พาณิชย์ชงครม.ซื้อข้าวเขมร ฟุ้งไม่หวั่นสวมสิทธิ์ช่วยกันเวียดนามทุบราคา
พาณิชย์มาแปลก!เตรียมชง ครม.ตั้งเขตพิเศษแนวชายแดนไทย–กัมพูชา แย่งซื้อข้าวเปลือกมาสีขาย ชี้ดีกว่าปล่อยให้ไหลไปเวียดนามแล้วมาขายทุบราคา ยันป้องกันการสวมสิทธิ์เข้าโครงการรับจำนำได้ “บุญทรง”ย้ำทำเอ็มโอยูขายข้าวจีนไม่เร่งรีบ ฟุ้งจีบอีก 2–3 ประเทศซื้อข้าวไทย พร้อมดำเนินคดีโรงสี จ.อุบลราชธานี ผู้ส่งออกย้ำหากไม่ปรับนโยบายรับจำนำใน 2–3 ปี อุตสาหกรรมข้าวไทยด้อยลงแน่
นาย อัครพงศ์ ทีปวัชระ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโครงการศึกษาการจัดตั้งเขตพิเศษในจังหวัดต่างๆ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรับซื้อข้าวเปลือกจากประเทศกัมพูชา เข้ามาสีแปรสภาพและส่งออก ซึ่งจะช่วยให้ไทยได้ประโยชน์จากการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ข้าวส่วนเกินที่กัมพูชาไม่สามารถสีแปรสภาพได้หมดประมาณ 3 ล้านตัน ไหลเข้าไปยังเวียดนาม ทำให้เวียดนามส่งออกข้าวทุบตลาดในราคาถูก
“ถ้าไทยซื้อข้าวส่วนเกินของกัมพูชา 3 ล้านตันเข้ามาสีแปรสภาพและส่งออกเอง จะได้ประโยชน์ด้านมูลค่ามากกว่าปล่อยโอกาสให้เวียดนามได้ข้าวส่วนนี้ไป เพราะไทยมีโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมข้าวดีกว่า ซึ่งไทยอาจจะขายได้ราคาตันละ 500 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจุบันเวียดนามขายตันละ 440 เหรียญสหรัฐฯ”
ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการโครงการนี้จริง ทุกขั้นตอนจะต้องมีการตรวจสอบและรายงานต่อกระทรวงพาณิชย์ทั้งหมด โดยจะขึ้นทะเบียนทั้งโรงสีในพื้นที่เขตพิเศษ ผู้ส่งออก และควบคุมการนำเข้าข้าวเปลือกจากกัมพูชา โดยต้องรายงานปริมาณการนำเข้าว่านำเข้าจำนวนเท่าใด สีแปรสภาพแล้วได้เป็นข้าวสารเท่าใด ส่งออกไปขายประเทศใด ในปริมาณเท่าใด จึงคิดว่าจะไม่เกิดการนำข้าวเข้ามาสวมสิทธิ์โครงการรับจำนำแน่นอน
นาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ถึงการทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีนปีละ 5 ล้านตันระยะเวลา 3 ปีว่า ได้หารือกับรัฐบาลจีนมานานแล้ว ไม่ได้รีบร้อนให้ ครม.เห็นชอบ นอกจากนั้น อยู่ระหว่างเจรจากับอีก 2-3 ประเทศ และน่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายในเร็วๆนี้
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การทำเอ็มโอยูกับจีนเป็นการรับประกันว่า ผู้ขายจะสามารถขายข้าวได้ และผู้ซื้อจะได้ข้าวตามที่ต้องการแน่นอน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่า มีอีกหลายประเทศที่ต้องการซื้อข้าวจากไทย แม้จะมีราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ไม่ใช่ข้าวในสต๊อกรัฐขายไม่ออกเหมือนอย่างที่หลายฝ่ายกล่าวหา ส่วนการประชุมกขช.นั้น ที่ประชุมได้สั่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้น 2 ชุด เพื่อดูแลเงินทุนหมุนเวียนในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 55/56 และคณะอนุกรรมการดูแลบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า ในการรับจำนำโครงการที่ผ่านๆ มา บริษัทเซอร์เวเยอร์บางรายไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำตาม มาตรฐาน ซึ่งหากมีการตรวจสอบพบจะต้องถูกขึ้นบัญชีดำ และสั่งพักใบอนุญาต 3-6 เดือน”
ด้านนางวิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กขช.มีมติให้กรมการค้าภายในส่งฟ้องดำเนินคดีกับโรงสีข้าวไตรหิรัญ 2555 ต. กุดชมพู อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ที่นำข้าวที่เกษตรกรนำมาจำนำไปขายโดยไม่มีใบเบิกสินค้าถึง 2 ครั้งรวม 1,500 ตัน และสั่งให้ออกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 55/56 แล้ว สำหรับความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีปี 55/56 ที่เริ่มจำนำตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.55 นั้น ล่าสุดมีข้าวเข้าโครงการแล้ว 1.5 ล้านตันข้าวเปลือก ได้สีแปรสภาพเป็นข้าวสารแล้วทั้งหมด ส่งผลให้มีโกดังกลาง และคลังกลางสำหรับเก็บข้าวในโครงการรับจำนำได้อีก 13.5 ล้านกระสอบ
นาง สาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวในการเสวนาหัวข้อ “ทิศทางการปฏิรูปนโยบายข้าวไทยในอนาคต” ว่า วันนี้ไทยคงไม่ได้เป็นเบอร์ 1 ในด้านการส่งออกข้าว ซึ่งขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะบริหารจัดการข้าวกองโตในสต๊อกรัฐอย่างไร หากสามารถจัดการได้โดยการขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือปล่อยให้เอกชนนำไปขายในราคาถูก ไทยก็กลับมาเป็นเบอร์ 1 ในการส่งออกข้าวได้แน่ แต่หากไม่มีการปรับนโยบายการรับจำนำภายใน 2-3 ปี อุตสาหกรรมข้าวไทยจะด้อยลงไป ส่วนนายวลิต เจริญสมบัติ ประธานศูนย์ส่งเสริมและผลิต–พันธุ์ข้าวชุมชน อ.เมืองราชบุรี กล่าวว่า นโยบายการอุดหนุนราคาข้าวของทุกรัฐบาล เป็นนโยบายที่ทำลายให้เกษตรกรอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทำให้มีการทุจริตตั้งแต่รากหญ้า ถ้าการเมืองจริงใจ ไม่ห่วงคะแนนเสียง ต้องเลิกออกนโยบายมอมเมาเกษตรกร และหันมากำหนดทิศทางข้าวไทยส่งเสริมให้วิถีชีวิตเกษตรกรดีขึ้น.
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
9 พฤศจิกายน 2555, 05:30 น.
http://m.thairath.co...tent/eco/304779
Edited by antiseptic, 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:20.