จริงๆแค่จะสร้างอีเวนท์ว่าฉันเป็นคนดี
ฉันกลับตัวกลับใจแล้วนะ
ช่วยลืมเรื่องชั่วๆของฉันที่ผ่านมาเสียเถิด
ฉันพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทยแล้วนะ(จ๊ะ)
แต่ล่าสุดไอ้แม้วมันด่ากลุ่มเจ๊ผ่านสไกป์แล้วนะครับ
ดูที่ขีีดเส้นใต้ครับ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:52
จริงๆแค่จะสร้างอีเวนท์ว่าฉันเป็นคนดี
ฉันกลับตัวกลับใจแล้วนะ
ช่วยลืมเรื่องชั่วๆของฉันที่ผ่านมาเสียเถิด
ฉันพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทยแล้วนะ(จ๊ะ)
แต่ล่าสุดไอ้แม้วมันด่ากลุ่มเจ๊ผ่านสไกป์แล้วนะครับ
ดูที่ขีีดเส้นใต้ครับ
ครอบครัวร้าวฉานนะนั่น!
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:31
เช้านี้ เข้าสายหน่อย อ่านมาตลอด เพราะเห็นมีข่าว TV
เมื่อเช้า เลยเกิด สังเวชสลดใจ. พฤติกรรม ของกลุ่มคน
พวกนี้ แปลกขึ้นทุกวัน .. .......
อ่านมาถึงที่คุณ( idecon # 15)เขียนถึง(วัดใหม่ยายแฟง)
หรือวัดคณิกาผล...( ไม่แน่ใจว่าวัดเดียวกันหรือเปล่า) แต่
ประวัติฯว่า เก็บเงินจากการค้า ประเวณี..มาสร้างวัด.อาชีพ
..หญิงงามเมือง..แต่พฤติกรรม เป็นกุศล.( ต้นคด ปลายตรง)
โบราณว่า...เมื่อนำมาเทียบกับ..พระพุทธเจ้าน้อย....อยากถาม?
มันเกิดอะไรขึ้น.?????????????????
...กรมการศาสนา อยู่ที่ไหน ?? มหาเถรสมาคม ทำอะไรอยู่??
ออกมาชี้แจงกันหน่อยได้ไหม????
>>>>> พระพุทธเจ้าน้อย..คือใคร???สำเร็จ มรรคผล เมื่อไร??
ที่ไหน?? ลูกเต้าเหล่ากอไหน??? บำเพ็ญเพียรที่ไหน??จำพรรษา-
อารามไหน??( หรือจะขึ้น..จานผี..ไปดาวพลูโตโต ) เอาให้แน่ก่อนนะ
ผมเป็นคน ( เชื่อ ปฏิปทา.ของ พระสารีบุตร ) คือได้รู้ได้เห็นแล้วต้อง
เก็บมา ไตร่ตรองก่อน ..ควรเชื่อหรือไม่...( ไม่ใช่รู้เห็นปั๊บ รีบซื้อทอง-
วิ่งไปปิด) อั๊ยย่า..เค๊าเป๋ อ้าาาา ( เอออ ถ้าบอกเป็น.พระโพธิสัตย์) ก็เออ
เห็นยังพอรับได้..แต่นี้.ตัวเท่า ลูกกะเป๋ง...บอกเป็น.พระพุทธเจ้า.....
>>>>>คนก็เชื่อ แห่กันไปทำบุญปิดทอง..จิตใจคนมันเสื่อมลงไปทุกวัน
ท่านมะหาวัตร เอ้ยย ผมเทศน์ สู้ท่านไม่ได้หรอก เหนื่อย( ใจ) ไม่รู้จะด่า-
ในรูปแบบไหนดี...ก็ขอประกาศไว้ตรงนี้เลย ( พวกเพี้ยน )................
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:39
พระพุทธเจ้าน้อย!?!?
ลัทธิใหม่หรือครับ
/人= ‿‿ =.u人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Hello, I'm a Kyubey /人◕ ‿‿ ◕人\
╱/(っ◕ ‿‿◕)っ Please Make a contract with me and become a Magical girl! /人◕ ‿‿ <人\
ข้าพเจ้าขอสนับสนุนท่านผู้นำที่น่ารักที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ!!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!! Heil Lertih Adolf!!
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:42
พระพุทธเจ้าน้อย!?!?
ลัทธิใหม่หรือครับ
/人= ‿‿ =.u人\
Brand ใหม่ครับ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:39
เสนอให้ MOD ปักหมุดครับ ( ผมคิดว่าได้ความรู้ดีครับ )
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:07
รูปนี้ "คน" วาดขึ้นตามความเชื่อของตน ไม่ใช่ความจริง
เหมือนพระเกศามวยของพระพุทธเจ้า ในประวัติศาสตร์ไม่มีจริง เพราะเรื่องจริงพระพุทธเจ้าทรงโกนพระเกศาเกลี้ยง
เหมือนพระภิกษุปัจจุบันนี่แหละครับ
เพราะในพุทธประวัติก็ปรากฏหลายตอนว่าท่านทรงถูกเรียกจากผู้ดูหมิ่นต่อต้านว่า "ไอ้โล้น" บ้าง "นักบวชหัวโล้น" บ้าง
เกร็ดพวกนี้คือข้อยืนยันทางประวัติศาสตร์อย่างดี
อย่าเอาสิ่งสมมติทืีมนุษย์คิดเองเออเองขึ้น มาทำเหมือนว่ามันคือความจริงเลย
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:19
เป็นกุศโลบาย ของคุณหญิง ในการเชิญชวนคนมาทำบุญเพื่อบูรณะวัดในอินเดีย พวกปากพร้อย ก็วิจารณ์ไปเรื่อย
กุศโลบายหรืองมงาย เอาให้แน่
ศาสนาพุทธน่ะ ไม่มีสอนให้ปั้นรูปเคารพหรอกนะ
และถ้าคิดจะแก้กรรมกันก็ยิ่งไปกันใหญ่
กรรมแก้ไม่ได้ ล้างไม่หายหรอก
ทำชั่วทรามต่ำช้าอะไรไว้ก็ต้องรับรู้ว่าจะได้รับผลกรรมนั้นในที่สุด
ไม่มีการสอน แล้วเขาห้ามปั้นพระพุทธรูปเพื่อเคารพบูชาหรือ
ไปดูพระสายอาจารย์มั่นสิ แต่ละวัด ก็มีพระพุทธรูปกราบไหว้ ทั้งนั้น แม้แต่วัดของหลวงตาบัว หลวงพ่อชา ก็มีพระพุทธรูปทั้งนั้น
แบบนี้พระอาจารย์เหล่านั้นก็งมงาย หมดสิ
เหมือนจะรู้แต่ดัน งงกับคำพูดตัวเอง
แล้วรูปปั้น"พระพุทธเจ้าน้อย"เป็น พระพุทธรูป ตรงไหน ???
ฟลายยยยยย !!!
" ประกาศบอยคอต ช่อง 3 ไม่ว่าจะข่าว ละคร หรือการ์ตูนลูก กรูไม่ดู !!! "
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:07
เสื่อม
ผมถึงเคยคิดจะนับถือพุทธมาระยะนึงแล้วครับ
นับวันจะยิ่งเสื่อมลงทุกวัน ๆ
ของ ดี มีอยู่ เพชรอยู่ ใน ดิน ฉันใด พระแท้ก็ยังมีอยู่ในพระพุทธศาสนาฉันนั้น
เพียงแต่จะสนใจเสาะหาหรอไม่
แต่เรื่องนี้พูดได้ครับเดียวเฮ่อ ดูรักษาจิตตัวเองเอาตัวให้รอดดีกว่าแมลงเม่าชั่งมัน ตัวใดตัวมันก่อนแล้วกัน
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:26
คุณเปลว สีเงิน ...เขียนได้ดีมาก ตรงใจดิฉันที่สุด
ดิฉันไม่แอนตี้ความคิดของคุณหญิงสุดารัตน์นะคะ เข้าใจว่าท่านเองก็คงเจตนาดี ตั้งใจดี
เพียงแต่ว่า ท่านเองคงไม่ทราบว่า ความคิดอันนี้ มันไม่ใช่เส้นทางของพุทธเลย
อย่างที่คุณเปลวเขียนเลย มันจะทำให้คนหันเหความสนใจในธรรมะ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อนำไปปฏิบัติ
กลับมายึดติดกับวัตถุ มายึดติดกับสภาวะอะไรสักอย่างนึงแทน และจะว่าไปก็จริงอย่างคุณเปลวพูด
เจ้าชายสิทธัตถะ ในวัยเด็กจนถึง 35 ท่านยังไม่บรรลุธรรมเลย...จะเรียกท่านว่าพระพุทธเจ้าน้อย ไม่ได้นะคะ
.............................
หลักใหญ่ใจความของกระทู้อยู่ตรงนี้แหละครับ
เห็นบางคนบอกว่า น่าจะเป็นพระโพธิสัตว์มากกว่า
มีพระสงฆ์อยู่รูปนึง สอนธรรมะแบบฮาร์ดคอร์พอสมควร อยู่วัดป่าสามแยก หรือสำนักสงฆ์ป่าสามแยก จะสอนว่าห้ามกราบไหว้พระพุทธรูป จนเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว เพราะพระพุทธรูปไม่ใช่ตัวแทนของพระพุทธเจ้า เป็นเพียงแค่ทองเหลือง โลหะที่ปั้นแต่งขึ้นมาเท่านั้น สิ่งที่ควรยึดถือคือพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
อันนี้ ผมว่าท่านไม่ได้สอนให้กราบไห้ว แบบ งมงาย มากกว่า เพราะท่านบอก ยกตัวอย่างว่า น้ำมาไปนั้งกราบไห้วขออย่างนู้นอย่างนี้ ขนาดท่านเองยังไม่รอดจากการจมน้ำเลยแล้วจะช่วยได้อย่างไร(แต่ท่านสอนแบบฮาร์ดคอร์ จริงนั้นแหละ) ถ้าคนที่กราบไหว้เพื่อระลึกถื่นเฉยๆ ก็จะมีปฏิกิริยาแปลกๆ กราบไห้วเพราะคิดว่าศักดิ์ก็เป็นอีกแบบ กราบไหว้เพราะยึดพระพุทธรูปเป็นสรณะก็อีกแบบ
ส่วนผมแค่ที่ระลึกถึง เพราะพระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว
Edited by ter162525, 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:27.
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:38
จริงอยู่ที่คิดอย่างนั้น แต่ควรสักการะเพื่อระลึก แสดงความนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้า
หลายๆ คน ก็สักการะพระพุทธรูปเพื่อขอพร วอนขออะไรต่างๆ
การขอคือการอธิษฐาน การอธิษฐานที่ดีต้องตั้งอยู่ในธรรม เพราะหากไม่ตั้งธรรมในหัวใจการขอนั้นก็อาจจะให้โทษได้
น่าจะผิิดนะ ครับ การอธิษฐานไม่ใช่การขอ ครับ การอธิษฐาน แท้จริงแล้วคือการตั้งจิต ครับ ถ้ามองว่า การขอคือการอธิษฐานเราจักได้แต่ การสักการระเพื่อวอนขอ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:45
นังหน่อยชอบคำว่าน้อยครับ
ไม่ชอบคำว่าหลวงอ่ะมันเเสลงใจเอย 55555
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:48
เป็นกุศโลบาย ของคุณหญิง ในการเชิญชวนคนมาทำบุญเพื่อบูรณะวัดในอินเดีย พวกปากพร้อย ก็วิจารณ์ไปเรื่อย
เค้าติเตียนก็เพื่อพระศาสนาเจริญมั่นคงขอรับ สมองหมา ปัญญาควายแบบสัตว์อย่างมะรึงเท่านั้นที่คิดว่าควรสนับสนุนเพราะเค้าเป็นคุณหญิง... เชิญขอรับ จะไปจมปลักสนับสนุนกันให้ถึงนรกขุมไหนๆก็ตามสบายขอรับไม่ได้ห้าม... ตามสะดวก
เอาแค่ "วัดในประเทศ" ตามชนบท ก็พอแล้วมั้งครับ
มีวัดอีกเยอะแยะมากมาย ที่รอให้ไปช่วยเหลือ
ทำไมไม่คิดไปบูรณะ หล่ะครับ...( หรือเพราะว่า ทำไปแล้ว ไม่ดัง ไม่ได้หน้า ศรัทธา เลยไม่เกิด !!!)
ทำบุญที่ไ้ด้บุญสูงสุด
ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลยนะครับ
ทานมัย ได้บุญน้อยสุด ( การให้ทาน สิ่งของ เงิน )
ศีลมัย ได้บุญกว่าการทานมัย เป็นร้อยเท่า พันเท่า ( รักษาศีล 5 และ ศีล 8 )
ภาวนามัย ได้บุญกว่า ศีลมัย เป็นร้อย เท่า ( การนั่งสมาธิ และวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ต้องใช้เงินด้วย )
พวกที่ทำโครงการนี้ถ้าจิตดี และปฏิบัติดี
ขอให้บุญกุศลนะครับ
แต่ถ้าเอาเิงินไปทำอย่างอื่น ก็คิดเอาเองก็แล้วกัน นรก...........กำลังรออยู่เลย
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:50
ให้สามคำละกัน หน่อยหาแดรก
5555555555+
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:46
น่าจะผิิดนะ ครับ การอธิษฐานไม่ใช่การขอ ครับ การอธิษฐาน แท้จริงแล้วคือการตั้งจิต ครับ ถ้ามองว่า การขอคือการอธิษฐานเราจักได้แต่ การสักการระเพื่อวอนขอ
ขอนอกเรื่องนิดนะครับ เดี๋ยวจะวนกลับไปอธิบายว่าทำไมผมจึงคิดว่าการขอเป็นการอธิษฐาน
การขอไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกลียด แต่มันต้องรู้จักประมาณ เพราะสิ่งที่ขอสำเร็จได้ด้วยแรงตน การจะขอจึงต้องรู้ความเป็นไปได้ของการขอ บางสิ่งไม่อาจสำเร็จได้ในเร็ววัน จึงไม่ควรตั้งความปรารถนาโดยไม่ดูกำลัง การขอบางครั้งก็เป็นการให้ หากได้พิจารณาอย่างแยบคายแล้วขอออกไป การขอที่ดีจึงเป็นการอธิษฐาน
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:37
น่าจะผิิดนะ ครับ การอธิษฐานไม่ใช่การขอ ครับ การอธิษฐาน แท้จริงแล้วคือการตั้งจิต ครับ ถ้ามองว่า การขอคือการอธิษฐานเราจักได้แต่ การสักการระเพื่อวอนขอ
ขอนอกเรื่องนิดนะครับ เดี๋ยวจะวนกลับไปอธิบายว่าทำไมผมจึงคิดว่าการขอเป็นการอธิษฐาน
การขอไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกลียด แต่มันต้องรู้จักประมาณ เพราะสิ่งที่ขอสำเร็จได้ด้วยแรงตน การจะขอจึงต้องรู้ความเป็นไปได้ของการขอ บางสิ่งไม่อาจสำเร็จได้ในเร็ววัน จึงไม่ควรตั้งความปรารถนาโดยไม่ดูกำลัง การขอบางครั้งก็เป็นการให้ หากได้พิจารณาอย่างแยบคายแล้วขอออกไป การขอที่ดีจึงเป็นการอธิษฐาน
วันนี้ออกตะแล๊ดๆตรวจงานซะทั้งวัน ยังขายดีอยู่เลย เอิ๊กๆๆๆๆ
พระตถาคตกล่าวเรื่องการอ้อนวอนขอไว้ว่าเป็นมิจฉาทิฐฐิขอรับ เพราะในหมูสมณะอื่นๆก็มีการบนบาน, อธิษฐาน อ้อนวอนขอโน่น ขอนี่อยู่เป็นธรรมดา... พระตถาคตเคยถามพวกสมณะเหล่านั้นว่า "หากการขอๆต่อเทพเทวดานั้นสัมฤทธิ์ผลได้จริง มนุษย์ทุกคนก็สามารถทำได้... ก็คงสำเร็จผลกันไปทั้งโลกแล้วสิ"
...พระองค์จึงให้ "พึ่งตน พึ่งธรรม" ขอรับ มีตนเป็นสรณะ มีธรรมเป็นสรณะ ประพฤติ ปฏิบัติตามอริยมรรคให้ถูก ให้ตรง ให้สม่ำเสมอแล้ว จะหลุดพ้นได้ทุกประการ...
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:50
เช้านี้ เข้าสายหน่อย อ่านมาตลอด เพราะเห็นมีข่าว TV
เมื่อเช้า เลยเกิด สังเวชสลดใจ. พฤติกรรม ของกลุ่มคน
พวกนี้ แปลกขึ้นทุกวัน .. .......
อ่านมาถึงที่คุณ( idecon # 15)เขียนถึง(วัดใหม่ยายแฟง)
หรือวัดคณิกาผล...( ไม่แน่ใจว่าวัดเดียวกันหรือเปล่า) แต่
ประวัติฯว่า เก็บเงินจากการค้า ประเวณี..มาสร้างวัด.อาชีพ
..หญิงงามเมือง..แต่พฤติกรรม เป็นกุศล.( ต้นคด ปลายตรง)
โบราณว่า...เมื่อนำมาเทียบกับ..พระพุทธเจ้าน้อย....อยากถาม?
มันเกิดอะไรขึ้น.?????????????????
...กรมการศาสนา อยู่ที่ไหน ?? มหาเถรสมาคม ทำอะไรอยู่??
ออกมาชี้แจงกันหน่อยได้ไหม????
>>>>> พระพุทธเจ้าน้อย..คือใคร???สำเร็จ มรรคผล เมื่อไร??
ที่ไหน?? ลูกเต้าเหล่ากอไหน??? บำเพ็ญเพียรที่ไหน??จำพรรษา-
อารามไหน??( หรือจะขึ้น..จานผี..ไปดาวพลูโตโต ) เอาให้แน่ก่อนนะ
ผมเป็นคน ( เชื่อ ปฏิปทา.ของ พระสารีบุตร ) คือได้รู้ได้เห็นแล้วต้อง
เก็บมา ไตร่ตรองก่อน ..ควรเชื่อหรือไม่...( ไม่ใช่รู้เห็นปั๊บ รีบซื้อทอง-
วิ่งไปปิด) อั๊ยย่า..เค๊าเป๋ อ้าาาา ( เอออ ถ้าบอกเป็น.พระโพธิสัตย์) ก็เออ
เห็นยังพอรับได้..แต่นี้.ตัวเท่า ลูกกะเป๋ง...บอกเป็น.พระพุทธเจ้า.....
>>>>>คนก็เชื่อ แห่กันไปทำบุญปิดทอง..จิตใจคนมันเสื่อมลงไปทุกวัน
ท่านมะหาวัตร เอ้ยย ผมเทศน์ สู้ท่านไม่ได้หรอก เหนื่อย( ใจ) ไม่รู้จะด่า-
ในรูปแบบไหนดี...ก็ขอประกาศไว้ตรงนี้เลย ( พวกเพี้ยน )................
ให้คาถาลุงไว้สักบทไว้ลองนั่งเทียนปลุกเสกดูนะขอรับ... พระพุทธองค์ตรัสว่าใครทำได้ครบตามนี้ หวังสิ่งใดจะสำเร็จทุกประการ...
...มี 5 ประการขอรับ... 1 สัทธา 2 ศีล 3 สุตตะ 4 จาคะ 5 ปัญญา...
ฮี่ๆๆ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:13
หน่อยเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น้องทักษิณ ก็ไปบวชที่เนปาล ส่วนโครงการหาเงินไปสร้างวัดที่เนปาล ใครเป็นเจ้าภาพ?
การเมืองและผลประโยชน์ล้วนๆ
ไม่ต้องสงสัยครับว่าพระพุทธเจ้าน้อยมาจากไหน ผมตอบไปเมื่อวันก่อน ไปดูข่าวเก่าๆที่บอกว่ามีการระดมทุน 240 ล้านบาท
อย่าเชื่อในสิ่งที่ไอ้แม้วและไอ้พวกแกนนำ นปช. พูด
แต่ให้ดูในสิ่งที่พวกมันทำ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:18
กระทู้เวปในลานธรรม เขาอธิบายอย่างนี้
ขอเรียนว่า ผมอ่านบทความตามข่าวที่ท่านโพสต์ลงมาแล้ว
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:43
กระทู้เวปในลานธรรม เขาอธิบายอย่างนี้
ขอเรียนว่า ผมอ่านบทความตามข่าวที่ท่านโพสต์ลงมาแล้ว
เห็นว่าในบทความนั้น ผู้เขียนเขาไม่ได้ตำหนิอะไรในเรื่องของการจัดสร้าง และการบูชานะครับแต่เขาไม่เห็นด้วยในเรื่องของการเรียกชื่อ “พระพุทธเจ้าน้อย”โดยเขามองว่าพระพุทธเจ้ามีพระนามเดียวก็พอแล้ว ไม่ต้องไปเรียกว่าใหญ่หรือน้อยแล้วเขาก็กังวลว่า ในไม่ช้า จะมีการสร้างรูป-หล่อรูปต่างๆ นานาแล้วอ้างเป็นอีกปางหนึ่งของพระพุทธเจ้าปลุกเสกขายเรื่องนี้ถ้าจะคุยกันก็คงต้องอธิบายกันยาว ๆ แต่ผมขอสรุปให้อย่างย่อ ๆ นะครับ๑. จะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่หากจะเรียกชื่ออย่างเป็นทางการแล้วส่วนตัวผมเห็นว่าควรเรียกว่า “พระพุทธรูปปางประสูติ”๒. เรื่องพระพุทธรูปปางต่าง ๆ นั้น มีมานานแล้วตั้งแต่ในอดีต ไม่ใช่เพิ่งจะมีผมค้นดูอย่างเร็ว ๆ ก็พบ ๖๐ กว่าปางแล้วลองคลิ๊กเข้าไปอ่านประวัติของแค่ละปางได้ครับเรื่องที่ผู้เขียนบทความกังวลว่าในไม่ช้าจะมีคนทำพระพุทธรูปปางต่าง ๆ ออกมาจำหน่ายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย เพราะมีทำกันมานานแล้ว (ทำมาก่อนผมจะเกิดเสียอีก)๓. บางท่านอาจจะอ้างว่า ไม่ควรเรียกว่า “พระพุทธเจ้า” ควรเรียกว่า “พระโพธิสัตว์”เพราะขณะที่ประสูตินั้น ท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์ ยังไม่ได้ตรัสรู้ผมขอแนะนำว่าให้ลองดูพระพุทธรูปปางอื่น ๆ ก่อนตรัสรู้ก็มีนะครับเช่นในเว็บนี้ ปางที่ ๒ ถึงปางที่ ๑๐ ก็เป็นปางก่อนตรัสรู้เหมือนกันโดยที่เราจะเห็นบ่อย ๆ ก็คือปางทุกกรกิริยา และปางมารวิชัย (ชนะมาร)ปางชนะมารนี้เห็นบ่อยมากในหลาย ๆ วัด (ปางที่มีพระแม่ธรณีมาบีบมวยผมนั่นแหละครับ)๔. บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับรูปหล่อในลักษณะนี้เพราะเห็นว่าไม่เหมือนกับพระพุทธรูปทั่ว ๆ ไปที่เราเคยเห็นจนชินตาขอเรียนว่ารูปหล่อในลักษณะนี้ได้ทำกันมานานแล้ว โดยเฉพาะที่วัดไทยลุมพินี ซึ่งอยู่ในประเทศเนปาลภาษาอังกฤษเขาเรียกกันว่า “Baby Buddha” ทีนี้ ถ้าจะแปลเป็นไทยจะแปลว่าอะไรผมเข้าใจว่าคณะทำงานที่เกี่ยวข้องก็เลยแปลออกมาว่าเป็น “พระพุทธเจ้าน้อย”ซึ่งผมอ่านแล้ว ก็ไม่ได้เห็นว่าจะเป็นการเสียหายอะไรนะครับใช้คำว่า “น้อย” ยังดีกว่าแปลตรงตัวแล้วใช้คำว่า “ทารก”๕. หากบางท่านมองว่าไม่ควรเรียกว่าพระพุทธเจ้าน้อย เพราะว่าทำให้พระพุทธเจ้ามีหลายชื่อผมเห็นแย้งนะครับ โดยผมเห็นว่าพวกเขาไม่ได้เจตนาจะไปเปลี่ยนชื่อพระพุทธเจ้าแต่ว่าพวกเขาเจตนาจะเรียกชื่อ “พระพุทธรูป”เราต้องแยกให้ออกครับว่า “ชื่อพระพุทธรูป” ไม่ใช่ “ชื่อพระพุทธเจ้า”อย่างเราเรียก “พระแก้วมรกต” หรือ “หลวงพ่อโสธร” หรือ “พระพุทธชินราช” เป็นต้นโดยการเรียกอย่างนี้ เราไม่ได้เจตนาไปตั้งชื่อเพิ่มให้กับพระพุทธเจ้าครับแต่เราสมมุติชื่อเพื่อหมายถึงพระพุทธรูปแต่ละองค์ ๆ หมายถึงองค์นั้น องค์นี้หากบอกว่าการตั้งชื่อพระพุทธรูป ถือเป็นการเพิ่มชื่อให้พระพุทธเจ้า และผิดอย่างนี้การเรียกชื่อพระพุทธรูปทั่วประเทศไทย ก็ต้องผิดทั้งหมด(กระทั่งพระอารามหลวงหลาย ๆ แห่งก็มีชื่อพระประธานทั้งนั้น)นอกจากนี้ ในวัดหลาย ๆ แห่งยังเรียกว่า “หลวงพ่อ” (ซึ่งน่าจะหมายถึงพระสงฆ์) ด้วยซ้ำไปแต่หากเราเข้าใจความแตกต่างระหว่าง “ชื่อพระพุทธรูป” และ “ชื่อพระพุทธเจ้า” แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรนะครับสรุปคือ ในความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ท่าน จขกท บูชาได้ครับ ไม่ผิดอะไรและที่พวกเขาเรียกชื่อพระพุทธรูปปางประสูติว่า “พระพุทธเจ้าน้อย” ก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ(เหมือนอย่างบางวัดเรียกพระพุทธรูปว่า "หลวงพ่อโต" ก็ไม่ได้แปลว่าจะตั้งชื่อเพิ่มให้พระพุทธเจ้า)เป็นแค่การตั้งชื่อพระพุทธรูปเท่านั้น ไม่ได้ตั้งชื่อเพิ่มให้พระพุทธเจ้า และไม่ได้บิดเบือนธรรมะอะไร
งง งงเต่า เขียนเกินสามบรรทัด
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:45
ผมไปกอปปี้มาครับ ไม่ได้เขียนเอง
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:46
พระพุทธเจ้าน้อย มาโลกด้วยจานบิน นะจ๊ะ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:52
ทั้งไอ้ที่ก๊อปมา กับคนก๊อปมันรู้มั้ย... พระพุทธเจ้าตรัสเรื่องพระพุทธรูปไว้อย่างไร?
เฮ้ออออออออ คงเกินสติปัญญาแล้วขอรับ เชิญมะรึงเห๊อะ.. แค่วันนี้ไปเดินร้านหนังสือเห็นหนังสือเจน ยานถีบ กับริว เจี๊ยวสัมผัสขึ้นเป็นอันดับ 1 ในยอดขายก็พอรู้แล้ว สังคมมันไปทางไหน...
นรก สวรรค์ เรื่องของมะรึ๊งงงงง... กรูไม่เกี่ยว....
Edited by wat, 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:52.
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:58
ประเด็นง่ายๆ สั้นๆ พระพุทธเจ้าท่่านตรัสรู้เมื่อไหร่ หรือว่า ตรัสรู้ตั้งแต่ประสูติ ถึงกล้าเรียกว่า มี พระพุทธเจ้าน้อย
คอมเม้นท์จากคนห่างวัด แต่เข้าใจหลักธรรมของศาสนาพุทธ คริคริ
ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 18:59
นาย wat จิตวิปลาส เหมือน พระเกษม แห่งวัดสามแยก เพชรบูรณ์ ไปแล้วพี่น้อง
นี่คือพระเกษม ที่เที่ยวไล่สอนคน ไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป แล้วดูท่านมีอันเป็นไปอย่างไร
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:11
นาย wat จิตวิปลาส เหมือน พระเกษม แห่งวัดสามแยก เพชรบูรณ์ ไปแล้วพี่น้อง
นี่คือพระเกษม ที่เที่ยวไล่สอนคน ไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป แล้วดูท่านมีอันเป็นไปอย่างไร
ยังไงก็ไม่นรกเหมือนมะรึงหรอกขอรับ รับรองด๊ายยยยย...
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:14
นาย wat จิตวิปลาส เหมือน พระเกษม แห่งวัดสามแยก เพชรบูรณ์ ไปแล้วพี่น้อง
นี่คือพระเกษม ที่เที่ยวไล่สอนคน ไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป แล้วดูท่านมีอันเป็นไปอย่างไร
ยังไงก็ไม่นรกเหมือนมะรึงหรอกขอรับ รับรองด๊ายยยยย...
Wat เข้าหน้าร้อนแล้ว ระวังหมาบ้ากัด
อย่าเชื่อในสิ่งที่ไอ้แม้วและไอ้พวกแกนนำ นปช. พูด
แต่ให้ดูในสิ่งที่พวกมันทำ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:15
อย่างน้อยกระพ๊มกราบอะไร... ก็รู้ ศรัทธาอะไร...ก็รู้ เคารพอะไร...ก็รู้... ไม่ต้องเป็นควายให้คุณหญิงของใครจูงให้ไปเชื่อ ไปงมงายหรอกขอร๊าบบบบบบบ...
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:31
นาย wat จิตวิปลาส เหมือน พระเกษม แห่งวัดสามแยก เพชรบูรณ์ ไปแล้วพี่น้อง
นี่คือพระเกษม ที่เที่ยวไล่สอนคน ไม่ให้กราบไหว้พระพุทธรูป แล้วดูท่านมีอันเป็นไปอย่างไร
ยังไงก็ไม่นรกเหมือนมะรึงหรอกขอรับ รับรองด๊ายยยยย...
Wat เข้าหน้าร้อนแล้ว ระวังหมาบ้ากัด
มันไปไล่กัดชาวบ้านเค้าทู้อื่นแล้วขอรับ... เจอน้ำร้อนสาดเข้าไปตะกี้...
เคี๊ยกๆๆๆๆๆๆ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:34
อ้าย wat มันก็เหมือนเทวทัต และสาวกนั่นแหละ ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าแบบไม่ลึกซึ้ง หรือพวกอ่านพระไตรปิฎกแบบเถรตรง แบบกำปั้นทุบดิน
ก็เหมือนมหายาน และสันติอโศกนั่นแหละ ไปเข้าใจตามเทวทัตว่าศีลข้อ1 ห้ามฆ่าสัตว์ และการกินเนื้อสัตว์ ถือว่าส่งเสริมการฆ่าสัตว์
สมองแคบแบบนี้ หนักๆข้อเข้า ก้เหมือนพระเกษมนั่นแหละ อันนู้นก็ผิด อันนี้ก็ผิด อันนั้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ จวนๆกันเข้า จนจิตวิปลาส กลายเป็นบ้า นั่นแหละ
Edited by งงเต่า, 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:35.
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:47
อ้าย wat มันก็เหมือนเทวทัต และสาวกนั่นแหละ ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าแบบไม่ลึกซึ้ง หรือพวกอ่านพระไตรปิฎกแบบเถรตรง แบบกำปั้นทุบดิน
ก็เหมือนมหายาน และสันติอโศกนั่นแหละ ไปเข้าใจตามเทวทัตว่าศีลข้อ1 ห้ามฆ่าสัตว์ และการกินเนื้อสัตว์ ถือว่าส่งเสริมการฆ่าสัตว์
สมองแคบแบบนี้ หนักๆข้อเข้า ก้เหมือนพระเกษมนั่นแหละ อันนู้นก็ผิด อันนี้ก็ผิด อันนั้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ จวนๆกันเข้า จนจิตวิปลาส กลายเป็นบ้า นั่นแหละ
สาวกเทวทัต คงเหลือแต่มะรึงนั่นแหละขอรับ... รอตามท่านศาสดาไปในเร็ววัน.... เอิ๊กๆๆๆๆ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 19:56
อ้าย wat มันก็เหมือนเทวทัต และสาวกนั่นแหละ ฟังคำสอนพระพุทธเจ้าแบบไม่ลึกซึ้ง หรือพวกอ่านพระไตรปิฎกแบบเถรตรง แบบกำปั้นทุบดิน
ก็เหมือนมหายาน และสันติอโศกนั่นแหละ ไปเข้าใจตามเทวทัตว่าศีลข้อ1 ห้ามฆ่าสัตว์ และการกินเนื้อสัตว์ ถือว่าส่งเสริมการฆ่าสัตว์
สมองแคบแบบนี้ หนักๆข้อเข้า ก้เหมือนพระเกษมนั่นแหละ อันนู้นก็ผิด อันนี้ก็ผิด อันนั้นก็ทำไม่ได้ อันนี้ก็ทำไม่ได้ จวนๆกันเข้า จนจิตวิปลาส กลายเป็นบ้า นั่นแหละ
สาวกเทวทัต คงเหลือแต่มะรึงนั่นแหละขอรับ... รอตามท่านศาสดาไปในเร็ววัน.... เอิ๊กๆๆๆๆ
Wat อย่าหัวเราะ เอิ๊กๆๆๆๆ ยางง้าน ม่ายอาว
ต้องยางงี้คร๊าบ ก๊าก กาก กาก กาก ก๊าก กาก กาก กาก
อย่าเชื่อในสิ่งที่ไอ้แม้วและไอ้พวกแกนนำ นปช. พูด
แต่ให้ดูในสิ่งที่พวกมันทำ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:42
เหอะ เหอะ เหอะ ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับผู้ที่ชี้แจงในเว็ปลานธรรมเท่าใดนัก
ผมว่า พระพุทธรูปในความเข้าใจของคนไทยที่นับถือพุทธ คือพระพุทธเจ้าเท่านั้น
ส่วนใครจะปั้นจะหล่อ รูปของพระองค์ใดขึ้นมานั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่รูปของ
องค์พระพุทธเจ้า
ประเทศไหน จะหล่อจะปั้น พระพุทธเจ้าเป็นแบบใด ก็เป็นความเชื่อของเขาไม่ใช่
ของไทยเขาเชื่ออย่างไรเขาก็ปั้นของเขา ไทยเชื่ออย่างไรก็ปั้น หล่อ แบบไทย
ถ้าจะเรียกรูปพระพุทธเจ้าตอนประสูติว่าเป็นพระพุทธรูปปางประสูติ ผมว่ายิ่งไป
กันใหญ่เลย ทางที่ดีควรเรียกให้ใกล้เคียงกับพุทธประวัติน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะตาม
พุทธประวัตินั้น น่าจะเรียกว่าพระโพธิสัตว์ เพราะเทวดาทั้งหลายแหล่ทูลขอให้พระ
โพธิสัตว์ มาจุติ เพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อจุติแล้วก็เดินได้ 7 ก้าว ชูพระหัตถ์ขวาชูนิ้ว
เปล่งวาจาว่า
"เราจะเป็นคนเก่งที่สุดในโลกคนหนึ่ง ซึ่งจะหาผู้ใดเสมอเหมือนไม่มีชาติที่เกิดนี้เป็น
ชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่ได้เกิดต่อไปในเบื้องหน้าอีกแล้ว"
นี่ผมอ่านตามพุทธประวัตินะครับ ส่วนรูปที่ชูพระหัตถ์นั้น รูปเดิมที่อาจารย์เหม เวชกร
เขียนไว้ไม่นุ่งผ้าเลย มีใบไม้ปิดใบเดียว รูปที่มาหล่อขึ้นนี้คงดัดแปลงมาจึงมีผ้าคลุม
ผมว่าเรื่องนี้ คงอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคนละครับ ใครเชื่ออย่างไรก็เชื่อกันไป แต่อย่าให้
มันถึงกับออกนอกคำสอนจนศาสนาเพี้ยนก็แล้วกัน
แต่ใครจะเชื่ออย่างไร ก็อย่าลืมที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอจงมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ
มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะ"
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:59
เพิ่มความรู้ให้นิดนึง การตั้งชื่อพระพุทธรูป
http://www.komchadlu...ml#.UT80f9ZkOME
การตั้งชื่อพระ-พระประธาน : คำวัด
การตั้งชื่อพระ-พระประธาน : คำวัด โดยพระธรรมกิตติวงศ์
คตินิยมในการเฉลิมพระนามพระพุทธรูป หรือการตั้งชื่อพระพุทธรูปนั้น ในหนังสือ "พุทธนาคบริรักษ์ ๔๘ พรรษา สยามบรมราชกุมารี" ซึ่งเป็นหนังสือที่กองงานในพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา ๔๘ พรรษา พุทธศักราช ๒๕๔๖ หนังสือนี้พระองค์ได้พระราชทานให้ห้องสมุดต่างๆ ทั่วประเทศ ได้รวบรวม การเฉลิมพระนามพระพุทธรูปไว้ดังนี้
๑.เฉลิมพระนามตามพระนามพระพุทธเจ้า เช่น พระพุทธโลกนาถ พระพุทธโคดม พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ เป็นต้น
๒.เฉลิมพระนามตามลักษณะและวัสดุที่จัดสร้างพระพุทธรูป เป็นต้นว่า ตามวัสดุที่สร้าง เช่น พระแก่นจันทน์ (สร้างจากไม้แก่นจันทน์) พระแก้วมรกต (สร้างจากหยกสีเขียว) หลวงพ่อศิลา (สลักจากหิน) หลวงพ่อทองคำ (สร้างจากโลหะทองคำทั้งองค์) เป็นต้น
๓.เฉลิมพระนามตามลักษณะเด่นบางประการของพระพุทธรูป องค์นั้น เช่น พระอัฏฐารส (พระสูง ๑๘ ศอก) พระเจ้าแข้งคม (วัดศรีเกิดเชียงใหม่ พระชงฆ์ ๒ ข้างเป็นสันคม) หรือตั้งตามขนาดของพระพุทธรูป เช่น หลวงพ่อโต (พระพุทธรูปมีลักษณะองค์ใหญ่โต) หรือตามสีของโลหะ เช่น หลวงพ่อดำ (พระพุทธรูปสีดำ) หลวงพ่อขาว (พระพุทธรูปปูนปั้นสีขาว) เป็นต้น
๔.เฉลิมพระนามตามเทคนิคหรือเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นขณะการสร้าง เช่น พระเหลือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก ซึ่งเป็นพระที่หล่อจากเศษทองที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราช
๕.เฉลิมพระนามเพื่อเป็นมงคลอนุสรณ์ แก่บุพการีชนหรือผู้สร้าง เช่น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างพระพุทธรูป ๒ องค์ คือ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และพระพุทธเลิศหล้านภาลัย อุทิศถวายแด่รัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ เป็นต้น
๖.เฉลิมพระนามตามพุทธานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่ประจักษ์แจ้ง เช่น พระไพรีพินาศ (ศัตรูแพ้ภัย) พระเจ้าทันใจ (เชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้ได้สร้างสำเร็จภายใน ๑ วัน อธิษฐานสิ่งใดจะได้ดังใจปรารถนาทันใจ) เป็นต้น
๗.เฉลิมพระนามตามนามหรือลักษณะภูมิศาสตร์ของท้องที่ที่พบหรือประดิษฐาน เช่น หลวงพ่อวัดไร่ขิง นครปฐม หลวงพ่อวัดบ้านแหลม สมุทรสงคราม เป็นต้น
๘.เฉลิมพระนามตามปางที่สร้าง เช่น พระฉันสมอ (วัดอัปสรสวรรค์ ปางฉันสมอ) พระป่าเลไลยก์ (หลวงพ่อโต สุพรรณบุรี ปางป่าเลไลยก์) พระพุทธไสยาสน์ (ปางไสยาสน์) เป็นต้น
๙.เฉลิมพระนามอันเป็นมงคลนาม เพื่อความเป็นสรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล แก่การสักการบูชา ตามเห็นสมควร
ส่วนคำว่า "พระประธานนั้น" พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอสาราม ได้อธิบายความหมายไว้ว่า พระประธาน คือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์
พระประธาน ถือกันว่าเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า คล้ายกับพระองค์ประทับเป็นประธานในเวลาทำสังฆกรรม หรือเวลาในการทำกิจของสงฆ์ หรือในเวลาที่พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา เข้าเฝ้าตอนทำวัตรเช้า-เย็น
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า พระประธาน ปกติจะหมายถึง พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์เท่านั้น แต่ปัจจุบันนิยมเรียกพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารบ้าง บนศาลาการเปรียญบ้างว่าเป็นพระประธานเหมือนกัน เป็นแต่ว่าเพิ่มคำให้ชัดเจนลงไปว่า พระประธานในวิหาร พระปรธานบนศาลา
Edited by อู๋ ฮานามิ, 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:00.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:17
อีกหน่อย คงมีพระเจ้ามูลเมืองน้อย หน้าเหลี่ยมๆ ตามออกมาให้บูชากัน
พระพุทธชินวัตรมุนี ที่วัดป่าธรรมชาติ จ.เชียงใหม่
http://www.oknation....2/04/08/entry-1
Edited by ยิงเเม่งเลย, 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:20.
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:25
อีกหน่อย คงมีพระเจ้ามูลเมืองน้อย หน้าเหลี่ยมๆ ตามออกมาให้บูชากัน
พระพุทธชินวัตรมุนี ที่วัดป่าธรรมชาติ จ.เชียงใหม่
http://www.oknation....2/04/08/entry-1
น่าบอกให้พระเกษมข้างบนโน้นไปกราบนมัสการซะหน่อยนะขอรับ...
คิกๆๆๆๆ
ตอบ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:37
อ่านมาเรื่อย ๆ ผ่าน ๆ บ้าง บางโพสต์
โพสต์ที่ 121 ทำให้ผมกระจ่างเลยว่า เหตุใด ฝรั่งเขาถึงได้ เข้มงวดเรื่อง สิทธิบัตร และ ลิขสิทธิ์ กันจัง
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 06:46
ถามกลับมั่ง... ใครทราบบ้างขอรับ พระพุทธองค์ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาสูงสุดของมนุษย์ เทวดา มาร พรหม นั้น... เคารพอะไรสูงสุด?
Edited by wat, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 06:53.
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 06:52
อ่านแล้วอึ้งนะครับ พระพุทธรูปปางประสูติ
อีกหน่อยคงมีพระพุทธรูปปางเสพสังวาส
เพื่อให้กำเนิดพระราหุลแห๋งๆ อ้างได้ไปเรือยๆ
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 09:20
อ่านแล้วอึ้งนะครับ พระพุทธรูปปางประสูติ
อีกหน่อยคงมีพระพุทธรูปปางเสพสังวาส
เพื่อให้กำเนิดพระราหุลแห๋งๆ อ้างได้ไปเรือยๆ
"ถูปารหบุคคล" บุคคลผู้ควรทำสถูป หรือเจดีย์ให้เพื่อ "รำลึกถึงคุณความดีที่เขาเหล่านั้นได้กระทำต่อมวลมนุษย์" มี 4 ประเภทคือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระมหาจักรพรรดิ์ จริงๆพิจารณาดูแล้วก็น่าจะเข้ากับการทำพระพุทธรูปเพื่อการสักการะบูชาโดยทำตามคำพระตถาคตคือ เพื่อรำลึกถึงคุณความดีที่เขาเหล่านั้นได้กระทำต่อมวลมนุษย์ เพื่อให้ผู้เข้าไปถึงที่นั้นๆได้เกิดศรัทธา,เลื่อมใส แล้วน้อมจิตประพฤติปฏิบัติตามท่านไปขอรับ ไม่ใช่เห็นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก้อนศักดิ์สิทธิ์ที่จะดลบันดาลใดๆให้ได้ขอรับ...
แต่ทำตามรูปนี้ไม่แน่ใจว่าจะเกิดประโยชน์ตามคำตถาคตหรือเปล่าเนี่ยสิขอรับ...
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:10
ถามกลับมั่ง... ใครทราบบ้างขอรับ พระพุทธองค์ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาสูงสุดของมนุษย์ เทวดา มาร พรหม นั้น... เคารพอะไรสูงสุด?
ดันๆๆ จะได้สรุปๆๆ... ฮี่ๆๆ
ไม่ทราบครับ
ถึงแม้ผมคิดว่าจะรู้คำตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าตรงกับท่านไหม
ท่านเสด็จแล้วพบว่า "สาวก" กำลังทำกิจนั้น ท่านยังรอคอย
จนทำกิจนั้นสำเร็จ แล้วถึงเสด็จเข้าไป ท่านเคารพสิ่งใดกันหนอ
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:00
อ่านแล้วอึ้งนะครับ พระพุทธรูปปางประสูติ
อีกหน่อยคงมีพระพุทธรูปปางเสพสังวาส
เพื่อให้กำเนิดพระราหุลแห๋งๆ อ้างได้ไปเรือยๆ
"ถูปารหบุคคล" บุคคลผู้ควรทำสถูป หรือเจดีย์ให้เพื่อ "รำลึกถึงคุณความดีที่เขาเหล่านั้นได้กระทำต่อมวลมนุษย์" มี 4 ประเภทคือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระมหาจักรพรรดิ์ จริงๆพิจารณาดูแล้วก็น่าจะเข้ากับการทำพระพุทธรูปเพื่อการสักการะบูชาโดยทำตามคำพระตถาคตคือ เพื่อรำลึกถึงคุณความดีที่เขาเหล่านั้นได้กระทำต่อมวลมนุษย์ เพื่อให้ผู้เข้าไปถึงที่นั้นๆได้เกิดศรัทธา,เลื่อมใส แล้วน้อมจิตประพฤติปฏิบัติตามท่านไปขอรับ ไม่ใช่เห็นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก้อนศักดิ์สิทธิ์ที่จะดลบันดาลใดๆให้ได้ขอรับ...
แต่ทำตามรูปนี้ไม่แน่ใจว่าจะเกิดประโยชน์ตามคำตถาคตหรือเปล่าเนี่ยสิขอรับ...
พระของมหายาน ลัทธิตันตระครับ
http://www.komchadlu...ml#.UUAVcNZkOME
พุทธวัชรยานที่พุทธไทยไม่ค่อยรู้
พุทธวัชรยาน(ตันตระ)กับ...เรื่องของพุทธโลกที่พุทธไทยไม่ค่อยรู้ : เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู
การกระทำที่ถือว่าเป็นการลบหลู่พระพุทธศาสนาของบุคคลบางกลุ่มในช่วงปัจจุบัน มักปรากฏให้เห็นผ่านโลกอินเทอร์เน็ตบ่อยครั้ง สำหรับผู้ท่องโลกอินเทอร์เน็ต หากใส่คำว่า "yab yum" ลงในเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลและรูปภาพ จะได้เห็น "พระพุทธรูปที่มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตัก อยู่ในอาการกำลังเสพสังวาส" อาจทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทย รู้สึกโกรธว่า "เป็นการหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างสุดที่จะทนทาน และสาปแช่งว่า ใครหนอที่ใจบาปหยาบช้า ดูหมิ่นพระพุทธศาสนาได้ถึงขนาดนี้" ทั้งนี้กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) คงต้องทำงานหนักกว่าที่เป็นอยู่หลายพันเท่า
ภาพพระพุทธรูปที่มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตัก อยู่ในอาการกำลังเสพสังวาส นั้น อ.ราม วัชรประดิษฐ์ นักประวัติศาสตร์ด้านพุทธศิลป์ และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง บอกว่า ในความรับรู้ของคนทั่วไปนั้น "ลัทธิตันตระ" หรือ "ตันตริก" เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาแบบมหายานที่เผยแพร่อยู่ทั่วไปในทิเบต ภูฏาน และจีน ซึ่งจะมีการสร้างรูปเคารพในลักษณะแปลกประหลาดกว่าทางหินยานหรือเถรวาท เช่น มักผนวกเอาเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ให้ปรากฏในการสร้างพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ พระนางตาราอันเป็นชายาของพระโพธิสัตว์ จนบางกลุ่มถูกเรียกว่า "นิกายมนตรยาน" ก็มี
คำว่า "ตันตระ" (Tantra) หมายถึง ความรู้และการริเริ่ม ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อการแสดงออกทางร่างกายในท่าทางต่างๆ ที่เรียกว่า "ปาง" เป็นสำคัญ ความเชื่อในตันตระนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคพระเวทของอินเดียโบราณ นอกจากการที่พราหมณ์จะรจนา คัมภีร์ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท แล้วยังเพิ่มส่วนที่เรียกอาถรรพเวทขึ้นมาอีก ซึ่ง "อาถรรพเวท" นี่เองเป็นจุดกำเนิดของแนวคิดแบบตันตระ
เมื่อแนวคิดแบบตันตระก็จะเข้าไปปะปนอยู่กับลัทธินิกายต่างๆ ที่บูชาเทพเจ้า เช่น ไศวนิกาย ไวษณพนิกาย และศักตินิกาย โดยเฉพาะ "ศักตินิกาย" นั้นเป็นการเทิดทูนเทวสตรี เช่น พระแม่อุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี เป็นใหญ่ ให้ความสำคัญต่ออิตถีเพศโดยการบูชา "โยนี" โดยเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในจักรวาลควบคู่กับศิวลึงค์ ซึ่งพวกนับถือลัทธิศักตินั้น ได้นำเอาแนวคิดแบบตันตระเข้าไปปฏิบัติ โดยแบ่งเป็น พวกทักษิณาจาริณ คือ ผู้บูชาเทพและเทวีอย่างสุภาพ ส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า วามาจาริณ คือ พวกบูชาเทพและเทวีด้วยการประกอบพิธีลับ เช่น พิธีกาฬจักรบูชา เพื่อสรรเสริญศักติของพระแม่อุมาในปางพระแม่กาลี และพระแม่ทุรคา โดยการบูชายัญด้วยเลือดของมนุษย์และสัตว์
นอกจากนี้ยังมีพิธีบูชาด้วยพรหมจรรย์ของหญิงสาวโดยเชื่อว่าเป็นการแสดงออกทางร่างกายให้ศักติโปรดปราน ซึ่งจะยึดหลัก ๕ ประการ ได้แก่ ๑.มัตยะ คือ การเสพรับเครื่องดองของเมา ๒.มังสะ คือ การบริโภคเนื้อสัตว์สดๆ ๓.มัสยา คือ การบริโภคเนื้อปลาสด ๔.มุทระ คือ การบริโภคข้าวโพด เมล็ดแป้งข้าวสาลีเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย และ ๕.เมถุน คือ การเสพกาม
อ.ราม ยังบอกด้วยว่า เมื่อพุทธศาสนาเกิดข้อขัดแย้งแบ่งออกเป็น ๒ นิกาย ได้แก่ เถรวาทหรือหินยาน และอาจารยวาทหรือมหายาน แนวคิดแบบตันตระก็เข้าไปผสมผสานกับฝ่ายที่ปรับตัวอย่างเด่นชัดซึ่งก็คือพุทธแบบมหายาน ที่ให้ความสำคัญต่อเพศสตรี เช่น การนับถือเจ้าแม่กวนอิม การยกย่องพระนางปรัชญาปารมิตา การเคารพต่อพระชายาของพระโพธิสัตว์ต่างๆ ที่เรียกว่า "นางตารา" หรือ "นางโยคินี" ก่อให้เกิดการสร้างรูปเคารพสตรีจำนวนมากในนิกายพุทธแบบมหายาน
พุทธศาสนามหายานแบบตันตระนั้น ได้แยกออกเป็นนิกายหลายนิกาย เช่น นิกายวัชรยาน หมายถึง ชื่อเรียกรูปเคารพเพศชาย นิกายมนตรยาน ซึ่งเน้นหนักในเรื่องเวทมนตร์ไสยศาสตร์ คาถาอาคม ฯลฯ นอกจากนี้แล้วตันตระ ยังปรากฏเป็นนิกายย่อยๆ อีกมากมาย เช่น นิกายสหจยาน ซึ่งไม่เชื่อในการถวายสิ่งของให้เทพ หรือพระโพธิสัตว์ เชื่อมั่นในการบูชาด้วยร่างกาย อีกลัทธิหนึ่งคือ นิกายกาฬจักรายาน ซึ่งนับถือ ธรรมชาติ ดวงดาว โดยมีคัมภีร์ที่เน้นหนักไปทางด้านดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์โดยเฉพาะ เป็นต้น
เพื่อป้องการความไม่รู้และเข้าใจผิด อ.ราม แนะนำว่า "ความจริงแล้ววิธีการที่ถูกต้องควรจะรับทราบข้อมูลอันเกิดจากการรับรู้แบบใหม่จากทุกมุมโลก แล้วใช้วิธีคัดแยก เพื่อนำไปสู่กระบวนการวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการเปิดความคิดและความรู้เพื่อนำไปสู่งานทางด้านวิชาการและการปรับตัวของสังคมเพื่อให้ทันต่อกระแสโลก ซึ่งจะเป็นการก้าวไปสู่อนาคตของการปรับตัวในโลกสมัยใหม่อย่างเต็มรูปแบบ"
เรื่องของพุทธโลกที่พุทธไทยไม่รู้
ภาพองค์ดาไลลามะ ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต ยกมือไหว้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อหลายปีที่แล้วมีการวิพากษ์วิจารณ์พุทธศาสนิกชนชาวไทยว่า ท่านเป็นพระไม่ควรไปยกมือไหว้ฆราวาส แต่ในมุมมองของชาวพุทธมหายาน กลับไม่รู้สึกอะไร ด้วยเหตุผลที่ว่า "การไหว้เป็นวัฒนธรรมการทักทายแบบพุทธ"
นพ.ดร.มโน เมตตานันโท เลาหวณิช อดีตที่ปรึกษาพิเศษในกิจกรรมพระพุทธศาสนา ในเลขาธิการใหญ่ องค์การสมัชชาศาสนาเพื่อสันติแห่งโลก (WCPR) และอาจารย์ประจำ มหาธรรมศาสตร์(วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์) บอกว่า เป็นเรื่องปกติที่พุทธศาสนิกชนทุกนิกายและทุกประเทศคิดว่าการปฏิบัติตามแนวทางการตนนั้นถูกต้องและเคร่งครัดที่สุด ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น และพระเกาหลี บางส่วน ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาก เช่น พระมีเมียได้ กินเหล้าได้และเรียกสาเกว่า น้ำแห่งปัญญา พระเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง (ตอนกลางวันใส่ชุดพระอยู่วัด ตอนเย็นไปอยู่กับลูกเมียที่บ้าน) วัดเป็นที่ทำงาน มีการแต่งงานระหว่างลูกของพระในนิกายเดียวกันโดยไม่ยอมรับนิกายอื่น
ส่วนพุทธศาสนาในศรีลังกาวัดเป็นของเอกชน พระสามารถตั้งพรรคการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้ง รับราชการ รวมทั้งดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ส่วนการฉันข้าว ๓ มื้อ เช่น เวียดนาม จีน ทิเบต โดยเรียกมื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่ ๓ ว่า "เภสัช" แปลวว่า "มื้อยา" ส่วนการไหว้ที่แตกต่างนั้นต้องยกให้ พุทธนิกายมหายาน ในจีน พระจะไหว้ฆราวาสก่อนเสมอเมื่อพบกัน เพราะถือการไหว้เป็นการลดทิฐิมานะอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ นพ.ดร.มโนพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "พระพุทธศาสนาหลังพุทธปรินิพพานแล้ว ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด พระธรรมจักรของพระองค์นั้นมิได้หยุดนิ่งเลยมา ๒,๖๐๐ ปีมาแล้ว และปัจจุบันก็ยังหมุนอยู่ รูปแบบของศาสนานั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย คือ แรงศรัทธาของประชาชน การรู้จักศาสนาโดยเฉพาะความเชื่อของเราแต่เพียงอย่างเดียวนั้น อันตรายเสมอ ในขณะที่เราเชื่อว่าศาสนาของเราถูกต้องบริสุทธิ์ ชาวพุทธวัชรยาน เขาก็เชื่อเช่นเดียวกัน ใครเล่าจะเป็นผู้ตัดสินได้ว่าใครถูกใครผิด"
Edited by อู๋ ฮานามิ, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:01.
ถึงผมจะเป็นคนหัวขบถ แต่ไม่คิดทรยศบุญคุณแผ่นดินเกิด
เสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ไม่ใช่ใบอนุญาตทำร้ายประเทศชาติ
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:11
พระของมหายาน ลัทธิตันตระครับ
http://www.komchadlu...ml#.UUAVcNZkOME
พุทธวัชรยานที่พุทธไทยไม่ค่อยรู้
พุทธวัชรยาน(ตันตระ)กับ...เรื่องของพุทธโลกที่พุทธไทยไม่ค่อยรู้ : เรื่อง / ภาพ ไตรเทพ ไกรงู
การกระทำที่ถือว่าเป็นการลบหลู่พระพุทธศาสนาของบุคคลบางกลุ่มในช่วงปัจจุบัน มักปรากฏให้เห็นผ่านโลกอินเทอร์เน็ตบ่อยครั้ง สำหรับผู้ท่องโลกอินเทอร์เน็ต หากใส่คำว่า "yab yum" ลงในเว็บไซต์สำหรับค้นหาข้อมูลและรูปภาพ จะได้เห็น "พระพุทธรูปที่มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตัก อยู่ในอาการกำลังเสพสังวาส" อาจทำให้พุทธศาสนิกชนชาวไทย รู้สึกโกรธว่า "เป็นการหมิ่นพระพุทธศาสนาอย่างสุดที่จะทนทาน และสาปแช่งว่า ใครหนอที่ใจบาปหยาบช้า ดูหมิ่นพระพุทธศาสนาได้ถึงขนาดนี้" ทั้งนี้กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) คงต้องทำงานหนักกว่าที่เป็นอยู่หลายพันเท่า
ภาพพระพุทธรูปที่มีหญิงสาวนั่งคร่อมบนตัก อยู่ในอาการกำลังเสพสังวาส นั้น อ.ราม วัชรประดิษฐ์ นักประวัติศาสตร์ด้านพุทธศิลป์ และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง บอกว่า ในความรับรู้ของคนทั่วไปนั้น "ลัทธิตันตระ" หรือ "ตันตริก" เป็นนิกายหนึ่งของพุทธศาสนาแบบมหายานที่เผยแพร่อยู่ทั่วไปในทิเบต ภูฏาน และจีน ซึ่งจะมีการสร้างรูปเคารพในลักษณะแปลกประหลาดกว่าทางหินยานหรือเถรวาท เช่น มักผนวกเอาเรื่องราวของความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ให้ปรากฏในการสร้างพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ พระนางตาราอันเป็นชายาของพระโพธิสัตว์ จนบางกลุ่มถูกเรียกว่า "นิกายมนตรยาน" ก็มี
คำว่า "ตันตระ" (Tantra) หมายถึง ความรู้และการริเริ่ม ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อการแสดงออกทางร่างกายในท่าทางต่างๆ ที่เรียกว่า "ปาง" เป็นสำคัญ ความเชื่อในตันตระนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ยุคพระเวทของอินเดียโบราณ นอกจากการที่พราหมณ์จะรจนา คัมภีร์ฤคเวท ยชุรเวท สามเวท แล้วยังเพิ่มส่วนที่เรียกอาถรรพเวทขึ้นมาอีก ซึ่ง "อาถรรพเวท" นี่เองเป็นจุดกำเนิดของแนวคิดแบบตันตระ
เมื่อแนวคิดแบบตันตระก็จะเข้าไปปะปนอยู่กับลัทธินิกายต่างๆ ที่บูชาเทพเจ้า เช่น ไศวนิกาย ไวษณพนิกาย และศักตินิกาย โดยเฉพาะ "ศักตินิกาย" นั้นเป็นการเทิดทูนเทวสตรี เช่น พระแม่อุมา พระลักษมี พระสุรัสวดี เป็นใหญ่ ให้ความสำคัญต่ออิตถีเพศโดยการบูชา "โยนี" โดยเชื่อว่า เป็นสิ่งที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตในจักรวาลควบคู่กับศิวลึงค์ ซึ่งพวกนับถือลัทธิศักตินั้น ได้นำเอาแนวคิดแบบตันตระเข้าไปปฏิบัติ โดยแบ่งเป็น พวกทักษิณาจาริณ คือ ผู้บูชาเทพและเทวีอย่างสุภาพ ส่วนอีกพวกหนึ่งเรียกว่า วามาจาริณ คือ พวกบูชาเทพและเทวีด้วยการประกอบพิธีลับ เช่น พิธีกาฬจักรบูชา เพื่อสรรเสริญศักติของพระแม่อุมาในปางพระแม่กาลี และพระแม่ทุรคา โดยการบูชายัญด้วยเลือดของมนุษย์และสัตว์
นอกจากนี้ยังมีพิธีบูชาด้วยพรหมจรรย์ของหญิงสาวโดยเชื่อว่าเป็นการแสดงออกทางร่างกายให้ศักติโปรดปราน ซึ่งจะยึดหลัก ๕ ประการ ได้แก่ ๑.มัตยะ คือ การเสพรับเครื่องดองของเมา ๒.มังสะ คือ การบริโภคเนื้อสัตว์สดๆ ๓.มัสยา คือ การบริโภคเนื้อปลาสด ๔.มุทระ คือ การบริโภคข้าวโพด เมล็ดแป้งข้าวสาลีเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย และ ๕.เมถุน คือ การเสพกาม
อ.ราม ยังบอกด้วยว่า เมื่อพุทธศาสนาเกิดข้อขัดแย้งแบ่งออกเป็น ๒ นิกาย ได้แก่ เถรวาทหรือหินยาน และอาจารยวาทหรือมหายาน แนวคิดแบบตันตระก็เข้าไปผสมผสานกับฝ่ายที่ปรับตัวอย่างเด่นชัดซึ่งก็คือพุทธแบบมหายาน ที่ให้ความสำคัญต่อเพศสตรี เช่น การนับถือเจ้าแม่กวนอิม การยกย่องพระนางปรัชญาปารมิตา การเคารพต่อพระชายาของพระโพธิสัตว์ต่างๆ ที่เรียกว่า "นางตารา" หรือ "นางโยคินี" ก่อให้เกิดการสร้างรูปเคารพสตรีจำนวนมากในนิกายพุทธแบบมหายาน
พุทธศาสนามหายานแบบตันตระนั้น ได้แยกออกเป็นนิกายหลายนิกาย เช่น นิกายวัชรยาน หมายถึง ชื่อเรียกรูปเคารพเพศชาย นิกายมนตรยาน ซึ่งเน้นหนักในเรื่องเวทมนตร์ไสยศาสตร์ คาถาอาคม ฯลฯ นอกจากนี้แล้วตันตระ ยังปรากฏเป็นนิกายย่อยๆ อีกมากมาย เช่น นิกายสหจยาน ซึ่งไม่เชื่อในการถวายสิ่งของให้เทพ หรือพระโพธิสัตว์ เชื่อมั่นในการบูชาด้วยร่างกาย อีกลัทธิหนึ่งคือ นิกายกาฬจักรายาน ซึ่งนับถือ ธรรมชาติ ดวงดาว โดยมีคัมภีร์ที่เน้นหนักไปทางด้านดาราศาสตร์ และโหราศาสตร์โดยเฉพาะ เป็นต้น
เพื่อป้องการความไม่รู้และเข้าใจผิด อ.ราม แนะนำว่า "ความจริงแล้ววิธีการที่ถูกต้องควรจะรับทราบข้อมูลอันเกิดจากการรับรู้แบบใหม่จากทุกมุมโลก แล้วใช้วิธีคัดแยก เพื่อนำไปสู่กระบวนการวิเคราะห์อย่างเป็นเหตุเป็นผล ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการเปิดความคิดและความรู้เพื่อนำไปสู่งานทางด้านวิชาการและการปรับตัวของสังคมเพื่อให้ทันต่อกระแสโลก ซึ่งจะเป็นการก้าวไปสู่อนาคตของการปรับตัวในโลกสมัยใหม่อย่างเต็มรูปแบบ"
เรื่องของพุทธโลกที่พุทธไทยไม่รู้
ภาพองค์ดาไลลามะ ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสูงสุดของชาวทิเบต ยกมือไหว้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เมื่อหลายปีที่แล้วมีการวิพากษ์วิจารณ์พุทธศาสนิกชนชาวไทยว่า ท่านเป็นพระไม่ควรไปยกมือไหว้ฆราวาส แต่ในมุมมองของชาวพุทธมหายาน กลับไม่รู้สึกอะไร ด้วยเหตุผลที่ว่า "การไหว้เป็นวัฒนธรรมการทักทายแบบพุทธ"
นพ.ดร.มโน เมตตานันโท เลาหวณิช อดีตที่ปรึกษาพิเศษในกิจกรรมพระพุทธศาสนา ในเลขาธิการใหญ่ องค์การสมัชชาศาสนาเพื่อสันติแห่งโลก (WCPR) และอาจารย์ประจำ มหาธรรมศาสตร์(วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์) บอกว่า เป็นเรื่องปกติที่พุทธศาสนิกชนทุกนิกายและทุกประเทศคิดว่าการปฏิบัติตามแนวทางการตนนั้นถูกต้องและเคร่งครัดที่สุด ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่น และพระเกาหลี บางส่วน ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาก เช่น พระมีเมียได้ กินเหล้าได้และเรียกสาเกว่า น้ำแห่งปัญญา พระเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง (ตอนกลางวันใส่ชุดพระอยู่วัด ตอนเย็นไปอยู่กับลูกเมียที่บ้าน) วัดเป็นที่ทำงาน มีการแต่งงานระหว่างลูกของพระในนิกายเดียวกันโดยไม่ยอมรับนิกายอื่น
ส่วนพุทธศาสนาในศรีลังกาวัดเป็นของเอกชน พระสามารถตั้งพรรคการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้ง รับราชการ รวมทั้งดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ส่วนการฉันข้าว ๓ มื้อ เช่น เวียดนาม จีน ทิเบต โดยเรียกมื้อเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่ ๓ ว่า "เภสัช" แปลวว่า "มื้อยา" ส่วนการไหว้ที่แตกต่างนั้นต้องยกให้ พุทธนิกายมหายาน ในจีน พระจะไหว้ฆราวาสก่อนเสมอเมื่อพบกัน เพราะถือการไหว้เป็นการลดทิฐิมานะอย่างหนึ่ง
ทั้งนี้ นพ.ดร.มโนพูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า "พระพุทธศาสนาหลังพุทธปรินิพพานแล้ว ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด พระธรรมจักรของพระองค์นั้นมิได้หยุดนิ่งเลยมา ๒,๖๐๐ ปีมาแล้ว และปัจจุบันก็ยังหมุนอยู่ รูปแบบของศาสนานั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย คือ แรงศรัทธาของประชาชน การรู้จักศาสนาโดยเฉพาะความเชื่อของเราแต่เพียงอย่างเดียวนั้น อันตรายเสมอ ในขณะที่เราเชื่อว่าศาสนาของเราถูกต้องบริสุทธิ์ ชาวพุทธวัชรยาน เขาก็เชื่อเช่นเดียวกัน ใครเล่าจะเป็นผู้ตัดสินได้ว่าใครถูกใครผิด"
ถามกลับมั่ง... ใครทราบบ้างขอรับ พระพุทธองค์ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาสูงสุดของมนุษย์ เทวดา มาร พรหม นั้น... เคารพอะไรสูงสุด?
ช่วยตอบอันนี้มั่งสิขอรับ... เอิ๊กๆๆๆ
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:57
เหอะ เหอะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
"เราควรสักการะ เคารพธรรมที่เราตรัสรู้นี่แหละแล้วอาศัยอยู่"
ไม่รู้ตรงคำตอบของน้า wat หรือเปล่า
ส่วนมหายานที่คนไทยไม่ค่อยรู้นั้นผมว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพระไทยส่วนใหญ่
เป็นสายทางเถรวาท และก็ไม่ได้ยอมรับตามแบบมหายานมาตั้งแต่ต้น คนไทยที่จะ
รู้เรื่องมหายาน ก็คงมีแต่ผู้ที่นับถือตามแนวมหายานเท่านั้น
แต่ปัจจุบันมันเปลี่ยนไปเยอะ ทั้งจากนักวิชาการด้านศาสนา และบรรดาพระที่บวชใน
สายเถรวาทเอง โดยนำเอาแนวทางของมหายานมาใช้หลายเรื่อง เช่นการสร้างภาพ
ต่าง ๆ ที่เราเห็น ๆ กัน การปฏิบัติที่ดูเหมือนไม่เคร่งวินัย การตีความคำสอนเอาเองตามที่ตนเอง
คิดว่ามันใช่มันถูก ทำให้ชาวบ้านแบบเรา ๆ ที่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่แล้ว เลยยิ่งดูจะสับสนปนเป
กันไปหมด
ชาวพุทธไทยส่วนใหญ่ นับถือพุทธก็คือพุทธ ไม่ได้ศึกษาไปถึงว่าเป็นพุทธแบบไหน
ถ้านุ่งเหลืองห่มเหลือง หรือคล้ายเหลือง ไม่คล้ายเหลือง แต่ถ้าดูแล้วเป็นพระก็ยกมือไหว้ได้หมด
ส่วนจะเป็นพระสายไหนยึดถือปฏิบัติแบบไหน ไม่ค่อยให้ความสำคัญ แต่ไปเน้น ที่บุคคล เช่น
สายหลวงปู่นั่นหลวงปู่นี่ หรือสายหลวงพ่อนั่นหลวงพ่อนี่ มากกว่า
เดิมเถรวาทของไทยก็แบ่งเป็น ธรรมยุติ ซึ่งเป็นสายที่เคร่ง กับมหานิกาย ซึ่งเป็นสายที่เคร่งน้อยกว่า
เมื่อเคร่งน้อยกว่า ก็น่าจะมีมากกว่าสายธรรมยุติ เมื่อมีจำนวนมากกว่า เคร่งน้อยกว่า ปัญหามันก็จะมี
มากกว่านั่นแหละ เพราะรู้สึกว่าทางฝ่ายมหานิกายนี่จะเปิดกว้างรับเอาแนวทางของมหายานมาใช้อยู่
มากมายหลายที่หลายแห่ง จนบางครั้งก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นเถรวาท หรือมหายาน กันแน่
มันก็คงต่างกันที่มุมมองนั่นแหละ ผู้ที่เคร่งที่มุ่งปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์จริง ๆ ซึ่งเข้าใจว่าเหลือน้อยเต็มทน
ก็จะมีแนวปฏิบัติไปทางหนึ่ง ส่วนผู้ที่มุ่งจะสร้างสรรค์จรรโลงโลก ช่วยโลกช่วยเพื่อนมนุษย์ รักษาสันติภาพ
โลก ก็จะมีแนวปฏิบัติไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นแนวที่ผู้ถือแนวปฏิบัติที่เคร่งครัดมักมองว่ามันผิดนั่นแหละ
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:23
เหมือนสมัยหนึ่งมีคนยกพระสุพรรณกัลยา เป็นวีรสตรี
ปรากฏว่าพอค้นเข้าไปช่วงประวัติศาสตร์จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างที่บอกกัน เป็นแค่พวกมั่วปั้นเรื่องราวมาหากินบนความเชื่อของคนไทยเท่านั้น
คุณอาจจะคลั่งเหมือนหมาบ้า กับบางสิงที่เกิดขึ้นในชีวิต
คุณอาจจะสบถ สาปแช่งโชคชะตา
แต่เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง คุณก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป
Curious Case Of Benjamin Button
ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:34
ถามกลับมั่ง... ใครทราบบ้างขอรับ พระพุทธองค์ผู้เป็นที่เคารพศรัทธาสูงสุดของมนุษย์ เทวดา มาร พรหม นั้น... เคารพอะไรสูงสุด?
ดันๆๆ จะได้สรุปๆๆ... ฮี่ๆๆ
ไม่ทราบครับ
ถึงแม้ผมคิดว่าจะรู้คำตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าตรงกับท่านไหม
ท่านเสด็จแล้วพบว่า "สาวก" กำลังทำกิจนั้น ท่านยังรอคอย
จนทำกิจนั้นสำเร็จ แล้วถึงเสด็จเข้าไป ท่านเคารพสิ่งใดกันหนอ
เหอะ เหอะ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
"เราควรสักการะ เคารพธรรมที่เราตรัสรู้นี่แหละแล้วอาศัยอยู่"
ไม่รู้ตรงคำตอบของน้า wat หรือเปล่า
มีตอบกันแค่เนี้ย...
สรุปเลยแล้วกันขอรับ... ธรรมที่ทรงตรัสไว้ชอบแล้ว สมบูรณ์ บริบูรณ์แล้วนั่นแหละขอรับ คือสิ่งที่พระตถาคตเคารพสูงสุด พระตถาคตกล่าวว่าการที่เราเคารพผู้ที่ควรเคารพ สักการะผู้ที่ควรสักการะ ให้ทานผู้ที่ควรรับทานนั้นเป็นสิ่งประเสริฐที่ควรจะกระทำ อันเป็นธรรมอย่างหนึ่งของการก้าวเป็นอริยะ แต่พระองค์เองเป็นผู้สูงสุดในวัฏฏะนี้ การจะไม่เคารพสิ่งใดๆเลยเป็นการไม่สมควร พระองค์จึงถือ "ธรรมะ" เป็นสิ่งที่พระองค์เคารพอย่างสูงสุดขอรับ (พระสูตรไหน ลองไปหากันดูนะขอรับ... จำไม่ได้แล้ว)
...เพราะฉะนั้น... การที่กระพ๊มหรือพุทธศาสนิกชนท่านใดออกมาวิจารณ์, ติเตียนสิ่งที่ไม่ใช่ "ธรรม" ของพระองค์ ใครบอกเป็นการลบหลู่, สุดโต่ง, เทวทัต ฯลฯ กระพ๊มว่ามันก็นานาจิตตังขอรับ จะคิดเป็นกุศล หรืออกุศล... ก็อยู่ที่ทิฐฐิตนเองขอรับ จะเป็นสัมมาทิฐฐิหรือมิจฉาทิฐฐิที่นำตนไปสู่อบายเองก็ตามใจเลือกกันเอง ไม่มีใครบังคับหรือกำหนดให้ได้... แต่กระพ๊มเชื่อว่า การเชื่อ, ศรัทธาโดยผ่านการใคร่ครวญ พิจารณา และค้นหา "ความจริง" อันเป็น "แก่น" นั้น ที่สุดก็คือสัมมาทิฐฐิ และของกระพ๊มก็คือ เชื่อมั่น, ศรัทธาใน "ธรรม" อันเป็น "พุทธวจนะ" ของพระตถาคตอย่างสูงสุดเท่านั้นขอรับ...
คนอื่นจะยังไง... ก็ว่ากันไปขอรับ... กระพ๊มทำหน้าที่ตามที่เป็นพุทธบริษัทที่ถูกต้องของพระพุทธองค์แค่นั้น...
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน