คนที่ด่าท่านทักษิณ เคยคิดไหมว่า ถ้าประเทศนี้ไม่มีท่านทักษิณหรือคนในตระกูลชินวัตรเข้ามาบริหารประเทศ ๆ นี้จะแย่แค่ไหน
ดูจากนโยบายที่จับตั้งได้ จนมีคำกล่าวถึงนโยบายต่างๆ ที่ผลุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ไม่ว่า 30 บาทรักษาทุกโรค จำนำข้าว รถคันแรก การแปลงสินทรัพย์เป็นทุน การเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงแหล่งเงินกู้สารพัด และอื่นๆ อีกมาก ที่ดูเหมือนคนทุกคนได้ประโยชน์จากนโยบายเหล่านี้กันถ้วนหน้า
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับอนิงสงค์ส่วนบุญส่วนกุศลไปตามด้วย ก็คงมีบางคนที่ฐานะดี ถึงดีมาก ก็คงบอกว่า ฉันไม่ได้ต้องการนโยบายเหล่านี้ แต่ฉันต้องการให้ประเทศมั่นคง เงินที่เอามาจ่ายเป็นนโยบายก็ควรทำเป็นแบบสร้างคน สร้างงาน หรือสร้างสาธารณประโยชน์ ให้ คนจน คนด้อยโอกาส การเอาเงินมาเหวี่ยงแหแบบนี้มันดูไม่มีประโยชน์ แถมอนาคตประเทศจะเกิดวิกฤติได้ อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะคิดเห็นอย่างไร
ทำให้ผมนั่งคิดเปรียบเทียบ ช่วงเวลาที่ผมเคยจนแบบดักดาน แบบไม่มีข้าวจะกิน ด้วยมีพี่น้องหลายคน พ่อซึ่งเป็นกำลังหลักของครอบครัวป่วยจนทำงานไม่ได้ มีเพียงแม่ที่ความรู้น้อยมาก ต้องทำงานหาเลี้ยงลูก 5 คนที่ต้องเรียนหนังสือกันหมด นั่งนึกไปว่าตอนนั้นแม่ผมสอนอะไรกับลูกๆ จนลูกๆ ทุกคนตั้งใจเรียนจนจบ ปริญญาโท ปริญญาเอกกัน แล้วผมซึ่งมีความรู้ก็มากมาย เงินเดือนสูงพอควร แต่รู้สึกลำบากถึงแม้มีลูกแค่ 2 คน ก็พยายามนั่งนึกถึงเรื่องในอดีต ตอนนั้นพ่อที่มีอาการป่วย ก็ต้องเข้า รพ.รักษาตัว แต่บ้านไม่มีเงิน ทุกครั้งที่พ่อไปหาหมอ หมอก็รักษาด้วยดีและไม่เคยคิดค่ารักษาพยาบาล ก็คงติดปัญหาเรื่องค่ายา ค่าห้องพัก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ครอบครัวก็มีตังค์ไม่พอจ่าย นั่งคิดก็เศร้ากันทั้งแม่ลูก พยาบาลซึ่งดูเหมือนดุหน่อย มาเห็นก็บอกว่า ถ้าไม่มีตังค์ รพ.มีหน่วยสังคมสงเคราะห์ที่จะดูแลเรื่องพวกนี้ไม่ต้องกังวล แม่ไม่รีรอที่เข้าไปรออนุเคราะห์ ไม่น่าเชื่อใช้เวลาเพียง 10 นาที ครอบครัวเราก็ได้รับการอนุมัติเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (ไม่ได้เป็นเงินสด แต่ได้รับยาที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามที่คนมีเงินได้รับ เบ็ดเสร็จรวมแล้วเป็นเงินเกือบ 3 หมื่น เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว)
พอท่านทักษิณมาบริหารประเทศ ก็พลิกประเทศ เกิดนโยบาย 30 บาท ผมเข้าใจหัวอกคนจนที่ต้องเข้ารักษาตัวใน รพ. แต่เท่าที่ฟังและสัมผัสเอง ก็พบว่านโยบายนี้สร้างปัญหาให้กับคนจนมาก เพราะนั่นหมายความว่า หน่วยสังคมสงเคราะห์ตาม รพ.คงไม่ต้องทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือคนจนอีกต่อไปแล้ว คนจนทุกคนจะถูกผลักไปที่ 30 บาททั้งหมด ซึ่งถ้านโยบายนี้ดีก็คงช่วยให้สังคมไทยดีขึ้น แต่ผลที่ได้รับคือ นโยบายนี้ทำให้คนจนที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีกลายเป็นคนชั้นล่างสุดไปเสียแล้ว นโยบายมีการปรับเปลี่ยน เปลียนแปลง จำกัดจำนวนยา ระบุชนิดยา ซึ่งการกำหนดเรื่องพวกนี้ถือเป็นปัญหามาก เพราะยาแรงไม่พอที่จะรักษา หรือตัวยาเสื่อมคุณภาพ (ยาทุกชนิดจะถูกกำหนดจาก สปสช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้) ดังนั้นการที่หมอจะสั่งยาที่รักษาให้ตรงกับโรคจึงทำไม่ได้ หมอที่ดูเหมือนกระอักกระอ่วนใจ แต่เมื่อนโยบายเป็นแบบนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้มาก ซึ่งก็ต่างจากอดีตที่หมอมีโอกาสสั่งยาได้อิสระ ถ้าคนไข้ไม่มีตังค์ก็เข้าไปขอความช่วยเหลือได้ บางคนอาจคิดว่าหน่วยงานนี้มีเงินมากขนาดพอช่วยเหลือคนจนทั้งประเทศได้หรอ ขอบอกว่าต่อให้คนจนในประเทศนี้มีมากกว่านี้อีก 10 เท่า เงินนี้ก็พอรับได้ เพราะเงินนี้เป็นเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากหลายหน่วยงาน รวมถึงคนที่มีจิตศรัทยามาบริจาคด้วย
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเพื่อนแม่ผมคนหนึ่ง ป่วยเป็นมะเร็งปอด ระยะ 2 เข้ารักษาตัวใน รพ.รัฐแห่งหนึ่ง หมอทำการผ่าตัดให้อย่างดี หลังจากนั้นหมอเรียกญาติเข้าไปพบบอกว่า ถ้าใช้สิทธิ 30 บาท ทางการระบุให้จ่ายยาชนิดนี้ แต่ถ้าให้หมอแนะนำอยากให้ใช้ยาอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งคงต้องหาซื้อเอง โดยหมอจะสั่งจ่ายยาให้ แต่ยาตัวนี้มีราคาแพงอาจต้องใช้เงินถึง 7 หมื่นบาท ผมฟังเพื่อนเล่าผมก็บอกให้เพื่อนไปติดต่อสังเคราะห์ รพ. เหมือนตอนสมัยพ่อผม เพื่อนผมบอกว่าเขาไม่รับแล้วเพราะเขาถามว่าทำไมไม่ใช้ 30 บาท (เป็นไงละไปไม่ถูกเลยเพื่อนผม) จึงต้องยอมรับยา 30 มากิน กินได้ไม่ถึง 2 อาทิตย์ แม่เพื่อนตาย
ในใจคิด ถ้าวันนั้นไม่มีท่านทักษิณมาบริหารประเทศ แล้วหาเสียงกับความตายของคนไทย ปานนี้ระบบสาธารณะสุขไทยก็คงยังให้สิทธิคนจน คนรวย ที่มีสิทธิเข้าถึงยาเท่าเทียมกัน แม้ไม่มีตังค์เลยก็ตาม แม่เพื่อนผมก็คงไม่ตายเร็วขนาดนี้ แล้วคำถามใหญ่ในหัวตอนนี้คือ เพื่อนผมซึ่งตอนนี้อพยพครอบครัวไปอยู่เชียงใหม่ เป็นคนเสื้อแดงขนาดแท้จะรู้ไหมว่า แม่เขาตายเพราะอะไร แต่ผมว่าเพื่อนผมมันคงไม่รู้หรอก เพราะขนาดแม่มันตายมันยังให้รีบเผาศพแม่มัน (แม่อยู่กรุงเทพ) เพื่อไปให้ทันเลือกตั้ง กลัวเจ๊แดงญาติทักษิณไม่ได้เป็น สส.
ส่วนผมซึ่งพอมีพอกินอยู่บ้าง ก็คงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าร่วมกันนโยบายนี้ ที่บ้านพอใครไม่สบายก็จะไป รพ.เอกชน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าท่านทักษิณจะกรุณาคนชั้นกลางอย่างผมมาก เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนทนายท่านทักษิณก็ซื้อกว้านซื้อกิจการ รพ. นั้นไปหมดแล้ว ทำให้ตอนนี้ค่ารักษาแพงมาก ขนาดลูกเป็นหวัด พาไปตรวจให้แน่ว่าไม่ใช่โรคร้าย หมอจับตรวจจมูกและเจาะเลือด ผลตรวจจมูกออกมาเป็นไข้หวัด ส่วนเลือดที่เจาะหมอบอกไม่ได้ตรวจ (เอาไปทิ้ง) จึงถามว่าแล้วทำไมไม่ตรวจจมูกก่อน ถ้าไม่เจอค่อยเจาะเลือด หมอตอบทันทีว่ามันเป็นแพ็คเกต ที่ รพ.บังคับไว้ นั่นก็คือ ทุกคนที่ไป รพ.จะโดนกันหมด ถามว่า ระบบนี้คนที่คิดเขาเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า แต่ผมก็ต้องยอมเพราะไม่มีทางเลือก แล้วสุดท้ายผมก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลเกือบ 3 พัน เพื่อให้พวกมันได้ดูดเดือดครอบครัวผม อันนี้ยังไม่นับรวมที่แฟนผมปวดท้องขี้ไม่ออก หมอ รพ.เดียวกัน จับส่องกล้อง หมดไปเกือบ 4 หมื่น เพื่อแลกกับคำพูดของหมอที่ว่า ดีใจด้วยคุณไม่เป็นมะเร็งลำไส้
นี่เอาแค่นโยบายเดียวผมก็ว่า ประเทศไทยถ้าไม่มีท่านทักษิณมาบริหารประเทศ คนไทยคงมีสุขภาพแข็งแรงได้มากกว่านี้ เพราะระบบต่างๆ ของ รพ.รัฐแต่ละแห่ง เขาก็ดูแลคนจนด้วยดีตลอดมา มาวันนี้คนจนถูกหลอกว่าจะรักษาฟรี มันกลายเป็นการจำกัดคนจนให้ตายหมดประเทศไป ส่วนคนชั้นกลางที่ดูเหมือนมีปากมีเสียงมาก ก็กำลังถูกลดระดับฐานะให้เป็นคนจนอีกไม่ช้า เพราะทักษิณยึด รพ.เอกชน ผูกขาดการรักษาพยาบาลคนไทยไปแล้วนั้นเอง
นี่ยังไม่กล่าวถึงนโยบายอื่นที่ผมว่า ตอนนี้ผมมีลูก 2 คน ค่าใช้จ่ายเลี้ยงลูกแต่ละเดือนไม่พอกับรายรับ ทำให้นั่งถึงแม่ผมซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ต้องดูแลสามีและลูก 6 คน ทั้งที่เงินเดือนน้อยมากแถมการศึกษาก็แทบไม่มี ผมว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะรุ่นแม่ผมไม่มีนโยบายของทักษิณที่เอาเงินมาแห่แจกกันสนั่นเมือง แต่เขามุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับคนในชาติ ที่คนจนรัฐบาลให้ความช่วยเหลือมากกว่าคนรวย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ มันต่างจากทักษิณ ที่คิดว่าคนในชาติคือ แหล่งผลประโยชน์มหาศาลที่ต้องตักตวง คนจนจึงถึงบังคับให้กินยาเสื่อมคุณภาพ เพื่อเอาเปอร์เซ็นต์เข้ากระเป๋าตัวเอง คนชั้นกลางและคนรวยก็ถูกบังคับให้เข้า รพ.ของทักษิณ อย่างงี้แล้วผมจะต้องบอกพวกคุณไหมว่า ถ้าทักษิณไม่เข้ามาบริหารประเทศ ประเทศนี้จะแย่แค่ไหน แต่ไม่ว่าตอบกันยังไง ผมคิดว่าผมโชคดีที่ผมเป็นคนจนในสมัยที่ยังไม่มีทักษิณ ไม่เช่นนั้นปานนี้ครอบครัวผมคงไม่ได้อยู่กันครบหน้ากันแบบนี้ ปานนี้ผมคงถูกหลอกให้ไปกู้เงินมาขับมอไซค์รับจ้างแล้วบอกว่าจะไม่ให้มีมาเฟียมาเก็บค่าคุ้มครอง แต่ผลที่ได้คือ การส่งพวกตัวเองมาเก็บแทนที่ต้องจ่ายสูงกว่าเก่า หรืออาจต้องไปขับแท๊กซี่ ซึ่งก็หลอกให้ใช้บัตรเครดิต ที่ให้แน่ใจว่าคนขับจะมีเงินจ่ายค่าแก๊สที่สูงขึ้นเท่าตัว หรือผมอาจเป็นชาวนาที่บอกว่าปลูกข้าวแล้วจะให้ราคาสูง แต่เขาก็ส่งพวกพ้องมาโกงเอาไปหน้าด้านๆ
ผมเป็นคนหนึ่งที่เกิดมามองเห็นภาพ 2 ยุค คือ ยุคก่อนทักษิณ ที่คนเสื้อแดงเรียกว่ายุคอำมาตย์ กับยุคทักษิณและพวก มองเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน ยุคก่อนทักษิณ ไทยเรามีนักการเมืองที่ถึงแม้เลว แต่พวกเขาก็ทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พวกนี้จึงคิดทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศพัฒนา โดยที่ตัวเองคอยแต่หาเศษหาเลยกับโครงการต่างๆ ต่างกับยุคทักษิณที่ทำอะไรนึกถึงตัวเองและครอบครัวเป็นหลัก โดยให้ประชาชนไปหาเศษหาเลยกันเอาเอง จึงไม่ต้องแปลกใจว่ายุคทักษิณมีความคิดแปลกๆ ไม่ว่าการซื้อที่รัชดา ที่ก่อนซื้อจะต้องทำราคาที่ดินให้ตก เพื่อจะได้ซื้อราคาถูก พอซื้อได้ก็ทำให้ราคามันสูง จนประชาชนไม่มีโอกาสได้ซื้อ หรือแม้แต่การที่ตัวเองใช้อำนาจกำหนดความเป็นไปของประชาชนได้หมดในประเทศนี้ ประชาชนคนไทยจึงตกเป็นคนคอยรับเศษรับเลยจากทักษิณกันไป
มีสิ่งหนึ่งที่อยากฝากคนรักทักษิณไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าคนเสื้อแดงเป็นทักษิณ อายุ 60 กว่าๆ รวยระดับแสนล้าน จะมีใครสักกี่คนที่ยังคิดโกงประเทศกันอยู่อีก ผมว่าอาจไม่มีเลย เพราะอายุที่เหลืออยู่ ต่อให้ต้องยืนยาวไปอีก 100 ปี เงินที่มีอยู่คงยังใช้ไม่หมด แม้แต่จะทำตัวรวยแสนรวยอย่างไรก็ตาม แต่ทำไมทักษิณทำไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ทักษิณเป็นคนโรคจิตที่มีจิตใจไม่เอื้อเฟือเพื่อนคนไทยด้วยกัน แม้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองมีอยู่จะใช้มันไม่หมด แต่ทักษิณก็เลือกที่จะไม่แบ่งให้ใคร มันก็จึงเหมือนสุภาษิตไทยที่ว่า ขี้ไม่ให้สุนัขกิน อย่างงี้แล้วยังมีคนไทยยังเชื่อมันได้อีกหรือ
ผมยังไม่รู้ว่าตอนนี้พวกคุณสรุปได้หรือยังว่า ถ้าประเทศนี้ไม่มีพวกทักษิณมาบริหารประเทศ ประเทศจะแย่แค่ไหน แต่ในฐานะที่ผมเป็นคนสองยุค ฟันธงได้ว่า ถ้าวันนี้ประเทศไม่มีทักษิณและพวกมาบริหาร ปานนี้คนจนที่ยังจนดักดานเหมือนผมสมัยก่อน คงได้ลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง แต่ทุกวันนี้คนจนนอกจากจะรวยกันไม่ได้แล้ว ยังหลงติดกับดัดที่ทักษิณวางไว้ ด้วยการสร้างหนี้ให้กับคนไทย เพื่อทักษิณจะได้ผลประโยชน์จากหนี้เหล่านั้น มันก็เหมือนการให้คนไทยไปกู้เงินมาให้ทักษิณใช้ ผลที่ได้คือ ทักษิณรวยขึ้นทุกวัน แต่คนไทยกับจนลงทุกนาที นั่นเอง
Edited by kornthana, 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 - 15:54.