อย่างแรกต้องถามว่า การกู้เงิน ละเมิด กฏเกณท์ การเป็น เศรษฐกิจ พอเพียงหรือไม่...
ถ้าละเมิด ก็จบ ไม่ต้องคุยต่อ...
เศรษฐกิจพอเพียง เป็น หลักปรัชญา หรือ ทฤษฎี ที่ในหลวงทรงพระราชทานไว้ให้เป็นแนวทางปฏิบัติ
ไม่ใช่ กฏหมาย หรือ กฏเกณฑ์ ที่ห้ามใครละเมิด ใครจะนำไปปฏิบัติหรือไม่ก็ได้
ดังนั้น คุณ ไม่ควรนำหลักทฤษฎีนี้มาประชดประชันด้วยคำว่า ละเมิด ครับ
คิดไปเอง แล้วมาใส่ร้าย... เป็น นิสัยที่ไม่สามารถเยียวยาได้..
นี่คุณยังไม่รู้ตัวเองอีกหรือครับ ว่าเป็นคนประเภทไหน
หลายครั้งแล้วที่คุณหยิบยกเอาประเด็นที่ไม่ควรแตะต้อง มาเสียดสีประชดประชัน
แล้วก็สะบัดตูดหนีไปแบบน่ารังเกียจ ไม่ต้องมาถามว่าอะไร สิ่งที่ประจานตัวเองอยู่ก็คือลายเซ็นของคุณนั่นแหละ !!!
เอาจริตแบบไหนไม่ทราบของตัวเอง ไปหาว่าคนอื่น ประชดประชัน... กรรม...
การที่คนปกติ สงสัยว่า การกู้ เนี่ย มัน เข้ากับ ปรัชญาพอเพียงหรือป่าว... มัน ไม่ควรแตะต้อง ตรงไหน...
ประโยคที่ว่า "การกู้เงิน ละเมิด กฏเกณท์ การเป็น เศรษฐกิจพอเพียงหรือไม่... "
มันไปแตะต้องอะไร ...
บ้าบอไปกันใหญ่แล้ว.. กระทั่งสงสัย ยังไม่ได้ หาว่าไปแตะต้อง... ห้ามคิดด้วยเลยไหม...
ลอง อ่านดูที่ตอบๆมานะครับ... ท่าน ยังตีความไม่ตรงกับคนอื่นเลย
ท่านว่ากู้ไม่ได้เลย... "เมื่อใดก็ตามที่กู้ นั่นหมายความว่า ไม่พอเพียงแล้ว"
คนอืนว่าแล้วแต่..กู้ยัง กู้แล้วใช้ได้ไหม..
ในเมื่อไม่ตรงกัน แบบนี้ การสงสัยว่า จริงๆแล้วเป็นอย่างไร ... เป็นการ แตะต้องประเด็นที่ไม่ควร หรือครับ..
ถามจริงๆ.. ประเด็นที่ไม่ควร ของท่าน คืออะไร ผมจะได้ทำตัวถูก..
แล้ว... ลายเซ็นผม ผมประจานตัวเอง มาจะครบปีแล้ว.. มัน สร้างความเดือดร้อนให้ท่านอย่างไรหรือครับ..
ถ้ามีเหตุผล เด๋วผมเปลี่ยนให้..
.
จะยอมรับหรือไม่ยอมรับก็สุดแท้ แต่แบบนี้แหละ เค้าเรียก " แถ " วาทะกรรมอะไรก็น่าจะช่วยยาก
ละเมิด เค้าใช้กันในภาษากฏหมาย
เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่กฏหมาย ฉะนั้น ไม่มีการละเมิดแบบที่เค้าว่านั่นถูกแล้ว..
ไม่จำเป็นต้องหน้าด้านก็ได้......แค่ทำแบบที่ทำเป็นประจำ คือ ตอบมั่ง ไม่ตอบมั่ง ก็คงจบแล้ว