นายกรัฐมนตรีเปิดงาน “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด
นายกรัฐมนตรีเปิดงาน “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด โดยขอให้อสม. ทุกคนที่รวมพลังกันช่วยรัฐบาลสอดส่องติดตามกลุ่มที่เป็นเป้าหมายนำกลับมา บำบัดรักษา เพื่อไม่ให้ผู้เสพหวนกลับไปมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดซ้ำอีก
วันนี้ (9ม.ค.56) เวลา 15.00 น. ณ อาคาร 9 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด” เพื่อประกาศเจตนารมย์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพื่ออนาคตลูกหลานและ ประเทศ โดยมี นายประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จาก 50 เขต ของ กทม. จำนวน 5,000 คน อสม.จากจังหวัดนนทบุรีและปทุมธานี จังหวัดละ 1,000 คน จังหวัดอยุธยาและสมุทรปราการ จังหวัดละ 500 คน ประธานชมรมและคณะกรรมชมรม อสม. ระดับจังหวัดทุกจังหวัดและกทม. คณะผู้บริหาร นักวิชาการ และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
นายประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยการกำหนดให้มียุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ด้วยการรวมพลังทุกภาคส่วน เป็นพลังแผ่นดินในการต่อสู้กับยาเสพติด โดยยึดหลักผู้เสพ คือ ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา ให้กลับมาเป็นคนดีของสังคม และมีกลไกการติดตามช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ รวมทั้งดำเนินการป้องกันกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป ไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยึดหลักนิติธรรม ในการปราบปรามและลงโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้มีอิทธิพล ผู้ประพฤติมิชอบ มีการใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และดำเนินการอย่างจริงจัง ในการป้องกันปัญหา ด้วยการแสวงหาความร่วมมือเชิงรุก กับต่างประเทศ ในการควบคุมและสกัดกั้นยาเสพติด สารเคมีและสารตั้งต้น ในการผลิตยาเสพติดที่ลักลอบเข้าสู่ประเทศ ภายใต้การบริหารจัดการแบบบูรณาการและมีประสิทธิภาพ จากการดำเนินการหนึ่งปีที่ผ่านมา รัฐบาลดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์พลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง จริงจัง เพื่อให้ได้ลูกหลานกลับคืนสู่สังคม ด้วยการส่งเสริมให้ชุมชนช่วยกันดูแล ให้ผู้เสพได้เข้ารับการบำบัดรักษาให้มากที่สุด ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนต่างๆ เฝ้าระวังและติดตาม ช่วยเหลือดูแลผู้ผ่านการบำบัดรักษา ให้มีโอกาสได้รับการศึกษา ได้รับการฝึกอาชีพ และใช้กีฬาบำบัดผู้ผ่านการรักษา ทั้งด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจ เพื่อไม่ให้ผู้เสพกลับไปมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดซ้ำอีก ทำให้ผู้เสพ ที่ตั้งเป้าหมายไว้ปีแรก 4 แสนคน ได้เข้ามาบำบัดรักษาแล้วมากกว่า 4 แสนคน ส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และมีความพึงพอใจต่อการดำเนินงานของรัฐบาลเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกส่วนหนึ่งในพื้นที่ยาก หรือ Hard Land ในเมืองใหญ่ จังหวัดใหญ่ บางชุมชน ที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติดอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องรวมสรรพกำลังแก้ไข ป้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในปีที่ 2 ของการดำเนินงานยุทธศาสตร์พลังแผ่นดิน ปีพุทธศักราช 2556 เพื่อการเอาชนะยาเสพติดที่ยั่งยืน รัฐบาลมองการเป็นนโยบายระดับชาติมาในระดับพื้นที่ ชุมชน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อให้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุกและลูกหลานมีอนาคตที่ดี ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านการบำบัดรักษาของพลังแผ่นดิน เอาชนะยาเสพติด และเป็นผู้ดูแลส่งเสริม พัฒนาศักยภาพ อสม. จำนวนหนึ่งล้านสี่หมื่นคนของประเทศ จึงได้ดำเนินการเพิ่มพูนความรู้และทักษะแก่ อสม. เพื่อเป็นพลังแผ่นดิน ในการเฝ้าระวัง ค้นห ติดตาม ช่วยเหลือ คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด เพื่อร่วมสร้างให้เกิดชุมชนเข้มแข็งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดขึ้น สำหรับ การประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมปฏิบัติการและรับมอบนโยบาย มีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของ อสม. ให้มีความรู้ ความสามารถ ในการค้นหาผู้ป่วย ส่งต่อผู้ป่วย ร่วมดูแลป้องกัน ช่วยเหลือ เด็ก เยาวชน ประชาชนในชุมชน และติดตามผู้ป่วยหลังผ่านการบำบัดรักษา
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายต่อต้านยาเสพติด ว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนได้มารวมพลังกันอีกครั้ง ภายใต้โครงการในการพัฒนาศักยภาพ อสม. และการป้องกันปัญหายาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้จัดโครงการ “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด” โดยตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดโดยได้ ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่สะสมมาเป็นระยะเวลานานหลายปี ดังนั้นทุกคนจะต้องร่วมพลังกันแก้ไขปัญหาให้มากขึ้น เช่น การลดปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งในการทำงานของรัฐบาลในปีที่ 2 ได้มีการรวมพลังในการแก้ปัญหายาเสพติดจากทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่าง ประเทศ ในเรื่องของการปราบปรามและการป้องกัน การแยกผู้เสพออกจากผู้ขาย โดยให้ถือผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่จะต้องได้รับการบำบัดดูแลรักษา เพราะผู้เสพทุกคนล้วนเป็นลูกหลาน เยาวชนและอนาคตของประเทศชาติ ซึ่งตรงนี้กระทรวงสาธารณสุขจะได้เข้ามาทำงานร่วมกันบูรณาการกับภาครัฐอย่าง เต็มที่ในการแก้ไขปัญหาผู้เสพ และโครงการดังกล่าวในวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะเข้ามาช่วยเสริมความ แข็งแรงในการร่วมกันแก้ไขปัญหาและเอาชนะยาเสพติด ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้มีการดำเนินโครงการในดูแลผู้เสพหลายโครงการทำให้ ได้ลูกหลานกลับคืนสู่สังคมและเป็นอนาคตของประเทศ เช่น โครงการชุมชนอุ่นใจ ที่ได้มีการนำร่อง 12 ชุมชน ใน 10 จังหวัด และจะมีการขยายไปยังชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศต่อไป
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดกิจกรรม “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด” เป็นการดำเนินการโดยรัฐบาลเล็งเห็นถึงจุดแข็งของ อสม. ที่มี จำนวน 1,040,000 คน และเป็นผู้ที่มีจิตอาสาเข้าใจหลักการสาธารณสุขเป็นอย่างดี รวมทั้งรู้และเข้าใจในเรื่องของระบบในการที่จะทำความเข้าใจกับประชาชนใน พื้นที่เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ดังนั้นจึงขอฝากภารกิจให้ อสม. ทุกคนที่รวมพลังกันช่วยรัฐบาลในการสอดส่องติดตามกลุ่มที่เป็นเป้าหมายนำกลับ มาบำบัดรักษา เพื่อไม่ให้ผู้เสพหวนกลับไปมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดซ้ำอีก อีกทั้งให้ร่วมกันเฝ้าระวังแก้ไขปัญหาในชุมชน เพื่อจะได้นำมาวิเคราะห์และทำให้เข้าใจปัญหาสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูก ต้องต่อไป
ทั้งนี้นอกจากนายกรัฐมนตรีจะได้ฝากในเรื่องการป้องกันปราบปรามการแก้ไข ปัญหายาเสพติดกับ อสม. แล้ว ยังได้ฝากให้ อสม. ทุกคนประชาสัมพันธ์ โครงการของรัฐบาลในเรื่องการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะโครงการบริการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขและทางการแพทย์ได้อย่างทั่วถึงและ ลดอัตราการตายของผู้ประสบอุบัติเหตุด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี กดปุ่มรูปไอคอนโลโก้งาน ณ Tablet ซึ่งปรากฏภาพโลโก้งานบนรูปหัวใจขึ้นที่จอภาพ เพื่อทำพิธีเปิดงาน ปฏิบัติการ “รวมพลัง อสม. คืนหัวใจให้พ่อแม่ คืนลูกหลานสู่อ้อมกอด” ก่อนที่ นายไพฑูรย์ บุญอารักษ์ ประธานชมรม อสม. แห่งประเทศไทย ได้นำกลุ่มตัวแทน อสม. กล่าวปฏิญาณตนแสดงเจตจำนงเพื่อเป็นพลังแผ่นดิน แก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการภายในงานซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดแสดงไว้ ประกอบด้วย บูธที่ 1 อสม. ดีเด่นระดับชาติ ประจำปี 2555 สาขาการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน บูธที่ 2 การค้นหา คัดกรอง บำบัดและติดตาม บูธที่ 3 การควบคุมตัวยาและสารตั้งต้นยาเสพติด บูธที่ 4 การตรวจพิสูจน์สารเสพติด และบูธที่ 5 การป้องกันลูกหลานจากยาเสพติด เป็นต้น