Jump to content


Photo
- - - - -

!!!! ม๊าก ไม่หน้าแหก ไม่ส่อหลุด สส. !!!!


  • Please log in to reply
58 ความเห็นในกระทู้นี้

#51 คุณนายนอกบ้าน

คุณนายนอกบ้าน

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,281 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:32

กว่าความจริงจะปรากฏ
เสื้ิอแดงก็เชื่อไปแล้วว่ามาร์คหนีทหาร

#52 หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว

หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,167 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:34

จริยธรรมสูงมานานแล้วนายคนนี้

 

มาร์ค-เทือก" งานเข้า ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีตปลัดมหาดไทย พร้อมคืนสิทธิประโยชน์

 

 

ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายก ฯ ที่สั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีต ปลัด มท. พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ชี้การเสนอย้ายเร่งรีบเกินควร แถมลดบทบาทหน้าที่ตำแหน่งที่สำคัญน้อยกว่า
วันนี้ ( 19 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง โดยนายสมิง พรทวีศักดิ์อุดม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ 1054/2552 พร้อมองค์คณะ มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 ที่แต่งตั้งนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีรพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
 
โดยคดีนี้ นายพีรพลได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดย ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.52 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามการเสนอของนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ให้นายพีรพล ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้ขาดจากอัตราเงินเดือนสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นสังกัดเดิมและให้มีผลทันทีในวันดังกล่าว
 
ทั้งนี้ นายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องที่ 2 อ้างเหตุผลต่อสื่อมวลชนว่าเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงาน ความเหมาะสมและต้องการให้มีข้าราชการที่ทำงานแล้วรัฐบาลรู้สึกสบายใจว่า งานที่รัฐบาลสั่งการลงไป ข้าราชการสามารถรับไปปฏิบัติและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งที่ผู้ฟ้องปฏิบัติราชการตำแหน่ง ปลัดมหาดไทยได้เพียง 3 เดือนเศษ และรัฐบาลของผู้ถูกฟ้องเข้ามาบริหารได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.52 วันเดียวกับที่เสนอย้ายผู้ฟ้องนั้น ครม.เห็นชอบตามที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองและกระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนผู้ฟ้อง ซึ่งการมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น กระทำโดยปราศจากหลักเกณฑ์และเหตุผลอันควร จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
 
เมื่อศาลพิเคราะห์คำฟ้อง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า การปฏิบัติราชการของ ครม. และรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามกฎหมายตามหลักนิติธรรม ซึ่งการออกคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ให้ผู้ฟ้องไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผู้ฟ้องรับราชการในกระทรวงมหาดไทยมานาน เป็นผู้มีประสบการณ์ทำให้การบริหารราชการในฝ่ายปกครองประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ และนโยบายสำคัญเร่งด่วนหลายเรื่องต้องดำเนินการนั้น
 
ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวยังขัดต่อพฤติการณ์และแนวปฏิบัติของผู้ถูกฟ้อง เพราะหากรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในส่วนเกี่ยวข้องกับฝายปกครอง ผู้ถูกฟ้องทั้งสองสามารถมอบหมายนโยบายให้ผู้ฟ้อง ที่ขณะนั้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยรับไปปฏิบัติได้ซึ่งผู้ฟ้องจะสามารถสั่งการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยให้พร้อมปฏิบัติการตามนโยบายได้อย่างรวดเร็วตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ยิ่งกว่าการไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่มีอัตราเพียง 9 คน ขณะที่ความเป็นจริงไม่ได้มีข้าราชการดำรงตำแหน่งดังกล่าวเต็มกรอบอัตรากำลัง ซึ่งแม้การที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีวันที่ 20 ม.ค.52 และ รมว.มหาดไทย มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการ ครม. เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาในวันเดียวกัน จะไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แสดงให้เห็นพฤติการณ์ที่เร่งรีบ แฝงซึ่งวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองอ้างเป็นเหตุผล
 
อีกทั้งปรากฏด้วยว่าขณะนั้นผู้ฟ้องมีอายุราชการในการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกถึง 2 ปี จะมีเวลาทำงานมากกว่านายวิชัย ศรีขวัญ ที่เมื่อดำรงตำแหน่งปลัดแล้วมีเวลาทำงานเพียง 6 เดือน ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง อ้างว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนการสั่งย้ายนั้น เห็นว่า ตั้งแต่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.52 ก็ไม่ปรากฏว่าได้มอบหมายงานให้ปฏิบัติ กระทั่งวันที่ 24 เม.ย.52 ผู้ฟ้องมีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงาน ก.พ.เพื่อรับคำบรรยายลักษณะงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ ซึ่ง ก.พ.ได้มีหนังสือวันที่ 14 พ.ค.52 แจ้งกลับมา จึงทำให้เห็นว่า ขณะที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 สั่งย้ายผู้ฟ้องนั้น ยังไม่มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อให้ผู้ฟ้องรับไปปฏิบัติแต่อย่างใด
 
แม้ต่อมาวันที่ 29 เม.ย.52 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 จะแต่งตั้งผู้ฟ้อง เป็น ผอ.สำนักงานอำนวยการบูรณาการประสานความร่วมมือและติดตามเร่งรัดงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ( สอ.นร.) แต่ก็หลังจากสั่งย้ายนานถึง 3 เดือน อีกทั้งยังปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.52 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือแจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน.) อนุมัติเจ้าหน้าที่ 2 อัตราให้ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อปฏิบัติงาน สอ.นร. ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นที่อ้างว่าการสั่งย้ายผู้ฟ้องมีความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่อาจรับฟังได้ แต่เป็นการออกคำสั่งย้ายเพียงให้ผู้ฟ้องพ้นจากตำแหน่ง เพื่อจะแต่งตั้งข้าราชการอื่นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อไปเท่านั้น
 
ขณะที่เมื่อพิจารณาบทบาทหน้าที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย จะเห็นได้ว่า มีความรับผิดชอบมากกว่าตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยนอกจากต้องกำกับดูแลและบริหารราชการในหน่วยงานแล้วยังสามารถให้คำปรึกษาเสนอความเห็นกับนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ แต่อย่างใด ดังนั้นที่ผู้ถูกฟ้องอ้างว่า ตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ สูงกว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้นยังฟังไม่ได้การที่ผู้ฟ้องถูกสั่งย้าย จึงเป็นการลดบทบาทและความสำคัญในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการตามที่กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญกำหนดไว้
 
จึงพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 และเพิกถอนการโอนนายพีรพล ที่แต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วันตามกฎมาย.

Edited by หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว, 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:35.


#53 คนดื่มเบียร์

คนดื่มเบียร์

    พอจะทนแดงได้หน่อยๆ

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 4,721 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:37

จริยธรรมสูงมานานแล้วนายคนนี้

 

มาร์ค-เทือก" งานเข้า ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีตปลัดมหาดไทย พร้อมคืนสิทธิประโยชน์

 

 

ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายก ฯ ที่สั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีต ปลัด มท. พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ชี้การเสนอย้ายเร่งรีบเกินควร แถมลดบทบาทหน้าที่ตำแหน่งที่สำคัญน้อยกว่า
วันนี้ ( 19 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง โดยนายสมิง พรทวีศักดิ์อุดม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ 1054/2552 พร้อมองค์คณะ มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 ที่แต่งตั้งนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีรพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
 
โดยคดีนี้ นายพีรพลได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดย ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.52 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามการเสนอของนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ให้นายพีรพล ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้ขาดจากอัตราเงินเดือนสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นสังกัดเดิมและให้มีผลทันทีในวันดังกล่าว
 
ทั้งนี้ นายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องที่ 2 อ้างเหตุผลต่อสื่อมวลชนว่าเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงาน ความเหมาะสมและต้องการให้มีข้าราชการที่ทำงานแล้วรัฐบาลรู้สึกสบายใจว่า งานที่รัฐบาลสั่งการลงไป ข้าราชการสามารถรับไปปฏิบัติและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งที่ผู้ฟ้องปฏิบัติราชการตำแหน่ง ปลัดมหาดไทยได้เพียง 3 เดือนเศษ และรัฐบาลของผู้ถูกฟ้องเข้ามาบริหารได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.52 วันเดียวกับที่เสนอย้ายผู้ฟ้องนั้น ครม.เห็นชอบตามที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองและกระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนผู้ฟ้อง ซึ่งการมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น กระทำโดยปราศจากหลักเกณฑ์และเหตุผลอันควร จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
 
เมื่อศาลพิเคราะห์คำฟ้อง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า การปฏิบัติราชการของ ครม. และรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามกฎหมายตามหลักนิติธรรม ซึ่งการออกคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ให้ผู้ฟ้องไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผู้ฟ้องรับราชการในกระทรวงมหาดไทยมานาน เป็นผู้มีประสบการณ์ทำให้การบริหารราชการในฝ่ายปกครองประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ และนโยบายสำคัญเร่งด่วนหลายเรื่องต้องดำเนินการนั้น
 
ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวยังขัดต่อพฤติการณ์และแนวปฏิบัติของผู้ถูกฟ้อง เพราะหากรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในส่วนเกี่ยวข้องกับฝายปกครอง ผู้ถูกฟ้องทั้งสองสามารถมอบหมายนโยบายให้ผู้ฟ้อง ที่ขณะนั้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยรับไปปฏิบัติได้ซึ่งผู้ฟ้องจะสามารถสั่งการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยให้พร้อมปฏิบัติการตามนโยบายได้อย่างรวดเร็วตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ยิ่งกว่าการไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่มีอัตราเพียง 9 คน ขณะที่ความเป็นจริงไม่ได้มีข้าราชการดำรงตำแหน่งดังกล่าวเต็มกรอบอัตรากำลัง ซึ่งแม้การที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีวันที่ 20 ม.ค.52 และ รมว.มหาดไทย มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการ ครม. เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาในวันเดียวกัน จะไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แสดงให้เห็นพฤติการณ์ที่เร่งรีบ แฝงซึ่งวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองอ้างเป็นเหตุผล
 
อีกทั้งปรากฏด้วยว่าขณะนั้นผู้ฟ้องมีอายุราชการในการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกถึง 2 ปี จะมีเวลาทำงานมากกว่านายวิชัย ศรีขวัญ ที่เมื่อดำรงตำแหน่งปลัดแล้วมีเวลาทำงานเพียง 6 เดือน ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง อ้างว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนการสั่งย้ายนั้น เห็นว่า ตั้งแต่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.52 ก็ไม่ปรากฏว่าได้มอบหมายงานให้ปฏิบัติ กระทั่งวันที่ 24 เม.ย.52 ผู้ฟ้องมีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงาน ก.พ.เพื่อรับคำบรรยายลักษณะงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ ซึ่ง ก.พ.ได้มีหนังสือวันที่ 14 พ.ค.52 แจ้งกลับมา จึงทำให้เห็นว่า ขณะที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 สั่งย้ายผู้ฟ้องนั้น ยังไม่มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อให้ผู้ฟ้องรับไปปฏิบัติแต่อย่างใด
 
แม้ต่อมาวันที่ 29 เม.ย.52 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 จะแต่งตั้งผู้ฟ้อง เป็น ผอ.สำนักงานอำนวยการบูรณาการประสานความร่วมมือและติดตามเร่งรัดงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ( สอ.นร.) แต่ก็หลังจากสั่งย้ายนานถึง 3 เดือน อีกทั้งยังปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.52 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือแจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน.) อนุมัติเจ้าหน้าที่ 2 อัตราให้ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อปฏิบัติงาน สอ.นร. ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นที่อ้างว่าการสั่งย้ายผู้ฟ้องมีความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่อาจรับฟังได้ แต่เป็นการออกคำสั่งย้ายเพียงให้ผู้ฟ้องพ้นจากตำแหน่ง เพื่อจะแต่งตั้งข้าราชการอื่นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อไปเท่านั้น
 
ขณะที่เมื่อพิจารณาบทบาทหน้าที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย จะเห็นได้ว่า มีความรับผิดชอบมากกว่าตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยนอกจากต้องกำกับดูแลและบริหารราชการในหน่วยงานแล้วยังสามารถให้คำปรึกษาเสนอความเห็นกับนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ แต่อย่างใด ดังนั้นที่ผู้ถูกฟ้องอ้างว่า ตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ สูงกว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้นยังฟังไม่ได้การที่ผู้ฟ้องถูกสั่งย้าย จึงเป็นการลดบทบาทและความสำคัญในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการตามที่กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญกำหนดไว้
 
จึงพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 และเพิกถอนการโอนนายพีรพล ที่แต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วันตามกฎมาย.

มามุขเดิมอีกแร้วววว ฝั่งข้าทำผิด ฝั่งเอ็งก็เคยทำผิด :P 


ช่วงนี้ คนเป่านกหวีดเสียงดังกันเยอะ ปีนี้เลยกลายเป็น " ปี แสบ หู "


#54 ท่าษายติณหัก

ท่าษายติณหัก

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 859 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:40

 

มาร์ค  มันเด็กปั้น  หยั่งไงมันก็ไม่หลุดเชื่อเหอะน่า
เดี๋ยวเขาก็หาทางเล่นสำนวนทางกฎหมาย  ช่วยมันเองแหละ

 
:D สรุปคือ ถ้ามาร์คไม่ผิดจริงๆ ก็ไม่เชื่ออยู่ดี...

พอดี  ศาลบางศาล  ไม่มีเครดิตให้น่าเชื่อถือ  ทั้งปัญหาของตัวศาลเอง  และมาตรฐานการตัดสินที่ผ่านมา
แนะนำให้ย้ายไปอยู่เขมรครับ
ท่าษายติณหัก= ท่า สาย ติน หักมาเล่นผวนคำกันไหม

#55 แอบดูที่รูเดิม

แอบดูที่รูเดิม

    ขาประจำอำเช็ด!!!

  • Members
  • PipPipPipPip
  • 3,025 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:42

มาร์คหายใจยังผิดเลยครับ -_-


ทำอาชีพยาม เงินเดือนน้อย ไม่ค่อยมีปัญหากะใคร

#56 หนูอ้อย

หนูอ้อย

    นักเขียนหน่อมแน้ม

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,215 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:43

จริยธรรมสูงมานานแล้วนายคนนี้

 

มาร์ค-เทือก" งานเข้า ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีตปลัดมหาดไทย พร้อมคืนสิทธิประโยชน์

 

 

ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายก ฯ ที่สั่งเด้ง “ พีรพล ไตรทศาวิทย์ ” อดีต ปลัด มท. พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ภายใน 60 วันนับแต่คดีถึงที่สุด ชี้การเสนอย้ายเร่งรีบเกินควร แถมลดบทบาทหน้าที่ตำแหน่งที่สำคัญน้อยกว่า
วันนี้ ( 19 พ.ย.) ที่ศาลปกครองกลาง โดยนายสมิง พรทวีศักดิ์อุดม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ 1054/2552 พร้อมองค์คณะ มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 ที่แต่งตั้งนายพีรพล ไตรทศาวิทย์ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ไปเป็นปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีรพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
 
โดยคดีนี้ นายพีรพลได้ยื่นฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เรื่องเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดย ระบุว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.52 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามการเสนอของนายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 ให้นายพีรพล ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้ขาดจากอัตราเงินเดือนสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่เป็นสังกัดเดิมและให้มีผลทันทีในวันดังกล่าว
 
ทั้งนี้ นายสุเทพ รองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องที่ 2 อ้างเหตุผลต่อสื่อมวลชนว่าเพื่อประสิทธิภาพในการบริหารงาน ความเหมาะสมและต้องการให้มีข้าราชการที่ทำงานแล้วรัฐบาลรู้สึกสบายใจว่า งานที่รัฐบาลสั่งการลงไป ข้าราชการสามารถรับไปปฏิบัติและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทั้งที่ผู้ฟ้องปฏิบัติราชการตำแหน่ง ปลัดมหาดไทยได้เพียง 3 เดือนเศษ และรัฐบาลของผู้ถูกฟ้องเข้ามาบริหารได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.52 วันเดียวกับที่เสนอย้ายผู้ฟ้องนั้น ครม.เห็นชอบตามที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองและกระทรวงมหาดไทย เสนอแต่งตั้งนายวิชัย ศรีขวัญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนผู้ฟ้อง ซึ่งการมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีนั้น กระทำโดยปราศจากหลักเกณฑ์และเหตุผลอันควร จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
 
เมื่อศาลพิเคราะห์คำฟ้อง และกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว เห็นว่า การปฏิบัติราชการของ ครม. และรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามกฎหมายตามหลักนิติธรรม ซึ่งการออกคำสั่งของผู้ถูกฟ้องที่ 1 ให้ผู้ฟ้องไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุผู้ฟ้องรับราชการในกระทรวงมหาดไทยมานาน เป็นผู้มีประสบการณ์ทำให้การบริหารราชการในฝ่ายปกครองประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายด้านความมั่นคงของรัฐ และนโยบายสำคัญเร่งด่วนหลายเรื่องต้องดำเนินการนั้น
 
ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวยังขัดต่อพฤติการณ์และแนวปฏิบัติของผู้ถูกฟ้อง เพราะหากรัฐบาลมีนโยบายสำคัญในส่วนเกี่ยวข้องกับฝายปกครอง ผู้ถูกฟ้องทั้งสองสามารถมอบหมายนโยบายให้ผู้ฟ้อง ที่ขณะนั้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยรับไปปฏิบัติได้ซึ่งผู้ฟ้องจะสามารถสั่งการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยให้พร้อมปฏิบัติการตามนโยบายได้อย่างรวดเร็วตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ยิ่งกว่าการไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่มีอัตราเพียง 9 คน ขณะที่ความเป็นจริงไม่ได้มีข้าราชการดำรงตำแหน่งดังกล่าวเต็มกรอบอัตรากำลัง ซึ่งแม้การที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีวันที่ 20 ม.ค.52 และ รมว.มหาดไทย มีหนังสือแจ้งไปยังเลขาธิการ ครม. เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาในวันเดียวกัน จะไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่แสดงให้เห็นพฤติการณ์ที่เร่งรีบ แฝงซึ่งวัตถุประสงค์อื่นที่ไม่ใช่เหตุผลแท้จริงที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสองอ้างเป็นเหตุผล
 
อีกทั้งปรากฏด้วยว่าขณะนั้นผู้ฟ้องมีอายุราชการในการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยอีกถึง 2 ปี จะมีเวลาทำงานมากกว่านายวิชัย ศรีขวัญ ที่เมื่อดำรงตำแหน่งปลัดแล้วมีเวลาทำงานเพียง 6 เดือน ส่วนที่ผู้ถูกฟ้องทั้งสอง อ้างว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนการสั่งย้ายนั้น เห็นว่า ตั้งแต่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้อง ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.52 ก็ไม่ปรากฏว่าได้มอบหมายงานให้ปฏิบัติ กระทั่งวันที่ 24 เม.ย.52 ผู้ฟ้องมีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงาน ก.พ.เพื่อรับคำบรรยายลักษณะงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ ซึ่ง ก.พ.ได้มีหนังสือวันที่ 14 พ.ค.52 แจ้งกลับมา จึงทำให้เห็นว่า ขณะที่ผู้ถูกฟ้องที่ 1 สั่งย้ายผู้ฟ้องนั้น ยังไม่มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบเพื่อให้ผู้ฟ้องรับไปปฏิบัติแต่อย่างใด
 
แม้ต่อมาวันที่ 29 เม.ย.52 ผู้ถูกฟ้องที่ 1 จะแต่งตั้งผู้ฟ้อง เป็น ผอ.สำนักงานอำนวยการบูรณาการประสานความร่วมมือและติดตามเร่งรัดงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ( สอ.นร.) แต่ก็หลังจากสั่งย้ายนานถึง 3 เดือน อีกทั้งยังปรากฏว่าเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.52 ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีหนังสือแจ้งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ( สปน.) อนุมัติเจ้าหน้าที่ 2 อัตราให้ช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อปฏิบัติงาน สอ.นร. ซึ่งเป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่ผู้ฟ้องไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นที่อ้างว่าการสั่งย้ายผู้ฟ้องมีความจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่อาจรับฟังได้ แต่เป็นการออกคำสั่งย้ายเพียงให้ผู้ฟ้องพ้นจากตำแหน่ง เพื่อจะแต่งตั้งข้าราชการอื่นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยต่อไปเท่านั้น
 
ขณะที่เมื่อพิจารณาบทบาทหน้าที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย จะเห็นได้ว่า มีความรับผิดชอบมากกว่าตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี  ซึ่งปลัดกระทรวงมหาดไทยนอกจากต้องกำกับดูแลและบริหารราชการในหน่วยงานแล้วยังสามารถให้คำปรึกษาเสนอความเห็นกับนายกรัฐมนตรีได้โดยไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ แต่อย่างใด ดังนั้นที่ผู้ถูกฟ้องอ้างว่า ตำแหน่งที่ปรึกษานายก ฯ สูงกว่าปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้นยังฟังไม่ได้การที่ผู้ฟ้องถูกสั่งย้าย จึงเป็นการลดบทบาทและความสำคัญในตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการตามที่กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพลเรือนสามัญกำหนดไว้
 
จึงพิพากษา ให้เพิกถอนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 17/2552 ลงวันที่ 20 ม.ค.52 และเพิกถอนการโอนนายพีรพล ที่แต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายพีพล จะได้รับในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้เสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันคดีถึงที่สุด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ดีแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งโยกย้ายดังกล่าว แต่นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องยังสามารถยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วันตามกฎมาย.

 

ตกปวศ.อีกแระ

พ่อเสี่ยหนูในโควต้า ภท.

คุมมท. อยู่ขณะนั้น  

ไม่อยากบอกเลยเสื้อแดงอ่อนมากเรื่องข้อมูล

 

http://www.matichon....pid=00&catid=01


 AMAZING  coup d'etat  , THAILAND ONLY ..  :ph34r:  


#57 หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว

หมื่นปีขอมีทักษิณคนเดียว

    ขาประจำ

  • Members
  • PipPipPip
  • 1,167 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:49

เห็นคำพิพากษาหรือยังว่าเขาฟ้องใคร ปัดสวะดีแท้ๆ  :lol:



#58 หนูอ้อย

หนูอ้อย

    นักเขียนหน่อมแน้ม

  • Members
  • PipPipPipPipPip
  • 8,215 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 17:57

เห็นคำพิพากษาหรือยังว่าเขาฟ้องใคร ปัด***ดีแท้ๆ  :lol:

 

จะปัด ส ว ะ ทำไม

ความจริงคือความจริงที่เขาตัดสินมาร์ค

แต่ต้นเรื่องมันอยู่ที่ชวรัตน์ซึ่งเป็นคนย้ายพีรพลตามลิงก์

 

ถ้าคุณไม่จั่วหัวว่า  จริยธรรมสูงมานานแล้วนายคนนี้

ก็จะไม่มาโพสหรอก  

กรณีนี้ ..คนที่มีปัญหา "จริยธรรมในการกลั่นแกล้งย้ายข้าราชการ"

 

มันคือชวรัตน์พ่ออนุทิน  ไม่ใช่มาร์ค-เทือก  ที่ต้องโดนไปเต็มๆในฐานะหัวหน้ารัฐบาล


 AMAZING  coup d'etat  , THAILAND ONLY ..  :ph34r:  


#59 โลโมติ้ว

โลโมติ้ว

    น้องเก่า

  • Members
  • PipPip
  • 149 posts

ตอบ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 18:06

ได้เข้าคุก ตอนแก่ แถมโดนปลด ยศ อีก โอ้ย ...... ขำวะ :lol:

หมายถึงบักแม้วใช่เปล่า






ผู้ใช้ 1 ท่านกำลังอ่านกระทู้นี้

สมาชิก 0 ท่าน, ผู้เยี่ยมชมทั่วไป 1 ท่าน และไม่เปิดเผยตัวตน 0 ท่าน