ร่วมรณรงค์ ไม่อยากให้คนไทยลืมไปกับ http://www.facebook....ilanddontforget
ลืมหรือยัง!! คดีปรส.ใกล้หมดอายุความ 21 มิ.ย.ชาติเสียหาย 8แสนล้าน เรื่องเงินๆทอง ๆ ที่รัฐบาลนำมาบริหารประเทศ ต้องจับตาตรวจสอบกันอย่างใกล้ชิด เพราะจำนวนเงินมหาศาล จะมีการแบ่งสรรเงินกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต คอรัปชั่น และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดถึง ร่างพ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท ของรัฐบาล โดยอ้างว่าทำเพื่อประชาชน และคนไทยจะได้ประโยชน์มากที่สุด
ขณะเดียวกัน ทางด้านฝ่ายค้านก็เตรียมถล่ม ไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่มีความชัดเจน เกรงว่าจะเป็นการง่ายต่อการโยกย้ายงบประมาณจำนวนมหาศาล รวมทั้งมีการสอดไส้โครงการก่อสร้างถนนสายย่อยเพื่อการเกษตรและการท่องเที่ยว โดยนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความเห็นว่า เงินกู้ 2 ล้านล้าน จะไปล้มล้างพ.ร.บ.หนี้สาธารณะ ที่ออกในสมัยรัฐบาลพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร และจะเป็นการแบกหนี้ไว้ถึง 50 ปี
งบประมาณมหาศาลกว่า 2ล้านล้าน สิ่งที่สำคัญก็คือ ความโปร่งใส ในการจัดสรรเงิน ไม่ให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณประเทศชาติ จนกลายเป็นวงจรอุบาศว์วนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไป จนภาพลักษณ์นักการเมืองถูกมองเป็นอาชีพที่มีการทุจริต คดโกง
เมื่อกล่าวถึงบทเรียนในเรื่องความเสียหายสาธารณะ ประเด็นที่น่าสนใจในขณะนี้ก็คือ คดี ปรส.ไม่ได้ ที่ประเทศชาติเสียหายกว่า 8 แสนล้าน และกำลังจะหมดอายุความ วันที่ 21 มิถุนายนที่จะถึงนี้ โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้นสมัยปี 2540 ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ซึ่งเป็นสำนวนคดี การขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือปรส.เกี่ยวกับการเร่ขายสินเชื่อที่อยู่อาศัย 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ มูลค่า 851,000 ล้านบาท ไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาท อีกทั้งกำหนดหลักเกณฑ์เอื้อประโยชน์ให้เอกชน และหลบเลี่ยงภาษี คดีหมายเลขดำที่ อ.3344/2551
แต่เดิมนั้น ปรส.ในสมัยของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้สั่งปิด 56 ไฟแนนซ์ และตั้งปรส.ขึ้นมา เพื่อแยกหนี้ดี-หนี้เสียออกจากกัน แล้วค่อยประมูลขาย เพื่อปลดล็อกสินทรัพย์ทั้งหลาย ที่ถูกแช่แข็งอยู่ออกมาหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์ อย่างรวดเร็วที่สุดและโปร่งใสที่สุด โดยสินทรัพย์ดีจะได้ขายได้ในราคาที่ดี (โดยใช้วิธีประมูล) อีกทั้งช่วยเหลือผู้ฝากเงิน และเจ้าหนี้ที่สุจริต โดยเฉพาะกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ในสัดส่วน 87.54% และเพื่อชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ไม่สามารถฟื้นฟูกิจการได้
แต่ในทางปฏิบัติ สมัย นายชวน หลีกภัยเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปปัตย์มาบริหารประเทศนั้น มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า กระทำขัดต่อวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่มุ่งแก้ไข ระบบสถาบันการเงินด้วยการฟื้นฟูฐานะของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินการ ไม่ได้มีการแยกสินทรัพย์ดี และเสีย ( Good Bank –Bad Bank ) ทำรัฐเสียหายกว่า 8แสนล้าน เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์โดยมิชอบ
มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 5 คดี ผลของการกระทำดังกล่าวทำให้ การประมูลทรัพย์ ได้ราคาที่ต่ำมาก ซึ่งดีเอสไอสรุปสำนวนคดี ปรส. ชี้การกระทำดังกล่าวว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมายใน10ประเด็น ดังนี้
1.ปรส.ยินยอมให้นิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปรส.เข้าประมูลซื้อทรัพย์สิน จากปรส.โดยมิชอบ
2.คณะกรรมการปรส.บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องปกปิดข้อเท็จจริง กระทำการโดยไม่โปร่งใส
3.ข้อกำหนดของปรส.ที่ให้ผู้ชนะการประมูลโอนสิทธิได้ขัดต่อกฎหมาย
4.การโอนสิทธิของผู้ชนะการประมูล ไม่ชอบ ขัดต่อพรก.ปรส.
5.ข้อกำหนดการขายทรัพย์สินของคณะกรรมการปรส.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
6.คณะกรรมการปรส.และกลุ่มนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปรส.ฝ่าฝืนข้อสนเทศการขาย ทรัพย์สิน
7. กองทุนรวมที่รับโอนสิทธิจากผู้ชนะการประมูลซื้อทรัพย์สินจากปรส. ยังไม่มีฐานะเป็นนิติบุคคล
8.มีการทำสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
9.สิทธิของนิติบุคคลที่ชนะการประมูลไม่สมบูรณ์ เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามข้อกำหนดการขายทรัพย์สินของปรส. และ
10.ผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการปรส.บางคนขาดคุณสมบัติเนื่องจากดำรงตำแหน่งทับซ้อน กับสถาบันการเงินอีกแห่ง
คดีนี้ ล่าช้ามากว่าสิบปี และกำลังจะหลุดลอยนวลไปในอีกไม่ช้า หากคนไทยลืมง่าย 8 แสนล้านก็คงไม่มีผลใดๆอีกต่อไป นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ ซึ่งต้องรอทางปปช.ว่า จะชี้แจงเรื่องนี้ว่าอย่างไร