แสบ! ‘โต้ง’แนะย้ายฐาน
รัฐบาลยังปากแข็ง โต้โรงงานปิดกิจการไม่เกี่ยวค่าแรง 300 บาท "กิตติรัตน์" แนะย้ายฐานผลิตไปประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า ขณะที่สภาอุตสาหกรรมบุรีรัมย์ชี้ภาคอุตสาหกรรมกระทบอย่างหนัก คาดปิดตัวอื้อ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีไม่เจ๊งก็ไม่โต
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้แจงนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ในรายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน ออกอากาศเช้าวันเสาร์ที่ 5 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นการแจงถึงข้อดีของนโยบาย
เริ่มด้วยนายเผดิมชัยระบุว่า ยังเร็วไปที่จะพูดถึงผลกระทบของนโยบายที่โรงงานปิดกิจการ อันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับทางกระทรวง โดยเฉพาะกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นเจ้าของเรื่องนี้โดยเฉพาะ ในการประกอบธุรกิจมีทั้งกำไรและขาดทุน มีทั้งต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่อง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วของสังคมทั่วโลก ในการทำธุรกิจมีหลายรูปแบบของการที่ปิดโรงงาน ไม่ได้แก้ตัว แต่ความเป็นจริงในลักษณะธุรกิจมักจะเป็นอย่างนั้น
สำหรับมาตรการดูแลสวัสดิการแรงงานที่ถูกปลดหลังจากโรงงานปิดกิจการนั้น รมว.แรงงานกล่าวว่า ทุกจังหวัดจะต้องมีรายงานถึงตนทุกสิ้นเดือนหรือ 15 วัน ให้มีการสำรวจเอสเอ็มอีแต่ละจังหวัด ว่าขนาดตั้งแต่ 2-10 คนมีเท่าไหร่ ต้องหาความสมดุลตรงนี้ให้ได้ก่อนว่าแรงงานตรงไหนที่จะตกงาน เช่น สิ่งทอในจังหวัดนั้นแล้วในอีกจังหวัดมีหรือไม่ เราจะมีการเคลื่อนย้าย ถ้าไม่มียังจะเปลี่ยนหรือไม่ ถ้าทำในจังหวัดเดียวกัน วันนี้รัฐบาลรู้ว่าขึ้น 300 บาท เอสเอ็มอีก็เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องดูแลเขา บางทีเขาอาจจะมีคำพูดขึ้นมาว่า รัฐบาลลดภาษีในการขึ้นตรงนี้ 10% ให้จาก 30% ธุรกิจเล็กไม่ได้ แต่ธุรกิจขนาดใหญ่ได้อานิสงส์หมด แต่ทั้งนี้ก็ได้พูดคุยกับบริษัทใหญ่ เช่น บริษัทผลิตรถยนต์โตโยต้า ที่ได้ส่วนลดกันในบริษัทใหญ่ๆ ฉะนั้นวันนี้เขาบอกไม่ต้องห่วง เขามีห่วงโซ่อุปทานซึ่งขนาดเล็ก ขนาดกลาง วันนี้เราค่อยๆ เป็นขั้นตอนลงมา และค่อยติดตามผลการดำเนินการ รัฐบาลจะได้ดูถึงข้างล่างเลยว่าท้ายสุดเอสเอ็มอีที่ต้องการให้ช่วยเหลือต้องการให้ช่วยเหลือในรูปแบบใด อันนี้เรามีทางออกที่เตรียมไว้เหมือนกัน
ด้านนายกิตติรัตน์กล่าวว่า อุตสาหกรรมที่ต้องไตร่ตรองมาตลอดเวลาในช่วงที่ผ่านมา เมื่อเราเริ่มมีแรงงานน้อยลงคือกลุ่มอุตสาหกรรมที่เราใช้คำว่าใช้แรงงานเข้มข้น ใช้จำนวนบุคลากรจำนวนมากเมื่อเทียบกับผลผลิตที่ผลิตได้ และเป็นกลุ่มที่มีการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มไม่สูง กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่ได้รับความกดดันเมื่อประเทศมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ จะสังเกตได้ว่ากลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเราเคยรับช่วงต่อมาจากประเทศอื่นๆ เมื่อหลายทศวรรษก่อน ประเทศอื่นๆ พอเขาเคลื่อนตัวต่อไป เพราะแรงงานของเขาเริ่มมีการพัฒนาทักษะฝีมือ มีคุณภาพมากขึ้น พร้อมที่จะมีรายได้มากขึ้น พร้อมที่จะมีผลิตภัณฑ์มากขึ้น เขาก็เริ่มที่จะลดการผลิตสินค้าเหล่านั้นลง และส่งต่อไปยังประเทศซึ่งมีการว่างงานสูงกว่า ซึ่งเราก็เคยอยู่ในภาวะนั้น และค่าแรงต่ำกว่า
แนะย้ายฐานการผลิต
"ในเวลานี้ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องพิจารณาแล้วว่า เราต้องถึงเวลาที่จะต้องเริ่มส่งต่ออุตสาหกรรมเหล่านี้ไปยังประเทศซึ่งมีแรงงานมากกว่า และมีอัตราค่าจ้างแรงงานที่ต่ำกว่า และเราก็ต้องเคลื่อนต่อไปให้แรงงานของเราพร้อมที่จะมีทักษะที่สูงขึ้น มีรายได้ที่ดีขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น"
เขาบอกว่า กลุ่มสิ่งทอก็ดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มที่ใช้แรงงานมาก แต่ว่าสิ่งทอที่เป็นผลผลิตมีมูลค่าสูง เป็นสินค้าแฟชั่น เป็นสินค้าที่ใช้ทักษะของคนทำงานที่สูงขึ้น กลุ่มนี้เราก็ยังสู้ได้ และในหลายๆ ครั้งคนบอกว่าเราเป็นธุรกิจที่สลายลงไปเพราะว่าประเทศอื่นๆ ยกตัวอย่าง ช่วงหนึ่งประเทศทางเอเชียตะวันออกบางประเทศก็มีแรงงานที่ถูกกว่าเรา และเริ่มที่จะรับสินค้านั้นไป เวลาผ่านไปเขาก็เริ่มมีการปรับค่าแรงขึ้นมา เหมือนกันอุตสาหกรรมเหล่านี้ก็เคลื่อนกลับมาที่เราก็มี เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเป็นองค์รวมว่าสินค้าใดใช้แรงงานมากและมูลค่าเพิ่มน้อยก็ต้องรีบไตร่ตรองกันซะตั้งแต่บัดนี้
นายกิตติรัตน์กล่าวต่อถึงมาตรการในการช่วยเหลืออุตสาหกรรมที่ยังปรับตัวไม่ได้ว่า มาตรการที่รัฐบาลจะดูแลคือ ในวงเงินค้ำประกันต่างๆ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงสินเชื่อต่างๆ ได้ ก็ถือว่ามาตรการก็จะมี 4 กลุ่มด้วยกัน คือ 1.การลดผลกระทบด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย 2.เพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการ 3.เพิ่มรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และ 4.การช่วยเหลือสภาพคล่อง เพราะฉะนั้นในส่วนที่จะมีการดำเนินการต่างๆ เหล่านี้ ก็มั่นใจว่าจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถประคับประคองจนกระทั่งได้รับผลดีอย่างเต็มที่ของการดำเนินนโยบายนี้จนได้ เพียงแต่ต้องขอเรียนข้อเท็จจริงอันหนึ่ง คือในภาวะปกติไม่ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายอะไรหรือไม่ก็ตาม จะมีบริษัทซึ่งหยุดกิจการอยู่บ้าง มีบริษัทซึ่งขยายกำลังการผลิตอยู่บ้าง มีบริษัทซึ่งเริ่มกิจการใหม่อยู่ด้วย เพราะฉะนั้นในแต่ละปีจากจำนวนบริษัทนับหลายแสนรายนั้น จะมีภาวะอย่างนี้เกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเรามั่นใจว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เกิดการหยุดกิจการจนกระทั่งเป็นปัญหาต่อการจ้างงาน
ขณะที่นายอาคมกล่าวว่า เรื่อง 300 บาททั่วประเทศเชื่อว่าคุณภาพของแรงงานดีขึ้นแน่นอน ความแออัดของเมืองในการรองรับอุตสาหกรรมก็จะลดน้อยลง คำถามว่าเมื่อเขาย้ายออกไปอยู่ภูมิภาคต่างๆ นั้น จะมีงานให้เขาทำหรือไม่ ขณะนี้รัฐบาลกำลังดูในเรื่องยุทธศาสตร์จังหวัด การปรับยุทธศาสตร์จังหวัดเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศทั้ง 77 จังหวัดมีศักยภาพ มีโอกาสของตัวเองในการที่จะพัฒนาเศรษฐกิจเป็นแหล่งงานทำธุรกิจ นอกจากนี้เรื่องของเออีซี อาเซียน ต้องไม่ลืมว่าเมื่อประชาคมอาเซียนในปี 2558 เกิดขึ้น การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมไปทั่วถึงหมดและประเทศไทยก็จะเป็นศูนย์กลาง เพราะเรามีเส้นทางเชื่อมโยงในทางบกมากมาย ประตูของเรานั้นรอบประเทศ เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะใช้วัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้านหรือจะขายสินค้าอุปโภคบริโภคไปประเทศเพื่อนบ้านเป็นโอกาสทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราจับจุดขายของเราให้ถูกต้อง
สภาอุตฯ อีสานระทม!
วันเดียวกันนี้ นางศิริกัญญา นามพิชญ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า การที่รัฐบาลขึ้นค่าแรง 300 บาท แต่คุณภาพแรงงานไม่ได้มีการเตรียมรองรับ รวมถึงต้นทุนของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น หากไม่เพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่แบกรับ ก็จะไปแข่งขันสู้กับประเทศเพื่อนบ้าน ขีดความสามารถการแข่งขันเราก็จะลดลง อีกทั้งแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในประเทศไทย เมื่อเปิดเออีซี แรงงานเหล่านี้ก็จะถูกดึงกลับไป เพราะว่าฐานการผลิตจะมีการไปลงทุนในประเทศที่มีค่าแรงถูก ขณะที่ประเทศไทยแรงงานที่ไร้ฝีมือ 300 บาท มีแนวโน้มน่าจะเกิดการว่างงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นเรื่องที่หนักใจสำหรับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้สะท้อนไปถึงภาครัฐหลายครั้ง แต่มาตรการที่ภาครัฐออกมาช่วยเหลือไม่ค่อยจะตรงกับความต้องการในแง่ของธุรกิจที่ขาดทุน ตอนนี้ไม่ใช่ว่าธุรกิจจะอยู่รอด ซึ่งธุรกิจที่ขาดทุนกว่าเขาจะเริ่มทำธุรกิจขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้ เขาต้องประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอด ต้องไปกู้เงินเพิ่ม แต่ในการกู้เงินตามมาตรการที่รัฐบาลจะช่วยในเรื่องของเงินกู้ดอกเบี้ยถูกนั้น มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถ้าธุรกิจขาดทุนธนาคารก็ไม่ปล่อยกู้อยู่แล้ว”
รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคอีสานยังกล่าวต่ออีกว่า มาตรการที่ทางภาครัฐออกมาสามารถช่วยเหลือได้เพียงบางข้อ เช่น ด้านภาษี จะมาลดหย่อนภาษีให้ แต่ถ้าสถานประกอบการขาดทุนก็ช่วยอะไรไม่ได้ และอีกหลายข้อไม่สามารถจะมาชดเชยได้ในส่วนที่ขาดทุนจากค่าแรงเพิ่มขึ้น และในมาตรการ 27 ข้อ ที่ทางภาครัฐออกมาชดเชย จะช่วยได้เป็นเงินเท่าไร ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกันแล้วน้อยนิด ไม่สามารถประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ ส่วนธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นธุรกิจด้านใช้แรงงานเข้มข้นด้านสิ่งทอ งานด้านอิเล็กทรอนิกส์ ที่เป็นระดับพื้นฐาน ไม่ใช่ระดับสูง
ด้านนายมนตรี ดำรงมงคลกิจ รองประธานสภาอุตสาหกรรม จ.บุรีรัมย์ และผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรม กล่าวว่า มาถึงวันนี้คงยับยั้งอะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศวันละ 300 บาท ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี รัฐบาลควรหาแนวทางในการช่วยเหลือธุรกิจเหล่านี้เพื่อให้อยู่ได้ ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการคงต้องอยู่อย่างลำบาก
เขาบอกว่า ผู้ประกอบการต้องปรับตัวขนานใหญ่เพื่อให้รับกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาเพื่อให้ประสิทธิภาพการผลิตมีคุณภาพดีขึ้น ปรับลดจำนวนคนงานให้เหมาะสมกับงาน เพื่อเป็นการลดต้นทุนไปในตัว หาแนวทางสร้างผลกำไรให้มากขึ้นมาชดเชยกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าก็ต้องมีการปรับตัว ส่วนสินค้าบางตัวที่รัฐบาลมีการควบคุมต้องดูว่ารัฐบาลจะให้ปรับได้เท่าไร สินค้าบางอย่างที่ไม่ได้มีการควบคุมก็ต้องปรับตามต้นทุนที่ปรับขึ้น เพื่อเป็นการทำให้เอกชนและผู้ประกอบการอยู่ได้
รองประธานสภาอุตสาหกรรม จ.บุรีรัมย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ผู้ประกอบการสินค้าที่ผลิตจากแรงงานเป็นหลัก เช่น ตัดเย็บเสื้อผ้าเพื่อการส่งออก จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะต้นทุนสูงขึ้น การจ้างผลิตก็จะแพงขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่ที่ลูกค้าจะสามารถรับได้หรือไม่ หากรับไม่ได้ออเดอร์ก็จะหายไป ทำให้ส่งผลกระทบกับคนที่ใช้แรงงานเป็นหลัก ต้องมีการปรับลดพนักงานอย่างแน่นอน หากปรับลดพนักงานแล้วยังอยู่ไม่ได้ ก็ต้องปิดกิจการไป
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนลฯ กล่าวว่า บริษัทมีพนักงานประมาณ 7,000 คน และได้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไปเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีต้นทุนการจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านบาทต่อเดือน จึงจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ เมื่อหักลบค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น.
Nong Lov King สวัสดีค่ะท่าน. หนูอยากด่ามันจังค่ะ พูดแบบหมาๆไอ้ฟาย
Fern Wari *** !!! ไอ้รมต.คลังตัวนี้มันเรียนจบมาจากไหนหว่าถึงได้มีความคิดแบบนี้ ย้ายฐานไปประเทศอื่นที่มีค่าแรงถูกกว่า ??? แล้วแรงงานไทยในประเทศจะทำมาหากินอะไร ?? หรือจะให้พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วยการไปปล้นบ้านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง เอาอย่างนี้ไหมไอ้โต้ง ???
Pairote Muenlooktao แล้วใครมันจะบอกความจริงเล่า ว่าปิดเพราะค่าแรง 300 บาท พูดอน่างนั้นก็มีเรื่องกับรัฐบาลซิว่ะ ใครมันจะโง่.
ณัฐณิฎ รักพ่อนะคะ หากไอ้ลูกเจี๊ยบมันแน่จริง. ต้องหารายได้เข้าประเทศให้ได้มาก ก่อนที่จะขอกู้มาโกง 2ล้านล้าน
