Jump to content


Photo
- - - - -

งามไส้! ฝรั่งทวิตประจานสรรพากรไทย...


  • Please log in to reply
20 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:37

r01.jpg

7_7.jpg

 

วันนี้ (11 มีนาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในเว็บไซต์ทวิตเตอร์ได้มีการทวีตข้อความส่งต่อกันอย่างแพร่หลาย เป็นกรณีที่ชายคนหนึ่ง ชื่อ ริชาร์ด บาร์โรว์ (Richard Barrow) เป็นนักเขียนบล็อกท่องเที่ยวประเทศไทย และมักจะใช้ทวิตเตอร์ @RichardBarrow ทวีตข่าวด่วน ประเด็นร้อนในประเทศไทยเสมอ แต่ล่าสุด มีประเด็นเกิดขึ้นเมื่อนายริชาร์ด ได้ทวีตข้อความร้องเรียนว่าเขาถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 โกงค่าออกเอกสารกำกับภาษี โดยสั่งให้เขาจ่ายถึง 1,000 บาท

สำหรับข้อความที่นายริชาร์ดทวีตเป็นภาษาอังกฤษ และแปลเป็นภาษาไทยมีดังนี้

"ผมมาสำนักงานสรรพากร เพื่อมารับเอกสารที่พิสูจน์ว่าผมเป็นผู้เสียภาษี แต่แทบไม่น่าเชื่อว่า เจ้าหน้าที่ให้ผมจ่ายเงินให้เขา 1,000 บาท ค่าออกเอกสารให้ แต่ผมปฏิเสธไป ขอโทษนะที่ผมไม่สามารถทนกับการคอร์รัปชั่นโกงกินของเจ้าหน้าที่รัฐได้อีกแล้ว ภาษีที่ผมจ่ายไปต้องมาเป็นค่าจ้างให้กับคนพวกนี้หรือ ผมถ่ายรูปเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวมาด้วย และผมก็ยังยืนยันที่จะไม่จ่าย เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเดินลงไปข้างล่าง ก่อนกลับขึ้นมายื่นเอกสารให้ผม และบอกให้ผมจ่าย 260 บาท จาก 1,000 บาทเมื่อกี้ และเขายังบอกให้ผมลบรูปเขาออกด้วย แต่ผมบอกเขาว่าขอคิดดูก่อน"

อย่างไรก็ตาม นายริชาร์ดได้ทวีตรูปของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวด้วย โดยบรรยายว่า "นี่คือรูปของเจ้าหน้าที่ที่พยายามติดสินบนผม ซึ่งถึงตอนนี้มีคนรีทวีตไปแล้ว 62 ครั้ง น่าจะมีคนเห็นแล้วกว่า 621,634 คน" นอกจากนี้ นายริชาร์ด ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า "โปรดปฏิเสธการติดสินบน และช่วยกันกำจัดคอร์รัปชั่นออกไปจากประเทศไทย ถ้าทุกคนช่วยกัน เราทำได้"

 

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก @RichardBarrow

 

<_< เสื่อมไปทุกหย่อมหญ้า, กรมกอง... อย่างไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตจริงๆขอรับ...
  

 


Edited by wat, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:38.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#2 ชายน้ำ

ชายน้ำ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,256 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:42

อย่าให้ถึงหูปูกี้เป็นอันขาด

 

จนท.คนนั้นหัวขาดแน่

 

เรียกแค่พันเดียวจะเอาอะไรส่งนาย



#3 แอบดูที่รูเดิม

แอบดูที่รูเดิม

    ขาประจำอำเช็ด!!!

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,025 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:44

สมัยนี้เทคโนโลยีมันถึงกันหมด โลกมันแคบลง

ทำอะไรไม่ดี เค้ามาประจาน เสีย...กันพอดี


ทำอาชีพยาม เงินเดือนน้อย ไม่ค่อยมีปัญหากะใคร

#4 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 11:54

ผมเชื่อครับว่า มี. มีจริง ๆ เจ้าหน้าที่รัฐฯ

ทำแบบนี้..เพราะผม ( เคยเห็นส่งใต้โต๊ะ)

และเคยโดนกับตนเอง...ผมกด..ยืนยัน..

เรื่องจริง..เรื่องเก่า  แต่เล่าได้........



#5 ypk

ypk

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,173 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:28

เหอะ เหอะ  ผมว่ากรมสรรพากร ควรรีบออกมาชี้แจง เพราะบางครั้งการสั่งให้

เจ้าหน้าที่เรียกเก็บค่าบริการบางเรื่องบางอย่าง มันอาจคุ้นเคยเฉพาะในสังคมไทย

แต่คนต่างประเทศเขาอาจไม่คุ้นเคย อัตราค่าบริการ คนไทย กับ ฝรั่งก็ต่างกัน

ฝรั่งอาจเก็บ 1000 คนไทยเก็บ 260 แต่พอเจอฝรั่งเรื่องมาก ก็เลยหยวน ๆ เก็บอัตรา

คนไทย ก็ยังไม่วายเรื่องมากอีก อธิบดีกรมสรรพากรควรรีบออกมาชี้แจง เพราะมัน

สะเทือนวงการทั้งหมดนะ มันไม่ใช่แค่กรมสรรพากร



#6 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:39

เหอะ เหอะ  ผมว่ากรมสรรพากร ควรรีบออกมาชี้แจง เพราะบางครั้งการสั่งให้

เจ้าหน้าที่เรียกเก็บค่าบริการบางเรื่องบางอย่าง มันอาจคุ้นเคยเฉพาะในสังคมไทย

แต่คนต่างประเทศเขาอาจไม่คุ้นเคย อัตราค่าบริการ คนไทย กับ ฝรั่งก็ต่างกัน

ฝรั่งอาจเก็บ 1000 คนไทยเก็บ 260 แต่พอเจอฝรั่งเรื่องมาก ก็เลยหยวน ๆ เก็บอัตรา

คนไทย ก็ยังไม่วายเรื่องมากอีก อธิบดีกรมสรรพากรควรรีบออกมาชี้แจง เพราะมัน

สะเทือนวงการทั้งหมดนะ มันไม่ใช่แค่กรมสรรพากร

 

<_<   กระพ๊มว่ามันจะไม่ใช่ "ค่าธรรมเนียม" ตามระเบียบนั่นสิขอรับ... ไม่งั้นมันจะวิ่งมาขอให้ลบรูปทำไมขอรับ...

 

^_^


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#7 ขุนพลชิน

ขุนพลชิน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,053 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 14:43

แจ้งความ ตะกวดมันยังเคยเอาผม 20 เลย 5555



#8 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:18

สมัยผมอายุถึงเกณฑ์ทำใบขับขี่ ผมก็ไปทำใบขับขี่รถยนต์ที่จังหวัดบ้านเกิดผม

มีสอบข้อเขียนด้วย ผมก็นึกว่าข้อเขียนก็น่าจะเป็นพวกกฎจราจรต่างๆ ไม่น่ามีปัญหา เพราะได้อ่าน ทบทวนจนเข้าใจ

แต่ตอนสอบกลับมีเรื่องพรบ.จราจร ว่าเกิดปีไหนๆๆ และคำถามที่มันตอบยากๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับพวกกฎจราจร

สรุปผมก็สอบข้อเขียนไม่ผ่าน ก็ต้องสอบใหม่

 

สอบครั้งที่ 2 (วันเดียวกันกับสอบครั้งแรก) หลังจากสอบเสร็จ ก็รอผลสอบ

แต่ครั้งนี้กลับรอนานมาก สุดท้ายรอไม่ไหวก็ต้องไปสอบถามว่าทำไมรอผลสอบนาน

เจ้าหน้าที่(ผู้หญิง)ก็ทำไม่พอใจแต่ก็ตรวจข้อสอบให้ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ต้องถูก 15 จาก 20 ข้อถึงจะผ่าน

 

และครั้งนี้ข้อสอบง่ายกว่าครั้งแรก มีเรื่องกฎจราจรค่อนข้างเยอะ จึงมั่นใจว่าน่าจะผ่าน

แต่สรุปก็ไม่ผ่านเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่บอกว่า ขาดไป 1 ข้อ ในใจผมก็อยากรู้ว่ามันไม่ผ่านจริงไหม เพราะมั่นใจว่าน่าจะผ่าน

แต่ก็ไม่กล้าขอดู เพราะแค่ตอนไปสอบถามว่าทำไมตรวจผลสอบช้าเขายังไม่พอใจ

เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจะสอบใหม่ไหม ถ้าสอบก็รอผลสอบนานหน่อย เพราะคนเยอะ หรือจะให้พี่ช่วยก็เร็วหน่อย

 

เมื่อเจออย่างนี้ก็ถึงบางอ้อ สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะไม่รู้จะทำยังไง และตอนนั้นก็ยังเด็กด้วย แต่ถ้าเป็นตอนนี้ละก็วงแตกแน่

สรุปก็จ่ายไปกี่ร้อยจำไม่ได้ แต่แค่นั้นยังไม่จบ เพราะต้องสอบขับรถด้วย

ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าก็ขับพอเป็นพิธี แต่ผ่านแน่ๆ แต่เขาไม่ให้เอารถเราสอบขับ แต่ให้เอารถรับจ้างที่เขาเช่ามา

 

สรุปก็ต้องเสียค่าเช่ารถขับให้เจ้าหน้าที่ไปจ่ายให้เจ้าของรถอีก

 

ประเทศไทย จิ้มตรงไหนก็เน่า คอร์รัปชั่นกันทุกองค์กร



#9 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:24

สมัยผมอายุถึงเกณฑ์ทำใบขับขี่ ผมก็ไปทำใบขับขี่รถยนต์ที่จังหวัดบ้านเกิดผม

มีสอบข้อเขียนด้วย ผมก็นึกว่าข้อเขียนก็น่าจะเป็นพวกกฎจราจรต่างๆ ไม่น่ามีปัญหา เพราะได้อ่าน ทบทวนจนเข้าใจ

แต่ตอนสอบกลับมีเรื่องพรบ.จราจร ว่าเกิดปีไหนๆๆ และคำถามที่มันตอบยากๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับพวกกฎจราจร

สรุปผมก็สอบข้อเขียนไม่ผ่าน ก็ต้องสอบใหม่

 

สอบครั้งที่ 2 (วันเดียวกันกับสอบครั้งแรก) หลังจากสอบเสร็จ ก็รอผลสอบ

แต่ครั้งนี้กลับรอนานมาก สุดท้ายรอไม่ไหวก็ต้องไปสอบถามว่าทำไมรอผลสอบนาน

เจ้าหน้าที่(ผู้หญิง)ก็ทำไม่พอใจแต่ก็ตรวจข้อสอบให้ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ต้องถูก 15 จาก 20 ข้อถึงจะผ่าน

 

และครั้งนี้ข้อสอบง่ายกว่าครั้งแรก มีเรื่องกฎจราจรค่อนข้างเยอะ จึงมั่นใจว่าน่าจะผ่าน

แต่สรุปก็ไม่ผ่านเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่บอกว่า ขาดไป 1 ข้อ ในใจผมก็อยากรู้ว่ามันไม่ผ่านจริงไหม เพราะมั่นใจว่าน่าจะผ่าน

แต่ก็ไม่กล้าขอดู เพราะแค่ตอนไปสอบถามว่าทำไมตรวจผลสอบช้าเขายังไม่พอใจ

เจ้าหน้าที่ก็ถามว่าจะสอบใหม่ไหม ถ้าสอบก็รอผลสอบนานหน่อย เพราะคนเยอะ หรือจะให้พี่ช่วยก็เร็วหน่อย

 

เมื่อเจออย่างนี้ก็ถึงบางอ้อ สุดท้ายก็ต้องยอม เพราะไม่รู้จะทำยังไง และตอนนั้นก็ยังเด็กด้วย แต่ถ้าเป็นตอนนี้ละก็วงแตกแน่

สรุปก็จ่ายไปกี่ร้อยจำไม่ได้ แต่แค่นั้นยังไม่จบ เพราะต้องสอบขับรถด้วย

ทางเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าก็ขับพอเป็นพิธี แต่ผ่านแน่ๆ แต่เขาไม่ให้เอารถเราสอบขับ แต่ให้เอารถรับจ้างที่เขาเช่ามา

 

สรุปก็ต้องเสียค่าเช่ารถขับให้เจ้าหน้าที่ไปจ่ายให้เจ้าของรถอีก

 

ประเทศไทย จิ้มตรงไหนก็เน่า คอร์รัปชั่นกันทุกองค์กร

 

<_<  ประทานโทษขอรับ... ผู้มีอุปการะคุณกระพ๊มจ่าย 500 ในสมัยนั้น ได้แบบ "ตลอดชีพ" มาเลยขอรับ...

 

-_-   แต่แกมาขับรถเป็นตอนแกจะอายุ 40 แล้วเนี่ยสิขอรับ...


Edited by wat, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:24.

:) Sometime...Sun shine through the rain...

#10 ypk

ypk

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,173 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:31

เหอะ เหอะ  ตามระเบียบมันคงไปเรียกเก็บไม่ได้หรอก น้า wat แต่หน่วยงานราชการนี่

มันมีหลายที่หลายแห่งที่เจ้านายเขาใช้วิธี กระแอม ให้รู้ ไม่มีลายลักษณ์อักษร ผมคิดว่า

คนถูกถ่ายรูปนี่ คงรู้ดวงนั่นแหละว่า ก็สงสัยจะซวยแล้ว เลยขอให้เขาลบรูปออก

 

กรณีนี้ พิสูจน์ง่ายครับ เพราะถ้า เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเข้ากระเป๋าตนเอง เขาจะไม่เรียกทุกคน

เพราะต้องดูท่าทีเป็นคน ๆ ไป  แต่ถ้าเรียกเก็บทุกคน มีอัตราชัดเจน ผมว่าน่าจะเป็นนโยบาย

ของหน่วยงาน แต่เวลาเรื่องมัน ฉาว ขึ้นมา เจ้าหน้าที่อาจ ซวย คนเดียว



#11 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 15:59

ปี 2554 ตอนผมยังทำงานอยู่กรุงเทพฯ(ก่อนน้ำท่วม) ผมขับรถกลับบ้านที่เมืองจันท์ในเย็นวันศุกร์

 

มาจอดกินข้าวที่พักริมทางมอร์เตอร์เวย์ หลังกินเสร็จก็จะไปต่อ แต่รถสตาร์ทไม่ติด

โทรถามเพื่อที่เป็นช่างไดนาโม บอกอาการมัน สรุปได้ว่าน่าจะเกิดจากพวกไดร์สตาร์ท

เพื่อนให้เคาะไดร์สตาร์ทก็เคาะไม่ถูก เกิดมาขับเป็นอย่างเดียว 555

 

ถามไปถามมาแบตโทรศัพท์หมด ที่ชาร์ตในรถก็ไม่มี น้องในออฟฟิตยืมไป

ก็เลยไปแจ้งเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกของมอร์เตอร์เวย์ที่ศูนย์ ที่คอยช่วยเหลือพวกรถที่เสีย

 

เขามากัน 2 คน ดูแล้วก็เหมือนพยายามช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้(ถึงวันนี้ยังติดใจอยู่ว่า ช่วยไม่ได้จริงๆ หรือไม่เต็มใจช่วย)

เขาก็เลยอาสาลากรถไปอู่ บอกว่าตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อยู่ที่น้ำใจ มีมากก็จ่ายมาก พูดแล้วก็หัวเราะ

ตอนนั้นฟังแล้วก็รู้ว่าเสียเงินแน่ๆ

 

เขาก็ลากไปอู่ใกล้ๆมอร์เตอร์เวย์ คือจากที่พักระหว่างทางก็ลากไปในทิศที่ไปชลบุรี ไปได้สักพักก็ยูเทอร์นกลับมาอีกฝั่ง

แล้วก็เลี้ยวออกไปลอดใต้สะพานในทิศมุ่งหน้าไปฉะเชิงเทรา ออกมาแค่ 20-30 เมตรก็ถึงอู่

 

เจ้าหน้าที่ส่งเสร็จ ทีแรกผมจะจ่ายสัก 500 คิดว่าน่าจะเหมาะสม ไม่มาก ไม่น้อย เพราะจริงๆตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว

และลากมาไม่ไกล แต่ก็ให้เป็นน้ำใจ แต่ดันไม่มีแบงค์ 500 ก็เลยให้ไป 1000 นึง ก็คิดในแง่ดีว่า เอกชนทั่วไปลากแพงกว่านี้ เจ้าหน้าที่ก็กลับไป

 

ช่าง(เจ้าของอู่) ก็ถามอาการ ผมก็บอกไป ช่างก็ถอดพวกไดร์สตาร์ท และเอาออโตเมติกสตาร์ทออกมา(ช่างบอก) แล้วบอกขาไหม้ แล้วก็โยนทิ้ง

ผมก็เดินไปเก็บใส่ท้ายรถ คิดในใจ ก็เราเพิ่งเปลี่ยนไดร์สตาร์ทมาไม่นาน ทำไมพังเร็วจัง แต่เขาบอกขาไหม้ สงสัยมันอาจช๊อตก็เลยพังเร็วกว่าปกติ

 

หลังจากช่างถอด และเอาอันใหม่ของช่างมาใส่ ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง เขาคิดค่าออโตเมติกสตาร์ท 1200(มือ2) ค่าแรง 800

 

กลับมาถึงเมืองจันท์เจอเพื่อนๆรวมถึงเพื่อนที่เป็นเจ้าของอู่ทำไดนาโม ที่โทรไปถามอาการก่อนแบตหมด

เล่าให้เพื่อนฟัง มันก็บอกว่า หัวแบะแล้ว และมันก็ขำ

 

มันบอกว่าออโตเมติกสตาร์ทมือ 2 รถ*คุณ*แค่ 5-600 เอง ค่าแรง 800 ก็แพงไป แบบว่าสุดๆจริงทั้งออโตเมติกสตาร์ทกับค่าแรงก็ไม่น่าเกิน 1000

อีกวันก็ไปที่อู่มัน เอาออโตเมติกสตาร์ทที่ว่าขาไหม้ไปให้เพื่อนลองเชคดู ปรากฎว่า ไม่ได้พัง แค่สายไฟหลุด

 

สรุปคือ ผมขับรถแล้วรถอาจจะสะเทือนแล้วสายไฟจากออโตเมติกสตาร์ทมันหลุดแค่นี้เอง แค่เอาใส่ก็จบ แต่สรุปได้ว่า หมดไป 3000

 

เสียเงินไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ชอบการหากินแบบนี้ มันทำให้สังคมแย่ ไม่น่าอยู่


Edited by กรกช, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:02.


#12 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:08

ปี 2554 ตอนผมยังทำงานอยู่กรุงเทพฯ(ก่อนน้ำท่วม) ผมขับรถกลับบ้านที่เมืองจันท์ในเย็นวันศุกร์

 

มาจอดกินข้าวที่พักริมทางมอร์เตอร์เวย์ หลังกินเสร็จก็จะไปต่อ แต่รถสตาร์ทไม่ติด

โทรถามเพื่อที่เป็นช่างไดนาโม บอกอาการมัน สรุปได้ว่าน่าจะเกิดจากพวกไดร์สตาร์ท

เพื่อนให้เคาะไดร์สตาร์ทก็เคาะไม่ถูก เกิดมาขับเป็นอย่างเดียว 555

 

ถามไปถามมาแบตโทรศัพท์หมด ที่ชาร์ตในรถก็ไม่มี น้องในออฟฟิตยืมไป

ก็เลยไปแจ้งเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกของมอร์เตอร์เวย์ที่ศูนย์ ที่คอยช่วยเหลือพวกรถที่เสีย

 

เขามากัน 2 คน ดูแล้วก็เหมือนพยายามช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้(ถึงวันนี้ยังติดใจอยู่ว่า ช่วยไม่ได้จริงๆ หรือไม่เต็มใจช่วย)

เขาก็เลยอาสาลากรถไปอู่ บอกว่าตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อยู่ที่น้ำใจ มีมากก็จ่ายมาก พูดแล้วก็หัวเราะ

ตอนนั้นฟังแล้วก็รู้ว่าเสียเงินแน่ๆ

 

เขาก็ลากไปอู่ใกล้ๆมอร์เตอร์เวย์ คือจากที่พักระหว่างทางก็ลากไปในทิศที่ไปชลบุรี ไปได้สักพักก็ยูเทอร์นกลับมาอีกฝั่ง

แล้วก็เลี้ยวออกไปลอดใต้สะพานในทิศมุ่งหน้าไปฉะเชิงเทรา ออกมาแค่ 20-30 เมตรก็ถึงอู่

 

เจ้าหน้าที่ส่งเสร็จ ทีแรกผมจะจ่ายสัก 500 คิดว่าน่าจะเหมาะสม ไม่มาก ไม่น้อย เพราะจริงๆตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว

และลากมาไม่ไกล แต่ก็ให้เป็นน้ำใจ แต่ดันไม่มีแบงค์ 500 ก็เลยให้ไป 1000 นึง ก็คิดในแง่ดีว่า เอกชนทั่วไปลากแพงกว่านี้ เจ้าหน้าที่ก็กลับไป

 

ช่าง(เจ้าของอู่) ก็ถามอาการ ผมก็บอกไป ช่างก็ถอดพวกไดร์สตาร์ท และเอาออโตเมติกสตาร์ทออกมา(ช่างบอก) แล้วบอกขาไหม้ แล้วก็โยนทิ้ง

ผมก็เดินไปเก็บใส่ท้ายรถ คิดในใจ ก็เราเพิ่งเปลี่ยนไดร์สตาร์ทมาไม่นาน ทำไมพังเร็วจัง แต่เขาบอกขาไหม้ สงสัยมันอาจช๊อตก็เลยพังเร็วกว่าปกติ

 

หลังจากช่างถอด และเอาอันใหม่ของช่างมาใส่ ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง เขาคิดค่าออโตเมติกสตาร์ท 1200(มือ2) ค่าแรง 800

 

กลับมาถึงเมืองจันท์เจอเพื่อนๆรวมถึงเพื่อนที่เป็นเจ้าของอู่ทำไดนาโม ที่โทรไปถามอาการก่อนแบตหมด

เล่าให้เพื่อนฟัง มันก็บอกว่า หัวแบะแล้ว และมันก็ขำ

 

มันบอกว่าออโตเมติกสตาร์ทมือ 2 รถ*คุณ*แค่ 5-600 เอง ค่าแรง 800 ก็แพงไป แบบว่าสุดๆจริงทั้งออโตเมติกสตาร์ทกับค่าแรงก็ไม่น่าเกิน 1000

อีกวันก็ไปที่อู่มัน เอาออโตเมติกสตาร์ทที่ว่าขาไหม้ไปให้เพื่อนลองเชคดู ปรากฎว่า ไม่ได้พัง แค่สายไฟหลุด

 

สรุปคือ ผมขับรถแล้วรถอาจจะสะเทือนแล้วสายไฟจากออโตเมติกสตาร์ทมันหลุดแค่นี้เอง แค่เอาใส่ก็จบ แต่สรุปได้ว่า หมดไป 3000

 

เสียเงินไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ชอบการหากินแบบนี้ มันทำให้สังคมแย่ ไม่น่าอยู่

 

-_-  นี่คือสันดอนช่างไทยมานานแสนนานทุกช่างขอรับ ประเภท ซื่อ ตรง คุณภาพพร้อมราคานั่นถ้าเจอก็เหมือนถูกรางวัลที่ 1 ขอรับ... เราเองทำก็ทำเองไม่ได้ ก็ต้องเสีย "ค่าโง่" มากกว่า "ค่าซ่อม" นั่นแหละขอรับ... ผีถึงป่าช้า, หมูถึงปากหมา สถานการณ์มักจะเป็นเช่นนั้น...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#13 patcha

patcha

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 319 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 16:59

ปี 2554 ตอนผมยังทำงานอยู่กรุงเทพฯ(ก่อนน้ำท่วม) ผมขับรถกลับบ้านที่เมืองจันท์ในเย็นวันศุกร์
 
มาจอดกินข้าวที่พักริมทางมอร์เตอร์เวย์ หลังกินเสร็จก็จะไปต่อ แต่รถสตาร์ทไม่ติด
โทรถามเพื่อที่เป็นช่างไดนาโม บอกอาการมัน สรุปได้ว่าน่าจะเกิดจากพวกไดร์สตาร์ท
เพื่อนให้เคาะไดร์สตาร์ทก็เคาะไม่ถูก เกิดมาขับเป็นอย่างเดียว 555
 
ถามไปถามมาแบตโทรศัพท์หมด ที่ชาร์ตในรถก็ไม่มี น้องในออฟฟิตยืมไป
ก็เลยไปแจ้งเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกของมอร์เตอร์เวย์ที่ศูนย์ ที่คอยช่วยเหลือพวกรถที่เสีย
 
เขามากัน 2 คน ดูแล้วก็เหมือนพยายามช่วย แต่ก็ช่วยไม่ได้(ถึงวันนี้ยังติดใจอยู่ว่า ช่วยไม่ได้จริงๆ หรือไม่เต็มใจช่วย)
เขาก็เลยอาสาลากรถไปอู่ บอกว่าตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่อยู่ที่น้ำใจ มีมากก็จ่ายมาก พูดแล้วก็หัวเราะ
ตอนนั้นฟังแล้วก็รู้ว่าเสียเงินแน่ๆ
 
เขาก็ลากไปอู่ใกล้ๆมอร์เตอร์เวย์ คือจากที่พักระหว่างทางก็ลากไปในทิศที่ไปชลบุรี ไปได้สักพักก็ยูเทอร์นกลับมาอีกฝั่ง
แล้วก็เลี้ยวออกไปลอดใต้สะพานในทิศมุ่งหน้าไปฉะเชิงเทรา ออกมาแค่ 20-30 เมตรก็ถึงอู่
 
เจ้าหน้าที่ส่งเสร็จ ทีแรกผมจะจ่ายสัก 500 คิดว่าน่าจะเหมาะสม ไม่มาก ไม่น้อย เพราะจริงๆตรงนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว
และลากมาไม่ไกล แต่ก็ให้เป็นน้ำใจ แต่ดันไม่มีแบงค์ 500 ก็เลยให้ไป 1000 นึง ก็คิดในแง่ดีว่า เอกชนทั่วไปลากแพงกว่านี้ เจ้าหน้าที่ก็กลับไป
 
ช่าง(เจ้าของอู่) ก็ถามอาการ ผมก็บอกไป ช่างก็ถอดพวกไดร์สตาร์ท และเอาออโตเมติกสตาร์ทออกมา(ช่างบอก) แล้วบอกขาไหม้ แล้วก็โยนทิ้ง
ผมก็เดินไปเก็บใส่ท้ายรถ คิดในใจ ก็เราเพิ่งเปลี่ยนไดร์สตาร์ทมาไม่นาน ทำไมพังเร็วจัง แต่เขาบอกขาไหม้ สงสัยมันอาจช๊อตก็เลยพังเร็วกว่าปกติ
 
หลังจากช่างถอด และเอาอันใหม่ของช่างมาใส่ ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง เขาคิดค่าออโตเมติกสตาร์ท 1200(มือ2) ค่าแรง 800
 
กลับมาถึงเมืองจันท์เจอเพื่อนๆรวมถึงเพื่อนที่เป็นเจ้าของอู่ทำไดนาโม ที่โทรไปถามอาการก่อนแบตหมด
เล่าให้เพื่อนฟัง มันก็บอกว่า หัวแบะแล้ว และมันก็ขำ
 
มันบอกว่าออโตเมติกสตาร์ทมือ 2 รถ*คุณ*แค่ 5-600 เอง ค่าแรง 800 ก็แพงไป แบบว่าสุดๆจริงทั้งออโตเมติกสตาร์ทกับค่าแรงก็ไม่น่าเกิน 1000
อีกวันก็ไปที่อู่มัน เอาออโตเมติกสตาร์ทที่ว่าขาไหม้ไปให้เพื่อนลองเชคดู ปรากฎว่า ไม่ได้พัง แค่สายไฟหลุด
 
สรุปคือ ผมขับรถแล้วรถอาจจะสะเทือนแล้วสายไฟจากออโตเมติกสตาร์ทมันหลุดแค่นี้เอง แค่เอาใส่ก็จบ แต่สรุปได้ว่า หมดไป 3000
 
เสียเงินไม่เท่าไหร่ แต่ไม่ชอบการหากินแบบนี้ มันทำให้สังคมแย่ ไม่น่าอยู่




เผลอๆอาจทำเป็นขบวนการก็ได้ อู่อื่นที่ดีๆ ไม่ส่งไปส่งอู่แบบนี้มีส่วนแบ่งด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ อันนี้เป็นแค่ข้อสังเกตุนะ อาจไม่จริงก็ได้

ปลอดภัยที่สุดก่อนเดินทางตรวจสอบหน่อย สบายใจกว่าค่ะ ที่สำคัญพกเบอร์โทรของช่างเจ้าประจำติดไว้เผื่อขอคำปรึกษาด้วยจะดีมาก
ความเป็นคนดีสำคัญที่สุด ถ้าคนไม่ดี จะระบบหรือระบอบใดก็ไม่ดีทั้งสิ้น

#14 เพื่อนร่วมชาติ

เพื่อนร่วมชาติ

    พรานล่าปูไปรยา

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 7,788 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:05

ทำยังกะสมัยมาร์คชั่งไข่ไม่มี หึหึ

 

(ดักไว้ก่อน)


ประชาธิปไตยก็เหมือนส้วมสาธารณะแบบนั่งเต็มตูด ควายนับถือศาสนาชินวัตรใช้แล้วสกปรกชิบเป๋ง


#15 JUR1ST

JUR1ST

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,803 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:20

เหอะ เหอะ  ตามระเบียบมันคงไปเรียกเก็บไม่ได้หรอก น้า wat แต่หน่วยงานราชการนี่

มันมีหลายที่หลายแห่งที่เจ้านายเขาใช้วิธี กระแอม ให้รู้ ไม่มีลายลักษณ์อักษร ผมคิดว่า

คนถูกถ่ายรูปนี่ คงรู้ดวงนั่นแหละว่า ก็สงสัยจะซวยแล้ว เลยขอให้เขาลบรูปออก

 

กรณีนี้ พิสูจน์ง่ายครับ เพราะถ้า เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเข้ากระเป๋าตนเอง เขาจะไม่เรียกทุกคน

เพราะต้องดูท่าทีเป็นคน ๆ ไป  แต่ถ้าเรียกเก็บทุกคน มีอัตราชัดเจน ผมว่าน่าจะเป็นนโยบาย

ของหน่วยงาน แต่เวลาเรื่องมัน ฉาว ขึ้นมา เจ้าหน้าที่อาจ ซวย คนเดียว

 

ถ้าเป็นค่าธรรมเนียมที่มีอัตราชัดเจนต้องออกใบเสร็จรับเงินเสมอครับ เพราะเมื่อรับมาแล้วต้องถือว่าเป็นเงินหลวง ต้องส่งเข้าคลัง

 

ขนาดการจ่ายเงินเข้ากองทุนสวัสดิการของหน่วยงาน (ไม่ต้องส่งเข้าคลัง) ยังต้องมีใบเสร็จรับเงินเลย



#16 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:34

มาทำตัวโตๆให้ครับ  ชอบๆๆๆ

 

"โปรดปฏิเสธการติดสินบน และช่วยกันกำจัดคอร์รัปชั่นออกไปจากประเทศไทย ถ้าทุกคนช่วยกัน เราทำได้"


Edited by ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่, 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 17:34.

gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#17 ypk

ypk

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 2,173 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 20:59

"ถ้าเป็นค่าธรรมเนียมที่มีอัตราชัดเจนต้องออกใบเสร็จรับเงินเสมอครับ"

 

เหอ เหอ  ผมหมายถึงการเรียกเก็บที่มันผิดระเบียบ  แต่หน่วยงานเขา

รับรู้น่ะครับ เพราะถ้าหน่วยงานรับรู้ อัตราเรียกเก็บมันจะถูกกำหนดให้

เรียกเก็บก็โดยหน่วยงานเองนั่นแหละ แต่ไม่ได้หมายถึงว่าเขาเก็บเอา

เข้ากระเป๋าแล้วไปแบ่งกันนะครับ เพราะเขาเอาเงินที่เก็บจากเราไปชดเชย

ค่าวัสดุของหน่วยงานที่เขาให้บริการเรา เช่น ค่ากระดาษถ่ายเอกสาร ค่าหมึก

ผมเคยฟังเขาอธิบายว่า มันจำเป็น เพราะถ้าไม่เก็บค่าบริการแบบนี้ เขาก็ให้

บริการได้ไม่มาก เพราะงบประมาณมันจำกัด ดู ๆ แล้วก็น่าเห็นใจเหมือนกัน

เหมือนกับทำงานรอวันซวย เพราะถ้าถูกโวยวายขึ้นมามันก็เสียหาย กลายเป็น

เรื่องคอรัปชั่นได้เหมือนกัน เพราะไม่ได้ขออนุมัติอะไรให้มันถูกระเบียบไว้



#18 THE THIRD WAY

THE THIRD WAY

    มาหาความจริง

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,417 posts

ตอบ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 21:13

สรรพากร

สรรสามิต

ศุลการกร

ป่าไม้

ที่ดิน

พวกเกี่ยวกับการส่งออก นำเข้า

ปกครอง

ตำกวด (ที่จริงน่าจะอยู่อันดับแรกๆ)

 

เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่

เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก

 

ถ้าจ่ายเงิน


อยู่เฉยๆ แล้วบอกว่าเป็นกลางทีคนอื่นทำอีกอย่าง บอกว่าเอียง

#19 พระฤๅษี

พระฤๅษี

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 10,127 posts

ตอบ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:35

ผมเกรงอยู่ 2 เรื่อง ...เรื่องแรก  ถ้าจริง แล้วเราตี-

เขาต้องเอาตัวรอด  วิธี ( เอาตัวรอดที่ง่ายในปัจจุบัน)

คือ เข้าแดง.อย่างที่สอง ( เป็นแดงอยู่แล้ว) ก็จบ

( แดง..เจ้าหน้าที่..นักโทษหนีคุก ไม่ใช่ เจ้าหน้าที่รัฐฯ)

ทุกท่านโปรดเข้าใจ... :(  :(  :(  :(  :(  :(  :(  :ph34r:  



#20 RiDKuN_user

RiDKuN_user

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,167 posts

ตอบ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 12:41

รอคนกลางมาบอกว่าสมัย ปชป. ก็ไม่ต่างกันครับ 


" ชีวิตผมไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้น ผมกลัวอย่างเดียว...กลัวจะถูกมองว่า 'ขายชาติ' " - The Last Tycoon

~ ทักษิณตาย เสรีไทยไชโย ~

#21 กรกช

กรกช

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,930 posts

ตอบ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:42

ขออนุญาตคุณ Wat นอกประเด็นอีกสักเรื่อง และอาจตามมาอีกถ้ามีเวลา :D 

อยากให้กระทู้นี้เป็นกระทู้ตีแผ่คอร์รัปชั่นของสังคมไปเลย

 

เงินกู้นอกระบบ ดอกเบี้ยร้อยละ 2 รายวัน ตกเดือนหนึ่งดอกเบี้ยก็ 60 %

เจ้าพ่อเงินกู้นอกระบบน่าจะอันดับ 1 ของประเทศ อยู่ที่เมืองจันท์อายุประมาณ 40 ทำธุกิจนี้มาแค่ 10 กว่าปี วันนี้ทรัพย์สินน่าจะหลักหลายพันล้าน

เคยมาทำทีมฟุตบอลกระต่ายป่า จันทบุรีเอฟซี เอาเงินมาทิ้งเล่นๆ 2 ปี 100 กว่าล้าน ยังเฉยๆ

 

ข้อมูลเมื่อ 2 ปีก่อน เขามีโต๊ะเงินกู้ทุกภาค ทั่วประเทศประมาณ 2300 โต๊ะ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่จะมีมาก และวงเงินกู้โต๊ะละ 5 แสน ถึง 1 ล้านบาท

 

แต่ละโต๊ะจะมีเด็กทวงหนี้ 2-3 คน ส่วนมากก็เป็นพวกวัยรุ่น หรือพวกที่เคยติดคุกมาแล้ว

แต่ละโต๊ะจะมีคนคุม คนหนึ่งอาจคุม 2-3 โต๊ะ ไปจนถึงหลาย 10 โต๊ะ และจะมีผู้จัดการภาค คุมคนที่คุมโต๊ะอีกที

 

เด็กเก็บเงินจะได้เงินเดือน และเปอร์เซนต์จากการเก็บ

คนคุมโต๊ะ จะได้เงินเดือน และเปอร์เซนต์จากยอดที่ปล่อยและเก็บได้ ใครคุมหลายโต๊ะก็จะรายได้มาก

คนคุมภาค ก็จะได้เปอร์เซนต์จากโต๊ะทั้งหมดในภาคที่คุม

 

ทุกจังหวัด ทุกที่ โต๊ะเงินกู้ต้องจ่ายให้ตำรวจท้องที่ เดือนละ 2-3000 ต่อโต๊ะ แล้วแต่จังหวัดเล็ก ใหญ่

 

ลูกค้าส่วนใหญ่เกินครึ่ง คือคนที่ติดหนี้การพนัน

นักศึกษาผู้หญิง กู้แล้วไม่มีเงินส่งดอก ต้องเอาตัวเข้าแลก นี่คือเรื่องจริง ส่วนใหญ่น่าจะติดหนี้พนันบอล

 

โต๊ะบอล บ่อนการพนัน คงอยู่ในสังคมได้ เพราะตำรวจเก็บส่วย

โต๊ะเงินกู้นอกระบบอยู่ได้ เพราะตำรวจเก็บส่วย

 

พวกแก๊งค์เงินกู้ระดับหัวๆ วันนี้หลายคนก็ลงการเมืองท้องถิ่น เพื่อให้มีอำนาจ

หลายคนซื้อที่ ซื้อทาง และฟอกตัวเองในธุรกิจต่างๆ

 

โดยเฉพาะเจ้าพ่อเงินกู้ เมื่อ 4-5 เดือนก่อนให้ลูกน้อง 200 คน วงเงินคนละ 3 ล้าน

ไปซื้อพลอยที่แถวอาฟริกา โดยเน้นที่ประเทศโมซัมบิค ซึ่งเป็นพลอยที่ตลาดต้องการ

 

ข้อมูลทั้งหมดตรงนี้ 100 % แต่ผมบอกได้แค่นี้

 

ตรงนี้ก็เอามาเล่าสู่กันฟัง และจะเห็นได้ว่าปัญหาสังคม ตำรวจคือตัวการสำคัญ

 

และผู้ที่มีอำนาจกำหนดนโยบาย สั่งการให้ตำรวจทำหน้าที่ตรงไปตรงมา คือนักการเมือง

แต่นักการเมืองกับตำรวจก็สานประโยชขน์ร่วมกัน

 

สังคมไทยมันจึงเสื่อม เน่าไปหมด

เมื่อสังคมเสื่อม ศีลธรรมของผู้คนในสังคมก็เลยเสื่อม ไม่รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี

ประเทศไทยของเราจึงมีสภาพแบบนี้


Edited by กรกช, 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 - 13:44.





ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน