รัฐบาลชั่ว..จะส่ง จนท.ไป "ตรวจสอบบัญชีย้อนหลังของท่าน"
ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัสเพราะนโยบาย "เฮงซวย" ของรัฐ
แทนที่จะหาทางเยียวยาให้ถูกจุด "ตรงประเด็น" กลับหาทาง "จับผิด"
หาว่าเขา "ไม่เจ้งจริง" โอววววว..หากไม่ใช่สมองหมาปัญญาควายเนี่ยะ
คิดไม่ได้แบบนี้..เจงๆ...
“ณัฐวุฒิ”ยันตัวเลขเลิกกิจการไม่เกี่ยวค่าจ้าง 300 บาท
กรุงเทพฯ 9 ม.ค.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า การเลิกกิจการในหลายธุรกิจ โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม ที่มีการเลิกกิจการทั้งสิ้น 3,338 ราย โดยมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 58 นั้น มาจากปัญหาการขาดทุนสะสม โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการด้านการก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ บริการนันทนาการ บริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจ และร้อยละ 37 เป็นการปิดกิจการจากการจัดตั้งบริษัทเพื่อเข้ามารับสัมปทานภาครัฐ
โดยในจำนวนนี้มีบางรายที่ไม่ได้รับสัมปทานและไม่ได้ดำเนินธุรกิจต่อ ขณะที่ร้อยละ 5 เกิดจากปัญหาการบริหารงานภายในองค์กร ขณะที่ธุรกิจขายส่งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายมีสัดส่วนที่เลิกกิจการเพียงไม่ถึง 100 ราย ดังนั้น ในการเลิกกิจการช่วงปลายปีของทุกปีผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะดำเนินการปิดกิจการเพื่อไม่ต้องจัดทำงบการเงิน เพื่อรายงานต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปีต่อไป ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องจากมาตรการที่รัฐบาลประกาศเพิ่มอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ 300 บาท ตามที่หลายฝ่ายออกมาระบุ ว่าแนวทางดังกล่าวทำให้กิจการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงจนถึงขั้นต้องปิดกิจการ
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว รัฐบาลได้เริ่มทดลองใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา โดยได้นำร่องใน 7 จังหวัดมาแล้ว ซึ่งกิจการต่างๆ ไม่ประสบปัญหาสภาพคล่อง และได้ประกาศใช้นโยบายปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศตั้งแต่วันที่1 มกราคม 2556 ซึ่งเพิ่งเริ่มมีผลไม่ถึง 10 วัน จึงเห็นว่าการปิดกิจการลงของภาคเอสเอ็มอีไม่ได้มีผลจากนโยบายดังกล่าว แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจน คณะรัฐมนตรีจึงได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงแรงงาน โดยเฉพาะกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ไปจัดทำฐานข้อมูลตรวจสอบทางบัญชีย้อนหลังของกิจการที่เลิกและปิดกิจการไป ว่าเกิดจากสาเหตุใด เพื่อนำข้อมูลชี้แจงต่อสาธารณชนได้รับทราบ
พร้อมกันนี้ในส่วนของการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นค่าแรง หลายฝ่ายกำลังหามาตรการช่วยเหลือ อาทิ มาตรการด้านภาษี การปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่พนักงานที่ถูกเลิกจ้าง กระทรวงจะนำข้อมูลในกิจการอื่นๆ เช่น ภาคธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับและอื่นๆ ที่ยังมีความต้องการแรงงานฝีมือ ไปพิจารณาในการนำมาช่วยเหลือกิจการอื่นต่อไป ขณะมาตรการด้านอื่นๆ โดยเฉพาะการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน กระทรวงพาณิชย์มีโครงการธงฟ้าลดค่าครองชีพ เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประชานอีกทาง
สำหรับการจดทะเบียนธุรกิจในเดือนธันวาคม 2555 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 4,540 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 78 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่จำนวนทั้งสิ้น 16,789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวน 5,567 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 49 โดยประเภทธุรกิจที่จดทะเบียนจัดตั้งสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริการนันทนาการ บริการด้านวิทยุโทรทัศน์ และก่อสร้างอาคารทั่วไป ส่งผลให้สถิติจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท รวมทั้งปี 2555 มีจำนวน 63,845 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 8,446 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 54 ซึ่งเกินกว่า 60,000 ราย เป็นปีแรกและเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่การจัดตั้งหอทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท และมีมูลค่าจดทะเบียนจัดตั้งใหม่รวมทั้งสิ้น 337,981 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ปี
ส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศในเดือนธันวาคม 2555 มีจำนวน 3,838 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 129 ราย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากเทียบกับเดือนพศฤจิกายน 55 มีการจดทะเบียนเลิก เพิ่มขึ้นจำนวน 2,078 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 118 ส่งผลให้นิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกทั่วประเทศทั้งปี 2555 รวมทั้งสิ้น 16,936 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ปัจจุบันมีห้างหุ้นส่วนบริษัทจำกัดดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 528,757 ราย มีทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 10.69 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นบริษัทจำกัด 360,896 ราย บริษัทมหาชนจำกัด 974 ราย และห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 166,887 ราย.
สำนักข่าวไทยhttp://bit.ly/11feONp