เป็นเพราะเสธ อ้ายไม่เคยคิดหักหลังใคร จึงไม่คิดว่าตนจะถูกหักหลัง
#1
Posted 29 November 2012 - 08:22
เผื่อท่านที่ไม่ได้อ่านในกระทู้ที่เคยเข้าไปแปะไว้
เสธ.หนั่น'กับ'เสธ.อ้าย' : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา
ก่อนหน้า "เสธ.อ้าย" จะนัดชุมนุมใหญ่ 2 วัน ก็มีข่าว "เสธ.หนั่น" พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ศิริราช ด้วยปัญหาโรคระบบทางเดินหายใจ (ถุงลมโป่งพอง) ขณะนี้ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์
ครั้นถึงวันที่ "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นำทัพประชาชนออกสู่สมรภูมิ ก็ประสบความล้มเหลวเหมือนคราวที่เขานำกำลังทหาร 3 กองพัน เข้าก่อการยึดอำนาจแต่ไม่สำเร็จเมื่อ 35 ปีที่แล้ว
สองอดีตนายทหารเป็นตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในหนังสือ "กอดคอเข้าคุก" เขียนโดย ศิระ ดีระพัฒน์, สมชาย ฤกษ์ดี และวีระ มุสิกพงศ์
สมัยโน้น "ศิระ-สมชาย-วีระ" เป็นนักข่าวประจำกองบรรณาธิการนสพ.ชาวไทย โดยมีเจ้าของนสพ.ชื่อ สมพจน์ ปิยะอุย ซึ่งในบันทึกเบื้องหลังการยึดอำนาจเล่มนี้บอกว่า "สมพจน์" เป็นสปอนเซอร์รายหนึ่งของ พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ
จากหนังสือ "กอดคอเข้าคุก" บอกเล่าสาเหตุที่ "เสธ.หลาด" ต้องคิดการใหญ่ สืบเนื่องมาจากแรงแค้นส่วนตัวที่ถูกกระทำจากคณะปฏิรูปการปกครอง 2519 ที่มีคำสั่งปลด "พล.อ.ฉลาด" ออกจากตำแหน่งประจำการกองบัญชาการทหารสูงสุด
ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 พล.อ.ฉลาด ได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทย จนขยับขึ้นตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก แต่ภายหลังรัฐมนตรีกลาโหมของพรรคประชาธิปัตย์ เด้ง พล.อ.ฉลาดไปประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด และถูกปลดโดยคณะรัฐประหารที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ และ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์
ศิระ ดีระพัฒน์ บันทึกฉากการวางแผนปฏิวัติโดย พล.อ.ฉลาด กำหนดให้กำลังทหารจาก "พล.ร.9" เมืองกาญจนบุรี เป็นตัวเปิดเกม หลังจากนั้น กำลังทหารในกรุงเทพฯ จะเป็นหน่วยสนับสนุนต่อเนื่อง
ทำไมต้องเป็นทหารกองพลทหารราบที่ 9 ? คำตอบคือ "เสธ.หลาด" มีลูกน้องที่ไว้ใจมากที่สุดคนหนึ่งชื่อ พ.ต.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (ยศและตำแหน่งขณะนั้น)
"พ.ต.บุญเลิศ" ถือว่า พล.อ.ฉลาด เป็นผู้มีพระคุณ ตั้งแต่สมัยเขารับราชการเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษที่จังหวัดเชียงราย "เสธ.หลาด" ดูแลกรมยุทธการ ได้ชวนทหารหนุ่มไปอยู่กรุงเทพฯ ต่อมาได้ไปร่วมรบในสงครามเวียดนามในนาม "กองพลเสือดำ" โดยมี "เสธ.หลาด" เป็น ผบ.กองกำลังทหารไทย
เมื่อสงครามในเวียดนามยุติ ทหารอาสาสมัครในนามกองพลเสือดำก็เข้าประจำการในกองพลทหารราบที่ 9 เมืองกาญจนบุรี ฉะนั้นทหารหนุ่มคุมกำลังระดับกองพันจึงมีเคารพนับถือ "เสธ.หลาด" เป็นอย่างมาก
เวลานั้น "พ.ต.บุญเลิศ" เป็นผู้บังคับกองพันที่ 1 และทำการแทน 2 กองพันคือกองพันที่ 2 และ 3 ได้นำกำลังทหารไม่เต็มอัตราจากเมืองกาญจน์ เข้ายึดสวนรื่นฤดี หอประชุมกองทัพบก และสนามเสือป่า ในช่วงเช้าตรู่วันที่ 26 มีนาคม 2520 แต่โชคร้ายของ "เสธ.หลาด" ไม่มีหน่วยทหารในกรุงเทพฯ ออกมาสนับสนุนตามที่ตกลงกันไว้
สุดท้ายฉากจบของคณะปฏิวัติก็มาถึง พ.ต.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) ในฐานะเพื่อนรักของ พ.ต.อัศวิน หิรัญศิริ ลูกชาย "เสธ.หลาด" ได้อาสา พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เข้าเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการปฏิวัติจนได้ข้อยุติ
รัฐบาลออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องการยินยอมให้บุคคล 5 คน ประกอบด้วย พล.อ.ฉลาด, พ.ท.สนั่น ขจรประศาสน์ (ทหารคนสนิทของ เสธ.หลาด), พ.ต.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์, พ.ต.วิศิษฐ์ คงประดิษฐ์ และพ.ต.อัศวิน หิรัญศิริ (ลูกชายของ เสธ.หลาด) ให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวนายทหารชั้นผู้ใหญ่สองคน
พอถึงสนามบินดอนเมือง พล.อ.เกรียงศักดิ์ไม่ทำตามข้อตกลง หรือพูดง่ายๆ ว่า "หักหลัง" จึงทำให้ผู้ก่อการทั้งหมดกลายเป็นกบฏในทันที
วันนี้ "เสธ.อ้าย" อดีตผู้ก่อการ 26 มีนา ร่วมมือกับ สมพจน์ ปิยะอุย ตั้งองค์การพิทักษ์สยาม ประกาศปฏิวัติประชาชน แต่กระทำการไม่สำเร็จ และกำลังโดนกล่าวโทษว่าเป็น "กบฏ" อีกครั้งหนึ่ง
จาก คมชัดลึก
http://www.komchadlu...ับเสธ.อ้าย.html
- คุณฉงน likes this
#2
Posted 29 November 2012 - 08:23
ส่วนเหตุแห่งการเลิกราอภิมหาสงครามเมื่อวานนี้ เพราะอะไร ผมก็ไม่อาจทราบได้ แต่ขอมองแบบมุมของผม ดังนี้
1. ฝ่ายตำรวจผิดคำพูดใช่ไหม?
เราได้ทราบจากเสธอ้ายว่า มีตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาเข้าไปเจรจากับเสธอ้ายในวันก่อนม็อบเลิก และเป็นที่แน่ชัดว่า เสธฯบอกขอเปิดถนนราชดำเนินให้ม็อบเข้ามา และก็จะเป็นไปตามธรรมชาติ คือ ถ้ามากันเยอะ ม็อบจะยาวไปถึง ผ่านฟ้าถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งถ้ามีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆจะต่อไปถึงสนามหลวง และยาวต่อไปอีก นั่นคือเสธฯแกมองว่าให้เป็นไปตามธรรมชาติ เน้นปริมาณ แต่ตำรวจ 2 คนนั้น เมื่อรับปาก ทราบแผนเสธฯแกแล้ว แต่ไม่ทำตามคำพูด กลับนำกำลังตำรวจไปปิดที่สะพานมัฆวาน เพื่อไม่ให้ม็อบเข้ามาได้ เมื่อบวกกับการที่ปิดกั้นไม่ให้รถที่นำคนจากต่างจังหวัดเข้ามาอีก เคสนี้จึงลงตัวทุกอย่าง ในการไม่ให้จำนวนม๊อบเพิ่มขึ้น
ถ้าเสธอ้ายจะสั่งคนบุกไปด้านหลังพระบรมรูปทรงม้าที่เป็นรัฐสภาหรือจะต่อไปที่ทำเนียบรัฐบาล ด้วยจำนวนคนที่เยอะหว่าตำรวจ แต่เสธฯไม่ทำ เพราะเสธฯยึดถือถ้อยคำที่เคยรับปากกับตำรวจ 2 คน ทีมงานมีระดับของเสธฯถึงได้เขียนในเฟสบุ๊คอย่างนี้ครับ
"สลดใจ เสียใจ แต่ใจยังสู้ เพื่อชาติและสถาบัน หวังว่าทุกท่านคงให้อภัยต่อความผิดพลาดที่ไว้ใจคนมากเกินไปและไม่คิดว่าไพร่สีกากีและเฉลิมจะเล่นสกปรกถึงเพียงนี้"
ใครสกปรก ใครใจไม่ถึง ใครเสียสัจจะ ฝ่ายเสธอ้ายหรือคนที่ขอเข้าไปเจรจากับเสธฯ
ที่บอกว่าม็อบมีจำนวนน้อยนั้น ก็ไม่อาจอ้างได้ เพราะถ้าเปิดมัฆวาน คนจะมาตามที่เสธอ้ายหวังหรือไม่ เป็นเรื่องภายภาคหน้า ผมไม่ขอพูดว่า ตำรวจ 2 คนนั้น เป็นใคร แต่การกระทำเช่นนี้ เป็นการตระบัดสัตย์ นักเลงจริงที่มีความเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวเขาไม่ทำกัน แล้วคุณ 2 คน เป็นนักเลงได้ไหม แบบนี้เรียกว่าลูกผู้ชายได้หรือเปล่า ตกลงว่าใส่กางเกงกันใช่ไหมครับ
2. ตำรวจทำผิดกฎหมายหรือไม่?
ต้องดูว่าอำนาจตำรวจที่ห้ามเข้าถนนเส้นนั้นนี้มีหรือไม่ จะบอกว่าอาศัย พรบ.ความมั่นคงนั้น แม้จะสามารถอ้างได้ แต่ต้องดูกฎหมายที่มีศักดิ์และสิทธิ์ใหญ่กว่าด้วย ซึ่งตามมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญ 50 บัญญัติไว้ว่า
"บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ
การจำกัดเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะในกรณีการชุมนุมสาธารณะ และเพื่อคุ้มครองความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างเวลาที่ประเทศอยู่ในภาวะสงครามหรือในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินหรือประกาศใช้กฎอัยการศึก"
ข้อต่อสู้ของตำรวจจะมีแค่ เป็นการชุมนุมสาธารณะ ใช่หรือไม่ใช่ ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่ใช่ตำรวจมาแสดงภูมิอวดรู้แทนศาล แต่ในวันที่ 24 พ.ย.55 คือเมื่อวานนี้ ฝ่ายองค์การพิทักษ์สยามได้บอกล่วงหน้าเป็นระยะเวลาพอสมควร ประชาชนทั้งประเทศก็รู้ว่าจะมีการชุมนุม และกำหนดวันที่แน่นอนว่าจะชุมนุมกี่วัน แต่การปิดสะพานมัฆวาน อาศัยอำนาจตามกฎหมายแน่นะ พวกตำรวจมีหน้าที่มาดูแลความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่มาต่อสู้ด้วยการใช้อาวุธกับประชาชน
การใช้แก๊สน้ำตา ใช้กระบอง ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดกับประชาชนทั่วไป และยิ่งน่าทุเรศในการกระทำคือ ใช้ความรุนแรงกับคนแก่ นักบวช สตรี พวกคุณยังทำกันได้ การชูนิ้วกลางใส่ประชาชน เป็นการยั่วยุเพื่อต้องการให้มีเรื่องหรือเปล่า การปฎิบัติเพื่อระงับความรุนแรงได้กระทำโดยการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนักหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่า พฤติกรรมของตำรวจเมื่อวานนี้ ไม่ใช่ในหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่ควรแก่การชื่นชม หรือก่นด่าประนามให้จมดิน สังคมจะตัดสินเอง
ถ้าฝ่ายกฎหมายขององค์กรพิทักษฺสยามจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อ ต้องมีการรวบรวมจัดเตรียมรูปและคลิปในเหตุการณ์ไว้ และขอให้ดูข้อกฎหมายดีๆ รวมทั้งจัดวางรูปแบบให้รัดกุม หรือจะขอคำปรึกษาจากพี่สุวัตร์ อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตร ก็จะเป็นประโยชน์ เพราะผ่านเรื่องพวกนี้มาเยอะ การตีงูต้องตีให้หลังหัก ยิ่งงูเป็นฝูงแบบนี้ ต้องเอาให้พวกมันโงหัวไม่ขึ้น งูฝูงนี้มันเคยเงียบเชื่องๆมา 2 ปีกว่าๆ กลับมาผยองพ่นพิษร้ายอีก เพราะเจ้าของงูมันให้ท้าย ต้องเอาให้อยู่
3. พลเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบตร.สมควรค่าแก่การยกย่องหรือไม่?
ผมคงไม่ขอพูดอะไรมากมาย แต่ขอให้ทุกท่านที่ติดตามข่าวม็อบทุกสีเสื้อมาโดยตลอด ไปช่วยไปติดตามเรื่องเก่าๆที่ไอ้กี้รพาพวกบุกล้มประชุมอาเซียนซัมมิตที่พัทยาเมื่อปี 52 ว่าพลเอกอดุลย์ฯเกี่ยวอะไรมั๊ยในครั้งนั้น มีหน้าที่อะไร กับการที่ปล่อยให้ม็อบเสื้อแดงบุกไปพังการประชุม จนประเทศไทยเสียหายไปทั่วโลก กับการหยุดไม่ให้กระทำการ อันไหนต้องทำมากกว่ากัน และกับการกระทำเมื่อวานนี้ พลเอกอดุลย์ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดสมควรได้รับการยกย่อง หรือคำตำหนิติเตียน
4. การยกเลิกการชุมนุมเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่?
เมื่อเสธอ้ายยอมกลืนเลือดของตน ประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก 1. ผิดแผนเพราะตำรวจบล็อคเส้นทางเข้ามา 2. ม็อบจากต่างจังหวัดถูกสกัดกั้นแทบ 100 % 3. ทหารไม่มาตามนัด 4. จะมีการสร้างสถานการณ์หรือล้อมปราบ
การที่ทหารจะออกมา เหตุการณ์จะต้องทวีความรุนแรงมากกว่านี้ และเป็นไปได้ที่จะมีการเข้าสลายการชุมนุม หรือมีการสร้างสร้างสถานการณ์ จนต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยเฉพาะถ้ามีการตัดน้ำตัดไฟจริง ก็เท่ากับฝ่ายรัฐบาลต้องการยุติม็อบ แต่คงไม่ใช่วิธีแบบตรงไปตรงมา
การรักษาชีวิตของผู้ชุมนุมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกที่เกิดจาการยึดมั่นสัญญาลูกผู้ชายจากเสธอ้าย แต่เมื่อคนที่ขอมาเจรจาด้วย ขาดความเป็นคนที่มีสัจจะวาจา เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น ถ้าเสธอ้ายท่านมีเหลี่ยมสักนิด หลายสิ่งที่เกิดขึ้น อาจไม่ใช่เช่นนี้ก็ได้ ไม่มีเหตุผล ที่จะไปต้องเสี่ยง แบบอาเฮีย เจ็บเป็นเจ็บ ตายเป็นตาย หรือนายใหญ่ ตั้งใจให้ตาย เอาศพไปโชว์ หากินกับศพเพื่อประโยชน์ตนจนทุกวันนี้ แบบนั้น ไม่เก๋เลยครับ สิ่งที่เสธ.อ้ายทำนั้น ถูกต้องที่สุดแล้ว ทำใจให้ร่มๆกันไว้เถอะครับ ครั้งหน้า มีแน่
จะชนะหรือแพ้ ไม่อาจระบุได้ แต่สิ่งที่ฝ่ายผู้ชุมนุมจากม็อบเสธอ้ายฝากไว้เป็นรูปธรรมทั้งนั้น สามารถหยิบมาใช้ เพื่อให้ทั่วโลกรับรู้ถึงการการกระทำจากฝ่ายรัฐบาลได้อย่างดี
5. นางยิ่งลักษณ์กับรัฐบาลจะอยู่อย่างไร?
เลิกเรียกเธอว่านางส่าวกันเถอะครับ แต่งงานมีสามีมีบุตรแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะเรียกว่านาง การตั้งอยู่ของรัฐบาลต่อไปนี้ มี 2 คำคือ ชอบธรรมหรืออัปยศ นายกยิ่งลักษณ์จะตอบคำถามเรื่องคลิปเสียงของพี่ชายที่ชื่อทักษิณได้หรือไม่ การบอกว่าจะไม่ทำร้ายประชาชน นางยิ่งลักษณ์ได้ทำตามคำพูดหรือไม่ การกระทำของตำรวจเป็น 2 มาตรฐานหรือเปล่า ทำไมทีเสื้อแดงไม่ทำอะไรเลย แต่คราวนี้ ทำไมเกิดเหตุรุ่นแรงขึ้น หากการปฎิบัติตาม พรบ.ความมั่นคง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลจะรับผิดชอบหรือไม่ การกระทำที่ผ่านมาของรัฐบาล คือความสง่างามจริงหรือ
โจทย์ข้อที่ 1 จากเสธอ้าย คึอปล่อยให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิด รัฐบาลนี้ไม่ได้แก้ไขอะไรเลย สำหรับทหารแล้ว ผมเชื่อแล้วว่าพวกท่านเป็น ท.ทหารอดทนจริงๆ ขนาดฟังคลิปเสียงทักษิณได้โดยไม่มีความรู้สึกใดๆ ก็ยังทนกันอยู่ได้ ขอให้เจริญๆนะครับ
ส่วนคำตอบข้อนี้ก็คืออยู่ไปเรื่อยๆจนนำพาประเทศรุ่งเรืองหรือฉิบหายคามือ ถ้าเป็นไปในทางที่ชั่วร้ายเมื่อไร เมื่อนั้น ของจริงจะเกิดขึ้น และฝากบอกนางยิ่งลักษณ์ได้เลยว่า ต่อไปนี้คุณจะเป็นนายกที่มีคนเกลียดชังไม่แพ้พี่ชายคุณ
------------------
ในทีสุด ก็ไม่ใช่หนังสั้นตอนเดียวจบ แต่เป็นซีรีส์เรื่องยาว เสธอ้ายท่านจุดไฟไว้ให้แล้วนะครับ และยังคงลุกโชนตลอดเวลา รอคนกล้ามาถือคบไฟนำต่อ เฉกเช่นคนที่ไม่กลัวใคร ไม่ยอมให้อ้ายอีคนไหนมาทำลายชาติศาสน์กษัตริย์ที่ดำรงคงอยู่กับประเทศไทยมาแต่โบราณกลาล และคนเช่นว่านั้นมีจิตใจเช่นชาวบ้านบางระจันหรือขุนรองปลัดชู ซึ่งต่างก็ยังมีอยู่ทั่วสารทิศ และพร้อมที่จะมารวมตัวกัน เพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรมและขับไล่อับปรีย์เสนียด***ออกไปจากแผ่นดิน
http://www.oknation....2/11/25/entry-1
Edited by kwan_kao, 29 November 2012 - 08:28.
- คุณฉงน likes this
#6
Posted 29 November 2012 - 15:19
ไม่เคยเรียกอีเม้ย เรียกแต่อีเอ๋อ
ไม่เคยเรียกนางสาว เรียกแต่ อีปู
ไม่เคยเรียกอีปู เรียกแต่ อิเม้ย
จะเรียกอะไรดีน้า?
#7
Posted 29 November 2012 - 15:23
ไม่เคยเรียกอีเม้ย เรียกแต่อีเอ๋อ
ไม่เคยเรียกนางสาว เรียกแต่ อีปู
ไม่เคยเรียกอีปู เรียกแต่ อิเม้ย
เคยเรียกแต่ อิปู ต่อไปจะเรียก อิเอ๋อบ้าง
#8
Posted 29 November 2012 - 15:26
ไม่เคยเรียกอีเอ๋อ เรียกแต่อีโง่ไม่เคยเรียกอีเม้ย เรียกแต่อีเอ๋อ
ไม่เคยเรียกนางสาว เรียกแต่ อีปู
ไม่เคยเรียกอีปู เรียกแต่ อิเม้ย
#9
Posted 29 November 2012 - 15:26
ไม่เคยเรียกอีเม้ย เรียกแต่อีเอ๋อ
ไม่เคยเรียกนางสาว เรียกแต่ อีปู
ไม่เคยเรียกอีปู เรียกแต่ อิเม้ย
ไม่เคยเรียกอีเอ๋อ เรียกแต่ อีโง่
#11
Posted 29 November 2012 - 15:42
สละชีพเพื่อหลักธรรมคือคำขวัญ
ฆ่าคนเพื่อชิงอำนาจคือวิธีการ
ส่วนลิ่วล้อที่ส่งไปตายก็คือตัวหมากแห่งคุณธรรม
#12
Posted 29 November 2012 - 15:43
อ่ะเพิ่ม ไม่เคยเรียกอีโง่ เรียกแต่ 4SS
ไม่เคยเรียกอีเม้ย เรียกแต่อีเอ๋อ
ไม่เคยเรียกนางสาว เรียกแต่ อีปู
ไม่เคยเรียกอีปู เรียกแต่ อิเม้ย
ไม่เคยเรียกอีเอ๋อ เรียกแต่ อีโง่
- raffy likes this
"ความดี กับ ความเลว
ความจริง กับ คำโกหก
ความถูกต้อง กับ การทำผิดกฎหมาย"
ถ้าเกิดเป็น คน ไม่ได้เกิดเป็น ควาย มันไม่ต้องให้ทายหรอก ว่าจะเลือกอย่างไหน
#13
Posted 29 November 2012 - 16:32
เรียกแม่มหมดทุกชื่อที่คนอื่นเรียกๆกันครับ
ยังรู้สึกว่า ไม่ค่อยจะโดนเลย
ขออภัย จขกท.ด้วยครับ
ที่นอกเรื่อง
Edited by ชามู, 29 November 2012 - 16:48.
#14
Posted 29 November 2012 - 16:39
อ่ะเพิ่ม ไม่เคยเรียกอีโง่ เรียกแต่ 4SS
ไม่เคยเรียกอีเม้ย เรียกแต่อีเอ๋อ
ไม่เคยเรียกนางสาว เรียกแต่ อีปู
ไม่เคยเรียกอีปู เรียกแต่ อิเม้ย
ไม่เคยเรียกอีเอ๋อ เรียกแต่ อีโง่
ผมเรียกทุกชื่อ ที่ทุกคนยกมาเลยครับ
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
#15
Posted 29 November 2012 - 16:50
อะไรจะใจตรงกันขนาดนั้นคะ
Now! Restart Thailand
#16
Posted 29 November 2012 - 17:39
การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามนั้นประชาชนนับแสนๆ คนพร้อมที่จะออกมาร่วมชุมนุมอยู่แล้ว ถ้าทางแกนนำสามารถบอกต่อประชาชนให้ชัดเจนว่าจะทำอะไรเมื่อประชาชนมากันเป็นแสน แต่ถ้าไม่บอก ประชาชนบางส่วนก็จะไม่ออกมาร่วมชุมนุม โดยเปลี่ยนไปใช้วิธีเฝ้าดูอยู่ทางบ้านแทน ส่วนทางรัฐบาลก็รู้แน่ชัดว่าประชาชนจะออกมาร่วมชุมนุมนับแสนๆ คนค่อนข้างแน่นอน ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้น รัฐบาลจะตกอยู่ในภาวะที่เสื่อมศรัทธาต่อประชาชนอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังจะทำให้ม็อบจุดติดขยายตัวไปได้อีกในอนาคต ดังนั้นปฏิบัติการตัดไฟแต่ต้นลมของรัฐบาลจึงเกิดขึ้น ผ่านการดำเนินงานของ “ตำรวจ” ๓ ประเด็น คือ
๑. ทำให้การเข้ามาชุมนุมในพื้นที่เป็นไปอย่างลำบากยากเย็น
- ในพื้นที่ต้นน้ำของผู้คนที่จะเข้ามากรุงเทพฯ ก็ถูกทั้งผู้ว่าฯ, นายอำเภอ, เจ้าหน้าที่ทุกระดับลงไปพูดคุยเชิงข่มขู่ ราวกับว่าการเข้ามากรุงเทพฯ นั้น เป็นเรื่องใหญ่โต บางแห่งนายอำเภอถึงกับควักเงินจัดเลี้ยงชาวบ้านเลย
เมื่อการเดินทางเข้ามาในพื้นที่เป็นไปอย่างลำบากยากเย็น คนในต่างจังหวัดที่ตั้งใจมาหลายหมื่นคนก็ท้อใจ เลยคิดว่าไม่มาก็ไม่เป็นไร คนที่มาน่าจะเยอะแล้ว ต่างคนต่างก็ถอยไป
- มีการตั้งด่านตรวจตลอดเส้นทางเข้ากรุงเทพฯ ราวกับเกิดสงคราม จังหวัดไกลๆ หน่อยก็โดนเข้าไป ๑๐ กว่าด่าน เป็นด่านที่มีเจตนาตรวจแบบถ่วงเวลา ขนาด คนขับรถโดยสารคนหนึ่งต้องบอกกับตำรวจว่า “ผมถูกตรวจฉี่มา ๓ ด่านจนไม่มีให้ตรวจแล้วครับ” รถโดยสารที่จะเหมาเข้ากรุงเทพฯ ก็ถูกข่มขู่ ต้องยกเลิกไปเป็นจำนวนมาก ผู้คนนับหมื่นไม่รู้จะเข้ามากรุงเทพฯ ได้อย่างไร ก็เลยไม่เข้ามา
- ทางฝ่าย รปภ.ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามได้มีการพูดคุยกับทางตำรวจ ตกลงว่าเส้นทางหลักในการชุมนุมคือแนวถนนราชดำเนิน ส่วนเส้นทางเข้าการชุมนุมคือถนนหน้าทำเนียบรัฐบาล ๒ เลนและวัดเบญจมบพิตร แต่เมื่อมีการชุมนุมกันจริงๆ ปรากฏว่า จนท.ตร.ปิดถนนราชดำเนินและเส้นทางเข้าออกทั้งหมด เหลือไว้ที่วัดเบญจมบพิตรและเส้นทางเล็กๆ ทาง พล.๑.รอ. ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตำรวจผิดสัญญากับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม มีเจตนาจะทำให้ประชาชนเข้าสู่พื้นที่การชุมนุมได้ลำบากมากขึ้น
๒. การทำให้พื้นที่ชุมนุมดูเสมือนจะมีอันตราย ไม่ปลอดภัย
- การระดม จนท.ตร.เข้ามาเกินกว่าความจำเป็น ทำเสมือนกับจะเกิดความรุนแรงขึ้น นอกจากนั้นฝ่ายรัฐบาลหลายคนยังให้สัมภาษณ์เตือนประชาชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมเพิ่มเติมขึ้นอีก
- เมื่อเริ่มการชุมนุมก็มีการใช้แก๊สน้ำตาไล่ผู้ชุมนุมทันที โดย จนท.ตร.ยอมให้ผู้ชุมนุมรื้อย้ายแท่นหินออก พอนำรถเข้ามาก็เริ่มใช้แก๊สน้ำตาแล้วปิดล้อมผู้ชุมนุมไว้ภายใน ถ้า จนท.ตร.ไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมนำแท่นหินออกก็จะไม่เกิดเหตุขึ้น
- จนท.ตร.หลายนายมีลักษณะยั่วยุผู้ชุมนุมทั้งคำพูดและการแสดงกริยาท่าทาง ซึ่งไม่เคยมีการกระทำดังนี้มาก่อนในการชุมนุมทุกๆ ครั้ง
- การใช้แก๊สน้ำตาต่อเป้าหมายของกลุ่มสมณะโพธิรักษ์ของ จนท.ตร.ก็เป็นการยั่วยุและแสดงเจตนาที่ชัดเจนว่าต้องการขยายเรื่องไปสู่ความรุนแรงอีกกรณีหนึ่ง
๓. การสร้างพื้นที่อันตรายสำหรับการชุมนุม
มีพื้นที่ ๓ แห่งที่ฝ่ายผู้ชุมนุมไม่สามารถตรวจสอบได้ คือ ทำเนียบรัฐบาล, บช.น. และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมี จนท.ตร.ประจำอยู่แบบลับๆล่อๆ เมื่อมืดค่ำลงไม่มีใครรับประกันได้ว่า “ความรุนแรงจากการใช้อาวุธสงครามจะไม่เกิดขึ้น” จากกลุ่มบุคคลในพื้นที่เหล่านั้น
จำนวนยอดผู้ชุมนุมภายในพื้นที่ลานพระรูปประมาณ ๓๐,๐๐๐ คนอยู่ในสภาพที่แออัดยัดเยียดแล้ว ส่วนผู้ชุมนุมที่อยู่นอกพื้นที่อีกประมาณ ๑๐,๐๐๐ คนและกำลังทยอยเข้ามาอีกเป็นหมื่นๆ คนทั้ง ๒ พื้นที่ถ้าจะปล่อยให้ประชาชนชุมนุมอยู่ต่อไปในลักษณะนี้ ผู้ชุมนุมจะต้องเสี่ยงต่อการถูกใช้อาวุธสงครามทำร้ายค่อนข้างแน่นอน โดยตั้งสมมติฐานการใช้แก๊สน้ำตาทำร้ายสมณะโพธิรักษ์ในตอนบ่าย สาเหตุเหล่านี้ เสธ.อ้ายจึงยอมยกเลิกการชุมนุมทั้งๆ ที่ผู้ร่วมชุมนุมอีกนับหมื่นกำลังทยอยเข้ามา
อย่างไรก็ตาม แม้ม็อบ เสธ.อ้ายจะยุติลงไปแล้ว แต่ก็ทิ้งสิ่งที่ดีๆ หลายประการไว้ให้กับประเทศชาติของเราครับ เช่น
- ทำให้คนในรัฐบาล, ทหาร,ตำรวจ และประชาชนทุกฝ่ายรู้ข้อมูลที่จะเป็นผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติอย่างใหญ่หลวง คือ การกระทำที่ก้าวล่วงไปกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งแม้แต่ทหารหรือคนในรัฐบาลเองก็คงไม่คาดคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
- ทำให้ประชาชนรู้ว่าในปัจจุบันทหาร, ตำรวจหลายคนรักเงินมากกว่ารักชาติ
- ทำให้รัฐบาลรู้ตัวว่าประชาชนยังจับจ้องเฝ้ามองดูรัฐบาลในหลายๆ เรื่อง เช่น พ.ร.บ.ปรองดอง, การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นต้น อย่าทำเรื่องแบบนี้อีกขึ้นมาอีก ถ้าไม่ต้องการให้เกิดการชุมนุมขึ้นมาอีก
- ประชาชนจะระมัดระวังการเกิดรัฐตำรวจมากขึ้นอีกและขาดความรัก, ความศรัทธาต่อตำรวจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัญหาย้อนกลับไปหาตำรวจเองในที่สุดและผมเชื่อว่าการชุมนุมต่อไปของกลุ่มประชาชนจะไม่ยอมให้ตำรวจมาล้อมปราบอีกแน่นอน ม็อบ เสธ.อ้ายครั้งนี้ตำรวจได้ทำให้คุณยิ่งลักษณ์ฯ กลายเป็น “ทรราชย์” ไปครึ่งตัวแล้วครับ
นี่คือคุณค่าจากการชุมนุมที่ เสธ.อ้ายทิ้งไว้ให้กับประชาชนครับ วันนี้คนยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย ดาวยังพร่างพรายที่ขอบฟ้าอยู่ ไม่ได้ตกไปไหน ผมว่า เสธ.อ้ายชนะครับ
จากบล็อกท่าน พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ครับ
- Wuddy likes this
หนูน้อยอาเลย์นา น่ารักจุงเบย
#18
Posted 29 November 2012 - 21:36
ครั้งต่อไป รู้เช่นเห็นชาติแล้ว คงมีอะไรดีดี เพราะรู้แล้วว่าเป็น ขี้ข้า
แต่แค่ครั้งแรก ก็เลาะเปลือก แฉความคิด และพฤติกรรมซะเห็นกันไปทั่วโลก
หลังจากนี้ไป ฝั่งนู้นต้องหนาวแน่ๆ
#19
Posted 30 November 2012 - 00:28
โดยเฉพาะเรื่่องที่ต้องทำแบบไม่เปิดเผย
#20
Posted 30 November 2012 - 00:44
ฉันมาที่บอร์ดแห่งนี้ เพื่อหยุดระบอบทักษิณ
1 user(s) are reading this topic
0 members, 1 guests, 0 anonymous users