ไหนๆ ก็จะขึ้นปีใหม่เเล้ว
Edited by คุณหนูจินนี่, 31 December 2012 - 03:34.
Posted 30 December 2012 - 23:09
ไหนๆ ก็จะขึ้นปีใหม่เเล้ว
Edited by คุณหนูจินนี่, 31 December 2012 - 03:34.
Posted 30 December 2012 - 23:14
POPULAR
ตอแหล
ต้องหน้าด้านด้วยครับ
“Live as if you were to die tomorrow. Learn as if you were to live forever.” - Mahatma Gandhi
สนใจบ้านพักคนชราเสรีไทย (FB Secret Group) ติดต่อ (PM) เว็บบอร์ด
Posted 30 December 2012 - 23:14
POPULAR
ล้มเจ้าทุกตัว แต่ดันบอกว่าว่ารัก "ในหลวง"
ทั้งๆ แกนนำทุกตัวบนเวที เสียดสีพระองค์ท่าตลอด
กลับมองไม่ ยิ่งประกาศ "ทำให้ศิริราชหายไป"
พวกเอ็งบอกว่าจงรักภักดี ทำไมไม่รวมหัวรุมกระทืบ
ให้นอมจมกองขี้คาเวที
Posted 30 December 2012 - 23:15
"ถึงเวลาแล้วที่ใครมีอาวุธชนิดไหนก็ต้องจับขึ้นมาใช้รบกับมัน”
Posted 30 December 2012 - 23:40
ตอแหล
สวัสดี บุกมาก
Posted 30 December 2012 - 23:47
Posted 31 December 2012 - 00:05
บอกมาก่อนว่าประชาธิปไตยคืออะไร
Posted 31 December 2012 - 00:21
บอกมาก่อนว่าประชาธิปไตยคืออะไร
ประชาธิปไตยในทัศนะของจินนี่คือระบบที่เปิดโอกาส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง ปกป้อง ปกปักษ์ รักษา ดูเเล ประเทศชาติค่ะ
คอมมิวนิสต์ ก็เปิดโอกาสให้เหมือนกันนะ
Posted 31 December 2012 - 00:29
ไหนๆ ก็จะขึ้นปีใหม่เเล้ว
จึงอยากทราบว่า...ข้อเสียที่พี่พี่ในนี้มากม๊ายมากมายย ไม่ชอบเรามีอะไรบ้างค๊ะ????อยากรู้ อยากทราบ อยากเข้าใจ...เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงตัวของเราค่ะปีหน้าพวกเราชาวเสื้อเเดงผู้รักประชาธิปไตยจะได้อยู่ร่วมกันในสังคมเล็กๆ เเห่งนี้อย่างมีความสุข กับฝ่ายตรงข้าม
ข้อเสียคือทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดครับ
หลักฐานไม่เคยโกหก (Gilbert Grissom C.S.I.)<p>Beneath this mask there is more than flesh. Beneath this mask there is an idea, Mr. Creedy, and ideas are bulletproof.
Posted 31 December 2012 - 00:45
Posted 31 December 2012 - 01:45
ไหนๆ ก็จะขึ้นปีใหม่เเล้ว
จึงอยากทราบว่า...ข้อเสียที่พี่พี่ในนี้มากม๊ายมากมายย ไม่ชอบเรามีอะไรบ้างค๊ะ????อยากรู้ อยากทราบ อยากเข้าใจ...เพื่อการพัฒนา ปรับปรุงตัวของเราค่ะปีหน้าพวกเราชาวเสื้อเเดงผู้รักประชาธิปไตยจะได้อยู่ร่วมกันในสังคมเล็กๆ เเห่งนี้อย่างมีความสุข
ลองพิจารณาข้อดี ข้อเสียของตัวเองด้วยตัวของเราเองดีก่อนมั้ยคะ
เพราะบางที กระจกที่สะท้อนตัวคุณไป มันอาจจะไม่ลึกซึ้งเท่ากับสิ่งที่ตัวคุณเป็นหรือรู้สึกได้
Posted 31 December 2012 - 01:45
ตอแหล
สวัสดี บุกมาก
ปีนี้ที่บริษัท ให้โบนัสกี่เดือนจ๊ะ?เหมือนปีีที่แล้ว
12 เดือนหรือคะ
Posted 31 December 2012 - 01:46
บอกมาก่อนว่าประชาธิปไตยคืออะไร
ประชาธิปไตยในทัศนะของจินนี่คือระบบที่เปิดโอกาส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง ปกป้อง ปกปักษ์ รักษา ดูเเล ประเทศชาติค่ะ
ระบบไหนก็เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งนั้นแหละค่ะ
ไม่จำเป็นต้องเป็นประชาธิปไตย
Posted 31 December 2012 - 01:50
ตอแหล
สวัสดี บุกมาก
ปีนี้ที่บริษัท ให้โบนัสกี่เดือนจ๊ะ?เหมือนปีีที่แล้ว
12 เดือนหรือคะ
ตัด 1 ออกครับ
Posted 31 December 2012 - 02:55
ถ้าแยกเสียงส่วนใหญ่ กับความถูกต้องไม่ออก ก็อย่ามาอ้างว่ามาจากประชาธิปไตยเลย
Posted 31 December 2012 - 03:15
POPULAR
ตอแหล
ต้องหน้าด้านด้วยครับ
ทันกันจริงๆ 2 ท่านนี้!
ข้อเสียของเสื้อแดง
1. ขี้โกหกทุกตัว ย้ำ-ทุกตัว
ไม่เคยเห็นเสื้อแดงในบอร์ดที่ไม่โกหก รวมทั้ง "คนกลางกลวง" และจขกท.
2. กวนประสาททุกตัว ย้ำ-ทุกตัว
เขียนถามตอบดีๆไม่ได้ ต้องกวนประสาท
3. เป็นมนุษย์ร้อยล็อกอิน แสดงถึงความไม่โปร่งใส
4. เรื่องผิดจะตะแบงให่้ถูกให้ได้
5.ชื่นชมคนชั่วช้าทำลายชาติ ล้มในหลวง
อันนี้ใหญ่สุด ยังไงก็ยอมกันไม่ได้ครับ
Posted 31 December 2012 - 04:46
Edited by sudthorn, 31 December 2012 - 04:56.
Posted 31 December 2012 - 05:29
ตอแหล
ต้องหน้าด้านด้วยครับ
ทันกันจริงๆ 2 ท่านนี้!
ข้อเสียของเสื้อแดง
1. ขี้โกหกทุกตัว ย้ำ-ทุกตัว
ไม่เคยเห็นเสื้อแดงในบอร์ดที่ไม่โกหก รวมทั้ง "คนกลางกลวง" และจขกท.
2. กวนประสาททุกตัว ย้ำ-ทุกตัว
เขียนถามตอบดีๆไม่ได้ ต้องกวนประสาท
3. เป็นมนุษย์ร้อยล็อกอิน แสดงถึงความไม่โปร่งใส
4. เรื่องผิดจะตะแบงให่้ถูกให้ได้
5.ชื่นชมคนชั่วช้าทำลายชาติ ล้มในหลวง
อันนี้ใหญ่สุด ยังไงก็ยอมกันไม่ได้ครับ
6. รู้จักทำมาหากิน หลอกกินกันเอง หลอกกินคนรู้น้อยกว่า หลอกกินหัวคิว หลอกกินนายจ้างผู้โง่เหง้าหลงแค่อำนาจ
Posted 31 December 2012 - 06:36
ข้อเสียแดง ......ติงต๊อง...
" รัฐธรรมนูญไม่มีมาตราใด อนุญาติให้รัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย โกงบ้านกินเมืองได้โดยไม่ผิดกกหมาย "
Posted 31 December 2012 - 07:13
Posted 31 December 2012 - 08:07
ผู้ชายถึก ผู้หญิงแรด
Posted 31 December 2012 - 08:21
Posted 31 December 2012 - 08:23
โง่ โง่ และโง่
Posted 31 December 2012 - 08:51
ดอกไม้งามมีหนามแหลม ใช่บานแย้มให้คนชม บานไว้เพื่อสะสม ความอุดมแห่งผืนดิน...
Posted 31 December 2012 - 08:53
ยิงพวกเดียวกันเองก็ได้ด้วยนิ แถมใส่ร้ายป้ายสีเก่งที่ซู๊ดดดด!!!!
Posted 31 December 2012 - 09:43
บอกมาก่อนว่าประชาธิปไตยคืออะไร
ประชาธิปไตยในทัศนะของจินนี่คือ
ระบบที่เปิดโอกาส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ
ปกครอง ปกป้อง ปกปักษ์ รักษา ดูเเล ประเทศชาติค่ะ
Posted 31 December 2012 - 09:48
http://forum.seritha...php?f=2&t=15478
วิเคราะห์คนเสื้อแดง(7)ความอับจนทางปัญญาและความรู้by อิทรายุธ » Sat Nov 28, 2009 1:24 am
มาดูกันดีกว่าว่าทำไมเ้สื้อแดงจึงอับจนทางปัญญาและความรู้
1.ความอับจนในความรู้นำเข้า หมายถึงทฤษฎีและองค์ความรู้ต่างๆที่นำมาใช้เป็นสิ่งชี้นำทางปัญญาในหมู่ของตน
เสื้อ แดงไม่ได้ขาดแคลนปัญญาชน แต่โชคร้ายพวกเขาได้ปัญญาชนที่หยุดวิวัฒนการทางปัญญาไปนำขบวน ความรู้ที่เขามีใช้โดยทั่วไปจึงเป็นความรู้ที่หมดอายุใช้งานแล้ว คือไม่มีใครเขาใช้กันแล้วแต่ปัญญาชนเสื้อแดงกลับยังคิดว่าความรู้ของตัวเอง อัพเดทอยู่ ที่สำคัญๆได้แก่
-ทฤษฎีมาร์กซ/เลนิน ซึ่งมีหัวใจสำคัญที่การอธิบายวิวัฒนาการทางสังคมตามแนวคิดวิภาษวิธี ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าความรู้ทางสังคมทุกทฤษฎีจะพัฒนามาจากความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ แปลงความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์มาทำความเข้าใจสังคม สำหรับทฤษฎีมาร์กซนั้น พัฒนามาจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยุคเครื่องจักรไอน้ำ และความเข้าใจทางฟิสิกส์แบบนิวตัน ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นความรู้โบราณไปมากแล้ว ทฤษฎีทางสังคมที่งอกมาจากยุคนี้จึงโบราณไปด้วย ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์พัฒนาไปไกล และทฤษฎีทางสังคมใหม่ๆก็พัฒนาตามทิ้งห่างทฤษฎีรุ่นทวดแบบมาร์กซไปนานแล้ว แต่คนเสื้อแดงก็ยังคงกางตำรามาร์กซ์วิเคราะห์สังคมอยู่นั่นเอง พวกเขาจึงไม่เคยวิเคราะห์อะไรถูก ไม่เคยเข้าใจสังคม เหตุเพราะใช้ความรู้ที่หมดอายุนั่นเอง
-ทฤษฎีประชาธิปไตย ตรงนี้ผมกล่าวไปพอสมควรแล้วในกระทู้อื่น ในที่นี้จึงขอกล่าวแบบเปรียบเทียบกับประชาธิปไตยแบบเสื้อเหลืองไปด้วย การเมืองในแนวคิดของเสื้อแดงนั้นเป็นการเมืองแบบเก่าคือเป็น "การเมืองของมวลชน" ขณะที่เสื้อเหลืองนั้นเป็น "การเมืองของสาธารณะ" ปัญหาของปัญญาชนแดงคือถูกสิงสู่ด้วยแนวคิดลัทธินิยมต่อสิ่งที่ตัวเองยึดถือ เช่น เมื่อมองประชาธิปไตยพวกนี้ก็จะมองแบบลัทธินิยม ประชาธิปไตยของเขาจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ และเป็นสิ่งสถิตไร้วิวัฒนาการณ์ เพราะเขาเชื่อว่ามันสมบูรณ์แล้ว
ต่างกับเสื้อเหลืองที่มองว่า ประชาธิปไตยก็แค่ระบอบการปกครองแบบหนึ่ง และก่อนที่จะมีประชาธิปไตย สังคมหนึ่งๆก็มีระบอบการปกครองมาแล้วหลายแบบ ตามความเหมาะสมของลักษณะสังคมและยุคสมัย และประชาธิปไตยก็ย่อมไม่ใช่ระบอบการปกครองสุดท้ายของมนุษย์ และแม้แต่ในช่วงของประชาธิปไตยเองก็มีวิวัฒนาการของมัน ไม่ใช่พอหลุดออกมาจากท้องแม่ก็กลายเป็นตัวเต็มวัยที่ไม่ต้องมีพัฒนาการอะไร อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้แนวคิดเรื่องประชาธิปไตยของเสื้อแดงจึงล้าหลัง หรือเป็นแนวคิดที่หมดอายุแล้วเช่นกัน แต่พวกเขานำมาแห่แหนเชิดชูในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างน่าขบขัน
-ทฤษฎี ชนชั้น อันนี้ก็สำคัญมาก และผมขอบอกว่าไม่ใช่แต่เสื้อแดงหรอกที่ยึดติดกับทฤษฎีนี้ เสื้อเหลืองก็อาการหนักในเรื่องนี้ไม่น้อย และทฤษฎีนี้ืถือเป็นทฤษฎีรากฐานที่ไม่ว่าค่ายคอมมิวนิสต์หรือค่าย ประชาธิปไตยต่างก็ใช้เวลาจะวินิจฉัยประชาชนในสังคม โดยจะจำแนกประชาชนออกเป็นชั้นๆอย่างกับขนมชั้น
การมองประชาชนแบบชน ชั้นนั้น ในปัจจุบันถือว่าเชยมากๆ ทฤษฎีนี้จึงเป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่หมดอายุใช้งาน ยังใช้ได้บ้างแต่ก็เฉพาะในกรณียกเว้น แต่ไม่ควรใช้บ่อยเป็นการทั่วไป เพราะเป็นการมองสังคมที่บิดเบนไปจากความจริง ผู้คนในสังคมทุกวันแยกตัวเป็นกลุ่มที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่แยกเป็นชั้นๆ การมองสังคมผ่านแว่นชนชั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการไม่เข้าใจสังคม
โดย สรุปก็คือเสื้อแดงเป็นโรคขาดแคลนความรู้นำเข้า คนเก่งๆของพวกเขาจึงเป็นแค่นักท่องจำตำราหมดอายุ จึงมีความหวังอยู่ว่าเขาจะสังเคราะห์ความรู้ขึ้นใช้เองได้ แต่.....................เฮ้อ..บทวิเคราะห์นี้ต้องยาวอีกตามเคย
2.ความอับจนที่สร้างความรู้ใช้เองก็ไม่ได้
ก่อนอื่นเรามาดูกระบวนการสร้างความรู้กันก่อน ว่าความรู้ทั้งหลายเขาสร้างกันอย่างไร มันมีสูตรอย่างนี้ คือ
Data-Information-Knowledge-Wisdom
Data คือ ข้อมูลดิบ เรื่องเรื่องราวปรากฎการณ์ต่างๆที่ยังไม่ได้กรั่นกรอง
Information คือ ชุดข้อมูล คือการนำ Data มากรั่นกรองข้อมูลระดับหนึ่ง จัดระเบียบข้อมูลเพื่อให้พอเข้าใจภาพรวม
knowledge คืิอ การนำ Information มาวิเคราะห์วิจัยจนเกิดเป็นความรู้ใหม่
Wisdom คือการนำ Knowledge ไปใช้ไปผ่านการปฏิบัติจนตกผลึกเป็นความเข้าใจอันลึกซึ้งเป็นปัญญาภายในตน
เท่า ที่ผมประเมิน ผมพบว่ามวลชนพื้นฐานของเสื้อแดงนั้นมีความสามารถรับข้อมูลแค่ระดับ Data แถมเป็น Data แค่ส่วนแค่เสี้ยว แต่ดันคิดว่าตนมี Knowledge เลยพากันหลงผิดขนานใหญ่ จะหวังพึ่งแกนนำให้แก้โง่ก็ไม่ได้ เพราะแกนนำมัวงมโข่งอยู่กับ Knowledge ที่หมดอายุใช้งาน ดังกล่าวแล้ว
สำหรับ เสื้อเหลืองนั้นผมพบว่ามวนชนพื้นฐานสามารถรับข้อมูลระดับ Information เป็นส่วนใหญ่ มีส่วนหนึ่งรับถึงระดับ Knowledge และบางส่วนก็รับได้แค่ Data เหมือนกัน ส่วนแกนนำนั้นจะอยู่ในระดับ Wisdom เป็นหลัก จึงมีจุดแข็งเชิงคุณภาพเป็นอย่างมาก
จากสภาพที่เป็นเช่นนี้เสื้อแดงจึงสร้างความรู้ขึ้นใช้เองไม่ได้ เพราะมัวเมาอยู่กับ Data ครึ่งเสี้ยวนั่นเอง
3.ความไร้ปัญญาเพราะไม่สามารถสนทนาแบบผู้มีอารยธรรม
หา ความรู้ก็ไม่ได้ สร้างเองก็ไม่เป็น เหลือความหวังเดียวคือจะได้จากการสนทนากับผู้อื่น เสื้อแดงก็ทำไม่ได้ทำไม่เป็นอีก เพราะการสนทนาของเขาคือ ประชด-แดกดัน-ด่า-สำรากสารพัดสัตว์ ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง-เกลียดชัง-รุนแรง การพูดคุยสำหรับเสื้อแดงคือถกเถียง ตอบโต้เอาชนะ พวกเขาไม่รู้จักการสนทนาแบบที่อารยชนเขาคุยกัน หรือที่เรียกว่า Dialogue คือการเกิดหัวใจสนทนาอย่างสุภาพนอบน้อม ยึดมั่นอยู่กับสัจธรรมและความเป็นจริง ปลดปล่อยตัวตนออกจากการครอบงำแบบลัทธินิยม
เสื้อแดงอยากเปลี่ยนสังคม อยากเปลี่ยนสถาบันกษัตริย์ ด้วยการบูชาความเท็จ และด่าพ่อล่อแม่ ด้วยสันดานแห่งอาการดังนี้พวกเขาจึงตกอยู่ในภพภูมิที่ไม่มีวันได้สนทนากับ นักปราชย์ ได้แต่สนทนากันเอง พูดเอง ฟังเอง เออเองกันอยู่ในหลุม หมดทางรับปัญญาจากผู้อื่นไปอีกทางหนึ่ีง
นี่แหละจึงเป็นที่มาของความอับจนทางปัญญาและความรู้ของเสื้อแดง.........เอวัง
Edited by คนกรุงธน, 31 December 2012 - 09:49.
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
Posted 31 December 2012 - 09:49
http://forum.seritha...php?f=2&t=14900
วิเคราะห์คนเสื้อแดง(1)ที่มาและความนิยมเหลี่ยมby อิทรายุธ » Fri Nov 13, 2009 9:35 am
ก่อนอื่นต้องทราบโดยพื้นฐานว่า กลุ่มคนเสื้อแดงจำแนกอย่างหยาบๆจะประกอบด้วย
1.แดง แท้รักทักษิณ พวกนี้มีมากสุด เป็นมวลชนพื้นฐาน ที่ชื่นชมแนวทางการทำงานของทักษิณ แม้การร่วมเคลื่อนไหวการเมืองของพวกเขาต้องอาศัยเงินอุดหนุน แต่นั่นเพราะพวกเขาส่วนใหญ่ขาดพลังทางเศรษฐกิจ โดยรวมๆแล้วกล่าวได้ว่าเขาเคลื่อนไหวด้วยใจ
2.แดงเทียมปอกลอกผลประโยชน์ เช่น พวกสามเกลอ
3.แดงเทียมแสวงอำนาจ เช่น พวกทหารเก่า
4.แดงคอมมิวนิสต์ตกยุค วันๆไม่คิดอะไรมากไปกว่าสุมหัวกับทุนสามานย์โค่นล้มเจ้า
กลุ่มที่จะนำมาวิเคราะห์ก็คือกลุ่มมวลชนพื้นฐานแดงแท้รักทักษิณ
ลำดับ ต่อมาที่ต้องทำความเข้าใจคือระยะพัฒนาการของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย ซึ่งหากนับเริ่มตั้งแต่แผนพัฒนาที่หนึ่ง (ยุคผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม) ในสมัยจอมพลสฤษฎิ์ มาจนถึงปัจจุบันร่วมสิบแผน เราสามารถแบ่งช่วงออกได้เป็นสามยุค คือ
1.ยุคการพัฒนาจากบนลงล่าง หรือแบบให้ปลาตามใจผู้ให้(ประมาณปี 2504-2525) รัฐต้องการให้อะไรพัฒนาแบบไหนประชาชต้องยอมตาม ห้ามค้านห้ามเถียง ห้ามมีส่วนร่วม เป็นการพัฒนาจากบนลงล่างอย่างเข้มข้น ซึ่งแม้มีผลดีมากมาย (น้ำไหล ไฟสว่าง ทางสะดวก) แต่ก็สร้างบาดแผลเจ็บปวดไปทั่วแผ่นดิน และแน่นอนหนึ่งในบรรดาผู้ที่รับผลกระทบจากการพัฒนาดังกล่าว คือ มวลชนแดงแท้รักทักษิณ
2.ยุคการพัฒนาจากล่างขึ้นบน (ประมาณปี 2525-2540) หลังจากประเทศย่ำแย่เพราะการพัฒนาแบบที่หนึ่ง ก็เริ่มฟังประชาชนมากขึ้น เริ่มสนใจว่าประชาชนต้องการอะไร
2.1 แบบให้ปลามตามใจผู้รับ จะนำการพัฒนาโดยหน่วยงานรัฐ ที่จะดูว่าชาวบ้านต้องการอะไร เน้นการมีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ส่วนมากก็ยังยิดติดความต้องการของรัฐ จึงมักไม่จริงใจ สร้างการมีส่วนร่วมเทียมๆ ให้ข้อมูลด้านเดียว หลอกให้ประชุมลงชื่อ แล้วทำโครงการเป็นต้น ชาวบ้านก็เจ็บปวดกันอีกรอบ(รวมถึงมวลชนเสื้อแดง)
2.2 แบบให้เบ็ด ไปหาปลาเองตามต้องการ แบบนี้ส่วนมากจะนำโดยเอ็นจีโอ แต่ก็ทำได้ในพื้นที่แคบๆเพราะเอ็นจีโอมีพลังน้อย และมักทำในพื้นที่ ที่มีปัญหาวิกฤติแล้ว
3.ยุคการพัฒนาแนวราบ (ปี 2540-ปัจจุบัน) หรือการพัฒนาแบบสร้างเบ้ดเอง คิดเองว่าจะทำเบ้ดแบบไหน ไปล่าปลาอะไร เป็นการพัฒนาที่เอาความต้องการของประชนเป็นตัวตั้ง ประชาชนออกแบบการพัฒนาเอง รัฐเพียงคอยช่วยหนุน การพัฒนาแบบนี้ได้ผลค่อนข้างมากในชนบทภาคใต้และภาคกลาง ทำให้เกิดกลุ่มประชาชนที่ตื่นตัวเข้มแข็งเป็นจำนวนมาก และประชาชนส่วนนี้เองที่ต่อมาได้มาเป็นพื้นฐานสำคัญของมวลชนพันธมิตร ร่วมกับชนชั้นกลางจากทุกพื้นที่ของประเทศที่เปรียบเหมือนคนสร้างเบ็ดเองอยู่ แล้ว เพราะสร้างสรรค์การทำมาหากินด้วยตัวเองมาจนเข้มแข็ง
แล้วการพัฒนาของทักษิณล่ะ..เป็นแบบไหน?
หาก ดูโดยช่วงเวลาทักษิณอยู่ในช่วงยุคที่สาม แต่เขากลับปฏิเสธกระบวนการพัฒนาของยุคที่สาม ที่จะทำให้ประชาชนและสังคมเข้มแข็งอย่างแท้จริง แต่กลับพาสังคมถอยหลังไปยึดแนวทางการพัฒนายุคที่สอง (2.1) ที่ทำให้ประชาชนอ่อนแอ นักการเมืองเข้มแข็ง และประชาชนต้องเสพติดการพึ่งพาแบมือขอฝ่ายรัฐ เพียงแต่เขาปรับปรุงวิธีการพัฒนาแบบ 2.1 เดิม ที่ต้องผ่านระบบราชการอันยุ่งยากและไม่จริงใจ ไปเป็นการต่อท่อตรงถึงชุมชน ชาวบ้านที่เจ็บปวดมาตลอดจากผลพวกการพัฒนาแบบยุคที่หนึ่ง จึงเหมือนต้นไม้ใกล้ตายได้รับน้ำ เขาจึงพากันหลงไหลทักษิณนักหนา โดยหารู้ไม่ว่าวิธีการของทักษิณจะจองจำเขาไว้ในความอ่อนแอ และเสพติดการแบมือขอ ต้องพึ่งพาทักษิณตลอดไป นั่นหมายถึงทักษิณจะอยุ่ในอำนาจได้ยาวนาน และก็คือคำตอบด้วยว่า ทำไมทักษิณจึงยอมพาสังคมถอยหลัง ยอมทำลายความเข้มแข็งของประชาชน เพราะมีแต่ประชาชนที่อ่อนแอและเป็นนักแบมือขอเท่านั้น ที่จะทำให้ทักษิณเข้มแข็งอยู่ในอำนาจได้ ทักษิณจึงออกแบบนโยบายสารพัด ที่จะทำให้มีเงินส่งท่อตรงไปยังชุมชนที่แบมือรออยู่ แต่นั่นก็ต้องหลังจากที่ทักษิณและโคตร ได้แบ่งใส่กระเป๋าตัวเองไปหนำใจแล้ว
บรรดา ประชาชนผู้สามารถสร้างเบ็ดเองซึ่งมีอยู่มากในภาคใต้ ภาคกลาง และรวมกับชนชั้นกลางจากทั่วประเทศ จึงไม่อาจทนเห็นทักษิณทำลายชาติเช่นนี้ได้ จึงพากันต่อต้าน แต่บรรดาประชาชนนักเสพติดการแบมือขอ ซึ่งมีอยู่มากในอีกสานและเหนือจึงต้องออกมาต่อสู้ปกป้องนายเงิน
นี่แหละคือที่มาของมวลชนแดงแท้รักเหลี่ยม หากพวกเขาชนะ ประเทศของเราก็จะถอยหลังไปไม่น้อยกว่ายี่สิบปี
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
Posted 31 December 2012 - 09:51
http://forum.seritha...php?f=2&t=15066
by อิทรายุธ » Tue Nov 17, 2009 12:46 pm
"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"
Posted 31 December 2012 - 09:51
http://forum.seritha...php?f=2&t=15478
วิเคราะห์คนเสื้อแดง(7)ความอับจนทางปัญญาและความรู้
by อิทรายุธ » Sat Nov 28, 2009 1:24 am
มาดูกันดีกว่าว่าทำไมเ้สื้อแดงจึงอับจนทางปัญญาและความรู้
1.ความอับจนในความรู้นำเข้า หมายถึงทฤษฎีและองค์ความรู้ต่างๆที่นำมาใช้เป็นสิ่งชี้นำทางปัญญาในหมู่ของตน
เสื้อ แดงไม่ได้ขาดแคลนปัญญาชน แต่โชคร้ายพวกเขาได้ปัญญาชนที่หยุดวิวัฒนการทางปัญญาไปนำขบวน ความรู้ที่เขามีใช้โดยทั่วไปจึงเป็นความรู้ที่หมดอายุใช้งานแล้ว คือไม่มีใครเขาใช้กันแล้วแต่ปัญญาชนเสื้อแดงกลับยังคิดว่าความรู้ของตัวเอง อัพเดทอยู่ ที่สำคัญๆได้แก่
-ทฤษฎีมาร์กซ/เลนิน ซึ่งมีหัวใจสำคัญที่การอธิบายวิวัฒนาการทางสังคมตามแนวคิดวิภาษวิธี ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าความรู้ทางสังคมทุกทฤษฎีจะพัฒนามาจากความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ แปลงความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์มาทำความเข้าใจสังคม สำหรับทฤษฎีมาร์กซนั้น พัฒนามาจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยุคเครื่องจักรไอน้ำ และความเข้าใจทางฟิสิกส์แบบนิวตัน ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นความรู้โบราณไปมากแล้ว ทฤษฎีทางสังคมที่งอกมาจากยุคนี้จึงโบราณไปด้วย ทุกวันนี้วิทยาศาสตร์พัฒนาไปไกล และทฤษฎีทางสังคมใหม่ๆก็พัฒนาตามทิ้งห่างทฤษฎีรุ่นทวดแบบมาร์กซไปนานแล้ว แต่คนเสื้อแดงก็ยังคงกางตำรามาร์กซ์วิเคราะห์สังคมอยู่นั่นเอง พวกเขาจึงไม่เคยวิเคราะห์อะไรถูก ไม่เคยเข้าใจสังคม เหตุเพราะใช้ความรู้ที่หมดอายุนั่นเอง
-ทฤษฎีประชาธิปไตย ตรงนี้ผมกล่าวไปพอสมควรแล้วในกระทู้อื่น ในที่นี้จึงขอกล่าวแบบเปรียบเทียบกับประชาธิปไตยแบบเสื้อเหลืองไปด้วย การเมืองในแนวคิดของเสื้อแดงนั้นเป็นการเมืองแบบเก่าคือเป็น "การเมืองของมวลชน" ขณะที่เสื้อเหลืองนั้นเป็น "การเมืองของสาธารณะ" ปัญหาของปัญญาชนแดงคือถูกสิงสู่ด้วยแนวคิดลัทธินิยมต่อสิ่งที่ตัวเองยึดถือ เช่น เมื่อมองประชาธิปไตยพวกนี้ก็จะมองแบบลัทธินิยม ประชาธิปไตยของเขาจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ และเป็นสิ่งสถิตไร้วิวัฒนาการณ์ เพราะเขาเชื่อว่ามันสมบูรณ์แล้ว
ต่างกับเสื้อเหลืองที่มองว่า ประชาธิปไตยก็แค่ระบอบการปกครองแบบหนึ่ง และก่อนที่จะมีประชาธิปไตย สังคมหนึ่งๆก็มีระบอบการปกครองมาแล้วหลายแบบ ตามความเหมาะสมของลักษณะสังคมและยุคสมัย และประชาธิปไตยก็ย่อมไม่ใช่ระบอบการปกครองสุดท้ายของมนุษย์ และแม้แต่ในช่วงของประชาธิปไตยเองก็มีวิวัฒนาการของมัน ไม่ใช่พอหลุดออกมาจากท้องแม่ก็กลายเป็นตัวเต็มวัยที่ไม่ต้องมีพัฒนาการอะไร อีกแล้ว
ด้วยเหตุนี้แนวคิดเรื่องประชาธิปไตยของเสื้อแดงจึงล้าหลัง หรือเป็นแนวคิดที่หมดอายุแล้วเช่นกัน แต่พวกเขานำมาแห่แหนเชิดชูในฐานะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างน่าขบขัน
-ทฤษฎี ชนชั้น อันนี้ก็สำคัญมาก และผมขอบอกว่าไม่ใช่แต่เสื้อแดงหรอกที่ยึดติดกับทฤษฎีนี้ เสื้อเหลืองก็อาการหนักในเรื่องนี้ไม่น้อย และทฤษฎีนี้ืถือเป็นทฤษฎีรากฐานที่ไม่ว่าค่ายคอมมิวนิสต์หรือค่าย ประชาธิปไตยต่างก็ใช้เวลาจะวินิจฉัยประชาชนในสังคม โดยจะจำแนกประชาชนออกเป็นชั้นๆอย่างกับขนมชั้น
การมองประชาชนแบบชน ชั้นนั้น ในปัจจุบันถือว่าเชยมากๆ ทฤษฎีนี้จึงเป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่หมดอายุใช้งาน ยังใช้ได้บ้างแต่ก็เฉพาะในกรณียกเว้น แต่ไม่ควรใช้บ่อยเป็นการทั่วไป เพราะเป็นการมองสังคมที่บิดเบนไปจากความจริง ผู้คนในสังคมทุกวันแยกตัวเป็นกลุ่มที่แตกต่างหลากหลาย ไม่ใช่แยกเป็นชั้นๆ การมองสังคมผ่านแว่นชนชั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการไม่เข้าใจสังคม
โดย สรุปก็คือเสื้อแดงเป็นโรคขาดแคลนความรู้นำเข้า คนเก่งๆของพวกเขาจึงเป็นแค่นักท่องจำตำราหมดอายุ จึงมีความหวังอยู่ว่าเขาจะสังเคราะห์ความรู้ขึ้นใช้เองได้ แต่.....................เฮ้อ..บทวิเคราะห์นี้ต้องยาวอีกตามเคย
2.ความอับจนที่สร้างความรู้ใช้เองก็ไม่ได้
ก่อนอื่นเรามาดูกระบวนการสร้างความรู้กันก่อน ว่าความรู้ทั้งหลายเขาสร้างกันอย่างไร มันมีสูตรอย่างนี้ คือ
Data-Information-Knowledge-Wisdom
Data คือ ข้อมูลดิบ เรื่องเรื่องราวปรากฎการณ์ต่างๆที่ยังไม่ได้กรั่นกรอง
Information คือ ชุดข้อมูล คือการนำ Data มากรั่นกรองข้อมูลระดับหนึ่ง จัดระเบียบข้อมูลเพื่อให้พอเข้าใจภาพรวม
knowledge คืิอ การนำ Information มาวิเคราะห์วิจัยจนเกิดเป็นความรู้ใหม่
Wisdom คือการนำ Knowledge ไปใช้ไปผ่านการปฏิบัติจนตกผลึกเป็นความเข้าใจอันลึกซึ้งเป็นปัญญาภายในตน
เท่า ที่ผมประเมิน ผมพบว่ามวลชนพื้นฐานของเสื้อแดงนั้นมีความสามารถรับข้อมูลแค่ระดับ Data แถมเป็น Data แค่ส่วนแค่เสี้ยว แต่ดันคิดว่าตนมี Knowledge เลยพากันหลงผิดขนานใหญ่ จะหวังพึ่งแกนนำให้แก้โง่ก็ไม่ได้ เพราะแกนนำมัวงมโข่งอยู่กับ Knowledge ที่หมดอายุใช้งาน ดังกล่าวแล้ว
สำหรับ เสื้อเหลืองนั้นผมพบว่ามวนชนพื้นฐานสามารถรับข้อมูลระดับ Information เป็นส่วนใหญ่ มีส่วนหนึ่งรับถึงระดับ Knowledge และบางส่วนก็รับได้แค่ Data เหมือนกัน ส่วนแกนนำนั้นจะอยู่ในระดับ Wisdom เป็นหลัก จึงมีจุดแข็งเชิงคุณภาพเป็นอย่างมาก
จากสภาพที่เป็นเช่นนี้เสื้อแดงจึงสร้างความรู้ขึ้นใช้เองไม่ได้ เพราะมัวเมาอยู่กับ Data ครึ่งเสี้ยวนั่นเอง
3.ความไร้ปัญญาเพราะไม่สามารถสนทนาแบบผู้มีอารยธรรม
หา ความรู้ก็ไม่ได้ สร้างเองก็ไม่เป็น เหลือความหวังเดียวคือจะได้จากการสนทนากับผู้อื่น เสื้อแดงก็ทำไม่ได้ทำไม่เป็นอีก เพราะการสนทนาของเขาคือ ประชด-แดกดัน-ด่า-สำรากสารพัดสัตว์ ด้วยอาการคลุ้มคลั่ง-เกลียดชัง-รุนแรง การพูดคุยสำหรับเสื้อแดงคือถกเถียง ตอบโต้เอาชนะ พวกเขาไม่รู้จักการสนทนาแบบที่อารยชนเขาคุยกัน หรือที่เรียกว่า Dialogue คือการเกิดหัวใจสนทนาอย่างสุภาพนอบน้อม ยึดมั่นอยู่กับสัจธรรมและความเป็นจริง ปลดปล่อยตัวตนออกจากการครอบงำแบบลัทธินิยม
เสื้อแดงอยากเปลี่ยนสังคม อยากเปลี่ยนสถาบันกษัตริย์ ด้วยการบูชาความเท็จ และด่าพ่อล่อแม่ ด้วยสันดานแห่งอาการดังนี้พวกเขาจึงตกอยู่ในภพภูมิที่ไม่มีวันได้สนทนากับ นักปราชย์ ได้แต่สนทนากันเอง พูดเอง ฟังเอง เออเองกันอยู่ในหลุม หมดทางรับปัญญาจากผู้อื่นไปอีกทางหนึ่ีง
นี่แหละจึงเป็นที่มาของความอับจนทางปัญญาและความรู้ของเสื้อแดง.........เอวัง
Posted 31 December 2012 - 10:06
ผมว่าที่มวลชนเสื้อแดงมีแต่ความรุนแรงและการใช้ถ้อยคำที่หยาบคาย
นอกจากศรัทธาแล้ว ต้องบวก "สันดานเดิม" เข้าไปด้วยครับ กลายเป็น "ส่วนผสมที่อันตราย"
พวกเสื้อแดงมาจากการเป็นประชาชนที่มีชีวิตดิ้นรน แข่งขันกันมาก
หลายครอบครัวบวกความเป็นอยู่ที่ยากจนและปัญหาหนี้สินด้วย
ทำให้เป็นคนสะสมความโกรธไว้มาก แต่ต้องเก็บกดไว้
การได้พูดคำหยาบโดยไม่มีใครว่า มีแต่คนสนับสนุนว่าพูดดี พูดถูกใจ คือการได้ระบายความเครียดสะสมครับ
และเมื่อแสดงอาการก้าวร้าวอันธพาล แทนที่สังคมจะต่อว่า เขากลับมีพรรคพวกสนับสนุนขึ้นมา
การชุมนุมเสื้อแดงจึงเป็นสถานที่และเวลาที่พวกเขาจะได้ระบายพลังด้านลบของตัวเองออกมา โดยได้รับการยอมรับอีกด้วย
มันก็เลยไปกันใหญ่
เมื่อเข้ามาผสมกับส่วนที่ 3 ซึ่งคนรู้ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดกัน โดยเฉพาะสื่อน้อยมากพูดถึง
(มีช่อง 3 ที่นักข่าวภาคสนามหลายคนเคยรายงานส่วนตัวผ่านทางบทสัมภาษณ์)
คือ "เหล้า และ ยา" ครับ
ที่ชุมนุมแดง เต็มไปด้วยเหล้าและยาไม่อั้น
คนที่มีสันดานเดิมดิบเถื่อนสะสมอยู่ บวกกับศรัทธาจริตแรงกล้า เจอฤทธิ์เหล้าและยา
ก็เลยกลายเป็นคนก้าวร้าวและทำเรื่องรุนแรงได้ง่ายครับ
Posted 31 December 2012 - 10:07
Posted 31 December 2012 - 15:01
โดย เคนอิจิ, เมื่อวาน, 23:49
มีใครในที่นี้ คัดการการแก้ไข 309 บ้างครับ
โดย เคนอิจิ, 27 ธันวาคม 2555
ชอบทำตัวเหมือนจขกท.นี้
Tam-mic-ra ฟันธง! คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ ..... คิดครับคิด จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96 ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3
Posted 31 December 2012 - 16:31
Posted 31 December 2012 - 18:12
เหตุผลที่ไม่ชอบเพราะ "เป็นเสื้อแดง" ...แค่นั้นครับ
ถ้าแก้ได้ก็แก้ด้วยเน้อ
Posted 31 December 2012 - 18:55
Posted 31 December 2012 - 19:02
Edited by Buffalo_, 31 December 2012 - 19:02.
Posted 31 December 2012 - 19:43
บอกมาก่อนว่าประชาธิปไตยคืออะไร
ประชาธิปไตยในทัศนะของจินนี่คือระบบที่เปิดโอกาส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง ปกป้อง ปกปักษ์ รักษา ดูเเล ประเทศชาติค่ะ
อ๋อ แล้วที่ควายแดงมันเผา มันขโมย นี่ก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย เหรอ ตายละหว่า เข้าใจผิดมาตั้งนานว่าประชาธิปไตยของควายแดง คือพวกมากทำผิดกฏหมายได้
Posted 31 December 2012 - 19:45
แดรกศพครับ
หยะแหยง
อื่นๆก็ตามที่หลายท่านด้านบนได้กล่าวมาแล้ว
หญ้าไม่แพง แดงไม่ซึ้ง
Posted 31 December 2012 - 23:15
0 members, 0 guests, 0 anonymous users