ลองมาทบทวนกันกับคำกล่าว “หลวงตามหาบัว” ผิดหวัง “ทักษิณ” อย่างรุนแรง...
#1
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:16
คำเทศนาโดยละเอียดของหลวงตามหาบัว มีดังนี้...
“นี่ละเรื่องธรรม เป็นอย่างไรธรรม ธรรมพอ โลกนี้ไม่พอ เห็นไหมที่เขาโจมตีนายกฯ อยู่เวลานี้ เราพูดชัดๆ อย่างนี้ละ นายกฯ คนนี้ก็เป็นนายกฯ ที่สมบูรณ์พูนผลทุกสิ่งทุกอย่าง ควรที่จะเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายที่ยากจนในประเทศไทยของเราได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่ได้มาเกี่ยวกับเจ้าของที่จะไปรีดไปไถเขาแบบใดๆ เลยนะ จะเรียกว่าเรา จะว่าเราเผลอตัวก็ได้ นายกฯ คนนี้เราเป็นผู้อุ้มขึ้น เหตุที่เราอุ้มขึ้นมาก็เพราะเห็นความยากจนของประชาชนและถูกรีดถูกไถตลอดมา วาระสุดท้ายก็ถูกรีดไถเสียจนจะไม่มีเงินค้างคลังหลวงเลย ถึงขนาดที่เราได้ห้ามในคลังหลวงรวมบัญชีไม่ให้รวม เข้าใจไหมละ ใครไปห้ามละ เราก็ห้าม นี่มันหนักขนาดบ้านเมืองนี้ล่มจมลงไป ทำอย่างไร ผู้ใดที่จะพออาศัยได้บ้าง
เราก็มองเห็นคุณทักษิณนายกฯ เรานี่ นี่พูดออกจากนี้ให้มันชัดทั่วประเทศไทย เราไม่ได้คิดธรรมมากนะ เราคิดทางด้านวัตถุมาก สกุลนี้เป็นสกุลที่มั่งคั่งสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นสกุลที่ควรจะได้ให้บรรดาพี่น้องชาวไทยที่ยากจนได้อาศัยพอสมควร เราจึงอุ้มคนนี้ขึ้นมา เพราะว่าคนนี้เป็นผู้ที่สมบูรณ์พูนผลแล้วจะมีแต่การสงเคราะห์โลกช่วยโลกโดยถ่ายเดียวๆ เจ้าของไม่หิวโหยพอที่จะมาหากอบหาโกยออกจากผู้ใด เพราะมีแล้วโดยหลักธรรมเป็นอย่างนั้นนะ
ทีนี้มันไม่ไปตามหลักธรรมละซิ เดี๋ยวนี้มันฟังเสียงที่ไหน มันก็หูคน หูคนด้วย หูธรรมด้วยนะ ใจธรรมด้วย ไปที่ไหนฟังว่าเดือดร้อนกันไปทั่วทุกแห่งหนตำบล เศรษฐีทำไมทำความเดือดร้อนแก่โลก และเจ้าของมาเป็นเศรษฐีกลายเป็นเศรษฐีที่เหม็นคลุ้งทั่วประเทศไทย แน่ะ เศรษฐีเน่าเฟะ พอไปที่ไหนมีแต่คนชี้หน้าชี้ตา ชี้ลับหลัง ชี้ทุกแบบทุกฉบับด้วยความรีดไถคดโกงแบบนั้นแบบนี้ ไม่มีใครเกินเศรษฐีเงินไปโกงเขา ด้วยความอยากไม่พอ มันกระเทือนมาถึงใจเรา เราจึงพูดอย่างนี้เอง เรายกขึ้นเองเพื่อจะให้ช่วยชาติบ้านเมือง จึงไม่ค่อยคำนึงเรื่องอรรถเรื่องธรรมว่าควรหรือไม่ควรนัก เพราะฐานะเขามันสูงมากอยู่แล้ว เราจึงไม่เอาธรรมเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็เห็นว่าฐานะมากแล้วจะไม่ยุ่งกับใคร มีแต่จะช่วยโลกเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราคิดอย่างนั้น เราจึงอุ้มขึ้นมาให้เป็น เมื่อเป็นไปแล้วมันกลับตรงกันข้ามกับที่เห็น จนกลายเป็นเศรษฐีเหม็นคลุ้งทั่วประเทศเขตแดน เศรษฐีมีอยู่ที่ไหนเป็นที่ชื่นชมยินดีของประชาชนทั่วโลกดินแดน แต่เศรษฐีในเมืองไทยเราทำไมเป็นเศรษฐีที่เหม็นคลุ้งทั่วโลก เน่าเฟะทั่วโลก เป็นความเดือดร้อนแก่ประชาชนด้วยความเป็นเศรษฐีของซากศพเน่าเฟะในท่ามกลางแห่งประเทศไทยอย่างนี้น่ะ มันก็พูดได้ซีเรา
นี่มันเป็นอย่างนี้นะความโลภ ฟังซิความโลภ มันได้พอเมื่อไร ไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอความโลภนะ โลภเอาเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มันฟังไม่ได้นะกับธรรม จึงพูดออกมาอย่างนี้ละเรา ทีนี่จะหาผู้แทนที่ไหนอีก เราก็คาดผิด เรายอมรับว่า เราคาดผิด เพราะเราไม่ได้เอาธรรมเข้าไปจับเหมือนสิ่งทั้งหลาย สิ่งทั้งหลายเราเอาธรรมจับพิจารณาเสียก่อนทุกอย่างให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วออกๆ อันนี้เราบกพร่อง เราไม่ค่อยใช้ธรรมพินิจพิจารณานัก เอาวัตถุเห็นว่ามีความแน่นหนามั่นคงอยู่แล้ว ร่ำลือมาทั่วประเทศเราเป็นเวลานานแสนนาน จึงหลงคิดลืมคิดไปว่าจะไปรีดไถใครหรือไม่ คิดอย่างเดียวว่าทีนี้จะไม่รีดไถละเพราะเขามั่งมีแล้ว มีแต่จะช่วยโลก สมบูรณ์พูนผล แล้วมันกลับเป็นอย่างที่เห็น เห็นไหมละ อย่างนี้ละจึงทำให้เราคิด เราผิดไป คือเรามองวัตถุ ข้ามธรรมไป
ทีนี้เวลาวัตถุแสดงพิษภัยขึ้นมาธรรมจึงขึ้นมารับ มันสายไปเสียแล้ว เป็นอย่างนี้ละ โอ๋ยทุเรศนะเรา นี่ละกิเลสตัณหามันไม่พอนะ ทีนี้ธรรมเป็นอย่างไร เอายันเลยนี่ พอ เราพอทุกอย่าง เราไม่เอาอะไร บรรดาประชาชนมาถวายปัจจัยไทยทานมากน้อยเพียงไรออกช่วยโลกทั้งนั้น ไม่มี เราไม่เอาอะไรเลย เราจึงกล้าพูด ยันกันได้กับโลก โลกนำโลกนำเพื่อความล่มจม ธรรมนำโลกนำเพื่อความฟื้นฟูจริงๆ อย่างที่เรานำ เราไม่คุย เราทำย่างนี้ตลอดมา เราบริสุทธิ์ในหัวใจเราตลอด แม้แต่คิดออกมาแว็บ อะไรเป็นผิดมันจะปัดของมันทันที ปัดของมันทันที ไม่นำออกใช้เลย ถูกต้องแม่นยำแล้วออกใช้ตามกิริยาของธรรมที่เราเห็นว่าถูกต้องมากน้อยเพียงไร จะออกตามนั้นๆ เรื่อยมาอย่างนี้ เราช่วยโลกอย่างนี้เหมือนกันนะ นี่ละธรรมกับโลก”
อ่านคำเทศนา “ธรรมนำโลก” จากเว็บไซต์ luangta.com โดยผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2549 19:10 น.
เผื่อพวกหลงผิด หน้ามืด วิงเวียนคล้ายจะเป็นควาย อ่านแล้วจะสำเหนียกไปถึงกมลสันดานบ้าง... ขนาดพระท่านยังเคยหวังเพราะอะไร... แล้วผิดความคาดหวังเพราะอะไร...
- จูกัดขงเบ้ง and RaRa like this
#3
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:50
[attachment=9254:579153_419887431409700_1853422313_n.jpg]
คำเทศนาโดยละเอียดของหลวงตามหาบัว มีดังนี้...
“นี่ละเรื่องธรรม เป็นอย่างไรธรรม ธรรมพอ โลกนี้ไม่พอ เห็นไหมที่เขาโจมตีนายกฯ อยู่เวลานี้ เราพูดชัดๆ อย่างนี้ละ นายกฯ คนนี้ก็เป็นนายกฯ ที่สมบูรณ์พูนผลทุกสิ่งทุกอย่าง ควรที่จะเป็นผู้นำพี่น้องทั้งหลายที่ยากจนในประเทศไทยของเราได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยไม่ได้มาเกี่ยวกับเจ้าของที่จะไปรีดไปไถเขาแบบใดๆ เลยนะ จะเรียกว่าเรา จะว่าเราเผลอตัวก็ได้ นายกฯ คนนี้เราเป็นผู้อุ้มขึ้น เหตุที่เราอุ้มขึ้นมาก็เพราะเห็นความยากจนของประชาชนและถูกรีดถูกไถตลอดมา วาระสุดท้ายก็ถูกรีดไถเสียจนจะไม่มีเงินค้างคลังหลวงเลย ถึงขนาดที่เราได้ห้ามในคลังหลวงรวมบัญชีไม่ให้รวม เข้าใจไหมละ ใครไปห้ามละ เราก็ห้าม นี่มันหนักขนาดบ้านเมืองนี้ล่มจมลงไป ทำอย่างไร ผู้ใดที่จะพออาศัยได้บ้าง
เราก็มองเห็นคุณทักษิณนายกฯ เรานี่ นี่พูดออกจากนี้ให้มันชัดทั่วประเทศไทย เราไม่ได้คิดธรรมมากนะ เราคิดทางด้านวัตถุมาก สกุลนี้เป็นสกุลที่มั่งคั่งสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย เป็นสกุลที่ควรจะได้ให้บรรดาพี่น้องชาวไทยที่ยากจนได้อาศัยพอสมควร เราจึงอุ้มคนนี้ขึ้นมา เพราะว่าคนนี้เป็นผู้ที่สมบูรณ์พูนผลแล้วจะมีแต่การสงเคราะห์โลกช่วยโลกโดยถ่ายเดียวๆ เจ้าของไม่หิวโหยพอที่จะมาหากอบหาโกยออกจากผู้ใด เพราะมีแล้วโดยหลักธรรมเป็นอย่างนั้นนะ
ทีนี้มันไม่ไปตามหลักธรรมละซิ เดี๋ยวนี้มันฟังเสียงที่ไหน มันก็หูคน หูคนด้วย หูธรรมด้วยนะ ใจธรรมด้วย ไปที่ไหนฟังว่าเดือดร้อนกันไปทั่วทุกแห่งหนตำบล เศรษฐีทำไมทำความเดือดร้อนแก่โลก และเจ้าของมาเป็นเศรษฐีกลายเป็นเศรษฐีที่เหม็นคลุ้งทั่วประเทศไทย แน่ะ เศรษฐีเน่าเฟะ พอไปที่ไหนมีแต่คนชี้หน้าชี้ตา ชี้ลับหลัง ชี้ทุกแบบทุกฉบับด้วยความรีดไถคดโกงแบบนั้นแบบนี้ ไม่มีใครเกินเศรษฐีเงินไปโกงเขา ด้วยความอยากไม่พอ มันกระเทือนมาถึงใจเรา เราจึงพูดอย่างนี้เอง เรายกขึ้นเองเพื่อจะให้ช่วยชาติบ้านเมือง จึงไม่ค่อยคำนึงเรื่องอรรถเรื่องธรรมว่าควรหรือไม่ควรนัก เพราะฐานะเขามันสูงมากอยู่แล้ว เราจึงไม่เอาธรรมเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็เห็นว่าฐานะมากแล้วจะไม่ยุ่งกับใคร มีแต่จะช่วยโลกเต็มเม็ดเต็มหน่วย เราคิดอย่างนั้น เราจึงอุ้มขึ้นมาให้เป็น เมื่อเป็นไปแล้วมันกลับตรงกันข้ามกับที่เห็น จนกลายเป็นเศรษฐีเหม็นคลุ้งทั่วประเทศเขตแดน เศรษฐีมีอยู่ที่ไหนเป็นที่ชื่นชมยินดีของประชาชนทั่วโลกดินแดน แต่เศรษฐีในเมืองไทยเราทำไมเป็นเศรษฐีที่เหม็นคลุ้งทั่วโลก เน่าเฟะทั่วโลก เป็นความเดือดร้อนแก่ประชาชนด้วยความเป็นเศรษฐีของซากศพเน่าเฟะในท่ามกลางแห่งประเทศไทยอย่างนี้น่ะ มันก็พูดได้ซีเรา
นี่มันเป็นอย่างนี้นะความโลภ ฟังซิความโลภ มันได้พอเมื่อไร ไม่พอ ได้เท่าไรไม่พอความโลภนะ โลภเอาเสียทุกสิ่งทุกอย่าง มันฟังไม่ได้นะกับธรรม จึงพูดออกมาอย่างนี้ละเรา ทีนี่จะหาผู้แทนที่ไหนอีก เราก็คาดผิด เรายอมรับว่า เราคาดผิด เพราะเราไม่ได้เอาธรรมเข้าไปจับเหมือนสิ่งทั้งหลาย สิ่งทั้งหลายเราเอาธรรมจับพิจารณาเสียก่อนทุกอย่างให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้วออกๆ อันนี้เราบกพร่อง เราไม่ค่อยใช้ธรรมพินิจพิจารณานัก เอาวัตถุเห็นว่ามีความแน่นหนามั่นคงอยู่แล้ว ร่ำลือมาทั่วประเทศเราเป็นเวลานานแสนนาน จึงหลงคิดลืมคิดไปว่าจะไปรีดไถใครหรือไม่ คิดอย่างเดียวว่าทีนี้จะไม่รีดไถละเพราะเขามั่งมีแล้ว มีแต่จะช่วยโลก สมบูรณ์พูนผล แล้วมันกลับเป็นอย่างที่เห็น เห็นไหมละ อย่างนี้ละจึงทำให้เราคิด เราผิดไป คือเรามองวัตถุ ข้ามธรรมไป
ทีนี้เวลาวัตถุแสดงพิษภัยขึ้นมาธรรมจึงขึ้นมารับ มันสายไปเสียแล้ว เป็นอย่างนี้ละ โอ๋ยทุเรศนะเรา นี่ละกิเลสตัณหามันไม่พอนะ ทีนี้ธรรมเป็นอย่างไร เอายันเลยนี่ พอ เราพอทุกอย่าง เราไม่เอาอะไร บรรดาประชาชนมาถวายปัจจัยไทยทานมากน้อยเพียงไรออกช่วยโลกทั้งนั้น ไม่มี เราไม่เอาอะไรเลย เราจึงกล้าพูด ยันกันได้กับโลก โลกนำโลกนำเพื่อความล่มจม ธรรมนำโลกนำเพื่อความฟื้นฟูจริงๆ อย่างที่เรานำ เราไม่คุย เราทำย่างนี้ตลอดมา เราบริสุทธิ์ในหัวใจเราตลอด แม้แต่คิดออกมาแว็บ อะไรเป็นผิดมันจะปัดของมันทันที ปัดของมันทันที ไม่นำออกใช้เลย ถูกต้องแม่นยำแล้วออกใช้ตามกิริยาของธรรมที่เราเห็นว่าถูกต้องมากน้อยเพียงไร จะออกตามนั้นๆ เรื่อยมาอย่างนี้ เราช่วยโลกอย่างนี้เหมือนกันนะ นี่ละธรรมกับโลก”
อ่านคำเทศนา “ธรรมนำโลก” จากเว็บไซต์ luangta.com โดยผู้จัดการออนไลน์ 16 กุมภาพันธ์ 2549 19:10 น.
เผื่อพวกหลงผิด หน้ามืด วิงเวียนคล้ายจะเป็นควาย อ่านแล้วจะสำเหนียกไปถึงกมลสันดานบ้าง... ขนาดพระท่านยังเคยหวังเพราะอะไร... แล้วผิดความคาดหวังเพราะอะไร...
ถ้าดิฉันรวย จะทำเหมือนบิล เกตต์ กับ วอเรน บัฟเฟต์
- พระฤๅษี likes this
#4
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:18
เสื้อแดงมันคงคิด ว่าตอนชุมนุมกูก็มีพระ หลวงตาก็เป็นพระแล้วมันต่างกันตรงไหน
แต่มันคงไม่รู้ถึงว่า คำว่าพระคงเหมือนกันหมด แต่ว่าพระที่เป็น ประชาธิปไตยมันยิ่งใหญ่มากๆ
ยิ่งพระถือธงแดง ประชาธิปไตยลงคาถา ลงของ ฟันแทงไม่เข้า.................
- wat likes this
#5
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:37
คอมเม้นนี้แค่เปรียบเทียบนะครับ
เสื้อแดงมันคงคิด ว่าตอนชุมนุมกูก็มีพระ หลวงตาก็เป็นพระแล้วมันต่างกันตรงไหน
แต่มันคงไม่รู้ถึงว่า คำว่าพระคงเหมือนกันหมด แต่ว่าพระที่เป็น ประชาธิปไตยมันยิ่งใหญ่มากๆ
ยิ่งพระถือธงแดง ประชาธิปไตยลงคาถา ลงของ ฟันแทงไม่เข้า.................
ถ้ายิงกบาลพระที่ว่าเหนียวและไปบ้าบอกับแดงแล้วตำหนวดไม่จับ... ช่วยนิมนต์ผ่านมาแถวบ้านสักองค์ฮะ ... อยากจะถวายเป็นทักษิณาทาน ประเคนให้สักนัดสองนัดฮะ ... บาปไม่เท่าไหร่ฮะ เพราะแม่มไม่ใช่อรหันต์แน่ๆ กลัวติดคุกมากกว่าฮะ ... คุงพันยายังสาวอยู่ด้วย...
#6
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:11
ซึ่ง..พระอริยฯ น่าจะมีญาณนี้ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก วานผู้รู้ธรรม...
ช่วยอนุเคราะห์ด้วย มีแกนนำท่านหนึ่ง เคยกล่าวว่า ท่านก็ไม่ทราบ
ว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้ ถ้าทราบก็คงไม่ชวนมา. เรื่องนี้ผมก็อภัยให้
ไปแล้ว เพราะแกนนำท่านนี้เป็น ชาวบ้านที่อยู่ในศีลในธรรมท่านหนึ่ง
เท่านั้น แต่หลวงตาเป็นภิกษุผู้มีศีลมีธรรม โดยเฉพาะ ศิษย์ ถือว่าท่าน
เป็น พระอริยบุคคล. จึงทำให้เกิดความสงสัย. ( ขอผู้รู้ธรรมอธิบาย ) ด้วย
#7
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:38
หลวงตาฯท่านพูดแบบนี้ ก็เหมือน หลวงตาไม่ได้ ( อนาคตังสญาณ)
ซึ่ง..พระอริยฯ น่าจะมีญาณนี้ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก วานผู้รู้ธรรม...
ช่วยอนุเคราะห์ด้วย มีแกนนำท่านหนึ่ง เคยกล่าวว่า ท่านก็ไม่ทราบ
ว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้ ถ้าทราบก็คงไม่ชวนมา. เรื่องนี้ผมก็อภัยให้
ไปแล้ว เพราะแกนนำท่านนี้เป็น ชาวบ้านที่อยู่ในศีลในธรรมท่านหนึ่ง
เท่านั้น แต่หลวงตาเป็นภิกษุผู้มีศีลมีธรรม โดยเฉพาะ ศิษย์ ถือว่าท่าน
เป็น พระอริยบุคคล. จึงทำให้เกิดความสงสัย. ( ขอผู้รู้ธรรมอธิบาย ) ด้วย
อริยสงฆ์ตามพุทธวจนะก็มี 4 ลำดับนั่นแหละครับลุง... โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี และอรหันต์ แต่ท่านจะอยู่ลำดับไหน... "มันเป็นปัจจัตตัง" คือ "รู้ได้เฉพาะตน" แต่คนหรือสงฆ์ภายนอกผู้อื่นท่านก็ให้ดูที่ "วัตรปฏิบัติ" ว่าเป็นที่น่าเลื่อมใส, ลึกซึ้งในอรรถ ในธรรมที่ถูกที่ควรหรือไม่ครับ...
ความหมายที่ลุงว่าคงคิดแบบคนทั่วไปคือการ "คาดหวังสูงสุด" คิดว่าท่านเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ท่านทำไม่ได้, ท่านไม่รู้... ตามพุทธวจนะพระศาสดาตรัสว่า "สัพพัญญู" คือผู้รู้แจ้งแห่งโลกธาตุนี้นั้น... "มีพระองค์หรือผู้ที่เป็นเหมือนพระองค์เท่านั้น" ... พระอรหันต์ "ก็ไม่ใช่สัพพัญญู" ครับ... เป็นแค่ "มรรคานุคา" คือผู้เดินตามมรรคเหมือนกันทั้งหมดเท่านั้นครับ
Edited by wat, 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:39.
- พระฤๅษี likes this
#8
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:59
หลวงตาฯท่านพูดแบบนี้ ก็เหมือน หลวงตาไม่ได้ ( อนาคตังสญาณ)
ซึ่ง..พระอริยฯ น่าจะมีญาณนี้ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก วานผู้รู้ธรรม...
ช่วยอนุเคราะห์ด้วย
อนาคตังสญาณ...มี...แต่พระอริยเจ้าท่านก้อใช่ว่าจะใช้พร่ำเพื่อนี่ครับ เพราะถ้าที่ผมเข้าใจ
ส่วนมากพระที่ท่านถึงแล้วท่านก้อวางเรื่องพวกนี้ เพราะอะไรก้อเพราะท่านไม่ยึดไม่ติดแล้ว นอกเสียจากว่าจำเป็นจริงๆ
ส่วน อนาคตังสญาณ...จำเป็นไหมที่คนที่ได้ต้องเป็นพระอรหันต์ คนที่ได้ฌาน 4 ก้อสามารถทำได้ นี่น่า
แต่ส่วนมากคนที่ได้เค้าไม่ใช้กำลังของตัวเองดู เพราะมันผิดได้
เอาแค่นี้เน๊าะ...
- พระฤๅษี likes this
ลูกหลานที่รัก จงจำปฏิปทานี้ไว้ “ถ้ามีความจำเป็นเราต้องเสียสละเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทย แม้แต่ชีวิตก็ต้องยอม”
#9
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:20
หลวงตาฯท่านพูดแบบนี้ ก็เหมือน หลวงตาไม่ได้ ( อนาคตังสญาณ)
ซึ่ง..พระอริยฯ น่าจะมีญาณนี้ แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก วานผู้รู้ธรรม...
ช่วยอนุเคราะห์ด้วย มีแกนนำท่านหนึ่ง เคยกล่าวว่า ท่านก็ไม่ทราบ
ว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้ ถ้าทราบก็คงไม่ชวนมา. เรื่องนี้ผมก็อภัยให้
ไปแล้ว เพราะแกนนำท่านนี้เป็น ชาวบ้านที่อยู่ในศีลในธรรมท่านหนึ่ง
เท่านั้น แต่หลวงตาเป็นภิกษุผู้มีศีลมีธรรม โดยเฉพาะ ศิษย์ ถือว่าท่าน
เป็น พระอริยบุคคล. จึงทำให้เกิดความสงสัย. ( ขอผู้รู้ธรรมอธิบาย ) ด้วย
อริยสงฆ์ตามพุทธวจนะก็มี 4 ลำดับนั่นแหละครับลุง... โสดาบัน, สกิทาคามี, อนาคามี และอรหันต์ แต่ท่านจะอยู่ลำดับไหน... "มันเป็นปัจจัตตัง" คือ "รู้ได้เฉพาะตน" แต่คนหรือสงฆ์ภายนอกผู้อื่นท่านก็ให้ดูที่ "วัตรปฏิบัติ" ว่าเป็นที่น่าเลื่อมใส, ลึกซึ้งในอรรถ ในธรรมที่ถูกที่ควรหรือไม่ครับ...
ความหมายที่ลุงว่าคงคิดแบบคนทั่วไปคือการ "คาดหวังสูงสุด" คิดว่าท่านเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ แล้วทำไมเรื่องแค่นี้ท่านทำไม่ได้, ท่านไม่รู้... ตามพุทธวจนะพระศาสดาตรัสว่า "สัพพัญญู" คือผู้รู้แจ้งแห่งโลกธาตุนี้นั้น... "มีพระองค์หรือผู้ที่เป็นเหมือนพระองค์เท่านั้น" ... พระอรหันต์ "ก็ไม่ใช่สัพพัญญู" ครับ... เป็นแค่ "มรรคานุคา" คือผู้เดินตามมรรคเหมือนกันทั้งหมดเท่านั้นครับ
ใช่เลย ครับ พระอรหันต์ มีอย่างเดียวที่เหมือนกัน ครับ คือท่านบริสุทธิ์ ที่ จิต ละ ตัณหา อุปทานทั้งหลาย ครับ ในส่วน ด้านอื่นๆ เป็นอาภรณ์ เครื่องประดับ เท่านั้น ครับ เหมือน ยกตัวอย่างเช่น พระ อรหันต์ ท่านเป็นคน ส่วนเราเป็นสัตว์ คนที่มีเสื้อผ้า ก็ไม่จำเป็นว่าจะ ต้องเหมือนกันใช่ไหม ครับ ขอ เพียงแค่เป็นคน ถึงไม่มีเสื้อผ้าอะไร ก็ คือ คนครับ
Edited by ter162525, 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:22.
#10
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 15:06
ช่วย อรรถาธิบายด้วย เป็นความรู้เพื่อ ( ธรรมทาน ) เพราะว่า
ถ้าผู้อ่าน กระทู้แล้ว ไม่เข้าใจ ก็จะสงสัยคำกล่าวของ.หลวงตา.
ได้ ว่า หลวงตา ไม่รู้ล่วงหน้าหรือ ? ช่วยกันอธิบาย ให้ง่าย ให้
ผู้ที่สนใจ ได้เข้าใจ จะเป็นประโยชน์ต่อ คนทั่วไปมาก ขออภัย
( ขอให้อธิบาย โดย ธรรม ที่ไม่ยึดติด อัตตา ) ขอบพระคุณ...
#11
ตอบ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 17:03
คอมเม้นนี้แค่เปรียบเทียบนะครับ
เสื้อแดงมันคงคิด ว่าตอนชุมนุมกูก็มีพระ หลวงตาก็เป็นพระแล้วมันต่างกันตรงไหน
แต่มันคงไม่รู้ถึงว่า คำว่าพระคงเหมือนกันหมด แต่ว่าพระที่เป็น ประชาธิปไตยมันยิ่งใหญ่มากๆ
ยิ่งพระถือธงแดง ประชาธิปไตยลงคาถา ลงของ ฟันแทงไม่เข้า.................
ถ้ายิงกบาลพระที่ว่าเหนียวและไปบ้าบอกับแดงแล้วตำหนวดไม่จับ... ช่วยนิมนต์ผ่านมาแถวบ้านสักองค์ฮะ ... อยากจะถวายเป็นทักษิณาทาน ประเคนให้สักนัดสองนัดฮะ ... บาปไม่เท่าไหร่ฮะ เพราะแม่มไม่ใช่อรหันต์แน่ๆ กลัวติดคุกมากกว่าฮะ ... คุงพันยายังสาวอยู่ด้วย...
เจอแบบนี้ น่าทำปืนลั่นใส่ไหมครับ
- wat and แอบดูที่รูเดิม like this
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน