"กลาโหม" ปลด "อภิสิทธิ์" ออกจากนายทหารสัญญาบัตรแล้ว!
#102
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:46
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
- Tam-mic-ra. likes this
#103
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:52
http://oldforum.seri...p?topic=18240.0
ผมไล่ตอบประเด็นของนายกมลไปทีละจุดก็แล้วกัน
- นายอภิสิทธิ์อายุ 18 ปี บริบูรณ์ในพ.ศ.2524 ไม่ได้ไปแจ้งลงทะเบียนทหารกองเกิน ซึ่งจะได้รับ ใบสด.9 จึงถือเป็นความผิด
ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2479
ข้อนี้มีความผิดครับมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 300 บาท และปกติถ้ามารายงานตัวเมื่อไหร่ก็คือจะปรับร้อยเดียว
- เมื่อนายอภิสิทธิ์กลับจากต่างประเทศมีอายุครบ 22 ปีถึงเพิ่งไปลงบัญชีทหารกองเกิน ถือว่า เกินกำหนดเวลาแล้ว และได้รับใบสด.9
ฉบับที่ 5352 เล่มที่ 54 ลงวันที่ 4 กรกฏาคม 2529 โดยไม่มีการส่งลงโทษปรับ
ข้อนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มาลงบัญชีช้าได้ ถ้าเจ้าพนักงานเปรียบเทียบปรัีบก็จ่ายค่าปรับ ไม่ปรับก็ไม่ต้องจ่ายนะครับ
- พร้อมกับรับหมายให้ไปเกณฑ์ทหารเลยวันที่ 7 เมษายน 2530 พอถึงกำหนดก็ไม่ไปตรวจเลือกตามหมายเกณฑ์
ปรากฏหลักฐานตามที่กรรมการตรวจเลือกได้บันทึกไว้ในบัญชีสด.16ว่า "ขาด" โดยลงชื่อกำกับไว้ พร้อมกับประทับตรา
ข้อความ"ไม่เข้ารับการตรวจเลือก" โดยไม่ปรากฏการบันทึกจำหน่ายว่า ได้รับการยกเว้นหรือได้รับการผ่อนผันแต่อย่างใด
บัญชีสด.16ของนายอภิสิทธิ์ยังระบุมาทุกปีจนถึงพ.ศ.2536ว่า "ขาด" การมาตรวจเลือก
ในประเด็นนี้ก็คือไม่ไปตรวจเลือก ถ้าใครไม่ไปตรวจเลือกทางเจ้าหน้าที่ก็จะแยกไปลงไว้ใน “บัญชีคนที่ขาดการตรวจเลือก”
เพื่อรอให้มาตรวจเลือกในปีต่อไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ (สัสดีจังหวัด .. ในที่นี้ก็คือสัสดีกรุงเทพ) จะพิจารณาด้วยว่าจะยื่นฟ้องศาล
หรือไม่ หากมีการยื่นฟ้องศาลและศาลตัดสินให้มีความผิดก็จะไปลงใน “บัญชีคนหลีกเลี่ยงขัดขืน” แต่ถ้าสัสดีจังหวัดไม่ได้
ดำเนินคดีก็คืออยู่ใน “บัญชีคนที่ขาดการตรวจเลือก” เพื่อรอให้มารับการตรวจเลือกในปีต่อไป จนกว่าจะเลยอายุ 29 ปี
ก็จะโอนไปเป็นทหารกองหนุน เพราะอายุเกินเกณฑ์ที่จะตรวจเลือกแล้ว
ซึ่งสถานะใน บัญชีเรียกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ (สด.16) ของนายอภิสิทธิ์อยู่ใน “บัญชีคนที่ขาดการตรวจเลือก”
มาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2530 จนถึงปี 2536 ที่อายุครบ 29 ปีไม่เคยถูกฟ้องดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ และนายอภิสิทธิ์
ก็อ้างว่าที่ไม่ไปรับการตรวจเลือก เพราะได้ไปสมัครเป็นทหารจนได้รับพระราชทานยศร้อยตรี เป็นนายทหารสัญญาบัตร
ตั้งแต่ปี 2530 ถึง 2531 ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท ซึ่ง พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ. ขณะนั้นก็ได้กล่าวว่า
นายอภิสิทธิ์เพียงแต่ไม่ได้ไปแจ้งเรื่องเป็นทหารชั้นสัญญาบัตรแล้วให้ทางเจ้าหน้าที่ทราบ แต่ถือว่าเป็นทหารแล้ว
- ต่อมา 7 สิงหาคม 2530 นายอภิสิทธิ์ อายุ 23 ปี ได้บรรจุเข้าเป็นข้าราชการ"พลเรือน"สังกัดกระทรวงกลาโหม
ตำแหน่งรักษาการอาจารย์ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยจปร.รับเงินเดือนระดับน.1 ชั้น 3(2,765 บาท)
โดยไม่ได้แสดงหลักฐานใบสำคัญทางทหารสด.9 เป็นการขัดต่อระเบียบกลาโหมว่าด้วยการบรรจุกำลังพล พ.ศ.2529
ถือว่า ขาดคุณสมบัติการเข้ารับราชการ
ประเด็นนี้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้ขาดคุณสมบัติการเข้ารับราชการ เพราะสมัครในฐานะเป็นทหารกองเกิน ที่รอจะเข้ารับการ
ตรวจเลือกอยู่ ไม่ได้สมัครในฐานะทหารกองหนุน ที่ผ่านการตรวจเลือกแล้ว แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้แสดงใบสำคัญ สด.9
เรื่องนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ. ระบุว่ามีโทษเพียงแค่ปรับเท่านั้น และก็มีครูมากมายที่เป็นทหารกองเกินอยู่ระหว่าง
รอเข้ารับการตรวจเลือกนะครับ จนมีระเบียบให้กองทัพยกเว้นไม่ต้องเรียกให้เข้ารับการตรวจเลือก
- พอวันที่ 8 เมษายน 2531 นายอภิสิทธิ์ได้ไปแจ้งขอคัดลอกใบสด.9 ใหม่ โดยระบุว่า ทำแทนใบเก่าที่ชำรุดและ
ได้แก้ไขใบสด.16 ลบหลักฐานที่เขียนระบุวันรับหมายเรียกไปแล้วออก แล้วออกใบสด.9 ใหม่ โดยกรอกข้อความอันเป็นเท็จ
แก้ไขวันเดือนปีวันที่ออกใบสด.9 จากเดิม 4 กรกฎาคม 2529 เป็น 8 เมษายน 2531 และวันที่เข้าบัญชีทหารกองเกินจาก
1 มกราคม 2530 เป็น 8 เมษายน 2531 จึงถือได้ว่า เป็นการปลอมเอกสารราชการ"
ประเด็นนี้ที่ผมยืนยันได้คือนายอภิสิทธิ์ไปแจ้งขอให้ออกใบ สด.9 ใหม่จริง และมีการลงวันที่ในใบ สด.9 ที่ออกใหม่
ตามวันที่ออกเอกสาร ซึ่งมีแหล่งข่าวบอกว่าไม่มีระเบียบบังคับว่าต้องลงวันที่ตามใบ สด.9 เดิม ซึ่งผมก็ยังหาระเบียบ
เกี่ยวกับเรื่องนี้มาอ่านไม่ได้นะครับ แต่เรื่องไปแก้ไข ใบ สด.16 ลบหลักฐานอะไรต่างๆ โดยกรอกข้อความอันเป็นเท็จ
อันนี้เป็นข้อกล่าวหาของทางพรรคฝ่ายแค้น เอ้ย ฝ่ายค้านเขาซึ่งถ้าเป็นจริงก็คือเป็นการปลอมเอกสารราชการ ซึ่งถ้ามี
คนทำก็คงเป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิด แต่ถ้ามีการซัดทอดถึงใครก็จะผิดในฐานะจ้างวาน และถ้านำเอกสารปลอมไปใช้
ผู้เอาไปใช้ก็จะมีความผิดข้อหาใช้เอกสารปลอม ทีนี้เท่าทีมีการยืนยันก็คือเอกสาร สด.9 ของนายอภิสิทธิ์เป็นของจริง
ก็เลยไม่ผิดทั้งข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอมครับ
การขอใบ สด.9 ใหม่เรามีสิทธิสามารถขอได้ โดยแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ และเสียค่าธรรมเนียม 1 บาทเท่านั้นครับ
- ฝ่ายกฎหมายพรรคความหวังใหม่ชี้ว่า สาเหตุที่ต้องปลอมเอกสารราชการดังกล่าว เนื่องจากนายอภิสิทธิ์จะใช้สด.9
ใบใหม่นี้ เข้ารับราชการเป็นทหารประจำการ ตำแหน่งว่าที่ร.ต.ตามคำสั่งกห.339/31 ลงวันที่ 26 เมษายน 2531
ซึ่งต้องถูกตรวจสอบเอกสารโดยละเอียด ใบสด.9 เดิมอาจทำให้ขาดคุณสมบัติในการรับราชการดังกล่าว เพราะสามารถ
ตรวจสอบย้อนหลังไปถึงบัญชีสด.16 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ไม่ได้เข้ารับการตรวจเลือกทหาร ขณะที่สด.9 ใบใหม่ ลงวันที่
8 เมษายน 2531 ถือว่า เกินกำหนดวันเรียกเข้าไปรับการตรวจเลือกแล้ว
ผมตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่าถ้าผิดจริงมีหลักฐานชัดเจนจะแจ้งขนาดนี้ ทำไมไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับนายอภิสิทธิ์เลยครับ
ทั้งที่ 2 ปีถัดมาคือปี 2544 ก็เป็นรัฐบาลทักษิณแล้ว ส.ส.ความหวังใหม่ที่ขุดคุ้ยเรื่องนี้ก็เข้าไปอยู่ในรัฐบาล และต่อมา
ยุบไปรวมอยู่ในพรรคไทยรักไทย เพราะอะไรครับหลักฐานอ่อน หรือทักษิณละเว้นการปฏิบัติหน้าที่?
ผมว่ามันจะไปเข้ากรณี สปก.4-01 ทำอะไรสุเทพ เทือกสุบรรณได้สักหน่อยไหมครับ หรือกรณี ปรส. ทำอะไรธารินทร์
ได้บ้างหรือเปล่า ทั้งหมดก็แค่ตีข่าวสร้างกระแสเพื่อโค่นรัฐบาล แล้วก็เลิกไปเฉยๆ .. มวยล้มต้มคนดู ตลอดมา
- จึงสรุปได้ว่า นายอภิสิทธิ์ทำผิดชัดเจนคือ หนีทหารเมื่อ 7 เมษายน 2530 ซึ่งมีโทษตามพ.ร.บ.รับราชการทหาร
ถึงจำคุก 3 ปี และยังทำเอกสารปลอมเมื่อ 8 เมษายน 2531 แล้วใช้เอกสารปลอมวันที่ 26 เมษายน 2531
ผมคิดเห็นตรงกันทุกประการ แล้วคุณ jerasak มีข้อขัดแย้งกับนายกมลมั๊ยครับ
เขาก็ยืนยันเหมือนเดิมว่าเขาไม่ได้หนีทหาร แต่ในปีเดียวกันเขาไปสมัครรับราชการ จนในที่สุดก็ได้รับโปรดเกล้าฯ
เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร เรื่องเอกสารปลอมเขาก็ยืนยันแล้วว่าเป็นของจริง ไม่ได้ปลอมเอกสาร และไม่ได้ใช้
เอกสารปลอม ถ้าสามารถดำเนินการเอาผิดเรื่องนี้ได้จริงก็ทำกันไปตั้งแต่ 8 ปีก่อนแล้วครับ แค่เอาเอกสารมาแสดง
ให้สื่อมวลชนเห็นจริงๆ หรือจะดำเนินการตอนรัฐบาลทักษิณก็ได้ทั้งนั้น
ป่านนี้อภิสิทธิ์หมดอนาคตไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่ได้มาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชิงตำแหน่งนายกฯ อยู่ตอนนี้
Edited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:54.
- antiseptic, pream and เดือนเอก like this
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#104
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 09:59
ประชาธิปไตยแบบแดง: 1. ไม่ใช่แดง เป็นประชาธิปไตยไม่ได้ 2. เสียงส่วนใหญ่ คือเสียงถูกต้อง 3. กฎพวกพ้องต้องเหนือกฎหมาย 4. เบื้องสูงมีไว้เหยียบย่ำ 5. ใครทำก็ผิด แต่แดงต้องไม่ผิด 6. คิดร้ายต่อทักษิณย่อมชั่ว 7. มั่วบิดเบือนหลอกพวกเดียวกัน 8. ปั้นน้ำเป็นตัวแล้วแถ
#106
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:00
ได้ยศมาโดยมิชอบ ก็ต้องถูกถอด สถานะคือไม่เคยเป็นทหารประจำการตั้งแต่ต้น
ยิ่งเถียงยิ่งโวยก็ยิ่งเข้าตัว เพราะเอกสารหลักฐานมันชัดๆแบบไม่รู้จะชัดยังไงแล้ว
เห็นด้วยครับ ทหารกองหนุน อภิสิทธิ์ ยิ่งดิ้น ยิ่งเจ็บครับ
“พ้นราชการทหารประเภทที่ ๒” หมายความว่า ทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ที่มีอายุสี่สิบหกปีบริบูรณ์แล้ว หรือทหารกองเกิน หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไม่สามารถจะรับราชการได้ในระหว่างรับราชการทหารตามพระราช บัญญัตินี้ หรือนายทหารสัญญาบัตรที่ถูกปลดโดยถูกถอดหรือออกจากยศ
***วนี่รู้กฏหมายงูๆ ปลาๆ ยังมีหน้ามาเถียงอีก ไม่เห็นหรือไงว่ากฏหมายใช้คำว่าหรือ แปลว่าให้ใช้อันใดอันหนึ่ง ถ้าใช้อันใดอันหนึ่งแล้วที่เหลือคือใช้ไม่ได้ และข้อเท็จปรากฏว่าคุณอภิสิิทธิ์มีอายุ 46 ปี บริบูรณ์ก่อนที่จะมีคำสั่งปลด จึงพ้นราชการโดยเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ที่มีอายุ 46 ปี บริบูรณ์ ไม่สามารถกลายเป็นพ้นราชการโดยการถูกปลดได้อีกต่อไป และไม่มีบทบัญญัติ พรบ.วินัยทหารข้อไหนให้อำนาจ รมว.กลาโหมปลดทหารนอกประจำการที่พ้นราชการไปแล้ว เข้าใจป่ะว่ากระบวนการมันช้าไปแค่ปีเดียว ถ้าทำก่อนที่คุณอภิสิทธิ์จะมีอายุครบ 46 ปีบริบูรณ์ก็อาจจะปลดได้
ปลด เพราะหลักฐานเท็จ
ปลดตั้งแต่เริ่มทำงานเพราะ ใช้หลักฐานเท็จสมัคร
และดำเนินการถอดยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนทั้งหมดครับ
ไอ้หนูเอ๊ย ไปเริ่มตั้งแต่ 1 ใหม่เลยนะว่าจะปลดทหารได้นั้นต้องเพราะทหารทำผิดวินัยทหารเท่านั้น เพราะการปลดเป็นการลงโทษทางวินัยทหาร ไม่ว่าจะหาข้ออ้างสารพัดอะไรมาให้มันเข้าเรื่องผิดวินัยทหารแต่ถ้าตราบใดที่คุณอภิสิิทธิ์ไม่สามารถถูกลงโทษทางวินัยทหารก็ปลดไม่ได้เด็ดขาดว้อย เพราะกฏหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ เข้าใจป่ะว่า รมว.กลาโหมออกคำสั่งปลดไม่ได้ไม่ว่ากรณีใดก็ตามเพราะไม่มีกฏหมายรองรับการใช้อำนาจ มันถึงได้แป๊กไง
#107
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:03
ข้ออ้างที่ใช้ปลด...
ตกลงปลดมาตั้งแต่ปี 31 หรือแล้วมาร์คอยู่มาตั้งหลายปี นี่มัน 55 แล้ว
ยังมาปลดอีกรอบหรือ
#108
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:07
#109
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:12
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
หัดอ่านความคิดเห็นที่เค้าเอามาลงบ้างนะจะได้ไม่โง่
ปล. เล่นในมือถือตอบลำบาก
ถึงตรูจะเลวยังไง ตรูก้อไม่ได้ขายชาติ เหมือนเสื้อแดงว่ะ เข้าใจนะ
#110
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:16
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
หัดอ่านความคิดเห็นที่เค้าเอามาลงบ้างนะจะได้ไม่โง่
ปล. เล่นในมือถือตอบลำบาก
ครับ ผมอ่านทุกท่านที่เขียน
และฟังทุกความคิดเห็นครับ
ถ้าไม่เห็นด้วยกับผมก็แย้งมา ประชาธิปไตยครับ
#111
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:23
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
ถามหน่อยค่ะว่าตอนที่ดิฉันสมัครงานแล้วใช้ใบเหลืองออกให้แทน บัตร ปชช มันเป็นเอกสารเท็จรึเปล่าคะ
แล้วถ้าเทียบเคียงกรณีคุณมาร์ค
ถ้ากรณีผ่านกระบวนการตอบรับเข้าเป็นทหาร แล้วมีการออกคำสั่งโดยผู้บังคับบัญชา นั่นหมายความว่าต้องมีคนผิดร่วมด้วยเป็นกระบวนการ
หลายคนใช่หรือไม่
Edited by pinkpanda, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:25.
#112
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:24
#113
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:28
555+ อยากจะบ้าตายไอ้จ๊ะโอ๋...
...เอาข้อหาหนีทหารไม่ได้ เนื่องจากหมดอายุความไปแล้ว...
...ก็จะมาเล่นวินัยทหาร มันไม่ได้หรอกมันผิดในในข้อเท็จจริง ก็ข้ออ้างที่เอ็งว่านั่นน่ะ
ณ.วันเกิดเหตุ คือวันยื่น สด.9 ที่ว่าเป็นเท็จและสั่งปลด(จริงมันก็ปลดไม่ได้เพราะยังไม่เป็นทหาร) เท่ากับยังไม่เป็นทหาร แล้วจะเอาวินัยทหารมาจับได้ยังไง
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#114
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:29
แหล่งข่าวจากก.กลาโหม มุดออกจากเปลือกแตงโม มาประลองความคิดในเชิงกฎหมายดีกว่า
อ่านไทยอินไซเดอร์มาเห็นว่ามีแหล่งข่าวออกมาแสดงความรู้ทางกฎหมาย ในกรณีถอดยศทางทหารของนายอภิสิทธิ์
"แหล่ง ข่าวจากกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งของกระทรวงกลาโหม ที่มีคำสั่งให้ปลดออกจากราชการ กรณีที่ใช้เอกสารเท็จเข้ารับราชการทหาร โดยในคำฟ้องอ้างถึงพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 ซึ่งว่าด้วยทหารที่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร คือทหารกองประจำการและทหารประจำการ ส่วนทหารกองเกินและทหารกองหนุนนั้นไม่ได้รับราชการทหาร ซึ่งไม่ได้อยู่ประจำหน่วยทหารจึงไม่อยู่ในบังคับของพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 ว่า วันที่นายอภิสิทธิ์ทำผิดคือวันที่ 2 มิ.ย. 2531 คือวันที่นำเอกสารเท็จไปขึ้นทะเบียนกองประจำการ โดยมียศว่าที่ร้อยตรี ซึ่งในวันนั้นถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 แล้ว แต่ไม่มีใครทราบ และมีการทิ้งระยะเวลานานจนกระทั่งมีการสอบสวนอีกครั้งในปีพ.ศ. 2542 และเมื่อมาถึงวันนี้ได้ปรากฏผลจากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่าได้ทำผิด ซึ่งตามพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 มีผลบังคับใช้ในวันที่นายอภิสิทธิ์ทำความผิด แต่เรื่องนี้ความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายไม่ตรงกัน
แหล่ง ข่าวจากกระทรวงกลาโหม กล่าวต่อว่า ส่วนผลบังคับใช้ตามพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 มีอายุความเหมือนกับคดีอาญาหรือไม่นั้น ในคดีอาญาการใช้เอกสารเท็จของทหารราชการ และการปลอมแปลงเอกสารทางราชการมีอายุความ 15 ปี แต่คดีนี้เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดด้านวินัยทหาร ซึ่งไม่มีอายุความกำหนด แต่เมื่อออกราชการแล้วทางคณะกรรมการรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนทั้ง 9 คน มีความเห็นว่ายังสามารถเอาผิดได้ โดยลงโทษตามข้อบังคับของกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการปลดออกจากราชการ โดยเรื่องนี้สื่อมวลชนให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย ทั้งที่ควรจะต้องไปดูหัวใจหลักของเรื่องคือต้องไปถามนายอภิสิทธิ์ว่าใช้ เอกสารเท็จจริงหรือไม่
"ผม ขอถามว่าถ้ามีคนสมัครมาเป็นทหาร แต่ใช้เอกสารไม่ถูกต้อง และรับราชการมาถึง 30 ปี จนกระทั่งมียศพลเอก ถามว่าหากพบว่าทำผิดแล้วยังจะให้เป็นทหารต่อหรือไม่ " แหล่งข่าวจากกระทรวงกลาโหม กล่าว"
ก่อน ที่จะไปในสเต็ปเรื่องที่แหล่งข่าวผู้ไม่เปิดเผยหน้ากับไม่ยอมบอกนามเอ่ยมา ขอไปที่เอกสารที่ระบาดไปทั่วเว็บตอนนี้อีกที ถ้าไม่ใช่ของจริง แต่เป็นของปลอม ก็ขอให้เอาของจริงออกมา
เอกสาร ข้างบนนี้ คือเอกสารที่กลาโหม 1163/2555 แบ่งออกเป็น 3วรรค ในวรรคที่ 1 ร่ายความผิดนายอภิสิทธิ์ซะยืดยาวเลย อ้างว่าผิดวินัยทหาร แล้วใช้บังคับตามพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 หรือไม่ ตามตัวบทกฎหมายดังกล่าว มีข้อบังคับตามมาตรา 7 บัญญัติไว้ว่า "ทหารผู้ใดกระทำผิดต่อวินัยทหารจักต้องรับทัณฑ์ตามวิธีที่ปรากฏในหมวด ๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้ และอาจต้องถูกปลดจากประจำการ หรือถูกถอดจากยศทหาร"แต่ วรรรคที่ 1 บอกว่าผิดวินัยทหารร้ายแรงตามพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 และคณะกรรมการตรวจสอบมีความเห็นว่าให้ปลดออกจากราชการ ท้ายสุดของวรรคนี้ ชัดเจนคือ รัฐมนตรีกลาโหมเห็นชอบตามตามข้อเสนอของคณะกรรมการตรวจสอบตามคำสั่งกลาโหมที่ 444/2555 เน้นเลยนะครับ คณะกรรมการเสนอให้ปลดออก รัฐมนตรีเห็นสมควรตามนั้น คือ ปลดออกจากราชการ
มา วรรคที่ 2 คราวนี้ จึงได้อาศัยอำนาจตามข้อบังคับกลาโหมกับข้อบังคับทหาร โดยอ้างมาตราเสียเสร็จสรรพสั่งปลดโดยอาศัยอำนาจตามนี้ แต่ไม่ได้อ้างพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 ซึ่งก็มีอำนาจเช่นกัน แต่ไม่ได้ยกมาใส่ในวรรค 2 เพราะรู้ว่าถ้าอ้าง จะไม่สามารถสั่งได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ลาออกจากราชการแล้ว ซึ่งจะไปขัดกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาตามเรื่องเสร็จที่ 735/2551 อ้างอิงจากเรื่องเสร็จที่ 566/2553 ที่ระบุไว้ว่า "กระทรวงกลาโหมไม่มีอำนาจที่จะปลด.................ออกจากประจำการภายหลังจากที่........................ได้ออกจากประจำการไปแล้ว"ซึ่ง จากความเห็นของกฤษฎีกาดังกล่าว ย่อมนำมาเทียบเคียงกับเรื่องปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการได้ เพราะนายอภิสิทธิ์ได้ลาออกจากราชการไปเมื่อ 24 ปีที่แล้ว
ต่อ ด้วยวรรค 3 จึงเป็นการออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากราชการ มาเป็นทหารกองหนุน มีเบี้ยหวัด ซึ่งตามที่แหล่งข่าวบอกว่า เข้าใจคนละเรื่องเดียวกันนั้น คือ เมื่อบอกว่าผิดวินัย แต่ไม่อ้าง พ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 มาในวรรค 2 ของเอกสาร จึงเท่ากับว่าการผิดวินัย เป็นเพียงข้ออ้างในการมีคำสั่ง แต่ไม่ได้ยกมาใช้ เพราะถ้าเอามาอ้าง ก็จะออกคำสั่งปลดไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจปลดทหารที่ออกจากประจำการไปแล้ว คือ ตามกฎหมายก้ดี ตามระเบียบ ตามคำสั่งก็ดี ไม่ได้ให้อำนาจไว้เลย ดังเช่นคณะกรรมการกฤษฎีกาได้บอกไว้ในเรื่องเสร็จที่ 735/2551 อ้างอิงจากเรื่องเสร็จที่ 566/2553 ใจความว่า"ไม่พบว่ามีบทบัญญัติกำหนดให้ผู้บังคับบัญชามีอำนาจปลดทหารผู้กระทำผิดวินัยออกจากประจำการได้ในกรณีที่ทหารผู้นั้นออกจากราชการไปแล้ว"
ส่วน ที่บอกว่าทหารกองหนุนไม่อยู่ในบังคับของพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 ผมมีลิงค์ของกรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี่กลาโหมนำมาให้คุณแหล่งข่าวเอาไป อ่านด้วยครับ ตามลิงค์นี้ http://www.sonsue.com/mil_rule2.php ข้อความว่า
"เมื่อ พิจารณาคุณสมบัติของทหารทั้ง ๔ ประเภท จะเห็นได้ว่าทหารที่ต้องอยู่ในบังคับ แห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารตลอดเวลาที่รับราชการก็คือทหารกองประจำการ และทหารประจำการ ส่วนทหารกองเกินและทหารกองหนุนนั้น เป็นทหารที่มิได้รับราชการทหาร และมิได้อยู่ประจำหน่วยทหาร จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร ยกเว้นในกรณีที่ทหารกองเกิน และทหารกองหนุนถูกเรียกเข้ารับราชการตาม มาตรา ๓๖ กล่าวคือเมื่อถูกเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม และในการระดมพล ต้องตกอยู่ในวินัยทหารเหมือนทหารกองประจำการ ดังนั้นในช่วงเวลาที่ถูกเรียกเข้ารับราชการกรณีดังกล่าวทั้งทหารกองเกิน และทหารกองหนุน ต้องตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารเช่นเดียวกับทหารกองประจำการ ในฐานะเป็นผู้รับทัณฑ์"
2 วันก่อน ผมเขียนเรื่อง รังสีอำมหิตในคำสั่งปลดมาร์คเป็นทหารกองหนุน เมื่อสุกำพลถ่มน้ำลายรดฟ้า ซึ่ง ได้อธิบายรายละเอียดว่า ในข้อกฎหมายที่ 9 อรหันต์ทองคำเปลว นำมาใช้นั้น ไม่ใช่ข้อยุติและบทสรุปว่านายอภิสิทธิ์ต้องถุกปลดยศ และการที่ไม่นำพ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 มา ใช้เป็นอำนาจในการออกคำสั่งนั้น ถ้าให้เดาทาง คือ 1. กลัวจะไปเข้าเงื่อนไขกับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา 2. ถ้านำมาใช้ จะมีเพียงอำนาจปลด แต่หมดสิทธิ์ถอดยศได้ 3. อาศัยคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการว่านายอภิสิทธิ์ผิดจริงมาเป็นเงื่อนไขในการถอด ยศ 4. มีการออกคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง ถอดยศนายอภิสิทธิ์ตามระเบียบที่มีอยู่คือ ระเบียบ ก.กลาโหม ว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ. 2507 ข้อ 2(2.9)ได้แก่"การประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง"
กลาโหม ว่างมากใช่ไหมครับ เอกสารนี้มี 5 หน้าป็นเอกสารของ ก.กลาโหมที่ กท. 0433/277 ลงวันที่ 19 พ.ค. 42 เรื่อง"รายงานผลการสอบสวน กรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้ารับราชการที่ ร.ร. จปร."ดูที่ชื่อของเรื่องนะครับ เป็นรายงาน ไม่ใช่ผลการสอบสวน และที่สำคัญ เป็นเอกสารลับ ซึ่งเป็นเอกสารภายในของ ก.กลาโหม ถือ ว่าเป็นเอกสารในชั้นความลับ ซึ่งก่อนหน้านี้นายกมล บันไดเพชร คนเริ่มเรื่อง ก็เคยใช้ข้อมูลจากเอกสารฉบับนี้มาพูด ปรากฎตามกระทู้ของคุณจีรศักดิ์ในเว็บเสรีไทยชื่อเรื่องว่า ==การโจมตีเรื่องอภิสิทธิ์หนีทหาร - ทบทวนข้อมูลเก่าๆ เมื่อปี 2542 ครับ== และคนที่นำออกมาเผยแพร่เมื่อไม่กี่ปีนี้คือนายจตุพร พรมพันธ์ ก่อนหน้านี้เอกสารชั้นความลับของทางราชการนี้ไปโผ่ลที่บทความของมติชนชื่อ งัดไม้ตายสกัด"อภิสิทธิ์"นั่งนายกฯ"สามเกลอ"ชูเอกสาร"ลับ"ทบ.ซัดหนีทหาร-บรรจุ อจ. รร.จปร.ขัดกฎหมาย และคนที่แถลงข่าวออกมาเป็นวรรคเวรตามเอกสารนี้คือนายสุกำพล ช่วยไปตามหาคนที่นำออกมาด้วยครับ ใช้สิทธิอะไรเอาออกมาได้ และที่สำคัญ ผลของการสอบสวนในปี 42 เป็นเช่นไร คราวนี้คงต้องเผยแพร่ ให้สังคมได้รับรู้ เพราะเอกสารที่ออกมานี้ เป็นแค่รายงาน ไม่ใช่ข้อยุติ ยังนำมาเผยแพร่ได้ ผลการสอบสวนก็ต้องนำมาแสดงด้วย เพื่อความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่มาตีกินฝ่ายเดียว
ที่ทั่นพี่แหล่งข่าวคนเก่งบอกว่า วัน ที่นายอภิสิทธิ์ทำผิดคือวันที่ 2 มิ.ย. 2531 คือวันที่นำเอกสารเท็จไปขึ้นทะเบียนกองประจำการ โดยมียศว่าที่ร้อยตรี ดังนั้น ก็ต้องย้อนไปในวันที่รับนายอภิสิทธิ์รับราชการใน ก.กลาโหม คือ วันที่ 7 สิงหาคม 2530 ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่า ก.กลาโหมได้ยอมรับแล้วว่า การรับเข้าไปเป็นข้าราชการพลเรือนในสังกัดกลาโหมนั้น ถูกต้องสมบูรณ์ทุกประการ
เช่นนี้แล้ว การที่ไม่ได้ไปตรวจคัดเลือกทหาร จึงไม่ใช่สาระสำคัญ เมื่อไม่ใช่ ในใบ ส.ด.9 ที่ลงวันที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน เอกสารนั้น ผู้มีหน้าที่ย่อมสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ตรงตามความเป็นจริงได้ใช่ไหมครับ เมื่อเห็นว่าเท็จ แล้วทำไมไม่ดำเนินคดีตอนนั้น อีกทั้งก็สามารถแก้ไขได้ แล้วที่บอกว่าเป็นความเท็จนั้น ใครเสียหายบ้าง ที่กำลังทำอยู่นี้ ทำเพื่ออะไร เพื่อพรรคเพื่อไทย เพื่อนายทักษิณ เพื่อนางยิ่งลักษณ์ หรือเปล่า เป็นข้าราชการประจำไปทำตามใจนักการเมือง อนาคต รุ่งหรือรุ่งริ่ง คอยดูตัวเองต่อไปแล้วกัน
ส่วนที่พี่แหล่งข่าวตั้งคำถามเอากับใครก็ไม่รู้ เป็นการใช้อารมณ์พูด ผมไม่ขอตอบ เดี๋ยวจะสติแตกตาม
"คนฉลาดชอบแกล้งโง่ คนโง่ชอบเสแสร้งว่าฉลาด ส่วนนักปราชญ์เรียนรู้ที่จะฉลาดและเรียนรู้ที่จะโง่"(ท่าน ว.วชิรเมธี)
โดย ทนายเบิ้มEdited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:30.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#115
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:29
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
ถามหน่อยค่ะว่าตอนที่ดิฉันสมัครงานแล้วใช้ใบเหลืองออกให้แทน บัตร ปชช มันเป็นเอกสารเท็จรึเปล่าคะ
แล้วถ้าเทียบเคียงกรณีคุณมาร์ค
ถ้ากรณีผ่านกระบวนการตอบรับเข้าเป็นทหาร แล้วมีการออกคำสั่งโดยผู้บังคับบัญชา นั่นหมายความว่าต้องมีคนผิดร่วมด้วยเป็นกระบวนการ
หลายคนใช่หรือไม่
ไม่ทราบครับ ใครรู้ตอบหน่อยครับ
#116
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:31
ได้ยศมาโดยมิชอบ ก็ต้องถูกถอด สถานะคือไม่เคยเป็นทหารประจำการตั้งแต่ต้น
ยิ่งเถียงยิ่งโวยก็ยิ่งเข้าตัว เพราะเอกสารหลักฐานมันชัดๆแบบไม่รู้จะชัดยังไงแล้ว
เห็นด้วยครับ ทหารกองหนุน อภิสิทธิ์ ยิ่งดิ้น ยิ่งเจ็บครับ
“พ้นราชการทหารประเภทที่ ๒” หมายความว่า ทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ที่มีอายุสี่สิบหกปีบริบูรณ์แล้ว หรือทหารกองเกิน หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไม่สามารถจะรับราชการได้ในระหว่างรับราชการทหารตามพระราช บัญญัตินี้ หรือนายทหารสัญญาบัตรที่ถูกปลดโดยถูกถอดหรือออกจากยศ
***วนี่รู้กฏหมายงูๆ ปลาๆ ยังมีหน้ามาเถียงอีก ไม่เห็นหรือไงว่ากฏหมายใช้คำว่าหรือ แปลว่าให้ใช้อันใดอันหนึ่ง ถ้าใช้อันใดอันหนึ่งแล้วที่เหลือคือใช้ไม่ได้ และข้อเท็จปรากฏว่าคุณอภิสิิทธิ์มีอายุ 46 ปี บริบูรณ์ก่อนที่จะมีคำสั่งปลด จึงพ้นราชการโดยเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ที่มีอายุ 46 ปี บริบูรณ์ ไม่สามารถกลายเป็นพ้นราชการโดยการถูกปลดได้อีกต่อไป และไม่มีบทบัญญัติ พรบ.วินัยทหารข้อไหนให้อำนาจ รมว.กลาโหมปลดทหารนอกประจำการที่พ้นราชการไปแล้ว เข้าใจป่ะว่ากระบวนการมันช้าไปแค่ปีเดียว ถ้าทำก่อนที่คุณอภิสิทธิ์จะมีอายุครบ 46 ปีบริบูรณ์ก็อาจจะปลดได้
ปลด เพราะหลักฐานเท็จ
ปลดตั้งแต่เริ่มทำงานเพราะ ใช้หลักฐานเท็จสมัคร
และดำเนินการถอดยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนทั้งหมดครับ
หลักฐานอันไหนเท็จครับ?
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ จึงเป็นการละเมิดคำสั่งแบบแผนแบบธรรมเนียมทหาร เป็นการละเมิดศีลธรรมและจริยธรรมของทหารสัญญาบัตร เป็นการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบและผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง เทียบเคียงได้กับการผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการพลเรือน ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้มีคำสั่งไล่ออกหรือปลดออกหรือให้ออกจากราชการย้อนหลัง ตั้งแต่วันกระทำผิด คือ 2 มิถุนายน 2531
สรุปว่าเค้าไม่ได้หนีทหารใช่ไหมครับ
ปกติต้องลงโทษคนที่ทำเอกสารให้เค้าด้วยนะครับถ้าเอกสารเป็นเท็จน่ะเพราะ มาร์คไม่ใช่คนออกเอกสาร
สรุป ว่าหนีครับ
และต้องลงโทษทั้งผู้ออกเอกสาร และผู้ใช้ (ก็ไปจ้างให้ผู้ออกเอกสาร จัดทำให้) โดนทั้งคู่ครับ
ขอโควทเก็บไว้ก่อน MOD เก็บ log ด้วยครับ
แล้วกรณีคนอื่นทำผิดแบบนี้ คุณหลานว่าต้องลงโทษด้วยรึเปล่าคะ ไม่งั้นจะเรียกว่ 2 มาตรฐาน
ปล.ฝากในเรพนี้ จะได้มีพยานด้วย
#117
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:33
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
ถามหน่อยค่ะว่าตอนที่ดิฉันสมัครงานแล้วใช้ใบเหลืองออกให้แทน บัตร ปชช มันเป็นเอกสารเท็จรึเปล่าคะ
แล้วถ้าเทียบเคียงกรณีคุณมาร์ค
ถ้ากรณีผ่านกระบวนการตอบรับเข้าเป็นทหาร แล้วมีการออกคำสั่งโดยผู้บังคับบัญชา นั่นหมายความว่าต้องมีคนผิดร่วมด้วยเป็นกระบวนการ
หลายคนใช่หรือไม่
ไม่ทราบครับ ใครรู้ตอบหน่อยครับ
อ้าว นึกว่าจะมีคำตอบ
#118
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 10:39
""เมื่อพิจารณาคุณสมบัติของทหารทั้ง ๔ ประเภท
จะเห็นได้ว่าทหารที่ต้องอยู่ในบังคับ แห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารตลอดเวลาที่รับราชการก็คือทหารกองประจำการ และทหารประจำการ
ส่วนทหารกองเกินและทหารกองหนุนนั้น เป็นทหารที่มิได้รับราชการทหาร และมิได้อยู่ประจำหน่วยทหาร จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร ยกเว้นในกรณีที่ทหารกองเกิน และทหารกองหนุนถูกเรียกเข้ารับราชการตาม มาตรา ๓๖ กล่าวคือเมื่อถูกเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม และในการระดมพล ต้องตกอยู่ในวินัยทหารเหมือนทหารกองประจำการ ดังนั้นในช่วงเวลาที่ถูกเรียกเข้ารับราชการกรณีดังกล่าวทั้งทหารกองเกิน และทหารกองหนุน ต้องตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารเช่นเดียวกับทหารกองประจำการ ในฐานะเป็นผู้รับทัณฑ์""
ทหารกองเกิน มันจะมาอ้างว่าเป็นทหารได้ยังไง จะผิดวินัยทหารได้ยังไง
...ในเมื่อคนทั่วๆไปเองยังไม่รู้เลยว่า ใครเป็นใคร ดูยศดูกันยังไง เชือกรองเท้าผูกยังไงวะ หมวกใส่ยังไงให้ถูกต้อง ใส่เสื้อผ้ายังไงให้ถูกระเบียบ...
สรุป...เป็นกองเกิน กับ กองหนุน เอาวินัยทหารมาจับประเด็นว่าผิดวินัยทหารไม่ได้
...แค่นี้ก็จบชีวิต ไอ้เสือจ๊ะโอ๋ สุกำกวมได้แล้ว...
ขี้ข้าทักษิณ จะติดคุกภายในไม่นานนี้ ตามมาตรา 157 ชัวร์ๆ 100%เต็ม
Edited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:02.
- เดือนเอก likes this
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#119
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:01
ลูกผู้ชายที่เป็นขี้ข้านักโทษด้วย ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!
วันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 (go6TV) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม กล่าวว่า การถอดยศนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน จะดำเนินการต่อให้แล้วเสร็จ แต่ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนของศาลปกครอง ดังนั้นต้องรอการพิจารณาให้เสร็จสิ้นก่อน หากศาลปกครองชี้ว่าเป็นเรื่องของวินัยทหารจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
ขณะนี้คำสั่งที่ 2 ได้ออกมาแล้ว คือ การปลดนายอภิสิทธิ์ ออกจากการเป็นนายทหารสัญญาบัตร อย่างไรก็ตาม ไม่อยากพูดว่า การดำเนินการของฝ่ายค้านในช่วงของการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่กล่าวหาใน3เรื่อง เป็นการผูกใจเจ็บหรือไม่ เพราะเป็นลูกผู้ชายพอจึงอยากให้ดูกันเอาเอง
"สุกำพล"เป็น"ลูกผู้ชายยยยยยยยยยยยย"..........ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
เอ็งขอเป็น"ขี้ข้าโจร" ข้าเลือกเป็น"ข้าธุลีพระบาท" เอ็งขอเป็น"ไพร่" ข้าเลือกเป็น"พสกนิกร"
#120
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:06
http://webboard.seri..._50#entry510545
ตายน้ำตื้น
ตกกระป๋อง
หมาหัวเน่า
ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา
ถอยไม่เป็นกระบวน
กินข้าวต้มกระโจมกลาง
กระจอกงอกง่อย
ขายผ้าเอาหน้ารอด
http://webboard.seri...250#entry512893
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
#121
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:07
ก็แป๊กไง ตรงที่สุกำพลดันไปรับรองว่า อภิสิทธิ์เป็นทหารโดยสมบูรณ์แล้ว
เออ แปลกเนอะ
ตอนแรก บอกมาร์คหนีทหาร มุขนี้แป๊ก
ต่อมา เอการเท็จ ก้อแป๊กอีก
ต่อมา สั่งแล้ว ก้อแป๊กอีก
แล้วจะจบด้วยมาร์คชั่งใข่
ไม่เชื่อคอยดู
ห้าาาาาาาาา
หนีทหาร ก็สรุปแล้ว ร่วมกับ การใช้เอกสารเท็จ
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
สั่งการก็สั่งแล้ว
ในที่สุดคดีการหนีทหารของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็จบลง
หลังจากที่พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ลงนามเห็นชอบและอนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการรวบรวมข้อมูล เพื่อดำเนินการถอนยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนจากนายอภิสิทธิ์ จากการพิจารณาของคณะกรรมการที่มี พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.ชาญ โกมลหิรัญ เจ้ากรมเสมียนตรา พล.อ.ชัยรัตน์ ชีระพันธุ์ เจ้ากรมพระธรรมนูญ พล.ท.พอพล มณีรินทร์ ผบ.รร.นายร้อย จปร.ก่อนเสนอรมว.กลาโหมลงนามไปเเล้วนั้น
แป้ก ตรงใหนครับ
โดยไปสั่งปลดออกจากราชการเป็นทหารกองหนุนไง มีเบี้ยหวักอีกต่างหาก .....ฮิ๊วววววววววๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...
แล้วใครแถวๆนี้ ยังหน้าด้านใช้คำว่า"หนีทหาร"ไม่อายปากตัวเองรึไง....ฮิ๊วววววววววววๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
Edited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:10.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#122
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:13
http://www.oknation.net/blog/hardcorelawyer/2012/11/10/entry-1
รังสีอำมหิตในคำสั่งปลดมาร์คเป็นทหารกองหนุน เมื่อสุกำพลถ่มน้ำลายรดฟ้า
วันเสาร์ ที่ 10 พฤศจิกายน 2555
เมื่อ วานก็ออกมาส่วนหนึ่งแล้ว บรรดาขี้ข้าทักษิณ เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์พิจารณาตนเอง และต่อไปนี้ ก็คงดาหน้าขี้ข้าอาชีพออกกันมาอีก รับรองได้ว่างานนี้ต้องการกระแสล้วนๆ+เสียงเสื้อแดง กดดันกันแบบสุดๆ
งาน นี้กะยืมมือที่มองเห็น ๒ มือ ในจัดการอภิสิทธิ์ คือ ๑. ยืมมือผู้ตรวจการแผ่นดินจี้ไปที่ความผิด ว่าด้วยจริยธรรมนักการเมือง ๒. ยืมมือสำนักราชเลขาธิการในการขอพระราชทานพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้มีการ ถอดยศนายอภิสิทธิ์ ตาม ๑. ก็คือ เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินชี้มูลก็จะนำมารวมกับเอกสารที่ปลดนายอภิสิทธิ์เป็น ทหารกองหนุน ส่งต่อไปยังสำนักราชเลขาเพื่อดำเนินการตาม ๒.
โดย เฉพาะผู้ตรวจการแผ่นดินต้องนิ่งๆและทบทวนให้ดี ถึงการแถลงของโฆษกเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ในวันนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินแถลงไว้อย่างไร เพื่อกันลืม ขอนำมาลงยืนยัน ว่าเป็นไปตามนี้ใช่ไหม
"วันนี้( ๑๓ ก.ย.)ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณากรณีที่นายกมล บันไดเพชร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบรมว.กลาโหม ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ไม่ตรวจสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ใช้เอกสารเท็จเข้ารับราชการทหารให้นายกมลทราบแล้ว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติว่า รมว.กลาโหม ไม่ได้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ในกรณีดังกล่าว เนื่องจากในการตรวจสอบพบว่า รมว.กลาโหมมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบเพิ่มเติม โดยไปสอบบุคคลต่าง ๆ และให้ กรมพระธรรมนูญสอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่า หากพบว่าการเข้ารับราชการทหารของนายอภิสิทธิ์ไม่ถูกต้อง กระทรวงกลาโหมจะสามารถถอดยศ เรียกคืนเบี้ยหวัดได้หรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ได้แจ้งไปในหนังสือด้วยว่า หากผลวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นอย่างไรก็ขอให้แจ้งให้ผู้ตรวจการแผ่น ดินทราบด้วย"(เดลินิวส์)
แต่ สิ่งที่สุกำพลกำลังจะส่งให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน คือกระดาษเมื่อ ๒ วันก่อน ที่ตนเองเซ็นชื่อในนามรัฐมนตรี เล่นเอากระทรวงกลาโหมเป็นเปลือกหอย โดยไม่มีคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาแต่ประการใด แต่ที่อ้างมาโดยโฆษกกลาโหม เขาบอกไว้ ตามนี้ครับ
"พ.อ.ธนา ธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการ กรณีการบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้นทะเบียนกองประจำการและการแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.มล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานกรรมการ เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินให้ กระทรวงกลาโหมตรวจสอบเรื่องดังกล่าวว่า ถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง ของกระทรวงกลาโหมหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวจนได้ข้อยุติว่า มีเอกสารที่ไม่ตรงกับความจริงและเอกสารไม่ถูกต้อง ในการบรรจุการแต่งตั้งยศและการขึ้นทะเบียน กองประจำการของนายอภิสิทธิ์ และไม่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผันการคัดเลือกทหาร นายอภิสิทธิ์ จึงขาดการเกณฑ์ทหาร ในปี ๒๕๓๐-๒๕๓๖ รวมทั้งได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งชี้แจงว่าการดำเนินการต่อไปเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของกระทรวงกลาโหม"(มติชน)
โน่น ครับ สามวาสองศอก ไปหารือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สงสัยไปถามตึกอาคาร แม้จะไปถามบุคคลอย่างเลขาสำนักงานฯ ก็ไม่สามารถนำมาอ้างอิงได้ ถ้าให้แน่นอนต้องเป็นความเห็นทางกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงจะเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง
คิด ว่าจะไม่ถึงตัวเองรึ งานนี้ สุกำพลจะคิดเอง หรือได้รับใบสั่งจากใคร แต่แน่ๆงานนี้กะช็อตอภิสิทธิ์กับพรรคประชาธิปัตย์ให้ถึงช๊อคให้ได้ นั่นคือทั้งคนทั้งพรรคสูญสิ้นไปจนถึงสูญพันธ์ เอากับเขาสิ แต่อย่างว่า ทำอะไรแบบลนลานลุกลี้ลุกลน ช่องโหว่มันต้องมี แล้วงานนี้ถ้าไม่สวนกลับ ก็คงไม่ใช่พรรคที่ชำนาญการด้านกฎหมาย ดังเช่น ประชาธิปัตย์
คำว่าทหารกองหนุนนั้นตามพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๔ ได้ให้ความนิยามไว้ดังนี้
(๔) “ทหารกองหนุนประเภทที่ ๑” หมายความว่า ทหารที่ปลดจากกองประจำการ โดยรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนด หรือทหารกองเกินซึ่งสำเร็จการฝึกวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึก วิชาทหาร และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการแล้วปลดเป็นกองหนุนตามพระราชบัญญัตินี้
(๕) “ทหารกองหนุนประเภทที่ ๒” หมายความว่า ทหารที่ปลดจากกองเกินตามมาตรา ๓๙ หรือปลดจากกองประจำการตามมาตรา ๔๐
(๖) “พ้นราชการทหารประเภทที่ ๑” หมายความว่า ทหารซึ่งถูกปลดโดยที่ได้รับราชการในชั้นต่าง ๆ จนครบกำหนด หรือโดยที่พิการทุพพลภาพ หรือมีโรคซึ่งไม่สามารถจะรับราชการทหารได้ในระหว่างรับราชการทหารตามพระราช บัญญัตินี้
(๗) “พ้นราชการทหารประเภทที่ ๒” หมายความว่า ทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ที่มีอายุสี่สิบหกปีบริบูรณ์แล้ว หรือทหารกองเกิน หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไม่สามารถจะรับราชการได้ในระหว่างรับราชการทหารตามพระราช บัญญัตินี้ หรือนายทหารสัญญาบัตรที่ถูกปลดโดยถูกถอดหรือออกจากยศ
จากกฎหมายฉบับเดียวกัน มาตรา ๔๐
มาตรา ๔๐ ทหารกองประจำการ ถ้าต้องจำขังหรือจำคุกครั้งเดียว หรือหลายครั้งเมื่อมีกำหนดวันที่จะต้องทัณฑ์หรือต้องโทษรวมได้ไม่น้อยกว่า หนึ่งปีก็ดี หรือทหารกองประจำการ ผู้ใดซึ่งกระทรวงกลาโหมเห็นว่าจะกระทำให้เสื่อมเสียแก่ราชการทหารด้วยประการ ใด ๆ ก็ดี จะปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ก็ได้
ถ้า อ่านตามกฎหมายทหาร มาตรา ๔(๕)(๗) มาตรา ๔๐ คือการปลดจากกองประจำการมาเป็นกองหนุนประเภทที่ ๒ แต่ตามคำสั่งของสุกำพลคือปลดเป็นทหารกองหนุนประเภท ๒ มีเบี้ยหวัด แต่ยังมียศอยู่ แต่จะทำได้หรือไม่ ต่อไปนี้ คือคำสั่งปลิดชีพอภิสิทธิ์ นำเสนอโดยนายสุกำพล
คราว นี้มาดูพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.๒๔๗๖ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง หมวด ๒ ว่าด้วยวินัย ตามมาตรา ๔ มาตรา ๕ มาตรา ๗ มาตรา ๘ หมวด ๓ อำนาจลงฑัณฑ์
มาตรา ๔ วินัยทหารนั้น คือ การที่ทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนียมของทหาร
มาตรา ๕ วินัยเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับทหาร เพราะฉะนั้นทหารทุกคนจักต้องรักษาโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ ผู้ใดฝ่าฝืนท่านให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิด
ตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหารมีดังต่อไปนี้
(๑) ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน
(๒) ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย
(๓) ไม่รักษามรรยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร
(๔) ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร
(๕) เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ
(๖) กล่าวคำเท็จ
(๗) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร
(๘) ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ
(๙) เสพเครื่องดองของเมาจนถึงเสียกิริยา
มาตรา ๗ ทหารผู้ใดกระทำผิดต่อวินัยทหารจักต้องรับทัณฑ์ตามวิธีที่ปรากฏในหมวด ๓ แห่งพระราชบัญญัตินี้ และอาจต้องถูกปลดจากประจำการ หรือถูกถอดจากยศทหาร
มาตรา ๘ ทัณฑ์ที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดต่อวินัยทหารดังกล่าวไว้ใน หมวด ๒ นั้น ให้มีกำหนดเป็น ๕ สถาน คือ
(๑) ภาคทัณฑ์
(๒) ทัณฑกรรม
(๓) กัก
(๔) ขัง
(๕) จำขัง
ตาม ตัวบท ที่ผมยกมาน่าจะครบ ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของนายอภิสิทธิ์ แต่สุกำพลไม่ได้นำเอากฎหมายฉบับนี้ มาใช้ในการลงโทษ ซึ่งมาตรา ๗ ได้ให้อำนาจไว้ คือ ปลดจากประจำการ หรือถูกถอดจากยศทหาร อำนาจให้ไว้อย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ ไม่ใช่สามารถทำได้พร้อมกันทั้ง ๒ อย่าง และเมื่อไม่ได้ใช้อำนาจตามนี้ นายสุกำพลก็จะมาอ้างใช้ไม่ได้แล้ว ในเรื่อง วินัยทหาร
นอก จากจะอ่านกฎหมายรู้ ก็ต้องตีความกฎหมายนั้นได้ด้วย อภิสิทธิ์ลาออกจากราชการเมื่อ ๒๔-๒๕ ปี ที่แล้ว สภาพเป็นทหารกองหนุนประเภท ประเภทที่ี ๑ มาโดยตลอด และนายสุกำพลยังอุตส่าห์ไปเจาะเวลาหาอดีตนำร้อยตรีอภิสิทธิ์ในครั้งนั้น มาปลดจากกองประจำการ จากทหารกองหนุนประเภท ๑ มาเป็นทหารประเภท ๒ อีก แล้ววินัยทหารนำมาใช้กับอภิสิทธิ์ได้หรือไม่ สุกำพลรู้ครับ ว่าเรื่องวินัยทหารมาใช้บังคับไม่ได้ จึงเลี่ยงไปใช้ข้อบังคับต่างๆแทน เรื่องนี้ กรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลาโหม ได้ระบุความหมายของคำว่าวินัยทหาร และบอกไว้ด้วยว่า ทหารกองหนุน ไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.๒๔๗๖ อ่านกันครับ
****ผู้ที่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร
จาก บทนิยามศัพท์ของคำว่าวินัยทหาร คือการที่ทหารต้องประพฤติตามแบบธรรมเนียมทหาร โดยมิได้มีคำจำกัดความของคำว่าทหารนั้น หมายถึงทหารประเภทใดบ้างเนื่องจากทหารมีหลายประเภท โดยพิจารณาจาก พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ ซึ่งแบ่งทหารออกเป็น ๔ ประเภท คือ
ก.ทหารกองประจำการ (คือผู้ซึ่งขึ้นทะเบียนกองประจำการและได้เข้ารับราชการในกองประจำการ จนกว่าจะปลด)
ข.ทหารประจำการ (คือทหารซึ่งรับราชการตามที่กระทรวงกลาโหมกำหนด ซึ่งมิใช่ทหารกองประจำการ)
ค.ทหารกองเกิน (คือผู้ซึ่งมีอายุตั้งแต่ ๑๘ ปีบริบูรณ์ และยังไม่ถึง ๓๐ ปีบริบูรณ์ ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามมาตรา ๑๖ หรือ ผู้ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกิน ตามมาตรา ๑๘ แล้ว)
ง.ทหารกองหนุน ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑)ทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ (คือทหารที่ปลดกองประจำการโดยรับราชการในกองประจำการจนครบกำหนด หรือทหารกองเกิน ซึ่งสำเร็จวิชาทหารตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร และได้ขึ้นทะเบียนกองประจำการ แล้วปลดเป็นกองหนุนตาม พ.ร.บ.รับ ราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗)
๒)ทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ (คือทหารที่ปลดออกจากกองเกิน ตามมาตรา ๓๙ หรือปลดจากกองประจำการ ตามมาตรา ๔๐)
เมื่อ พิจารณาคุณสมบัติของทหารทั้ง ๔ ประเภท จะเห็นได้ว่าทหารที่ต้องอยู่ในบังคับ แห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารตลอดเวลาที่รับราชการก็คือทหารกองประจำการ และทหารประจำการ ส่วนทหารกองเกิน และทหารกองหนุนนั้น เป็นทหารที่มิได้รับราชการทหาร และมิได้อยู่ประจำหน่วยทหาร จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหาร ยกเว้นในกรณีที่ทหารกองเกิน และทหารกองหนุนถูกเรียกเข้ารับราชการตาม มาตรา ๓๖ กล่าวคือเมื่อถูกเรียกพลเพื่อตรวจสอบเพื่อฝึกวิชาทหาร หรือเพื่อทดลองความพรั่งพร้อม และในการระดมพล ต้องตกอยู่ในวินัยทหารเหมือนทหารกองประจำการ ดังนั้นในช่วงเวลาที่ถูกเรียกเข้ารับราชการกรณีดังกล่าวทั้งทหารกองเกิน และทหารกองหนุน ต้องตกอยู่ในบังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยวินัยทหารเช่นเดียวกับทหารกองประจำการ ในฐานะเป็นผู้รับทัณฑ์
เป็นข้อมูลที่ได้มาจากเว็บไซค์หน่วยงานหนึ่งของกระทรวงกลาโหม มิใช่การบิดเบือนแล้วนำมากล่าวอ้าง จึงเป็นที่แน่ชัดว่า หากในขณะที่นายอภิสิทธิ์ยังเป็นทหารกองหนุนอยู่ การบังคับใช้ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.๒๔๗๖ นำมาใช้ไม่ได้ ดังนั้น กระทรวงกลาโหมและสุกำพลจะอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ.๒๔๗๖ มากล่าวโทษนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ เช่นนี้ จึงมีการเฉไฉไปอ้างข้อบังคับ ๒ ฉบับ คือ ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่งข้าราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๐๒ หมวด ๑ ข้อ ๔(๒) กับข้อบังคับทหารว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร ที่ ๑๒๑๔/๑๘๖๒๕ ๓๖ ลง ๑๔ พ.ย. ๘๒ มาตรา ๔ ข้อ ๒ และข้อ ๑๒
ข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่งข้าราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.๒๕๐๒ หมวด ๑ ข้อ ๔(๒) ระบุไว้ว่า
ข้อ ๔ ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุบุคคลเข้ารับราชการและสั่งปลดข้าราชการกลาโหมออกจากราชการคือ
(๒) ตำแหน่งชั้นสัญญาบัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้สั่งเว้นแต่ตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้บัญชาการกองพล ผู้บังคับการกองเรือ ผู้บัญชาการกองพลบิน หรือเทียบเท่าขึ้นไป พระมหากษัตริย์จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่ถ้าเป็นการให้ออกจากราชการเนื่องจากการลาออกหรือเนื่องจากเหตุครบเกษียณ อายุตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้สั่ง
ตรง นี้อำนาจสั่งปลด สุกำพลมีเต็มๆเถียงไม่ได้ครับ แต่ขอให้มองย้อนไปในปี ๒๕๓๑ เช่นกัน คือ พลเอกพะเนียง กานตรัตน์ รัฐมนตรีกลาโหมสมัยนั้นก็ย่อมมีอำนาจสั่งบรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้เช่นกัน ตรงนี้อยากให้รู้ว่าเป็นดุลพินิจนะครับ ดังนั้น จึงเป็นการใช้อำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายในการรับนายอภิสิทธิ์เข้ารับราชการใน กระทรวงกลาโหม
ข้อ บังคับทหารว่าด้วยการแบ่งประเภทนายทหารสัญญาบัตร ที่ ๑๒๑๔/๑๘๖๒๕ ๓๖ ลง ๑๔ พ.ย. ๘๒ มาตรา ๔ เกี่ยวกับทหารกองหนุนข้อ ๒ วรรค ๑ ระบุไว้ ดังนี้
ข้อ ๒ นายทหารกองหนุน โดยปกติให้สังกัดหน่วยทหาร หรือจังหวัดทหารซึ่งเป็นภูมิลำเนาหรือหน่วยต้นสังกัดของผู้นั้น เว้นแต่กระทรวงกลาโหมจะได้สั่งเป็นอย่างอื่น
มาตรา ดังกล่าวในข้อ ๒ เกี่ยวกับสังกัดของนายทหารกองหนุน ต่อไปมาดูข้อ ๑๒ ซึ่งเป็นข้อสำคัญที่จะต้องนำมาพิจารณาว่า นายสุกำพลออกคำสั่งถูกหรือผิด มีอำนาจครอบคลุมหรือไม่
ข้อ นี้เด่นที่สุด และชัดที่สุด ผมจึงต้องไป capture จากเอกสารที่ดาวน์โหลดมาไว้ในเครื่อง นายสุกำพลบอกว่าคดีอาญาไม่มีย้อนหลัง การเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์จึงไม่อาจทำได้ แต่วินัยทหาร สั่งย้อนหลังได้ และนายสุกำพลก็โชว์พาวในการสั่งย้อนหลังปลดให้นายอภิสิทธิ์เป็นทหารกองหนุน ประเภท ๒ สังเกตุตรงปีกาบนสุดว่าสถานะทหารกองหนุนในระดับนายร้อยจะคงสภาพไว้จนอายุถึง และครบที่ ๔๕ ปี เกินกว่านี้ ก็ไม่ต้องเป็นทหารกองหนุนแล้ว ณ เวลานี้ นี้นายอภิสิทธิ์น่าจะมีอายุอยู่ประมาณ ๔๗-๔๘ ปี ไม่ได้อยู่ในสถานะทหารกองหนุนแล้ว ดังนั้น คำสั่งของนายสุกำพลจึงไม่มีผลใดๆตามกฎหมาย
คำ สั่งในกระดาษแผ่นนั้น จึงเป็นการออกคำสั่งช้าไปประมาณ ๓ ปี สุกำพลเอ๋ย เจ้าตั้งใจหรือเสียรู้ใครมานี่ นี่คือ การถ่มน้ำลายรดฟ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนตัวเอง อย่างน่าตลกขบขันที่สุด
สรุป ประการที่ ๑ ตามเอกสารที่นายสุกำพลลงนาม อ้างวินัยทหาร ตามกฎหมายบังคับใช้กับทหารกองหนุนที่ลาออกไปแล้วอย่างนายอภิสิทธิ์ไม่ได้ และจะใช้กับนายอภิสิทธิ์ที่นายสุกำพลสั่งปลดจากกองประจำการมาเป็นทหารกอง หนุนไม่ได้เช่นกัน และประการที่ ๒ นายสุกำพลในฐานะรัฐมนตรีกลาโหมไร้สิ้นซึ่งอำนาจออกคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์มา เป็นทหารกองหนุนได้ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์มีอายุเกินเกณฑ์ที่จะเป็นทหารกองหนุนแล้ว การลงนามจึงเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้
ทักษิณ เกี่ยวด้วยไหม ละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน ในเรื่องนี้ นอกจากจะเป็นการดิสเครดิตแล้ว ความเบาบางในการอภิปรายนายกยิ่งลักษณ์ก็จะเบาบางลง แค่อภิสิทธิ์ถูกปลดก็ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๐๒ (๖) คือ "เคย ถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐ วิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ"หมดสภาพ ส.ส.ไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปถอดยศอะไรอีก ประโยชน์ที่จะตามมา คือ ถ้าต้องการมีวิถีทางการเมืองต่อไป ก็ต้องร่วมในการปรองดองแห่งชาติ จุดใหญ่ๆคือ ทักษิณพ้นผิด กลับประเทศไทยได้ แล้วอภิสิทธิ์ก็จะอยู่รอด เป็นเช่นนี้หรือเปล่า
งานนี้ ใครหมู่ใครจ่า เดี๋ยวก็รู้ ถามนายอภิสิทธิ์คำเดียวว่า สู้หรือไม่สู้ ถ้าไม่สู้ ก็กรุณาเดินไปขอปรองดองกับทักษิณเถิดครับ
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#123
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:23
(๑) ภาคทัณฑ์
(๒) ทัณฑกรรม
(๓) กัก
(๔) ขัง
(๕) จำขัง
เฮ้ยๆๆๆๆ ไอ้โอ๋ เองทำไมไม่สั่งขัง รต.อภิสิทธิ์ ซัก 7วันก่อนวะ ฐานผิดวินัยทหาร
มั่วนะเมิงเนี่ย ไอ้โอ๋
Edited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:25.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#124
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 11:35
ได้ยศมาโดยมิชอบ ก็ต้องถูกถอด สถานะคือไม่เคยเป็นทหารประจำการตั้งแต่ต้น
ยิ่งเถียงยิ่งโวยก็ยิ่งเข้าตัว เพราะเอกสารหลักฐานมันชัดๆแบบไม่รู้จะชัดยังไงแล้ว
เห็นด้วยครับ ทหารกองหนุน อภิสิทธิ์ ยิ่งดิ้น ยิ่งเจ็บครับ
“พ้นราชการทหารประเภทที่ ๒” หมายความว่า ทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ที่มีอายุสี่สิบหกปีบริบูรณ์แล้ว หรือทหารกองเกิน หรือทหารกองหนุนประเภทที่ ๒ ซึ่งพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคอันไม่สามารถจะรับราชการได้ในระหว่างรับราชการทหารตามพระราช บัญญัตินี้ หรือนายทหารสัญญาบัตรที่ถูกปลดโดยถูกถอดหรือออกจากยศ
***วนี่รู้กฏหมายงูๆ ปลาๆ ยังมีหน้ามาเถียงอีก ไม่เห็นหรือไงว่ากฏหมายใช้คำว่าหรือ แปลว่าให้ใช้อันใดอันหนึ่ง ถ้าใช้อันใดอันหนึ่งแล้วที่เหลือคือใช้ไม่ได้ และข้อเท็จปรากฏว่าคุณอภิสิิทธิ์มีอายุ 46 ปี บริบูรณ์ก่อนที่จะมีคำสั่งปลด จึงพ้นราชการโดยเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ที่มีอายุ 46 ปี บริบูรณ์ ไม่สามารถกลายเป็นพ้นราชการโดยการถูกปลดได้อีกต่อไป และไม่มีบทบัญญัติ พรบ.วินัยทหารข้อไหนให้อำนาจ รมว.กลาโหมปลดทหารนอกประจำการที่พ้นราชการไปแล้ว เข้าใจป่ะว่ากระบวนการมันช้าไปแค่ปีเดียว ถ้าทำก่อนที่คุณอภิสิทธิ์จะมีอายุครบ 46 ปีบริบูรณ์ก็อาจจะปลดได้
ปลด เพราะหลักฐานเท็จ
ปลดตั้งแต่เริ่มทำงานเพราะ ใช้หลักฐานเท็จสมัคร
และดำเนินการถอดยศ และเรียกเบี้ยหวัดคืนทั้งหมดครับ
หลักฐานอันไหนเท็จครับ?
พลเอกหม่อมหลวง ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า เอกสารดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์เป็นเอกสารเท็จ และมีข้อเสนอ 3 เรื่องหลัก คือ
1. การลงโทษกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ ในการขึ้นทะเบียนเป็นทหาร
2. การบรรจุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ ไม่ถูกต้อง
3. เรื่องการแต่งตั้งยศที่ไม่ถูกต้อง
ดังนั้นการที่นายอภิสิทธิ์ ใช้เอกสารเท็จ จึงเป็นการละเมิดคำสั่งแบบแผนแบบธรรมเนียมทหาร เป็นการละเมิดศีลธรรมและจริยธรรมของทหารสัญญาบัตร เป็นการกระทำทุจริตประพฤติมิชอบและผิดวินัยทหารอย่างร้ายแรง เทียบเคียงได้กับการผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการพลเรือน ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติให้มีคำสั่งไล่ออกหรือปลดออกหรือให้ออกจากราชการย้อนหลัง ตั้งแต่วันกระทำผิด คือ 2 มิถุนายน 2531
สรุปว่าเค้าไม่ได้หนีทหารใช่ไหมครับ
ปกติต้องลงโทษคนที่ทำเอกสารให้เค้าด้วยนะครับถ้าเอกสารเป็นเท็จน่ะเพราะ มาร์คไม่ใช่คนออกเอกสาร
สรุป ว่าหนีครับ
และต้องลงโทษทั้งผู้ออกเอกสาร และผู้ใช้ (ก็ไปจ้างให้ผู้ออกเอกสาร จัดทำให้) โดนทั้งคู่ครับ
ผมว่าเค้าไม่ได้หนีนะ เข้าใจไรผิดเปล่า
แล้วมีหลักฐานหรือครับว่าเค้าไปจ้างให้ออกเอกสารให้น่ะครับ
---------------------------------------
#126
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:04
เอกสารที่ราชการออกให้ เรียกว่าเอกสารเท็จ งั้นมันต้องเป็นของรัฐไทยใหม่ใช่มั้ย จึงจะถูกต้อง ควายจริงๆ
ถูกต้องน๊ะครับ
ไอ้ที่ฮากว่า...นังแต๋ม จนมุมทู้นั้น มาแถทู้นี้ต่อ..
#127
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:07
ตอนนี้ งง ไปหมดแล้ว...
ไม่รู้ มาร์คผิดขั้นตอนไหนแน่..
#128
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:09
สิ่งที่สุกำพลหรือ พรรคเพื่อไทยต้องการ แค่ให้มีข่าวเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ก็มักเชื่อไปตามนั้นแล้ว เพราะอ่านแค่พาดหัวข่าวมันง่ายแค่เดินผ่านร้านหนังสือพิมพ์ก็อ่านได้แล้ว
จะมีซักกี่คนที่เอาเนื้อหาจากในหนังสือพิมพ์มาอ่านจนครบ นี่แค่ในหนังสือพิมพ์นะ อย่าไปพูดถึงรายละเอียดทางกฎมายมากมายที่สามารถหาความรู้ได้ในเวปเลย
สรุปว่าสุกำพลคงโดนวางยาจริงๆ แต่สุกำพลก็ทำภาระกิจสำเร็จ
ถ้าศาลไม่ตัดสิน ยังไงเรื่องนี้ก็ยังเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ดี
#129
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:14
ทหารประจำการไง
แล้วไงต่อหรือ มาทำเป็นถามเอาเท่ห์อีกละ
รบกวนถามหน่อยค่ะ
ถ้า โรงเรียนนายร้อย จปร ต้องการรับสมัครอาจารย์วุฒิ ป โท
สาขาวิศวกรรมศาสตร์
แล้ว กรณีที่ดิฉันเป็นผู้ชาย แล้วไม่ได้ไปเกณฑ์ทหาร แต่ไปขอผัดผ่อนเนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศ หรือในประเทศก็แล้วแต่ระหว่างนั้นทำเอกสารหาย แต่หน่วยงานต้นสังกัดออกใบแทนมาให้ จึงไปสมัครแล้วสอบบรรจุได้
กับกรณีที่สอง ดิฉันเป็นผู้หญิง แล้วไปสอบเป็นอาจารย์ได้ แต่ดิฉันไม่ได้เรียน รด
คำถาม ถามว่า ทั้งสองกรณี เป็นอาจารย์ได้หรือไม่ และถ้าเป็นแล้วต้องไปฝึกหรือไม่อย่างไร
ให้ hint ว่า อย่างกรณีดิฉันสมัครงาน รัฐวิสาหกิจ ขณะนั้นบัตร ปชช ไม่มี อำเภอออกใบเหลืองให้แทน ซึ่งไม่มีปัญหาในการรับสมัคร
แล้วพอบรรจุก็ไปเข้าฝึกอบรม 1 เดือน และตอนนี้จะไปอยู่ศูนย์ใหม่ ก็อบรม 3 เดือน คืองงว่ามันก็เหมือนกรณีคุณมาร์ค
แล้วมันต่างกันตรงไหน
ปล.บัณฑิตที่ดี ต้อง คิดก่อนพูด พูดหลังคิด คิดก่อนทำ พูดหลังทำ ทำหลังคิด ใช่มั้ยคะ
คุณเข้าใจคลาดเคลื่อนหายๆจุดเลยครับ
- ถ้าคุณได้ผัดผ่อนเนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศอย่างถูกต้อง คุณก็จะไม่ถูกเรียกเข้าตรวจเลือกครับ
แต่กรณีมาร์คนั้น กห. สอบพบว่าไม่มีการผ่อนผันจริงครับ อีกทั้งเพิ่งไปทำ สด.9 เมื่อปี 2529 ซึ่งหากดูตาม พรบ.นั้น คุณจะรู้ว่า ก่อนปี2529 มาร์คจึงไม่มีรายชื่อให้ถูกเรียก(ไม่ได้เป็นทหารกองเกิน) และมาร์คก็ไม่สามารถทำเรื่องผ่อนผันได้เพราะไม่ได้ไปทำ สด.9 ตามกำหนดของ พรบ.
- เป็นผู้หญิง เขาไม่เรียกดูการผ่านเกณทหารหรอกครับ
-ใบเหลือง ถ้าหากมีการปลอมแปลงเนื้อหาสาระเช่นลงวันเกิดผิด หรือเลขประจำตัวไม่ตรง ก็ผิดครับ ถ้าเขาตรวจเจอ.... คุณโดนข้อหาปลอมแปลงเอกสาร
Edited by Tam-mic-ra., 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:27.
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#130
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:19
ครับทำภารกิจสำเร็จ แต่....อนาคตล่ะ...ผมขอคิดมุมกลับนะ
สิ่งที่สุกำพลหรือ พรรคเพื่อไทยต้องการ แค่ให้มีข่าวเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ก็มักเชื่อไปตามนั้นแล้ว เพราะอ่านแค่พาดหัวข่าวมันง่ายแค่เดินผ่านร้านหนังสือพิมพ์ก็อ่านได้แล้ว
จะมีซักกี่คนที่เอาเนื้อหาจากในหนังสือพิมพ์มาอ่านจนครบ นี่แค่ในหนังสือพิมพ์นะ อย่าไปพูดถึงรายละเอียดทางกฎมายมากมายที่สามารถหาความรู้ได้ในเวปเลย
สรุปว่าสุกำพลคงโดนวางยาจริงๆ แต่สุกำพลก็ทำภาระกิจสำเร็จ
ถ้าศาลไม่ตัดสิน ยังไงเรื่องนี้ก็ยังเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ดี
http://www.dailynews...politics/117226
"ธรรมรักษ์"ดิ้นประกันสู้ชั้นอุทธรณ์
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2555 เวลา 10:37 น.
ศาลสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน "พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คดีจ้างพรรคเล็กสู้เลือกตั้ง เจ้าตัวยื่นประกันสู้ชั้นอุทธรณ์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหมและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายอมรวิทย์ สุวรรณผล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชวการ หรือ กรกฤต โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย นายสุขสันต์ หรือ จตุชัย ชัยเทศ อดีตผอ.การเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 2-7 มี.ค.2549 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 จ้างวานให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต โดยมอบเงินค่าตอบแทนให้จำเลยที่ 2 จำนวน 30,000 บาท ให้ดำเนินการตัดต่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อข้อมูลสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิดหลายท้องที่เกี่ยวพันกัน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเจตนากระทำความผิดจริง เพราะจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลเดียวที่มีรหัสผ่านเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคในคอมพิวเตอร์ และเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่โดยตรงในการนำข้อมูลสมาชิกพรรคที่เปลี่ยน แปลงเข้าไปบันทึกในฐานข้อมูลนายทะเบียน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้องถูกต้องตามข้อมูลที่พรรคการเมืองส่งมา โดยจำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าเป็นผู้ไปรับแบบเอกสารแจ้งเปลี่ยนข้อมูลสมาชิกพรรค พร้อมแผ่นบันทึกข้อมูลจากจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เพื่อนำมาแก้ไขข้อมูล และจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปแก้ไขการบันทึกเปลี่ยนแปลง โดยไม่ผ่านขั้นตอนการลงรับเอกสารงานสารบรรณของสำนักกิจการพรรคการเมืองและ การออกเสียงประชามติ กกต. ทั้งยังไม่มีการเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นอนุมัติจากนาย ทะเบียน และได้รับค่าตอบแทนด้วย ประกอบกับจำเลยที่ 2 ทำงานมานาน 2 ปีเศษ น่าจะต้องรู้กฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ว่าการขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลของพรรคการเมืองจะต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง
จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1,3,4 ,5 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. มีความผิดตาม พ.ร.บ.เดียวกันมาตรา 6 ให้จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาทั้งหมด และให้ริบเงินสดของกลางจำนวน 30,000 บาทด้วย
สำหรับ พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นหนึ่งใน 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคและสั่งเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.2550 ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 31 พ.ค.2555 กระทั่งมาถูกตัดสินจำคุกก่อนวันครบกำหนดเพียง 1 วันเท่านั้น อย่างไรก็ตามคดีนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งทางทนายความของพล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 และนายบุญทวีศักดิ์ จำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยศาลอนุญาตปล่อยตัว โดยตีราคาประกันคนละ 5 แสนบาท.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#131
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:21
ครับทำภารกิจสำเร็จ แต่....อนาคตล่ะ...
ผมขอคิดมุมกลับนะ
สิ่งที่สุกำพลหรือ พรรคเพื่อไทยต้องการ แค่ให้มีข่าวเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ก็มักเชื่อไปตามนั้นแล้ว เพราะอ่านแค่พาดหัวข่าวมันง่ายแค่เดินผ่านร้านหนังสือพิมพ์ก็อ่านได้แล้ว
จะมีซักกี่คนที่เอาเนื้อหาจากในหนังสือพิมพ์มาอ่านจนครบ นี่แค่ในหนังสือพิมพ์นะ อย่าไปพูดถึงรายละเอียดทางกฎมายมากมายที่สามารถหาความรู้ได้ในเวปเลย
สรุปว่าสุกำพลคงโดนวางยาจริงๆ แต่สุกำพลก็ทำภาระกิจสำเร็จ
ถ้าศาลไม่ตัดสิน ยังไงเรื่องนี้ก็ยังเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ดี
http://www.dailynews...politics/117226
"ธรรมรักษ์"ดิ้นประกันสู้ชั้นอุทธรณ์
วันพุธที่ 30 พฤษภาคม 2555 เวลา 10:37 น.
ศาลสั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน "พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย คดีจ้างพรรคเล็กสู้เลือกตั้ง เจ้าตัวยื่นประกันสู้ชั้นอุทธรณ์
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 พ.ค. ที่ห้องพิจารณา 913 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหมและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายอมรวิทย์ สุวรรณผล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายชวการ หรือ กรกฤต โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย นายสุขสันต์ หรือ จตุชัย ชัยเทศ อดีตผอ.การเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เป็นจำเลยที่ 1-5 ตามลำดับ ในความผิดฐานกระทำผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ
คำฟ้องโจทก์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 2-7 มี.ค.2549 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 3 จ้างวานให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต โดยมอบเงินค่าตอบแทนให้จำเลยที่ 2 จำนวน 30,000 บาท ให้ดำเนินการตัดต่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายชื่อข้อมูลสมาชิกของพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด เหตุเกิดหลายท้องที่เกี่ยวพันกัน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเจตนากระทำความผิดจริง เพราะจำเลยที่ 2 เป็นบุคคลเดียวที่มีรหัสผ่านเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลสมาชิกพรรคในคอมพิวเตอร์ และเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่โดยตรงในการนำข้อมูลสมาชิกพรรคที่เปลี่ยน แปลงเข้าไปบันทึกในฐานข้อมูลนายทะเบียน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะต้องถูกต้องตามข้อมูลที่พรรคการเมืองส่งมา โดยจำเลยที่ 2 รับสารภาพว่าเป็นผู้ไปรับแบบเอกสารแจ้งเปลี่ยนข้อมูลสมาชิกพรรค พร้อมแผ่นบันทึกข้อมูลจากจำเลยที่ 5 ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เพื่อนำมาแก้ไขข้อมูล และจำเลยที่ 2 ได้เข้าไปแก้ไขการบันทึกเปลี่ยนแปลง โดยไม่ผ่านขั้นตอนการลงรับเอกสารงานสารบรรณของสำนักกิจการพรรคการเมืองและ การออกเสียงประชามติ กกต. ทั้งยังไม่มีการเสนอเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาตามระดับชั้นอนุมัติจากนาย ทะเบียน และได้รับค่าตอบแทนด้วย ประกอบกับจำเลยที่ 2 ทำงานมานาน 2 ปีเศษ น่าจะต้องรู้กฎระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ว่าการขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลของพรรคการเมืองจะต้องผ่านขั้นตอนใดบ้าง
จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1,3,4 ,5 มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11 ให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต. มีความผิดตาม พ.ร.บ.เดียวกันมาตรา 6 ให้จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญาทั้งหมด และให้ริบเงินสดของกลางจำนวน 30,000 บาทด้วย
สำหรับ พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นหนึ่งใน 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษายุบพรรคและสั่งเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.2550 ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 31 พ.ค.2555 กระทั่งมาถูกตัดสินจำคุกก่อนวันครบกำหนดเพียง 1 วันเท่านั้น อย่างไรก็ตามคดีนี้สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งทางทนายความของพล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 และนายบุญทวีศักดิ์ จำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยศาลอนุญาตปล่อยตัว โดยตีราคาประกันคนละ 5 แสนบาท.
ตรงนี้ผมเข้าใจครับว่าอนาคต คงมีคุกแน่นอน แต่กว่าจะถึงวันนั้น หรือ ค่าตอบแทนในครั้งนี้ ผมว่าเค้าคงคำนวณกันแล้วว่ามันคุ้มอ่ะ
#132
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:24
ไปหาอ่านกฎหมายให้ดีนะครับ...
รบกวนถามหน่อยค่ะ
ทหารประจำการไง
แล้วไงต่อหรือ มาทำเป็นถามเอาเท่ห์อีกละ
ถ้า โรงเรียนนายร้อย จปร ต้องการรับสมัครอาจารย์วุฒิ ป โท
สาขาวิศวกรรมศาสตร์
แล้ว กรณีที่ดิฉันเป็นผู้ชาย แล้วไม่ได้ไปเกณฑ์ทหาร แต่ไปขอผัดผ่อนเนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศ หรือในประเทศก็แล้วแต่ระหว่างนั้นทำเอกสารหาย แต่หน่วยงานต้นสังกัดออกใบแทนมาให้ จึงไปสมัครแล้วสอบบรรจุได้
กับกรณีที่สอง ดิฉันเป็นผู้หญิง แล้วไปสอบเป็นอาจารย์ได้ แต่ดิฉันไม่ได้เรียน รด
คำถาม ถามว่า ทั้งสองกรณี เป็นอาจารย์ได้หรือไม่ และถ้าเป็นแล้วต้องไปฝึกหรือไม่อย่างไร
ให้ hint ว่า อย่างกรณีดิฉันสมัครงาน รัฐวิสาหกิจ ขณะนั้นบัตร ปชช ไม่มี อำเภอออกใบเหลืองให้แทน ซึ่งไม่มีปัญหาในการรับสมัคร
แล้วพอบรรจุก็ไปเข้าฝึกอบรม 1 เดือน และตอนนี้จะไปอยู่ศูนย์ใหม่ ก็อบรม 3 เดือน คืองงว่ามันก็เหมือนกรณีคุณมาร์ค
แล้วมันต่างกันตรงไหน
ปล.บัณฑิตที่ดี ต้อง คิดก่อนพูด พูดหลังคิด คิดก่อนทำ พูดหลังทำ ทำหลังคิด ใช่มั้ยคะ
คุณเข้าใจคลาดเคลื่อนหายๆจุดเลยครับ
- ถ้าคุณได้ผัดผ่อนเนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศอย่างถูกต้อง คุณก็จะไม่ถูกเรียกเข้าตรวจเลือกครับ
แต่กรณีมาร์คนั้น กห. สอบพบว่าไม่มีการผ่อนผันจริงครับ อีกทั้งเพิ่งไปทำ สด.9 เมื่อปี 2529 ซึ่งหากดูตาม พรบ.นั้น คุณจะรู้ว่า ก่อนปี2529 มาร์คจึงไม่มีรายชื่อให้ถูกเรียก และมาร์คก็ไม่สามารถทำเรื่องผ่อนผันได้
- เป็นผู้หญิง เขาไม่เรียกดูการผ่านเกณทหารครับ
-ใบเหลือง ถ้าหากมีการปลอมแปลงเนื้อหาสาระเช่นลงวันเกิดผิด หรือเลขประจำตัวไม่ตรง ก็ผิดครับ ถ้าเขาตรวจเจอ.... คุณโดนข้อหาปลอมแปลงเอกสาร
ปลอมแปลงเอกสาร กับ ใช้เอกสารปลอม มันคนละข้อหากันนะครับ...
ปลอมแปลงเอกสาร เช่น รับจ้างทำพาสปอร์ตปลอม
ใช้เอกสารปลอม เช่น เอาพาสปอร์ตปลอมไปยื่นเพื่อเดินทางไปต่างประเทศ
มันอยู่ที่เจตนาว่า...
ทำขึ้น กับ นำไปใช้ ถ้าสืบรู้ว่า ทำขึ้นเองและนำไปใช้ด้วย ก็โดน2เด้ง ทำและใช้เอกสารปลอม
คล้ายๆกับว่า...กรณียาบ้า...
ชายคนนึง มียาบ้าอยู่ 100เม็ด โดนจับได้ตอนล่อซื้อ ก็ต้องโดนข้อหา 2ข้อหา
1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจาำหน่าย
2 จำหน่ายออกไปแล้วด้วย
จึงเป็นข้อหา มีไว้เพื่อจำหน่ายและจำหน่าย 2เด้งยาวไปเลย...
แต่ถ้ามีเม็ดเดียว ก็มีไว้เพื่อเสพ ส่งไปบำบัด หรือไม่ก็ปรับ 5,000บ.
ส่วนกรณี ร.ต.อภิสิทธิ์ ไม่ต้องย้อนไปดูอะไรแล้ว สุกำพลออกใบรับรองให้หมดแล้ว
ทั้งปลดจากกองประจำการมาเป็นกองหนุน และกำลังจะปลดจาก นายทหารสัญญาบัตรอีก ก็คือการรับรองว่าผ่านการเป็นทหารมาแล้ว เรียบร้อย รร.สุกำพล ปลดทั้งๆที่ไม่มีอำนาจจะปลดทหารนอกประจำการ และกองหนุน...
...จะปลดได้ก็ทหารที่กำลังรับราชการอยู่น่ะ ไปหาเลือกปลดเอาเอง เหอๆๆๆๆ...
Edited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:38.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#133
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:38
ผมจะบอก ว่าเอกสารไม่ได้ผิดปรกติที่ สด.9 อย่างเดียวน่ะ ผมเอาภาพมาให้ลองศึกษาดู
คนที่บอกว่าไม่ได้หนี ก็ลองศึกษาดูหรือลองแย้งดู
เพิ่มเติม สด.20 ตามในภาพ ผมไม่เห็นว่ากรรมการสอบสวนได้ตรวจพบต้นฉบับ หรือการมีอยู่จริง
มีแต่ใบรับรอง ล่างซ้ายอย่างเดียวเลย เอกสารต่างๆ-อื่นๆ(สด.20)(สด.41) จึงไม่มีอยู่จริง
ปล.ใบรับรองก็ผิด เพราะไปลงว่าเป็นกองเกินตอน 2525 แต่ความจริงมาร์คมาลงบัญชีเมื่อปี 2529
Edited by Tam-mic-ra., 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:44.
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#134
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:47
ขอบคุณที่ตอบค่ะ
ทหารประจำการไง
แล้วไงต่อหรือ มาทำเป็นถามเอาเท่ห์อีกละ
รบกวนถามหน่อยค่ะ
ถ้า โรงเรียนนายร้อย จปร ต้องการรับสมัครอาจารย์วุฒิ ป โท
สาขาวิศวกรรมศาสตร์
แล้ว กรณีที่ดิฉันเป็นผู้ชาย แล้วไม่ได้ไปเกณฑ์ทหาร แต่ไปขอผัดผ่อนเนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศ หรือในประเทศก็แล้วแต่ระหว่างนั้นทำเอกสารหาย แต่หน่วยงานต้นสังกัดออกใบแทนมาให้ จึงไปสมัครแล้วสอบบรรจุได้
กับกรณีที่สอง ดิฉันเป็นผู้หญิง แล้วไปสอบเป็นอาจารย์ได้ แต่ดิฉันไม่ได้เรียน รด
คำถาม ถามว่า ทั้งสองกรณี เป็นอาจารย์ได้หรือไม่ และถ้าเป็นแล้วต้องไปฝึกหรือไม่อย่างไร
ให้ hint ว่า อย่างกรณีดิฉันสมัครงาน รัฐวิสาหกิจ ขณะนั้นบัตร ปชช ไม่มี อำเภอออกใบเหลืองให้แทน ซึ่งไม่มีปัญหาในการรับสมัคร
แล้วพอบรรจุก็ไปเข้าฝึกอบรม 1 เดือน และตอนนี้จะไปอยู่ศูนย์ใหม่ ก็อบรม 3 เดือน คืองงว่ามันก็เหมือนกรณีคุณมาร์ค
แล้วมันต่างกันตรงไหน
ปล.บัณฑิตที่ดี ต้อง คิดก่อนพูด พูดหลังคิด คิดก่อนทำ พูดหลังทำ ทำหลังคิด ใช่มั้ยคะ
คุณเข้าใจคลาดเคลื่อนหายๆจุดเลยครับ
- ถ้าคุณได้ผัดผ่อนเนื่องจากศึกษาอยู่ต่างประเทศอย่างถูกต้อง คุณก็จะไม่ถูกเรียกเข้าตรวจเลือกครับ
แต่กรณีมาร์คนั้น กห. สอบพบว่าไม่มีการผ่อนผันจริงครับ อีกทั้งเพิ่งไปทำ สด.9 เมื่อปี 2529 ซึ่งหากดูตาม พรบ.นั้น คุณจะรู้ว่า ก่อนปี2529 มาร์คจึงไม่มีรายชื่อให้ถูกเรียก(ไม่ได้เป็นทหารกองเกิน) และมาร์คก็ไม่สามารถทำเรื่องผ่อนผันได้เพราะไม่ได้ไปทำ สด.9 ตามกำหนดของ พรบ.
- เป็นผู้หญิง เขาไม่เรียกดูการผ่านเกณทหารหรอกครับ
-ใบเหลือง ถ้าหากมีการปลอมแปลงเนื้อหาสาระเช่นลงวันเกิดผิด หรือเลขประจำตัวไม่ตรง ก็ผิดครับ ถ้าเขาตรวจเจอ.... คุณโดนข้อหาปลอมแปลงเอกสาร
#135
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:48
โดนตั้งข้อหาครับ ส่วนหลังสอบสวนเป็นยังไง ก็ว่ากันไป
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#136
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 12:58
นี่ก็เป็นอีกหลักฐานว่ะแต๋ม ว่ามาร์คมันได้รับการผ่อนผันแล้ว เหมือนที่เขียนไว้นั่นแหละ สอดคล้องกับ สด. ๒๐ ที่มาร์คมันเอามาอ้าง ซึ่งหลักฐานก็บอกว่าเป็นเอกสารทางราชการ
แล้วของสุกำพลมีอะไรบ้างล่ะ นอกจากบอกว่าไม่มี เป็นเอกสารเท็จ มันต้องมีหลักฐานยืนยันสิ เลขที่หนังสือเป็นยังไง ณ ปีนั้นถึงเลขที่เท่าไร ต้นฉบับ(หรือสำเนา)ที่ราชการเก็บไว้เป็นยังไง สุกำพลมันไมมีอะไรพวกนี้มายันกับมาร์คเลย ทั้งที่แค่หาเอกสารราชการมายันก็จบแล้วว่ามาร์คมันไม่ได้ผ่อนผัน
เวลาขึ้นศาล บอกไม่มีเฉยๆ ไม่ได้เน้อแต๋ม
เอกสารนี้มันไปคล้องกับ สด.20 ยังไงวะเนี่ย มั่วโค่ดๆเลย ในเอกสารก็มีเขียนไว้ว่าใช้ ม.ไหน ไม่แหกตาอ่านก่อนมาพิมพฺ์
ที่โหลก มันอยากลงมาสนทนากะเขาเนี่ย แต่ดันไม่มีความรู้อะไรเลย มีแต่คีย์บอร์ดกับนิ้ว มั่วแล้วมั่วอีก
ตลกโปกฮาคั่นเวลาได้ดีจริงๆ แต่เสียเวลาจริงๆ เดี๋ยวมันคงมาแถไม่หยุดเหมือนเดิม แต่คงไม่โต้กะมันแล้ว
แต๋มเอ๊ย
เอกสารเค้าก็บอกชัดว่า อภิสิทธิ์ได้รับการผ่อนผันไม่ต้องถูกเรียกเข้าประจำการ ไม่ทราบว่า เป็นหลักฐานที่สอดคล้องอย่างไร?
อภิสิทธิ์มันมีเอกสาร มีหลักฐานยืนยันว่าตนได้รับการผ่อนผัน แล้วสุกำพลมันมีอะไรมั่งวะแต๋ม? มีแต่บอกว่าไม่จริง ว่าเท็จ แต่ไม่มีหลักฐานมางัดเค้าเลยสักอย่าง เหมือนที่บอกแหละแต๋ม ไอ้ประเภทพูดวกไปวนมา อ้างแต่ลมปาก แต่ไม่มีหลักมีฐานอะไรยืนยันเนี่ย ศาลเค้าคงเชื่อหรอกนะ
แต๋มเอ็งนี่ก็ตลกเนอะ เรื่องห่าอะไรก็ไม่รู้เรื่อง ภาระแห่งการพิสูจน์ก็มั่ว หลักฐานก็มีแค่ลมปากสุกำพลกับเนื้อข่าว ก็ดันเชื่อเป็นตุเป็นตะ หลักฐานเอกสารราชการถูกต้องดันไม่เชื่อ
แถมดันแค่นมาบอกคนอื่นที่อธิบายแต๋มเป็นเรื่องเป็นราวว่าไม่รู้เรื่องเนี่ยนะ?
อายหมามันมั่งเหอะวะแต๋ม
#137
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:07
บอกไปหยกๆ ว่า กห.เขาสอบแล้ว ว่าเอกสารผ่อนผันมันไม่มีอยู่จริง ... ไอ๊หวี่ก็ดันไปโคทข้อความมั่วๆของเจ้าโหลก baezae ที่ผม ignoreเลิกสนใจ มันไปแล้ว
ปล. แปะลิ๊งค์เสริมให้คนที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ http://topicstock.pa.../P12766523.html
Edited by Tam-mic-ra., 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:08.
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#138
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:10
#139
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:15
ไอ๊แมงหวี่5555 มาตอมกระทู้พามั่วอีกละ มันรู้เรื่องอะไรไหมนี่
บอกไปหยกๆ ว่า กห.เขาสอบแล้ว ว่าเอกสารผ่อนผันมันไม่มีอยู่จริง ... ไอ๊หวี่ก็ดันไปโคทข้อความมั่วๆของเจ้าโหลก baezae ที่ผม ignoreเลิกสนใจ มันไปแล้ว
ปล. แปะลิ๊งค์เสริมให้คนที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ http://topicstock.pa.../P12766523.html
ถ้ามันไม่มีอยู่จริง จะเอาเอกสารมาได้ไง
เอามาให้ดูเห็น ๆ ยังบอกไม่มีอยู่จริง
แต่ไอ้ที่จินตนาการเอา...ดันเชื่อเป็นตุเป็นตะ
อย่ามั่วลอย ๆ น๊ะแต๋ม
...
Edited by 55555, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:16.
#140
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:16
ครั้งเดียวอาจดูว่าเผลอเรอได้ แต่นี่หลายกรรมหลายวาระ และมีนัยยะที่ผิดปรกติจริง ๆ สาวกจะอุ้มคนเลวปากแข็งไปถึงไหนกันอีก
ส่วนที่ไอ๊หวี่ถามว่าเอกสารมาได้ไง. ต้องไปถามศาสดาเอ็งหล่ะ ว่าเอา สด.20 มาจากไหน... เพราะในสารบบน่ะ มันไม่มี
ซึ่ง จปร.เขาก็ให้ข้อมูลเอกสารกับกรรมการสอบ มาแค่เท่าที่เห็นนั่นแหล่ะ
Edited by Tam-mic-ra., 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:40.
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#141
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:20
เจ้าตัวที่เป็นเจ้าของเอกสาร เมื่อรับเอกสารมาแล้ว จะบอกว่าไม่รู้ว่า หน่วยงานรัฐออกเอกสารผิด มันไม่ได้หรอก
ครั้งเดียวอาจดูว่าเผลอเรอได้ แต่นี่หลายกรรมหลายวาระ และมีนัยยะที่ผิดปรกติจริง ๆ สาวกจะอุ้มคนเลวปากแข็งไปถึงไหนกันอีก
เคยไปติดต่อราชการมั่งป่าวเนี่ย...
เวลาไปยื่นเอกสาร ถ้าข้อมูล หรือ เนื้อหาสาระผิด ใช้ไม่ได้
เค้าจะบอกให้ไปติดต่อหน่วยงานแก้มาใหม่...
ไม่ใช่รับไว้ แล้ว อีก 20 ปี มาบอกว่าเอกสารใช้ไม่ได้
อย่าไปอุ้มโจรน่ะแต๋ม..
ยอมรับเถอะว่าไอ้สุกำกวมมันมั่ว
#142
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:22
เจ้าตัวที่เป็นเจ้าของเอกสาร เมื่อรับเอกสารมาแล้ว จะบอกว่าไม่รู้ว่า หน่วยงานรัฐออกเอกสารผิด มันไม่ได้หรอก
ครั้งเดียวอาจดูว่าเผลอเรอได้ แต่นี่หลายกรรมหลายวาระ และมีนัยยะที่ผิดปรกติจริง ๆ สาวกจะอุ้มคนเลวปากแข็งไปถึงไหนกันอีก
ส่วนที่ไอ๊หวี่ถามว่าเอกสารมาได้ไง. ต้องไปถามศาสดาเอ็งหล่ะ ว่าเอา สด.20 มาจากไหน... เพราะในสารบบน่ะ มันไม่มี จปร.เขาก็ให้ข้อมูลกับกรรมการสอบ มาแค่นี้
งั้นรอศาลตัดสิน
พวกขี้ข้าทักษิณเหมือนกันหมด
เป็นโรค "กลัวความจริง"
กับ "ยกย่องคนเลวริยำ" เพราะขนาดศาลตัดสินจำคุก
เพราะทำผิด หลักฐานจะ ๆ ยังหาว่าไม่ยุติธรรมได้เล้ย หุๆ
#143
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:24
กระทู้มั่วแล้วตอนนี้ คนบ้าแต่อยากสนทนามาอีกแล้ว
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#145
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:30
คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้ชนะสงคราม คือ ความแข็งแกร่ง และ อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริง
คุณธรรมที่พร้ำสอน ล้วนเป็นสิ่งที่จำเป็นรองลงมา ส่วน ประชาธิปไตยน่ะรึ เอาเข้าจริงๆ สำคัญอันใด??
#146
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:35
ผมต่อละกัน ไม่สนใจไอ๊หวี่ละ
http://www.pantip.co.../P12935864.html
ความคิดเห็นที่ 18
สด.9 ฉบับที่สอง วันที่ เดือน พ.ศ. คลาดเคลื่อนจริงหรือ ?
หรือเป็นการจงใจเจตนาสร้างเอกสารเท็จ ?
"ปรากฎว่า สด. 9 ฉบับเดิมของผมหายไป พี่น้องเป็นผมทำไงครับ
ก็ไปขอให้ออกใหม่แทนใบเดิม ออกสัสดีก็เซ็นออกมาให้
เราไปบอกสัสดีได้มั้ยครับว่าต้องเขียนยังไง เราบอกไม่ได้"
คำปราศรัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์
10 พ.ย. 55
แต่เรามาดูอันนี้กัน ขัดกันอีกแล้ว
คำให้การของอดีตสัสดี
Edited by Tam-mic-ra., 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:37.
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
#147
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:36
ก็ผมเ็ห็นว่าคนที่ เห็นด้วยกับคุณแต๋ม บอกว่า ทหารกองหนุน นี่ครับ!!!
ก็ถูกปลดไป ก็เป็นกองหนุน ผิดตรงไหน??
แล้วไปอ่านดู พรบ เอานะ ใครอยู่ประเภทที่ 2 เนี่ย น่าอายทั้งนั้นเลย
คห ผมน่าจะผิด.... ไม่น่าจะเป็นกองหนุน ละ
ต้องบอกว่าสถานะมาร์คตอนนี้ คือ "พ้นราชการทหารประเภทที่ 2"
คือไม่ได้เป็นทหารแบบไหนๆเลย เพราะหนีนาน จนอายุเกิน 46 แล้ว
มาตรา 39* ทหารกองเกินเมื่อมีอายุครบกำหนดปลดแล้ว ให้ปลด เป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ตามลำดับ คือ
อายุสามสิบปีบริบูรณ์ เป็น ทหารกองหนุนชั้นที่ 2
อายุสี่สิบปีบริบูรณ์ เป็น ทหารกองหนุนชั้นที่ 3
อายุสี่สิบหกปีบริบูรณ์ เป็น พ้นราชการทหารประเภทที่ 2
แต่ถ้าสมมติตอนบรรจุเป็นทหารประจำการ ได้ทำทุกอย่างอย่างถูกต้องมาตรา 41
ถ้าเป็นนายทหารสัญญาบัตรถูกถอดหรือออกจากยศ ก็ให้ปลดเป็นพ้น ราชการทหารประเภทที่ 2
ก็ต้องอยู่สถานะ "พ้นราชการทหารประเภทที่ 2" อยู่ดี
ดังนั้น Rara แย้งถูกจุดจ้าา(แบบบังเอิญๆ) ไม่ใช่กองหนุนจ้า
คุณแต๋ม คุณนี่มันมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐาน ของเสื้อแดงจริงๆ นะครับ คือ "หน้าด้านแถ" ไปเรื่อยเปื่อย
คุณมาแย้งผม ผมเอาหลักฐานให้ดู แต่...........คุณกลับมาบอกว่า "ผมแย้งถูกจุด แบบบังเอิญ!!!"
ผมไม่แปลกใจเลยครับ ที่ผมคุยกับคุณแต๋ม "แค่เรื่อง คนทำไมต้องวิ่งหนีลูกปืน ถึง 4 - 5 หน้า!!!"..
ผมเข้าใจ สติปัญญาของคุณแล้วครับ.......ยินดีด้วยนะครับ สำหรับกับการมีคุณสมบัติพื้นฐานของเสื้อแดง
"ไม่แถ ไม่โง่ ไม่ด้าน เป็น เสื้อแดงไม่ได้"........จริงๆ เลยครับ
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย
#148
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 13:39
ดูตัวเองมั่งเหอะ
เวลาเขียน คนอื่นเค้าอ่านกันทั้งบอร์ดแหละ
กล่าวหาคนอื่นไม่อ่านอีก..
ไม่อ่านเถียงได้ไง ถามจริง
เดี๋ยวก็เหมือนทู้ข้าวอีกหรอก
อ่านไม่จบมาเถียงคอเป็นเอ็น
#149
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:08
โอ้โฮ...โกหกหน้าด้าน...เป็นไปได้ไง อภิสิทธิ์ร้องขอให้เขียนตามนั้น ลูกน้องก็เขียนตามที่ร้องขอ
และโบ้ยหน้าตาเฉย ใช้ไม่ได้...มันไม่ง่ายไปรึท่านแตงโม คำให้การแบบนี้ใครๆก็ปั้นแต่งได้
ไม่มีผลหรอก ใครจะไปรับฟัง...
อยู่ๆมาร์คเดินขึ้นไปหาสัสดี แล้วบอกว่าท่านๆเขียนอย่างนี้นะ
555+ บ้าไปแล้ว(น่าจะใส่ร้ายไปอีกนิสสสสสสสสนึงว่า มาร์คจ้าง200 ให้เขียนอย่างนั้น)
ข้อสุดท้าย ถ้าไม่มาตรวจเลือกทำยังไง
ตอบว่า ส่งตำรวจ...ดำเนินคดี
..แล้วทำไมเอ็งไม่ส่ง....ตั้งแต่ตอนนั้น....เดี๋ยวเถอะ โดนถอดยศอีกคน...
อ้าวๆๆ เฮ้ยๆ สุกำกวม เจอละเว้นอีกคนนึงแล้ว ไม่จัดการเอ็งโดน 157นะว๊อยยยยยยยยยยยย
พี่ทองคำเค้าให้การมัดตัวเองไว้เรียบร้อยแล้ว
Edited by คนกรุงธน, 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:20.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
#150
ตอบ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:10
แต่ที่ผมบอกไว้ คือสถานะของมาร์ค ณ เวลาขณะปัจจุบัน ตาม พรบ. คือคนที่พ้นราชการประเภทที่ 2
คุณจะคุยช่วงเวลาไหนกันแน่ ?? หากโง่เอง-ไม่รู้เรื่อง ก็อย่าไปว่าคนอื่นเลยครับ หากมันซับซ้อนเกินอย่าลงมาเล่นมาแย้งแบบไอ๊หวี่เลย มันพาสับสนไปหมด
Edited by Tam-mic-ra., 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 - 14:21.
"คนพาลไร้สติ มักสร้างเรื่องและหลักฐานเท็จโกหก เพื่อคอยใส่ร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ"
นาย ''Starเก๋ง'' ฟันธง! รถเก๋งขับมายิงเสื้อแดง http://webboard.seri...แค/#entry842224 ; http://webboard.seri...-25#entry408954
ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน