มาร์ค, on 28 Feb 2013 - 11:57, said:
redbuffalo0110, on 28 Feb 2013 - 11:53, said:
มาร์ค, on 28 Feb 2013 - 11:48, said:
ppneer, on 28 Feb 2013 - 11:44, said:
เห็นใครก็ไม่รู้บอกว่า ขาดดุล คือเงินใหลออก ..
งั้นผมขอถามเพื่อเป็นความรู้ใหม่ว่า ..
1. ถ้าการขาดดุลคือเงินใหลออก แล้ว ทำไมประเทศไทยยังไม่เกิดภาวะเงินฝืด
ภาวะเงินฝืด คือ เงินไม่มี หรือมีแต่พอประทังไปวันๆ
การขาดดุล จึงไม่จำเป็นที่จะเกิดภาวะเงินฝืด
ก็ใช่งัยคับ .. ก็มันไม่ใช่ภาวะเงินใหลออกไง
แล้วการขาดดุลครั้งนี้เกิดจากอะไรคับ .. การซื้อเครื่องบิน กับ นำเข้าทองคำ
......... ประเทศฉิปหายตรงใหน
มันออกแนวมั่วแล้วครับ
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงว่า การส่งออกในเดือน ม.ค.2556 มีมูลค่า 18,269 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.09% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือประมาณ 554,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.55% การนำเข้ามีมูลค่า 23,755.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40.87% หรือประมาณ 730,614.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.83% ดุลการค้าขาดดุล 5,486.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 175,680 ล้านบาท
"แนวโน้มการส่งออก เมื่อดูจากเดือน ม.ค. เทียบกับปีที่ผ่านมา เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติที่ยอดส่งออกเริ่มขยายตัว และจากการนำเข้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าทุนและวัตถุดิบที่ขยายตัวมาก มีผลต่อแนวโน้มการส่งออกที่จะขยายตัวดีขึ้น เพราะเป็นการนำเข้ามาเพื่อผลิตและส่งออก ส่วนการแข็งค่าของเงินบาท หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่แล้ว เชื่อว่าคงไม่มีผลกระทบต่อการส่งออกมาก ซึ่งทั้งปีกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าการส่งออกขยายตัว 8-9% มูลค่า 2.44-2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ" นางวัชรีกล่าว
สำหรับการนำเข้าที่ขยายตัวกว่า 40% นั้น นางวัชรีกล่าวว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากการแข็งค่าของเงินบาท ทำให้ผู้ประกอบการเร่งนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบเพื่อใช้สำหรับผลิตและส่งออกสินค้า ขณะที่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการนำเข้าเครื่องบินของ บมจ.การบินไทย มูลค่าประมาณ 600% ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้าทองคำและอัญมณีมูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในส่วนของการนำเข้าทองคำนั้นเป็นปกติเมื่อค่าเงินบาทแข็งจะมีการนำเข้าในจำนวนมาก
มาร์ครู้ว่าข่าวที่เอามาแปะมีความผิดปรกดิ จึงไปหาข่าวใหม่มาแปะ
มาร์ค, on 28 Feb 2013 - 12:15, said:
http://www.bangkokbi...ม.ค.ขาดดุล.html
นางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนม.ค. 2556 มีมูลค่า 18,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.09% ขณะที่การ นำเข้ามีมูลค่า 23,755.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 40.87% ส่งผลให้เดือนม.ค.มียอดขาดดุลการค้า 5,486.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการขาดดุลสูงสุดเป็นประวัติการณ์
อย่างไรก็ตาม หากไม่คิดรวมการนำสินค้าเครื่องบินที่มีมูลค่านำเข้าถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการนำเข้าทองคำที่มีมูลค่า 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็จะทำให้มูลค่าการขาดดุลการค้าเหลืออยู่เพียง 2,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทุนและวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตสินค้า ทำให้ภาพรวมการนำเข้าสินค้าจนทำให้ขาดดุลการค้าจำนวนมากนั้นไม่น่าเป็นห่วงเพราะถือเป็นการนำเข้าเพื่อการส่งออกในอนาคต
ทั้งนี้ การส่งออกในเดือนม.ค.ที่ขยายตัวได้ดีและมีมูลค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ปีที่ผ่านๆมา ชี้ให้เห็นว่าแนวโน้มการส่งออกเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และคาดว่าไตรมาส 1 ปีนี้การส่งออกจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่าการส่งออกเฉลี่ยทั้งปี 2556 จะเป็นไปตามเป้าหมายขยายตัว 8-9% มูลค่า 247,000-250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
"ปัจจัยค่าเงินบาทก็มีส่วนทำให้การนำเข้าสูงขึ้น เพราะเอกชนเห็นว่านำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบช่วงนี้จะเป็นโอกาสที่ดี แต่เชื่อว่าจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการดูแลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ และทำให้การส่งออกปีนี้สดใส ด้านส่วนการนำเข้าเดือนม.ค.มีการนำเข้าแบบไม่ปกติ คือ มีเครื่องบินและทองคำเข้ามาถ้าตัดสองรายการนี้ไปก็จะทำให้การขาดดุลลดลงเกือบครึ่ง" นางวัชรี กล่าว
สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญ พบว่าตลาดหลักขยายตัว 15.5% โดยญี่ปุ่น ขยายตัว 7.3% สหรัฐ 16.7% สภาพยุโรปเดิม 15 ประเทศ 24.5% ตลาดศักยภาพสูง ขยายตัว 22.2% โดยอาเซียน(9) 18% จีน 19.4% เอเชียใต้ 7.9% เฉพาะอินเดียขยายตัว 5.9% ฮ่องกง 74.1% เกาหลีใต้ 24.7% ส่วนตลาดอื่นๆ ภาพรวมลดลง 73.4% โดยสวิตเซอร์แลนด์ลดลง 88.5%
สินค้าส่งออกที่สำคัญ หมวดสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 7.2% โดยสินค้าข้าวเพิ่มขึ้น 31.3% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 26.5% อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป 17.1% ขณะที่สินค้ายางพาราลดลง 2.7% น้ำตาลลดลง 36.6%
หมวดสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้น 20.9% โดยเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ 20.8% เครื่องใช้ไฟฟ้า 20.5% ยานยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ 40.3% เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก 22.8% สิ่งทอ 12.8% วัสดุก่อสร้าง 103%
ส่วนการนำเข้าเดือนม.ค. เพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้าได้แก่ หมวดเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 61% มูลค่า 3,993.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็น น้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 42.4% มูลค่า 2,744.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ น้ำมันสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 135.1% มูลค่า 384.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก๊าซธรรมชาติปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 190.6% มูลค่า 652.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หมวดสินค้าทุน เพิ่มขึ้น 36.4% แบ่งเป็น เครื่องจักร 18.7% เครื่องจักรไฟฟ้า 27.5% เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 35.8% หมวดวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้น 37.4% แบ่งเป็น เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ เพิ่มขึ้น 112% มูลค่า 3,042 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะ ทองคำเพิ่มขึ้น 132.9% มูลค่า 2,709 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่ก.ย. 2554 ที่ผ่านมา
สาเหตุการนำเข้าสูงขึ้น เนื่องจากการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะมีการขยายตัวของภาคการขนส่ง การผลิตและการส่งออก ส่วนการนำเข้าเครื่องจักรเพราะต้นปีเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการสับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่และมีเงินบาทที่แข็งค่าเป็นสิ่งจูงใจ
- See more at: http://www.bangkokbi...h.5e1nwVdE.dpuf