco

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 257 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 19:43

ยินดีให้คำปรึกษาคะเพราะปัจบันนี้ก็ช่วยให้คำปรึกษาและเป็นวิทยาทานแก่ผู้ป่วยอยู่แล้ว ฟรีค่ะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ผู้ที่จะทานยาจีนต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีความอดทนในการรักษาแต่ถ้าทำได้รับรองว่าหายแน่นอน เพราะตัวดิฉันเองก่อนหน้านั้นป่วยเป็นมาสิบกว่าปีรักษาไม่หายแต่ละโรคที่ป่วยนั้นแทบไม่มีโอกาสรอด โรคที่เป็นหลังสุดที่คือมะเร็งไปรักษาที่ไหนหมอก็ไม่รับรักษาแล้ว ปัจจุบันทานยาจีนและปฏิบัติ ตัวอย่างเคร่งครัดทุกสามเดือนจะเอ็กซเรย์ดู ตรวจเม็ดเลือด ตรวจค่ามะเร็ง ฯลฯ ผลออกมาดีขึ้นทุกอย่างส่วนมะเร็งก็ลดลงเหลือเพียงก้อนเล็กๆ


Edited by poco, 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 19:45.


#35 mongdoodee

mongdoodee

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 667 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:06

ถ้าทั้ง 3 รูปแบบ เป็นมาตรฐานเดียวกัน แล้วประกันสังคม เก็บส่วนค่ารักษาพยาบาลไปทำอะไร

ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาท) เป็นสิทธิที่คนไทยทุกคนต้องได้ จะมาเลือกให้เฉพาะคนที่อยู่นอกระบบประกันสังคมได้อย่างไร

ระบบประกันสังคม เก็บเงินจากคนในระบบประกันสังคม โดยส่วนหนึ่งเป็นค่ารักษาพยาบาล ถ้าเรียกเก็บส่วนนี้แล้ว ไม่ได้การรักษาที่ดีกว่า ระบบประกันสุขภาพ (ระบบ 30 บาท)
ก็ถือเป็นการเอาเปรียบ คนที่จ่ายเงินเข้ากองทุน ต้องถือว่า ผู้บริหารกองทุน จ่ายเงินไปโดยเปล่าประโยชน์

ส่วนการรักษาพยาบาลของข้าราชการ ถือเป็นสวัสดิการที่ข้าราชการได้รับ หากได้เท่ากับระบบ 30 บาท ก็เปรียบเสมือนไม่มีสวัสดิการในส่วนนี้ (ถือว่าถูกลดสวัสดิการลง) ซึ่ง รัฐ ควรชดเชยด้านอื่นเพิ่มให้กับข้าราชการ

Edited by mongdoodee, 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:07.


#36 Kyubey

Kyubey

    รับสมัครสาวน้อยเวทมนตร์หลายอัตรา

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,482 posts

ตอบ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 20:17

ผมรู้สึกว่าบรูไนก็มีสวัสดิการนี้นะครับ ค่าธรรมเนียม $1 แต่ประเทศเขาคนน้อย และรวยเลยไม่มีปัญหา
ผมว่าสาธารณสุขไทยมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายมากๆ ถ้าไม่มีเงินอุดหนุนเพียงพอ ผมว่าโรงพยาบาลรัฐเตรียมปิดตัวลงได้...
สำหรับผม ผมว่าน่าจะเก็บประมาณ 200 - 500 บาทเป็นขั้นต่ำ หรือเก็บเพียง 50% จากค่าใช้จ่ายจริง สำหรับคนที่มีค่าเฉลี่ยรายได้ต่ำ
(แต่ถ้ารายได้สูง รัฐบาลเก็บราคาเต็ม ไม่มีลด)
ส่วนคนที่ไม่มีเงินรักษาจริงๆ ก็จัดเป็นผู้ป่วยอนาถาก็ได้ รักษาฟรีได้
/人◕ ‿‿ ◕人\

╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\

╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\

ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!


#37 zereza

zereza

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,950 posts

ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 00:06

โดยปกติส่วนตัวผมเองจะวางแผนเวลาเจ็บป่วยไว้เป็นขั้นๆครับ

อันดับแรกหากเกิดเหตุไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุอันดับแรกเลยที่จะใช้คือสวัสดิการของบริษัทครับ เพราะมักจะดีที่สุด วงเงินค่อนข้างสูง เวลาที่เจ็บป่วยผมแนะนำให้เตรียมวงเงินให้สูงสำหรับขั้นตอนแรกเลยครับ ในส่วนของการวินิจฉัยและรักษาเบื้องต้นครับ เพราะขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก การรักษาจะหายหรือไม่ จะพิการหรือเปล่าอยู่ที่ขั้นตอนนี้เลย ดังนั้นหากได้รับการรักษาที่ดีที่สุดตั้งแต่แรก โอกาสกลับไปใช้ชีวิตปกติมีมากครับ สำหรับบางคนขั้นตอนนี้จะใช้ประกันชีวิตส่วนบุคคลก็ได้ครับ

ถัดมาหลังจากได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแล้ว การรักษาก็ไม่ค่อยยากแล้วครับ เว้นซะแต่จะจำเป็นต้องใช้ยาราคาแพงมากๆในการรักษา ขั้นตอนนี้ใครมีวงเงินประกันค่ารักษาพยาบาลสูงๆสบายครับ ถ้าไม่มีหรือมีไม่พอก็ต้องใช้ประกันสังคมครับ ยาอาจต่างไปบ้างแต่ก็ถูกโรคพอสมควร

สุดท้ายค่อยไปใช้ 30 บาทครับ ในการรักษาระยะยาว 30 บาทก็พอจะลดภาระค่าใช้จ่ายได้บ้างครับ แต่ถ้าไม่ใช่การเจ็บป่วยรุนแรง แค่สองขั้นตอนแรกก็เหลือๆครับ

แต่ถ้าหากลดระดับการรักษามาเท่ากันหมดแล้วล่ะก็ ทางรอดเดียวคือเพิ่มวงเงินประกันค่ารักษาพยาบาลครับ จริงๆถ้าดึงเงินส่วนที่ต้องจ่ายประกันสังคมมาช่วยจ่ายค่าประกันชีวิตได้ด้วยจะยิ่งดีครับ
"ถ้าคุณตั้งคำถามของปัญหาที่เกิดขึ้นผิด ก็อย่าหวังว่าจะได้ทางออกของปัญหาที่ถูกต้อง""อิทัปปัจจยตา และ ปฏิจจสมุปปบาท สองหลักใหญ่ที่เป็นหัวใจแห่งพุทธะ หากคนไทยเรียนรู้และปฏิบัติตามได้เกินครึ่ง ชาติไทยจะห่างไกลความวิบัติทั้งปวง"

#38 karasu

karasu

    Moderator

  • Moderators_S
  • 611 posts

ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 01:38

ยินดีให้คำปรึกษาคะเพราะปัจบันนี้ก็ช่วยให้คำปรึกษาและเป็นวิทยาทานแก่ผู้ป่วยอยู่แล้ว ฟรีค่ะไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ผู้ที่จะทานยาจีนต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีความอดทนในการรักษาแต่ถ้าทำได้รับรองว่าหายแน่นอน เพราะตัวดิฉันเองก่อนหน้านั้นป่วยเป็นมาสิบกว่าปีรักษาไม่หายแต่ละโรคที่ป่วยนั้นแทบไม่มีโอกาสรอด โรคที่เป็นหลังสุดที่คือมะเร็งไปรักษาที่ไหนหมอก็ไม่รับรักษาแล้ว ปัจจุบันทานยาจีนและปฏิบัติ ตัวอย่างเคร่งครัดทุกสามเดือนจะเอ็กซเรย์ดู ตรวจเม็ดเลือด ตรวจค่ามะเร็ง ฯลฯ ผลออกมาดีขึ้นทุกอย่างส่วนมะเร็งก็ลดลงเหลือเพียงก้อนเล็กๆ


เริ่มต้นยังไง แล้วดูแลตัวเองยังไงเหรอครับ แล้วตัวยาจีนนี่บอกสูตรไว้ตรงนี้ได้ไหมครับ? หรือควรคุยกันแบบส่วนตัวจะดีกว่า?

หล่อกว่าผมก็มีแต่ ณเดช คูกิมิยะ เท่านั้นล่ะครับ[color=#ff0000;]รณรงค์งดตอบโต้ พูดคุย กับคนหน้าด้านไร้ยางอาย...[/color]


#39 poco

poco

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 257 posts

ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:17

ไม่ทราบว่าจะมีปัญหาหรือเปล่าเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง คุณ karasu ไปตั้งกระทู้ในห้องอื่นก็ได้ดิฉันจะเข้าไปตอบไห้ การรักษาด้วยยาจีน การปฏิบัติตัว ผลของยาระหว่างที่รักษา ปัญหาระหว่างทานยา อาการต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างทานยา ฯลฯ เพราะค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะมากๆคะ

Edited by poco, 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 11:18.


#40 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 09:35

โดยปกติส่วนตัวผมเองจะวางแผนเวลาเจ็บป่วยไว้เป็นขั้นๆครับ

อันดับแรกหากเกิดเหตุไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุอันดับแรกเลยที่จะใช้คือสวัสดิการของบริษัทครับ เพราะมักจะดีที่สุด วงเงินค่อนข้างสูง เวลาที่เจ็บป่วยผมแนะนำให้เตรียมวงเงินให้สูงสำหรับขั้นตอนแรกเลยครับ ในส่วนของการวินิจฉัยและรักษาเบื้องต้นครับ เพราะขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก การรักษาจะหายหรือไม่ จะพิการหรือเปล่าอยู่ที่ขั้นตอนนี้เลย ดังนั้นหากได้รับการรักษาที่ดีที่สุดตั้งแต่แรก โอกาสกลับไปใช้ชีวิตปกติมีมากครับ สำหรับบางคนขั้นตอนนี้จะใช้ประกันชีวิตส่วนบุคคลก็ได้ครับ

ถัดมาหลังจากได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องแล้ว การรักษาก็ไม่ค่อยยากแล้วครับ เว้นซะแต่จะจำเป็นต้องใช้ยาราคาแพงมากๆในการรักษา ขั้นตอนนี้ใครมีวงเงินประกันค่ารักษาพยาบาลสูงๆสบายครับ ถ้าไม่มีหรือมีไม่พอก็ต้องใช้ประกันสังคมครับ ยาอาจต่างไปบ้างแต่ก็ถูกโรคพอสมควร

สุดท้ายค่อยไปใช้ 30 บาทครับ ในการรักษาระยะยาว 30 บาทก็พอจะลดภาระค่าใช้จ่ายได้บ้างครับ แต่ถ้าไม่ใช่การเจ็บป่วยรุนแรง แค่สองขั้นตอนแรกก็เหลือๆครับ

แต่ถ้าหากลดระดับการรักษามาเท่ากันหมดแล้วล่ะก็ ทางรอดเดียวคือเพิ่มวงเงินประกันค่ารักษาพยาบาลครับ จริงๆถ้าดึงเงินส่วนที่ต้องจ่ายประกันสังคมมาช่วยจ่ายค่าประกันชีวิตได้ด้วยจะยิ่งดีครับ


โห แจ๋วเลยครับ เป็นคนที่ไม่ประมาท รู้จักวางแผน

สาวใดแต่งงานกับท่าน zeraza นี่...สบายเลย
gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#41 kim

kim

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,724 posts

ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 12:48

แผนนี้ยิงนกนัดเดียวได้สองตัว

1.เงินในกองทุนทั้ง 2 เอามาถลุงกันสนั่นเลย

2.ผลักให้คนไปรับบริการจากโรงพยาบาลเอกชนที่ต้องจ่ายเงินเองมากขึ้นเพราะต้องหนีจากการบริการพื้นฐานอันสุดแย่(จงใจทำให้แย่) โรงพยาบาลเอกชนในเครือชินก็ได้อีกไปเต็มๆ

#42 ขุนพลชิน

ขุนพลชิน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,053 posts

ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:40

อ้าวเวรกำ ให้เงินเดือนข้าราชการน้อยเพราะอ้างว่ามีสวัสดิการดี แล้วมาลดสวัสดิการ แต่ไม่เพิ่มเงินเดือน เอกชนโดนบังคับหักประกันสังคมก็ดันโดนลดมาตรฐานทั้งๆที่ต้องจ่ายเงินทุกเดือน ส่วน 30 บาท จากที่ไม่ต้องจ่ายตอนนี้กลับต้องจ่าย เอากะมันดิ งั้นก็ไม่ต้องมีแล้วสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ไปเพิ่มเงินเดือนให้ ขรก.ไปซื้อประกันเอาเองเถอะ ประกันสังคมก็ไม่ต้องมีแล้วที่หักที่ส่งไปก็คืนๆ สมาชิกเค้าไปสะ มาจ่ายกันคนละ 30 ให้สมใจ

#43 ปลายขอบฟ้า

ปลายขอบฟ้า

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 185 posts

ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 13:48

เคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ระบบการให้บริการสุขภาพ แบ่งเป็นหลายๆระดับ
1. ผู้สูงอายุ เด็ก 0-12 ผู้พิการ ผู้มีรายได้น้อย ใช้สิทธิฟรี
2. ผู้มีฐานะปานกลางให้ซื้อประกันสุขภาพแบบรายปี ปีละ 500 บาท
3. ผู้มาฐานะมีอันจะกิน ก็จ่ายตามจริงกันไป
4. สิทธิประกันสังคม
5. สิทธิข้าราชการต่างๆ ก็ใช้สิทธิตามปกติ ....
ตามความเห็นของผมว่าโอเคเลยล่ะครับ ไม่เห็นมีกองทุนไหนเจ๊งซะราย

#44 ทัชชี่

ทัชชี่

    ดีใจจัง ค้นแล้วเจอเลย

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,784 posts

ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2555 - 15:47

ต่างกันตรงของแม้วให้งบ รพ.ที่เข้าร่วม หัวละ 900 บาท

ของขิงแก่ แก้เป็นฟรี ไม่ต้องจ่าย 30 บาท

แต่ของมาร์ค มาเพิ่มงบเป็นหัวละ 2000 บาท...

:D


เพิ่มเติมครับ
สมัยชวน ให้ 1200 ต่อหัว (รักษาฟรี)
แม้ว ลดเหลือ 900 ต่อหัว (จ่าย 30 บาท)
ขิงแก่ -> สมัคร -> สมชาย กลับมาให้ 1200 ต่อหัว (รักษาฟรี)
มาร์คปีแรกให้ 2000 ต่อหัว (รักษาฟรี)
มาร์คปีที่สองให้ 2400 ต่อหัว (รักษาฟรี) + ยกระดับอนามัยเป็น รพ.สต. เพื่อลดภาระแพทย์ แล้วมีเงินเดือนให้ อสม.
ปู...ไม่เปิดเผยข้อมูล...เนื่องจากต้องไม่ต้องการให้เป็นประเด็นให้ฝ่ายค้านเอามาอภิปรายในสภา แม้ตัวเองจะไม่เข้าสภามาฟังก็ตาม

ประชาธิปไตยแบบแดง: 1. ไม่ใช่แดง เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ 2. เสียงส่วนใหญ่ คือเสียงถูกต้อง 3. กฎพวกพ้องต้องเหนือกฎหมาย 4. เบื้องสูงมีไว้เหยียบย่ำ 5. ใครทำก็ผิด แต่แดงต้องไม่ผิด 6. คิดร้ายต่อทักษิณย่อมชั่ว 7. มั่วบิดเบือนหลอกพวกเดียวกัน 8. ปั้นน้ำเป็นตัวแล้วแถ





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน