ปูยกแก้น้ำท่วมกรุงเหลว แจงนโยบายไร้รอยต่อ
นายกรัฐมนตรี ยอมรับคน กทม.ยังไม่ไว้วางใจเพื่อไทย ยกปมบริหารจัดการน้ำท่วมกรุงเหลว แจง นโยบายไร้รอยต่อ...
วันนี้ (17 ม.ค.56) เวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยทำผลสำรวจความคิดเห็นของคน กทม. ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งพบว่า พรรคเพื่อไทยแพ้พรรคประชาธิปัตย์ใน 4 เขต พื้นที่ชั้นในว่า ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้น พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้รับการไว้วางใจจากคน กทม.ต้องใช้เวลาในการลงพื้นที่ให้มากขึ้น
ขณะนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ยืนยันว่าจะลงพื้นที่ร่วมกับตัวแทนของพรรค และต้องติดตามดูผลต่อไป และจะทำอย่างเต็มที่ โดยจะใช้เวลาในช่วงการหาเสียงนำเสนอนโยบายให้มากที่สุด โดยหลักเราจะเน้นทำความเข้าใจในพื้นที่มากกว่า พื้นที่ กทม. มีปัญหาหรือมีความต้องการที่เร่งด่วนอะไร และตัวยุทธศาสตร์ในเชิงนโยบายจะเน้นการตอบโจทย์รายเขตมากกว่า เพราะ กทม.มีจำนวนประชากรมาก
ดังนั้น การมองยุทธศาสตร์ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ภาพรวมของ กทม.ที่ต้องทำงานควบคู่กับทางส่วนกลาง และจะต้องทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ เพราะหลายพื้นที่มีความต้องการไม่เหมือนกัน และมีปัญหาต่างกัน ทางพรรคเตรียมที่จะทยอยออกนโยบายเร็วๆ นี้ เบื้องต้นคงจะให้เวลากับผู้สมัครก่อน คงจะให้ผู้สมัครลงทำงานในพื้นที่ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่านโยบายต่างๆ ตรงใจกับพี่น้องประชาชน
เมื่อถามว่า นายกฯ เคยมองหรือไม่ว่าสิ่งที่ชูหาเสียงเรื่องการทำงานแบบไร้รอยต่อกับรัฐบาล ขณะที่ในอดีตที่ผ่านมาคน กทม.มักจะเลือกผู้สมัครจากพรรคที่มาคานอำนาจรัฐบาล มาบริหาร กทม. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า อันนี้จริงๆ เป็นข้อที่เราได้รับฟังมาเหมือนกัน แต่ กทม.มีข้อกฎหมายต่างๆ มีการกระจายอำนาจ ที่เป็นอิสระอยู่แล้ว มีสภา กทม.เป็นกลไกในการตรวจสอบ แต่เราพูดถึงลักษณะการทำงานที่ประสานกันมากกว่า ไม่ใช่เป็นลักษณะของการมาดุลอำนาจอะไรกัน จะสังเกตเห็นว่าเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มา ถ้าในส่วนของพื้นที่ทำงานคนละทางกับรัฐบาล จะเห็นหลายๆ ครั้งที่ประชาชนได้รับฟังคือการพูดกัน ต้องใช้เวลากว่าจะลงตัว
อย่างเรื่องการบริหารจัดการน้ำ หากพื้นที่ปลายน้ำทำงานไม่สัมพันธ์กับพื้นที่ต้นน้ำ กลางน้ำ ก็จะไปไม่ได้ อันนี้เป็นสิ่งที่เราเห็นชัดๆ ถ้ายุทธศาสตร์จังหวัดไปคนละยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยที่จังหวัดเดินในส่วนของจังหวัด แต่การทำงานร่วมกับประเทศ ที่เป็นส่วนกลางอาจจะทำคนละทาง แม้จะเดินไปได้แต่จะเกิดการผนึกกำลังหรือมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในการพัฒนาควบคู่กันอาจจะไม่เต็มที่และกลายเป็นว่างบประมาณจะไม่ตรงกับภาพรวม และเห็นว่าเมืองใหญ่เป็นพื้นที่สำคัญ เป็นต้นทางที่จะเกิดยุทธศาสตร์หรือความเจริญต่างๆ ในการที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประเทศ ถ้าเราทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด คือคำว่าการร่วมกันทำงานอย่างไร้รอยต่อ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะให้กลไกของ กทม.ลดทอนไป ยังคงมีความเป็นอิสระ และมีกลไกในการตรวจสอบเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า สิ่งสำคัญที่ กทม.ต้องการให้แก้ปัญหาการจราจร พรรคเพื่อไทยจะชูประเด็นอะไรตรงนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า มีแน่นอน เพราะปัญหาการจราจรถือเป็นปัญหาหนึ่ง ถ้าเราจะแก้ปัญหาจราจรแต่เฉพาะพื้นที่ กทม. ขณะที่รถไม่ได้มาจาก กทม.อย่างเดียว แต่มาจากปริมณฑลด้วย ทั้ง จ.ปทุมธานี และนนทบุรี ซึ่งตรงนี้ต้องทำงานร่วมกัน ถ้ารัฐบาลทำงานจะมองได้แต่รอบนอก ไม่สามารถที่จะประสานงานในส่วนของ กทม. แต่ถ้าเราคุยพร้อมกัน มองทั้งภาพรวมแล้วตัดสินใจร่วมกัน อันนี้จะทำให้การลื่นไหลของจราจรดีขึ้น อันนี้คือตัวอย่างของแนวทางที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอ คือการทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อ
เมื่อถามอีกว่า นายกฯ กังวลการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงในเรื่องข้อกฎหมายที่หมิ่นเหม่ที่อาจจะถูกฟ้องร้องตามมาในภายหลังหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า เรื่องการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียงจะใช้เวลานอกราชการอยู่แล้ว และเน้นหาเสียงเรื่องนโยบายที่รัฐบาลดำเนินการ ซึ่งระมัดระวังอยู่แล้วเรื่องข้อกฎหมาย แต่ตนคงไม่สามารถลงพื้นที่ได้ทุกวัน เรามีงานต้องทำในส่วนของรัฐบาล ดังนั้นการหาเสียงจะเป็นหน้าที่ของผู้สมัครมากกว่า
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายมีการก่อเหตุอย่างต่อเนื่องว่า สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงเป็นสถานการณ์ที่เราต้อง เข้าไปทำงานในพื้นที่ และมาตรการต่างๆ ที่นำลงไปเน้นมาตรการการพัฒนา แน่นอนต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจอันดีร่วมกันด้วย ไม่ได้หมายความว่าเราจะแก้ปัญหาแล้วจะไม่มีเหตุการณ์ต่างๆ ขณะนี้ ในพื้นที่ได้เริ่มเข้าไปทำงานแล้วในการบูรณาการกำลังพลต่างๆ และจะให้เจ้าหน้าที่นำเรื่องต่างๆ เหล่านี้มาวิเคราะห์ให้ลึกขึ้น และติดตามความคืบหน้า
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีรายงานแจ้งว่ารัฐบาลมีแผนที่จะประชุม ครม.สัญจรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เราต้องเข้าไปทำงาน แต่จะไปจังหวัดไหนอะไรอย่างไร เมื่อไหร่ คงต้องหารือกับฝ่ายความมั่นคงก่อน เมื่อถามว่านโยบายการเมืองนำการทหารในการแก้ไขปัญหายังใช้ได้อยู่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า จริงๆ ขอใช้คำว่าใช้การพัฒนา และใช้ใจในการทำงานร่วมกันดีกว่า
ต่อข้อถามถึงกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ เตรียมเสนอร่าง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ให้กับแนวร่วมที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกสียกเว้นแกนนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สนใจที่จะตอบคำถามดังกล่าว โดยเดินฝ่ากลุ่มผู้สื่อข่าว พร้อมทำหน้างุนงง และส่ายหน้าก่อนตอบเพียงว่า "ไม่รู้เรื่องเลย ยังไม่เคยคุย พ.ร.ก.อะไรเหรอ"