Jump to content


Photo

ที่มาของคำว่าดอกทอง


  • Please log in to reply
24 ความเห็นในกระทู้นี้

#1 คนดีทั่วไป

คนดีทั่วไป

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 99 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:00

ผมเห็น Mod สนับสนุนกระทู้ที่ให้ความรู้แล้วรู้สึกชื่นใจ เลยอยากเผยแพร่ความรู้บ้าง
กระทู้นี้ผมอยากเสนอที่มาของคำว่าดอกทองที่สมาชิกพูดถึงกันในกระทู้มนุษย์สองเพศ ว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร
โดยประสบการณ์ส่วนตัวที่มาจากครอบครัวแต๊จิ๋ว ผมเชื่อว่าคำนี้มาจากภาษาแต๊จิ่ว "หล่อกท้อง" (อ่านตามเสียงที่เคยได้ยินมา) ซึ่งคนแก่เอาไว้ด่าลูกหลานที่เป็นผู้หญิง ใช้คู่กันกับคำว่า "เก๋าเจ้ง" ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ด่าลูกหลานผู้ชายด้วยความเอ็นดูแกมหมั่นไส้
 
คำว่าหล่อกท้องสำหรับคนแต๊จิ๋วสมัยผมเด็กๆ หากเทียบกันแล้ว น้ำหนักเท่ากับที่คนใต้ใช้ด่าลูกหลานว่า "อ้อล้อ" ซึ่งใช้ด่าเด็กๆ ด้วยความเอ็นดูแกมหมั่นไส้เช่นกัน
 
อันนั้นคือความเห็นส่วนตัวของผม คราวนี้มาดูความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาษากันบ้าง
 
ขอคัดลอกมาทั้งหมดแล้วกัน เพื่อไม่ให้มันตกหล่น
 
นิราศกวางตุ้ง ซึ่งแต่งโดย พระยามหานุภาพ เมื่อครั้งเดินทางไปเมืองกวางโจว (กวางเจา) พ.ศ.2324 พระยามหานุภาพ พาดพิงถึง หลวงราไชย ว่าได้ติดโรคผู้หญิง (กามโรค) จากหญิงคณิกา จนต้องเก็บตัวไม่กล้าออกพบผู้ใด เนื้อหาในกลอนบทนั้นมี ความว่า 
 
“ที่ภักดีโดยการก็งานเปลือง 
ไม่ยักเยื้องกริยาเหมือน “ราไชย” 
เมื่อท่านยุกรบัตรหาปรึกษาของ 
ก็ปิดป้องโรคาไม่มาได้ 
เอาอาสัจที่วิบัตินั้นบอกไป 
พะวงใจอยู่ด้วยรักข้างลักชม 
อีดอกทองราวทองธรรมชาติ 
พิศวาสมิได้เว้นวันสม 
จนโรคันปันทบข้างอุปทม 
เสน่หาส่าลมขึ้นเต็มตัว” 
 
คำว่า "ดอกทอง" เป็นคำหยาบ ใช้ด่าว่าผู้หญิงที่มีพฤติกรรมสำส่อน นอนกับผู้ชายไม่เลือกหน้า แต่ถ้าผู้ชายทำพฤติกรรมแบบเดียวกันมักได้รับคำชมว่าเป็น "ชายชาตรี" คำว่า "ดอกทอง" พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ให้ความหมายไว้ว่า: ดอกทอง น. หญิงใจง่ายในทางประเวณี (เป็นคำด่า). คำว่า ดอกทอง ภาษาบาลี ใช้ว่า สุวรรณมาลี แต่เมือพิเคราะห์ นาง "สุวรรณมาลี" ในเรื่องพระอภัยมณี ก็ไม่ได้มีพฤติกรรมดอกทอง 
 
ธนเชษฐ์ วิสัยจร (อักษรศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ในนามปากกา เชษฐภัทร อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้อรรถาธิบาย คำว่า ดอกทอง ความว่า 
 
ดอกทอง เป็นภาษาจีนแต้จิ๋วว่า คำว่า "หลกท่ง" แปลว่า แดงเหมือนเหล็กเผาไฟ/อวัยวะเพศร้อน ก็ว่า ใช้บริภาษลูกสาวหรือหลานสาวที่แสดงกิริยาม้าดีดกะโหลก ซึ่งก็มีทั้งด่าแบบเอ็นดูตามแบบคนจีน และด่าแบบเอาจริงเอาจัง 
 
เกวลิน วรุณโสภณ นักวิชาการศึกษา โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) ให้ทรรศนะที่ขัดแย้งว่า คำว่า หลกท่ง น่าจะเป็นคำทับศัพท์ที่คนจีนแต้จิ๋วยืมไปจากไทยคำว่า "ดอกทอง" หากแปลกลับเป็นภาษาจีน จะได้คำว่า "กิมฮวย ซึ่งจะไม่ได้มีความหมายเป็นคำด่า แต่หมายถึง "ดอกไม้สีทอง หรือ ดอกไม้ทองคำ" ดังนั้น คำ "ดอกทอง" นี้จึงอยู่เฉพาะบริบทสังคมไทย-จีนแต้จิ๋วเท่านั้น 
 
ทว่า เมื่อพูดถึงดอกทอง ข้าพเจ้านึกถึงทรรศนะของ รศ. ยุพร แสงทักษิณ (อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาและวรรณคดี ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอาจารย์พิเศษ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณปัจจุบัน เกษียร อายุราชการแล้ว) ท่านได้อรรถาธิบายที่มาของคำว่า ดอกทอง ไว้ในหนังสือชื่อ รุ้งอักษร :เส้นสายสีแสงแห่งภาษาและวรรณคดี รศ. ยุพร แสงทักษิณเชื่อว่า สีแดงนี้ เป็นสัญลักษณ์ของพระแม่กาลี หรือ กาลิกา (กาลราตรี) ภาคของพระแม่กาลี นี้พระนางเป็นเทวีที่มีผิวพรรณดำสนิท มีวรกายอ้วนใหญ่ปล่อยผม สยายยาว ประบ่ามิได้รวบขึ้นรัดเกล้าไว้ พระแม่กาลี มี ๑๐ แขน มีอาวุธร้ายถืออยู่ในทั้ง ๑๐ มือนั้น และที่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลหยดเป็นทางยาว และประดับเครื่องแต่งองค์อาภรณ์ไปด้วยสังวาลสายที่ร้อยไว้ด้วยมือ คนที่ตัดมาจากการฆ่าอีกทั้งยังมีงูตัวใหญ่ร้อยคาดองค์ดั่งสังวาลเช่นกัน มือหนึ่งใน ๑๐ มือของเจ้าแม่กาลีนี้ได้ถือหัวกระโหลกบ้าง บางแห่งก็ว่าไว้ว่าถือหัวยักษ์ชื่อ มาธูอสูร ซึ่งตัดใหม่มีเลือดหยดเป็นรอยไหลเป็นทาง ซึ่งตำนานกล่าวไว้ว่าพระกาลีได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับมาธูอสูร ที่เคยได้รับพรจากพระศิวะว่าให้มีชีวิตเป็นอมตะ หากเลือดมาธูอสูรตกลงถึงพื้นดินก็จะเกิดเป็นอสูรอีกมากมายไม่สิ้นสุด ดังนั้นพระศิวะจึงได้ประทานวิธีให้พระแม่กาลีได้ดื่มเลือดอสูรทุกครั้งโดยที่ยังไม่ทันได้ตกลงถึงพื้นดิน มาธูอสูรจึงถึงแก่ความตายในที่สุด เหตุนี้ปางที่ดุร้ายอย่างพระแม่ทุรคาและพระแม่กาลีจึงกลับเป็นที่นิยมบูชากันมาก เพราะเชื่อว่าทรงพลังอำนาจในการให้พรผู้บูชา ถ้าผู้ใดบูชาจนพระนางพอพระทัยก็จะประทานพรมากมาย พระแม่กาลีในภาคนี้มีความดุร้าย***มโหดเป็นยิ่งนัก โปรดที่จะเสวยเลือดและเห็นคนถูกฆ่าตายเพื่อบูชายัญ เชื่อกันว่าหากจะให้พระแม่กาลีลดความโหดร้าย ต้องประกอบพิธีตันตระขึ้น พิธีตันตระคือพิธีการเสพสังวาสหมู่เพื่อถวายสักการบูชาพระแม่กาลี พระแม่จะโปรดมากและจะหยุดความดุร้ายลงได้ชั่วคราว พิธีตันตระ ปฏิบัติโดย ให้หมู่ชายหญิงผู้ศรัทธา ปสาทะ เข้าโบสถ์หรือที่อันรโหฐานแล้วปิดไฟให้มืดมิด จากนั้นให้ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงค่อย ๆ เอื้อมมือคลำไขว่คว้าหากันหากคลำได้ถูกคู่นั้นก็จะต้องเสพสังวาสกันโดยมิเลือกว่าจะเป็นญาติสนิทมิตรสหาย หรือแม้แต่พ่อแม่พี่น้องกันก็ต้องกระทำการสมสู่กัน ในคัมภีร์โบราณเล่าว่ายิ่งถ้าเป็นแม่เป็นลูก เป็นพ่อเป็นลูก หรือเป็นพี่น้องกันหากได้เสพสังวาสกันในพิธีตันตระนี้ก็จะทำให้ได้บุญมาก เพราะพระแม่กาลีจะโปรดปรานมากเป็นพิเศษ 
 
พระแม่กาลี ต่อมาอาจถูกใช้จึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำส่อน (ข้าพเจ้าอนุมานว่า ภายหลังคำว่า กาลี ถูกใช้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบริภาษผู้หญิงที่ประพฤติตนสำส่อน ว่า กาลี/กระหรี่ ก็เป็นได้) 
 
สำหรับ คนอินเดียตอนใต้ในสมัยก่อน จะร้อยดอกชบาเป็นพวงมาลัยสำหรับสวมคอนักโทษ ที่จะถูกประหารชีวิต และเมื่อมีพิธีสรงสนานเจ้าแม่กาลี จะมีดอกชบา ลอยน้ำรวมกับหญ้าแพรก ใบมะตูม 
 
จดหมายเหตุลาลูแบร์ (Du Royaume de Siam) ซึ่งเป็นจดหมายเหตุพงศาวดารที่กล่าวถึงราชอาณาจักรสยามในปลายรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พ.ศ. 2230 โดย มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ อัครราชทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาทูลพระราชสาส์น ณ ประเทศสยาม ได้บันทึกไว้ว่า “หญิงคนเดียวมันทำชู้ด้วยชายคนหนึ่งก่อนแล้วหญิงนั้นมาทำชู้ด้วยชายคนหนึ่งเล่า ชู้ก่อนมันฟันแทงชู้หลังตายก็ดี ชู้หลังมันฟันแทงชู้ก่อนตาย ก็ดี ท่านว่าเป็นหญิงร้าย ให้ทวนมัน 30 ที แล้วให้โกนศีรษะหญิงนั้นเป็นตะแลงแกง ทัดดอกชะบา สองหูขึ้นขาหย่างประจาน 3 วัน ในบางกรณีก็จะร้อยดอกชบาเป็นพวงมาลัยสวมคอหญิงชายที่ทำชู้ นั้นด้วย และยิ่งถ้าผู้หญิงที่เป็นราชบาทบริจาริกกาของพระมหากษัตริย์ ลอบมีชู้จะถูกให้ลอบสังวาสกับม้า และให้ประหารชีวิต หรือสั่งให้เสือขบ สำหรับกรณีทั่ว ๆ ไป สามีอาจขายภรรยาที่คบชู้ไปเป็นโสเภณี ส่วนชายชู้ซึ่งถือว่าเป็นจำเลยที่ทำผิดร่วมกันกลับได้รับโทษที่เบากว่าผู้หญิงที่กระทำผิด 
 
ในกฎหมายตราสามดวง หรือประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1 จุลศักราช 1166 เป็นกฎหมายที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงโปรดเกล้าฯ ให้คณะนักปราชญ์ราชบัณฑิตจำนวน 11 คน นำตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้กันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นมาทำการชำระครั้งใหญ่ แล้วเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2348 ได้ ระบุโทษในการมีชู้ของเมีย คือสามีสามารถฆ่าชายชู้และเมียตัวเองได้โดยไม่ต้องรับโทษใด ๆ และสามีมีสิทธิยึดทรัพย์ทั้งหมดของภรรยา หรืออาจใช้วิธีการประจานโดยกฎหมายอนุญาตให้เอาปูนเขียนใบหน้าเมียที่มีชู้ เอาดอกชบาแดงทัดสองหูและร้อยเป็นมาลัยใส่ที่ศีรษะและคอ แล้วให้คนตีฆ้องนำหน้าประจานไปทั่ว 
 
ทว่า รศ. ยุพร แสงทักษิณ กลับปักใจอีกทฤษฎีหนึ่งที่ว่า คำว่า ดอกทอง น่าจะมาจากคำผวน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับเอกสารประกอบการสัมนาวิชาการเรื่อง วัฒนธรรมพื้นบ้านเพชรบุรี แนวคิดบางประการในการศึกษาคติชนวิทยา วันที่ 10 กันยายน 2533 ณ วิทยาลัยครูเพชรบุรี 
 
รองศาสตราจารย์ ดร.ประจักษ์ สายแสง ผู้เชี่ยวชาญด้านคติชนวิทยา (folklore studies) แห่งมหาวิทยาลัยนเรศวร ไอ้อรรถธิบายเกี่ยวกับเรื่องคติชนวิทยาไว้ความว่า คนไทยไม่ชอบอะไรที่ขัดตาหรือมีความหมายส่อไปทางอวัยวะเพศ แม้แต่คำธรรมดาที่ผวนกลับมาเกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศก็ยังคงต้องหลีกเลี่ยง ตัวอย่าง เช่น 
 
ผักบุ้ง หลีกเป็น ผักทอดยอด 
ถั่วงอก หลีกเป็น ถั่วเพาะ 
ดอกกะทือ ดอกทอง หลีกเป็น อีดอก 
 
หรือแม้แต่คำไม่ผวนได้แต่ส่อลักษณะบางประการก็จำต้องเปลี่ยน เช่น 
 
ไม้ตีพริก เปลี่ยนมาจาก สากกระบือ 
ปลาหาง เปลี่ยนมาจาก ปลาช่อน 
 
ทั้งนี้เพราะทั้ง สากและปลาช่อน มีลักษณะอันส่อความหมายข้างเคียงไปเป็นอย่างอื่นได้ ในเรื่องของการหลีกคำเทียบเคียงกับอวัยวะเพศนั้น บางครั้งก็ทำอย่างสลับซับซ้อนจนหาที่มาได้ยาก นักนิรุกติวิทยาหลายคนจึงหันมารใช้วิธีการทางพื้นบ้านเข้าช่วยในการวินิจฉัยคำ ยกตัวอย่างคำว่า เฒ่าหัวงู คำนี้ข้าพเจ้าเสนอความคลี่คลายไว้ที่พิษณุโลกหลายปีแล้วเช่นกัน ก็ยังไม่มีผู้ท้วงติง คาดว่าน่าจะมีในการนำเสนอครั้งนี้ คำว่า เฒ่าหัวงู แยกได้เป็น เฒ่า และหัวงู คำว่าเฒ่า ไม่จำเป็นต้องหาความหมาย ส่วนคำว่า หัวงู เป็นคำที่ชวนสงสัย หัวงู เป็นคำผวนมาจาก หัวงัวถึงตอนนี้จำจะต้องย้อนกลับไปถึงปริศนาของศรีธนญชัยที่ว่า อะไรเอ่ย รีรีเหมือนใบพลูมีรูตรงกลางข้าง ๆ มีขนคำตอบของปริศนานี้ คือ หูงัว แต่ความหมายเทียบเคียงของ หูงัว คืออะไรก็พอจะทราบกันอยู่ ถ้าไม่ทราบก็คงไม่ใช่ผู้มีธุรกิจทางคติชนวิทยา เฒ่าหัวงู น่าจะหมายถึง เฒ่าหูงัว ในเชิงความหมายเทียบเคียง 
 
(ดอก)ทองกวาว 
 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Butea monosperma (Lam.)Taubert 
วงศ์: LEGUMINOSAE-PAPILIONOIDEAE 
ชื่อสามัญ: Bastard Teak, Bengal Kino, Flame of the Forest[1] 
ชื่ออื่นๆ: กวาว ก๋าว (ภาคเหนือ), จอมทอง (ภาคใต้), จ้า (เขมร), ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองต้น (ภาคกลาง), ดอกจาน (อิสาน) 
 
ชบา 
(ชื่อวิทยาศาสตร์: Hibiscus syriacus L.; Hibiscus chinenis DC. ) เป็นไม้ในสกุล Hibiscus ที่มีความผันแปรทั้งรูปทรงของใบ ลำต้น และดอกมาก ตลอดจนปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย จากความสวยงามของดอกทำให้ได้รับสมญาว่า Queen of Tropic Flower หรือ ราชินีแห่งไม้ดอกเมืองร้อน 
 
ข้าพเจ้าสันนิษฐานว่าคำว่า ดอกทอง(กวาว) และดอกชบา ซึ่งมีสีแดง คนโบราณใช้เป็นสัญลักษณ์ของความสำส่อน ความกาลี พระยามหานุภาพ จึงใช้คำว่า ดอกทอง เป็นสัญลักษณ์ในการเหยียดหยามนางคณิกา ดังกลอนบทที่ว่า 
 
“อีดอกทองราวทองธรรมชาติ 
พิศวาสมิได้เว้นวันสม 
จนโรคันปันทบข้างอุปทม 
เสน่หาส่าลมขึ้นเต็มตัว” 
 
 
สำหรับคำว่า อุปทม ที่ปรากฏอยู่ใน นิราศกวางตุ้ง คือ กามโรค ชนิดหนึ่ง ในคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา อุปทม ( อุปทังสโรค) แบ่งออกได้ ๔ จำพวกดังนี้ 
 
1. อุปทม เกิดเพราะการอักเสบ เนื่องด้วยเสพเมถุนกับสตรีที่ยังไม่มีระดู ข่มขืน กระทำชำเรา ด้วยความกำหนัด สตรีเพศพรหมจารี บุรุษข่มเหงเอาด้วยกำหนัดยินดี ซึ่งสตรีเป็นเพศพรหมจารี นั้น มิรู้รสกำหนัดยินดี ด้วยเปรียบประดุจดังช้างสารตัวใหญ่เข้าไปอยู่ในโพรงอันแคบแล้วจะได้คิดว่าเจ็บปวดนั้นหามิได้ ครั้นออกจากช่องแคลแล้ว กระทำให้เจ็บปวดต่างๆ คือ ให้องค์กำเนิดช้ำนัก เดาะ เป็นหนอง เป็นโลหิตไหลออกมาตามช่องทวารเบาของตนเอง ได้รับความเจ็บปวดเวทนายิ่งนัก คือ ให้แสบร้อน ปัสสาวะไม่สะดวก ให้ลำช่องปัสสาวะบวมขึ้น แล้วก็เป็นหนองไหลออกมาตามช่องทวารเบา 
 
2. อุปทม เกิดเพราะเสพเมถุนกับหญิงแพศยาเป็นกาลกิณีสำส่อน ด้วยกามตัณหา เป็นอาจิณ ( หญิงสัญจรโรค หรือหญิงโสเภณี) เนื่องจากสตรีนั้นคบชู้สู่ชายมาก และช่องสังวาสนั้น ช้ำชอกด้วยกิเลส กามตัณหาเป็นนิจ ด้วยเหตุที่ทวารที่ชุ่มด้วยลามกตัณหานั้น ครั้นชายไปร่วมประเวณีด้วยสตรีนั้น ก็กระทำให้บังเกิดซึ่งโรคสมมุติว่า อุปทม โดยกำลังที่ชุ่มนั้นลำราบดุจน้ำใบไม้ น้ำหญ้าเน่า และมีผู้ไปย่ำน้ำนั้น ก็กัดเอาเปื่อยพังไป เกิดทุกข์เวทนา เป็นอันมาก 
 
3. อุปทม เกิดเพราะโทษดานและกระษัยกล่อน และกาฬมูตร มักเกิดขึ้นตั้งแต่สะดือลงไปถึงหัวเหน่า เรียกว่า โรคสำหรับบุรุษ บังเกิดแก่บุคคลบริสุทธิ์มิได้มักมากในทางกามตัณหา คือสมณะ ภิกษุ สามเณร ภิษุณี พราหมณ์ทั้งหลาย อันมีศีลอันบริสุทธิ์ ไม่ได้เสพเมถุน กับมาตุคามเลย โรคนั้นก็บังเกิดขึ้น ด้วยโทษดานและกระษัยกล่อน ทำให้แสบร้อน ปัสสาวะมิได้ รับประทานยาถูกก็หายไป แล้วกลับเป็นอีก หลายครั้งหลายหน ครั้นนานเข้ามักกลาย เป็นหนอง บุพโพโลหิตไหลออกมาทางช่องทวารเบา ให้เจ็บปวดต่างๆ ผู้ใดเป็นดังกล่าวมานี้ เรียกว่า โรคบุรุษ จะได้เป็นอุปทม นั้นหามิได้ 
 
4. อุปทมเกิดเพราะนิ่ว บุรุษกลายเป็นคชราช มักเกิดที่ปลายองค์กำเนิด แล้วลามเข้าไปในช่องปัสสาวะ องค์กำเหนิดบวมขึ้นแล้วแข็งเข้าเป็นดาน ถ้าสตรี ออกมาแต่ทวารครรภ์เป็นดังดาก สมมุติว่า ดากโลหิต นั้นหามิได้ คือ อุปุทังสโรค ดังกล่าวมานี้ นานเข้าก็ลามมาถึงหัวเหน่า กระทำให้โลหิตเป็นลิ่ม เป็นแท่งออกมา บางทีปลายดากขาดออกมาเหม็นคาวนัก บางทีเป็นหนอง เป็นโลหิตออกมา ให้ปวดหัวเหน่า และท้องน้อย ดังจะขาดใจโรคดังกล่าวมานี้เป็น อติสัยโรค รักษามิได้ ถ้าจะรักษา ก็รักษายาก อุปทม เป็นกามโรคส่วนหนึ่งในกลุ่มนี้อาจมีมะเร็ง เนื้องอกร่วมด้วย เช่น นิ่วเนื้ออุปทม (คชราช) เป็นเนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ ในองคชาติ นอกจากนี้ยังมีโค ไส้ด้วน ไส้ลาม จัดอยู่ในกลุ่มอุปทมนี้ ซึ่งก็น่าจะคิดถึงมะเร็งไว้ด้วย ( จาก ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเวชกรรม เล่ม ๒ โดยกองการประกอบโรคศิลปะ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข หน้า ๑๒-๑๘) 


#2 คนดีทั่วไป

คนดีทั่วไป

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 99 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:02

ทั้งหมดเป็นทีีมาของคำว่าดอกทองหรือหล่อกท่อง หรือหล่อกท้อง ตามที่ผมรู้ และที่ไปค้นมาครับ

ขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ หวังว่าจะได้รับคำชมจาก Mod บ้างนะครับ  :)



#3 Octavarium

Octavarium

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,095 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:05

ดอกกะทือ ดอกทอง หลีกเป็น อีดอก

 

นี่หลีกแล้วเหรอครับ :lol:


       Invoke ExitWindowsEx, EWX_SHUTDOWN | EWX_POWEROFF | EWX_FORCEIFHUNG, SHTDN_REASON_MAJOR_SYSTEM


#4 คนบูรพา

คนบูรพา

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,290 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:07

*
POPULAR

แต่แปลก............พูดถึงคำนี้ทีไร........ทำไมผมนึกถึงแต่ "อีคำผกา" ได้แต่ อีนี้ตัวเดียว....ก็ไม่รู้....

 

เพราะถ้าให้แปล......ชื่อมันก็ตรงๆตัว.....อยู่แล้ว.....

 

คำ = ทอง

 

ผกา = ดอกไม้

 

รวมกันเป็น... "ทองดอกไม้" หรือง่ายๆ ก็คือ "อีคำผกา = อีดอกทอง หัวนมดำ" ...... :D 


ถ้าไม่คิดจะตอบแทนแผ่นดิน ก็จงอย่าทำลาย

#5 คนดีทั่วไป

คนดีทั่วไป

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 99 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:08

ดอกกะทือ ดอกทอง หลีกเป็น อีดอก

 

นี่หลีกแล้วเหรอครับ :lol:

 

 

เมื่อก่อนคำว่าอีมันคงเป็นคำสุภาพ แต่คนสมัยนี้เอามาใช้จนความหมายมันเปลี่ยนเป็นคำหยาบ  :)


Edited by คนดีทั่วไป, 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:08.


#6 Moon

Moon

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 9,256 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:10

ขอให้หยุดอยู่แค่ คำผกา นะครับ อย่าลามปามเลยเถิด

ไปบอกว่าท่านผู้นำของเรา มีพฤติกรรมโฟร์ซีซั่มแบบนั้น

ก็เรียกว่า ดอกทอง นะครับ

 

อย่านะครับ


[color=#000080;]จันทร์เอ๋ย จันทร์เจ้า ขอข้าวขอแกง[/color]

 

 ผมเป็นกลางนะครับ[color=#000080;]  :)[/color]


#7 sanskrit_shower

sanskrit_shower

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,741 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:12

กระทู้นี้ได้ความรู้ดี  แต่ความบันเทิงอาจจะไม่ได้ -_-



#8 Francis Drake

Francis Drake

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 243 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:16

เพิ่งรู้ว่าเจ้าของกระทู้มาจากครอบครัวแต๊จิ๋ว  :D 


Edited by Francis Drake, 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:17.

"                          "

 

 

 


#9 wat

wat

    เนตังมะมะ เนโสหะมัสมิ นะเมโสอัตตา.

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 5,542 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:18

กระทู้นี้ได้ความรู้ดี  แต่ความบันเทิงอาจจะไม่ได้ -_-

 

-_-  แต่กระพ๊มว่ากระทู้นี่ฟามรู้ดี แต่จะเข้าข่ายกามราคีเพราะอีห่านโฟซีซั่นนั่นแหละขอรับ...


:) Sometime...Sun shine through the rain...

#10 Bourne

Bourne

    สายลับ ๆ ล่อ ๆ หัดเกรียน

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,471 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:18

เนื้อกระทู้ยาว ใครไม่มีเวลาอ่าน หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจคำว่า "ดอกทอง" นึกถึง "อีปูว์" ครับ รับรอง เคลียร์!


ภาระกิจหลักของผมบนบอร์ดเสรีไทย คือ ด่าควายครับ เรื่องคิดต่างผมรับได้ แต่เรื่องคิดชั่วผมรับไม่ไหวครัช

#11 คนดีทั่วไป

คนดีทั่วไป

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 99 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:18

เพิ่งรู้ว่าเจ้าของกระทู้มาจากครอบครัวแต๊จิ๋ว  :D 

 

แต๊จิ๋ว 100% เต็มครับ  :D



#12 aumddd

aumddd

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 736 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:19

พี่ "คนดี" เปลี่ยนไป๊

 

ปกติโพสสั้นๆ ได้ใจความ พิมพ์ผิด มีความรู้สูงส่ง เก่งอังกฤษมาก 


งด "โควเต้" พวกกระทู้รับจ้างโพส --> [สมาชิกช่วยๆ กันนะครับ]

#13 คนบูรพา

คนบูรพา

    สมาชิกขั้นสูง

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,290 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:20

ขอให้หยุดอยู่แค่ คำผกา นะครับ อย่าลามปามเลยเถิด

ไปบอกว่าท่านผู้นำของเรา มีพฤติกรรมโฟร์ซีซั่มแบบนั้น

ก็เรียกว่า ดอกทอง นะครับ

 

อย่านะครับ

 

สำหรับท่านผู้นำของเรา.........นี้เกินจากคำว่า "ดอกทอง" ไปไกลแล้วครับ...........

 

 

ต้องเรียกมันว่า "อีดอกเห็ดสด" ...เพราะว่า มันผุดดอก...ออกดอกไปทั่วทุกแห่งหน...ทุกที่ ที่มันโผล่เสนอหน้าไป...

 

 

"ดอก ก็จะผุดตามไปที่นั้น" ............ยิ่งตอนนี้........จะกู้อีก 2.2 ล้านล้าน........ดอกเพียบเลย....คุณ เอ่ยยยย

 

 

อีนี้.......มันกำลังจะสร้าง ปรากฏการณ์ใหม่.........คือ เป็นนางยก.......ที่มีดอกเยอะที่สุดใน 3 โลก.........

 

 

แต่มันคือ.......... "ดอกเบี้ย" ............กรรมแท้ๆ ไทยแลนด์ <_< 


ถ้าไม่คิดจะตอบแทนแผ่นดิน ก็จงอย่าทำลาย

#14 คนดีทั่วไป

คนดีทั่วไป

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 99 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:22

พี่ "คนดี" เปลี่ยนไป๊

 

ปกติโพสสั้นๆ ได้ใจความ พิมพ์ผิด มีความรู้สูงส่ง เก่งอังกฤษมาก 

 

ผมคือ "คนดีทั่วไปครับ" ไม่ใช่ "คนดี" 
คนละคนกันครับ อย่าสับสน  :)



#15 hentai

hentai

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,046 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:27

จากกระทู้เชิงวิชาการ ที่ดูเหมือน จะมาผิดห้อง...    

 

สลิ่ม สามารถ ใช้จินตนาการ บวก ความเกลียด ทำให้ กลายเป็น กระทู้การเมืองได้ใน พริบตา... 

 

:D


"คนโง่มักจะชอบว่าคนอื่นว่าโง่"

"ถ้าคนเราคิดเหมือนกันหมด ก็ไม่มีเลือกตั้งซิครับ"

"ผมไม่พูด เรื่อง 112 แล้ว นะครับ กรุณาอย่าถาม (17 พค 2012)"


#16 คนดีทั่วไป

คนดีทั่วไป

    น้องเก่า

  • Banned
  • PipPip
  • 99 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:34

จากกระทู้เชิงวิชาการ ที่ดูเหมือน จะมาผิดห้อง...    

 

สลิ่ม สามารถ ใช้จินตนาการ บวก ความเกลียด ทำให้ กลายเป็น กระทู้การเมืองได้ใน พริบตา... 

 

:D

 

ฮา

กระทู้นี้ถูกจัดเป็นกระทู้การเมืองโดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับกระทู้นี้ครับ

http://webboard.seri...4-มนุษย์สองเพศ/


Edited by คนดีทั่วไป, 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 10:44.


#17 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 11:06

คำว่า อ้อล้อ หากพูดในความหมายของภาษากลาง อาจแปลเป็นคำว่าน่ารัก หรือหยอกแกมหยิกได้

แต่หากไปชี้หน้าผู้หญิงสักคนที่ภาคใต้ ท่านอาจโดนด่ากลับนะครับ

 

อ้อล้อในความหมายภาษาใต้ปัจจุบัน ถือเป้นคำด่า คล้ายคำว่าแรดครับ

 

มันอยู่ที่เราจะเลือกนำมาใช้มาพูดเป็นเทศะและกาละ


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#18 tonythebest

tonythebest

    สมาชิกขั้นสูง 178 เซนติเมตร

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 13,595 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 12:25

มีคนอ้างอิงความหมายให้ผิดเพี้ยน โดยข้าม กาละ และ เทศะ ไปบ่อยๆ

 

ถ้าย้อนไป 10 ปีก่อน มีคนชี้หน้าคุณ บอกคุณว่า อย่า “เหวง” นะ

คุณอาจจะขำและงง ว่าคืออะไร

แต่ตอนนี้ คำว่า “เหวง” กลายเป็นความหมายนึงในทางไม่ดีไปแล้ว

 

ไม่ว่า รากศัพท์ของคำว่า “ดอกทอง” จะหมายถึงอะไร

แต่ปัจจุบันนี้ มันคือคำด่าที่แปลความได้เป็นเรื่องหยาบคายครับ

เหมือนบางกระทู้ ที่ผู้ชายบางคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง กลับตรงเข้ามาว่า

ผู้หญิงในกระทู้ด้วยคำนี้ ผมถือว่า เป็นคำพูดที่ถ่อยหยาบมากครับ

เพราะกระทู้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงด้วยซ้ำ

ในกระทู้นั้น ผมจึงแนะนำ หากเขาจะสมัครเข้ามาใหม่เป็นลอคอินอื่น

ให้เขาใช้อวตารเป็นหน้าผู้หญิงเสีย ซึ่งน่าจะเหมาะสม

 

(อุ่ย.. ขอโทษเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ที่ไหลไปเสียยาว)

 

ดังนั้น คนพูด จึงควรพูดด้วยสำนึกสามัญว่า ในกาละเทศะปัจจุบัน เหมาะสมหรือไม่


ข อ ใ ห้ โ ช ค ดี ต่ อ ค ว า ม เ ชื่ อ ค รั บ

 

 

 

เราอยู่ด้วยกัน ยืนข้างกัน เดินไปด้วยกัน ด้วยเพราะเรามีมุมมองและเป้าหมายไปในทิศทางเดียวกัน

จนกว่าจะถึงวันที่เราพบว่า เรามีจุดหมายปลายทางคนละตำแหน่งกัน


#19 ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

ผึ้งน้อยตุหรัดตุเหร่

    หน้าตาดี มีอุดมการณ์

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 21,670 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:16

กระทู้ให้ความรู้ดีครับ  ชอบบบบ

 

ขอบคุณที่ไปค้นมาให้อ่านครับ


gladiator 1.jpg

 

 

 

 

 

 


#20 จีรนุช

จีรนุช

    เมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,934 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:17

ขยันพิมพ์จังนะจ้ะ


รำคาญสลิ่มเที่ยมที่เข้ามาปล่อยสารพิษเรียกร้องความรุนเเรงเสดงออกถึงความคลั่งสงครามกลางเมืองยุเเยงสร้างภาพชั่วๆ

เอียนวะ   เห็นคนเเถวนี้ไอคิวต่ำกว่า 90 หรือไง


#21 someone

someone

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:36

ตามหลังคุณ Bourne  มา

เคลียร์เรยตู  

เพิ่ม  คำผกา กับ อีหมวดเจี๊ยบ 

โห    แก๊งค์ดอกทอง 



#22 pooyong

pooyong

    สมาชิกขั้นไม่สูง แต่สูงอายุ

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 6,292 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:40

== ข้อความถูกระงับโดยผู้ดูแล ==


Edited by MOD_01, 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 14:04.
3. ห้ามเสนอข้อความ เนื้อหา หรือรูปภาพที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือล่อแหลม หมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมโดยทั่วไป

การรับใช้แผ่นดิน คือความเบิกบาน

#23 Bookmarks

Bookmarks

    มหาเมพ

  • Members
  • PipPipPipPipPipPipPip
  • 33,617 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 13:47

จากกระทู้เชิงวิชาการ ที่ดูเหมือน จะมาผิดห้อง...    

 

สลิ่ม สามารถ ใช้จินตนาการ บวก ความเกลียด ทำให้ กลายเป็น กระทู้การเมืองได้ใน พริบตา... 

 

:D

คงไม่น่าเกลียด เท่าพวกเผาบ้านเผาเมือง แล้วบอกว่า เป็นคดีการเมือง

คงไม่น่าเกลียด เท่าโกงชาิติบ้านเมือง แล้วต้องขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้วบอกว่า เป็นคดีการเมือง เพราะมีคำว่า การเมือง ติดอยู่หรอกหน่า  :D



#24 เคนอิจิ-นามิ

เคนอิจิ-นามิ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Banned
  • PipPipPipPip
  • 4,447 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 19:23

ทั้งหมดเป็นทีีมาของคำว่าดอกทองหรือหล่อกท่อง หรือหล่อกท้อง ตามที่ผมรู้ และที่ไปค้นมาครับ

ขอจบการนำเสนอเพียงเท่านี้ หวังว่าจะได้รับคำชมจาก Mod บ้างนะครับ  :)

 

 

ไม่อยากจะซ้ำเติม 

แว่แต่แว่...... อยู่ในสภากาแฟได้กี่นาทีครับ 

 

  :D  :D  :D  :D  :D  :D  :D


ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว  :D http://webboard.seri...e-3#entry634878

รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037

ความตอแหลขอไอ้แมงวัน  http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177

 


#25 เคนอิจิ-นามิ

เคนอิจิ-นามิ

    สมาชิกขั้นสูง

  • Banned
  • PipPipPipPip
  • 4,447 posts

ตอบ 22 เมษายน พ.ศ. 2556 - 19:34

ขอภัยด้วย 

ถ้าเราเห็นแต่แรก คงเปิดฉากความบันเทิงให้ได้  

กระทู้นี้ ได้ความรุ้ดี เสียแต่ว่า ขาดตัวอย่างให้ชมกัน เลยต้องถูกอัปเปหิ ออกมาอยู่ซะแถวนี้  ^_^

 

 

 

เห็นนางเอกหนังเรื่องหนึ่ง ใช้ชื่อว่า ทองกวาว ใช่มนต์รักลูกทุ่งรึเปล่า? 

มิน่าเชื่อว่า ชื่อนี่ ก็มีความหมายในแนวนั้นนะ 

 

ไหนๆ ก็ไหนๆ จองชื่อนี้เลยดีกว่า เดือนหน้า !! 

 

 

คนไทย รักเด็ก ไม่ว่าชายหรือหญิง จะมีศัพท์ น่ารักๆ  อย่าง ตอแหล ก็ไว้เรียกเด็กหญิง เพราะไม่เคยได้ยินใช้เรียกเด็กชาย 

แก่แดด ก็ไม่ค่อยเห็นเรียกเด็กชาย แต่ทั้งสองคำนี้ ใช้เชิงเอ็นดู ไม่ใช่ต่อว่าต่อขาน 

 

แต่วัฒนธรรมจีน มันจะไม่ชอบเด็กผู้หญิง หลกท่ง อะไรนั่น ก็น่าจะมีอารมณ์แบบ เสนียดจัญรัยกันเลยทีเดียวมั้ง? 

 

เห็นด้วย คำว่าอี เมื่อก่อนมีไว้เรียกสาวๆอยู่แล้ว 

เพิ่งจะมาหยาบ ก็น่าจะเลิกใช้อำแดง แหละ เพราะถือเป็นคำโบราณ 

 

มันคงจะโดน "ฝังหัว" ว่าเป็นคำหยาบ เพราะทางการอยากจะเปลี่ยนให้เรียก "คุณ" "เธอ" ตามแบบฉบับผู้ดีอะไรแบบนั้นกระมัง  ^_^

 

 

จขกท แม่ม เท่!! 

กล้าท้าทายกระทู้ขาใหญ่สะด้วย 555555 


ตรรกของผมที่แตกต่างจากสมาชิกคนอื่นใน สรท นิ๊ดเดียว  :D http://webboard.seri...e-3#entry634878

รอแมงวันหน้าสันขวานดิ้นดุ๊กดิ้กมาขอขมาอยู่นะ http://webboard.seri...-แวร์/?p=609037

ความตอแหลขอไอ้แมงวัน  http://webboard.seri...-แวร์/?p=609177

 





ผู้ใช้ 0 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 0 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน