Jump to content


Photo
- - - - -

ช่วยส่งหลักฐานให้หัวล้านโฆษกเขมร เรื่องทักษิณลงทุนน้ำมันในเขมรหน่อยครับ


  • Please log in to reply
31 replies to this topic

#1 Can Thai

Can Thai

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,383 posts

Posted 24 January 2013 - 23:07

หลักฐานมัดทักษิณทำธุรกิจน้ำมันในอ่าวไทยร่วมกับเขมร

พล.อ.เตีย บัน ยอมรับ ทักษิณ สนใจลงทุนธุรกิจพลังงาน

โดย กรุงเทพธุรกิจ วัน พฤหัสบดี ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 00:00 น.

... รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ของกัมพูชา เผย ทักษิณ เคยเสนออยากลงทุนโครงการพัฒนาพลังงาน และรัฐบาลกรุงพนมเปญก็ยินดีเปิดรับ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายเตีย บัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกลาโหมของกัมพูชา เปิดเผยระหว่างร่วมพิธีเปิดถนนหมายเลข 48 ที่จังหวัดเกาะกง ของกัมพูชา ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเสนอที่จะเข้ามาลงทุนโครงการพลังงานในกัมพูชา และรัฐบาลกรุงพนมเปญก็ยินดีเปิดรับการลงทุน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
"คุณทักษิณเป็นนักธุรกิจที่มีศักยภาพ หากเขาเข้ามาลงทุนในกัมพูชาจริง จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไป" รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชากล่าว
อย่างไรก็ตาม นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีเปิดถนนสายที่ 48 ที่ไทยให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่กัมพูชา กล่าวว่า ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สนใจลงทุนในกัมพูชาจริงหรือไม่ และการก่อสร้างถนนสายนี้ ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับแผนการลงทุนของอดีตนายกฯเนื่องจากรัฐบาลไทย ได้ตกลงให้ความช่วยเหลือเงินกู้มานานแล้ว

0000
(ข้อมูลของขบวนการเสรีไทยเว็บบอร์ด

พล.อ.เตีย บัณห์ ระบุว่า “พ.ต.ท.ทักษิณเคยเสนอที่จะเข้ามาลงทุนโครงการพลังงานในกัมพูชา และรัฐบาลกรุงพนมเปญก็ยินดีเปิดรับการลงทุน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักธุรกิจที่มีศักยภาพ หากเขาเข้ามาลงทุนในกัมพูชาจริง จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตต่อไป”
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางถึงการเจรจาเรื่องพลังงานในอ่าวไทยกับประเทศกัมพูชาว่า “ขอดูเรื่องจังหวะก่อน เพราะเราไปครั้งแรก เดี๋ยวจะรายงานให้ทราบอีกครั้ง”

http://www.thaipost....ws/160911/45108

#2 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 24 January 2013 - 23:24

เตือนรัฐบาลรักษาผลประโยชน์ชาติ ขุมทรัพย์พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

 

            ยังเป็นมหากาพย์เรื่องยาวนับ 10 ปีที่ไม่สามารถเขียนบทจบได้ ...กับเรื่องราวการแบ่งขุมสมบัติอันมหาศาลระหว่างไทยกับกัมพูชา ในพื้นที่ไหล่ทวีปทับซ้อนไทย-กัมพูชา บริเวณตอนกลางอ่าวไทยพื้นที่ขนาด 26,000 ตร.กม. ที่ทั้งสองประเทศต่างไม่ยอมเสียเปรียบเพราะต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิในการเป็นเจ้าของ
      
   หลังจากเงียบอยู่นานเรื่องนี้ได้กลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจาก “พิชัย นริพทะพันธุ์” รมว.พลังงาน ได้ขายไอเดียว่าจะนำเงินสำรองระหว่างประเทศ 1.87 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบ่งก้อนใหญ่มาตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ซื้อแหล่งพลังงานต่างประเทศ รวมถึงสินทรัพย์ที่มั่นคง เช่น ทองคำ เงินสกุลหยวน รวมทั้งเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อนำก๊าซขึ้นมาใช้  แม้ว่าในวันนั้นรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายก็ตาม
      
   แต่ในระหว่างบรรทัดของไอเดียของ รมว.พลังงานคนใหม่ ปรากฏข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พี่ชายของนายกรัฐมนตรีหญิงคนปัจจุบัน ได้เดินทางไปกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อพบกับสมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา และ พลเอกเตีย บันห์ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกัมพูชา พร้อมทั้งนำนักธุรกิจ นักลงทุนต่างประเทศ เพื่อประชุมเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานในกัมพูชา
      
   นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังช่วยรัฐบาลไทยเจรจากับกัมพูชา เพื่อร่วมกันพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ไทย-กัมพูชา บริเวณอ่าวไทย ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่มีกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เข้าไปลงทุนร่วมกับกัมพูชาด้วย
      
   ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ’พื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชามีอะไรน่าสนใจ“ ถึงกับคนระดับ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเร่งรีบดำเนินการแบบออกหน้าออกตา หลังจากเรื่องนี้เกือบได้ข้อตกลงในช่วงที่ “พ.ต.ท.ทักษิณ” เป็นนายกฯ แต่ถูกปฏิวัติในปี 49 ซะก่อน
       
   ว่ากันว่าสองฝ่ายเห็นพ้องกัน ในหลักการแบ่งรายได้ ดังนี้ พื้นที่ใกล้ไทยมากที่สุด ไทยได้รับผลประโยชน์  80% กัมพูชา 20%  ส่วนพื้นที่ตรงกลางแบ่ง 50%-50% และพื้นที่ใกล้ฝั่งกัมพูชา ไทยได้ 20% กัมพูชา 80%  ซึ่งในเวลานั้นหากรัฐบาลทักษิณอยู่ต่ออีก 6-7 เดือนคาดว่าจะเจรจาตกลงกันได้แน่นอน
      
   คำตอบง่าย ๆ...คือในพื้นที่ 26,000 ตร.กม.ถือว่าเป็นขุมทรัพย์อันมหาศาลที่นักลงทุนด้านพลังงานระดับขั้นเทพเห็นข้อมูลแล้วเป็นน้ำลายไหลทุกราย เพราะเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีศักยภาพที่ยังประเมินปริมาณไม่ได้ แต่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 5-10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต เรียกว่าสามารถสร้างกำไรแก่ผู้เข้าไปลงทุนเป็นกอบเป็นกำ ขณะที่ประชาชนของทั้งสองประเทศก็สามารถนำก๊าซฯ มาใช้ได้อีก 30-40 ปี
      
   แม้แต่ธนาคารโลกเคยประเมินว่าแหล่งพลังงานในไหล่ทวีปกัมพูชารวมถึงพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชาไว้ว่าน่าจะมีน้ำมัน 2,000 ล้านบาร์เรล และก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต 
      
   ทั้งนี้ รมว.พลังงาน ’พิชัย“ ให้เหตุผลว่า การหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในอนาคตของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จะมีก๊าซให้ใช้อีกไม่ต่ำกว่า 30-40 ปี หากทั้งสองประเทศตกลงกันได้ ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ  เพราะแหล่งนี้มีเนื้อก๊าซที่มีคุณภาพดีกว่าก๊าซในอ่าวไทย เพราะมีสัดส่วนปิโตรเคมีที่สามารถนำขึ้นมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจปิโตรเคมี ที่มีมูลค่ามากกว่าเนื้อก๊าซที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าได้ถึง 9-20 เท่า
      
   ที่สำคัญอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไทย มีความพร้อมด้านเทคโนโลยีและโรงแยกก๊าซ ซึ่งทำให้รายได้ของทั้ง 2 ประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดเรื่องนี้ไม่มีวาระซ่อนเร้นแอบแฝง แต่ถือเป็นประโยชน์ร่วมกัน เพราะเป็นการพัฒนาร่วมกันด้านปิโตรเคมีในพื้นที่ทับซ้อน เหมือนกับโครงการพัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย  (เจดีเอ)    
      
   อย่างไรก็ตามในแง่ของผู้ปฏิบัติงาน อย่าง  “ทรงภพ พลจันทร์”  อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ที่ระบุว่า ขณะนี้กำลังจัดเตรียมข้อมูลเรื่องการพัฒนาพื้นที่ปิโตรเลียมทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา เสนอต่อ รมว.พลังงานคนใหม่เพื่อพัฒนาแหล่งสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยขณะนี้เริ่มมีสัญญาณที่ดีในการเจรจาหลังจากประเทศไทยเลือกตั้งเสร็จและพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง เพราะ “ฮอร์ นัมฮง” รมว.ต่างประเทศกัมพูชา พร้อมในการเจรจา
      
   โดยที่ผ่านมาได้เจรจาเรื่องนี้มาจนใกล้สำเร็จแล้ว ซึ่งแบ่งพื้นที่ทับซ้อน 26,000 ตร.กม. ออกเป็น 3 พื้นที่ แต่ยังไม่ทราบว่าปริมาณสำรองที่แท้จริงมีเท่าใด แม้ทางกัมพูชา จะคาดว่ามีประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตก็ตาม แต่คาดว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพราะใกล้แหล่งเอราวัณของไทย โดยแนวทางการบริหารพื้นที่เพื่อแบ่งผลประโยชน์ระหว่างกันสามารถดำเนินการได้หลายรูป เช่น การแบ่งพื้นที่ฝ่ายละครึ่ง หรือจัดตั้งบริษัทร่วมขึ้นมาบริหารเช่นเดียวกับ พื้นที่ทับซ้อนไทย-มาเลเซีย เป็นต้น
      
   หากการเจรจาประสบความสำเร็จทางกัมพูชาจะได้รายได้ในการพัฒนาประเทศ ขณะที่ไทยมีปริมาณสำรองก๊าซ เพื่อความมั่นคงไปได้อีก 30-50 ปี จากที่ในขณะนี้ปริมาณก๊าซในอ่าวไทย เริ่มหมดลง และไม่มีแหล่งขนาดใหญ่เข้ามา ซึ่งปริมาณสำรองในอ่าวไทยเหลืออยู่แค่ประมาณกว่า 10 ปีเท่านั้น
      
   แต่ในแง่ความมั่นคงแล้ว  “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ผู้บัญชาการทหารบก ก็ออกมาให้ข้อคิดเห็นอย่างน่าสนใจว่า การขุดเจาะก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในพื้นที่ข้อพิพาทนั้น เป็นเรื่องอนาคตและไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นต้องมีการพิสูจน์หรือพูดคุยกันในเรื่องเส้นเขตแดนต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อน ที่สำคัญต้องทำเรื่องนี้ให้สังคมได้รับรู้รับทราบทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใดก็ตาม  ซึ่งต้องให้เวลาในการศึกษารายละเอียดบ้าง เพราะว่าการดำเนินการไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญต้องทำอย่างระมัดระวังและยึดหลักรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
       
   เช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาคัดค้านเรื่องพื้นที่ทับซ้อนตั้งแต่ต้น พร้อมให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้ยังไม่มีการขุดเจาะสำรวจน้ำมันท่าทีของกัมพูชาดีมาก แต่เมื่อมีการสำรวจรู้ถึงปริมาณน้ำมันแบบคร่าว ๆ ปรากฏว่าเพื่อนบ้านก็เปลี่ยนไปทันที โดยกัมพูชาได้อ้างสิทธิในทะเลและขอแบ่งผลประโยชน์น้ำมันในพื้นที่พัฒนาร่วม 90% แบ่งให้ไทยแค่ 10% หากเป็นเช่นนี้ประเทศไทยคงรับไม่ไหวแน่
      
   การหาแหล่งพลังงานเป็นเรื่องสำคัญมากที่รัฐบาลและเอกชนต้องเดินหน้าเพื่อรองรับความต้องการใช้ของคนไทยในอนาคตโดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับเพื่อนบ้าน แต่การเจรจาต้องให้ประเทศไม่เสียหายและไม่ควรประเคนผลประโยชน์ให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง...ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะเกิดความวุ่นวาย.   
   
   มนัส แวววันจิตร    
    


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#3 RaRa

RaRa

    Seien Sie loyal zu Majesty

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,976 posts

Posted 24 January 2013 - 23:25

ส่งไปแล้วมันจะอ่านเหรอครับน้าแคน.....

 

จับไม่ได้มันไม่ยอมรับหรอกครับ............

 

ถึงยอมรับก็คงจะยอมรับแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นครับ..... :lol: :lol:


ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด

...แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี

โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี

...ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย


#4 Jagger

Jagger

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 962 posts

Posted 24 January 2013 - 23:34

นี่ครับหลักฐานเด็ด

 

kaffi78ba8fedbbekkiha.jpg

 

'ฮุนเซน'อัดรบ.'มาร์ค'สัมพันธ์แย่ นปช. เผย 'ฮุนเซน' ยก 'เพื่อไทย' จริงใจ ชี้ ความสัมพันธ์กับรัฐบาลที่แล้ว ย่ำแย่สุด ๆ ยัน 'สุเทพ-ประวิตร' แอบหารือ พื้นที่ทับซ้อน 'ทักษิณ' เชื่อ 'ยิ่งลักษณ์' มีความสามารถ มั่นใจดีขึ้นโดยเร็ว

          แหล่งข่าวจากกลุ่มนปช. เปิดเผยถึงการเดินทางไปประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ได้พบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่ง สมเด็จฮุนเซน ได้ พูดคุยกับกลุ่มแกนนำที่เดินทางไป โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยมีความจริงใจกับประเทศเพื่อนบ้าน และเชื่อว่า การกลับมาเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย สถานการณ์ไทย-กัมพูชา จะกลับมาเหมือนเดิม

 

          ท้ังนี้ สมเด็จฮูนเซน ระบุว่า รัฐบาลชุดที่แล้ว ที่มีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ถือว่า ความสัมพันธ์ย่ำแย่สุด ๆ คนกัมพูชาเองก็รู้สึกแย่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยกลับมา ทุกอย่างน่าจะกลับมาดีขึ้น และเหมือนเดิม นอกจากกัมพูชาแล้ว ยังเชื่อว่า ลาว พม่า เวียดนาม ความสัมพันธ์ก็จะกลับมาเหมือนเดิมในไม่ช้า

 

          สมเด็จฮุนเซน ยัง เปิดเผยด้วยว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ในขณะนั้น) ได้เดินทางมาพบที่บ้าน โดยไม่ได้นัดหมายอย่างเป็นทางการ ซึ่งตอนแรกก็คุยเรื่องทั่วไป ไม่นาน นายสุเทพ ก็ได้นำแผนที่ ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมากาง และขอคุยเรื่องพื้นที่ทับซ้อน โดยบอกว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ให้มาคุย และต้องการให้เรื่องนี้จบในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ แต่สมเด็จฮุนเซนปฎิเสธที่จะคุย จึงให้คุยกับนายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา

 

          ส่วนสาเหตุที่สมเด็จฮุนเซน ไม่ คุย เพราะมองว่า การคุยเป็นแบบนี้เป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล และท่านเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องระดับประเทศ ต้องคุยกับนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เพราะการเจรจาเรื่องดังกล่าว สมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นการหารืออย่างเป็นทางการ และมีการบันทึกทุกอย่างไว้ชัดเจน ไม่ทำเหมือนมีลับลมคมใน

 

http://www.komchadlu...ml#.UQFhWuiOXIs


I've got the moves like Jagger~~~

#5 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 24 January 2013 - 23:34

 ผลการศึกษาขององค์การสิทธิมนุษยชนได้พบว่า พรรค CPP ได้แผ่กิ่งก้านสาขาเข้าครอบงำธุรกิจและบริการต่างๆ ของประเทศ ผ่านทางบริษัทตัวแทนและกลุ่มบุคคลผู้ใกล้ชิด
       
       คนในรัฐบาลมีผลประโยชน์ในธุรกิจน้ำมันผ่านทางบริษัท โสคิเมกซ์ (Sokimex) ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของประเทศ และผ่านกลุ่มโรงแรมสุขา (Sokha Hotel Group) ในธุรกิจการท่องเที่ยว
       
       บริษัทหลังนี้เป็นผู้ได้รับสัมปทานดูแลผลประโยชน์การท่องเที่ยวเขตปราสาทนครวัด ซึ่งว่ากันว่าในแต่ละปีมีรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมกว่า 100 ล้านดอลลาร์ แต่ในช่วงปีใกล้ๆ นี้มีการส่งเข้ารัฐปีละประมาณ 30 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
       
       ไกลออกไปในอ่าวไทย จนถึงบัดนี้ชาวกัมพูชาโดยทั่วไปแม้กระทั่งนักการเมืองฝ่ายค้านเองมีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับการพบก๊าซและน้ำมันของกลุ่มเชฟรอน
       
       หลังจากออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการค้นพบในต้นปี 2548 ตลอด 3 ปีต่อมาเชฟรอนยังไม่เคยเปิดเผยตัวเลขข้อมูลอะไรอีก ขณะที่เจ้าหน้าที่ขององค์การปิโตรเลียมแห่งชาติกัมพูชากล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทต่างชาติราว 13 แห่งกำลังสำรวจหาก๊าซและน้ำมันในประเทศ
       
       รัฐบาลกัมพูชาไม่ได้นำโครงการสัมปทานเหล่านี้เข้าขออนุมัติจากรัฐสภา และยังไม่เคยมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสัญญาหรือข้อตกลงที่ทำกับบริษัทต่างชาติ
       
       ตามรายงานของสื่อในประเทศนี้ บริษัทน้ำมันรายล่าสุดที่จะเซ็นความตกลงกับกัมพูชาในเร็วๆ นี้ เพื่อเข้าสำรวจหาก๊าซและน้ำมันดิบในแหล่งบนบกรอบๆ ทะเลสาบใหญ่ (Tonle Sap) เป็นกลุ่มโทเทิ่ลออยล์ (TOTAL Oil) ฝรั่งเศสกับ CNOOC ยักษ์ใหญ่น้ำมันของรัฐบาลจีน
    blank.gif        แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด
       
       หลายฝ่ายได้พุ่งความสนใจไปที่ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยที่ประกาศจะเข้าไปลงทุนพัฒนาเกาะกงที่อยู่ติดกับเขตน่านน้ำและแดนดิน จ.ตราดของไทย ให้เป็นแหล่งบันเทิงและศูนย์กลางการเงินชั้นระดับภูมิภาค
       
       ปัจจุบันรัฐบาลกัมพูชาให้บริษัทต่างชาติเช่าเกาะหลายแห่งในอ่าวไทยได้ยาวนานถึง 99 ปีในรูปแบบการสัมปทาน
       
       สมเด็จฯ ฮุนเซนได้เคยกล่าวถึงความเป็นเพื่อนเก่าแก่ และการติดต่อไถ่ถามทุกข์สุขกันทางโทรศัพท์อยู่เป็นระยะๆ หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรัฐประหารโค่นลงจากอำนาจในเดือน ก.ย.2549
       
       ก่อนจะมีการเลือกตั้งในประเทศไทยเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว เคยมีข่าวเล่าลือถึงขนาดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ แอบเข้าไปตีกอล์ฟกับสมเด็จฯ ฮุนเซนในกรุงพนมเปญมาแล้ว
       
       ในที่สุดเดือน เม.ย.ปีนี้ ความสัมพันธ์เก่าๆ ก็เริ่มปะติดปะต่อเป็นภาพที่ชัดเจนแสดงให้เห็นความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างบุคคลที่เคยเป็นผู้นำของประเทศเพื่อนบ้าน กับอีกคนหนึ่งที่มีอำนาจมากที่สุดในกัมพูชาปัจจุบัน
       
       ภาพยังแสดงให้เห็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทุนกับอำนาจท่ามกลางความระแวงสงสัยของชาวไทยจำนวนไม่น้อย หลังจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมสนับสนุนให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
       
       พล.อ.เตีย บัญ (Tea Banh) รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชาได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในประเทศไทยฉบับหนึ่งในช่วงเดียวกันยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีความสนใจที่จะเข้าลงทุนพัฒนาแหล่งพลังงานในอ่าวไทยด้วย
    blank.gif        ก่อนหน้านั้น 1 เดือน หลังพิธีเปิดใช้ทางหลวงเลข 48 ของกัมพูชา พล.อ.เตีย บัญ ได้เป็นผู้ที่ออกยืนยันข่าวที่ว่า อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยมีความสนใจจะเข้าลงทุนพัฒนาเกาะกง
       
       ถนนสายดังกล่าวความยาวกว่า 100 กม.เชื่อม จ.ตราด ของไทยเข้ากับ จ.เกาะกง-สีหนุวิลล์และกรุงพนมเปญ สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเป็นเงินให้เปล่าและเงินกู้กว่า 1,000 ล้านบาท งบประมาณอนุมัติในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ
       
       ไม่ว่านายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยจะพูดอย่างไรก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถลบล้างการกล่าวหาที่ว่า “รีบร้อน” และ “ลุกลี้ลุกลน” จนเกินเหตุลงได้ ในความพยายามช่วยให้กัมพูชาจดทะเบียนปราสาทเก่าแก่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
       
       นายนพดลนั้นเป็นปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอด ก็ยิ่งทำให้สาธารณชนเกิดความสงสัยว่าอาจจะมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ในกรณีปราสาทพระวิหารกับขุมพลังงานในเขมร
       
       ในช่วงเดียวกันนี้สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้แสดงผลการศึกษาชี้ให้เห็นความพยายามเปลี่ยนแปลงเส้นเขตแดนน่านน้ำอ่าวไทย เพื่อให้พื้นที่ส่วนหนึ่งตกเข้าไปอยู่ในเขตของกัมพูชา
       
       ดินแดนส่วนนั้นเชื่อว่าจะมีก๊าซและน้ำมันดิบมากที่สุดในอ่าว
       
       แต่นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นอีกแล้ว เพียงแต่ช่วยสนับสนุนให้พรรค CPP ชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นและกุมเสียงข้างมากอย่างเด็ดเท่านั้นก็มากจนเกินพอสำหรับการเข้าควบคุมขุมบ่อก๊าซและน้ำมันดิบจากอีกฟากหนึ่ง
       
       ภาพจากสนามอังกอร์กอล์ฟ รีสอร์ต (Angkor Golf Resort) แห่งเสียมราฐ ได้ฉายให้เห็นความมุ่งมาดปรารถนาร่วมกันในอนาคตกับชัยชนะของรัฐบาลฮุนเซนในการเลือกตั้งเดือนนี้.
       

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#6 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 24 January 2013 - 23:44

เมื่อวานนี้ 13 ก.ค.54 สำนักข่าวพนมเปญโพสต์ ได้ตีข่าว ข้อตกลงการแบ่งสรรน้ำมันของ “ทักษิณ” ถูกขัดจังหวะ

 

 ในเนื้อข่าวได้บรรยายถึงเหตุการณ์เมื่อ 15 พฤษภาคม 2550 ในการพบปะของคณะทำงานให้คำปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทางฝั่งสหรัฐฯ และอาเซียน และเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยตัวแทนฝั่งคณะตัวแทนทางพลังงานของสหรัฐฯ จาก บริษัทโคนอโค ฟิลลิปส์ ได้แสดงท่าทีกระตุ้นรัฐบาลไทยและกัมพูชา หาทางออกร่วมกันในส่วนการแบ่งสรรประโยชน์ในพื้นที่อ่าวไทย เพราะอย่างที่ทราบว่าทางเขมร ได้กระ***นกระหือรือให้จัดสรรประโยชน์ในพื้นที่ในอ่าวไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งในปัจจุบันเขมรได้ให้บริษัทเอกชน มาขุดเจาะก๊าซ และน้ำมันในประเทศอยู่ก่อนแล้ว

 

  ในเนื้อข่าวยังได้ระบุถึง ผู้ช่วยรัฐมนตรีของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา นาย Kao Kim Hourn ยังได้ชึ้แจงรายละเอียดกับบริษัทขุดเจาะน้ำมันว่า ทางรัฐบาลไทยและกัมพูชา กำลังได้สรุปข้อตกลงในเรื่องดังกล่าว แต่ยังติดที่ผลประโยชน์ดังนี้

 

 นาย Kao Kim Hourn กล่าวว่ามีสูตรในการเจรจาในการแบ่งรายได้สัดส่วนเป็นไป 3 ข้อดังนี้

 

 1. 80% เป็นของไทย และ 20 % เป็นของเขมร ในส่วนพื้นที่ทีใกล้กับฝั่งไทย

 

 2. แบ่งกันในอัตรา 50:50 ในส่วนพื้นที่ตรงกลาง

 

 3. 80% เป็นของเขมร และ 20 % เป็นของไทย ในส่วนพื้นที่ที่ใกล้กับเขมร

 

  ทั้งนี้  นาย Kao Kim Hourn ยังระบุอีกด้วยว่า เขาคิดว่าภายใน 6 เดือน ผลการเจรจาน่าจะออกมาอย่างเป็นรูปธรรม

 

   เนื้อข่าว ยังระบุอีกว่า ทางบริษัทเชฟรอน หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งได้สัมปทานขุดเจาะก็าซ และน้ำมันในส่วน บล็อก A ก็ได้ให้ความสนใจในพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย พร้อมกับกล่าวว่า ในพื้นที่อ่าวไทย คือ พื้นที่ที่ถือว่าเป็นพื้นที่ดีที่สุดในการแสวงหาก็าซธรรมชาติในโลกก็ว่าได้
 
 บริษัทเชฟรอน ยังระบุเพิ่มเติมว่า ลำพัง บล็อก A ที่ได้สัมปทานอยู่คงไม่เพียงพอที่จะสร้างกำไรอย่างมหาศาล

 

  รายงาน ระบุต่อว่า พอหลังจากที่ “ทักษิณ” ถูกยึดอำนาจ การพัฒนาต่อการสานต่อข้อตกลงเป็นไปอย่างช้ามาก จะมีเพียงแตการที่ “กัมพูชา” ได้ตั้งให้ “ทักษิณ” เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ แต่ข้อตกลงก็มีปัญหาต่อมา เนื่องจากรัฐสภาไทย ได้ดำเนินการยกเลิก MOU 2544  

 

  ข่าวยังระบุในตอนท้ายว่า การขึ้นมาของ “ยิ่งลักษณ์” อาจทำให้การเดินหน้าเพื่อสานประโยชน์ของ 2 ผู้นำอย่าง “ฮุนเซน” และ “ทักษิณ” อาจพัฒนาต่อก็เป็นได้


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#7 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 24 January 2013 - 23:48

จับตา'ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ'เยือนกัมพูชา ฟื้นเอ็มโอยู44แบ่งเค้กพลังงานในทะเล!? : ทีมข่าวความมั่นคงรายงาน

             กำหนดเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 5 กันยายน ถูกกลบโดยสิ้นเชิงกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนกัมพูชาในวันที่ 16 กันยายน หลังการเยือนของ "น้องสาว" เพียง 1 วัน

ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ และเว็บไซต์สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา รายงานโดยอ้างอิงคำกล่าวของสมเด็จฮุน เซน ระหว่างพิธีมอบปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการจัดการตอนหนึ่งว่า

             “พ.ต.ท.ทักษิณ มาตามคำเชิญในการสัมมนาที่เตรียมการโดยราชบัณฑิตยสภากัมพูชาที่มีพรรคประชาธิปไตยนิยมกลางสากลเข้าร่วมด้วย หรือกล่าวคือเขามาเป็นวิทยากรที่กัมพูชา

            ผมจะเปิดสำนักนายกรัฐมนตรีต้อนรับพ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเป็นทางการ รับในนามมิตรแท้คนหนึ่ง แล้วขออย่ามาสั่งให้ผมจับ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าพรรคฝ่ายค้านไทย ไม่ว่ารัฐบาลไทย คือไม่ได้เลย เพราะนี่เป็นดินแดนกัมพูชาที่เป็นสิทธิของผม”

            ประเด็นที่ควรขบคิดต่อก็คือ นอกจากความสัมพันธ์พิเศษส่วนตัวแล้ว ยังมีแรงจูงใจอื่นอีกหรือไม่ที่ผู้นำกัมพูชาต้องเอาอกเอาใจอดีตผู้นำของไทยถึงเพียงนี้

            หากเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และบุคคลระดับสูงในรัฐบาล รวมทั้ง สมเด็จ ฮุน เซน จะพบความสอดคล้องต้องกันประการหนึ่งก็คือ การกล่าวถึง "แหล่งพลังงาน" ใน "พื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา" ที่คาดกันว่าจะเป็นขุมทรัพย์พลังงานแห่งใหม่ของโลก

            นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ระบุตั้งแต่วันที่รับตำแหน่งใหม่ๆ ว่า นโยบายระยะสั้นที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อร่วมกันพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา บริเวณอ่าวไทย

            "ผมให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก และคิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นวาระแห่งชาติ" รมว.พลังงาน กล่าวย้ำ

            นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ตอบกระทู้ถามสดของ ส.ว.เรื่องพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 12 กันยายน ตอนหนึ่งว่า

            "รัฐบาลชุดนี้จะทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับเอ็มโอยู 2544 นอกจากนี้ กระทรวงต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ศึกษาข้อดีข้อเสียและขั้นตอนแนวทางการเจรจาเอาไว้แล้ว"

            ขณะที่รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยก่อนหน้านี้เผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางถึงกัมพูชาในวันที่ 16 กันยายน โดยมี นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมเดินทางไปด้วย

            รายงานข่าวดังกล่าวระบุว่า ทั้งสองมีกำหนดการพูดให้ข้าราชการกัมพูชาฟังในเรื่องปราสาทพระวิหาร พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และการหารือกันนอกรอบเรื่องการช่วยเหลือ 2 คนไทยที่ถูกจำคุกข้อหาจารกรรมข้อมูลทางทหารด้วย

            ด้านเว็บไซต์ฟิฟทีนมูฟ อ้างอิงคำกล่าวของสมเด็จฮุน เซน ซึ่งให้สัมภาษณ์ที่สนามบินกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ว่า

            "กัมพูชาจะไม่ปล่อยทองคำสีดำไว้ใต้ท้องทะเล มันจะต้องถูกนำมาพัฒนาประเทศ ทั้งไทยและกัมพูชา ต่างก็มีความต้องการน้ำมัน นอกจากนี้ กัมพูชาอยู่ระหว่างการศึกษาและร่างกฎหมายการจัดการปิโตรเลียม แต่ยังไม่มีกำหนดแล้วเสร็จ"

            ต่อมาหนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ รายงานเมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงคำกล่าวของสมเด็จฮุน เซน ที่กล่าวชี้แจงถึงกรณีบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (เอ็มโอยู) ไทย-กัมพูชา ปี 2544 ตอนหนึ่งว่า

            "ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปิดการเจรจาอย่างเปิดเผย โดยมีคณะกรรมการร่วม 2 คณะ คือ คณะหนึ่งสำหรับกำหนดเขตแดน และอีกคณะเกี่ยวกับพื้นที่พัฒนาร่วม การเจรจาจนมาถึงเวลานี้ ไม่ว่ากับรัฐบาลไหนก็ตาม ยังไม่มีความเห็นชอบอะไรทั้งสิ้น

            ในนั้นมีการแบ่งสัดส่วนออกเป็น 3 โซน ตรงกลางแบ่ง 50 เปอร์เซ็นต์ พื้นที่ที่อยู่ใกล้ไทยกว่า ตอนแรกแบ่ง 10-90 ต่อมาเอา 20-80 ส่วนพื้นที่ข้างกัมพูชา 80-20 ส่วนกัมพูชาเสนอกลับไปว่าให้แบ่งเป็นบล็อกๆ แล้วจับสลากเลือก"

            คำชี้แจงของนายกฯ กัมพูชาสอดคล้องกับข้อมูลของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ที่นำข้อมูลจากเว็บไซต์จอมแฉ "วิกิลีกส์" เปิดเผย "เอกสารลับทางการทูต" ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2550

            เอกสารลับฉบับดังกล่าวรายงานรายละเอียดการไปเยือนกรุงพนมเปญของสภาธุรกิจสหรัฐ-อาเซียน และร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชา โดยมีประเด็นสำคัญว่า

            ผู้แทนบริษัท โคโนโคฟิลิปส์ ยักษ์ใหญ่พลังงานสหรัฐ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา หาทางคลี่คลายข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย โดยระบุว่า บริษัทรอสัญญาสัมปทานการสำรวจพื้นที่ดังกล่าวมาเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว

            ทั้งนี้ ในระหว่างการประชุมครั้งนั้น นายเกา คิม ฮอร์น เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ได้แจ้งต่อบริษัทค้าน้ำมันของสหรัฐว่า รัฐบาลไทยกับกัมพูชาเกือบได้ข้อยุติในเรื่องนี้ไม่นานนักก่อนรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะถูกยึดอำนาจ

             นายเการะบุว่า ทั้งสองเห็นพ้องกันในหลักการแบ่งรายได้ ดังนี้ พื้นที่ใกล้ไทยมากที่สุด ไทยได้ 80% กัมพูชา 20% พื้นที่ตรงกลางแบ่ง 50-50 และพื้นที่ใกล้ชายฝั่งกัมพูชา ไทยได้  20 กัมพูชา 80 ซึ่งเชื่อว่า หากมีการเจรจาเพิ่มเติมอีก 6 เดือนน่าจะตกลงในประเด็นนี้ได้

             นอกจากนี้ วิกิลีกส์ยังแฉเอกสารลับอีกฉบับ ซึ่งให้รายละเอียดการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา กับ นายแกรี ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของ "เชฟรอน" เมื่อปี 2550

            เอกสารดังกล่าวระบุว่า เชฟรอนได้ขุดเจาะและสำรวจบ่อน้ำมันส่วนที่เรียกว่า "บล็อก เอ" นอกชายฝั่งกัมพูชา มีความสนใจอย่างมากในการได้รับสิทธิในการสำรวจบ่อน้ำมันใน "พื้นที่ทับซ้อน" ไทย-กัมพูชา

            ผู้บริหารเชฟรอนย้ำว่า พื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการสำรวจ และอาจเปลี่ยนแปลงกัมพูชาแบบพลิกโฉม

            สอดคล้องกับการประเมินโดยธนาคารโลกที่คาดว่า แหล่งพลังงานในกัมพูชาน่าจะมีน้ำมันถึง 2,000 ล้านบาร์เรลและก๊าซธรรมชาติอีก 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต โดยจะสร้างรายได้ให้กัมพูชาไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี (เทียบกับราคาน้ำมันดิบบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์สหรัฐ)

            โดยพื้นที่ที่น่าจะมีก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันมากที่สุด ก็คือ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับไทย ห่างชายฝั่งกัมพูชา 250 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,551 ตารางกิโลเมตร คาดว่ามีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอยู่หลายร้อยล้านบาร์เรล

            จาก "สัญญาณ" ที่ตรงกันของทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา จึงต้องจับตาดูต่อไปว่า หลังการเยือนกัมพูชาเที่ยวนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะนำไปสู่การรื้อฟื้น "เอ็มโอยูปี 2544" ในรูปแบบใด และจะนำไปสู่การแบ่งสรรผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอย่างไรบ้าง


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#8 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 24 January 2013 - 23:53

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ รายงานเมื่อวันพุธที่ 13 ก.ค.ว่า เอกสารลับทางการทูตของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เว็บไซต์จอมแฉ " วิกิลีคส์ " นำมาเผยแพร่ ลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2550 ได้กล่าวถึงรายละเอียดการไปเยือนกรุงพนมเปญของสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน และร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงกัมพูชาว่า ผู้แทนบริษัท โคโนโคฟิลิปส์ ยักษ์ใหญ่พลังงานสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชา หาทางคลี่คลายข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย โดยระบุว่าบริษัทฯ ถือสัญญาสำรวจพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลาเกือบสิบปี
       
       ในระหว่างการประชุมครั้งนั้น นายเกา คิม ฮอร์น เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ได้แจ้งต่อบริษัทฯว่า รัฐบาลไทยกับกัมพูชาเกือบได้ข้อยุติในเรื่องนี้ ไม่นานนักก่อนรัฐบาลของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร จะถูกก่อรัฐประหารยึดอำนาจ
       
       นายเกา กล่าวว่า ทั้งสองเห็นพ้องกัน ในหลักการแบ่งรายได้ในพื้นที่ใกล้ไทยมากที่สุด สัดส่วนไทย 80% กัมพูชา 20 % ส่วนพื้นที่ตรงกลางแบ่ง 50-50 และสัดส่วนไทย 20 กัมพูชา 80 สำหรับพื้นที่ใกล้ฝั่งกัมพูชา ในเวลานั้น นายเกาคิดว่า การเจรจาเพิ่มเติมอีก 6 เดือนน่าจะตกลงในประเด็นนี้ได้
       
       ความสำคัญของเขตแดนซับซ้อนทางทะเลต่ออนาคตของภูมิภาค ถูกตอกย้ำในเอกสารที่รั่วอีกฉบับ ซึ่งให้รายละเอียดการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกัมพูชา กับนายแกรี ฟลาเฮอร์ตี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของเชฟรอน ในปี 2550 เช่นกัน
       
       เอกสารระบุว่า เชฟรอน บริษัทที่ขุดเจาะและสำรวจบ่อน้ำมันส่วนที่เรียกว่า " บล็อค เอ " นอกชายฝั่งของกัมพูชา มีความสนใจอย่างมากในการได้รับสิทธิในการสำรวจบ่อน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนเช่นกัน โดยนายฟลาเฮอร์ตี้ กล่าวว่า พื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยนั้น เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการสำรวจ และอาจเปลี่ยนแปลงกัมพูชาแบบพลิกโฉม ส่วนบล็อค เอ นั้น ไม่มีความสำคัญพอที่จะสำรวจและทำกำไรได้โดยลำพัง
       
       หลังพันตำรวจโททักษิณถูกโค่นอำนาจ กรณีพิพาทน่านน้ำทับซ้อนแทบไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับการตั้งพันตำรวจโททักษิณ เป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของกัมพูชาเมื่อปี 2552 ยิ่งสร้างปัญหามากขึ้น เมื่อคณะรัฐมนตรีไทยได้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับหนึ่งที่ลงนามในปี 2544 โดยอ้างว่าบทบาทใหม่ของอดีตนายกฯทักษิณ ทำให้สถานะการเจรจาของไทยเสียเปรียบ
       
       เอกสารสถานทูตอีกฉบับในธันวาคม 2552 ยังกล่าวอย่างชัดเจนในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพันตำรวจโททักษิณกับกัมพูชาระบุว่า "การไปเยือนพนมเปญของทักษิณฯ ถูกนักสังเกตการณ์ส่วนใหญ่มองว่า เป็นความต่อเนื่องของพ.ต.ท.ทักษิณและสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในการใช้และกันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว”
       
 


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#9 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 24 January 2013 - 23:58

Thaksin oil deal interrupted
 
Hun+Sen+and+Thaksin+Dec+09+02+%2528Reute Hun Sen embraces Thaksin Shinawatra during a meeting in Phnom Penh in December 2009. (Photo by: Reuters)
Wednesday, 13 July 2011
Post Staff
The Phnom Penh Post
The leaked documents also shed light on the relationship between the ousted Thai prime minister – whose sister won a national election in Thailand this month – and Cambodia. In a cable in December 2009, a visit to Phnom Penh by Thaksin was seen by most observers as “a continuation of Hun Sen and Thaksin using each other for personal gain”.
CAMBODIA and Thailand were nearing a resolution over the disputed oil blocks in the Gulf of Thailand just as Thaksin Shinawatra was ousted from office in 2006, a US embassy cable revealed yesterday.
 
The cable, dated May 15, 2007, details the visit of the US-ASEAN Business Council to Phnom Penh. During meetings with high-ranking officials, the cable states that representatives from US energy giant ConocoPhillips urged the government “to resolve the dispute with Thailand over the Overlapping Claims Area in the Gulf of Thailand. Noting that their firm has held a contract for exploitation of the area for nearly ten years”.
 
During the meeting, however, Secretary of State at the Ministry of Foreign Affairs Kao Kim Hourn told the company that “the two governments had come very close to settling the dispute just prior to the fall of the Thaksin government in Thailand,” the leak stated.
 
“He said they had agreed on a formula for dividing the revenue: 80% for Thailand and 20% for Cambodia in the tier nearest Thailand, 50%-50% in the middle and 20% for Thailand and 80% for Cambodia in the area closest to Cambodia,” it added.

 
“He thought that an additional six months of negotiations would have settled the matter,” the document said.
 
The importance of the overlapping claims area for the future of the region was underlined in another leak released yesterday detailing a 2007 meeting with Chevron’s General Manager for Exploration Gary Flaherty.
 
The cable said that Chevron, the developer of Cambodia’s off-shore block A, was most interested in gaining rights to a block in the overlapping claims area with Flaherty saying that the OCA was “one of the best areas for exploration in the world” and it could “revolutionise Cambodia”.
 
Block A, however, was “not significant enough to make exploitation of that block alone profitable”.
 
Following Thaksin’s removal, the issue of overlapping claims has made little progress and Thaksin’s 2009 appointment as economic advisor to Cambodia caused further problems when the Thai cabinet moved to cancel a memorandum of understanding agreed with Cambodia in 2001, claiming that new role undermined Bangkok’s negotiating position.
 
The leaked documents also shed light on the relationship between the ousted Thai prime minister – whose sister won a national election in Thailand this month – and Cambodia. In a cable in December 2009, a visit to Phnom Penh by Thaksin was seen by most observers as “a continuation of Hun Sen and Thaksin using each other for personal gain”.
 
Men Den, deputy director of Cambodian National Petroleum Authority, said yesterday that: “I did not know about the agreement for dividing revenue of oil between Cambodia and Thailand and it is beyond my responsibility.”
 
Keo Kim Hourn said that “he didn’t remember”.
 
Chevron declined to comment last night.
 

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#10 Can Thai

Can Thai

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,383 posts

Posted 25 January 2013 - 00:04

สายล่อฟ้ารับคำท้าโฆษกเขมร งัดข่าวกรุงเทพธุรกิจ พิชิตทักษิณ-เตียบันทำธุรกิจน้ำมัน
http://www.oknation....3/01/24/entry-3

#11 Jigsaw

Jigsaw

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 95 posts

Posted 25 January 2013 - 01:51

ฮุนเซนช่วยพี่หนูตั้งเท่าไหร่  แค่ที่ไม่กี่ไร่ยกให้ก็ได้



#12 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 13:00

PM'S FUGITIVE BROTHER
Oil deal: Thaksin to visit Cambodia
By THE NATION

Former prime minister Thaksin Shinawatra will visit Cambodia late this week to meet with leaders and investors in Phnom Penh, notably on an oil-and-gas concession in the Gulf of Thailand where claims overlap, a Pheu Thai Party source said yesterday.

Thaksin, who is expected to be in the country for two days from August 19 on Friday and Saturday, will take some foreign investors to meet and play golf with Cambodian Prime Minister Hun Sen and Defence Minister Tea Banh to make the business deal, the source said.
Many Pheu Thai MPs are preparing to greet Thaksin while he is in Cambodia, the source said.

Thaksin will help negotiate with Cambodia on a plan for joint development of a petroleum venture in the Gulf of Thailand where both countries claim the rights. He wants state-run PTT to have a stake in the oil-and-gas concession or enter a joint venture with Cambodia, the source said.

Thaksin has asked Energy Minister Pichai Naripthaphan to cooperate with Cambodia on the energy deal, the source said.

Thaksin is always welcome in Cambodia, as he has personal connections with Hun Sen. He was an adviser to the prime minister and the Cambodian government but stepped down after the position provoked serious conflict with Thailand.

However, the maritime deal between Thailand and Cambodia is in limbo, as the former government under Abhisit Vejjajiva scrapped a 2001 memorandum of understanding signed with the neighbouring country. It remains unclear whether the pact has been terminated.

Thaksin began making high-profile visits to foreign countries shortly after his younger sister Yingluck Shinawatra took office as prime minister.

He is scheduled to visit Japan late this month under a plan facilitated by Foreign Minister Surapong Towichukchaikul. The private visit needed involvement from the Thai government as Japanese immigration law prohibited any foreigner sentenced to more than one year's imprisonment from entering the country. After the Thai government request, the Japanese Justice Ministry issued Thaksin a special entry visa, according to a Japanese official.

Yingluck said her government did not make the request to Japan but Surapong simply told Tokyo the current Thai government had no policy to block Thaksin's movements abroad.

"It's under consideration by the Japanese government; nobody could order [another] foreign government," she said.

Asked why the government had not asked for Thaksin's extradition from Japan, Yingluck said her government had no special policy concerning the former prime minister.

nationlogo.jpg
 


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#13 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 13:01

Will Thaksin gain from state visit by Museveni?
Avudh Panananda
The Nation November 20, 2012 1:00 am
30194631-01_big.jpg

File photo : Yingluck poses for photos with Ugandan President Yoweri Museveni and his wife

arrow-prev.png arrow-next.png
In contrast to this week's fanfare for Barack Obama of the United States and Wen Jiabao of China, the visit by Ugandan President Yoweri Museveni to Thailand went almost unnoticed last week.

It comes as no surprise that Thailand is courting the world powers. But the country's stand toward sub-Saharan Africa has raised some serious questions.

Diplomatic ties were established with Kampala in 1985, but Uganda suddenly became a visible and important friend of Thailand after former prime minister Thaksin Shinawatra won and operated a five-year lotto concession in 2010.

Thaksin has an honourary job title with Global PS Lotto, a Dubai-based company with stakes held by Thai investors.

However, after a subsequent business feud between Thaksin and tycoon Pairoj Piempongsant, it remains unclear if Thaksin still has a say in the lotto business and other investments in Africa.

Before and after the collapse of his business partnership with Pairoj, Thaksin had become a fast friend of Museveni.

The recent discovery of one of the largest oil reserves in Africa has fuelled Museveni's hope of leading his nation out of poverty.

But the unexplored oil fields are located in environmentally fragile areas. Rampant corruption is another factor stalling exploration and production of oil in Uganda, which was initially scheduled to start this year.

As if on cue, Thaksin intervened to help a "friend" in need. He alerted the Thai energy industry about investment opportunities in Kampala. Thai diplomats, speaking on the condition of anonymity, said the instruction came from "above" to hastily arrange an official visit for Museveni.

Thailand is neither the first nor the last country to wine and dine a foreign leader in order to strike a deal for black gold.

Under accepted diplomatic protocols, a leader pays a working visit in order to drum up support of one kind or another. In this case Museveni has made it clear he wants to seek new partners, preferably from Thailand, for oil exploration deals.

At Thaksin's whim, the government went overboard by extending an invitation for an official visit by Museveni, though there were virtually no state-to-state affairs to discuss.

The Ugandan Presidential Office even undertook a further step to brand Museveni's trip as a state visit. The African leader chose to travel abroad at the time when his country was under fire for human rights violations.

Unanswered questions and curious circumstances fuel doubts on whether the country or Thaksin will benefit from the welcome for Museveni.

First, the government billed the visit of the Ugandan president as official, but failed to arrange for a courtesy call to HM the King as head of state, or a designated royal representative.

Second, the Thai business community, particularly Thai Oil, paid due attention to Museveni but has no long-term plans to venture into Uganda.

Third, Thailand curiously opted to upgrade ties with Uganda despite an international outcry over human rights violations in the country. Museveni's has cracked down on opposition groups, whose plight has been likened to the Thai red shirts.

With the Pheu Thai government trying to seek "justice" for the red shirts, it has surprisingly turned blind to the bloodshed Museveni inflicted on his opponents.

Last month the United Kingdom suspended aid to Uganda in the face of rampant corruption. The United Nations Universal Periodic Review was critical of Uganda's compliance on human rights and gave two years for the situation to be rectified.

 


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#14 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 13:05

Thaksin seeks partnership in Myanmar

Kenji Kato / Yomiuri Shimbun Staff Writer

DY20120617102543460L0.jpg
Former Thai Prime Minister Thaksin Shinawatra speaks in Tokyo on Friday.

Visiting former Thai Prime Minister Thaksin Shinawatra stressed the necessity of a partnership between Japan and Thailand on the development of a special economic zone in Myanmar, an impoverished Southeast Asian country now on the road to democracy.

Thaksin said during an exclusive interview with The Yomiuri Shimbun on Friday that Myanmar, Thailand's neighbor, has granted Thai companies concessions to develop a special economic zone in Dawei in the southern part of the country.

Economic development of Dawei will be "an important strategy for both Japan and Thailand," Thaksin said.

For instance, if a pipeline connects Dawei with an industrial port area in central Thailand, transportation costs of natural gas and Middle East crude oil could be drastically reduced, according to Thaksin.

Thaksin arrived in Japan on Friday and attended an inauguration ceremony for the Japan-Thailand Economic Partnership Promotion Organization in Tokyo. During his nine-day visit to Japan, he hopes to strengthen ties with the nation's political and business sectors.

Also, he apparently aims to add some momentum to the development of agricultural regions in Thailand, which form his support base, by boosting Thai and Southeast Asian economies through Japanese investment.

Though he became Thai prime minister in 2001, Thaksin was ousted from power in a 2006 military coup. In 2008, he was given a two-year prison term without a stay of execution for corruption. To avoid prison, Thaksin has been forced to live in de facto exile mainly in Dubai in the United Arab Emirates.

However, the Pheu Thai (For Thais) Party, which is virtually controlled by Thaksin, won the general election in July last year and his sister Yingluck Shinawatra became prime minister. This has attracted political speculation over whether Thaksin could return home with amnesty.

Asked when he thinks he could go back to Thailand, Thaksin replied, "We have to wait until reconciliation [with anti-Thaksin groups] is really happening."

Thaksin meant he would wait and watch parliament deliberations on a national reconciliation bill to grant amnesty to all parties, including himself, involved in political violence and wrongdoing from the end of 2005 through mid-2010, a period when Thailand was mired in turmoil and street protests.

Although he was criticized for being too authoritarian and plutocratic during his term, Thaksin said he does not regret anything. "If I were prime minister again, I'd do the same thing," Thaksin said.

Dismissing anti-Thaksin sentiment among those in the top military brass and royalist camps who say the former prime minister was not loyal to the Thai monarchy, he said, "They are paranoid of my strong popularity."

(Jun. 17, 2012)

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#15 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 13:14

Saturday, January 28, 2012
 
Thaksin's oil search continues
 
thaksinlebanon.jpg
Thaksin Shinawatra is on the move again. He tells the Bangkok Post this morning that he is in Lebanon to "pave the way" for PTT Exploration and Production Plc to bid for a concession to explore oil blocks.

The Post said a source in PTT said the management was unaware of Thaksin's move -- and that it had not received an invitation to join the bidding from Lebanese authorities.

In a telephone interview with the Post, the former premier said he expected to meet with Lebanese prime minister Nijib Mikati.

He said the Lebanese government would favour deals with oil companies from Asia as it is not on good terms with the US.

He believes PTTEP, a subsidiary of PTT Plc, would be part of a consortium to win the bid.

Thaksin was recently also in Cambodia -- just as Thai Foreign Minister Surapong Vichakchaikul was talking about joint ventures to explore for oil in the overlapping areas in the Gulf of Thailand. He was last week in Luang Prabang of Laos. Nothing to do with oil exploration, obviously. He was seen in pictures making merits at temples.
 
Posted by

suthichaiyoon at 9:19 AM icon18_email.gificon18_edit_allbkg.gif

 
 

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#16 หมูสนามจริง

หมูสนามจริง

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 330 posts

Posted 25 January 2013 - 13:18

ฮุนเซนช่วยพี่หนูตั้งเท่าไหร่  แค่ที่ไม่กี่ไร่ยกให้ก็ได้

จะที่แค่หนึ่งฝ่ามือก็ยอมไม่ได้จ้ะ มันคือศักดิ์ศรีสตรีไทยนะคะ


วิธีสู้กับพวกติงต๊อง
1.เฉย
2.ติงต๊องให้มากกว่า

#17 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

Posted 25 January 2013 - 13:47

การออกมาแถลงการโจมตี อภิสิทธิ์ และปชป. นับเป็นความอัปรีย์ ของ ฮุน เซน

ที่ประชาชนชาวกัมพูชาพึงได้รับรู้ว่า ฮุน เซน ยอมรับด้วยตัวเองแล้วว่า

รัฐบาลของเขาเจรจาอย่างลับๆ ในพื้นที่ทับซ้อนกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

และบอกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใช้นโยบายสกปรก

สั่งการให้อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

มาเจรจาลับๆ กับตนเองเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2552 ที่ จ.กันดาล ประเทศกัมพูชา

ขณะที่รัฐบาลไทยชุดที่แล้วซึ่งคงหมายถึงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช

กับรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้เจรจากันในปัญหานี้อย่างเปิดเผย


การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#18 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 18:16

โพสต์ทูเดย์– สรุปข่าวหน้า 5 ประจำวันที่ 5 ต.ค.55
05/10/2012 , 06:19
นายกฯจี้กพช.ถกแหล่งก๊าซทับซ้อนเขมร
ยิ่งลักษณ์ สั่งเจรจากัมพูชาเปิดทางสำรวจขุดเจาะก๊าซพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา กพช.เลิกแน่เบนซิน 91 ม.ค.ปีหน้า
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ให้กระทรวงพลังงานเร่งรัดจัดแหล่งก๊าซสำรองในระยะยาวเพื่อสนับสนุนความต้องการในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการจัดหาก๊าซจากพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา ที่นายกฯ ต้องการให้การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อจะได้สำรวจและขุดเจาะก๊าซ และสร้างท่อก๊าซมายังไทย


 


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#19 abacus

abacus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 250 posts

Posted 25 January 2013 - 18:20

มีแต่ข่าวบอกเล่า 

 

แล้วการเจรจาผลประโยชน์ระหว่างประเทศเรื่องพวกนี้ ต้องเป็นความลับทั้งนั้น เพราะเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

 

อย่างอเมริกา เขาก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ดูอย่างปฎิบัติการสังหารบินลาเดนสิ มีใครรู้บ้าง รวมถึงเชพร่อน และธุรกิจต่างๆของเมกา ที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ ไม่มีใครเขาเปิดเผยกันหรอกครับ


Edited by Aokiji, 25 January 2013 - 18:21.


#20 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 18:26

แ้ล้วใครหากินกับปตท กับสัมปทานบ่อน้ำมันบ้านเรากันละครับนี่ ถ้าเป็นทักษิณคงถูกแฉไปนานแล้ว ต้องมีคนใหญ่กว่าทักษิณได้ประโยชน์พวกนี้อยู่


โถ คำร่ำลืออันอุบาทว์นี้ ถูกปตท.ปล่อย กันในหมู่เสื้อแดงในอีสาน ระวังจะโดนแบบสมยศ
รู้ว่ามีการปล่อยข่าวแบบนี้จาก FM 92.25 นะจ๊ะ สถานีวิทยุของคุณไง ทีนี้ ทำไมไม่ได้ฟัง
จากสถานี FM 92.25  อ.ประสิทธิ์บอกว่า ห่าจะกินกระบาลไอ้พวกสารเลว พวกนี้
อ.ประสิทธิ์ พ.ต.รัฐเขต เขาแฉปตท.มา เกือบ 10 ปี ไม่มีโอกาสได้ออกทีวีช่อง 3 สักครั้ง
แล้วจะมีคนรู้ว่านช.ทักษิณรับเงินมืดจากปตท.ปีละ 2 ล้านล้านบาทกันทั่วประเทศหรือ
 


 

อ.ประสิทธิ์ท้าให้ปตท. และ นช.ทักษิณฟ้อง


Edited by Stargate-1, 25 January 2013 - 18:31.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#21 abacus

abacus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 250 posts

Posted 25 January 2013 - 18:38

แ้ล้วใครหากินกับปตท กับสัมปทานบ่อน้ำมันบ้านเรากันละครับนี่ ถ้าเป็นทักษิณคงถูกแฉไปนานแล้ว ต้องมีคนใหญ่กว่าทักษิณได้ประโยชน์พวกนี้อยู่


โถ คำร่ำลืออันอุบาทว์นี้ ถูกปตท.ปล่อย กันในหมู่เสื้อแดงในอีสาน ระวังจะโดนแบบสมยศ
รู้ว่ามีการปล่อยข่าวแบบนี้จาก FM 92.25 นะจ๊ะ สถานีวิทยุของคุณไง ทีนี้ ทำไมไม่ได้ฟัง
จากสถานี FM 92.25  อ.ประสิทธิ์บอกว่า ห่าจะกินกระบาลไอ้พวกสารเลว พวกนี้
อ.ประสิทธิ์ พ.ต.รัฐเขต เขาแฉปตท.มา เกือบ 10 ปี ไม่มีโอกาสได้ออกทีวีช่อง 3 สักครั้ง
แล้วจะมีคนรู้ว่านช.ทักษิณรับเงินมืดจากปตท.ปีละ 2 ล้านล้านบาทกันทั่วประเทศหรือ
 


 

อ.ประสิทธิ์ท้าให้ปตท. และ นช.ทักษิณฟ้อง

ถ้าไ่ล่ตั้งแต่ปี 2505 คุณว่า ทักษิณมีเอี่ยวหรือ

 

 

พ.ศ. 2555 ฉลองครบรอบ 50 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
พ.ศ. 2554 ผลิตก๊าซครบ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2554 ผลิตน้ำมันครบ 300 ล้านบาร์เรล
พ.ศ. 2554 ผลิตก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่ผลิตปลาทอง ระยะที่ 2 เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2554 ฉลองครบรอบ 30 ปี เอราวัณ แหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งแรกในอ่าวไทย
พ.ศ. 2554 ฉลองการผลิตน้ำมันครบ 200 ล้านบาร์เรลจากพื้นที่ผลิต B8/32 
พ.ศ. 2554 เปิดศูนย์ขนส่งทางอากาศแห่งใหม่ ที่ จ. นครศรีธรรมราช
พ.ศ. 2553 ผลิตคอนเดนเสทครบ 300 ล้านบาร์เรล
พ.ศ. 2553 ครบรอบ 30 ปีศูนย์เศรษฐพัฒน์ จ. สงขลา
พ.ศ. 2552 ผลิตก๊าซครบ 9 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2551 ผลิตก๊าซครบ 8 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2550 ได้รับสัมปทานแปลงใหม่อีก 4 แปลงได้แก่ G4/50, G6/50, G7/50 และ G8/50 โดยเชฟรอนเป็นผู้ดำเนินการในสามแปลงแรก
พ.ศ. 2550 
ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติสำหรับแปลงสัมปทานหมายเลข 10-13 ในอ่าวไทยกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)โดยเชฟรอนจะจัดส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นที่อัตรา 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เป็นต้นไป
พ.ศ. 2550 ได้รับการต่ออายุสัมปทานการผลิตในอ่าวไทยแปลง 10-13 อีก 10 ปี (พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2565)
พ.ศ. 2550 ผลิตก๊าซธรรมชาติส่งเข้าท่อก๊าซเส้นที่ 3 ของ ปตท. เฉลี่ยวันละ 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2549 ผลิตก๊าซครบ 7 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2549 ได้รับสัมปทานในอ่าวไทยเพิ่มเติมอีก 2 แปลงได้แก่ จี 4/48 (ครอบคลุมพื้นที่ 504 ตารางกิโลเมตร) และ จี 9/48 (ครอบคลุมพื้นที่ 252 ตารางกิโลเมตร)
พ.ศ. 2549 สร้างสถิติยอดผลิตน้ำมันบรรลุ 70,000 บาร์เรลต่อวันบนพื้นที่ผลิตบี 8/32
พ.ศ. 2548 ควบรวมกิจการระหว่างยูโนแคลคอร์ปอเรชั่นกับเชฟรอนคอร์ปอเรชั่นและเปลี่ยนชื่อจากบริษัทยูโนแคลไทยแลนด์ จำกัด เป็น บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด
พ.ศ. 2548 ผลิตก๊าซครบ 6 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2547 ประสบความสำเร็จในการขุดเจาะหลุมสำรวจ 4 หลุมที่แปลง A ประเทศกัมพูชา
พ.ศ. 2547 ประสบความสำเร็จในการขุดเจาะหลุม 1 หลุมที่ลันตา 1 และ ลันตา 2 ในแปลง จี 4/43
พ.ศ. 2547 ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นด้านบริหารความปลอดภัยจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2546 ผลิตก๊าซครบ 5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2546 ผลิตน้ำมันดิบครบ 5 ล้านบาร์เรล
พ.ศ. 2546 เซ็นสัญญาแปลง จี 4/43 และ แปลง 9A ในอ่าวไทย
พ.ศ. 2545 สร้างสถิติยอดผลิตน้ำมันบรรลุ 60,000 บาร์เรลต่อวันบนพื้นที่ผลิตบี 8/32
พ.ศ. 2545 ลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งเอราวัณและแหล่งยูโนแคล 2/3 ลดราคาก๊าซธรรมชาติรวมมูลค่า 10,294 ล้านบาทภายในระยะเวลา 10 ปี
พ.ศ. 2545 ฉลองครบรอบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
พ.ศ. 2545 ได้รับสัมปทานการสำรวจในแปลง A ประเทศกัมพูชา
พ.ศ. 2545 แผนกวิเคราะห์และควบคุมผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพ ISO 9001
พ.ศ. 2544 ขุดเจาะหลุมน้ำมันในแนวนอน (horizontal monobore oil well) หลุมแรกในอ่าวไทย
พ.ศ. 2544 สร้างสถิติผู้นำการผลิตน้ำมันในอ่าวไทยบรรลุ 38,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการของแท่นกระบวนการผลิตน้ำมันแหล่งปลาทองนับเป็นแท่นกระบวนการผลิตปิโตรเลียมแท่นแรกที่สร้างและประกอบในประเทศไทย
พ.ศ. 2543 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดแหล่งก๊าซไพลินในอ่าวไทย
พ.ศ. 2543 ผลิตก๊าซครบ 4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2543 ค้นพบแหล่งน้ำมันชบา ได้รับสัมปทานการสำรวจแหล่งจามจุรีเหนือ
พ.ศ. 2542 ประสบผลสำเร็จเพิ่มผลผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ในการขุดเจาะหลุมก๊าซตามแนวนอนเป็นหลุมแรกที่หลุม "ตราด A-07" ณ ความลึก 1,990 เมตร (6,530 ฟุต)
พ.ศ. 2542 ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสงขลาของยูโนแคลได้รับใบรับรองมาตรฐาน มอก. 1300 (ISO/IEC Guide 25) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. 2542 ค้นพบแหล่งน้ำมันดิบปริมาณเชิงพาณิชย์ในอ่าวไทย ในแปลงสำรวจที่ 10A และ 11A
พ.ศ. 2542 ขุดเจาะหลุมก๊าซในแนวนอนหลุมแรกในอ่าวไทย
พ.ศ. 2542 เริ่มการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งเบญจมาศในวันที่ 1 กรกฎาคม โดยเชฟรอนเป็นผู้ผลิตในวันที่ 1 ตุลาคม
พ.ศ. 2542 เชฟรอนควบรวมกิจการกับ Rutherford Moran Oil Corp. ในวันที่ 17 มีนาคม
พ.ศ. 2541 ฉลองครบรอบ 36 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
พ.ศ. 2541 เซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวกับ ปตท.
พ.ศ. 2540 ได้รับรางวัลประกาศนียบัตร ISO 14001 ในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2540 ผลิตก๊าซธรรมชาติครบ 3 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2540 ติดตั้งแท่นผลิตก๊าซ 3 ขาแท่นแรกที่ก่อสร้างในประเทศไทย
พ.ศ. 2540 เริ่มการผลิต ณ แหล่งทานตะวันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และค้นพบแหล่งมะลิวัลย์
พ.ศ. 2539 ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งไพลินกับ ปตท.
พ.ศ. 2538 ค้นพบแหล่งเบญจมาศ และเริ่มต้นพัฒนาแหล่งทานตะวัน
พ.ศ. 2538 ขยายศูนย์เศรษฐพัฒน์ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีปิโตรเลียมที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์โดยการเพิ่มหน่วยฝึกอบรมปฏิบัติการฉุกเฉินและสถานีความปลอดภัยในน้ำ
พ.ศ. 2537 ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรรับรองระดับสามขั้นสูงด้านการจัดการสุขภาพและความปลอดภัย จากสถาบัน DNV ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ดำเนินการรับรองความปลอดภัยตามระบบ International Safety Rating System (ISRS)
พ.ศ. 2537 ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นด้านการบริหารความปลอดภัยของกระทรวงอุตสาหกรรม มอบให้โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2537 ผลิตก๊าซครบ 2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2535 ค้นพบแหล่งทานตะวันในอ่าวไทย
พ.ศ. 2534 ได้รับสัมปทานการสำรวจปิโตรเลียมแปลง B8/32
พ.ศ. 2533 ผลิตก๊าซครบ 1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2533 ติดตั้งสถานีเรดาร์ตรวจอากาศนอกฝั่งที่แหล่งก๊าซสตูล
พ.ศ. 2531 ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซฉบับที่ 3 กับ ปตท.
พ.ศ. 2525 ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซฉบับที่ 2 กับ ปตท.
พ.ศ. 2524 เริ่มผลิตก๊าซส่งขึ้นฝั่งที่โรงแยกก๊าซของ ปตท. จังหวัดระยอง
พ.ศ. 2523 ก่อตั้งศูนย์เศรษฐพัฒน์ เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีปิโตรเลียมสำหรับพนักงานชาวไทย
พ.ศ. 2521 ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซฉบับแรกกับ ปตท.
พ.ศ. 2516 ประสบความสำเร็จค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติปริมาณเชิงพาณิชย์แหล่งแรกของประเทศในแปลงหมายเลข 12 ซึ่งภายหลังตั้งชื่อว่าแหล่ง "เอราวัณ"
พ.ศ. 2511 ได้รับสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมแปลงหมายเลข 12 และ 13 ในอ่าวไทย
พ.ศ. 2505 บริษัทยูโนแคลไทยแลนด์ จำกัด เป็นบริษัทแรกที่ได้รับอนุมัติสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมจากรัฐบาลไทย บริเวณที่ราบสูงโคราช
เอกสารเผยแพร่
 
เอกสารเผยแพร่ บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด (1.7 MB)
 


#22 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 18:45

แ้ล้วใครหากินกับปตท กับสัมปทานบ่อน้ำมันบ้านเรากันละครับนี่ ถ้าเป็นทักษิณคงถูกแฉไปนานแล้ว ต้องมีคนใหญ่กว่าทักษิณได้ประโยชน์พวกนี้อยู่


โถ คำร่ำลืออันอุบาทว์นี้ ถูกปตท.ปล่อย กันในหมู่เสื้อแดงในอีสาน ระวังจะโดนแบบสมยศ
รู้ว่ามีการปล่อยข่าวแบบนี้จาก FM 92.25 นะจ๊ะ สถานีวิทยุของคุณไง ทีนี้ ทำไมไม่ได้ฟัง
จากสถานี FM 92.25  อ.ประสิทธิ์บอกว่า ห่าจะกินกระบาลไอ้พวกสารเลว พวกนี้
อ.ประสิทธิ์ พ.ต.รัฐเขต เขาแฉปตท.มา เกือบ 10 ปี ไม่มีโอกาสได้ออกทีวีช่อง 3 สักครั้ง
แล้วจะมีคนรู้ว่านช.ทักษิณรับเงินมืดจากปตท.ปีละ 2 ล้านล้านบาทกันทั่วประเทศหรือ
 


 

อ.ประสิทธิ์ท้าให้ปตท. และ นช.ทักษิณฟ้อง

ถ้าไ่ล่ตั้งแต่ปี 2505 คุณว่า ทักษิณมีเอี่ยวหรือ

 

 

พ.ศ. 2555 ฉลองครบรอบ 50 ปี ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
พ.ศ. 2554 ผลิตก๊าซครบ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2554 ผลิตน้ำมันครบ 300 ล้านบาร์เรล
พ.ศ. 2554 ผลิตก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่ผลิตปลาทอง ระยะที่ 2 เป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2554 ฉลองครบรอบ 30 ปี เอราวัณ แหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งแรกในอ่าวไทย
พ.ศ. 2554 ฉลองการผลิตน้ำมันครบ 200 ล้านบาร์เรลจากพื้นที่ผลิต B8/32 
พ.ศ. 2554 เปิดศูนย์ขนส่งทางอากาศแห่งใหม่ ที่ จ. นครศรีธรรมราช
พ.ศ. 2553 ผลิตคอนเดนเสทครบ 300 ล้านบาร์เรล
พ.ศ. 2553 ครบรอบ 30 ปีศูนย์เศรษฐพัฒน์ จ. สงขลา
พ.ศ. 2552 ผลิตก๊าซครบ 9 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2551 ผลิตก๊าซครบ 8 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2550 ได้รับสัมปทานแปลงใหม่อีก 4 แปลงได้แก่ G4/50, G6/50, G7/50 และ G8/50 โดยเชฟรอนเป็นผู้ดำเนินการในสามแปลงแรก
พ.ศ. 2550 
ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติสำหรับแปลงสัมปทานหมายเลข 10-13 ในอ่าวไทยกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)โดยเชฟรอนจะจัดส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นที่อัตรา 500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2555 เป็นต้นไป
พ.ศ. 2550 ได้รับการต่ออายุสัมปทานการผลิตในอ่าวไทยแปลง 10-13 อีก 10 ปี (พ.ศ. 2555 - พ.ศ. 2565)
พ.ศ. 2550 ผลิตก๊าซธรรมชาติส่งเข้าท่อก๊าซเส้นที่ 3 ของ ปตท. เฉลี่ยวันละ 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2549 ผลิตก๊าซครบ 7 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2549 ได้รับสัมปทานในอ่าวไทยเพิ่มเติมอีก 2 แปลงได้แก่ จี 4/48 (ครอบคลุมพื้นที่ 504 ตารางกิโลเมตร) และ จี 9/48 (ครอบคลุมพื้นที่ 252 ตารางกิโลเมตร)
พ.ศ. 2549 สร้างสถิติยอดผลิตน้ำมันบรรลุ 70,000 บาร์เรลต่อวันบนพื้นที่ผลิตบี 8/32
พ.ศ. 2548 ควบรวมกิจการระหว่างยูโนแคลคอร์ปอเรชั่นกับเชฟรอนคอร์ปอเรชั่นและเปลี่ยนชื่อจากบริษัทยูโนแคลไทยแลนด์ จำกัด เป็น บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด
พ.ศ. 2548 ผลิตก๊าซครบ 6 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2547 ประสบความสำเร็จในการขุดเจาะหลุมสำรวจ 4 หลุมที่แปลง A ประเทศกัมพูชา
พ.ศ. 2547 ประสบความสำเร็จในการขุดเจาะหลุม 1 หลุมที่ลันตา 1 และ ลันตา 2 ในแปลง จี 4/43
พ.ศ. 2547 ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นด้านบริหารความปลอดภัยจาก ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2546 ผลิตก๊าซครบ 5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2546 ผลิตน้ำมันดิบครบ 5 ล้านบาร์เรล
พ.ศ. 2546 เซ็นสัญญาแปลง จี 4/43 และ แปลง 9A ในอ่าวไทย
พ.ศ. 2545 สร้างสถิติยอดผลิตน้ำมันบรรลุ 60,000 บาร์เรลต่อวันบนพื้นที่ผลิตบี 8/32
พ.ศ. 2545 ลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งเอราวัณและแหล่งยูโนแคล 2/3 ลดราคาก๊าซธรรมชาติรวมมูลค่า 10,294 ล้านบาทภายในระยะเวลา 10 ปี
พ.ศ. 2545 ฉลองครบรอบ 40 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
พ.ศ. 2545 ได้รับสัมปทานการสำรวจในแปลง A ประเทศกัมพูชา
พ.ศ. 2545 แผนกวิเคราะห์และควบคุมผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพ ISO 9001
พ.ศ. 2544 ขุดเจาะหลุมน้ำมันในแนวนอน (horizontal monobore oil well) หลุมแรกในอ่าวไทย
พ.ศ. 2544 สร้างสถิติผู้นำการผลิตน้ำมันในอ่าวไทยบรรลุ 38,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2544 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการของแท่นกระบวนการผลิตน้ำมันแหล่งปลาทองนับเป็นแท่นกระบวนการผลิตปิโตรเลียมแท่นแรกที่สร้างและประกอบในประเทศไทย
พ.ศ. 2543 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดแหล่งก๊าซไพลินในอ่าวไทย
พ.ศ. 2543 ผลิตก๊าซครบ 4 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2543 ค้นพบแหล่งน้ำมันชบา ได้รับสัมปทานการสำรวจแหล่งจามจุรีเหนือ
พ.ศ. 2542 ประสบผลสำเร็จเพิ่มผลผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ในการขุดเจาะหลุมก๊าซตามแนวนอนเป็นหลุมแรกที่หลุม "ตราด A-07" ณ ความลึก 1,990 เมตร (6,530 ฟุต)
พ.ศ. 2542 ห้องปฏิบัติการตรวจสอบสงขลาของยูโนแคลได้รับใบรับรองมาตรฐาน มอก. 1300 (ISO/IEC Guide 25) จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
พ.ศ. 2542 ค้นพบแหล่งน้ำมันดิบปริมาณเชิงพาณิชย์ในอ่าวไทย ในแปลงสำรวจที่ 10A และ 11A
พ.ศ. 2542 ขุดเจาะหลุมก๊าซในแนวนอนหลุมแรกในอ่าวไทย
พ.ศ. 2542 เริ่มการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งเบญจมาศในวันที่ 1 กรกฎาคม โดยเชฟรอนเป็นผู้ผลิตในวันที่ 1 ตุลาคม
พ.ศ. 2542 เชฟรอนควบรวมกิจการกับ Rutherford Moran Oil Corp. ในวันที่ 17 มีนาคม
พ.ศ. 2541 ฉลองครบรอบ 36 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
พ.ศ. 2541 เซ็นสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวกับ ปตท.
พ.ศ. 2540 ได้รับรางวัลประกาศนียบัตร ISO 14001 ในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2540 ผลิตก๊าซธรรมชาติครบ 3 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2540 ติดตั้งแท่นผลิตก๊าซ 3 ขาแท่นแรกที่ก่อสร้างในประเทศไทย
พ.ศ. 2540 เริ่มการผลิต ณ แหล่งทานตะวันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ และค้นพบแหล่งมะลิวัลย์
พ.ศ. 2539 ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแหล่งไพลินกับ ปตท.
พ.ศ. 2538 ค้นพบแหล่งเบญจมาศ และเริ่มต้นพัฒนาแหล่งทานตะวัน
พ.ศ. 2538 ขยายศูนย์เศรษฐพัฒน์ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีปิโตรเลียมที่ทันสมัยและใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์โดยการเพิ่มหน่วยฝึกอบรมปฏิบัติการฉุกเฉินและสถานีความปลอดภัยในน้ำ
พ.ศ. 2537 ได้รับรางวัลประกาศนียบัตรรับรองระดับสามขั้นสูงด้านการจัดการสุขภาพและความปลอดภัย จากสถาบัน DNV ประเทศสหรัฐอเมริกาผู้ดำเนินการรับรองความปลอดภัยตามระบบ International Safety Rating System (ISRS)
พ.ศ. 2537 ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่นด้านการบริหารความปลอดภัยของกระทรวงอุตสาหกรรม มอบให้โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2537 ผลิตก๊าซครบ 2 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2535 ค้นพบแหล่งทานตะวันในอ่าวไทย
พ.ศ. 2534 ได้รับสัมปทานการสำรวจปิโตรเลียมแปลง B8/32
พ.ศ. 2533 ผลิตก๊าซครบ 1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
พ.ศ. 2533 ติดตั้งสถานีเรดาร์ตรวจอากาศนอกฝั่งที่แหล่งก๊าซสตูล
พ.ศ. 2531 ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซฉบับที่ 3 กับ ปตท.
พ.ศ. 2525 ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซฉบับที่ 2 กับ ปตท.
พ.ศ. 2524 เริ่มผลิตก๊าซส่งขึ้นฝั่งที่โรงแยกก๊าซของ ปตท. จังหวัดระยอง
พ.ศ. 2523 ก่อตั้งศูนย์เศรษฐพัฒน์ เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมเทคโนโลยีปิโตรเลียมสำหรับพนักงานชาวไทย
พ.ศ. 2521 ลงนามในสัญญาซื้อขายก๊าซฉบับแรกกับ ปตท.
พ.ศ. 2516 ประสบความสำเร็จค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติปริมาณเชิงพาณิชย์แหล่งแรกของประเทศในแปลงหมายเลข 12 ซึ่งภายหลังตั้งชื่อว่าแหล่ง "เอราวัณ"
พ.ศ. 2511 ได้รับสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมแปลงหมายเลข 12 และ 13 ในอ่าวไทย
พ.ศ. 2505 บริษัทยูโนแคลไทยแลนด์ จำกัด เป็นบริษัทแรกที่ได้รับอนุมัติสัมปทานสำรวจปิโตรเลียมจากรัฐบาลไทย บริเวณที่ราบสูงโคราช
เอกสารเผยแพร่
 
เอกสารเผยแพร่ บริษัทเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด (1.7 MB)
 

 

แล้วอันนี้พิสูจน์ว่าไม่เกี่ยวหรือ คุณฟัง 92.25 อยู่ไม่ใช่หรือ

ในคลิปพ.ท.รัฐเขต ก็ระบุชัดว่าทักษิณรับเงินมืดมาจาก ปตท.ปีละ 2 ล้าน ล้าน บาท


Edited by Stargate-1, 25 January 2013 - 18:55.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#23 abacus

abacus

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 250 posts

Posted 25 January 2013 - 18:51

ผมไม่ได้ฟัง24 ชม. ฟังไปก็ไม่รู้เรื่องมากนักหรอก ไม่ใช่ผู้เชียวชาญด้านนี้ ข้อมูลมันเยอะเกิน จริงบ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบ



#24 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 19:10

แล้วเอาประโยคอุบาทว์นี้มาจากไหน 

แ้ล้วใครหากินกับปตท กับสัมปทานบ่อน้ำมันบ้านเรากันละครับนี่ ถ้าเป็นทักษิณคงถูกแฉไปนานแล้ว ต้องมีคนใหญ่กว่าทักษิณได้ประโยชน์พวกนี้อยู่

        

รายงานของ CHEVRON กับ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไม่ตรงกัน         

http://webboard.seri...e-3#entry358004


Edited by Stargate-1, 25 January 2013 - 19:32.

Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#25 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 25 January 2013 - 19:43

Thaksin down to his last US$500 million?
by The Nation, Asia News Network|25 January 2013

 

 

 

 

1353.jpg

 

Ex-prime minister Thaksin Shinawatra was believed to have US$5 billion (S$7.2 billion) of overseas assets in nominal value as stock markets were peaking, oil was trading at US$140 a barrel and Middle East real estate was going up every day. But, with the collapse of the global financial markets and the commodity prices, Thaksin's core money is now believed to be worth not more than US$500 million.

"By my calculations, the core money is not worth much more than US$500 million at today's liquidation value, and Thaksin's capacity to hold on to the debt is diminishing fast, by the day. So, in brief, his net worth has declined from a notional figure of US$5 billion to the present value of US$500 million," said the international financier, who asked not to be named.

Much worse, the UK government has frozen about US$4.2 billion in assets believed to belong to ex-prime minister Thaksin shortly after it revoked his and Khunying Pojaman Shinawatra's visas in November, according to local and international money managers.

The UK authorities normally give the "beneficiary owners" of the frozen assets six months to step forward to declare ownership. If the authorities are satisfied with the evidence, they release the assets back to the beneficiary owners.

Earlier, Arabian-business.com reported that the UK has frozen US$4 billion of Thaksin's assets. "The UK froze his reputed US$4 billion of assets, forcing him to sell Manchester City to Abu Dhabi's Sheikh Mansour. To add to his troubles, his UK visa was revoked - oh, and his wife divorced him last week," the Arabianbusiness report said.

Yet so far nobody has come out to confirm or deny this report.

Of the US$4.2 billion being frozen by the UK authorities, US$1.4 billion represents Thaksin's core money, plus US$40 million in futures trading margin, US$300 million in Swiss bank core money excluding margin money and US$300 million core money in Dubai. The rest is debt.

The total contracts of his oil, rice and gold future...exceeded US$450 million.They are now at risk of being liquidated because of the adverse market conditions.
In relation to the downsizing of Mr.Thaksin's assets.

Thaksin's real problem, however, is to prove that the source of money in the UK and Switzerland is credible, without which a big chunk of his assets will be frozen for quite a while. Having too many offshore companies with bearer shares is not helping matters in an environment where he has been convicted and jumped bail.

At the moment, the situation is rather complicated for Thaksin because all the frozen assets are under nominee names. He has been using 20 to 25 offshore companies for financial transactions, including two major Swiss banks and three private banks in Geneva," said the international money manager, who has followed the Manchester City Football Club deal closely.

Parts of Thaksin's frozen money also represent margin loans provided by the Swiss banks, which are also trying to sort out the legal problems to get the money back, he added.

Other assets are invested in oil, rice and gold futures trading, in new condo buildings in Dubai and other portfolio investments. The total contracts of his oil, rice and gold future trading exceeded $450 million in face value. They are now at risk of being liquidated because of the adverse market conditions.

"Also, I was told by Adnan Khashoggi's people in Dubai and Abu Dhabi that the huge investment in new condo buildings in the Gulf is at risk of being wiped out since it was loaded with bank debt. Total outlay is in excess of US$1.2 billion, though the loss (if materialised) will probably be about US$250 - US$300 million," said the international financier.

Another US$550-million portfolio believed to belong to Thaksin is being managed by the two major Swiss banks and three private banks in Geneva and is also doing badly. Without proper risk-insurance coverage, the value of this portfolio has declined significantly, he added.

He said: "I believe Thaksin now has only US$500 million left. So the Thai assets [Bt76 billion, S$3 billion] are now very critical to him. Khunying Pojaman's return to Thailand is primarily aimed at protecting this final piece of their assets. Thaksin is also weighing the possibility of returning to Thailand himself to reclaim the Thai assets, which have become very critical to him."

A Thai businessman by the name of "Phairoj P" has been acting as a front man on Thaksin's behalf in making the dubious money transfers into the UK.

"Phairoj was a surrogate in helping Thaksin to acquire the football club. When only 10,000 pounds of (Bt508,000) was transferred into Phairoj's bank account, the UK authorities asked him where the money came from but he could not give a satisfactory answer.

That led the UK authorities to mount a series of assets freezes. Phairoj, too, is facing trouble with the UK authorities," said a local banker, who asked not to be named. "But I have not heard anything much beyond that. I only know that he has lots of money overseas."

As it turned out, the UK authorities found out that Thaksin's money - virtually all under other nominee names - came from offshore companies.
In relation to Thaksin's move to the UK.

The UK authorities started to focus their attention on the high-profile Thaksin when he announced his buy-out of Manchester City in 2007. Since Thaksin was from Thailand and had taken refuge in London after being ousted from office by a military coup in September 2006, his money transferred into the UK should have come from Thai banks or Thai companies.

As it turned out, the UK authorities found out that Thaksin's money - virtually all under other nominee names - came from offshore companies located in such places as Guernsey or Isle of Man and directly from the Swiss banks.

Thaksin altogether invested more than 200 million pounds (S$426 million), including the cost of buying the players, in the football club. That huge investment prompted the UK authorities to launch an investigation into the trail of the money transfers and eventually nail Thaksin and his wife with the revocation of their visas.

Much worse, over the past two years, Thaksin has been actively making business deals that have turned sour to the extent that he is now desperate to reclaim his frozen assets in Thailand.

"Before Thaksin had more money in the overseas than his Bt76 billion frozen in Thailand. He could just easily walk away from his Thai assets. But now most of his overseas investment has been blown away. He has lost his money badly in the futures trading.

"Thaksin is bound to lose money in his investment because he only looks at the upside gains and never knows when to stop."
A local money manager with experience in international finance discussing Thaksin's investment style.

My good guess is that he has only in the Bt10-billion range left. So he is rather desperate to try to get hold of his frozen assets in Thailand. But that will not be easy now," said a local money manager who has extensive experience in international finance.

"Thaksin is bound to lose money in his investment because he only looks at the upside gains and never knows when to stop," he added.

On Wednesday, Thai Rath, a local mass daily, hinted that Thaksin might decide to fly into Thailand soon in order to salvage his sagging political base, with the defection of Newin Chidchob, the political kingmaker, and the possibility of the breaking apart of the Pheu Thai Party.

Thaksin's whereabouts has been kept secret. But he is now believed to be operating out of Delhi as his headquarters.

"Interestingly, Thaksin appears to have strong links with India via a powerful agent in Delhi. He has established a base there and, in my view, that connection will prove his strongest international connection. It is close to Thailand, it is where he has the freedom to operate politically, it is a free-wheeling money market/investment climate and I guess no extradition treaty with Thailand," the international financier said.


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#26 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

Posted 26 January 2013 - 07:58

นี่ครับหลักฐานเด็ด

 

kaffi78ba8fedbbekkiha.jpg

 

 

ไอ้แจก...

 ทีหลังเอ็งเอารูปฮุนเซ็นติดฝาบ้านแล้วกราบเช้ากราบเย็นไปเลยนะ :angry:

แล้วบอกคนที่บ้านด้วย  ช่วยกันกราบเช้ากราบเย็นเพื่อความสุขความเจริญของชีวิต


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 26 January 2013 - 08:00.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#27 ม่านน้ำ

ม่านน้ำ

    ผมเพิ่งมาครับ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,373 posts

Posted 26 January 2013 - 08:00

มันจะยาวไปไหมพี่ ขี้ข้าอ่านได้สามบรรทัด เจ้านายน่าจะได้ไม่เกินสิบ

Posted Image


#28 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 26 January 2013 - 13:28


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#29 สิงห์สนามหลวง

สิงห์สนามหลวง

    ขาประจำ

  • Banned
  • PipPipPip
  • 1,923 posts

Posted 26 January 2013 - 13:42

ขุดเอาข่าวเก่า+คลิปการให้สัมภาษณ์เก่าๆ ของแม้วชอบโม้มาลงทำไม

 

เอกสารสิทธิ์ ใบหุ้น หรือสัญญาสัมปทานการลงทุน ถ้ามีจริง

ผมคิดว่าคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงพลพรรคประชาธิปัตย์แอนด์เดอะแก๊งนะครับ


รักคนเสื้อแดง

#30 Stargate-1

Stargate-1

    SG-1

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,578 posts

Posted 26 January 2013 - 13:53

เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในทะเลอ่าวไทยแล้วยังกล่าวหาว่าสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรี กัมพูชาและ พ.ต.ท.ทักษิณ มีผลประโยชน์ทับซ้อนในทะเลอ่าวไทย

 

เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยาก ให้กรรมาธิการสว. สส.นำเรือของกองทัพเรือไปสำรวจอ่าวไทย บริเวณที่ทับซ้อนว่ามีแท่นเจาะบริเวณนั้นหรือไม่ เพราะคนบนแท่นเจาะบอกผ่านรายการจับข่าวคุย ว่านช.ทักษิณสั่งต่อเรือขุดน้ำมันทันสมัยสุดๆ ชื่อ สยาม อ่าวไทย และมีชื่อไทยๆอีก สองลำ เร่งขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย หากพบเรือชื่อดังกล่าวให้ยึดเรือ สอบสวนดูว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร

 

ถ้าจะให้เรื่องไปถึงศาล ให้นช.ทักษิณฟ้องเลย แต่ต้องแก้พ.ร.บ.ปิโตรเลื่ยมเอามาตรา 13 ที่คุ้มครองผู้รับสัมปทานจากศาลออกจากพ.ร.บ.ก่อน ถ้าจะให้รมว.พลังงงาน ปลัด และอธิบดีในกระทรวงเปิดเผยความจริงได้ ต้องแก้มาตรา 76 ที่คุ้มครองข้อมูลของผู้รับสัมปทานก่อน ให้เปิดเผยความจริงได้โดยไม่ละเมิดพ.ร.บ.ปิโตรเลี่ยม แล้วยอมตอบคำถามที่กรรมมาธิการสว.ถามเสียที ว่าน้ำมันดิบที่ปตท.อ้างว่าซื้อมาจากตะวันออกกลางมีใบเสร็จมาแสดงไหม แล้วหาที่มาที่ไป ว่าสั่งมาจากบ.ใด บ.นั้นมาจากไหน ใครเป็นผู้ถือหุ้น เกี่ยวโยงกับนช.ทักษิณหรือไม่

 

วิธีง่ายๆก็รอศาลตัดสินว่าการขายหุ้นปตท.เป็นโมฆะ แล้วดูว่านช.ทักษิณจะยอมบอกไหมว่ามีหุ้นในปตท.ในทางอ้อมอยู่เท่าไหร่ ถ้าไม่บอกแล้วใครจะรู้ ต้องให้อำนาจทีมงานคตส.เก่ามาค้นให้ได้ไหม ถ้าเจอว่าเป็นหุ้นถือจากนอมินีจะยกหุ้นปตท.ให้รัฐทั้งหมดไหม?

 

http://webboard.seri...ฆษ/#entry579703


Tam-mic-ra ฟันธง!  คำว่า "โดนพริกไทยมั๊ง" น่ะ แค่นี่เอามาเป็นหลักฐาน ได้ยังไงครับ .....  คิดครับคิด  :lol:   จากกระทู้แก้ข่าวหน้า 2 qoute #96  ใครยิงวสันต์-ภู่ทอง   แอลพีจีทำมาจากซี2ซี3


#31 55555

55555

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,795 posts

Posted 26 January 2013 - 15:59

"ช่วยส่งหลักฐานให้หัวล้านโฆษกเขมร เรื่องทักษิณลงทุนน้ำมันในเขมรหน่อยครับ"

 

ลุงแคนทำเป็นล้อเล่นไป.....ไอ้นกตะกรุม มันเป็นโฆษกเขมรในทางปฏิบัตื มันไม่พิจารณาหลักฐานจากทางฝั่งไทยหรอก
 
:( 


#32 คนกรุงธน

คนกรุงธน

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,129 posts

Posted 26 January 2013 - 17:20

73776_10200333056026704_1463943171_n.jpg


มาตามสัญญา มาวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ กับ ซีรี่ย์ ไทย – ขแมร์ เรื่องยาว .. ฮุนเซน เป็นพ่อมึงเหรอ ? ภาค 2 กันต่อครับ.. วันนี้จะมาวิเคราะห์กันต่อกับประเด็น วิวาทะ หรือ บางคนอาจจะเรียกว่า ศึกน้ำลายข้ามชาติ ระหว่าง เขมร กับ ไทย ระหว่าง ฮุนเซน ผู้นำเขมร กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ..

ซึ่งมันมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจ น่าใคร่ครวญนำมาชำแหละ แกะรอยหาข้อเท็จจริงกัน เกี่ยวกับ เรื่อง การเจรจาลับ ผลประโยชน์ทับซ้อน สูตรแบ่งปันไทย-เขมร และ อารมณ์โปรดปราน หรือ ไม่โปรดปราน ของ ขแมร์ฮุนเซน ที่มีต่อใคร ? ต่อรัฐบาลใด ? เนื่องเพราะว่า .. เหตุผลกลใด ?..

เหตุไฉน ? .. ในช่วงระยะเวลา 2 – 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา .. ทำไม ? .. ปึ้ง สุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ หรือ ขี้ข้าหัวล้านได้หวีของทักษิณ ในรัฐบาลแม่งามงอน หนอนบ่อนไส้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของไทยเรา จึงพยายามทำตัวเป็น คนไทยหัวใจเขมร เที่ยวโยนบาปต่ำๆ บาประยำทรามๆ ของ อดีตรัฐบาล ทักษิณ ขายชาติ คนชั่วสารเลวแห่งยุค ให้มากระจุกผลบาปผลกรรมต่างๆนานาอยู่ที่อดีตรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียหมดทุกเรื่อง ..

โดยการใช้วิชามารแหกตา เก่าๆเดิมๆอย่างหน้าด้านๆ ด้วยการทะลึ่งไปยกเอาเหตุผลคำพูดอันไร้สาระในถ้อยแถลงการณ์ของ ขแมร์ฮุนเซน ผู้นำเขมร ที่เป็นคู่กรณีของไทย ที่มันเพิ่งจะส่งสารระยำถ่อยของมันข้ามฟ้าข้ามทะเลเมืองขแมร์มาป่วนคนไทย มาป่วนการเมืองภายในของประเทศไทยอย่างไร้มารยาทจนน่าตบหัวกระบาล ..เป็นสาระสำคัญ !!..

ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ฮุนเซน เพื่อน ไอ้แม้ว เนี่ย .. มันคือ .. คู่กรณี คู่ขัดแย้งของคนไทย !!..

มันต้องการผลประโยชน์ที่เป็นของคนไทย ให้ตกไปเป็นของคนเขมรชาติมัน ..มันถึงไปฟ้องเราที่ศาลโลก !!..

การที่มี รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย และ มีอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย หัวล้าน ตาเหล่ ไปหยิบเอาคำพูดของมัน ไปหยิบเอาความต้องการของมัน หมากเกมขแมร์ของมัน มาเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินใจ ว่า อะไรถูก ? อะไรผิด ? มันก็เป็นเรื่อง ผิดปกติ ไม่ชอบมาพากลมากแล้ว แต่การ *** ไปเอา คำพูดฮุนเซน มาไล่เข่น ไล่บี้ พรรคฝ่ายค้านของไทย และ กลุ่มภาคประชาชนคนไทยที่ต่อต้านฮุนเซน ต่อต้านการรุกราน และ ล่าอาณานิคมของมหาอำนาจบ้าน้ำมัน ฝรั่งเศส อเมริกา และ จีน เนี่ย ..มันเป็นอะไรที่ ทุเรศ และ อุบาทว์ ชาติชั่วมากๆ !..

มันจะมาร้องท้าหาหลักฐาน โคตรพ่อ โคตรแม่ มันทำไม ? .. ในเมื่อเอกสาร หรือ สัญญาผลประโยชน์ระหว่าง เอกชน กับ รัฐเขมร เนี่ย มันก็ต้องเป็นเอกสารลับของประเทศเขมร ใครจะไปจารกรรมข้อมูลของมันออกมากางเป็นหลักฐานได้ หากไม่ใช่ ..ฮุนเซน หรือ รัฐบาลเขมรมันเปิดเผยออกมาเอง ..จริงไหม ?..

ไอ้มุขพิเรนทร์ หรือ ถ้อยคำท้าทายพิเรนทร์ๆ ของ หัวล้าน ตาเหล่ คู่หูดูโอขี้ข้าทักษิณขายชาติ ที่เที่ยวเอามาประกาศท้าทาย เอาเงินมาโชว์ 2 ล้าน ..เอาคำโม้มาอวดว่าจะให้เงิน 100 ล้าน ..หากใครหาหลักฐานมามัดปาก ไอ้หน้าเหลี่ยม จอมบงการ ได้ ในเรื่องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนในธุรกิจพลังงานในเขมรเนี่ย ..มันเป็นอะไรที่ .. *** จิง ฮะ เกินไป เพราะใครจะไปหาหลักฐานจะจะ แบบนั้นมาได้ หาก ขแมร์ฮุนเซน มันไม่ให้มา ??..

ดังนั้น ..หลักฐานต่างๆ ที่พอจะทำให้เราระแคะระคายในเรื่องราวผลประโยชน์ทับซ้อน ที่ทักษิณ และ ตระกูล เข้าไปพัวพัน ทับซ้ำ ทับอีก กับ ผลประโยชน์ของคนไทย ที่ฝั่งเขมรนั้น .. มันต้องมาย้อนรอย และ สืบหาเอาตามแหล่งข่าว หรือ ข่าวสารต่างๆที่หลุดรอดออกมาสู่สาธารณชนก่อนหน้านี้ ..

ที่น่าสนใจ .. ก็คือ คำบอกกล่าวของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อหลักฐาน พฤติกรรม การกระทำ ของ ทักษิณ ที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ผ่านหน้าข่าวสารต่างประเทศ ที่มี 3 เรื่อง ที่ อภิสิทธิ์ ท้าให้ ฮุนเซน รวมถึงพวกบ่าวไพร่ขี้ข้าการต่างประเทศของทักษิณ ได้ย้อนดู ไม่ว่าจะเป็น ..

1. หลักฐานจากข่าวสารต่างๆจากสื่อต่างประเทศเกี่ยวกับความสนใจของทักษิณ ในเรื่องของธุรกิจในเขตเกาะกง ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเกาะกูดของไทย หรือ ที่เรียกกันว่า พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษเกาะกง ( KOH Kong Special Economic Zone ) โดยทางสื่อของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ทักษิณ มีแผนจะทำให้ เกาะกง ของ เขมร เป็น ฮ่องกง แห่งที่ 2 นี่ก็เป็น คำตอบของ คำถามที่ว่า .. ทำไม ? ทักษิณ ช่วงหลังๆ จึงวนไปเวียนมา ปรากฏกาย หรือ พบปะขี้ข้าสมุนถี่ๆ อยู่แค่ ฮ่องกง กับ เขมร ?.. ในขณะที่ ดูไบ กลายเป็นอดีตไปล่ะ ..เหตุผลก็เพราะว่า เป้าหมายสำคัญสูงสุดทางธุรกิจของทักษิณ ก็อยู่ 2 ที่นี่ เท่านั้น ฮ่องกง อาจเป็นแหล่งกบดานฟอกเงิน ส่วนเขมรก็คงเอาไว้เป็นแหล่งผลิตเงินจากธุรกิจพลังงานและธุรกิจอื่นๆในพื้นที่เกาะกงในอนาคต ..

ย้อนอ่านข่าวเก่าๆ ประกอบเรื่องจาก Asia Times ตามลิงก์นี้ครับ ..

On the trail of Thaksin in Cambodia By Stephen Kurczy

http://atimes.com/at...a/KE06Ae01.html

2. หลักฐานจาก WikiLeaks ที่เปิดเผยถึง บทสัมภาษณ์แหล่งข่าวเขมร เกี่ยวกับ เรื่องราวต่างๆภายในการเมืองเขมร จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่สมัยเขมรแดงครอบงำ มาสมัยเวียดนามบุก มาถึงยุคประชาธิปไตยแหกตาในเขมร จนมาเป็น เขมรหัวแดง นักธุรกิจหัวใส พ่อค้าน้ำมัน ที่มีเป้าหมายเป็นเจ้าเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคตอย่างในปัจจุบัน ที่มีกลุ่มชาติมหาอำนาจบ้าน้ำมัน และ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ เขาไปรุมสวาปามผลประโยชน์..

ที่สำคัญ เหนืออื่นใด บทสัมภาษณ์นี้นั้น มันมีเนื้อหาสาระสำคัญบางช่วงบางตอนเปิดเผยให้เห็นถึงเรื่องราว เบื้องลึกเบื้องหลัง ของ การเจรจาที่เกือบจะได้ข้อยุติในเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลของไทยกับเขมร ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ กัน ระหว่าง ทักษิณ กับ ฮุนเซน ในช่วง ปี 2548 – 2549 ก่อนที่ทักษิณ จะโดน คมช. ทำรัฐประหารเสียก่อน โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับ เขตแดนเขาพระวิหารเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยมีเงื่อนไขเกี่ยวกับผลประโยชน์ในอ่าวไทยมาเกี่ยวข้อง อันเป็นที่มาที่ไปที่ทำให้ อภิสิทธิ์ ท้าให้ไปพิสูจน์ และ อ่านดูรายละเอียด ..

ย้อนอ่านข่าวเก่าๆ ของ วิกิลีกส์ ประกอบเรื่องตาม ลิงก์ต่างๆ ดังนี้ครับ ..

2011-07-24 Interview #WikiLeaks Cambodian Cables and Politics

http://wlcentral.org/node/2074

นอกจากนี้ สื่อเขมรก็เคยนำเอา รายละเอียด จากเอกสารลับของ WikiLeaks เกี่ยวกับ ผลของการเจรจา ระหว่าง ทักษิณ และ ฮุนเซน ในครั้งนี้ มาเผยแพร่ต่อ ใน พนมเปญโพสต์ ก่อนจะโดนบล็อก.. ในหัวข้อ Thaksin oil deal interrupted แต่ว่า เรายังหาอ่านข่าวนี้ได้ ตามสื่อเขมรอื่นๆ ตามลิงก์นี้ครับ

http://www.khmerunit...=567about:blank

ซึ่งประเด็นนี้ สื่อไทยเอง ก็เคยนำข่าวนี้ออกมาเผยแพร่เช่นเดียวกัน ในช่วงสั้นๆ แต่ไม่ได้รับความสนใจ ..อ่านรายละเอียดตามลิงก์นี้ครับ..

'วิกิลีกส์'ปูดรัฐบาล'ทักษิณ'เกือบยุติทับซ้อนทางทะเล

http://www.bangkokbi...้อนทางทะเล.html

และ ..อีกข่าว ที่น่าสนใจ จาก KHMER INTELLIGENCE NEWS หัวข้อข่าว .. Secret oil deal between Hun Sen and Thaksin Shinawatra อ่านข่าวได้ตามลิงก์นี้ครับ ..

http://groups.yahoo....nce/message/722

3. หลักฐานชิ้นสุดท้าย ที่ อภิสิทธิ์ ให้เราไปดู ก็คือ ข่าวสารเกี่ยวกับ การเจรจาผลประโยชน์ทางทะเล ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้หลุดมาหลายครั้ง ซึ่งเรื่องนี้นั้น เราก็คงไม่จำเป็นต้องตามไปดูกันหรอก เพราะว่ามันมีผ่านหู ผ่านตามาให้เราเห็นหลายข่าวมากๆ จนนำมาเผยแพร่ไม่ไหว ไม่ว่าจะเรื่องของการเข้าไป สร้างสัมพันธไมตรีอันดีเกินขอบ เขต ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับ รัฐบาลฮุนเซน ที่ยิ่งลักษณ์ บินไปเขมรถี่ยิบ แถมยังมีรายการ ขนพวกไพร่แดงไป เตะฟุตบอล ไปร้องเพลงสรรเสริญฮุนเซนถึงเมือง เขมร อีกทั้งมีข่าวเกี่ยวกับ นักธุรกิจน้ำมันของ บริษัทเชฟรอน เข้าไปเจรจากับ ตัวแทนฝ่ายไทย และ ตัวแทนฝ่ายเขมร โดยมี แม่สื่อ แม่ชัก อย่าง แม่ตัวดี ฮิลลารี่ คลินตัน รมว.ต่างประเทศ ของ อเมริกา เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ

หรือ แม้แต่ข่าวเกี่ยว สุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ของไทย เคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล และ สูตรแบ่งผลประโยชน์ รายได้ ตามความต้องการของ ฮุนเซน ในสูตร ใกล้ไทย ใกล้เขมร 80 : 20 20 : 80 และ ตรงกลาง ไทย – เขมร เอาไปฝ่ายละ 50 : 50 ซึ่งมัน สูตรแบ่งรายได้ ที่ไม่ยุติธรรมกับเรา และ เราไม่เคยยอมรับ แต่ รมว.ต่างประเทศหัวล้าน ก็เคยเอาเอ่ยปากสัมภาษณ์ตั้งแต่ตอนแรกๆที่เข้ามารับตำแหน่ง และ เดินทางไปเขมร แต่พอมาตอนนี้ก็มา ตอแหล ปฏิเสธว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่เคยเจรจาเรื่อง พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพราะ MOU 2544 โดนทางพรรคประชาธิปัตย์ยกเลิกไปแล้วนั้น ..ความจริงมันไม่ใช่ มันยังคงเจรจาเรื่องนี้กันตลอด และ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ได้ข้อยุติตัวเลข การแบ่งปันรายได้ผลประโยชน์ ตามความต้องการของ ฮุนเซน มาหมดแล้ว เหลือแค่ ..ขั้นตอน ให้เขาพระวิหาร เป็นของกำนัล ตามเงื่อนไขของ ฮุนเซน เท่านั้น ..

อ่านข่าวเก่าๆ กับ บทสัมภาษณ์ของ สุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ตามนี้ครับ ..

“ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีนายฮอร์ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา มีจดหมายเชิญไปเยือน ว่า ก็พร้อมจะไปเยือนอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี และเห็นว่าทั้งไทยและกัมพูชาควรเร่งแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อน โดยเฉพาะการเจรจาใช้ประโยชน์ร่วมกันทางทะเล ซึ่งจากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าฝั่งกัมพูชามีน้ำมันมาก ส่วนฝั่งไทยมีก๊าซเป็นส่วนใหญ่ และตามข้อตกลงถ้าใกล้ฝั่งไหน ก็จะมีสัดส่วนในการได้รับผลตอบแทน เช่น ใกล้ฝั่งกัมพูชา ก็ให้แบ่งเป็นของกัมพูชา 80:20, ใกล้ฝั่งให้แบ่งเป็นของกัมพูชา 80:20, ใกล้ฝั่งไทย ไทยจะได้ 80:20 ถ้าอยู่พื้นที่ตรงกลางคาบเกี่ยวสองฝั่ง จะได้ 50:50 ทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ เมื่อได้เข้าไปทำงานในกระทรวงอย่างเป็นทางการ จะเข้าไปดูว่ามีการลากเส้นแบ่งทางทะเลอย่างไร

"ต้องคุยกันให้รู้เรื่องทั้งไทยและกัมพูชา แบ่งประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบ และต้องเป็นไปแบบแฟรงค์ๆ (ตรงไปตรงมา) และวันนี้เราต้องการพลังงาน อีกทั้งที่ผ่านมาบริษัท เชฟรอนฯ ได้เข้ามาเอาพลังงานบริเวณนี้แล้ว อยากถามเหมือนกันว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศไม่เข้ามาดูแลเรื่องนี้" รัฐมนตรีการต่างประเทศระบุ

ที่มาของข่าว .. 'ปึ้ง'เร่งถกเขมรแบ่งประโยชน์ก๊าซกลางทะเล

http://www.en.mahido...lv2.php?id=1167

แค่นี้ก็น่าจะครบถ้วนเพียงพอต่อการเป็นหลักฐานมัดปาก .. ทั้ง ขี้ข้าหัวล้านได้หวี และ ขี้ข้านักกฎหมายวิสัยทัศน์ไม่สามัคคีแล้วล่ะมั้งว่า .. ทักษิณ และ โคตรเหง้าเหล่าตระกูล เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ทางธุรกิจในเขมร ที่มันมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง โดยเอาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองไปแลกเปลี่ยน..

มันเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า .. หมาตัวไหนกันแน่ ? .. ที่มันไปแอบเจรจาผลประโยชน์ลับๆของตัวเอง กับ ทางฮุนเซน ??..

มันเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่า .. รัฐบาลยิ่งลักษณ์ โกหกคนไทยมาตลอดว่า .. ไม่ได้เจรจาเรื่องผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย ทั้งๆที่ ..คนของยิ่งลักษณ์เองนั่นแหละ พูดเองว่า.. มีการพูดคุย และ เจรจาตกลงกัน !!..

มันเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่า .. การที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลฮุนเซน และ พวกขี้ข้าทาสบริวารของทักษิณ หยิบเรื่องการ เจรจาลับมาโยนบาปให้รัฐบาลอภิสิทธิ์นั้น มันเป็นเพียงเทคนิคของการบิดเบือนประเด็น มอมเมา และ แหกตาประชาชนคนไทย เอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าคนอื่น ..ทั้งๆที่พฤติกรรมของตัวเองนั้น ทั้งคนต่างชาติ สื่อต่างชาติ ทั้งคนเขมร สื่อเขมร ทั้งคนไทย และ สื่อไทยบางสื่อ .. ต่างรู้เช่นเห็นชาติ ในความชั่วร้าย เจ้าเล่ห์ ขี้โกง ของ ทักษิณ และ ฮุนเซน เป็นอย่างดี ..

นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ชัดว่า .. ณ เวลานี้ คนไทยทั้งชาติ กำลังโดน รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แหกตา ชัดเจน !!..

การเตรียมตัวพ่ายแพ้คดีเขาพระวิหารที่ศาลโลก การโยนหินถามทาง เพื่อให้คนไทยทั้งชาติ ยอมรับความอยุติธรรมจากศาลโลก การเตรียมยกเขาพระวิหาร ที่เป็นผืนแผ่นดินไทย และ อธิปไตยของไทยไปให้เขมร ตามเงื่อนไขแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน ระหว่าง ทักษิณ และ ฮุนเซน ตามข่าวสารที่สื่อต่างประเทศเผยแพร่ออกมา .. มันบ่งชี้ให้เห็น พฤติกรรม ขายชาติชัดๆ ของรัฐบาลนอมินี่ทักษิณ อย่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้ได้เป็นอย่างดี..

สุดท้ายนี้ ..ก่อนจะจากลากันไป ..เพื่อจะมาต่อ ซีรี่ย์เรื่องยาวกันใหม่ ใน ฮุนเซน เป็นพ่อมึงเหรอ ? ภาค 3 ในโอกาสหน้า ก็ใคร่ขอบอกกล่าว ข่าวร้ายๆเกี่ยวกับอนาคตของคนไทย และ ประเทศไทย ให้ได้ทราบกันบ้างสักเล็กน้อยว่า .. เขมร นั้นมีแผนพลิกโฉมประเทศของตัวเอง ไปเป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งแผ่นดิน คือ มีการวางแผนจัดตั้ง Special Economice Zone ไว้มากมายถึง 21 โซน และ หลายๆโซน เริ่มมีการเข้าไปดำเนินการบ้างแล้ว ..

อ่านรายละเอียดข่าวสาร ตามลิงก์นี้ครับ ..

Special Economic Zones in Cambodia

http://www.investinc..._zones/sezs.htm

คนเขมร สื่อเขมร เห็นข่าวสาร เกี่ยวกับ อนาคต และ ชีวิตของพวกเขาหมดแล้วว่า รัฐบาลฮุนเซน และ พวกนายทุนข้ามชาติ กำลังจะทำอะไรกับพวกเขา และ ชะตาชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ?.. คนเขมร ชั้นล่าง คนเขมรในชนบท คนเขมรในชุมชนแออัด หลายๆพื้นที่ มีให้เห็นข่าวเล็ดลอดออกมาในเรื่องของการ โดนขับไล่ โดนไล่ที่ จนมีเรื่องราวฟ้องร้องในเรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนกันมาแล้ว..

แต่กับ .. คนไทยทั้งชาติ มาถึงตอนนี้..กลับยังไม่รู้ชะตากรรม ห่าใดๆ เกี่ยวกับ อนาคตของตัวเองเลย !!..

ทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับ ของ ตระกูลมหาเศรษฐีระยำหมาหมด .. โดยมีคนไทยบางจำพวก ที่สนับสนุนการขายชาติ และ การทรยศหักหลังชาติตัวเองทุกรูปแบบ .. คอยสนับสนุนอุ้มชู โดยไม่ลืมหูลืมตา !!..

เขตเศรษฐกิจพิเศษของเขมร ในอนาคต เมื่อมันเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง โดยนายทุนข้ามชาติต่างๆ ทั้ง อเมริกา จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เวียดนาม ออสเตรเลีย และ อื่นๆ รวมถึง นายทุนไทย .. มันจะไม่ใช่ พื้นที่ของคนเขมรอีกต่อไป กฎหมายที่ยกกรรมสิทธิ์ เอกสิทธิ์คุ้มครอง หรือ การเช่าครองที่ดิน เช่าทำผลประโยชน์ต่างๆ มันจะเอื้อต่อคนต่างชาติ แต่คนเขมรส่วนใหญ่ ต้องไร้ที่อยู่ และ ต้องไปหาที่ดินทำกินใหม่ๆ ตามการจัดสรรของ รัฐบาลฮุนเซน ซึ่งตอนนี้ ..ยังไม่มีความแน่นอน แต่ที่แน่นอน จะมีแรงงานอพยพจากเขมร แห่แหนไปหางานทำอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศจนมีชุมชนคนเขมรล้นประเทศแน่นอน เพราะมี ประชาคมอาเซียนเป็น ประตูเปิดทางให้ ..

ประเทศเขมรในอนาคต 10 – 20 ปีข้างหน้า จะเป็นที่อยู่ ที่ทำมาหากิน ของ คนต่างด้าว นักธุรกิจ ชาติมหาอำนาจ ชาวยุโรป ชาวจีน ชาวเกาหลี ชาวญี่ปุ่น คนเขมรมีฐานะ คนเขมรมีการศึกษา แรงงานเขมรมากฝีมือ พ่อค้า แม่ค้า เสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคนเขมรด้อยโอกาส คนเขมรชั้นล่าง คนเขมรไร้ที่ดินทำกิน ชาวไร่ชาวนา ไร้ที่ดินทำกิน ..คงต้องออกมาหากินยังต่างประเทศแน่นอน เมื่อมีประชาคมอาเซียน มาเปิดประตูรองรับ ชัวร์ป๊าบ !! ..

ดังนั้น ..มองตามภาพอนาคตของประเทศไทยของเรา ที่มันสะท้อนออกมาให้เห็นหมดแล้ว ในปัจจุบัน มันคงจะแออัดไปด้วย ชาวประชาสหประชาชาติ แน่ขนัดเป็นปลากระป๋องแน่ๆ ..ไม่ว่าจะเป็น รถไฟความเร็วสูง ที่มันจะนำพา นิคมชาวจีน กับ คนจีนแผ่นดินใหญ่ มาปักหลักตั้งรกรากเต็มบ้านเต็มเมือง.. ไม่ว่าจะเป็น การเปิดให้กองทัพอเมริกากลับเข้ามาใช้พื้นที่ประเทศไทย เป็นฐานทัพ รับมือการขยายอำนาจของจีน และ คุ้มครองผลประโยชน์ของอเมริกา ที่มันส่อเค้าให้เห็นลางหายนะของสงครามในอนาคต ..

หรือ ไม่ว่าจะเป็น ประชาคมอาเซียน ที่มันจะนำพา แรงงานต่างด้าว แรงงานข้ามชาติ จากเพื่อนบ้านให้เข้ามาแย่งงานคนไทยทำอยู่เต็มประเทศ ..

หรือ แม้แต่การ เอาเยี่ยงอย่างเขมร คือ เรื่อง จัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เราคนไทยหลายๆภาคส่วนของประเทศ ก็คงจะมีชะตากรรมชีวิต ไม่แตกต่างจากคนเขมรในปัจจุบัน ที่เริ่มจะ โดนไล่ที่ โดนเวนคืนที่ดิน โดนทุบตีจนหัวแตกเลือดอาบ หมดสภาพเจ้าของที่ดินไป ..

เชื่อว่า .. หากในอนาคต สถานการณ์มันเดินไปตามเส้นทางนี้ต่อไป ทักษิณ และ พวกนายทุนข้ามชาติ พวกมหาอำนาจบ้าน้ำมัน มันเป็นคนกำหนดอนาคตให้คนไทยทั้งประเทศต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ .. อนาคตเราคนไทย คงจะหมดเวลา ... สุขี สุขสบาย ตามวิถีชีวิตพอเพียง พออยู่พอกิน กันถ้วนหน้า ..

ในอนาคตเราคนไทยคงจะไม่ได้มีชีวิต เฮฮา ตามประสา ชาวประชาสยามเมืองยิ้ม อย่างเช่นที่เป็นอยู่นี้ อีกแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์ ..

โดยเฉพาะพวกไพร่แดง สมองแพง แรงงานทาสผู้ด้อยโอกาส ด้อยปัญญา ด้อยความรู้ ทั้งหลายของทักษิณ ..

อนาคตข้างหน้าคงมีหวังไปแย่งงานกันทำ แย่งรายได้ขั้นต่ำ กับพวกแรงงานเขมรอพยพ ..

จนขี้แตกขี้แตนกันไปข้างแน่นอน !!..


วินเซนต์ 26 มกราคม 2556

"น้อมส่งเสด็จสู่พระนิพพาน"





1 user(s) are reading this topic

0 members, 1 guests, 0 anonymous users