194 replies to this topic

[Ricebeanoil]

หน้าตาดี, on 31 Mar 2013 - 10:08, said:

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 08:25, said:

 

หน้าตาดี, on 31 Mar 2013 - 08:02, said:

กระทู้แมงสาป ปั่นหัว แมงสาป เห็นแล้วสังเวชใจแท้   

 

ไม่มีความรู้อะไร แต่อยากเสร่อแสดงความเห็นว่างั้น สมเพชดีแท้

นี่เหรอ ระดับมือดีจากพระนคร มีฝีมือแค่นี้เอง

 

ขนาดฝีมือแค่นี้ ยังกุดหัว กวาดล้างเหลืองเกรียนล้มตาย ไม่รู้กี่รายต่อกี่รายแล้วล่ะ

 

เพราะฝีมือกากๆ แบบนี้ไงละ จึงต้องเตรียมชื่อ Log in เป็นร้อย 

เวลาโดนตบเกรียนแล้วจะได้มี Log in ใหม่ ไว้ใช้ทัน     

[Ricebeanoil]

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 07:34, said:

Tam-mic-ra., on 31 Mar 2013 - 07:15, said:

และการดำเนินการของ ปรส. ขัดต่อวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่มุ่งแก้ไข ระบบสถาบันการเงินด้วยการฟื้นฟูฐานะของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินการ

 

ส่วน คำว่า แก้ไขฟื้นฟู ในมาตรา 7   .....   คือการเอาไปขายต่างชาติถูกๆ ? 
 

 

อย่ามาตลกดีกว่า 

 

ไฟแนนซ์ที่โดนสั่งระงับการดำเนินการมีทั้งหมด 58 แห่ง

คณะกรรมการ ปรส. ให้ไฟแนนซ์เหล่านั้นส่งแผนฟื้นฟูมาให้พิจารณา

แต่ทั้ง 58 แห่งมีเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่ทำได้ คือ

1. บง.เอไอจีไฟแนนซ์ (จำชื่อเดิมไม่ได้ แต่หลังจากออกแผนฟื้นฟูได้ ถูกกลุ่มเอไอจีซื้อไป ต่อมาไปรวมกับ ธ.กรุงศรี)

2. บงล.เกียรตินาคิน (ต่อมากลายเป็น ธ.เกียรตินาคิน ในปัจจุบัน)

ดังนั้นจึงเหลือไฟแนนซ์แค่ 56 แห่งที่ถูกปิด ทรัพย์สินทั้งหมดจึงถูกโอนให้ ปรส. จัดการตาม พรก. ฉบับนี้

 

อย่าตัดตอนเฉพาะสิ่งที่ต้องการดีกว่า

คณะกรรมการ ปรส. เค้าให้ส่งแผนมาพิจารณาแล้ว ถ้าผ่านก็ได้รับการ "ฟื้นฟูฐานะ" แต่ไม่ผ่านเลยโดนปิด 

อย่าตัดตอนเอาเฉพาะที่อยากโจมตี

 

หลักฐานตบหน้าสำหรับพวกชอบพูดความจริงเพียงแค่ครึ่งเดียว

 

1. บงล.บางกอกอินเวสเมนท์

http://www.ryt9.com/s/anpi/176617

 

 

หลักฐานการเปลี่ยนชื่อบริษัท

http://capital.sec.o...?cno=0000000334

 

 

หลักฐานการรวมบริษัท

http://www.newswit.c...b3e00c14632701/

 

 

2. บงล.เกียรตินาคิน

http://www.kiatnakin...story/index.php

 

Edited by Ricebeanoil, 31 March 2013 - 20:34.

[Tam-mic-ra.]

ประเทศไทย ในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมาต้องเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ครั้งสำคัญอย่างน้อย ๒ ครั้ง ครั้งแรก ปี๒๕๒๖ สาเหตุมาจากผลกระทบของวิกฤตน้ำมัน และสงครามดอกเบี้ยระหว่าง สหรัฐอเมริกา กับยุโรป ในระหว่างปี ๒๕๒๒-๒๕๒๔ ในขณะที่รัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เริ่มเข้าบริหารประเทศ รัฐบาลพล.อ.เปรมต้องเผชิญกับปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ในที่สุดก็ต้องไปกู้เงินจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และขอรับเงินช่วยเหลือจากธนาคารโลก องค์กรทั้งสองได้กำหนดเงื่อนไขให้ไทยต้องเดินนโยบายเสรีนิยมทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามจากการประเมินของ นายพอล โมสเล่ย์ แห่งมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ได้กล่าวหารัฐบาลพล.อ.เปรม ว่าปฎิบัติตามเงื่อนไขเพียง ๘๐ %

 

วิกฤติเศรษฐกิจไทยครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยเริ่มขึ้นในปี ๒๕๔๐ ในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ ขณะเพิ่งเริ่มเข้าบริหารประเทศ โดยมีสาเหตุมาจากการเปิดวิเทศธนกิจ(BIBF's) ระหว่างปี ๒๕๓๕-๒๕๓๘ ในรัฐบาลชวน หลีกภัย ระหว่างนั้นหนี้ระยะสั้นไหลบ่าทะลักเข้ามาท่วมประเทศ ในที่สุดประเทศไทยต้องตกอยู่ในวังวนของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงยาวนาน และส่งผลกระทบไปทั่วโลก กระทั่งถูกขนานนามวิกฤตครั้งนี้ว่า “โรคต้มยำกุ้ง” (Tom yum gung Disease )

 

 

สังเกตได้ว่าจากวิกฤตเศรษฐกิจ ๒ ครั้ง ในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา ล้วนเกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสากลทั้งสิ้น ดังนั้นบทบาทของไทยในเวทีระหว่างประเทศ ในกระแสโลกาภิวัฒน์ จำต้องระมัดระวัง อย่างมีวิสัยทัศน์ เพื่อปกป้องไม่ให้ประเทศไทยต้องตกเข้าไปอยู่ในวงจรอุบาทว์อีกครั้ง

 

 

****************

 

บทที่ ๑

วิกฤตเศรษฐกิจ ๒๕๔๐

 

 

 

ประเทศไทยในกระแสโลกาภิวัฒน์ ทศวรรษสุดท้ายของรอบพันปีที่สอง ระหว่างปีค.ศ.๑๙๙๐-๑๙๙๙ กระแสโลกาภิวัฒน์ได้แพร่กระจายทั่วโลก ประเทศต่างๆพยายามเร่งผลักดันเตรียมประเทศ ก้าวสู่โลกไร้พรมแดน รวมทั้งโลกสังคมนิยมต่างละทิ้งอุดมการณ์สังคมนิยม พัฒนาประเทศมุ่งสู่เศรษฐกิจแบบการตลาด

 

๑,วิกฤตเศรษฐกิจ “โรคต้มยำกุ้ง” การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศย่านแปซิฟิกริมเป็นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากการคืนเกาะฮ่องกงของอังกฤษสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่จีน ในวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๐ ซึ่งทำให้จีนเปรียบเสมือนมังกรติดปีก จีนได้ใช้ฮ่องกง (มีความชำนาญพิเศษด้านการตลาดและการเงินในเวทีการค้าโลก ) เปิดม่านไม้ไผ่สู่เวทีแข่งขันในตลาดการค้าโลก ซึ่งการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนหลังการใช้นโยบาย ๔ ทันสมัย หนึ่งประเทศ สองระบบ ของ เติ้ง เซี่ยว ผิง ทำให้เศรษฐกิจของจีนแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจในเอเชีย เคียงคู่กับญี่ปุ่นได้อย่างสง่าผ่าเผย (ความแข็งแกร่งของจีนสังเกตได้จากความพยายามโจมตีค่าเงินหยวนของจอร์จช โซรอสซ์ หลายครั้งในปี พ.ศ. ๒๕๔๑ แต่จีนกลับป้องกันการเข้าโจมตีได้อย่างเหนียวแน่น )

 

นโยบาย ๔ ทันสมัย ผู้นำจีนยุคเติ้งเซี่ยวผิงได้วางระบบเศรษฐกิจสังคมแบบเปิดหรือ Social Market Economy System โดยวางนโยบายพัฒนาประเทศ (ค.ศ.๑๙๗๘) โดยเน้นด้าน การเกษตร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการ ทหาร มีการเปิดประเทศค้าขายกับประเทศเสรี ริเริ่มใช้ระบบเศรษฐกิจการตลาดและอนุญาตให้เกษตรกรขายผลผลิตของตนเองได้
 

 

๒,ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาในเอเชีย สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นมหาอำนาจโลก จำต้องกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตของแปซิฟิกริม โดยมีเป้าหมายสู่การเข้าควบคุมทุน เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา และหากอเมริกาสามารถที่จะเข้าควบคุมทุนในแปซิฟิกริมได้ นั่นหมายความว่า ผลประโยชน์จากการเจริญเติบโตของแปซิฟิกริม ย่อมหมายถึงผลประโยชน์และเป็นตลาดอันมหาศาลของอเมริกาเช่นกัน รวมถึงการครองความเป็นจ้าวโลกทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม

 

การโจมตีทางด้านการเงินสถานการณ์ในช่วงปี ๑๙๙๐ – ปัจจุบัน หลายประเทศในเอเชียโดยเฉพาะ กลุ่มอาเชี่ยนและเกาหลีใต้ พยายามอย่างเร่งรีบที่จะพัฒนาประเทศไปสู่ความ NICs ในท่ามกลางกระแสพหุภาคีนิยม ที่ให้ประเทศสมาชิกเปิดเสรีทางการค้า – การเงิน จากการขาดวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลรอบด้าน ผู้นำหลายประเทศมิได้คำนึงถึงความเชี่ยวชาญคุ้นเคยของประเทศ ในการเปิดเสรีทางการเงิน ปล่อยให้มีการไหลเข้าออกของเงินเป็นไปอย่างเสรี โดยปราศจากมาตรการควบคุมเงินทุนที่ไหลเข้า ทำให้เกิดภาวะ การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นแบบฟองสบู่ในเวลาต่อมา

 

บ่วงโซ่ที่อ่อนเปราะที่สุดของกลุ่มประเทศดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นที่ไทย พังทลายทั้งอาเชี่ยน ส่งผลกระทบไปถึงเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวั่น ฮ่องกงฯลฯ ทั้งนี้เนื่องจากการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเชี่ยน ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทุนที่ไหลเข้าจากกลุ่มประเทศดังกล่าว และเมื่อเศรษฐกิจกลุ่มอาเชี่ยนพังทลายลง นั่นย่อมจะส่งผลกระทบไปถึงบริษัทแม่ ที่มาจากกลุ่มประเทศผู้นำด้านเศรษฐกิจในเอเชียอย่างหลีกไม่พ้น ชาติในเอเชียต้องตกอยู่ในวังวนวิกฤตเศรษฐกิจอยู่ยาวนาน การเจริญเติบทางเศรษฐกิจเอเชียจึงอยู่ในภาวะของการชะลอตัว

 

๓,การโจมตีประเทศไทยของอเมริกามหามิตร เหตุผลในการเลือกที่จะโจมตีประเทศไทยเป็นประเทศแรก ดังนี้

 

๓.๑, ด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยมีหนี้ท่วมอันเนื่องมาจากการรีบเร่ง ของผู้นำประเทศ ที่ตัดสินใจเปิดเสรีทางการเงิน โดยไม่คำนึงถึงความพร้อมของประเทศในการเปิดเสรีทางการเงิน อนุญาตให้มีการเปิดวิเทศธนกิจ (BIBF's : Bangkok International Banking Facilities) อย่างกว้างขวางกว่า ๖๐ บริษัท โดยไม่มีมาตรการควบคุมทุนที่ไหลเข้า ทำให้ประเทศไทยมีหนี้ท่วมทั้งภาครัฐและเอกชน กว่า ๙๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ระยะสั้น และเงินที่กู้มาไม่ได้ไปอยู่ในส่วนของการลงทุนที่ก่อให้เกิดผลผลิต เช่น การลงทุนในธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า คอนโดมิเนียม โรงแรม สนามกอล์ฟ จนกลายเป็นแฟชั่นของคนรวย โดยมิได้คำนึงถึงความเป็นไปได้และความเสี่ยงของโครงการ ในธุรกิจแต่ละประเภทดังกล่าว มีการลงทุนเหลือล้นต่อความจำเป็น และความต้องการของตลาด อีกส่วนหนึ่ง ก็คือการลงทุนในส่วนของการเก็งกำไรในตลาดหุ้น ที่ดิน ฯลฯ

 

๓.๒, ด้านการเมือง ในระบบพรรคการเมืองไทยที่เต็มไปด้วย ผลประโยชน์ของการทุจริตคอรัปชั่น ถึงขนาดที่มีคนคิดกันว่าหากการทุจริตคอรัปชั่นขั้นต่ำสุด ๓๐% ของงบประมาณรายจ่ายของประเทศ ซึ่งประมาณปีละ ๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ( หนึ่งล้านล้านบาท ) เงินจะหายไปจากระบบมากถึง ๓๐๐,๐๐๐.๐๐ ล้านบาท(สามแสนล้านบาท ) เมื่อคิดย้อนหลังไป ๑๐ ปี จะเป็นยอดเงินสูงถึง ๓,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สามล้านล้านบาท) ซึ่งแหล่งที่มาของรายได้ผิดต่อกฎหมาย ไม่สามารถนำมาฝากธนาคารในประเทศได้ ต้องนำไปฝากธนาคารในต่างประเทศ ฯลฯ เงินบาทก็จะหายไปจากระบบเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลทีเดียว จากผลประโยชน์ดังกล่าวทำให้สามารถสะท้อนภาพ ระบบพรรคการเมืองไทย ที่ขาดไร้ซึ่งความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศ บางครั้งในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ มีความจำเป็นจะต้องช่วยกันแก้ปัญหา แต่กลับหาช่องทางที่จะชี้นำประชาชน ให้หลงทิศหลงทางกับการแก้ปัญหาของอีกฝ่ายที่กำลังบริหารประเทศ เพื่อนำเอากระแสประชาชนมารับใช้ผลประโยชน์ของพรรค จากลักษณะของระบบการเมืองดังกล่าวย่อมอ่อนแอและง่ายต่อการเข้าโจมตี

 

๓.๓, สถานการณ์การโจมตีค่าเงินบาท ระหว่างเดือนกันยายน ๒๕๓๙ - กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๑ เริ่มจากครึ่งปีหลังของปี ๒๕๓๙ เริ่มด้วยการสร้างผลกระทบทางด้านจิตวิทยาต่อนักลงทุน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ อันได้แก่ มูดดี้ และ แอสแอนพี ซึ่งเป็นสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐอเมริกา ปรับลดอันดับเครดิตสถาบันการเงินไทยอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยประกาศจัดอันดับเครดิตปีละ ๒ ครั้ง ในช่วงของการเข้าโจมตีประเทศไทย นับจาก เดือนมกราคม ๒๕๔๐ – เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๐ ได้ออกมาประกาศปรับลดอันดับเครดิตประเทศไทย ถี่ ถึง ๙ ครั้ง

 

๓.๔, ลำดับเหตุการณ์โจมตีค่าเงินบาท เริ่มต้นในวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๓๙ เมื่อมูดดี้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ต่างประเทศระยะสั้นของประเทศไทย ส่งผลให้เงินทุนต่างประเทศไหลออกอย่างต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้น ในเดือนธันวาคม ๒๕๓๙ ทุนรักษาระดับต้องขายเงินตราต่างประเทศสูงถึง ๒.๙๑ พันล้านดอลลาร์ และต้องใช้เงิน ๔.๘๘ พันล้านดอลลาร์เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท

 

มกราคม - กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๐ ระบบการเงินไทยถูกกระตุ้นเพื่อสร้างผลสะเทือนทางด้านปฏิบัติตามลำดับ ดังนี้ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๔๐ จอร์จช โซรอสซ์ เข้าโจมตีค่าเงินบาท ๑๔ กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๐ มูดดี้ออกประกาศว่าจะพิจารณาทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือหนี้ระยะยาวของไทย การซื้อดอลลาร์ขายบาทเกิดขึ้นอีกครั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ใช้เงินจำนวน ๑.๐๗ พันล้านดอลลาร์เข้าแทรกแซง โดยสรุปทุนรักษาระดับและธนาคารชาติต้องใช้เงินสำรองของทางการ ในการปกป้องค่าเงินบาทจากการโจมตีช่วง มกราคม- กุมภาพันธุ์ ๒๕๔๐ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๗.๘ พันล้านดอลลาร์ ทำให้ฐานะเงินสำรองทางการ ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธุ์ ลดลงเหลือ ๓๘.๑ พันล้านดอลลาร์ สรอ.

 

มีนาคม - เมษายน ๒๕๔๐ วันที่๑๘ มีนาคม ๒๕๔๐ สถาบันจัดอันดับ S&P ประกาศลดอันดับเครดิตธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ของไทย ๙ เมษายน ๒๕๔๐ มูดดี้ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือ หนี้เงินตราต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทย ณ สิ้นเดือนเมษายน ๒๕๔๐ ฐานะเงินสำรองทางการ ลดลงเหลือ ๓๗.๓ พันล้านดอลลาร์ สรอ.

 

พฤษภาคม ๒๕๔๐ การโจมตีค่าเงินรอบสอง เกิดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๙ เมษายน - ๘ พฤษภาคม ได้เริ่มมีแรงซื้อ Swap ( sell – bay ) กดดันให้ swap premium ปรับตัวจากระดับประมาณดอลลาร์ละ ๖๙ สตางค์เป็นดอลลาร์ละ ๘๐ สตางค์ สำหรับระยะ ๑ ปี และธนาคารชาติต้องใช้เงิน ๓.๒ พันล้านดอลลาร์ เข้าแทรกแซงตลาด swap เพื่อไม่ให้อัตรา premium สูงเกินไป

 

๘ พฤษภาคม ๒๕๔๑ นักเก็งกำไรเลือกโจมตีค่าเงินบาท หลังจากตลาดกรุงเทพฯปิดแล้ว โดยเริ่มโหมซื้อเงินดอลลาร์ขายบาทเป็นจำนวนมากในตลาดลอนดอน

 

 

*********************************

 

จาก      http://www.visitsuri...mo=3&art=141885

[Tam-mic-ra.]

คุณ   Ricebeanoil    #52

 

ผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องมาก  เรื่องทำไมสถาบันการเงิน  58 แห่ง  ถูก ปรส. เข้าไปดำเนินการ

แต่สิ่งที่ผมสนใจคือ การที่ ปรส.   เอาไปขายต่างชาติถูกๆ แล้วต่างชาติเอากลับมาขายคนไทยอีกที

 

อันนี้ผมขอยก ตย.อันนึง โดยดูจากการประมูลทรัพย์สินในปัจจุบันของไทยๆนะ คือถ้าผู้เสนอราคา ให้ราคาต่ำเกินไป  ผู้ควบคุมการประมูลมีสิทธิ์ที่จะค้าน 

โดยควรให้ลูกหนี้ทำการคัดค้านราคานั้นๆ  จนกว่าจะได้ราคาที่สมควรขายจริงๆ

 

ไม่รู้ผมใช้ประเด็นถูกหรือเปล่า ไม่แม่นเรื่องนี้เท่าไร     ผิดถูกชี้แนะ

Edited by Tam-mic-ra., 1 April 2013 - 00:15.

[Tam-mic-ra.]

amplepoor, on 31 Mar 2013 - 08:30, said:

Tam-mic-ra., on 31 Mar 2013 - 06:00, said:

ส่วนคุณแอม มือตกฮวบ  ถึงขนาดตัดเอาเพียงบางท่อนของข้อมูล   เพื่อเอามาโต้แย้ง !! 

 

อธิบายให้ชัดเจนหน่อย

 

ผมก็อยากรู้ว่ามือตกเป็นยังงัย

ที่จริงกลับคิดว่ามือขึ้นนะ กระทู้ชุดความจริงที่เจ็บปวด....ลูกค้าตรึม

 

 

55555

 

 

หมายถึงว่าคุณตัดเอาข้อมูล อันล่างนี้  มาโต้น่ะ    ซึ่งข้อกล่าวหาของข้อมูล 10 ข้อ ในข้อมูลชุดเดียวกันที่ผมยกมาแปะ  กลับไม่เห็นคุณกล่าวถึงหรือแก้ต่าง

ซึ่งจะทำให้ได้คุยกันตรงประเด็นกระทู้   ว่าระหว่าง   จิ๋วที่เป็นคนตั้ง ปรส.    กับ คนที่เป็นรัฐบาลคนถัดไป     ใครเป็นคนทำให้เกิดความเสียหายกันแน่

amplepoor, on 30 Mar 2013 - 08:25, said:

มาเน้นให้เห็นชัดๆ

 

ซึ่งเรื่องนี้ทั้งหมดเกิดขึ้นในสมัย นาย ชวน หลีกภัยเป็น นายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปปัตย์ที่มีส่วนรู้เห็น คงไม่อาจเล่นบทปัดความรับผิดชอบที่ตัวเองถนัดได้ ถึงเวลาเวรกรรมตามทัน เพราะเป็นการขายชาติอย่างมหาศาล ขายให้ต่างชาติโดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของซื้อคืน ในราคาเพียง 20 เปอร์เซนต์ และให้ต่างชาติขายคืนในราคาที่สูงกว่า ถึง 60 -70 เปอร์เซนต์ ถึงเวลาคนขายชาติตัวจริงต้องชดใช้กรรมแล้ว!!!

แต่ทว่า ในยุคทหารครองเมืองแบบนี้ อาจเป็นเพียงเกมส์ต่อรองทางการเมืองเท่านั้นขนาดสื่อมวลชนยังไม่มีการตีข่าว ใหญ่เหมือนตอนรัฐบาลทักษิณถูกกล่าวหาเลย ทั้งที่เรื่องนี้เป็นการขายชาติครั้ง มโหฬาร หากเป็นแบบนั้นเราคนไทยคงต้องกู้ชาติกันจริงๆ แล้ว!!!

 

 

แปลกเนอะ

คดีนี้ รัฐบาลเพื่อไทย เงียบกริ๊บเลย

มัยแต๋มไม่บอกให้เขาเล่นงานชวนล่ะ

 

แล้ว ปรส. ทำอิ๊บอ๋ายขนาดนี้ พรรคเพื่อไทยเคยมีนโยบายเรื่องนี้ออกมาหรือเปล่า....กร๊าก

Edited by Tam-mic-ra., 1 April 2013 - 00:56.

[amplepoor]

แต๋มเอ๋ย  BIBF มาเกี่ยวอะไรกับที่จิ๋ว/ทักษิณ ทำประเทศพังจ๊ะ

แล้วถ้าจะย้อนให้สมบูรณ์ ก็ควรจะเริ่มที่พันธะข้อ 8 สมัยน้าชาติ

และควรจะเอาตัวเลขที่ทักษิณได้ประโยชน์จาก BIBF มาอ้างด้วย

 

ที่สำคัญ BIBF เริ่มด้วยธารินทร์ในปี 2535-8 แต่ต้มยำกุ้งมันเกิด 2539-2540

ระหว่างนั้น เปลี่ยนนายก 2 คน เปลี่ยนรัฐมนตรีคลังอีก 4 คน

โถ ทุกคนช่างโง่บัดซบ ไม่รู้จักแก้ BIBF พากันเดินลงเหวที่ธารินทร์ขุด

 

แถมทุกคนนี่ แดงทั้งนั้น....น่าสงสารแต๋มจริงๆ

[Tam-mic-ra.]

ถ้าไม่มี BIBF  หล่ะ เขาจะมาโจมตีค่าเงินเรา จนเกิดต้มยำกุ้งได้ไหม อันนี้ถามแบบไม่ค่อยรู้ด้านนี้จริงๆ 

แอ๋มอธิบายแต๋มหน่อยสิ๊    

 

ไงก็ทิ้งเอาไว้นะ  ไปละพรุ่งนี้ค่อยมาต่อ    ท่าจะยาว

Edited by Tam-mic-ra., 1 April 2013 - 00:39.

[amplepoor]

Tam-mic-ra., on 31 Mar 2013 - 17:13, said:

ทำไมสถาบันการเงิน  58 แห่ง  ถูก ปรส. เข้าไปดำเนินการ

แต่สิ่งที่ผมสนใจคือ การที่ ปรส.   เอาไปขายต่างชาติถูกๆ แล้วต่างชาติเอากลับมาขายคนไทยอีกที

 

แต๋มไปหาบทความของอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลามาอ่านสิ จะเข้าใจว่า IMF ควบคุมประเทศอย่างไร

รวมทั้งเรื่องปิด 56 ไฟแนนส์นี่ด้วย

 

ส่วนเรื่องประมูลถูกๆ ผมจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบอย่างนี้ละกัน

สมมติว่าชินวัตรล้มละลาย ต้องชำระบัญชี หนี้มีกำหนดเส้นตาย

พอเอาทรัพย์สินมาขายทอดตลาด จะได้ราคาตามใจหรือ

 

ประเทศไทยในวันนั้นหนักกว่าที่ยกตัวอย่างอีก

เพราะ IMF กำหนดเงื่อนไขว่า เงินที่มาซื้อประเทศไทย ต้องเป็นเงินนอก

ห้ามลูกหนี้ซื้อหนี้คืน การจัดกลุ่มทรัพย์สินต้องทำโดยฝรั่งอนุมัติ ....บล่าๆๆๆ

 

แม้ผมจะเห็นด้วยว่าอมเรศทำงานบกพร่อง แต่ผมไม่โทษเขาเลย

ที่จริงเขาก็เหมือนเริงชัย ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกนักการเมืองควบคุม

และวิกฤติครั้งนี้เลวร้ายเกินกว่าระบบของไทยจะรับไหว

แต่อมเรศก็ยอมเสียสละรับงานที่หลายๆ คนไม่ยอมรับ

 

สงครามแพ้ เราไม่ควรโทษนายพล เราต้องโทษผู้บังคับบัญชาสูงสุด

แต๋มคงรู้นะ ว่าใครบัญชาการประเทศในวันนั้น

[Ricebeanoil]

เรื่องการประมูล ก็คงต้องไปฟังคนนี้แล้วละ 

ดูเหมือนจากที่สัมภาษณ์จะบอกว่า พยายามให้มีคู่แข่งขันในการประมูลกันอยู่แล้ว ในแต่ละรายการ

 

 

 

ตอนที่ 1

กระบวนการขายสินทรัพย์ของ ปรส. ที่ไม่แยกหนี้ดีและหนี้เสียก่อนเปิดประมูลขาย ทำให้ขายสินทรัพย์ได้ราคาถูก จึงถูกตั้งคำถามจากสังคมว่า ทำไมไม่ตั้งเป็น ?good bank? และที่ถูกกล่าวหารุนแรงที่สุดคือ ปรส. เป็นต้นเหตุทำให้หลายธุรกิจล้มละลาย ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ตอนที่ 1

 

 

 

ตอนที่ 2

กระบวนการขายสินทรัพย์ของ 56 ไฟแนนซ์ ที่ถูกปิดจากวิกฤติในปี 2540 โดยปรส. ที่ดำเนินการเปิดประมูลขายได้ในราคาต่ำประมาณ 30% กลายเป็นข้อครหาของสังคมส่วนใหญ่ว่า เป็นการขายของที่ ?ถูกเกินไป? และอาจไม่โปรงใส ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ในมุมมองของ ปรส. เป็นอย่างไร ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ตอนที่ 2

Edited by Ricebeanoil, 1 April 2013 - 00:42.

[Ricebeanoil]

 

 

ตอนที่ 3

กรณี ?Chinese wall ? เป็นประเด็นร้อนไม่แพ้เรื่องการขายสินทรัพย์ราคาถูกของ ปรส. เพราะบริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้งส์ อิงก์ ผู้เข้าประมูลซื้อสินทรัพย์ ปรส. เป็นกลุ่มเดียวกับ เลห์แมน บราเธอร์ส (ไทยแลนด์ ) ที่ได้รับคัดเลือกเป็นที่ปรึกษาการขายของ ปรส. ทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่ากฎ ?Chinese wall? ที่นำมาใช้ในกรณีนี้จะสามารถป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลได้จริงหรือ สามารถฟังคำอธิบายที่มาที่ไปเรื่องนี้อย่างละเอียดได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ตอนที่ 3

 

 

ตอนที่ 4

อาจกล่าวได้ว่า ชื่อเสียงของ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ถูกกล่าวหาเสียๆ หายๆ มากที่สุดหลังจากรับตำแหน่งเป็นประธาน ปรส. โดยถูกข้อครหามากมาย ที่สำคัญถูกดำเนินคดีด้วย แต่เขาประกาศว่า ?คุ้ม? ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ตอนที่ 4

Edited by Ricebeanoil, 1 April 2013 - 00:44.

[Ricebeanoil]

 

 

ตอนที่ 5

การตั้ง ปรส. เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินของสถาบันการเงิน 56 ไฟแนนซ์ที่ถูกปิดจากวิกฤติ 2540 ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ คนที่ทำงานให้ ปรส. ถูกดำเนินคดีกล่าวโทษด้วย ทำให้สังคมยิ่งตอกย้ำภาพลักษณ์ ปรส. และคนทำงานใน ปรส. ในทางที่ไม่ดี ขณะที่คนทำงานกลับรู้สึกตรงกันข้ามและเป็นห่วงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่จะเป็นเรื่องอะไร ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ตอนที่ 5

 

 

 

ตอนที่ 6 (จบ)

แม้อดีตประธาน ปรส. จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในหลายเรื่องเกี่ยวกับการทำงานที่ ปรส. แต่ “อมเรศ ศิลาอ่อน” มั่นใจว่า ?ไม่เคยทำผิด? และ ?ไม่เคยทำอะไรที่ละอาย? พร้อมฝากบทเรียนที่ได้รับจาก ปรส. ทิ้งทายให้ชวนคิด ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์พิเศษ ?อมเรศ ศิลาอ่อน? ตอนที่ 6

หมายเหตุ: ซีรีส์ 15 ปี วิกฤติ 2540 สนับสนุนโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

[Ricebeanoil]

ส่วนเรื่องการยื่นคัดค้านของลูกหนี้นั้น คิดว่าทำไม่ได้ 

 

 

มาตรา 8 ข้อ 1 ได้บอกว่า คณะกรรมการ ปรส. คือผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ 

ดังนั้น ลูกหนี้ที่ต้องการยื่นคัดค้านการประมูลนั้น จะใช้สิทธิ์ใดในการยื่นคัดค้าน ในเมื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ คือ ปรส.

[amplepoor]

Tam-mic-ra., on 31 Mar 2013 - 17:37, said:

ถ้าไม่มี BIBF  หล่ะ เขาจะมาโจมตีค่าเงินเรา จนเกิดต้มยำกุ้งได้ไหม อันนี้ถามแบบไม่ค่อยรู้ด้านนี้จริงๆ 

แอ๋มอธิบายแต๋มหน่อยสิ๊    

 

ไงก็ทิ้งเอาไว้นะ  ไปละพรุ่งนี้ค่อยมาต่อ    ท่าจะยาว

 

ตอบไม่ยาวหรอก

แต๋มได้เช็คเปล่าจากทักษิณ แต๋มจะฉีกทิ้งใหม

 

วันนั้น พวกผู้ประกอบการไทยได้เช็คเปล่าแบบนี้ทั้งนั้น

ฝรั่งมันมีเงินมากมาย กองทุนบำนาญของรัฐแคลิฟอเนียร์เจ้าเดียว เงินมากกว่าไทยทั้งประเทศ

เงินพวกนี้ต้องไหลไปยังที่ที่ดอกดีๆ แต่ดอกดีมักจะเสี่ยง ก็ไม่เป็นไรถือคติเข้าเร็วออกเร็วอะไรทำนองนี้

 

สมัยน้าชาติ เราปรับประเทศเป็นอุตสาหกรรมนำเกษตรกรรมชัดเจน ก็หนีไม่พ้นที่ต้องรับเงินนอกเข้ามา

ง่ายสุดก็เปิดนิคมอุตสาหกรรม ยากหน่อยก็ส่งของไปขาย ยากกว่านั้นก็หลอกเขาเข้ามาเที่ยว....

ยิ่งทำไปทำไป ก็ยิ่งต้องทำลายอุปสรรคที่เงินไหลเข้าออก BIBF จึงหนีไม่พ้น

 

แต่ที่ไม่ยอมทำคือ ควบคุมให้มันสมดุลย์กับขนาดเศรษฐกิจของเรา

เสี่ยเหล็กไม่มีไม่หนีไม่จ่าย เอาบริษัทไปกู้ สองพันล้านไหลเข้ามาโดยเขาไม่ถาม เพราะเบี้ยวหนี้ก็ยึดโรงเหล็ก

ประชัยก็กู้มาสี่หมื่นล้าน ใครๆ ก็กู้เพราะตอนนั้นเราเป็นตลาดเกิดใหม่ เป็นตลาดที่รวยเร็วแต่เสี่ยงสูง

 

ทีนี้การเมืองหลัง BIBF มันดันไปตกในมือเติ้ง ในมือกลุ่ม 16 (จำแบ้งค์กรุงเทพพานิชย์การได้ป่าว)

แต่ที่แย่สุดคืออยู่ในมือจิ๋ว/ทักษิณ...พวกนี้มันเสือหิวทั้งนั้น กินมูมมามเอาแต่ได้....เฮ้อ

 

ที่สำคัญ กลุ่มทุนเป็นพวกนักกู้ ในขณะที่พรรคเก่าแก่ นายทุนเป็นนักปล่อยกู้

ดังนั้น ก็เปรียบเหมือนเอาณัฐวุติมานั่งคลังนั่นแหละ ประเทศจะมีเหลือหรือ

[amplepoor]

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 17:53, said:

ส่วนเรื่องการยื่นคัดค้านของลูกหนี้นั้น คิดว่าทำไม่ได้ 

 

 

 

มาตรา 8 ข้อ 1 ได้บอกว่า คณะกรรมการ ปรส. คือผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ 

ดังนั้น ลูกหนี้ที่ต้องการยื่นคัดค้านการประมูลนั้น จะใช้สิทธิ์ใดในการยื่นคัดค้าน ในเมื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ คือ ปรส.

 

กฏหมายนี้ ร่างโดยโภคิน (ถ้าผมฟังมาไม่ผิดนะ)

[amplepoor]

Tam-mic-ra., on 31 Mar 2013 - 17:26, said:

หมายถึงว่าคุณตัดเอาข้อมูล อันล่างนี้  มาโต้น่ะ    ซึ่งข้อกล่าวหาของข้อมูล 10 ข้อ ในข้อมูลชุดเดียวกันที่ผมยกมาแปะ  กลับไม่เห็นคุณกล่าวถึงหรือแก้ต่างซึ่งจะทำให้ได้คุยกันตรงประเด็นกระทู้   ว่าระหว่าง   จิ๋วที่เป็นคนตั้ง ปรส.    กับ คนที่เป็นรัฐบาลคนถัดไป     ใครเป็นคนทำให้เกิดความเสียหายกันแน่

 

ที่แปะไว้ มันมีการโต้แย้งกันจนสิ้นสุดไปหลายข้อแล้ว ผมเลยขี้เกียจพูดซ้ำ

เอางี้ แต๋มจี้มาชัดๆ ทีละประเด็น หรือบางประเด็น เพื่อยืนยันว่าคุณเข้าใจมันจนแย้งกับผมได้

 

แฟร์ปะ

[Ricebeanoil]

amplepoor, on 31 Mar 2013 - 17:58, said:

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 17:53, said:

ส่วนเรื่องการยื่นคัดค้านของลูกหนี้นั้น คิดว่าทำไม่ได้ 

 

 

 

มาตรา 8 ข้อ 1 ได้บอกว่า คณะกรรมการ ปรส. คือผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ 

ดังนั้น ลูกหนี้ที่ต้องการยื่นคัดค้านการประมูลนั้น จะใช้สิทธิ์ใดในการยื่นคัดค้าน ในเมื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ คือ ปรส.

 

กฏหมายนี้ ร่างโดยโภคิน (ถ้าผมฟังมาไม่ผิดนะ)

 

ผมไม่ทราบว่าใครร่างกฏหมายฉบับนี้ แต่ที่อ่าน พรก. ฉบับนี้มา มันร่างได้ชนิดที่เรียกว่า "มัดเงื่อนตาย" ปิดการแทรกแซงจากภายนอกได้เกือบทุกทาง 

คณะกรรมการ ปรส. ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลได้ นอกจากทุจริตให้เห็นชัดๆ 

ยื่นคัดค้านอะไรก็ไม่ได้ เพราะกรรมสิทธิ์อยู่ที่ ปรส. ทั้งหมด 

ปรส. สามารถทำอะไรกับทรัพย์สินก็ได้ทั้งนั้นตามมาตรา 8 ซึ่งครอบคลุมทุกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด

[amplepoor]

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 18:28, said:

ผมไม่ทราบว่าใครร่างกฏหมายฉบับนี้ แต่ที่อ่าน พรก. ฉบับนี้มา มันร่างได้ชนิดที่เรียกว่า "มัดเงื่อนตาย" ปิดการแทรกแซงจากภายนอกได้เกือบทุกทาง 

คณะกรรมการ ปรส. ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลได้ นอกจากทุจริตให้เห็นชัดๆ 

ยื่นคัดค้านอะไรก็ไม่ได้ เพราะกรรมสิทธิ์อยู่ที่ ปรส. ทั้งหมด 

ปรส. สามารถทำอะไรกับทรัพย์สินก็ได้ทั้งนั้นตามมาตรา 8 ซึ่งครอบคลุมทุกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด

 

ผมถึงแนะนำให้ทุกคนอ่านกฏหมาย ก่อนคุยเรื่องปรส.

แต่ที่งงก็คือ ปชป. มีนักพูดอยู่เต็มพรรค นักกฏหมายอีกเป็นโขลง

ทำไมใบ้เรื่องนี้

Edited by amplepoor, 1 April 2013 - 01:49.

[Tam-mic-ra.]

ปรากฏว่า ปรส.กลับนำสินทรัพย์ทั้งหมดมากองรวมกัน
โดยไม่ได้แยกหนี้ดีและหนี้เสียออกจากกัน
และทำการประมูลแบบ ?ยกเข่ง?

...สร้างความสูญเสียแก่ประเทศอย่างใหญ่หลวง
ถือเป็นความสูญเสียมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย
.... เนื่องจากสินทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 8 แสนล้านบาท
.......ปรส.เปิดประมูลได้กว่า 2 แสนล้านบาทเท่านั้น มูลค่าสินทรัพย์ของประเทศสูญหายไปถึง 6 แสนล้าน

ผลเป็นอย่างไร

 

 

 

 

 

 

ผมว่ามันเหมือนกรณีจ้างผูรับเหมารายเดียว เพื่อสร้างโรงพัก เลย

ซึ่งเป็นการกระทำที่แย่มาก และส่อทางทุจริตอย่างแน่นอน   

 

คำว่า "เสือหิว" คุณแอ๋มลองป้ายไปทางนู๊นบ้างดีไหมครับ

[Tam-mic-ra.]

 

 

 

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 18:28, said:

amplepoor, on 31 Mar 2013 - 17:58, said:

 

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 17:53, said:

ส่วนเรื่องการยื่นคัดค้านของลูกหนี้นั้น คิดว่าทำไม่ได้ 

 

 

 

มาตรา 8 ข้อ 1 ได้บอกว่า คณะกรรมการ ปรส. คือผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ 

ดังนั้น ลูกหนี้ที่ต้องการยื่นคัดค้านการประมูลนั้น จะใช้สิทธิ์ใดในการยื่นคัดค้าน ในเมื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินต่างๆ คือ ปรส.

 

กฏหมายนี้ ร่างโดยโภคิน (ถ้าผมฟังมาไม่ผิดนะ)

 

ผมไม่ทราบว่าใครร่างกฏหมายฉบับนี้ แต่ที่อ่าน พรก. ฉบับนี้มา มันร่างได้ชนิดที่เรียกว่า "มัดเงื่อนตาย" ปิดการแทรกแซงจากภายนอกได้เกือบทุกทาง 

คณะกรรมการ ปรส. ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลได้ นอกจากทุจริตให้เห็นชัดๆ 

ยื่นคัดค้านอะไรก็ไม่ได้ เพราะกรรมสิทธิ์อยู่ที่ ปรส. ทั้งหมด 

ปรส. สามารถทำอะไรกับทรัพย์สินก็ได้ทั้งนั้นตามมาตรา 8 ซึ่งครอบคลุมทุกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด

 

อ้าง มาตรา8  ข้อเดียว  เอาไปขายถูกๆหรือขายให้ใครก็ได้  = ไม่ผิด

มันง่ายไปหรือเปล่าครับ   

 

ลองดูภาพต่างๆ ที่แสดงความฉ้อฉลกันดีกว่า

[Tam-mic-ra.]

amplepoor, on 31 Mar 2013 - 18:48, said:

Ricebeanoil, on 31 Mar 2013 - 18:28, said:

ผมไม่ทราบว่าใครร่างกฏหมายฉบับนี้ แต่ที่อ่าน พรก. ฉบับนี้มา มันร่างได้ชนิดที่เรียกว่า "มัดเงื่อนตาย" ปิดการแทรกแซงจากภายนอกได้เกือบทุกทาง 

คณะกรรมการ ปรส. ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลได้ นอกจากทุจริตให้เห็นชัดๆ 

ยื่นคัดค้านอะไรก็ไม่ได้ เพราะกรรมสิทธิ์อยู่ที่ ปรส. ทั้งหมด 

ปรส. สามารถทำอะไรกับทรัพย์สินก็ได้ทั้งนั้นตามมาตรา 8 ซึ่งครอบคลุมทุกธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด

 

ผมถึงแนะนำให้ทุกคนอ่านกฏหมาย ก่อนคุยเรื่องปรส.

แต่ที่งงก็คือ ปชป. มีนักพูดอยู่เต็มพรรค นักกฏหมายอีกเป็นโขลง

ทำไมใบ้เรื่องนี้

 

 

หลังจาก ตั้ง ศรป 1,2 ,3

ผลสอบ ”ศปร. 3” ที่ออกมาแล้ว และได้ชี้ให้เห้นถึงความไม่ชอบมาพากลและความผิดพลาดของปรส.ตั้งแต่ต้นจนปลาย (ลองหาอ่านในหนังสือ “เปลือยธารินทร์” จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ที่เดี๋ยวนี้กลายเป็น "หนังสือหายาก" ไปแล้ว)

ขอสรุปสั้น ๆ ด้วยภาษาชาวบ้านดังนี้

1. รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งปรส.ขึ้นมา
ให้ทำหน้าที่ปฏิรูปสถาบันการเงินให้มีความแข็งแรง
และฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
จึงให้หยุดกิจการ 58 สถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว
แต่ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนแปลงไปหมด
มีการสั่งปิดตาย 56 สถาบันการเงินทันที และให้เปิดเพียง 2 แห่ง
เสมือนเป็นการเริ่มต้นของแผนร้ายที่ถูกเรียกขานว่า “ปล้นชาติ” และ “ขายชาติ”
โดยไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิม

2. เมื่อปิดสถาบันการเงิน แล้วโอนทรัพย์สินและลูกหนี้ประมาณ 8 แสนล้านบาทไปให้ ปรส.บริหารจัดการ
โดยรัฐบาลรับใช้หนี้เงินฝากแก่ประชาชน ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ
คือจะต้องจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ทัดเทียมกัน มิฉะนั้น รัฐบาลก็จะเสียหาย ซึ่งก็คือประชาชนเสียหาย

3. ผู้บริหาร ปรส. และ ธปท. จ้างฝรั่งมาเป็นที่ปรึกษา
และกำหนดให้ขายทรัพย์สินทั้ง 8 แสนล้านบาทโดยเร็ว
แต่ไม่ให้ลูกหนี้เดิมมีส่วนซื้อ และจะขายเป็นกอง ๆ ละประมาณหมื่นล้านบาท
เท่ากับเป็นการเปิดทางให้เฉพาะต่างชาติซึ่งเป็นพรรคพวกเท่านั้น

4. ที่ปรึกษาฝรั่งเข้ามาตรวจสอบรายการทรัพย์สินที่เป็นลูกหนี้ทั้งหมด
รวบรวมเก็บข้อมูลทั้งหมด แล้วจัดกองลูกหนี้เองทั้งหมด
จากนั้นก็กำหนดเงื่อนไขการขาย คือไม่ให้ลูกหนี้เข้าประมูล
และเมื่อขายกองละหมื่นล้านบาทขึ้นไป
ก็เท่ากับกีดกันผู้ประมูลทั่วไป ให้เหลือน้อยลง
แต่คนที่รู้ไส้รู้พุงก็คือที่ปรึกษาฝรั่งนั้น

5. เมื่อประกาศประมูลก็มีผู้แสดงความสนใจหลายราย
ต่อมามีการเปิดให้มีการตรวจกองลูกหนี้เพื่อจะได้รู้ฐานะและจะเสนอราคาได้ถูกต้อง
หลังจากเปิดให้ตรวจแล้วมีการสลับกองลูกหนี้ ย้ายลูกหนี้กองนั้นไปไว้กองโน้น
ทำให้ผู้สนใจที่มาตรวจดูกองลูกหนี้ไม่แน่ใจว่ากองหนี้ที่ตั้งใจจะประมูลเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
จึงทำให้มีผู้สละสิทธิ์ไม่เข้าประมูลหลายราย เหลือแต่พรรคพวกในขบวนการเดียวกันเท่านั้น

6. ในจำนวนผู้สนใจซื้อหนี้ มีบริษัทที่ที่ปรึกษาฝรั่งถือหุ้น 99.99 % รวมอยู่ด้วย
และชนะการประมูลเพราะรู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว

ทรัพย์สิน 8 แสนล้านบาทจึงขาย***เพียง 2 แสนล้านบาท
เท่ากับชาติถูกปล้นไป 6 แสนล้านบาท !
เป็นมหาวีรกรรมในการปล้นชาติระดับโลกที่ต้องจารึกไว้ชั่วลูกชั่วหลาน

7. พอชนะประมูลแล้วยังคิดโกงภาษีต่อไป
โดยยกเว้นภาษีให้ แต่ต้องตั้งเป็นกองทุน
ดังนั้น เมื่อถึงวันเซ็นสัญญา ผู้ชนะประมูลไม่ได้เซ็นสัญญา
คงมีแต่ปรส.เซ็นชื่อข้างเดียว
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นการทำสัญญาแบบไหน
แล้วมีการโอนเงินเข้ามาชำระเงินงวดแรก
หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเมื่อมีการตั้งกองทุนเสร็จ
ก็เอากองทุนเข้ามาทำสัญญา เป็นการโกงภาษีอีกต่อหนึ่ง

 

[55555]

 

Tam-mic-ra., on 31 Mar 2013 - 17:37, said:

ถ้าไม่มี BIBF  หล่ะ เขาจะมาโจมตีค่าเงินเรา จนเกิดต้มยำกุ้งได้ไหม อันนี้ถามแบบไม่ค่อยรู้ด้านนี้จริงๆ 

แอ๋มอธิบายแต๋มหน่อยสิ๊    

 

ไงก็ทิ้งเอาไว้นะ  ไปละพรุ่งนี้ค่อยมาต่อ    ท่าจะยาว

 

 

แต๋มไปศึกษาเรื่องปริวัตรเงินตราก่อนดีกว่า

 

ตอนถูกโจมตีค่าเงินบาท เค้าใข้วิธี สวอป (ซื้อขายล่วงหน้า)กัน  ไม่ได้เล่นกันด้วยเงินสด ๆ

 

พวกกองทุนอีแร้งฟันด์ มันเข้ามาถล่มเงินบาท เหมือนเข้ามาเล่นในบ่อนเราแท้ ๆ 

 

แต่ความโง่ของแบ็งค์ชาติในยุคนั้น ไปเล่นตามเกมส์เค้า (หรือ มัใครสั่งให้เล่นตามเกมส์เค้าก็ไม่รู้)

 

เพราะยังไสุดท้ายพวกนั้นก็ก็ต้องหาซื้อเงินบาทมาปิดบัญชีสวอป

 

มันไม่ได้เกี่ยวกับ การมี หรือ ไม่มีบีไอบีเอฟ แบบที่เค้าสร้างนิยายหลอกกระบือกันหรอก

 

ถ้าวันนั้น แบ็งค์ขาติไม่เป็นกระบือ..ค่าเงินบาทถ้าคงไม่โดนยำขนาดนั้น.....ไฟแนนซ์ ก็ไม่ต้องล้มกันเละเทะ

 

นี่ผมไม่ได้อยู่เมืองไทย  เดี๋ยวถ้ากลับไปแล้วทู้ยังอยู่คงได้มันส์อีกรอบ..

 

 

 

 

 

 

ปล. ถ้าจะอ้าง ปรส. 3 

 

       ต้องหน้าด้านเอามาก ๆ 

 

       ไปดูชื่่อ คณะ กรรม ปรส. 3 ก่อนดีกว่าม่ะ.....ว้าว...มีชื่อ ดูสิต ศิริวรรณ ...ผู้ต้องหาคดีหมิ่น คู่หูลุงหมัก ซะด้วย...ยังแถมอีก สองสามชื่อ ไปหาดูเอาละกัน

 

 

 

 

 

 

[amplepoor]

แต๋มโพสต์มา 3 กระบวนท่าติด ทว่ากลับเป็นการพิสูจน์ว่า

แต๋มไม่มีความรู้ในเรื่องที่โพสต์เลย ....ไปเอาแบนเนอร์ของคนอื่นมาใช้ น่าอายจริงๆ

 

ลองย้อนไปอ่านสิ่งที่เราเสนอใหม่นะ ทั้งหมดมันมาจากการ "สรุปความ" สิ่งที่เกิด ไม่ได้ตัดแปะ

และไม่ได้อยากจะบอกว่าเป็นหนึ่งในทีมงาน กู้หนี้ที่ทักษิณทำทิ้งไว้ หรอกนะ แต่ก็พอจะมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่บ้าง

เอางี้ เราจะสรุปให้แต๋มเห็นภาพรวมอีกที

 

1 เศรษฐกิจฟองสบู่ ไม่ได้เกิดปุ๊ปปั๊ปเมื่อแพ้ค่าเงินหรอก มันเกิดตั้งแต่มี BIBF แล้ว

 

2 เงินนอกมันวิ่งเข้ามาหาตลาดเกิดใหม่เสมอ ไทยกับเกาหลีใต้เป็นบ่อใหญ่ที่พวกนี้ยินดีเอาเงินมาถม เพราะกำไรงาม

 

3 ตลาดหุ้นออกอาการครั้งแรก เมื่อมันตกรูดมหาราด มีคนยิงตัวเองที่ตึกสินธรประท้วงหุ้นตก วันนั้นโป๊งเหน่งเป็นรมต. คลัง ต่อมาก็ไปเป็นรมต .ต่างประเทศให้แม้วงัย

 

4 สมประสงค์แลนด์แอนด์เฮ้าส์เป็นอสังหาที่ล้มแห่งแรก อสังหานี่แหละ คือตัวการหลักของฟองสบู่

มันเป็นธุรกิจพันล้านหมื่นล้านที่ไม่ต้องใช้ CEO ระดับจบ MBA จากใหน แค่ไอ้ตี๋ม.6 ที่มีแลนด์แบ้งค์งามๆ ก็ทำได้ละ

ไม่ต้องมีโรงงาน ประสบการณ์ ลูกน้องเงินเดือนแพงๆ แค่มีช่างรับเหมากับเงินค่าโฆษณาเท่านั้นก็พอ

 

5 แบ้งค์ BBC คือภาคการเงินหลักแห่งแรกที่ล้มเหมือนกัน

เมืองไทยวันนั้น มีแบ้งค์อยู่แค่สิบกว่าแห่งเป็นของคนไทยทั้งหมด เป็นที่รวมของเงินฝากเกือบทั้งระบบ

มันไม่ควรจะล้ม แต่มันก็กลายเป็นแหล่งเงินให้กับสินทรัพย์ด้อยค่าไปในที่สุด เพราะธปท. ไม่เข้มจริง

 

6 สรุปก็คือ ทุกอย่างที่วันนั้นบอกว่ามีราคา 100 ที่จริงมีค่าแค่ 10

ตัวอย่างเช่นหนี้ของ BBC ที่ราเกซสร้างไว้ เอาที่ดินไม่มีโฉนดมาปลอมแลกเงินกู้แบ้งค์

มันเป็นหนี้เน่ากันทั้งระบบ โดยเฉพาะไฟแน้นส์ทั้งหมด ไม่มีอันใหนที่สุขภาพดีเลย

 

ถามว่า ถ้าเรามีเงิน มีคนเอาแบ้งค์ BBC มาขาย เราจะซื้อในราคาเต็มร้อยใหม

เราจะซื้อโดยไม่คัดเอาหนี้เน่าทิ้งไปใหม เช่นหนี้จากการจำนองที่ดินของกลุ่ม 16 ทั้งยวง

หรือที่ราเกซสร้างบริษัทปลอมมากู้โปะกันเองทั้งกลุ่ม เราจะเอามารวมกับหนี้ดีๆ หลักทรัพย์เกินมูลค่าหนี้ใหม

ฉลาดอย่างแต๋ม คงจะนึกออกนะ

 

นี่คือพื้นฐานของกระบวนการจิ๋วพาประเทศถังแตก

อ้อ อย่าลืมคนชื่อวิจิตรด้วยนะ เดี๋ยวนี้เป็นทีมงานของแม้ว คนนี้แหละที่เป็นกุญแจให้ประเทศเราล้มละลาย

[amplepoor]

ลองมาแก้คำผิดให้แต๋มหน่อย

 

1. รัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตั้งปรส.ขึ้นมา ให้ทำหน้าที่ปฏิรูปสถาบันการเงินให้มีความแข็งแรง
และฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบเพื่อเป็นกำลังทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป จึงให้หยุดกิจการ 58 สถาบันการเงินเป็นการชั่วคราว

ปรส. ตั้งตามบัญชาของ IMF เพราะจิ๋วไปยอมเป็นเมืองขึ้นเขาเนื่องจากทำประเทศล้มละลาย

แต๋มโพสต์โดยไม่งงหรือว่าประเทศเสียหายขนาดนั้น แค่ปรส. จะช่วยอะไรได้

แต่ครั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ นโยบายก็เปลี่ยนแปลงไปหมด
มีการสั่งปิดตาย 56 สถาบันการเงินทันที และให้เปิดเพียง 2 แห่ง

ไปอ่านกฏหมายปรส. นะแต๋ม ปรส. เป็นอิสระจากนโยบายรัฐบาล ทั้งจิ๋ว ทั้งชวน ไม่มีสิทธิควบคุมปรส.

IMF สิ มีสิทธิ์ เพราะมันถือเงินกู้อยู่ มันจ่ายเป็นงวด เราต้องเอางานไปแลก

แลกมาก็หมดทันทีเพราะเงินของมันให้เราเอามาชำระหนี้ต่างประเทศ ไม่เหลือให้เราผลาญหรอก

 

เมื่อไหร่แตะปรส. เงินกู้งวดต่อไปก็หยุด

เสมือนเป็นการเริ่มต้นของแผนร้ายที่ถูกเรียกขานว่า “ปล้นชาติ” และ “ขายชาติ”
โดยไม่ดำเนินการตามวัตถุประสงค์เดิม

แผนการปล้นชาติขายชาติ มันเริ่มตั้งแต่จิ๋วแพ้ค่าเงินบาทแล้ว  ราคาของมันก็คือ 17.2 พันล้าน ที่จิ๋วขอกู้เขา

แต่ชวนทำให้มันเหลือแค่ 14 พันล้าน ลดไป 3.2 พันล้าน เพราะทีมธารินทร์สามารถหาเงินมาโปะเพิ่มได้เอง

 

หวังว่าจะอ่านเข้าใจ และต่อไปอย่าเอาข้อความที่รู้ไม่จริงมาแปะนะ มันน่าอาย

[amplepoor]

55555, on 01 Apr 2013 - 06:22, said:

 

ปล. ถ้าจะอ้าง ปรส. 3 

       ต้องหน้าด้านเอามาก ๆ 

 

       ไปดูชื่่อ คณะ กรรม ปรส. 3 ก่อนดีกว่าม่ะ.....ว้าว...มีชื่อ ดูสิต ศิริวรรณ ...ผู้ต้องหาคดีหมิ่น คู่หูลุงหมัก ซะด้วย...ยังแถมอีก สองสามชื่อ ไปหาดูเอาละกัน

 

 

 

ถึงบอกงัยครับ ว่าแต๋มมาโพสต์พลีชีพแท้ๆ

ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยซักนิด แค่ก๊อบแปะ ๆ ของคนอื่น

 

ปล

ขอแก้หน่อยนะครับ ต้องใช้ว่ารายงาน ศปร มี 3 ชุด

ผมไม่เชื่อถือเลยสักชุด เพราะมาจากการเมือง เพื่อการเมืองโดยแท้

[amplepoor]

มาดูคำผิดอีกชุดของแต๋ม

 

2. เมื่อปิดสถาบันการเงิน แล้วโอนทรัพย์สินและลูกหนี้ประมาณ 8 แสนล้านบาทไปให้ ปรส.บริหารจัดการ
โดยรัฐบาลรับใช้หนี้เงินฝากแก่ประชาชน ดังนั้นการบริหารจัดการจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับ
คือจะต้องจัดการให้ได้รับผลตอบแทนที่ทัดเทียมกัน มิฉะนั้น รัฐบาลก็จะเสียหาย ซึ่งก็คือประชาชนเสียหาย

 

ความเสียหายที่รัฐบาลต้องแบกรับ จริงๆ แล้วหลักใหญ่มันคือเงินฝาก

กรณีราเกซโกง BBC ถ้าเงินที่โกงเป็นของแบ้งค์ ประชาชนก็ไม่เกี่ยวข้อง

แต่เนื่องจากแบ้งค์เอาเงินฝากประชาชนไปซื้อของเน่าจากราเกซ

รัฐจึงต้องรีดเงินจากหนี้ราเกซ ราเกซ และเอาเงินภาษีไปชดไช้เงินฝากที่เสียหาย

 

หลักมันก็มีแค่นี้

 

มาดูหนี้อื่น เช่นสินเชื่อรถยนตร์

ที่จริงความเสียหายชัดๆ ก็จะมีแค่เจ้าของรถที่ถูกยึด กับไฟแน้นส์ที่ต้องยึดรถมาขาย และฟ้องเงินที่เหลือกลับมา

แต่มันมีความเสียหายที่แฝงอยู่ คือรถต้องมีที่เก็บและต้องเก็บอย่างไม่ให้มันเสื่อมค่าด้วย ตรงนี้มีค่าใช้จ่าย

นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกบานเบอะ

 

รวมทั้งเงินฝากของประชาชนที่เอามาปล่อยกู้รถยนตร์

 

ในสถานการณ์ปกติ ยึดรถแค่เดือนละร้อยคัน มันก็ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่ใหญ่โตอะไร

แต่ต้องยึดรถ หรือเปลี่ยนสัญญาทั้ง 58 ไฟแน้นส์นี่มันอีกสเกลนึง

ที่สำคัญมันมีค่าเสื่อราคาแจมเข้ามาระหว่างจัดการประมูลอีก...บล่าๆๆๆๆ พวกนี้ปรส. รับไม่ไหวหรอก

 

คนที่เข้าประมูลสินเชื่อรถยนตร์ก็ชำนาญกว่าปรส.

คุณคิดว่า อมเรศ วิชรัตน์ ณรงค์ หรือพวกไวท์คอล่าร์ที่บริหารปรส. จะรู้เรื่องพวกนี้หรือ

จะรู้เรื่องที่ดินทั้งหมดที่รับจำนองไว้

รู้เรื่องบ้านทั้งหมดที่ผ่อนชำระ

หรือรู้เรื่องของมีค่าที่ 56 ไฟแน้นส์เป็นเจ้าของ หรือแม้แต่ตู้ โต๊ะ คอม แอร์ ตู้เย็น....บล่าๆๆๆๆๆ ที่ยึดไว้ละหรือ

 

เรียกพวกผู้เชี่ยวชาญพวกนี้มาช่วย บอกว่าช่วยขายรถยนตร์มือสองให้หน่อย

สหการประมูลจะตีราคาให้สูงหรือ ก็ต้องตีต่ำให้คนประมูลไล่ราคากัน คนประมูลก็รู้ว่าไม่ต้องทุ่ม ของมีแยะ ไม่ซื้อก็แค่ขาดทุนกำไร

 

สรุปก็คือ ไอ้ตัวแดงของแต๋มน่ะ เขียนยังงัยก็ได้ แต่ทำจริงน่ะ ทำไม่ได้

เหมือนทักษิณเลย

[amplepoor]

เพราะฉะนั้น มูลหนี้ 8 แสนล้าน

ที่ชอบเอาไปเรียกผิดๆ ว่าทรัพย์สินแปดแสนล้านนั้น

 

ที่จริงมันเป็นตัวเลขปลอม ๆ

 

ที่ดินไม่มีราคาเพราะทำหลักฐานเท็จราคาอาจจะสามสิบล้าน

แต่ให้กู้ซะสองพันล้าน ก็เอาเงินฝากประชาชนหนึ่งพันเก้าร้อยเจ็ดสิบล้านเข้ากระเป๋า

 

ถามว่า พวกที่โจมตีปรส. และอมเรศน่ะ

สามารถขายที่ดินนี้ ให้ได้เงินสองพันล้านมาคืนประชาชนใหม

 

 

ทุด

[วันดี]

ฟังผู้ใหญ่ว่า เป็นเวรกรรมประเทศไทย

คนที่ทำให้พัง ก็คือ ชวลิต และทักษิณ ที่เป็นรัฐบาล ไปต่อสู้ค่าเงินบาท จนเงินหมดคลัง แล้วในที่สุดต้องลดค่าเงินบาท

 

แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย คนไทยทั้งชาติช่วยกัน ขายดอลล่าร์เพื่อช่วยชาติ กลับมีบางคนเลวชาติ เอาเงินบาทไปทุ่มซื้อเงินดอลล่าร์อย่างมหาศาล

 

ประเทศไทยก็เจ๊ง และให้ลูกหลานจำไว้ คนนั้นก็คือ ทักษิณ ได้กำไรจากการลดค่าเงินบาท ถึง 5000 ล้านบาท คนเดียว

แต่คนทั้งชาตเสียหายอย่างร้ายแรง คนเป็นรองนายกรัฐมนตรี รู้ข้อมูลภายใน ไม่รับผิดชอบต่อประเทศ เห็นแก่ตัว .

[amplepoor]

วันดี, on 01 Apr 2013 - 12:00, said:

ฟังผู้ใหญ่ว่า เป็นเวรกรรมประเทศไทย

คนที่ทำให้พัง ก็คือ ชวลิต และทักษิณ ที่เป็นรัฐบาล ไปต่อสู้ค่าเงินบาท จนเงินหมดคลัง แล้วในที่สุดต้องลดค่าเงินบาท

 

แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย คนไทยทั้งชาติช่วยกัน ขายดอลล่าร์เพื่อช่วยชาติ กลับมีบางคนเลวชาติ เอาเงินบาทไปทุ่มซื้อเงินดอลล่าร์อย่างมหาศาล

 

ประเทศไทยก็เจ๊ง และให้ลูกหลานจำไว้ คนนั้นก็คือ ทักษิณ ได้กำไรจากการลดค่าเงินบาท ถึง 5000 ล้านบาท คนเดียว

แต่คนทั้งชาตเสียหายอย่างร้ายแรง คนเป็นรองนายกรัฐมนตรี รู้ข้อมูลภายใน ไม่รับผิดชอบต่อประเทศ เห็นแก่ตัว .

 

มาแก้ข้อมูลนิดหน่อย

 

ตอนที่เริ่มสู้ค่าเงิน หัวขบวนคืออำนวย ตอนนั้นทักษิณอยู่วงนอก

สู้กันหลายครั้ง ชุดแรกนั้นไทยชนะ อำนวยถึงกับเปิดไวน์ฉลอง

 

แต่มีไส้ศึกบอกไปยังเฮดจ์ฟันว่า เงินในกระเป๋าเรามีเท่าไหร่

โซรอสก็เลยรวบรวมเงิน ทุ่มสู้อีกครั้ัง จนชนะ

 

ตอนนี้เราก็หมดทางสู้ ต้องขอให้ IMF ช่วย

เป็นธรรมดาครับ อำนวยก็ต้องลาออกไป ทีมใหม่ก็เข้ามา

เข้ามาแล้วก็เป็นเหมือนตรายาง IMF สั่งอย่างไรก็ต้องทำตาม

 

จะเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า สมมติคุณวันดีเปิดบริษัท มีรายได้ประจำ

อยู่มาวันหนึ่ง นักบัญชีโกงเงินไปหมด ทั้งบริษัทเหลือเงินไม่พอจ่ายเงินเดือน ค่าน้ำค่าไฟ

ก็ต้องกู้เงิน เจ้าของเงินก็ต้องส่งคนมาตรวจบัญชีว่าเสียหายเท่าไหร่ มัปัญญาจ่ายคืนใหม

 

เขาสำรวจเสร็จเขาก็วางเงื่อนไข คุณวันดีก็ต้องทำตาม

เขาให้ขายโต๊ะเก้าอี้ทิ้ง ให้งดแอร์ใช้พัดลม รถประจำตำแหน่งก็ขายทิ้ง....บล่าๆๆๆๆ

ทั้งหมดเพื่อที่ให้กิจการเดินได้แล้วเอารายได้ข้างหน้ามาชดเชย

แล้วก็ต้องเปลี่ยนผู้บริหาร เอาคนที่เขาไว้ใจเข้ามาทำแทน

 

ดังนั้น ที่ทนงเข้ามาแทนอำนวย ทักษิณเข้ามาเป็นรองนายก โภคินขึ้นมาคุมกฏหมาย

ทั้งหลายเหล่านี้ก็ล้วนแต่ IMF อนุมัติทั้งนั้น

 

IMF เขาอนุมัติเงินกู้ด้วยความมั่นใจว่า จัดระเบียบประเทศแล้ว เขาจะได้เงินคืน

เพราะฉะนั้น ที่ทักษิณมาอวดว่าปลดหนี้ IMF น่ะ หลอกลวง หนี้นี้ยังงัยก็ปลดได้ตามแผน

 

แตที่ธารินทร์ ไม่เบิกเงิน 4 งวดสุดท้ายนี่สิ ของจริง

เพราะมันประกาศชัดว่า ไม่ต้องการเงินจาก IMF อีกต่อไป

หมายความว่า ความวินาศจากฝีมือจิ๋วนั้น

 

ธารินทร์หยุดมันได้แล้ว

[puggi]

ขอยกตัวอย่างง่ายๆ นะ ไอ้แต๋ม

 

ที่ดินผืนนึง  ราคาตลาดตั้งต้นที่ 100 บาท   แต่ว่าโดนปั่นฟองสบู่ไปเป็น 800 บาท 

 

วันที่ ปรส เข้ามายึดไป  มาอ้างมูลค่าที่ 800 ไม่ได้ เพราะว่าราคาตลาดจริง มันต่ำกว่านั้น  คงไม่มีใครมาประมุลซื้อที่ 800 หรอก ***

 

เรื่องง่ายๆ    

 

ที่บอกได้ เพราะบ้านผมก็ไปประมุลที่ดิน หลายผืนจากกรมบังคับคดีมา   บางผืน ราคาประเมินอยู่ 4 ล้าน แต่เคยถามเจ้าหน้าที่แบงค์ว่า ตอนนั้นราคาเท่าไหร่ เค้าบอกว่ามันปั่นไปเกือบ 10 ล้านบาท ไม่มีใครซื้อหรอก เค้ารอ ประมูลรอบ 3 ที่ราคาลด 50% ของราคาประเมิน

[ความรู้น้อย]

ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลยครับขอบพระคุณมากๆๆเลยครับ

[ความรู้น้อย]

อยากให้คุณนามิ มาคุยเรื่องนี้กับคุณampด้วยจังเห็นแกบอกจบจากเศรษฐศาสตร์และทำงานในสายงานนี้ น่าจะมีความรู้เรื่องนี้พอสมควรนะครับ

จะได้ข้อสรุปสักทีว่าใครกันแน่ที่ผิดเรื่องนี้นะครับ

[ก๊องส์ไข่กวน]

เช้าๆๆ

กินข่าว

ก่อน

กินข้าว

[raksthaban]

มันคือ แผนล้มทุนวัง ทุนอำมาตย์  เพื่อคว่ำอำนาจเก่าให้จมลง ปูทางให้อำนาจใหม่เข้ามาแทนที่  

 

แต่ยังโชคดี ที่กลุ่มอำนาจเก่า ยังเหลือค้าง มายันสู้ได้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าวันนั้น พังกันหมด คงจะแย่กว่านี้ 

[55555]

amplepoor, on 01 Apr 2013 - 06:41, said:

55555, on 01 Apr 2013 - 06:22, said:

 

ปล. ถ้าจะอ้าง ปรส. 3 

       ต้องหน้าด้านเอามาก ๆ 

 

       ไปดูชื่่อ คณะ กรรม ปรส. 3 ก่อนดีกว่าม่ะ.....ว้าว...มีชื่อ ดูสิต ศิริวรรณ ...ผู้ต้องหาคดีหมิ่น คู่หูลุงหมัก ซะด้วย...ยังแถมอีก สองสามชื่อ ไปหาดูเอาละกัน

 

 

 

ถึงบอกงัยครับ ว่าแต๋มมาโพสต์พลีชีพแท้ๆ

ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยซักนิด แค่ก๊อบแปะ ๆ ของคนอื่น

 

ปล

ขอแก้หน่อยนะครับ ต้องใช้ว่ารายงาน ศปร มี 3 ชุด

ผมไม่เชื่อถือเลยสักชุด เพราะมาจากการเมือง เพื่อการเมืองโดยแท้

 

ขอบคุณครับ..

 

ผมหมายถึง ศปร.3 จริง ๆ

 

 

ความจริง มีอยู่ทู้หนึ่ง คุณจี ทำสรุปไว้

 

ดูเหมือนที่ประมูลได้ส่วนใหญ่ มากกว่า เจ็ดแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เป็น บบส.

 

อาจมีสมาชิก เซฟ ไว้ ...

Edited by 55555, 3 April 2013 - 01:19.

[ก๊องส์ไข่กวน]

มาอ่านต่อ

[eAT]

กระทู้นี้ดีนะครับ ผมลืมไปหลายเรื่องมาก ได้ทบทวนความทรงจำ

อย่างที่ดินที่โดนปั่น แล้วขายในราคาเดิมๆ แล้วโดนโจมตีว่า ขายขาดทุน

ผมอ่านมาหลายรอบ แต่ก็ยังลืม

 

ส่วนฟองสบู่ ผมอ่านหลายความเห็น ส่วนใหญ่ฟังธงไปที่ "น้าชาติ"

นะครับ ตอนเริ่มต้นฟองสบู่

 

ส่วน BIBF ถ้าเป็นต้นเหตุจริง ทำไมจิ๋งไม่เลิก? เป็นคำถามที่

พวกมีแต่ "ไขสันหลัง" ตอบไม่ได้สักที

[55555]

http://news.sanook.c...omic_170710.php

 

**ใครทาบเป็นประธานปรส..

 

" คือคุณธานินท์(ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รมว.คลังในรัฐบาลชวน หลีกภัย ) อ้างว่า ผมมีแบล็คกราวด์มากกว่าคนอื่น เพราะผมเคยเป็นประธานในชุดของคณะกรรมการกำกับควบโอน 56 ไฟแนนซ์มาก่อน ๆที่มาเป็นปรส. และที่สำคัญตอนที่ผมรับปาก รับเพราะแต่แรก ดร.โกร่ง ( ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ) มาพูดกับผม เพราะ 56 ไฟแนนซ์มันล้มหมดแล้ว เค้าหาคนที่เก่งและที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 56 ไฟแนนซ์เกือบไม่ได้ คนที่รู้เรื่องการเงินไม่เหลือแปดเปื้อนไปหมด

 

และคุณรู้ไหมว่าตอนนั้น เรามีทุนสำรองระหว่างประเทศเพียง 5,000-6,000 ล้านดอลลาร์ ฯ เท่ากับการนำเข้าเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น เขา(ดร.โกร่ง) บอกว่าทุนสำรองเหลือแค่อาทิตย์เดียว นั่นหมายความว่าประเทศเจ๊งแล้ว จะเปิดแอลซียังไม่ได้ ถ้าเกิดต่างประเทศ แบงค์เมืองนอกรู้ขึ้น ทุกอย่างจบแน่ ผมจึงได้รับไว้ ไม่อย่างงั้นก็ไปอังกฤษแล้ว"

 

*คิดไหมว่าจะมีวันนี้

 

ไม่คิด แต่ถึงรู้ว่ามีวันนี้ ก็ต้องรับเพราะว่าในขณะนั้นสถานการณ์บ้านเมืองมันวิกฤติจริง

[Lincoln16]

ขอบคุณข้อมูล

[amplepoor]

55555, on 03 Apr 2013 - 02:09, said:

http://news.sanook.c...omic_170710.php

 

**ใครทาบเป็นประธานปรส..

 

" คือคุณธานินท์(ธารินทร์ นิมมานเหมินท์ รมว.คลังในรัฐบาลชวน หลีกภัย ) อ้างว่า ผมมีแบล็คกราวด์มากกว่าคนอื่น เพราะผมเคยเป็นประธานในชุดของคณะกรรมการกำกับควบโอน 56 ไฟแนนซ์มาก่อน ๆที่มาเป็นปรส. และที่สำคัญตอนที่ผมรับปาก รับเพราะแต่แรก ดร.โกร่ง ( ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ) มาพูดกับผม เพราะ 56 ไฟแนนซ์มันล้มหมดแล้ว เค้าหาคนที่เก่งและที่ไม่เกี่ยวข้องกับ 56 ไฟแนนซ์เกือบไม่ได้ คนที่รู้เรื่องการเงินไม่เหลือแปดเปื้อนไปหมด

 

และคุณรู้ไหมว่าตอนนั้น เรามีทุนสำรองระหว่างประเทศเพียง 5,000-6,000 ล้านดอลลาร์ ฯ เท่ากับการนำเข้าเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น เขา(ดร.โกร่ง) บอกว่าทุนสำรองเหลือแค่อาทิตย์เดียว นั่นหมายความว่าประเทศเจ๊งแล้ว จะเปิดแอลซียังไม่ได้ ถ้าเกิดต่างประเทศ แบงค์เมืองนอกรู้ขึ้น ทุกอย่างจบแน่ ผมจึงได้รับไว้ ไม่อย่างงั้นก็ไปอังกฤษแล้ว"

 

*คิดไหมว่าจะมีวันนี้

 

ไม่คิด แต่ถึงรู้ว่ามีวันนี้ ก็ต้องรับเพราะว่าในขณะนั้นสถานการณ์บ้านเมืองมันวิกฤติจริง

 

ขอบคุณครับ คงจะชัดเจนแล้วนะครับ ว่าโกร่งคือคนเลือกอมเรศ

ที่จริงมีคำให้การของโกร่งที่ตรงกันด้วย แต่ผมขี้เกียจหา

 

และเพราะประโยคนี้ ผมจึงไม่เทกระเป๋าด่าอมเรศ

เขา(ดร.โกร่ง) บอกว่าทุนสำรองเหลือแค่อาทิตย์เดียว นั่นหมายความว่าประเทศเจ๊งแล้ว จะเปิดแอลซียังไม่ได้ ถ้าเกิดต่างประเทศ แบงค์เมืองนอกรู้ขึ้น ทุกอย่างจบแน่ ผมจึงได้รับไว้ ไม่อย่างงั้นก็ไปอังกฤษแล้ว"

[พอล คุง]

กระทู้่นี้เป็นกระทู้ขุดหลุมฝั่งศพ แต๋ม

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

[amplepoor]

eAT, on 03 Apr 2013 - 01:48, said:

กระทู้นี้ดีนะครับ ผมลืมไปหลายเรื่องมาก ได้ทบทวนความทรงจำ

อย่างที่ดินที่โดนปั่น แล้วขายในราคาเดิมๆ แล้วโดนโจมตีว่า ขายขาดทุน

ผมอ่านมาหลายรอบ แต่ก็ยังลืม

 

สินทรัพย์ปลอม คือพวกที่ดินค้ำประกันเงินกู้ ที่พวกนี้ค้างอยู่ในบบส. เป็นกระสอบ

สินทรัพย์เสื่อมค่าเร็ว คือรถยนต์

ถ้าไม่รีบขาย ปรส. จะเจอปัญหา

 

1 ตั้งทีมไล่ล่ายึดรถ รถมันวิ่งอยู่ทั่วประเทศนะ

2 ยึดมาแล้วต้องมีที่เก็บ ค่าเอารถมาเก็บกับค่าเก็บรถ อาจจะแพงกว่าตัวรถ

3 ต้องทำการประเมินสภาพก่อนกำหนดราคา

4 ต้องทำการขายทอดตลาด

5 มีงานเอกสารที่เกี่ยวข้องมากมาย

 

ตามข้อเท็จจริงนี้ ดีที่สุดคือขายสัญญาออกไป เอาเงินสดมา

ปล่อยให้คนประมูลชนะ รับภาระ 5 ข้อเอาเอง

ผมไม่รู้ว่าอมเรศสู้คดียังงัยถึงแพ้ แล้วไม่รู้ว่าเป็นใบสั่งให้มีแพะหรือเปล่า

เพราะปรส เป็นหน่วยงานของรัฐ อัยการต้องเป็นคนทำคดี

 

ในประเทศไทย อัยการ ตำรวจ โจร มีค่าเท่ากัน

[amplepoor]

พอล คุง, on 03 Apr 2013 - 03:47, said:

กระทู้่นี้เป็นกระทู้ขุดหลุมฝั่งศพ แต๋ม

 

ห้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

 

แต๋มเปิดศึกหลายด้าน ผมว่าเขาก็สู้เต็มที่ครับ

แต่ดูเหมือนจะไม่แม่นข้อกฏหมาย ยังงัยก็รอการโต้แย้งเสมอ

 

แต๋มสู้ๆ

[กาลามชน]

จิ๋วตั้ง ปรส

ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

[HiddenMan]

กาลามชน, on 05 Apr 2013 - 03:34, said:

จิ๋วตั้ง ปรส

ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

 

 ยังไง?

[overtherainbow]

มา อยากรู้เหมือนกัน

[พอล คุง]

HiddenMan, on 05 Apr 2013 - 03:36, said:

กาลามชน, on 05 Apr 2013 - 03:34, said:

จิ๋วตั้ง ปรส

ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

 

 ยังไง?

 

อยากรู้เหมือนกันครับ

 

ว่ายังไง

[หนูอ้อย]

 

กาลามชน, on 05 Apr 2013 - 03:34, said:

จิ๋วตั้ง ปรส
ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

 
สรุปว่าจิ๋วเป็นคนเอาประเทศไทยไปเข้าไอเอ็มเอฟละสิ

[amplepoor]

กาลามชน, on 05 Apr 2013 - 03:34, said:

จิ๋วตั้ง ปรส

ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

 

เห็นลายเซ็นบอกว่า ขออภัย...ผมไม่โต้กับผู้ที่พยายามจะเอาชนะด้วยโวหาร

ก็อยากถามว่า  จิ๋วตั้ง ปรส ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

เป็นโวหารหรือเปล่า

 

ถ้าไม่ใช่โวหาร ก็ต้องบอกรายละเอียดได้

ถ้าบอกไม่ได้ ก็ขอให้ลบลายเซ็นต์ซะ หรือจะเปลี่ยนเป็น

 

ขออภัย ผมได้แต่เห่า ผมไม่กัดครับ

[กาลามชน]

อย่างไร? ขอให้รอดูผลสรุปอย่างเป็นทางการของ ปปช ที่จะประชุมวันที่ 17 เมย.

[HiddenMan]

กาลามชน, on 05 Apr 2013 - 03:34, said:

จิ๋วตั้ง ปรส

ชวนเป็นคนเอา ปรส ไปใช้ในทางมิชอบ

 

 

 

กาลามชน, on 05 Apr 2013 - 08:40, said:

อย่างไร? ขอให้รอดูผลสรุปอย่างเป็นทางการของ ปปช ที่จะประชุมวันที่ 17 เมย.

 

 

 

สรุปว่ากะลาชนเห่าอย่างเดียว...