..................................ศพที่ "99".......................................
ข้อมูลจาก พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. หัวหน้าพนักงานสอบสวนของนครบาล ในคดีผู้เสียชีวิตจากเหตุชุมนุมเมื่อปี 2553
ระบุล่าสุดว่า จำนวนคนตายในเหตุการณ์ครั้งนี้ มีถึง 99 ศพแล้ว
ไม่ใช่ 98 ศพดังที่หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวกัน
โดย 1 ศพสุดท้าย คือ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง หรือลุงคิม
อันที่จริงลุงคิมได้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2555 ที่โรงพยาบาลมเหสักข์ หลังจากทนทุกข์ทรมานรักษาตัวอยู่เกือบ 2 ปี
แต่ไม่ได้นำมารวมไว้อย่างเป็นทางการ
ลุงคิมวัย 55 ปี ไม่ใช่คนเสื้อแดง ไม่ใช่เป็นผู้ไปร่วมชุมนุมแต่อย่างใด
เวลาเที่ยงเศษของวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 ช่วงที่ ศอฉ.สั่งเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจริงปราบม็อบอย่างเมามัน
ลุงคิมไปยืนรอขึ้นรถเมล์ ที่ป้ายรถโดยสารประจำทางบริเวณบ่อนไก่ หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลุมพินี ถนนพระราม 4
จู่ๆ ถูกยิงเข้าที่หลัง แล้วได้รับการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท จากนั้นย้ายไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลมเหสักข์
นับจากวันที่ถูกยิง ผ่านไปเกือบ 2 ปี กระทั่งกลางดึกวันที่ 23 กุมภาพันธ์ จึงสิ้นลมหายใจ
ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ระบุว่า พบหัวกระสุนขนาด .223 นิ้ว ซึ่งใช้กับปืนเอ็ม 16 ฝังในร่างกายของลุงคิม
ชีวิตคนคนหนึ่ง ซึ่งเพียงแค่ไปยืนรอขึ้นรถเมล์ กลับถูกกระสุนปืนในเหตุปราบปรามม็อบของประเทศไทย ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนถึงแก่ความตาย
ถ้าไปถามความรับผิดชอบจากนายกรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบบ้านเมืองขณะนั้น ก็โยนไปที่ชายชุดดำอยู่ดี
ชายชุดดำอันเลื่อนลอย ไม่อาจพิสูจน์หาตัวตนได้
แต่ในด้านตรงข้าม มองข้อเท็จจริงในความตายของลุงคิม อย่างไม่เลื่อนลอย
พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพยานหลายปาก ที่เห็นเหตุการณ์ขณะนั้น
พยานให้การสอดคล้องต้องกันว่า ขณะนั้นมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับกองกำลังเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งฝ่าย
เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธและกระสุนจริง ยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม
ขณะเดียวกัน ผลการตรวจวิถีกระสุนปืนในที่เกิดเหตุนั้น พบแนววิถีกระสุนปรากฏร่องรอยชัดเจน ทั้งในจุดที่ลุงคิมถูกยิงและบริเวณใกล้เคียง
ทั้งหมดยิงมาจากแนวที่ตั้งของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ
คดีการตายของลุงคิม ซึ่งเป็นศพที่ 99 คงจะต้องรวบรวมเสนออัยการเพื่อนำขึ้นสู่ศาล ทำการไต่สวนชันสูตรศพ
เพราะพยานหลักฐานในชั้นนี้เชื่อว่าเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ตามคำสั่งของ ศอฉ.
ถ้าหากศาลมีคำสั่งว่า เป็นการตายจากการกระทำของ
เจ้าหน้าที่รัฐโดยคำสั่งของ ศอฉ.จริง ก็จะเป็นอีกสำนวนที่กลายเป็นคดีฆาตกรรมต่อไป
ตามพยานหลักฐานเป็นเช่นนี้
ไม่มีพยานในที่เกิดเหตุรายใดเลย ที่เห็นชายชุดดำยิงใส่ผู้ชุมนุม
มีแต่กลุ่มนักการเมืองที่ในขณะนั้นเก็บตัวอยู่ในกองพันทหารราบที่ 11 เป็นเวลาหลายเดือน
ไม่ได้อยู่ในสถานที่จริง ไม่ได้เห็นความจริง
กลับเป็นกลุ่มเดียวที่ยืนยันด้วย "ปาก" ว่ามีชายชุดดำยิงฆ่าคน
ไอ้ฆาตกรอำมหิต สั่งเข่นฆ่าประชาชน
![:wub:](http://static.serithai.net/webboard/public/style_emoticons/default/wub.png)
![:wub:](http://static.serithai.net/webboard/public/style_emoticons/default/wub.png)