(10 มิ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร จ.กำแพงเพชร พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ถึงความคืบหน้ากรณีที่ญาติของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร เข้าร้องเรียนจากกองปราบปรามว่านายเอกยุทธได้หายตัวไปเป็นเวลา 3 วัน แล้ว ว่า ตนได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ลงไปดำเนินการ ซึ่งในขั้นต้นเราได้รับรายงานว่าพบรถตู้และนายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธแล้วที่จ.พัทลุง โดยคนขับรถยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยต้องดูทั้งหมด ทั้งที่เกิดเหตุและมูลเหตุต่างๆ ซึ่งต้องขอเวลาสักระยะหนึ่งก่อนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงาน แต่ถึงขณะนี้ยังไม่เจอตัวนายเอกยุทธ
(11 มิ.ย.) ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวนายสันติภาพ เพ็งด้วง หรือบอล อายุ 25 ปี คนขับรถของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร นักธุรกิจชื่อดัง ที่หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำ ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยตำรวจได้ตัวของนายสันติภาพเมื่อวานนี้ (วันที่ 10 มิ.ย.) ในเวลาก่อน 12.00 น. ขณะขับรถย้อนกลับมาในกรุงเทพฯ
โดยแถลงพร้อมโชว์ของกลางรองเท้าคัทชูหนังสีน้ำตาลเปื้อนโคลนของนายสันติภาพ เงินสดประมาณ 6.5 หมื่นบาท นาฬิกาข้อมือ กระเป๋าสตางค์หนังยี่ห้อทัชสีน้ำตาล แหวนลักษณะคล้ายทองคำขาวของนายเอกยุทธ 1 วง เครื่องสำอาง เช่น แปรงสีฟัน โคโลนจ์ บัตรประชาชน และใบขับขี่ของนายสันติภาพ
นอกจากนี้ยังมีจดหมายเขียนใส่กระดาษเขียนว่า “ถึงบริษัท เน็ตอีสท์ ผมไม่ได้หนีไปไหนแต่นายสั่งให้ผมหลบไปสักพักแล้วข่อยกลับมาผมไม่ส่งนายที่ที่นึง นายสั่งห้ามบอกใครและให้ผมข่อยกลับเวลานายกลับมา Ball” ซึ่งนายสันติภาพ ยอมรับว่า เป็นคนเขียนเอง โดยเจ้าหน้าที่กก.ดส.สามารถควบคุมตัวได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
(ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายสันติภาพมาทำการแถลงข่าว ญาติของนายเอกยุทธพยายามที่จะเข้ามาสอบถามด้วยตัวเอง พร้อมกับพุ่งตัวเข้าหานายสันติภาพ เพื่อจะชกต่อย จนทำให้เหตุการณ์วุ่นวาย ทำให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้อช่วยกันขอร้อง และห้ามไม่ให้ทำร้ายนายสันติภาพ และให้นั่งฟังการแถลงข่าวด้วยความสงบ)
นายสันติภาพ เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนนายเอกยุทธหายตัวไปว่า วันพฤหัสที่ 6 มิถุนายน ตนพาบอส (นายเอกยุทธ) ไปกินอาหารที่ร้านกระแต ย่านประดิพัทธ์ เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 4-5 ทุ่ม จากนั้นได้ขับรถเพื่อกลับไปที่บ้านของบอส โดยใช้เส้นทางลาดพร้าว แต่รถติดจึงใช้ทางด่วนแล้วเข้าทาวน์อินทาวน์ ระหว่างนั้นบอสลุกลี้ลุกลน ไม่รู้ว่าจะรีบไปไหน เมื่อถึงบ้านก็ให้ตนหากุญแจบ้าน แต่หากไม่เจอ บอสเลยโทรไปถามญาติจากนั้นให้ไปหาดูใหม่ ก็พบว่าอยู่ใต้ถุงพลาสติก
"จากนั้นบอสก็หายเข้าไปในบ้านโดยบอกให้รอ เมื่อออกมาก็ถามตนว่าขับลงใต้ได้หรือไม่ จึงบอกไปว่าเป็นเส้นทางไปบ้านตนที่จ.พัทลุง ไม่มีปัญหา จากนั้นบอสก็โทรศัพท์เดินขึ้น เดินลง กระทั่งให้ตนขึ้นไปยกของ ซึ่งก่อนที่จะลงมาบอสได้บอกให้ถอดซีซีทีวีออก ตนก็แกะๆ จากนั้นตนก็ยกกระเป๋าบอสขึ้นรถ ส่วนบอสถือกล่องซีซีทีวี บอสบอกให้ออกไปเลย ตนจึงบอกว่าไปแถวลาดกระบังก่อนไหม มีพี่สาวและแฟนอยู่เท่านั้น และที่บ้านติดแอร์ทุกห้อง ไม่มีปัญหา" นายสันติภาพ กล่าว
นายสันติภาพ เล่าอีกว่า วันนั้นบอสพกโทรศัพท์ไป 4 เครื่อง และโทรศัพท์ดังบ่อยมาก โดยมีการโทรสั่งงาน กระทั่งวันที่ 7 มิถุนายน เกือบเที่ยง บอสก็บอกให้ขับรถพาไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมกับบอกว่าหลานจะเอาเอกสารมาให้ โดยนัดเจอกันที่ช่อง 8 ตนก็ไปรอ โดยมีบอสนั่งในรถ แต่บอสไม่ให้บอกใคร ต่อมานายแบงค์ได้นำเอกสารเป็นสมุดเช็คมาให้เซ็น โดยขับรถวีออส สีดำ มา จากนั้นบอสบอกให้ขับรถวน 1 รอบ เพื่อเอาสมุดเช็คมาคืนนายแบงค์ที่ช่อง 8 ระหว่างนั้นบอสคุยโทรศัพท์เยอะมาก และให้ขับรถไปรอที่ย่านลาดกระบัง กระทั่งเวลา 3 โมงเย็น ได้บอกให้กลับเข้าไปที่สุวรรณภูมิอีกครั้ง เพื่อไปเอาเอกสาร ฝนก็ตกหนัก
“เมื่อมาถึงก็ขับมารอเอกสารจากคนชื่อ อิงค์ ซึ่งขับรถฮอนด้า ซีวิค มา จากนั้นเขาลดกระจกด้านซ้ายลง ตนก็ถามว่าเอกสารนายที่ให้มาเอาอยู่ไหน เขาก็บอกว่าเอกสารอยู่ตรงที่นั่งคู่คนขับ ระหว่างที่ผมถือถุงเอกสารไป เขาก็ถามว่าไหนบอสละ ผมจึงบอกว่าเป็นความลับเจ้านายบอกไม่ให้บอก จากนั้นผมก็ขับรถพาบอสไปเอากระเป๋าที่บ้าน ตอนแรกคิดว่าบอสจะเดินทางเลย แต่ก็รอเวลาถึงประมาณตี 3 จากนั้นออกจากบ้านลาดกระบัง เลียบมอร์เตอร์เวย์ไปวงแหวนกาญจนาไปลงพระราม 2 จากนั้นแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท. น่าจะเติม 2,000 บาท" นายสันติภาพ กล่าว
นายสันติภาพ กล่าวอีกว่า จากนั้นบอสสั่งให้ขับมุ่งลงใต้ ผมก็ขับไปทางเพชรบุรี ใช้เส้นบายพาสก่อนถึงปราณบุรี จากนั้นบอสก็กดปุ่มลดกระจกซึ่งกั้นระหว่างห้องคนขับกับผู้โดยสาร บอกให้จอด จากนั้นก็โทรศัพท์บอกให้ปลายสายรีบๆมารับ ผมก็จอดรอไม่ได้สักเกตอะไร สักพักมีรถเก๋งมาจอดด้านหลัง 2 คัน คันแรกสีดำ ส่วนคันข้างหลังไม่ทราบ บอสยื่นเงินให้ตน 1,000 บาท และสั่งว่าเอ็งไม่ต้องบอกใครว่ามาส่งที่นี่ ค่อยกลับมาทำงานใหม่ตอนแกกลับมา ก่อนจะบอกให้ไปพักผ่อนได้เลย”
หลังจากนั้นบอสก็ยกกระเป๋าสีดำแบบเจมบอนส์ 1 ใบและกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ เดินลงไปเมื่อส่งเสร็จตนก็ออกรถเลย และเนื่องจากเป็นวันหยุดของตน เสาร์ อาทิตย์ ไม่รู้จะไปไหนเลยขับรถกลับพัทลุง ตั้งใจว่าจะขับรถไปโชว์เพื่อน แต่ไปพัทลุงก็ไม่เจอใคร จึงขับรถมุ่งเข้ากรุงเทพฯ เพื่อนำรถมาเก็บในเช้าวันจันทร์ เมื่อขับมาถึงสมุทรสงคราม ก่อนเข้ามหาชัย รถยางแตก ก่อนจะเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวมาสอบปากคำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายสันติภาพรู้หรือไม่ว่าญาติของนายเอกยุทธได้เข้าแจ้งความ และเหตุใดจึงไม่ติดต่อญาติของนายเอกยุทธ นายสันติภาพ กล่าวว่า ไม่รู้เลยว่ามีการแจ้งความ ตนตั้งใจขับรถกลับมาจอดไว้ที่บ้านและรอบอสสั่งให้กลับมาทำงานเหมือนเดิม ตนไม่ทราบว่าบอสไปไหนและคนที่ขับรถมารับเป็นใคร เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น คือให้ขับรถไปส่งและมีรถอีกคันมารับไป ก่อนจะให้ตนขับรถกลับบ้านไป ระยะเวลาที่เดินทางก็หลายวันกว่าจะกลับมา
ส่วนสาเหตุที่ต้องเขียนจดหมายเอาไว้ก็เพราะบอสเป็นคนที่ระวังตัวตลอดเวลา พร้อมทั้งสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้บอกใครว่าเดินทางไปไหนบ้าง ลูกชายของบอสและพนักงานในอ๊อฟฟิศก็จะชอบมาถามว่าบอสไปไหน ที่ผ่านมาก็เคยถูกบอสต่อว่า จดหมายที่เขียนไว้ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าไปส่งที่ไหนเพราะเดี๋ยวจะมีคนถามอีก จึงตั้งใจแปะไว้ที่พวงมาลัยรถ
“ที่ติดต่อผมไม่ได้นั้นเนื่องจากไม่อยากให้ลูกชายของบอสและญาติๆโทรศัพท์มาสอบถาม เพราะถ้าผมไม่บอกก็จะถูกต่อว่าว่าเป็นลูกของบอสนะ ทำไมไม่ยอมบอก พอบอกไปผมก็ถูกบอสต่อว่าอีก เรื่องแหวนของบอสที่ตกอยู่บริเวณคอลโซลหน้ารถตู้ ก็ไม่รู้ว่าไปตกอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร เงินสด 5 ล้านบาท ผมก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่บอสหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอกสารที่ให้ไปรับจะเป็นเงิน เพราะตอนที่ไปรับของ ก็เห็นว่าเป็นแค่ถุงสีน้ำตาลใบใหญ่และมีพลาสติกห่อหุ้มอยู่เท่านั้น"
ส่วนที่บอกว่าจะไปประเทศพม่านั้น ไม่รู้ว่าไปจริงหรือไม่ ผมได้ยินเพียงแค่บอสคุยโทรศัพท์ว่าให้รออยู่ที่พม่า เพราะปกติแล้วบอสไม่เคยให้ใครรู้ว่าไปทำอะไรที่ไหนบ้าง เพราะเป็นคนที่ระวังตัวตลอดเวลา และระหว่างที่คุยโทรศัพท์บนรถก็มีบางครั้งที่คุยเป็นภาษอังกฤษ ทำให้ฟังไม่ออก ไม่รู้ว่ามีการพูดคุยในลักษณะที่ขัดแย้งกับใครบ้าง รถเก๋งสองคันที่มารับบอสที่ปราณบุรี ก็ไม่มีใครลงมาทำร้ายฉุดกระชากพาตัวขึ้นไป บอสเดินลงไปด้วยตัวเอง ผมไม่เห็นยี่ห้อรถทั้งสองคัน เห็นเพียงแค่ว่ามุ่งหน้าลงภาคใต้
เมื่อถามถึงคดีวิ่งราวทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ที่ถูกดำเนินคดี นายสันติภาพ กล่าวว่า สำหรับคดีวิ่งราวทรัพย์ไม่ได้เป็นคนทำ ก่อนหน้านี้ช่วงที่เป็นวัยรุ่นได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วถูกตำรวจจับไปด้วย แต่ต่อมาก็ยกฟ้อง เพราะตนไม่ได้เป็นคนทำ ส่วนคดีกรรโชกทรัพย์ไม่ขอพูดถึง เป็นเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้ง ส่วนสาเหตุที่มาทำงานกับบอสได้ก็เพราะบอสสงสารที่ถูกต่อยภายในร้านคาราโอเกะซิตี้ โดยเพิ่งจะมาทำงานได้ประมาณ 6 เดือน
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวนายสันติภาพได้แล้ว ก็พยายามสอบถามและรวบรวมหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบ ตามคำให้การของนายสันติภาพ โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิด นายสันติภาพไปที่ไหนบ้างตำรวจก็ตามเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ซึ่งก็ตรงตามที่นายสันติภาพให้การ แต่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด และจะต้องทำการสืบสวนขยายผลต่อ เพราะขณะนี้ยังไม่พบตัวนายเอกยุทธ
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน ทางบช.น.จึงได้ออกคำสั่งตั้งชุดสืบสวนสอบสวนขึ้นมา โดยมีพล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผบช.น. เป็นหัวหน้าชุด และพล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผบช.น.ร่วมเป็นคณะทำงานสืบสวนให้คดีนี้เกิดความชัดเจนโดยเร็วที่สุด
"ขณะนี้ยังไม่ทิ้งประเด็นการถูกอุ้ม ก็ยังห่วงว่าจะถูกอุ้มจริงหรือไม่ เพราะมีประเด็นเรื่องเงิน 5 ล้านบาท และรถเก๋งที่มารับตัวนายเอกยุทธไป คดีนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่นายสันติภาพ ต้องสืบสวนขยายผลต่อ ขณะเดียวกันหากญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงของนายเอกยุทธมีเบาะแสหรือได้รับการติดต่อก็ขอให้ช่วยแจ้งเข้ามา เพื่อนำมารวบรวมให้สอดคล้องกับหลักฐานของตำรวจ ยืนยันว่าทำคดีอย่างตรงไปตรงมาและจะคลี่คลายให้ได้โดยเร็ว”ผบช.น. กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการจัดฉากหรือถูกอุ้มไปจริงๆ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือถูกอุ้ม เพราะนายเอกยุทธหายตัวไปและยังไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน ตำรวจจะต้องสืบสวนต่อไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดและหลักฐานที่ได้มา ทั้งเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่ถูกถอดออกไปและการเอาสมุดเช็คไปให้เซ็นในรถ โดยไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่ไปพบตัว ไม่ยอมลงมาจากรถ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จะต้องหาสาเหตุและตอบคำถามสังคมให้ได้ ทั้งนี้มองว่าเหตุการณที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะมีการสืบสวนมาตั้งแต่ช่วงที่เกิดเหตุ ยังไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่จะมาสนับสนุนได้ว่าสาเหตุการหายตัวไปของนายเอกยุทธมาจากเรื่องการเมือง
เมื่อถามว่าขณะนี้มีพยานหลักฐานใดๆมายืนยันหรือไม่ ว่านายเอกยุทธยังมีชีวิตอยู่ ผบช.น.กล่าวว่า ยังไม่มี และไม่รู้ว่ายังปลอดภัยอยู่หรือไม่ ซึ่งตนก็ภาวนาขอให้ปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่นายสันติภาพพูดมาทั้งหมดตำรวจไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด ต้องพิสูจน์ทราบต่อไป สิ่งที่นายสันติภาพให้การทั้งหมดในวันนี้ต้องพาตำรวจไปตรวจสอบและมีหลักฐานยืนยันได้
ด้านพล.ต.ต.ปริญญา กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องนำตัวนายสันติภาพไปชี้จุดต่างๆ ตามที่ให้การไว้ เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ถ้าเป็นจริงต้องมีหลักฐานยืนยันได้ จากนั้นก็จะนำหลักฐานทั้งหมดส่งมอบให้กับพล.ต.ต.อนุชัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านพี่สาวนายสันติภาพที่ให้การว่าพานายเอกยุทธไปพัก ก่อนที่จะไปสนามบินสุวรรณภูมิและเดินทางลงสู่ภาคใต้ จุดที่แวะเติมน้ำมัน ซึ่งมีหลายที่ ต้องใช้เวลา
พ.ต.ต.จักรพันธ์ พยับไชยกุล ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 434 ยืนยัน ว่าไม่มีการพบศพนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง หลังหายตัวไปอย่างลึกลับ ตามที่มีกระแสข่าวออกมาจากกว้างขวาง และไม่มีการพบศพใครในพื้นที่ค่ายตชด.434 ตามที่มีกระแสข่าวลือออกเป็นวงกว้าง
ขณะที่ พล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสุทธิศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ยืนยันเช่นกันว่า ไม่มีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น โดยระบุว่า เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ส่วนพลตำรวจตรีสุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปรามก็ปฎิเสธไม่ได้รับรายงานว่าพบศพนายเอกยุทธแต่อย่างใด มีเพียงพบศพขายนิรนามสวมแว่นตา นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณพื้นที่รอยต่อจังหวัดพัทลุงเท่านั้น แต่ยังไม่มีการยืนยันหรือตรวจสอบที่ชัดเจน เบื้องต้นเขื่อว่าไม่น่าจะใช้ศพของนายเอกยุทธตามกระแสข่าวลือเนื่องจากไม่มีหลักฐานใดบ่งบอก แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่แน่ชัดเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน
ด้านพล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเข้า-ออกประเทศของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจการเงินและอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง แล้ว เนื่องจาก เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาขน ซึ่งเบื้องต้น ไม่พบหลักฐานใดๆ ที่แสดงว่า นายเอกยุทธ มีการเข้า-ออกนอกประเทศ ตามเส้นทางปกติ แต่ในส่วนของช่องทางธรรมชาติ ที่ใช้ในการเดินทางเข้า-ออกนอกประเทศได้ ก็มีหลายช่องทาง
หากนายเอกยุทธ จะเดินทางออกไปประเทศพม่า ตามที่ นายสันติภาพ เพ็งด้วง คนขับรถของนายเอกยุทธอ้าง ก็สามารถใช้ได้ทั้งทางเรือ หรือ เดินเท้า โดยสามารถเดินทางออกไปทางจังหวัดระนอง / ทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก หรือ ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แต่ก็เชื่อว่า ไม่น่าจะหลุดรอดสายตาของเจ้าหน้าที่ได้ และได้มีการสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่จับตาเป็นพิเศษแล้ว