อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ หวั่นสต๊อกข้าวล้นนอนในโกดัง เก็บรักษาไม่ดี ราขึ้น ก่อมะเร็งตับ จี้เลิกจำนำข้าว วอน 'กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์' ทำหน้าที่สุ่มตรวจข้าวบรรจุถุงด่วน
จากรายงานขององค์การอาหารและการเกษตรสหประชาชาติ (FAO) คาดว่า ปีนี้ ประเทศไทยจะมีสต๊อกข้าวสารเพิ่มขึ้นเป็น 18.2 ล้านตัน อาจทำให้ไม่มีโกดังเก็บผลผลิตจากโครงการรับจำนำข้าวที่แพงกว่าราคาตลาดโลก
ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ระบุว่า ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2554 - 4 กุมภาพันธ์ 2556 ที่รัฐบาลริเริ่มโครงการรับจำนำข้าว ได้ซื้อข้าวเปลือกแล้ว 29 ล้านตัน คาดว่า รัฐบาลมีข้าวเก็บไม่ต่ำกว่า 17-18 ล้านตัน
ในส่วนประเด็นสต๊อกข้าวล้นนอนกองในโกดัง ก็มีการคาดการณ์กันด้วยว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี ถึงจะระบายข้าวได้หมด ไหนยังมีความเสี่ยงสูงที่ข้าวจะเสื่อมคุณภาพลง กลายเป็น "ข้าวเน่า" อย่างที่หลายฝ่ายออกมาแสดงความเป็นห่วง
หากมองเฉพาะกรณีการเก็บสต๊อกข้าวไว้นานๆ กับการผลกระทบด้านสุขภาพผู้บริโภคนั้น นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล ผู้อำนวยการศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี และอดีตกรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าวกับ "สำนักข่าวอิศรา" ว่า นโยบายรับจำนำข้าวเกิดขึ้นมา เพื่อรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาแพงกว่าตลาดนั้น ขณะนี้พิสูจณ์แล้ว ข้าวไทยราคาแพง แข่งขันกับตลาดต่างประเทศไม่ได้ รวมทั้งมีปัญหาการระบายออก ขณะเดียวกันจำนำข้าวก็ทำลายเกษตรอินทรีย์ ทำลายพันธุ์ข้าวดีๆ ของประเทศไทย จนวันนี้มีแต่พันธุ์ข้าวขี้กะโล้โท้
"ผมอยากจะบอกว่า ข้าวเปลือกที่เก็บไว้ในโกดังนานๆ เชื้อราชอบ ยิ่งเมื่อข้าวขึ้นรา ก็จะยิ่งขายไม่ออก และเมื่อข้าวขายตลาดต่างประเทศไม่ได้ บริษัทเอกชนในประเทศก็ซื้อข้าวในสต๊อกรัฐบาลเพื่อมาสีเป็นข้าวขาวบรรจุถุงขาย ซึ่งข้าวเปลือกที่สีเป็นข้าวสารบรรจุถุงนั้น จะมีเชื้อราตกอยู่ในข้าวสารเต็มไปหมด" นพ.บรรจบ กล่าว และว่า เวลานี้คนไทยทั้งประเทศบริโภคข้าวสารบรรจุถุง ซึ่งก็คือข้าวขึ้นเชื้อราทั้งนั้น ตนถือว่า จำนำข้าวเป็นนโยบายที่เลวร้ายมาก ฆ่าคนไทยทั้งประเทศ ตนบอกได้เลยว่า หากรัฐบาลยังดำเนินนโยบายรัฐจำนำข้าวต่อไปอีก 1-2 ปี คนไทยจะเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นทวีคูณ โดยเฉพาะมะเร็งตับ
ข้าวค้างสต๊อก เก็บไม่ดี ราขึ้น มะเร็งถามหา
อดีตกรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึง "เชื้อรา" ที่เกิดขึ้นกับพืชพรรณธัญญาหารว่า เกิดขึ้นสม่ำเสมอในประเทศเมืองร้อน จะเห็นว่า เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ประเทศไทยตื่นเต้นกันมากเมื่อเจอ"อะฟลาทอกซิน" (Aflafoxin ) ในถั่ว จนคนไทยกลัวการกินถั่วลิสง ซึ่งตัวนี้คือสารพิษที่เกิดจากเชื้อราตัวสำคัญที่ก่อมะเร็งตับอย่างแรง
"เราต้องรู้ธัญพืชทุกชนิด หากกระบวนการเก็บไม่ดี เชื้อราจะขึ้น จะมีเชื้อราอะฟลาทอกซิน บางที่ก็เรียกไมโครทอกซิน ที่อยู่ในธัญพืชที่ขึ้นรา และแม้ว่าข้าวขึ้นรา จะขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บด้วยว่า เก็บดีหรือไม่ดี ก็ตาม แต่บางครั้งแค่เดือนเดียว กระบวนการเก็บสต๊อกข้าวไม่ดี ก็ขึ้นราแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงข้าวในโครงการรับจำนำ ที่ค้างสต๊อกเป็นปีๆ"
เมื่อถามถึงวิธีการรมยาข้าว ใช้สารเคมีในการรักษาคุณภาพข้าว นพ.บรรจบ กล่าวว่า ยิ่งร้ายไปใหญ่ คนไทยนอกจากบริโภคข้าวที่มีทั้งเชื้อราแล้ว ยังจะต้องเจอสารพิษที่ใส่เข้าไปอีก
"ประเด็นนี้ไม่เข้าใครออกใคร ผมถึงบอกว่า วันนี้คนไทยต้องตระหนักไม่ว่าจะใส่เสื้อสีอะไร รัฐบาลนี้กำลังใช้นโยบายจำนำข้าวฆ่าคนไทยทั้งประเทศอย่างเลือดเย็น ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไรก็มีสิทธิ์เป็นมะเร็งเท่ากันทุกคน"
ฉะรบ.กำลังฆ่าคนไทยทั้งประเทศ
นพ.บรรจบ กล่าวอีกว่า ตามหลักการเมื่อรับซื้อข้าวมาก็ต้องเร่งระบายขายออกไป และรับซื้อข้าวใหม่กลับเข้ามาอีก สมัยก่อนพอถึงฤดูข้าวใหม่ คนไทยจะมีข้าวใหม่กิน แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว ดังนั้นอยากให้คนไทยตระหนักกันว่า รัฐบาลนี้ไม่รักสุขภาพคนไทยเลย ถึงเวลาแล้วรัฐบาลต้องล้มเลิกจำนำข้าว และหากไม่เลิกโครงการจำนำข้าว ก็แปลว่า รัฐบาลกำลังฆ่าคนไทยทั้งประเทศ และทางเดียวที่หากรัฐบาลยังไม่ตระหนัก คือ ต้องเปลี่ยนรัฐบาล
"รัฐบาลนำเงินภาษีอากรของคนไทยทั้งประเทศ มาอุดหนุนชาวนา แต่ขณะนี้ข้าวกำลังเป็นพิษ ไม่เฉพาะเป็นพิษสร้างความเสียหายให้แก่ ธ.ก.ส. จนไม่มีเงินทุนสำรองเท่านั้น โครงการนี้ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยด้วย" อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าว และว่า การเก็บสต๊อกข้าวไว้นานๆ กับการทำให้คุณภาพข้าวเสื่อม มีเชื้อรานั้น เราไม่ต้องเถียงกันเรื่องงานวิจัยเลย เพราะกลไกของรัฐอยู่ในมือรัฐบาลหมดแล้ว เรื่องข้าวเก็บสต๊อกไว้นาน เชื้อราขึ้น จึงเป็น Common Sense คนปกติธรรมดาทั่วไปควรจะต้องรู้
นพ.บรรจบ กล่าวต่อว่า เชื้อราชนิดนี้ ทนความร้อน ทำให้สุกแค่ไหน ก็ไม่หมดไป ดังนั้นทางออกเฉพาะหน้า วิธีที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพคนไทย ให้หันมากินข้าวกล้อง เพราะข้าวกล้องไม่มีสิทธิ์หมักหมม เพราะหากมีเชื้อราขึ้นก็จะเห็นได้ชัดเจน กว่าข้าวขาว ขณะเดียวกันขอให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สุ่มตรวจข้าวบรรจุถุง ตรวจหาเชื้อราปนเปื้อน เช่นเดียวกับที่เคยทำกับสารเคมีตกค้างในพืชผัก
แท็ปเล็ต รถคันแรก พิษสงร้าย บั่นทอนสุขภาพ
ทั้งนี้ นพ.บรรจบ ยังกล่าวถึงประเด็นการแจกแท็ปเล็ต นโยบายสาธารณะที่เลวร้าย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทย ทั้งๆ ที่ปัจจุบันนี้ พบสถิติเด็กไทยเป็นโรคสมาธิสั้นจำนวนมากกว่าเด็กสหรัฐฯ
"เด็กในสหรัฐฯ เป็นโรคสมาธิสั้น 2 ต่อ 30 หรือประมาณ 6.7% แต่เด็กไทยเป็นโรคสมาธิสั้นถึง 8% สาเหตุมีทั้ง ตั้งแต่อาหารการกินหวาน กินอาหารขยะ น้ำอัดลม และการนั่งหน้าจอเล่นเกมส์" อดีตกรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ กล่าว และว่า ในสหรัฐฯ มีงานวิจัยชี้ชัดว่า เด็กยิ่งนั่งหน้าจอเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสเป็นโรคสมาธิสั้นถึง 2 เท่าของเด็กปกติ เวลานี้นโยบายแจกแท็ปเล็ต แถมปิดเทอมสามารถยืมกลับไปเล่นที่บ้านได้อีกด้วย ในสหรัฐฯ ตื่นตัวเรื่องนี้มากให้เวลาช่วงปิดเทอมนั้นเป็นเวลาของกีฬากลางแจ้ง พาเด็กไปค่าย ออกกำลัง ว่ายน้ำ ชมธรรมชาติสิ่งแวดล้อม แต่รัฐบาลไทยกำลังส่งเสริมอะไร ส่งเสริมให้เด็กยืมแท็ปเล็ตไปเล่นที่บ้าน ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า เป็นนโยบายที่ทำให้เด็กโง่ ตัวบั่นทอนสุขภาพคนไทยระดับหนึ่ง
อีกนโยบายหนึ่งคือที่กระทบสุขภาพคนไทย นพ.บรรจบ กล่าวว่า คือ นโยบายรถคันแรก ประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ส่งเสริมสร้างเมืองน่าอยู่ เมืองปลอดมลพิษ เมืองสะอาด มีบัสเลน สร้างสวนสาธารณะ โดยทุ่มเงินไปสร้างสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน หรือลอยฟ้า เพื่อลดการใช้รถยนต์ แต่มีรัฐบาลที่ไหน ถอยหลังเข้าคลอง สร้างนโยบายประชานิยมขึ้นมา นำเงินภาษีทุ่มเท เพื่อรถคันแรก
"นโยบายรถคันแรก สร้างเมืองสกปรก คนไทยสูดมลพิษเข้าไป เสียสุขภาพ ผมจึงมีความเห็นว่า จำนำข้าว แจกแท็ปเล็ต และรถคันแรก 3 นโยบายที่เลวร้าย ทำไมรัฐบาลมีสิทธิ์ทำเช่นนี้กับเรา"
เป็นความเห็นทางวิทยาศาสตร์ โดยแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่ใช่ความเห็นทางการเมืองหรือพ่อมดหมอผี อีปูมันจะฟังมั่งไม๊เนี่ยะ ถ้าไม่ฟัง ต้องเอาข้าวขึ้นราไปหุงให้มันกินที่ทำเนียบ