Jump to content


Photo

สิ่งที่ยังคงอยู่....


  • Please log in to reply
7224 replies to this topic

#6451 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 11 January 2014 - 20:48



#6452 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 11 January 2014 - 20:50

 

 

ฟังเพลงสบาย คลายเครียด ก่อนราตรีสวัสดิ์



#6453 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 11 January 2014 - 23:09

ขอส่งความสุขและความหวังแด่เด็กไทย

11.. ๒๕๕๗ (ในวันที่เด็ก ไม่มีนายก)


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#6454 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 14:28

มงคล คือเหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต นำมาจากบทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาที่ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้า และทูลถามพระองค์ว่า  
อะไรคือมงคลของชีวิต หลังจากทีได้มีข้อถกเถียงกันอย่างยืดเยื้อมานานถึงสิบสองปี  องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคล ซึ่งมีทั้งหมด ๓๘ ประการ
มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยึดถือวัตถุ แต่ยึดถือการปฏิบัติฝึกฝนตนเอง
 
มงคลที่ ๑๔ การทำงานไม่ให้คั่งค้าง
 
จะทำงานการใดตั้งใจมั่น
อย่าผัดวันทำเล่นเช้าเย็นสาย
ไม่ทิ้งคาอากูลมากมูลมาย
เร่งคลี่คลายให้เสร็จสำเร็จการ
 
สาเหตุที่ทำให้งานคั่งค้าง
๑.  ทำงานไม่ถูกกาล  ยังไม่ถึงเวลาทำก็ร้อนใจด่วนไปทำ แต่พอถึงเวลาควรทำกลับไม่ทำ
๒.  ทำงานไม่ถูกวิธี  ทำผิดขั้นตอน ผิดลำดับ
๓.  ไม่ยอมทำงาน  ชอบผัดวันประกันพรุ่ง หรือหาเหตุต่างๆ นานามาอ้าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าเราจะทำความดีเมื่อไหร่ ฤกษ์ก็ดีเมื่อนั้น ไม่ต้องรอ ทำไปได้เลย ประโยชน์
      ย่อมเป็นฤกษ์ของประโยชน์เอง  “ประโยชน์ย่อมล่วงเลย  คนโง่ผู้มัวรอฤกษ์ยามอยู่”
 
 
วิธีทำงานให้เสร็จที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้คือ อิทธิบาท ๔ ได้แก่
๑.  ฉันทะ  คือมีความพอใจในงานที่ทำ มีความรักงาน จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเราเล็งเห็นผลของงานว่าถ้าทำงานนี้แล้วจะได้อะไร ต้องปลูกความพอใจให้แก่ผู้ทำงาน ให้เขารู้ด้วยว่า
      ทำแล้วจะเกิดผลดีอย่างไร หรือถ้าไม่ทำจะเสียผลทางไหน ไม่ใช้อำนาจบาทใหญ่ หรือใช้ถ้อยคำดูหมิ่นเหยียดหยาม จะเป็นการทำลายกำลังใจของผู้ทำ นับว่าทำผิดอย่างยิ่ง
๒.  วิริยะ  คือมีความตั้งใจ พากเพียรในงานที่ทำ ไม่ท้อถ้อยเป็นคุณธรรมทางใจ คนเกียจคร้านทุกคนและทุกครั้งจะอ้าง กลัวหนาว กลัวร้อน กลัวแดด กลัวฝน จะทำงานแต่ละครั้ง
      ต้องอ้างว่าหนาวจะตาย ร้อนจะตาย อิ่มจะตาย เหนื่อยจะตาย ง่วงจะตาย การเอาชนะความเกียจคร้านได้คือ ความเพียร ผู้เป็นหัวหน้ายิ่งสำคัญมาก ถ้าเป็นคนเกียจคร้าน
      คิดกินแรงผู้น้อยท่าเดียว คิดแต่ว่า “ให้แกวิดน้ำท่าข้าจะล่อน้ำแกง” ผู้น้อยก็มักขยันไปได้ไม่กี่น้ำ แต่ถ้าหัวหน้าเอาการ    เอางานก็ดึงผู้น้อยให้ขยันขันแข็งขึ้นด้วย
          “ความเกียจคร้านย่อมทำลายคุณธรรมทุกประการ เป็นบรรพชิตก็ไม่ได้เป็นคฤหัสถ์ก็ไม่ดี”
๓.  จิตตะ  คือมีความเอาใจใส่ในงานที่ทำไม่ปล่อยปละละเลยกับงานของตน คอยตรวจตรางานอยู่เสมอ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เราเป็นนักตรวจตรางาน คือให้มีจิตตะ
      แล้วก็ทรงให้โอวาทสำทับไว้ด้วยว่า “จงตรวจตรางานของตัวเอง  ทั้งที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ"
๔.  วิมังสา สุดยอดของวิธีทำงานให้สำเร็จรวมอยู่ในอิทธิบาทข้อสุดท้าย คือมีการคิดพิจารณาทบทวนงานนั้นๆ ด้วยปัญญาด้วยสมองคิด ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ ถ้าขาดการใช้ปัญญา
      พิจารณางานด้วยแล้วผลที่สุดงานก็คั่งค้างจนได้ เพราะผลงานก็ไม่เรียบร้อย ต้องทำกันใหม่ร่ำไป
 
คนที่ทำงานด้วยปัญญานั้นจะต้อง
      -   ทำให้ถูกกาล ไม่ทำก่อนหรือหลังเวลาอันควร
      -   ทำให้ถูกลักษณะของงาน
 
สรุปวิธีการทำงานให้สำเร็จนั้น มีลักษณะล้วนขึ้นอยู่กับใจทั้งสิ้นคือเต็มใจทำ แข็งใจทำ ตั้งใจทำ และเข้าใจทำ วิธีการฝึกฝนใจที่ดีที่สุดก็คือ การให้ทานการรักษาศีล และการทำ
สมาธิเพื่อให้ใจผ่องใส ทำให้เกิดปัญญาพิจารณาเห็นผลของงานได้ รู้และเข้าใจวิธีทำงาน มีกำลังใจ และมีใจจดจ่ออยู่กับงาน ไม่วอกแวก
 
อุปสรรคในการทำงานให้เสร็จ คือ อบายมุข ๖ ได้แก่
๑.  ดื่มน้ำเมา
๒.  เที่ยวกลางคืน
๓.  ดูการละเล่นเป็นนิจ
๔.  เล่นการพนัน
๕.  คบคนชั่วเป็นมิตร
๖.  เกียจคร้านในการทำงาน
 
อานิสงส์การทำงานไม่คั่งค้าง
 ๑.  ทำให้ฐานะของตน ครอบครัว ประเทศชาติดีขึ้น
 ๒.  ทำให้ได้รับความสุข
 ๓.  ทำให้พึ่งตัวเองได้
 ๔.  ทำให้เป็นที่พึ่งของคนทั้งหลายได้
 ๕.  ทำให้สามารถสร้างบุญกุศลอื่นๆ ได้ง่าย
 ๖.  ทำให้เป็นผู้ไม่ประมาท
 ๗.  ทำให้ป้องกันภัยในอบายภูมิได้
 ๘.  ทำให้มีสุคติเป็นที่ไปเบื้องหน้า
 ๙.  ทำให้เป็นนิสัยติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ
๑๐. ทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญจากคนทั่วไป 
 
“บุคคลใดไม่คำนึงถึงหนาวร้อน  อดทนให้เหมือนหญ้า  กระทำกิจที่ควรทำด้วยเรี่ยวแรงของลูกผู้ชาย  บุคคลนั้นย่อมไม่เสื่อมจากสุข”     


#6455 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:35

สวัสดีคืนวันอาทิตย์

 

ประพฤติชอบเวลาใด เวลานั้นชื่อว่าเป็นฤกษ์ดี
มงคลดี เช้าดี รุ่งอรุณดี
 
Whenever a good deed is done,
that moment is called a propitious moment,
an auspicious time, a good morning, a bright sunrise.
 
ที่มา : "อมฤตพจนา"  
พุทธศาสนสุภาษิต
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
 
 
"ไม่มีคำใดจะตรงกับใจยิ่งกว่านี้ เรารักในหลวง"
 


#6456 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:41

          1604875_680769585301223_49721178_n.jpg



#6457 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:47

          1601489_720488287970296_1417761933_n.jpg



#6458 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:48

        530320_10200842758181785_846012406_n.jpg



#6459 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:49

              154458_194052694134474_1735640264_n.jpg



#6460 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:52



#6461 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:53



#6462 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 19:55



#6463 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 20:08



#6464 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 12 January 2014 - 23:30

ว่าจะลงตอนสองยาม แตjมะไหวแล้ว เพราะพรุ่งนี้ตอนตื่นเช้ากว่าปกติ ทำงานบ้านเสร็จแล้วค่อยไปตอนบ่ายๆ

 



#6465 Quezonla

Quezonla

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 259 posts

Posted 13 January 2014 - 21:09


Edited by Quezonla, 13 January 2014 - 21:18.


#6466 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 13 January 2014 - 22:28

 

ขอบคุณ คุณ Quezonla ที่ช่วยมาลงเพลงให้ เข้ากับบรรยากาศตอนนี้ค่ะ



#6467 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 13 January 2014 - 23:10


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#6468 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 13 January 2014 - 23:13

faq.gif


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#6469 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 15 January 2014 - 10:07

logic.gif


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#6470 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 18 January 2014 - 22:38

สวัสดีคืนวันเสาร์  เศร้าจังเลย     
 
ไม่ได้มาเปิดบ้านเสียหลายวัน วันนี้เลยมาปัดฝุ่นเสียหน่อย นับแต่วันจันทร์ที่ออกไปเดินเล่นที่อโศก  เพราะลืมเอาเก้าอี้ไป เลยเดินเล่นไปทั่วๆ พักนั่งคุยกับวัยเดียวกัน มีผู้หญิงมุสลิมสามคน มาจากอ่อนนุช
แต่อีกคนไม่ใช่บอกว่ามาจากชลบุรี ถามว่านัดกันมาหรือ เขาบอกว่าเปล่า มาเจอกันที่นี่แหละ ดีจังคนอยู่กันคนละที่ รวมแม่มะนาวด้วย มาอยู่ มาคุยกัน ด้วยอุดมการณ์เดียวกัน เขาถามว่าหิวน้ำไหม
แม่มะนาวบอกว่ามีแล้ว เตรียมมาเสร็จ เพราะติดน้ำเย็น ใส่มาในเป้ เลยอวดกันใหญ่(ตามประสาผู้หญิง)ว่าทุกคนซื้อเป้ใหม่เพื่อการนี้โดยเฉพาะ คุยสักพักแม่มะนาวก็ขอตัวเดินต่อ ก็เดินแหวกผู้คนที่แน่นไปเรื่อยๆ
สามทุ่มแล้วเลยกลับ แต่หมายตาที่นั่งเอาไว้ กะจะไปอีก เช้ามาปวดเข่าอีกแระ  เลยคิดพักหนึ่งวัน อ้าว..วันพุธไข้ขึ้นซะงั้น เลยพักต่อ เปิดคอมพ์ทิ้งไว้ คอยเวียนมาดู นอนมากก็ไม่ไหว นั่งนานไปก็เวียนหัว
จนวันศุกร์อาการดีแระ ตอนเที่ยงลูกสาว โทรมาถาม ว่าอยู่ไหน วันนี้ห้ามออกนะ มีข่าวขว้างระเบิดกัน เลยรีบมาดูข่าวในคอมพ์ อืม..ชั่วสุดๆ หมดแรงเข้าบ้านดินเหนียว เศร้าใจ จะด่าไปก็เท่านั้น มันก็ไม่ได้ยิน
มีแต่เราเองแหละที่ต้องอ่านคำด่า เลยคิดว่าอย่าเลย กรรมใดใครก่อก็รับกันไปเนอะ จบแระ เหนื่อยจะบ่น หรือบ่นจนเหนือก็ไม่รู้


#6471 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 18 January 2014 - 22:38



#6472 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 18 January 2014 - 22:40



#6473 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 12:53

มงคล คือเหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต นำมาจากบทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาที่ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้า และทูลถามพระองค์ว่า  
อะไรคือมงคลของชีวิต หลังจากทีได้มีข้อถกเถียงกันอย่างยืดเยื้อมานานถึงสิบสองปี  องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคล ซึ่งมีทั้งหมด ๓๘ ประการ
มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยึดถือวัตถุ แต่ยึดถือการปฏิบัติฝึกฝนตนเอง
 
มงคลที่ ๑๕ การให้ทาน
 
๏ ควรบำเพ็ญ ซึ่งทาน คือการให้
ท่านว่าไว้ สวยงาม สามสถาน
หนึ่งให้ของ สองธรรมะ ขนะมาร
อภัยทาน ที่สาม งามเหลือเกิน.
 
ทาน แปลว่า การให้ หมายถึงการสละสิ่งของของตน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ คือการให้ที่ไม่หวังผลตอบแทนโดยหมายให้ผู้ได้รับได้พ้นจากทุกข์ การให้ทาน
เป็นพื้นฐานความดีของมนุษย์ชาติ และเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้ในการจรรโลงสันติสุข ชีวิตของคนเราจึงดำรงอยู่ได้ด้วยทาน การให้ทานจึงเป็นสิ่งจำเป็น และมีคุณประโยชน์อย่าง
ใหญ่หลวงต่อมนุษย์ชาติ
 
ประเภทของทาน
๑.  อามิสทาน คือการให้วัตถุ สิ่งของ หรือเงินเป็นทาน
๒.  ธรรมทาน คือการสอนให้ธรรมะเป็นความรู้เป็นทาน ถ้าเป็นความรู้ทางโลก เช่น ให้ศิลปวิทยาการต่างๆเรียกว่า วิทยาทาน  หากเป็นความรู้ทางธรรม เช่น สอบให้ละชั่ว ประพฤติดี 
      มีศีลธรรม เรียกว่า ธรรมทาน
๓.  อภัยทาน คือ การสละอารมณ์โกรธ เป็นทาน ให้อภัย ไม่จองเวร สละอารมณ์โกรธ พยาบาทให้ขาดออกจากใจ การให้ธรรมะเป็นทาน ถือว่าเป็นการให้ทานที่ได้บุญสูงสุด
      มีคุณค่ากว่าการให้ทั้งปวง เพราะทำให้ผู้รับมีปัญญารู้เท่าทันโลก สามารถนำไปใช้ได้ ไม่รู้จักจบสิ้นชาตินี้และชาติต่อๆไป ส่วนทานชนิดอื่นๆ ผู้รับได้รับแล้วไม่ช้าก็หมดสิ้นไป
 
จุดมุ่งหมายของการให้ทาน
๑.  ให้เพื่อทำคุณ เป็นการให้เพื่อยึดเหนี่ยวน้ำใจกัน ต้องให้เพื่ออนุเคราะห์ มิได้หวังผลตอบแทน
๒.  ให้เพื่ออนุเคราะห์  เป็นการอุดหนุนเอื้อเฟื้อกันให้ด้วยความเมตตากรุณา เช่น พ่อ แม่ ให้อาหารแก่ลูก ครูอาจารย์ให้ความแก่ศิษย์ ผู้มีทรัพย์ บริจาคทรัพย์เพื่อเป็นทุนการศึกษา
      แก่นักเรียนที่ยากจน เป็นต้น
๓.  ให้เพื่อบูชาคุณ เมื่อมีผู้ปรารถนาดีต่อเรา เมตตากรุณา ช่วยเหลืออุปการะเรา เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ เราก็แสดงความเคารพนบนอบท่านด้วยกาย วาจา ใจ บูชาคุณท่านด้วย
      ทรัพย์สินตามกำลัง ยามท่านเจ็บป่วยก็ช่วยพยาบาลรักษา ไม่ละทิ้งท่านทั้งในยามสุขและยามทุกข์ 
 
ทานที่ให้แล้วไม่ได้บุญ
๑.  ให้สุรายาเสพย์ติด เช่น บุหรี่ เหล้า ฝิ่น กัญชา ฯลฯ
๒.  ให้อาวุธ เช่น เขากำลังทะเลาะกัน ยื่นปืน ยื่นมีดให้
๓.  ให้มหรสพ เช่น พาไปดูหนังดูละคร ฟังดนตรี เพราะทำให้กามกำเริบ
๔.  ให้สัตว์เพศตรงข้าม เช่น หาสุนัขตัวเมียไปให้ตัวผู้ หาสาวๆไปให้เจ้านาย ฯลฯ
๕.  ให้ภาพลามก รวมถึงหนังสือลามก และสิ่งยั่วยุกามารมณ์ทั้งหลาย
 
วิธีทำทานให้ได้บุญมาก ต้องพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ
๑.  วัตถุบริสุทธิ์ ของที่จะให้ทานต้องเป็นของที่ตนได้มาโดยสุจริตชอบธรรม ไม่ได้คดโกงหรือเบียดเบียนใครมา
๒.  เจตนาบริสุทธิ์ คือ มีเจตนาเพื่อกำจัดความตระหนี่ของตน มีจิตยินดี ผ่องใสเบิกบานไม่รู้สึกเสียดายสิ่งที่ให้ ตั้งแต่ก่อนให้  ขณะให้ และหลังให้  
๓.  บุคคลบริสุทธิ์ คือ เลือกให้แก่ผู้รับที่เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความสงบเรียบร้อย ตั้งใจประพฤติธรรม โดยทั้งไปแล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญ
      ของโลก แต่ถึงกระนั้นก็ทรงสอนให้เลือกถ้าจะนิมนต์พระภิกษุเฉพาะเจาะจง ก็ให้นิมนต์พระที่เคร่งครัดในสิกขาวินัยน่าเลื่อมใส ถ้าจะนิมนต์พระไม่เฉพาะเจาะจง ให้สมภารจัดให้
      ก็ให้เลือกนิมนต์จากหมู่สงฆ์ที่ประพฤติสิกขาวินัยเคร่งครัด สำหรับผู้ให้ทานคือตัวเราเองก็ต้องมีศีลบริสุทธิ์จึงจะได้บุญมาก  จะเห็นว่าทุกครั้งที่เราจะถวายสังฆทาน พระท่าน
      จะให้ศีลก่อน เพื่อว่าอย่างน้อยที่สุดในขณะนั้นเรายังมีศีล ๕ ครบ จะได้เกิดบุญกุศลเต็มที่
 
การให้ทานเป็นเรื่องของความชุ่มเย็น ผู้ที่ให้ทานอยู่เสมอย่อมมีใจผ่องใสเยือกเย็น หมู่ชนที่นิยมการให้ทานย่อมไม่มีความเดือดร้อนใจ เนื่องจากต่างคนต่างมีอัธยาศัยไมตรี
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน  คนเราเมื่อตายไปแล้ว ทรัพย์สมบัติแม้แต่เข็มเล่มเดียวก็ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ วิธีเดียวเท่านั้นที่จะนำทรัพย์ติดตัวไปได้ คือ การนำทรัพย์นั้นไปทำทาน
เป็นประโยชน์แก่ผู้ยากลำบากกว่าตน
 

 



#6474 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 19:43

สวัสดีคืนวันอาทิตย์

 

"ไม่ว่าจะทำบุญหรือทำทาน เราไม่สามารถทำแทนใครได้

 แต่เราสามารถเบิกบุญ  และอุทิศกุศล และผลบุญ

 ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันนี้

 ให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ และเสียชีวิตไปแล้วได้"

 

cr : pop tawan

 

 
"ใจ ตื้นตันเพียงได้มอง พนมมือทั้งสอง ก้มลงกราบด้วยหัวใจ"


#6475 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 19:44



#6476 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 19:47



#6477 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 19:49



#6478 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 19:52



#6479 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 19 January 2014 - 20:27

     69268_1399050933677610_182052015_n.jpg

 

 

  I know you're tired, I know you're physically and emotionally drained.

               But you have to keep going on, Khun Suthep.
 


#6480 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 20 January 2014 - 19:30

สวัสดีคืนวันจันทร์

 

"ไม่ใช่ว่าเป็นเพื่อน
เพียงเพราะอยู่กลุ่มเดียวกัน
เป็นเพื่อนด้วยกาย วาจา ใจ
ที่งดงามต่อกัน"
 
ที่มา : ตามความเป็นจริง
ชยสาโร ภิกขุ
 
 
"มอง พระผู้ทรงเมตตา เฝ้าดูแลประชา ทั่วอาณาใกล้ไกล"


#6481 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 20 January 2014 - 19:39

“ฉันเครียด” กับ “ฉันมีความเครียด” 
 
“ฉันเครียด” กับ “ฉันมีความเครียด”  สองอันนี้ไม่เหมือนกัน ฉันเครียดก็คือความเครียด เป็นตัวฉัน แต่ว่าฉันมีความเครียด หรือเห็นว่า ฉันมีความเครียด ในแง่นี้ ความเครียดเป็นเพียงอาการอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจ แต่ไม่ใช่ตัวฉันทั้งหมด คล้ายกับที่บอกว่า ฉันมีมะเร็งอยู่ในตัว ซึ่งต่างกับคำพูดว่าฉันเป็นมะเร็ง มะเร็งเป็นเรื่องของกายเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องของใจเลย แต่พอบอกว่าฉันเป็นมะเร็งเข้า มะเร็งกลายเป็นเรื่องของใจด้วย มีมะเร็งในใจแล้วตอนนี้ ก็คือทุกข์ทั้งกาย ทุกข์ทั้งใจ แต่ถ้ามีสติรู้กาย รู้ใจ พอมีความเครียด มีความโกรธ มีความเบื่อ จะเห็นว่ามันเป็นสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นกับใจ หรือเวลาเจ็บ เวลาคัน เพราะยุงกัด ก็เห็นว่ามีความคันเกิดขึ้น แต่ความคันไม่ใช่ตัวฉัน เป็นเรื่องของกายเท่านั้น
 
ถ้าเราไม่ลืมกายไม่ลืมใจ ก็จะแค่เห็น แต่จะไม่เข้าไปเป็น อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนท่านได้พูดย้ำอยู่เสมอ ฉันเครียดกับฉันเห็นความเครียดมันต่างกัน ถ้าลืมกายลืมใจ ก็จะเข้าไปในความเครียด เข้าไปในความปวด กลายเป็นผู้ปวด ทั้งๆที่แค่ปวดกาย แต่ว่าพอเป็นผู้ปวด ใจมันก็ปวดด้วย พอเข้าไปในความเครียด ทั้งที่ความเครียดเป็นอาการอย่างหนึ่งของใจ แต่ถ้าไม่มีสติก็จะรู้สึกว่าฉันเครียด คือมีการปรุงตัวฉันขึ้นมาเป็นเจ้าของความเครียด หรือเป็นผู้เครียด แต่ถ้าเรามีสติรู้กายรู้ใจ เห็นกายเห็นใจ ก็จะเห็นต่อไปว่า กายไม่ใช่ฉัน ใจก็ไม่ใช่ฉัน กายไม่ใช่เรา ใจก็ไม่ใช่เรา จะเห็นมากขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นไปถึงขั้นว่า ที่คิดว่าเป็นเราหรือตัวกูนั้น เป็นสิ่งที่ถูกปรุงขึ้นมา ลืมกายลืมใจเมื่อไหร่ ตัวเราก็เกิดขึ้น แล้วเราก็จะกลายเป็นเจ้าของความเครียด ความโกรธ ความปวด ความเจ็บขึ้นมา คราวนี้ก็เลยทุกข์ไปใหญ่เลย
 
ที่มา หนังสือเป็นมิตรกับตัวเอง หน้า ๙๒-๙๓ โดยพระไพศาล วิสาโล
cr : Dr. Wandee Udomwongyont

Edited by lazylemon, 20 January 2014 - 19:39.


#6482 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 20 January 2014 - 19:43



#6483 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 20 January 2014 - 19:45



#6484 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 20 January 2014 - 19:53



#6485 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 21 January 2014 - 21:01

สวัสดีคืนวันอังคาร
 
บางครั้ง.....
ในความคิดคำนึงของเรา เพียงแค่...แรงบันดาลใจเล็กๆ
มันก็สามารถก่อตัวเป็นระลอก...เพื่อสร้างกระแสที่จะ
ก้าวไปสู่ความสำเร็จในชีวิต...ให้จงได้
 
cr : www.secret-4success.com
 
 
"เมื่อยามอ่อนล้า หมดหวังพระองค์อยู่เป็นหลักนำหัวใจ"
 


#6486 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 21 January 2014 - 21:49

                                                                         240px-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%

 

พระสยามเทวาธิราช
 
"พระสยามเทวาธิราช" สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ด้วยพระองค์ทรงมีความเชื่อว่า บ้านเมืองย่อมมีเทวดาคุ้มครองรักษา
รวมถึงองค์พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรี ตลอดจนประชาราษฎร์ที่อาศัยในแผ่นดินให้อยู่รอดปราศจากภยันตรายต่างๆ ที่ใหญ่หลวงมาแล้วทุกยุคทุกสมัย
ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ประเทศต่างๆ ในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ในสมัยนั้น เช่น พม่า เวียดนาม มาเลเซีย ฯลฯ ล้วนถูกชาวยุโรปเข้าปกครองและยื้อแย่งอำนาจไป
จนสิ้นทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส คงเหลือเพียง "ประเทศไทย" เท่านั้น ที่อยู่รอดปลอดภัยและเป็นเอกราชมาโดยตลอด จึงมีพระราชประสงค์จะทำเทวรูปของเทวดาพระองค์นั้นไว้บูชาด้วยพระกตัญญูกตเวที และถวายพระนามว่า  "พระสยามเทวาธิราช" โปรดอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรม ในพระบรมมหาราชวัง 
ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) โปรดให้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวังเช่นกัน และประดิษฐานมาจนถึงปัจจุบัน
 
"พระสยามเทวาธิราช" เป็นเทวรูปยืน มีขนาดความสูง 8 นิ้ว หล่อด้วย "ทองคำ" ทั้งองค์ ซึ่งเป็นสีประจำราชวงศ์จักรี ทรงเครื่องกษัตริย์ สวมมงกุฎ พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบพระดรรชนีเสมอพระอุระ เป็นที่เชื่อกันว่า "พระสยามเทวาธิราช" เป็นเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศไทย องค์พระมหากษัตริย์ และ ปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด ดังนั้น ในทุกๆ ปีจะมีพระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวาธิราช โดยกำหนดไว้
ในปฏิทินหลวงให้ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งตามประเพณีนิยมถือว่าเป็น วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ แบบโบราณอนุวัติ และทำสืบทอดกันมาตั้งแต่
รัชกาลที่ 4 มาทุกๆ รัชกาลจนถึงรัชกาลปัจจุบัน 
 
cr : คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง :โดย ราม วัชรประดิษฐ์

 

คาถาบูชาพระสยามเทวาธิราช 
 
สยามะเทวาธิราชา เทวาติเทวา มหิทธิกา 
เทยยรัฏฐัง อนุรักขันตุ อาโรคะเยเนะ สุเขนะ จะ 
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา 
สยามะเทวานุภาเวนะ สยามะเทวะเตชะสา 
ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา 
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต 
ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิภาคะยัง สุขัง พะลัง 
สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา 
สะตะวัสสา จะ อายุ จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เม 
 
ผู้ที่สวดบูชาพระสยามเทวาธิราช เป็นประจำจะเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว มีความร่มเย็นเป็นสุขเจริญในหน้าที่การงาน

Edited by lazylemon, 21 January 2014 - 21:52.


#6487 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 22 January 2014 - 21:27

สวัสดีคืนวันพุธ
 
คุณพร้อมที่จะก้าวจากที่นั่งคนดู...
และลงสู่สนาม เล่นด้วยตัวคุณเองหรือยัง
 
cr : www.secret-4success.com
 
 
 
 
"ยึดเหนี่ยวอยู่ภายในว่าวันพรุ่งนี้ยังมีหวัง"


#6488 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 22 January 2014 - 21:30



#6489 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 22 January 2014 - 21:33



#6490 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 22 January 2014 - 21:36

 

 

 

แวะเข้าบ้านสักนิด นั่งพักฟังเพลงสักหน่อย พอคลายเหนื่อย



#6491 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 22 January 2014 - 22:38

shutdown.gif

 


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#6492 chackrapbong

chackrapbong

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,057 posts

Posted 23 January 2014 - 12:43

ชาวนา.JPG


Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy


#6493 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 23 January 2014 - 21:17

สวัสดีคืนวันพฤหัสบดี
 
จากความมัวเมา ก็เกิดความประมาท
Infatuation breeds negligence.
จากความประมาท ก็เกิดความเสื่อม
Negligence brings decay.
จากความเสื่อม ก็เกิดโทษประดัง
From decay arise all faults.
ผู้มีภาระปกครองรัฐ จงอย่าได้ประมาทเลย
O bearer of the burden of ruling the state, 
never be negligent at all.
 
 
ที่มา : "อมฤตพจนา"  
พุทธศาสนสุภาษิต
พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)
 
 
"ในหลวงของแผ่นดิน หล่อรวมให้เม็ดดินทรายกลายเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่"


#6494 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 23 January 2014 - 21:23

ช่วงนี้ความตึงเครียดเรื่องการเมืองมีมาก ชาว สรทเบียดเสียดรุมกันอยู่ในห้องกาแฟ ปุ่ม F5 ของแม่มะนาวเนี่ย ไร้ฝุ่นเกาะ สะอาดเอี่ยมไร้ฝุ่น แม่มะนาวมีเรื่องราวมาฝากให้อ่าน คลายเครียดกันบ้าง เป็นหนังสือ
เล่มเล็กๆ เลยนั่งพิมพ์ให้อ่านกัน  เขียนโดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต) ถ้าไม่มีใครเข้ามาเยี่ยม ก็คงไว้อ่านเองละน่า คงใช้เวลาหลายวันกว่าจะพิมพ์เสร็จด้วยความบรรจง
 
ทำอย่างไรจะหายโกรธ
 
          พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่งเมตตาการุณย์ พระพุทธเจ้ามีพระคุณข้อใหญ่ประการหนึ่ง คือ พระมหากรุณา ชาวพุทธทุกคนได้รับการสั่งสอนให้มีเมตตากรุณา ให้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นด้วยกายวาจา
และมีน้ำใจปรารถนาดี แม้แต่เมื่อไม่ได้ทำอะไรอื่น ก็ให้แผ่เมตตาแก่เพื่อนมนุษย์ตลอดจนสัตว์ทั้งปวง ขอให้อยู่เป็นสุข ปราศจากเวรภัยกันโดยทั่วหน้า
 
          อย่างไรก็ตาม เมตตา มีคู่ปรับสำคัญอย่างหนึ่งคือความโกรธ ความโกรธเป็นศัตรูที่คอยขัดขวางไม่ให้เมตตาเกิดขึ้น คนบางคนเป็นผู้มักโกรธ พอโกรธขึ้นมาแล้วก็ต้องทำอะไรรุนแรงออกไป ทำให้เกิด
ความเสียหาย ถ้าทำอะไรไม่ได้ ก็หงุดหงิดงุุ่นง่านทรมานใจตนเอง
 
          ในเวลานั้นเมตตาหลบหาย ไม่รู้ว่าไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ไม่ยอมปรากฏให้เห็น ส่วนความโกรธ ทั้งที่ไม่ต้องการแต่ก็ไม่ยอมหนีไป บางทีจนปัญญา ไม่รู้จะขับไล่หรือกำจัดให้หมดไปได้อย่างไร โบราณ
ท่านรู้ใจและเห็นใจคนขี้โกรธ จึงพยายามช่วยเหลือโดยสอนวิธีการต่างๆ สำหรับระงับความโกรธ วิธีการเหล่านี้มีประโยชน์ไม่เฉพาะสำหรับคนมักโกรธเท่านั้น แต่เป็นคติแก่ทุกคน ช่วยให้เห็นโทษของความโกรธ
และมั่นในคุณของเมตตายิ่งขึ้น จึงขอนำมาเสนอพิจารณากันดู วิธีเหล่านั้นท่านสอนไว้เป็นขั้นๆ


#6495 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 23 January 2014 - 21:25



#6496 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 23 January 2014 - 21:26



#6497 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 23 January 2014 - 21:28



#6498 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 24 January 2014 - 20:17

สวัสดีคืนวันศุกร์
 
สิ่งที่อยากได้ มักมากกว่าความจำเป็น
 
 
cr : 108 วาทะแห่งความสุข
 
 
"หยดน้ำหยาดเหงื่อพระองค์หยดลงที่ไหน"


#6499 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 24 January 2014 - 20:22

ขั้นที่ ๑ นึกถึงผลเสียของความเป็นคนมักโกรธ
 
๑.   สอนตนเองให้นึกว่า พระพุทธเจ้าของเราทรงมีพระมหากรุณาธิคุณและทรงสอนชาวพุทธให้เป็นคนมีเมตตา เรามัวมาโกรธอยู่ ไม่ระงับความโกรธเสีย เป็นการไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์
ไม่ทำตามอย่างพระศาสดา ไม่สมกับเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า  จงรีบทำตัวให้สมกับที่เป็นศิษย์ของพระองค์ และจงเป็นชาวพุทธที่ดี
 
๒.  พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า คนที่โกรธเขาก่อนก็นับว่าเลวอยู่แล้ว คนที่ไม่มีสติรู้เท่าทัน หลงโกรธตอบเขาไปอีก ก็เท่ากับสร้างความเลวให้ยืดยาวเพิ่มมากขึ้น นับว่าเลวหนักลงไปกว่าคนที่โกรธก่อนนั้นอีก  
เราอย่าเป็นทั้งคนเลว ทั้งคนเลวกว่านั้นเลย
 
๓.  พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนต่อไปอีกว่า เขาโกรธมา เราไม่โกรธตอบไป อย่างนี้เรียกว่า ชนะสงครามที่ชนะได้ยาก เมื่อรู้ทันว่าคนอื่นหรืออีกฝ่ายหนึ่งเขาขุ่นเคืองขึ้นมาแล้ว เรามีสติระงับใจไว้เสีย ไม่เคืองตอบ
จะชื่อว่าเป็นผู้ทำประโยชน์ให้แก่ทั้งสองฝ่าย คือ ช่วยไว้ทั้งเขาและทั้งตัวเราเอง  เพราะฉะนั้น เราอย่าทำตัวเป็นผู้แพ้สงครามเลย จงเป็นผู้ชนะสงคราม และเป็นผู้สร้างประโยชน์เถิด อย่าเป็นผู้สร้างความพินาศ
วอดวายเลย
 
          ถ้าคิดนึกระลึกอย่างนี้แล้วก็ยังไม่หายโกรธ ให้พิจารณาขั้นที่สองต่อไปอีก

Edited by lazylemon, 24 January 2014 - 20:22.


#6500 lazylemon

lazylemon

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,344 posts

Posted 24 January 2014 - 20:25






2 user(s) are reading this topic

0 members, 2 guests, 0 anonymous users