18 ความเห็นในกระทู้นี้

[ดอกปีบ]

สายตรงภาคสนาม ไม่กั๊ก ให้ฉายานางปู และบรรดาขี้ข้าทักษิณ... ชัด ตรง โดน




ถูกใจจุงเบย 555 (Three Times)

Edited by ดอกปีบขาว, 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555 - 13:42.

[ดอกปีบ]

วันนี้(28ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจสายตรงภาคสนามที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านเฟซบุ๊กมีแฟนเพจเกือบ 6 หมื่นคน ได้ตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรี และ 9 รัฐมนตรีรวม ตู่ อย่างแสบสันต์ ดังนี้

โดยฉายารัฐบาลประจำปี 2555 ได้แก่ "รัฐบาลพลีชาติเพื่อพี่" : จากการประมวลผลงานรัฐบาลตลอดปีกว่า ที่ละเลยปัญหาประชาชนที่แท้จริง เอาประชานิยมเลี้ยงคะแนนเสียงเท่านั้น แต่สิ่งที่ให้ความสำคัญที่สุดคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการเดินหน้าพรบ.ปรองดอง เพื่อล้างผิดให้กับพันตำรวจโททักษิณ พี่ชายนักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ว.5 บ้าโพย" : เป็นฉายาที่สะท้อนถึงบุคลิกของนายกรัฐมนตรีที่มักจะมีโพยเวลาแถลงข่าว ปาฐกถา จนไปถึงระหว่างการเจรจากับผู้นำต่างชาติ ประกอบกำความเคลือบแคลงสงสัยในเหตุการณ์ ว.5 โรงแรมโฟร์ซีซัน ที่ยังเป็นปริศนาว่านายกรัฐมนตรีเอาเวลาราชการไปสถานที่ดังกล่าวด้วยเหตุผลใด

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "ขี้ข้าหน้าเหลี่ยม" : จากเหตุการณ์ปะทะคารมกับนักข่าว และยอมรับว่าเป็นข้าข้าทักษิณ เป็นฉายาที่สะท้อนการทำหน้าที่ฐานะรองนายกรัฐมนตรี แม้จะมีความเห็นต่างกับนายใหญ่หลายเรื่อง แต่ก็ต้องยอม

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ได้ฉายา "น้ำท่วมปลอด" : ได้รับมอบหมายดูแลการบริหารจัดการน้ำ แต่มีเพียงแค่ราคาคุย และการจัดอีเวนต์จนเกิดเหตุน้ำท่วมสุโขทัย หักหน้ารัฐบาล สะท้อนความไม่พร้อมที่จะรับมือปัญหาน้ำท่วม และยังใช้วิธีปั้นน้ำเป็นตัว ไม่ให้ข้อมูลแท้จริงกับประชาชนเกี่ยวกับโครงการต่างๆของรัฐบาล ทำให้เกิดครหาการทุจริตและความโปร่งใส จึงเปรียบเสมือนนายปลอดประสพถูกน้ำท่วมเสียเอง

พลอากาศเอกสุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฉายา "โอ๋เด็กโอ๊ค" : จากเหตุการณ์ที่มีกระแสข่าวว่าพันตำรวจโททักษิณจะมีที่ด่านชายแดนท่าขี้เหล็ก แต่มีการจับอาวุธสงครามที่นายพานทองแท้ อ้างว่าเตรียมลอบสังหารพันตำรวจโททักษิณ ผู้เป็นบิดา พร้อมต่อว่าพลอากาศเอกสุกำพลการข่าวไม่ดีพอ แต่พลอากาศเอกสุกำพลก็ไม่ได้โต้แย้งใดๆ ทั้งที่เป็นการเตรียมอาวุธของชนกลุ่มน้อยเท่านั้น

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้ฉายา "ไวท์ลายโฟร์ซีซัน" : ฉายามีที่มาจากเหตุการณ์โกหกสีขาวตัวเลขการส่งออกเจริญเติบโต 15 % ทั้งที่ต่ำกว่าความเป็นจริงหลายเท่า สร้างความไม่มั่นคงให้แก่เอกชน ประกอบกับการออกหน้าแทนนายกรัฐมนตรีที่อ้างว่าได้อยู่ในเหตุการณ์ ว.5 โฟร์ซีซัน และมีความสนิทสนมกับนายเศรษฐา ทวีสิน ผู้บริหารเครือแสนสิริ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ด้วย

นายสุรพงษ์ โตวิจักชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ฉายา "พาสปึ้งผ่านตลอด" : ผลงานดีเลิศถูกใจนายใหญ่ เคลียร์เส้นทางให้ทั่วโลก ออกพาสปอร์ตให้ทั้งที่เป็นนักโทษหนีคดี ซุ่มเงียบช่วยนาย

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ฉายา "ควายธนูเจ๊ ด." : เคยมีผลงานส่งออกควายธนู น้ำมนต์ ปลัดขิก เป็นสินค้าของชาติ เมื่อดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงวัฒนธรรมสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และตอนนี้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้วถึง 3 กระทรวงในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับเจ๊ ด. ที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ฉายา "อำมาตย์ซากแดง" : จากแกนนำคนเสื้อแดง ขึ้นสู่ตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี สวมบทเป็นอำมาตย์ มีตำแหน่งแต่ไม่มีผลงาน หน้าที่ที่เคยดูแลเรื่องราคายางก็ราคาตกต่ำ ต่างจากนายจตุพร ที่มีบทบาทโดดเด่นเป็นแกนนำฮาร์ดคอร์แต่ก็ไม่ได้ตำแหน่ง

นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ฉายา "จ่าเฉย ICT" : ดูแลเรื่องระบบโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่ตอนนี้มีกระบวนการจาบจ้วงสถาบัน และภัยความมั่นคงของรัฐ แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการที่ชัดเจน ประชาชนยังพบเห็นเว็ปไซด์เหล่านี้อยู่เกลื่อนกราด

นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ฉายา "ไอ้มอดจีทูจี" : มีหน้าที่ดูแลการจำนำข้าว การระบายข้าวในระบบ จีทูจี ที่ตอนนี้มีข่าวหนาหูว่ามีการทุจริตคอร์รัปชั่นหลายรูปแบบ จึงมีการเปรียบให้เป็นมอดกัดกินข้าวของชาวนา อีกทั้งการอ้างว่ามีการระบายข้าวในระบบจีทูจีกับประเทศจีน ก็ได้รับการเปิดเผยจากทูตจีนว่าไม่มีการขายข้าวในระบบดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่ามีการเอื้อประโยชน์แก่เอกชน โดยล่าสุดมีการค้นพบการฟอกเงินจากการทุจริตในธนาคารพาณิชย์ชื่อดังหลายแห่ง

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ได้ฉายา "คางคกตกวอ" : ตลอดเวลาการเคลื่อนไหวในฐานะแกนนำคนเสื้อแดงอย่างฮาร์ดคอร์ มวลชนและ ส.ส.เสื้อแดง หวังว่าจะได้พูนบำเหน็จมีตำแหน่งในครม. แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ตำแหน่งใดๆ จนต้องตัดพ้อต่อว่าผ่านรายการตัวเองและการแถลงข่าว แต่สุดท้ายไปไหนไม่รอด เป็นแกนนำคนเสื้อแดงต่อไป

ส่วนวาทะแห่งปี “ของแพงประชาชนรู้สึกไปเอง” โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทั้งที่ความเป็นจริงประชาชนรู้สึกได้ว่าค่าครองชีพแพงขึ้น จากราคาโครงสร้างพลังงานที่ส่งผลให้ต้นทุนราคาสินค้าเพิ่มขึ้น

ที่มา: ASTVผู้จัดการออนไลน์

[RaRa]

"ขี้ข้าหน้าเหลี่ยม" กับ "คางคกตกวอ" ....เป็นไปตามคาด !!!

[whiskypeak]

เป๊ะเวอร์..

[ดอกปีบ]

ขอเพิ่มฉายา เจ๊ปูค่ะ

ว.5 บ้าของนอก

เพราะนางชอบของแบรนด์เนมและของดำ
 

[คนในพื้นที่]

ฉายาว่าเป๊ะ เจอคำอธิบายไปแต่ละคนแสบจี๊ดเลยทีเดียว

[สุกี้น้อย]

ขอเพิ่มฉายา เจ๊ปูค่ะ

ว.5 บ้าของนอก

เพราะนางชอบของแบรนด์เนมและของดำ
 
13533096581353309666l1.jpg

สงสัยจะบูชาพระราหู.....

[OPENUP]

เห็นรูปข้างบน มันไม่เหมือนนายกเลย อีปู

[เสือน้อย]

สายตรง ให้ฉายาเยี่ยม

[Lucas Leiva Benitez Rodger]

ตรงใจผมมาก อย่างนี้ต้องกด Like (three times)

[gears]

ขี้ข้าหน้าเหลี่ยม
เรียกคำเดียววว. ควายหันมาพร้อมกันสิบกว่าล้านตัวว...

[Somebody]

[Kyubey]

โดนมากเลยครับ

／人> ‿‿ <人＼

[ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่]

สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

 

 

น้องใหม่มาแรงจริงๆ สื่อรุ่นอาๆ...ชิดซ้ายตกคูไปโดยพลัน    

[อู๋ ฮานามิ]

โดนทุกเม็ด 

[Robin]

ไอ้เป็ดเหมาะมาก "ขี้ข้าหน้าเหลี่ยม" เจ้าตัวนำเสนอเอง  ส่วนไอ้เถิกเต้นผมขอเสนอ "อำมาตย์ดีแต่โม้"  

[มาหยารัศมี]

เป๊ะ ตามนั้น

[Anubitz]

นี่แหละ ใช่เลย

[ดอกปีบ]

รัฐบาล...พลีชาติเพื่อพี๋.......ชาติจะเป็นยังไงมันไม่สนใจ!!!
*************************************************************

บริหารประเทศเพื่อนักโทษชาย ปีนี้เผาหลอกปีหน้าเผาจริง
จากบทบรรณาธิการ Thaipost Online 27 December 2555

ใกล้จะสิ้นปี 2555 คนไทยสามารถผ่านสารพัดปัญหา ที่เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาอย่างทุลักทุเล ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ปี 2556 ซึ่งจะเป็นอีกปีที่คนไทยทั้งประเทศจะได้รับเคราะห์กรรมจากปัญหาที่รัฐบาลไม่ควรก่อขึ้นมา
วันขึ้นปีใหม่ที่จะมาพร้อมกับอายุ 1 ปี 4 เดือน ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะเป็นวันเริ่มต้นแห่งการย้อนกลับของสารพันปัญหาที่เกิดจากน้ำมือของรัฐบาลเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลพวงจากนโยบายประชานิยมสุดขั้ว ที่เน้นลดแลกแจกแถมเป็นหลัก เพราะขยะที่ซุกใต้พรมนั้นปิดไม่มิด เริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่เหม็นโชย
โครงการใหญ่คือนโยบายรับจำนำข้าว หลังปีใหม่คงจะถึงเวลาที่เรื่องราวต่างๆ จะแดงออกมาอย่างเป็นทางการ เช่น ไม่มีการขายข้าวแบบจีทูจีให้จีน หรือการที่ธนาคารโลกซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐระบุว่าโครงการรับจำนำข้าวของไทย ได้กลายเป็นโครงการที่สิ้นเปลืองงบประมาณมากที่สุด คิดเป็นวงเงินสูงถึงราว 115,000 ถึง 150,000 ล้านบาทต่อ 1 ฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าว ซึ่งอาจมีมากถึง 3 ครั้งต่อปี
เท่ากับว่าเมื่อรัฐบาลนี้มีอายุครบ 2 ปี ต้องสูญเงินงบประมาณไปประมาณ 450,000 ล้านบาท ไปกับโครงการรับจำนำข้าวทุกเมล็ด เทียบได้กับ 3.8 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของไทย หรือ 1 ใน 5 ของวงเงินงบประมาณแผ่นดิน 1 ปีงบประมาณ ย่อมแสดงให้เห็นถึงการล้างผลาญงบประมาณอย่างมหาศาล เพียงเพื่อ รักษาฐานอำนาจทางการเมืองของตนเอง
ข้าวกองมหึมาที่เป็นผลจากการส่งออกที่ลดลงกว่าครึ่งนั้น จะมีการบริหารจัดการอย่างไร เพราะเมื่อเก็บไว้นานวันเข้าราคาย่อมตก เพราะไม่เป็นที่ต้องการของต่างประเทศ หากจำต้องยอมขาดทุนเป็นขยักที่สอง ด้วยการนำออกมาขายราคาถูก ตลาดข้าวจะปั่นป่วนไปทั่วโลก กลไกราคาพังพินาศ การสูญเสียงบประมาณแผ่นดิน รวมถึงการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เข้าเป้า จะสร้างปัญหาอย่างรุนแรงกับประเทศในปีถัดไป
รถคันแรก จะเป็นอีกนโยบายที่จะสร้างปัญหาในหลายมิติ หนี้ภาคครัวเรือนพอกพูนเพิ่มขึ้น แต่นั่นไม่รุนแรงเท่า รัฐต้องจ่ายคืนเงินภาษีกว่า 7 หมื่นล้านบาท การสูญเปล่าในทรัพยากร รวมถึงปัญหาทางสังคมที่จะตามมาอีกมากมาย สาเหตุหลักเพราะรัฐบาลใช้เงินหลอกล่อให้ประชาชนที่ไม่มีความพร้อมสร้างหนี้ที่ไม่สามารถรับผิดชอบได้ การกระตุ้นที่นำไปสู่หายนะนี้ จะทยอยเกิดขึ้นให้เห็นเรื่อยๆ ในปีหน้า
ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นคือ การนำเข้าพลังงานที่จะมากขึ้นกว่าเดิม เพราะประเทศไทยมีรถยนต์เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดกว่า 1.2 ล้านคัน รัฐบาลต้องใช้เงินงบประมาณแผ่นดินอุ้มการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ ของประชาชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นความสิ้นเปลืองที่มากเป็นสองต่อ
ความสิ้นเปลืองแรกคือ การเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของรถยนต์ ความสิ้นเปลืองถัดมาคือ เมื่อปริมาณรถมากขึ้นย่อมส่งผลให้รถอยู่บนถนนนานขึ้นกว่าเดิม และตัวเลขทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของประเทศโดยตรง ซึ่งตัวเลขล่าสุดไทยนำเข้าน้ำมันเป็นอันดับ 3 ของโลก หรือประมาณ 4.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปี 2554 รองจากสหรัฐอเมริกา และจีน
และเมื่อรถคันแรกออกมาครบเต็มจำนวน ซึ่งคาดว่าประมาณกลางปีถึงปลายปี 2556 รถใหม่ 1.2 ล้านคัน จะมาวิ่งบนถนนเกือบครบแล้ว ค่าเสียโอกาส การเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์บนท้องถนน ที่เกิดจากการจรจรติดขัดจะตามมาอีกมากมาย นี่ยังไม่นับปัญหาระดับครอบครัว ที่พ่อแม่ต้องปลุกลูกตื่นเช้าขึ้นเพื่อให้ทันไปโรงเรียน และกลับค่ำกว่าเดิมเพราะรถติด แล้วเราอาจต้องไปสู่รบปรบมือกับปัญหาเด็กไทยไอคิวต่ำกว่าที่เคยต่ำอยู่แล้วในปัจจุบัน
อีกปัญหาใหญ่คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้างผิดให้คนโกง ก่อนที่จะกลับประเทศอย่างเท่ๆ วันที่ 15 มกราคม ปีหน้าสังคมจะเริ่มต้นร้าวฉานกว่าเดิม เพราะพรรคเพื่อไทยจะสรุปแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะเดินทางไหน แต่อย่างไรก็ตามแนวทางที่รัฐบาลไม่เปลี่ยนคือช่วยนักโทษหนีคุก ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นตลอดนับตั้งแต่การเดินหน้าแก้ไข และเมื่อคนโกงกลับมาอย่างเท่ๆ ความขัดแย้งจะทวีความรุนแรงขึ้น ปีหน้าจึงถึงเวลาเผาจริง แต่แน่นอนคราวนี้จะไม่มีใครกล้าออกมาพูดอีกว่า เผาเลยครับพี่น้องผมรับผิดชอบเอง เพราะส่วนไหม้เหลือแต่ตอตะโกคือ ระบอบทักษิณ..