เห็นนักข่าวเขมรเหิมหยามไทยเขียน "หมาเห่าไม่กัด" แล้วทำให้นึกถึงบทกลอนอาจารย์ "ม.ร.ว.คึกฤทธิ์" ที่ได้เขียนลงไว้ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ว่า เป็นเจ้าไม่มีศาลเข้ามาพึ่งใบบุญไทยแล้วลูกหลานกลับ "เนรคุณ"
จากกรณีที่เมื่อเช้าวันที่ 31 ม.ค.54 มีผู้รายงานว่า ขณะที่กองทัพกัมพูชานำขบวนรถถังและรถเกราะวิ่งผ่านเมืองต่างๆได้มีประชาชนชาวเขมรออกมายืนโบกมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้อง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารกัมพูชาที่เคลื่อนรถถังหุ้มเกราะเข้าประชิดชายแดน โดยสื่อกัมพูชายังรายงานอีกว่าทหารกัมพูชาทุกคนจะปกป้องแผ่นดินกัมพูชาไม่ให้ทหารไทยเข้ามาบุกรุกหรือรุกรานอย่างเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ชาวเขมรในฝั่งปอยเปต จำนวนมากแห่เข้าไปในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ เพื่อเข้าไปดูเวปไซด์ www.dap-news.com ของหนังสือพิมพ์เดิมอัมปรึล(หนังสือพิมพ์ต้นมะขาม)ของกัมพูชา เพื่อเข้าไปอ่านบทความของ "นายซอย โซะเพียบ" นักข่าว น.ส.พ.เดิมอัมปรึล ที่เขียนบทความคอลัมภ์ “หมาเห่าไม่กัด” โดยเขียนเปรียบเปรยว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนหมาที่เห่าแต่ไม่กัด กรณีประเทศไทยขนทหารพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์มาซ้อมรบบริเวณใกล้ชายแดนปราสาทพระวิหาร ส่วนกัมพูชาเปรียบเสมือน หมาที่ไม่เห่า แต่กัด และจะกัดแบบสุด ๆ ด้วย
จากบทความดังกล่าวทำให้นึกถึงบทกลอนที่ "อาจารย์ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช" อดีตนายกรัฐมนตรี เคยเขียนบทกลอนเอาไว้ในหนังสือพิมพ์ สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2502 ชื่อ “ถกเขมรปี 2502” ว่า
“สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล
เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน
กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน
คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป
อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้
ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด
เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด
สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี
ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่
คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน
หากไทยจำลำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น
ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วง นั้นคือใครที่ไหนมา
เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า
ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง
ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่าจองหอง
เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา
ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา
ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป
มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลาน กลับเนรคุณได้
สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย"
ที่มา http://www.siamrath....b/?q=node/28128
พี่ปอง อัญชลี พึ่งพูดถึงกลอนนี้ ในรายการร้อยข่าวบลูสกาย เช้าวันนี้ค่ะ