สิ่งที่ยังคงอยู่....
#5652
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:14
- chackrapbong likes this
#5653
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:21
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ
ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง
เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น
ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปกติอยู่อย่างนี้
มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืน
นั้นแลว่า ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ.
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5654
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:26
เย ธมฺ มา เหตุปฺ ปภวา เตสํ เหตุ ตถาคโต (อาห)
เตสญฺ จ โย นิโรโธ เอวํวาที มหาสมโณติ ฯ
ธรรมเหล่าใด
เกิดแต่เหตุ
พระตถาคตทรงแสดง
เหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และ
ความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5655
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:29
ที่คุณจักรยกมาใน rep # 5653 คงถูกใจคุณหลวงมาก บอกพี่ตลอดเลย เวลาพี่เพิกเฉย ไม่ค่อยทำ
#5656
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:32
- chackrapbong likes this
#5657
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:35
ให้พรตัวเองบ้างดีไหม
พร คือ ความตั้งใจที่จะทำกุศล
และกุศลก็อย่าได้คิดเรื่องของทานอย่างเดียว
เพราะ กุศลควรจะเป็นทุกประการ
ไม่ใช่แต่เฉพาะในเรื่องของทานเท่านั้น
ถ้าให้พรแก่ตัวเองบ้าง คือ ว่า..
เริ่มพิจารณาจิตของตนเอง
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5658
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:37
พุทธศาสนิกชนควรพิจารณาและศึกษาให้รู้ว่า
ธรรมและความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นคืออะไร
ความจริงที่ทรงตรัสรู้ต่างกับความจริงที่เราคิดนึก
หรือเข้าใจอย่างไรบ้าง
ความจริงที่ทรงตรัสรู้ และทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัท
ให้เข้าใจและปฏิบัติตามจนเห็นความจริงนั้นๆ ก็คือ
สิ่งทั้งหลายที่ปรากฏนั้น เป็นธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภท
ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะปัจจัยปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้
สภาพธรรมแต่ละประเภทต่างกัน
เพราะเกิดจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ กัน
Edited by chackrapbong, 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:37.
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5659
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:41
- chackrapbong likes this
#5662
ตอบ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:55
.
Edited by lazylemon, 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:59.
#5663
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:11
- chackrapbong likes this
#5664
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:12
ที่มา : เพจสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
Edited by lazylemon, 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:20.
- chackrapbong likes this
#5665
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:19
อุโบสถดินแห่งแรก ณ วัดป่าพุทธนิมิตรสถิตสีมาราม จ.สกลนคร
ที่มา : เพจสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช
Edited by lazylemon, 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:21.
- chackrapbong likes this
#5666
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:23
วันนี้ขอเป็นเพลงไทย ยังไว่อาลัย องค์สังฆราชา
- chackrapbong likes this
#5667
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:32
อีกเพลงต่อมา ไทยเหมือนกัน แต่บรรเลงด้วยกู่เจิ้ง
Edited by lazylemon, 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:39.
- chackrapbong likes this
#5668
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:42
เราศึกษาธรรมะเพื่ออะไรและรู้ธรรมะเพื่ออะไร
พุทธทาสภิกขุ …บรรยาย
หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช…ซักไซ้ ขยายความ และสรุป
(ค.)บุคคลทั่วไปไม่สนใจในแง่เหล่านี้ มักจะเข้าใจง่ายเกินไป เป็นต้นว่า เข้าใจว่าศาสนาทุกศาสนามีวัตถุประสงค์แต่เพียงจะสอนให้คนทำดี เพราะฉนั้น ศาสนาก็เหมือนกันหมด นับถือศาสนาใหนก็ได้ เอาศาสนามารวมเป็นศาสนาเดียวกันได้
มีความเข้าใจอย่างนี้อยุ่ ในเวลานี้ แล้วก็ประชุมกัน แล้วคล้ายๆ กับว่า มันไม่มีความสำคัญอะไร ศาสนาก็เป็นเรื่องของการสั่งสอนให้คนทำความดีเหมือนกันหมด จะมัวแตกต่างกันอยู่ทำไม ใครชวนไปประชุมศาสนาที่ใหนก็ไปร่วมกับเขาได้ นีแสดงว่าคนเรายังขาดการเข้าใจธรรมะอยู่มาก แล้วก็ไม่เข้าใจว่า เราศึกษาธรรมะเพื่ออะไร หรือ รู้ธรรมะเพื่ออะไร
และด้วยเหตุนี้เองเมื่อขาดความรู้ วัตถุประสงค์ที่แท้จริงแล้ว พอไปเกี่ยวข้องกับธรรมะเข้า ก็ไปถือเอาตัวอุปกรณ์ว่าเป็นสิ่งที่แท้จริง หรือ เข้าใจผิดว่า พระสูตร คือ ธรรมะ เมื่อเรียนพระสูตรก็จะต้องท่องจำให้ได้ แล้วก็หมกหมุ่นไปในทางท่องจำอย่างที่ได้ว่าไว้
เมื่อถือศีลก็พยายามถือศีลให้เคร่ง แข่งกันเพื่อจะให้เห็นว่า ใคร เก่งกว่ากัน หรือมิฉนั้นก็กลับไปอีกทางหนึ่ง คือ ถ้าไม่สามารถรักษาศีลให้เคร่งครัดได้ ก็ไม่รักษามันเลย อ้างว่าเรียนพระอภิธรรมดีกว่า ลึกซึ้งกว่า ถ้าชำนาญทางปรมัตถ์แล้ว ก็ไม่ต้องถือศีลก็ได้ กินข้าวเย็นได้ อย่างนี้ มันก็หย่อนไปคนละทาง
ศีกษาพระอภิธรรมก็เพื่อที่จะได้เรียนศัพท์สูงๆ เรียนนับจำนวนจิตกี่กอง อะไรกี่กอง ว่ากันเป็นกองๆ มาคุยกันเล่นว่า อะไรมากอะไรน้อย อย่างนี้กระผมว่า ศึกษาพระอภิธรรมเพื่ออภิธรรม ศึกษาพระสูตรเพื่อพระสูตร แล้วรักษาศีลเพื่อศีล มันไม่ใช่ธรรมะ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ ซึ่งควรจะเป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริง
ด้วยเหตุที่เราขาดความเข้าใจในวัตถุประสงค์ เพราะฉนั้นการศึกษามันก็ผิดพลาดไปได้มาก ตลอดจนในชีวิตประจำวัน เมื่อเรายังไม่เข้าใจในวัตถุประสงค์ของธรรมะ เราก็เอาธรรมะไปวางไว้เป็นที่ที่ ไม่ได้เอาธรรมะให้เข้ามาแทรกซึมอยู่ในตัว ไม่เอาธรรมะมาใช้ในชีวิตประจำวัน เห็นธรรมะเป็นเรื่องของโอกาส ของสถานที่ เป็นต้นว่า ไปวัดก็ควรจะพูดในเรื่องธรรมะ ควรไปฟังพระท่านแสดงธรรม แล้วก็ไปถือศีล ออกจากประตูวัดก็หมดภาระที่รับศีลไว้ ส่วนข้อความที่จะสอนให้รู้จักธรรมะนั้นมีอยู่ครบถ้วนในชีวิตประจำวัน
ถ้าหากจะมองดูชีวิตทุกวันด้วยสายตาแห่งธรรมะแล้ว เราจะเห็นได้ว่าธรรมะนั้นเป็นเครื่องที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ได้เสมอ ไม่ว่าจะมองอะไรในชีวิต หรือ การทำงานของเราทุกวันถ้ามองด้วยธรรมะ หรือเอาธรรมะมาประกอบอยู่เรื่อยๆ มีธรรมะอยู่ในตัวเรา หรือดูธรรมะจากตัวเราแล้ว ความพ้นทุกข์ก็มักจะเพิ่มขึ้น คือเราสามารถปลดความทุกข์จากตัวเราได้วันละเล็กวันละน้อยเรื่อยไป
เพราะเหตุที่เราไม่ทราบถึงวัตถุประสงค์ของธรรมะ เพราะนึกว่าเข้าวัดเพื่อเอาบุญ เรียนศาสนาเพื่อจะได้เป็นคนดี แต่จะดีอย่างไรก็ไม่ทราบ ตลอดจนกระทั่งการทำบุญหรือทำดีก็เพื่อหวังผลดี เมื่อไม่ได้ก็โทมนัสไป บางทีก็เลยเลิกทำความดีเอาเสียเลย
เหล่านี้ก็เพราะเหตุ ขาดความเข้าใจในความหมายของธรรมะเป็นประการแรก ประการที่สองคือขาดความเข้าใจในวัตถุประสงค์ของธรรมะ ประการที่สามคือ ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า ความดีในธรรมะนั้นหมายความว่าอย่างไร
ถ้าหากจะสอนธรรมะกันต่อไป ผมเห็นว่า ควรจะต้องสอนกันให้มันถูกหลัก คือควรจะตั้งต้นกันเสียก่อนว่า ในศาสนาพุทธนี้ความดีคืออะไร อะไรคือความดีสูงสุดในพุทธศาสนา ถ้าเราไม่สอนกันอย่างนั้นแล้วเราไม่สามารถวัดความดีได้
ทุกวันนี้มีแต่สอนให้คนทำดีแต่ไม่รู้ว่า ความดีนั้นคืออะไร ดีอย่างไร ดีแค่ใหน
ทั้งหมดนี้ก็เพราะเรื่องที่ไม่เข้าใจธรรมะที่ใต้เท้าว่ามาแล้ว กระผมมีความเห็นอย่างนี้
(พ.) อาตมายังข้องใจอยู่ว่า เมื่อเขาเขวไปมากอย่างนี้แล้ว มีหวังอยู่บ้างไหมที่ว่าเราจะทำความเข้าใจกับเขา ให้เข้าใจธรรมะอย่างถูกต้องได้ เพื่อเขาจะตั้งต้นด้วยดีต่อไป
(ค) อ้าว..! นี่ท่านถามกระผมเสียแล้วหรือ? ตามจริงมันเป็นเรื่องของใต้เท้า เพราะเป็นสมณะกระผมเป็นฆาราวาส ผมรู้ด้วยตัวของผมเองก็พอแล้ว กระผมไม่มีหน้าที่จะไปสอนใคร ใครจะทำอะไรก็ทำไปผมไม่มีหน้าที่ประกาศธรรม ผมบวชเดี๋ยวผมก็สึกออกมาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของกระผมเองที่จะทำนิพพานให้แจ่มแจ้งแก่ตัวเองเท่าที่กระผมเห็นว่าควรจะเป็น ถ้าทำได้ผมก็พอใจ ส่วนใครจะตกนรกหมกไหม้อย่างไร ผมรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องของผม กระผมอยากกราบเรียนใต้เท้าว่า ใต้เท้าซึ่งมีหน้าที่ทำพระนิพพานให้แจ่มแจ้งแก่ผู้อื่นนั้น ใต้เท้าจะทำอย่างไร
(พ.)อาตมาขอย้ำอีกนิดหนึ่งว่า ในฐานะที่อาจารย์คึกฤทธิ์ รู้จักโลก รู้จักประชาชน รู้จักสังคมกว้างขวางพอที่จะมองเห็นว่าสังคมที่เขวออกไปมากอย่างนี้ เรามีทางที่จะทำความเข้าใจกับเขาได้หรือไม่
(ท.)ทางต้องมีเสมอครับ หรือ อย่างน้อยก็ต้องมีความหวัง
กระผมเห็นว่า ควรจะมีองค์การใดหรือวงการในศาสนาที่ควรจะตั้งหลักเกณฑ์ที่ใครจะแย้งไม่ได้ ขึ้นมาเสียทีหนึ่งว่า เรานับถือพระพุทธศาสนานี้เพื่ออะไร เรานับถืออะไร คนที่อ้างว่านับถือศาสนาพุทธน่ะเขานับถือตั้งแต่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เจ้าพ่อกวนอู ตลอดไปจนถึงหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เขานับถือได้หมด นับถืออะไร นับถือเพื่ออะไร……….
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5669
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:23
หยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า เมื่ออาทิตย์ขึ้นมาย่อมแห้งหายไปได้เร็ว ไม่ตั้งอยู่นาน
แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนหยาดน้ำค้าง ฉันนั้น เหมือนกัน
นิดหน่อย รวดเร็ว มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก จะพึงถูกต้องได้ด้วยปัญญา
ควรกระทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์ เพราะสัตว์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตายไม่มี
พระสุตตันปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต (๗๑)
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5670
ตอบ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:23
มีรำไทยมาฝาก เดี๋ยวนี้หาดูยาก ตอนเด็กได้เรียนด้วย
- chackrapbong likes this
#5674
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:06
- chackrapbong likes this
#5675
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 20:37
ไม่ว่าบนท้องฟ้า ไม่ว่าบนท้องฟ้า
ไม่ว่าท่ามกลางสมุทร ไม่ว่าท่ามกลางสมุทร
ไม่ว่าในหุบเขา ไม่ว่าในหุบเขา
ไม่มีแม้แต่แห่งเดียว ไม่มีแม้แต่แห่งเดียว
ที่คนเราอาศัยอยู่แล้ว ที่ผู้ทำกรรมชั่วอาศัยอยู่
จะหนีพ้นความตายได้ จะหนีพ้นกรรมไปได้
-ธรรมบท ๑๒๗ -ธรรมบท ๑๒๘
คัดจากหนังสือ "ตามความเป็นจริง" ชยสาโร ภิกขุ
Edited by lazylemon, 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:28.
- chackrapbong and กีรเต้ like this
#5676
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:25
สวัสดีเจ้าค่ะ กรุณาแวะมาเยี่ยม ตอนนี้ท่านยังอยู่ที่พัทลุง หรือป่าวคะ
#5680
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:49
ปรินิพพาน/นิพพาน
1 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๔๒
ปรินิพพาน
[ปะรินิบพาน] น. การดับรอบ, การดับสนิท, การดับโดยไม่เหลือ; เรียกอาการตายของพระ
พุทธเจ้าและพระอรหันต์. (ป.; ส. ปรินิรฺวาณ).
นิพพาน
[นิบพาน] น. ความดับสนิทแห่งกิเลสและกองทุกข์.ก. ดับกิเลสและกองทุกข์, ตาย (ใช้แก่
พระอรหันต์). (ป.; ส. นิรฺวาณ), โบราณใช้ว่า นิรพาณ ก็มี. (จารึกสยาม).
2 พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
ของ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)
ปรินิพพาน
การดับรอบ, การดับสนิท
1. ดับกิเลสและทุกข์สิ้นเชิง, บรรลุอรหัตตผล (ได้แก่ กิเลสปรินิพพาน)
2. ตาย (ได้แก่ ขันธปรินิพพาน, ใช้แก่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์;
ในภาษาไทย บางทีแยก ให้ใช้แก่พระพุทธเจ้าว่า ปรินิพพาน และให้ใช้แก่พระอรหันต์ทั่วไป
ว่า นิพพาน แต่ในภาษาบาลี ไม่มีการแยกเช่นนั้น); ดู นิพพาน
นิพพาน
การดับกิเลสและกองทุกข์ เป็นโลกุตตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา; ดู
นิพพานธาตุ
นิพพานธาตุ
ภาวะแห่งนิพพาน; นิพพาน หรือนิพพานธาตุ ๒ คือ ๑. สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมี
เบญจขันธ์เหลือ ๒. อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ
3 พจนานุกรมศัพท์บาลี (BUDSIR VI ของมหาวิทยาลัยมหิดล)
ปรินิพฺพาน (นปุงสกลิงค์).
การดับโดยไม่มีอะไรเหลือ, การดับสนิท.
นิพฺพาน (นปุงสกลิงค์).
การดับกิเลสและกองทุกข์เป็นโลกุตรธรรม และเป็นจุดหมายสูงสุดในพระพุทธศาสนา ว่าโดย
ภาวะแห่งนิพพาน (นิพพานธาตุ) มี ๒ คือ สอุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสมีเบญจขันธ์เหลือ ๑
อนุปาทิเสสนิพพาน ดับกิเลสไม่มีเบญจขันธ์เหลือ ๑
(นาวาเอกทองย้อย)
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5683
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:12
ว่าด้วยพระสารีบุตรทูลลาปรินิพพาน [จุนทสูตร]
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญขอพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอนุญาตข้าพระองค์ ขอพระสุคตเจ้า
ทรงอนุญาต นี้เป็นกาลปรินิพพานของข้าพระองค์ อายุสังขารข้าพระองค์ปลงลงแล้ว
ก็เพราะพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อตรัสว่า เธอจงปรินิพพาน ก็จะกลายเป็นสรรเสริญ
ความตาย เมื่อตรัสว่า เธออย่าปรินิพพาน คนผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิก็จะยกโทษว่ากล่าว
สรรเสริญคุณของวัฏฏะ ฉะนั้น จึงไม่ตรัสคำแม้ทั้งสองเพราะเหตุนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า เธอจักปรินิพพานที่ไหน สารีบุตร
เมื่อพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์จักปรินิพพาน
ในห้องที่ข้าพระองค์เกิดในบ้านนาฬกะ แคว้นมคธนั้น
จึงตรัสว่า สารีบุตร เธอจงสำคัญเวลาในบัดนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์บำเพ็ญบารมีมาหนึ่งอสงไขยกำไรแสนกัป
ก็เพื่อถวายบังคมพระบาททั้งสองนี้ของพระองค์ มโนรถของข้าพระองค์ถึงที่สุดแล้ว
บัดนี้ แต่นี้ไปการประชุมกันในที่เดียวกันด้วยอำนาจปฏิสนธิจะมิได้มีอีกแล้ว
สมาคมก็จะมิได้มี ความคุ้นเคยกันได้ขาดแล้ว ข้าพระองค์จักเข้าเมืองคือพระนิพพาน
ที่ไม่แก่ ไม่ตาย เกษม มีสุข เย็นสนิท ไม่มีภัย ที่พระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์เข้าไปแล้ว
ถ้าว่า พระองค์ไม่ทรงชอบพระทัยโทษไรๆ ของข้าพระองค์ ที่เป็นไปทางกายหรือทางวาจา
ขอพระองค์ทรงอดโทษนั้นด้วย
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า นี้เป็นการไปของข้าพระองค์แล้ว.
พ. สารีบุตร เราอดโทษต่อเธอ ก็โทษไรๆ ขอเธอที่เป็นไปทางกาย หรือทางวาจา
ที่ไม่ชอบใจเราไม่มีเลย สารีบุตร บัดนี้เธอจงสำคัญกาลอันควรเถิด.
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5685
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:29
คุณจักรหาพระธรรมคำสอน ส่วนพี่ก็หาเพลงไทย กับรำไทยมาลง ตามแต่ความถนัด นานแล้วที่ไม่ค่อยได็ดูรำไทย เลยหาไปดูไป
- chackrapbong likes this
#5688
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:37
การตายพรากทุกสิ่งจากชาตินี้ไปหมดสิ้น ไม่มีอะไรเหลือเป็นของบุคคลนี้อีกต่อไป
แม้แต่ความทรงจำ ชาตินี้เกิดมาแล้ว จำได้ไหมว่าชาติก่อนเป็นใคร อยู่ที่ไหน ทำอะไร
หมดความเป็นบุคคลในชาติก่อนโดยสิ้นเชิง
ฉันใด แม้ในชาตินี้จะได้สร้างบุญ ทำกรรมใดมาแล้ว มีมานะในชาติ ตระกูล ยศศักดิ์ใด ๆ ก็ตาม
หมดสิ้นไม่มีเยื่อใยในชาตินี้ภพนี้ เหลืออยู่อีกเลย ฉันนั้น
การพบกันครั้งสุดท้ายก่อนตายจากไปนั้น ไม่มีเครื่องหมาย
ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะแสดงให้รู้ว่า เมื่อเห็นกันแล้วจะได้เห็นกันอีก
เมื่อเห็นตอนเช้าก็อาจไม่เห็นตอนเย็น เห็นตอนเย็นก็อาจไม่ได้เห็นตอนเช้า
ทุกคนเห็นความจริงว่าไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงหรือต่อรองความตายได้
ขอเวลาต่ออีกแม้เล็กน้อยก็ไม่ได้
Edited by chackrapbong, 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:39.
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5692
ตอบ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 23:00
ส่งท้ายด้วยเพลงที่แม่มะนาวรู้จัก ร้องได้แต่เด็ก จนได้มาอยู่ที่เดียวกับปู่ โรงเรียนพระกฏหมายแต่เดิม จนกระทั่งกลายเป็นธรรมศาตร์
- chackrapbong likes this
#5694
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:11
Edited by lazylemon, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 14:12.
- chackrapbong likes this
#5696
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:07
Edited by lazylemon, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:08.
- chackrapbong likes this
#5697
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:39
ยังติดใจ ขอเปิดบ้านด้วยเพลงไทยๆ ทุกวัน
คุณจักรว่าอย่างไร ทำไมยังไม่เข้าบ้านคะ
Edited by lazylemon, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:40.
- chackrapbong likes this
#5698
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 21:45
..การเขียนหนังสือด้วยปากกาหรือดินสอลงบนกระดาษแผ่นเดียวนั้น
เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจง่า ย แต่ยิ่งเขียนซ้ำ
ลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวกันนั้ น ตัวหนังสือย่อมจะทับซ้อนยิ่งขึ้นทุกที
การอ่านก็จะยิ่งอ่านยากขึ้นทุกที จนถึงอ่านไม่ออกเลย ไม่เห็นเลยว่าเป็น
ตัวหนังสือ จะเห็นแต่รอยหมึกหรือรอยดินสอ ทับกันไปมาเป็นสีสันเท่านั้น
หาอ่านรู้เรื่องไม่ และหาอาจรู้ได้ว่า เขียนอะไรก่อน เขียนอะไรหลัง
นี้ฉันใด การทำกรรมหรือการทำดี ทำชั่ว ก็ฉันนั้น
ต่างได้ทำกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทับถมกันมายิ่งกว่าตัวหนังสือที่อ่าน
ไม่ออก หารู้ไม่ว่าได้เขียนอะไรก่อน เขียนอะไรหลัง
ทำกรรมใดไว้ก็ไม่รู้ไม่เห็น แยกไม่ออกว่าทำกรรมใดก่อน ทำกรรมใดหลัง
ทำดีอะไรไว้บ้าง ทำไม่ดีอะไรไว้บ้าง มากน้อยหนักเบากว่ากันอย่างไร
มาถึงชาตินี้ไม่รู้ด้วยทั้งสิ้น
เป็นความซับซ้อนของกรรมที่แยกไม่ออก เช่นเดียวกับความซับซ้อนของ
ตัวหนังสือที่เขียนทับกันไปมา
......ความบางตอน จากหนังสือ ชีวิตนี้น้อยนัก
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
- lazylemon likes this
Everyone thinks of changing the world, but no one thinks of changing himself. Leo Tolstoy
#5699
ตอบ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:03
Edited by lazylemon, 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 - 22:20.
- chackrapbong likes this
ผู้ใช้ 5 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้
สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 5 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน