12 ความเห็นในกระทู้นี้

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

คือเรื่องของเรื่องผมพอทำใจได้นะ  แต่ผมอยากถามจริงๆว่า "พวกนี้เค้าเป็นอะไรของเค้าง่ะ" คิดอะไรอยู่เนี้ย!

ที่ถามเพราะ...ผมไม่เข้าใจกลไกวิธีคิดของคนพวกนี้ ผมก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไรดีน่ะครับ

 

(ใครเจอแบบเดียวกับผม เล่าสู่กันฟังได้เลยนะครับ ถือว่าทู้นี้เป็นที่ระบายความอัดอั้น)

 

คือโดยอาชีพผมต้องเจอการติดต่องานจากคนหลากหลายประเภทอย่างมาก  ต้องทำใจ

แต่ที่ผมงงๆ และทำใจไม่ค่อยได้คือ... "ตัวเองผิดแต่โทษว่าเราผิด"  คิดได้ไงง่ะ?

 

ตัวอย่างแรก เจอแล้วเหวอไปเลย

มีคนที่เคยเห็นหน้าผ่านๆนานมากแล้ว ติดต่อผมมา โดยขอเสนอทำเว็บให้ผม และทำการตลาดให้บริษัทผม

ผมก็ตอบไปว่าขอบคุณ แต่ไม่คิดจะทำ  เพราะไม่ได้สนใจจะเผยแพร่บริษัทหรือผลิตภัณฑ์ที่ผมออกแบบ

เนื่องจากลูกค้าที่มีอยู่ อยู่ในจำนวนที่ผมคอนโทรลได้ ดูแลทั่วถึง  หากกระจายมากกว่านี้ผมดูแลไม่ทั่วถึง 

บริการไม่ดีจะถูกด่าได้

 

ผลคือ เขาเขียนเมลมาต่อว่าผมเลยทันทีครับ  บอกว่า

"อุตส่าห์หวังดีกลับมองว่าผมประสงค์ร้าย ผมไม่ได้มาเอาอะไรจากคุณนะ แค่หวังดีอยากให้คุณขยายตลาด"

 

ผมไม่นึกไม่ฝันเลยว่าคนเสนองานจะทำให้ผม ผมปฏิเสธ ผมกลับเป็นคนถูกด่า

ผมเลยตอบไปว่า "ถ้าคุณเรียนรู้การถูกปฏิเสธไม่ได้ คุณอย่ามาทำงานด้านนี้เลยครับ ไปเติบโตเป็นผู้ใหญ่ให้ได้ก่อน"

เขาก็อีเมลต่อว่าผมมาแรงกว่าเดิมอีก แต่ผมไม่สนใจจะตอบอีกแล้ว

 

คำถามคือ คนแบบนี้เอาอะไรคิดว่าคนอื่นต้องไม่ปฏิเสธ ถ้าเขาปฏิเสธเขาคือศัตรูของเรา และเราต้องต่อว่าเขาทันที?

 

(ต่อ)

Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:10.

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

ตัวอย่าง 2  อันนี้เพิ่งหมาดๆ

มีลูกค้าโอนเงินมาให้ แล้วอีเมลหาผมแค่ประโยคนี้ว่า "โอนเงินแล้ว"

(งงมั้ย... คือใคร มาจากไหนหวาเนี่ย?  )

 

เรื่องของเรื่องคือผมมีสินค้าหลายรายการอยู่ในบริษัท ผมเลยอีเมลถามไปด้วยความงงว่า

"สินค้าตัวไหนครับ"

พอเธอบอกชื่อสินค้ามา ผมก็บอกว่าตัวนี้ไม่มีแล้ว หมดสต๊อคแล้ว  

แต่ผมจะเอาสินค้าโมเดลที่เหลืออยู่ชิ้นเดียวให้แล้วกัน 

ซึ่งหมายความว่าที่บริษัทจะไม่เหลือสินค้าอ้างอิงแม้กระทั่งโมเดลนะ "ครั้งหน้าให้สอบถามล่วงหน้าก่อน ว่ามีสินค้าหรือไม่"

 

เธอตอบอีเมลบอกผมว่า  "ถามมาก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ผมตอบเธอว่ายังมีเหลือ"

เผอิญผมตั้งระบบอีเมลแบบที่ attach ประวัติคำตอบทุกอย่างไว้ มันเลยโชว์ว่า

ตอนที่เธอถามมา คือวันที่ 6 กย. ปี 55  วันที่เธอโอนเงินมาโดยไม่แจ้งคือ 13 ธค. 55 ครับ

ผมก็เลย attach หลักฐานให้เธอดู  ว่านั่นมันตั้ง 3 เดือนก่อนนี้

 

ผลหรือครับ เธอโมโหผมครับ  

แบบเดียวกับคนที่อีเมลนำเสนอเว็บให้ แล้วพอผมไม่เอาก็กลายเป็นเหวี่ยงใส่ผมเลยทันทีน่ะครับ

 

คำถามที่ผมถามตัวเองในใจเหมือนกรณีเว็บ คือ "ตกลงตูผิดตรงไหนเนี่ย?"

หรือว่าผมผิดที่ดันไปเรื่องมาก?  ถามสินค้ามา 3 เดือนก่อน แล้ววันนี้มันหมดแล้วนี่ ความผิดผมใช่มั้ยเนี่ย?

 

คำถามที่จะถามทุกท่านคือ...คนแบบนี้เค้าคิดอะไรอยู่ในใจเหรอ?

(เพื่อนผมที่ทำบริษัทด้วยกันบอกว่า "พวกนี้เห็นแก่ตัว เอาตัวเองมาก่อนคนอื่น แค่นั้นแหละ")

 

(ต่อ)

Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 19:14.

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

ตัวอย่างสุดท้าย "ติดต่อทางอีเมลอย่างเดียว ไม่ยอมโทร ใครจะว่างเข้าเมลทุกวัน?"

กรณีติดต่องานผ่านอีเมลอย่างเดียวแล้วคาดหวังว่าคนรับจะเปิดผ่านทันเวลา ปีที่แล้วผมเจอบ่อยมากครับ

ที่แปลกคือ พวกนี้มือถือผมก็มีแต่ไม่โทร ใช้อีเมล แบบเขียนแล้วกดส่ง ไม่ตามอะไรทั้งนั้น

 

ปัญหาคือ เวลามีการเปลี่ยนแปลงงาน สถานที่ หรือเวลา ส่งอีเมลมาแล้วคาดหวังว่าผมจะเปิด(ไม่มีการบอกด้วยนะว่าจะส่ง)

แต่ผมไม่มีเวลาเช็คเมล  ก็ซวยเลย

เช่น บ.หนึ่งติดต่องานผม 1 เดือนครึ่งก่อนหน้านั้นผ่านอีเมล

ผมตอบรับไป แล้วบอกว่าส่งรายละเอียดมาด้วย พร้อมกับช่วยแจ้งคอนเฟิร์มล่วงหน้า 7 วัน  แต่เขาหายไป

พอถึงคืนก่อนวันงาน ย้ำ-คืนก่อนวันมีงาน เขาส่งเมลมาคอนเฟิร์ม แต่ผมไม่ได้เปิดเมล

วันรุ่งขึ้นมีโทรศัพท์มาตามผมว่า "อยู่ที่ไหนแล้ว" ผมก็ถามว่า "อยู่ไหนคืออะไร"

คนจัดงานบอกว่า "ที่นัดกันไว้วันนี้ไง ตอนนี้ถึงเวลางานแล้ว"  

และเขาบอกว่าส่งเมลมาเตือนล่วงหน้าแล้ว

(ผมกลับมาบ้าน เปิดเมล ถึงเห็นว่าเขาส่งเมลมาตอนหนึ่งทุ่มของวันก่อนวันงานครับ)

 

ผลคือผมต้องลากสังขารไปงานจนได้ แต่ผมไม่รับเงินค่าจ้าง เพราะถือว่าผมมาสาย

แม้ผมไม่ผิดก็ถือว่ามาสาย ผมรับผิดชอบส่วนที่ผมผิดแล้ว

แต่เขาไม่เห็นรู้สึกผิดเลยที่ติดต่องานได้ชุ่ยขนาดนี้

 

(แต่เดี๋ยวนี้ไม่เจอแบบนี้อีกแล้วนะครับ  ค่อยยังชั่ว)

 

คำถามคือ หรือว่าใครๆก็ส่งแต่อีเมลกันทั้งนั้น?  มีแต่ผมนี่แหละที่คาดหวังว่าต้องมีการโทรศัพท์

หรือคอนเฟิร์ม

 

 

จบแล้วครับ!

[Nong]

เคยเจอเหมือนกันค่ะ
ยิ่งถ้าเป็นธุรกิจบริการยิ่งต้องทำใจ

หลัก ๆ คือเวลามีปัญหาแล้วอย่าชวนทะเลาะ
เพราะหลักการขายอย่างง่าย ๆ คือ
ลูกค้าคือพระราชา (เสมอ)
คำว่าถูกผิดมาใช้กับลูกค้าไม่ได้ค่ะ
(ถึงแม้เราจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม)
ต้องถามว่าเป้าหมายคืออะไร ขายของ มีกำไรไปลั๊นลา
ถ้าเป้าหมายเราชัด อย่างอื่นก็เป็นเรื่องรองค่ะ
หลักการตลาดสมัยใหม่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
คือจากการที่มุ่งแต่การขายอย่างเดียว ตอนนี้ต้องมุ่งเรื่องบริการด้วย
คือ ทำอย่างไรให้ลูกค้ารัก อันนี้คือสิ่งสำคัญ

กรณีที่ลูกค้าโอนเงินแล้วของหมด
ลองคิดดูนะคะว่าถ้าสิ่งที่ต้องทำคือ ข้อ 1
ขออภัย เนื่องจากสินค้าได้ถูกจำหน่ายหมดไปแล้วตั้งแต่เดือน......
ทางเราจึงขอเรียนเสนอตัวโปรโมชั่นใหม่........(เป็นการขายของใหม่ได้อีก)
หรือทางลูกค้าต้องการเงินคืนเต็มจำนวน ทางบริษัทก็ยินดี
เพื่อการให้บริการที่รวดเร็วแก่ลูกค้าหากมีการสอบถามสินค้าเกิน 1 อาทิตย์
ก่อนการโอนเงินกรุณาโทรสอบถามสินค้าในสต๊อกอีกครั้งว่ายังมีอยู่ในสต๊อกหรือไม่
ขอบพระคุณที่ไว้วางใจในการให้บริการ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ให้บริการอีกในครั้งต่อไป (อาจจะส่งพวงกุญแจเล็ก ๆ ไปให้ลูกค้าเพื่อขออภัย)

หรือข้อ 2 นั่งเกี่ยงว่าใครผิด สุดท้ายก็เสียลูกค้าไปเลย

คนมีหลายแบบค่ะ แต่ที่มีเหมือนกันคือ ถ้าเราคิดว่าคนเราทุกคนต่างเห็นแก่ตัว บางคนมาก บางคนน้อย
ถ้ามองว่ามันเป็นธรรมดาเราก็จะทุกข์น้อยลง

เราแก้ที่ลูกค้าไม่ได้ แต่เราแก้ที่ตัวเราได้ อย่างเรื่องงานที่มีปัญหา หลัก ๆ ของคุณผึ้งน้อยคือไม่มีเวลาเช็คเมลล์
จะดีไหมถ้าจะมีคนมาช่วยเช็คเมลให้ อาจเป็นน้อง หรือใครก็ได้ เพราะงานเท่าที่อ่านก็จะติดต่อกับลูกค้าผ่านเมลซะส่วนใหญ่
หรืออาจจะฟุตโน๊ตในทุกการส่งเมลว่า กรุณาโทรคอนเฟิร์มเมล์ทุกครั้งว่าได้รับหรือไม่ เพื่อให้การติดต่อประสานงานเป็นไปด้วยความราบรื่น ขอบคุณครับ
ทุกอย่างเป็นปัญหาที่ต้องแก้ค่ะ พอแก้แล้วเราจะมีความรู้สึกว่า เราโตไปอีกก้าวแล้วนะ

การติดต่อทางเมลก็ดีนะคะใจร้อนอย่างคุณผึ้งน้อยจะได้มีเวลาคิดก่อน แต่บางครั้งเรื่องลูกค้าก็เป็นเรื่องซับซ้อนนิด ๆ ผู้ชายสไตล์เอ็งมาข้าลุย ก็ต้องใจเย็นลงจิ๊ดนึง อยากจะกินหัวขนาดไหน แต่ถ้าเป็นลูกค้า เขาเอาเงินมาให้เรา เราก็ต้องมีสติ และใจร่ม ๆ ไว้ค่ะ

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

ไชโย้ มีคนคุยด้วยแล้ว ขอบคุณนะค้าบ!!!  

 

เรื่องเช็คเมลนั้น เป็นเรื่องงานราษฎร์ครับ คืองานรับจ๊อบ  ไม่เกี่ยวกับสินค้า

ซึ่งปกติการติดต่องานมักจะคุยมือถือ เพราะต้องคุยรายละเอียด

ผมไม่เจอติดต่องานผ่านเมลเลยครับ  เพิ่งเจอปีที่แล้วนี้แหละ

และก็จะไม่อนุญาตให้มีการประสานงานแต่ทางเมลอีกแล้วค้าบ

 

 

หรืออาจจะฟุตโน๊ตในทุกการส่งเมลว่า กรุณาโทรคอนเฟิร์มเมล์ทุกครั้งว่าได้รับหรือไม่

อันนี้เคยคิดเหมือนกันครับว่าจะทำ แล้วก็พลันคิดได้ว่า...

ถ้าต้องคอนเฟิร์มเมลผ่านมือถือ แล้วจะอีเมลทำอิหยัง?????    เฮียงง..

 

ขอบคุณนะค้าบที่ช่วยมาเป็นเพื่อนคุยกัน

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

คนอย่างเคส 2 นี่มีด้วยเหรอเนี่ย แบบว่าไม่เมคเซ้นส์อย่างแรง เหอๆๆ ทำยังกะไปซื้อของในบิ๊กซี โลตัสไปได้ -*-

 

ในเคส 3 ผมเข้าใจว่าไม่อยากจ่ายค่าโทรศัพท์น่ะครับ ผมเองเวลาโทรตามของหลายๆรอบ หมดค่าโทรไปเยอะเหมือนกัน

 

ยิ่งถ้าโทรไปแล้วไม่ได้เรื่องผมก็หงุดหงิดเหมือนกันครับ 

 

เคส 1 เนี่ยนานาจิตตังครับ เจตนาคือเค้าคงอยากขายของมากๆ คิดว่านะครับ

[ZipPa]

ก็อยากเล่า แต่เรื่องไม่เหมือนกัน

ผมกับเพื่อน ทำงานที่เดียวกัน ร่วมมือกันด้วยดีมาตลอด ได้เงินอะไรมาก็แบ่งกันแบบ 50-50
แต่ด้วยความที่เขาทำงานกับเจ้านายมากกว่า จึงได้ขยับเป็นหัวหน้า แล้วผมก็เป็นลูกน้อง
ก็ทำงานด้วยกันตามปกติ ไม่ได้มีความน้อยใจมารบกวน

วันหนึ่ง มีงานเข้ามาซึ่งผมเป็นคนประสานงานเอง ลงมือทำกับน้องๆ ในที่ทำงาน
เพื่อนซึ่งเป็นหัวหน้าทำหน้าที่เซ็นอย่างเดียว(ไม่ลงมาทำ และไม่เคยมาถามอะไรเลย)
จนงานเสร็จ และได้เงินรางวัลหลายหมื่น
.....ผมแบ่งให้เพื่อน 20% (ผมบอกว่าให้เงินตามเนื้องาน / จริงๆจะไม่ให้ก็ได้ มือไม่เคยจับอะไรเลย)เค้าไม่รับ คงน้อยใจที่ได้มาน้อยกว่าที่คาดไว้
แต่กลับถามว่าจะให้คบกันในฐานะ "เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า"

สุดท้าย ก็เอาไปเลี้ยงข้าวน้องๆที่ช่วยงาน
จากวันนั้นมา ก็ต่างคนต่างอยู่ และก็ให้วลีเด็ดไว้ว่า "พวกคุณก็ทำงานดีอยู่แล้ว ผมจึงไม่เข้าไปยุ่ง" (ถ้างานเสียกรูจะรอด่า)


เพื่อนสมาชิก ช่วยตอบได้มั้ยครับว่า มันเกิดอะไรขึ้น และต้องรับมืออย่างไร ?

[IFai]

ก็อยากเล่า แต่เรื่องไม่เหมือนกัน

ผมกับเพื่อน ทำงานที่เดียวกัน ร่วมมือกันด้วยดีมาตลอด ได้เงินอะไรมาก็แบ่งกันแบบ 50-50
แต่ด้วยความที่เขาทำงานกับเจ้านายมากกว่า จึงได้ขยับเป็นหัวหน้า แล้วผมก็เป็นลูกน้อง
ก็ทำงานด้วยกันตามปกติ ไม่ได้มีความน้อยใจมารบกวน

วันหนึ่ง มีงานเข้ามาซึ่งผมเป็นคนประสานงานเอง ลงมือทำกับน้องๆ ในที่ทำงาน
เพื่อนซึ่งเป็นหัวหน้าทำหน้าที่เซ็นอย่างเดียว(ไม่ลงมาทำ และไม่เคยมาถามอะไรเลย)
จนงานเสร็จ และได้เงินรางวัลหลายหมื่น
.....ผมแบ่งให้เพื่อน 20% (ผมบอกว่าให้เงินตามเนื้องาน / จริงๆจะไม่ให้ก็ได้ มือไม่เคยจับอะไรเลย)เค้าไม่รับ คงน้อยใจที่ได้มาน้อยกว่าที่คาดไว้
แต่กลับถามว่าจะให้คบกันในฐานะ "เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า"

สุดท้าย ก็เอาไปเลี้ยงข้าวน้องๆที่ช่วยงาน
จากวันนั้นมา ก็ต่างคนต่างอยู่ และก็ให้วลีเด็ดไว้ว่า "พวกคุณก็ทำงานดีอยู่แล้ว ผมจึงไม่เข้าไปยุ่ง" (ถ้างานเสียกรูจะรอด่า)


เพื่อนสมาชิก ช่วยตอบได้มั้ยครับว่า มันเกิดอะไรขึ้น และต้องรับมืออย่างไร ?

การพนัน และธุรกิจ ....ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติพี่น้อง

เล่นการพนัน และจะทำธุรกิจ ....รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ

 

      โชคดีที่เป็นลูกจ้าง แต่ก็เคยมีประสพการณ์ บ้างเหมือนกัน

      ลูกค้า ใช้สินค้าฟรีมา2ปีกว่า ผมย้ายขึ้นไปใหม่ ตรวจเจอเข้าก็งดให้บริการ(ช่าง) ลูกค้าโทรมาต่อว่า ผมก็อธิบายว่าหมด

ประกันแล้ว2ปี เขาก็ยืนยันว่าให้บริการมาแล้ว ก็ควรให้บริการต่อไป  ผมจึงวางหูบนโต๊ะ ให้มันพล่ามต่อไป  สักครึ่งชม.

เด็กมาตามว่ามีลูกค้ามาหา ผมลงไปก็เป็นลค.ที่โทรมานั่นเอง  มาขู่ว่าจะฟ้องนสพ.ท้องถิ่น เอาให้เจ๊ง ผมบอกว่าเขียนให้ดีละ

กัน ระวังถูกฟ้องกลับ ...ไม่มีการฟ้องนสพ.ครับ

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

เย้.....ดีใจที่มีเพื่อนๆมาระบายความคับข้องใจในการทำงานด้วย...  

ถือว่านี่คือกระทู้ช่วยกันระบายและช่วยกันรับฟังก็ได้นะครับ  

อุ่นใจ ผมจะได้ไม่เหงาด้วย  

 

คนอย่างเคส 2 นี่มีด้วยเหรอเนี่ย แบบว่าไม่เมคเซ้นส์อย่างแรง เหอๆๆ ทำยังกะไปซื้อของในบิ๊กซี โลตัสไปได้ -*-

 

ในเคส 3 ผมเข้าใจว่าไม่อยากจ่ายค่าโทรศัพท์น่ะครับ ผมเองเวลาโทรตามของหลายๆรอบ หมดค่าโทรไปเยอะเหมือนกัน

 

เคสนี้เขาติดต่อผมไปเป็นวิทยากรให้ครับ  ไม่ใช่ลูกค้าซื้อของครับ  

ผมถึงงงมากว่านี่เวลาติดต่องาน...กะใจจะอีเมลกันอย่างเดียว ไม่โทรศัพท์เลยใช่ไหม  แล้วจะมีมือถือไว้ทำไมล่ะค้าบ

[kwan_kao]

เย้.....ดีใจที่มีเพื่อนๆมาระบายความคับข้องใจในการทำงานด้วย...  

ถือว่านี่คือกระทู้ช่วยกันระบายและช่วยกันรับฟังก็ได้นะครับ  

อุ่นใจ ผมจะได้ไม่เหงาด้วย  

 

คนอย่างเคส 2 นี่มีด้วยเหรอเนี่ย แบบว่าไม่เมคเซ้นส์อย่างแรง เหอๆๆ ทำยังกะไปซื้อของในบิ๊กซี โลตัสไปได้ -*-

 

ในเคส 3 ผมเข้าใจว่าไม่อยากจ่ายค่าโทรศัพท์น่ะครับ ผมเองเวลาโทรตามของหลายๆรอบ หมดค่าโทรไปเยอะเหมือนกัน

 

เคสนี้เขาติดต่อผมไปเป็นวิทยากรให้ครับ  ไม่ใช่ลูกค้าซื้อของครับ  

ผมถึงงงมากว่านี่เวลาติดต่องาน...กะใจจะอีเมลกันอย่างเดียว ไม่โทรศัพท์เลยใช่ไหม  แล้วจะมีมือถือไว้ทำไมล่ะค้าบ

ปกติที่เคยเชิญวิทยากร นอกจะ Confirm วัน-เวลาแน่นอนแล้ว

ยังต้องถามว่า มีผู้ช่วยมาไหม

จะให้ทางนี้เตรียมอุปกรณ์อะไรในการ Present บ้าง

ต้องขอเอกสารที่วิทยากรจะ Present มาเพื่อถ่ายเอกสารจัดชุดให้ผู้เข้าร่วมสัมมนา

 

และทีตึกเป็นอะไรที่หาที่จอดรถยากมาก

ดังนั้น ต้องถามวิทยากรด้วยซ้ำว่ารถทะเบียนอะไร สีอะไร

เพื่อที่แจ้งไปทางฝ่ายอาคาร สำรองที่จอดรถให้วิทยากร

และ ก่อนเวลาสัก 2 ชั่วโมง ก็ต้องเช็คอีกครั้งว่าวิทยากรมาถึงไหนแล้ว

จะได้แจ้งให้ทาง รปภ.เช็คดูอีกครั้งว่า ที่จอดรถถูกใครมาแย่งจอดหรือเปล่าค่ะ

 

สรุปแล้วโทรเป็น 10 ครั้งเลยค่ะ

[kwan_kao]

 

พอดีอ่านเจออันนี้ เลยนึกถึงคุณผึ้งน้อยฯ

 

บางครั้งคุณอาจชนะคนอื่นด้วยเหตุผล

แต่อาจสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป

เรื่องราวต่างๆแบ่งเป็น"หนัก เบา รีบ ช้า'

อย่าเป็นเพราะต้องการเอาชนะ แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต
 

เรื่องราวมากมายไม่ควรทะเลาะกัน ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้างาม
 

ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี(วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่  คุณจะรู้สึก)
 

ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี(วันที่โบนัสออก คุณจะรู้สึก)
 

ทะเลาะกัยภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี(เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หาข้าวกินเอง)
 

ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี(เคลียรไม่ได้ คุณอาจเสียเพื่อนไปเลย)
 

ใบชาเกิดสีสวยกลิ่นหอมน่าลิ้มลอง เพราะโดนน้ำร้อนลวก
 

ชีวิตคนก็เช่นกัน เพราะเผชิญกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า

 

จึงเหลือไว้ซึ้งเรื่องราวเป็นตำนานให้เล่าขานน่าตามคิด

[ลาดพร้าว 101]

ผมว่าทำงานถ้าไม่เจอแบบนี้สิแปลกนะครับคุณผึ้ง ผมก็เจอเขียนแบบมาให้ ก็ทำตามแบบทุกอย่าง พอทำเสร็จให้มาดู ก็ไม่ชอบใจให้รื้อทำใหม่ โปรแกรมก็เปลี่ยนใหม่อีก แทรกโน่นแทรกนี่จนไม่รู้จะแทรกยังไง สุดท้ายก็ต้องทำโปรแกรมใหม่อีก งานล่าสุดที่นิคมแห่งหนึ่งแถวยุดยา กว่าจะเสร็จแก้โน่นแก้นี่อยู่ 8 เดือน ขับรถไปๆมาๆ กทม จนไม่คุ้มกับค่าจ้างเลย เสมอตัวเลยงานนั้น

[mydexter]

ผมเคยเจอน่ะครับ มีแต่มาขาย รับโปรโมท เวบ แต่ก็ยังไม่เคยเจอมาโพสต่อว่ากันเลย 

 

 

 

 

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==

Edited by MOD_01, 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 - 09:09.
ห้ามโฆษณาสินค้า